ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC NCT] Fallen angel :: Hanta , Johnten ::

    ลำดับตอนที่ #2 : ㄨ the sound of angel

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 308
      2
      11 มิ.ย. 59






    #thesoundofangel








    ครืนนน
    ~  ครืนนน ~

     

                ดูเหมือนจะเป็นเรื่องตลกที่ภายในห้องชุดกลางยังคงมีชายหนุ่มคนนึงยืนเหม่อมองออกไปยังบานหน้าต่างที่ถูกฉาบทับไปด้วยสีดำทะมึนของท้องฟ้า ราวกลับกลายเป็นหูดับไปโดยฉับพลันร่างกายของเขามันดูเหมือนจะไม่ตอบรับกับสิ่งเร้ารอบตัวอย่างน่าประหลาด เสียงฟ้าร้องที่ดังกระหึ่มแต่สำหรับเขามันกลับฟังดูเหมือนเสียงฝนตกพรำ ๆ อากาศภายในห้องที่เย็นเฉียบหากแต่ร่างกายของเขากลับมีเพียงเสื้อยืดตัวบางที่ถูกหยิบขึ้นมาต่อสู้กับมัน ไม่รู้สึกถึงความพ่ายแพ้ ราวกับว่าความร้อนรุ่มภายในจิตใจมันส่งพลังงานออกมาเผื่อแผ่ร่างกายของเขา

     

    ทุกอย่างรอบตัวดูเหมือนจะฝังแฝงความรู้สึกหดหู่จนแทบอยากอาเจียน

     

     

    ทุกอย่างมันเกิดตั้งแต่ฝ่ามือของเขาสัมผัสลงบนปกหนังสือเล่มนั้น ....

     

     

    พรึ่บบบ

     

     

    เสียงตอบโต้ออกมาราวกับเป็นสิ่งมีชีวิต เรียกร่างบางหันขวับไปมองยังต้นเสียงของมันด้วยอารามตกใจ แผ่นกระดาษสีขาวสะดุดตาที่ตีพัดไปมาราวกับวางอยู่ท่ามกลางกระแสลมแรง อดจะทำให้คนที่กำลังจ้องมองรู้สึกพิศวงขึ้นมาอย่างเสียมิได้ ค่อย ๆ สาวเท้าเรียวไปหยิบมันขึ้นมาถือไว้อย่างเบามือ ก่อนที่มันจะร่วงลงบนพื้นแทบจะทันทีด้วยมือคู่เดียวกัน

    อะไรกันเนี่ย ! ”

    สบถออกมาอย่างตกใจพร้อมกับดวงตาคู่สวยที่จดจ้องไปยังปกหนังสือสีขาวมุขที่ถูกฉาบไปด้วยสีแดงสด คล้ายกันกับสีของโลหิตที่ไหลทะลักออกมาจากร่างกาย ยกมือเรียวขึ้นมาขยี้ดวงตาตัวเองเบา ๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปรกติยามเมื่อเขาเปิดตาขึ้นมาอีกครั้ง

     

    ไม่ใช่เป็นเพราะจิตใจของเขามันอ่อนแอเกินไป จนทำให้ดวงตาพร่ามัวไปฉับพลับอย่างนั้นหรือ   

     

    เสาะหาเหตุผลโง่ ๆ มาสนับสนุนความคิดตัวเองพร้อมกับมือบางที่เอื้อมลงไปหยิบหนังสือเล่มเดิมขึ้นมาถือไว้ ปัดป้องมันเบา ๆ ราวอยากจะขอโทษที่เผลอทำอะไรไร้เหตุผลลงไป ถ้าหนังสือเล่มนี้เป็นมนุษย์ก็คงต้องรู้สึกโกรธแค้นเขาไม่เบา

     

    แต่อย่างไรเสียหนังสือก็เป็นเพียงแผ่นกระดาษที่ถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือของมนุษย์

     

    มันเป็นสิ่งไม่มีชีวิตจิตใจ

    เหตุใดเขาต้องไปใส่ใจมันมากขนาดนั้นด้วยหล่ะ

     

    จ้องมองเล่มหนังสือในมือด้วยสายตาที่ผิดแพลกไปจากเดิม เดินไปวางมันลงข้างแลปท็อปที่เปิดค้างไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นอย่างไม่นึกใส่ใจ อยากจะหันหลังกลับไปเผชิญหน้ากับความดำมืดของยามรัตติกาลอีกครั้งหากแต่เสียงเรียกร้องของบางสิ่งบางอย่างที่ดังขึ้นมาทำเอาเรียวขาสวยต้องหยุดชะงักโดยพลัน

     

    ตุ๊บ !

     

    หันไปมองหนังสือเจ้าปัญหาที่เขาพึ่งวางมันลงบนโต๊ะทำงานด้วยมือของตัวเอง แต่ตอนนี้มันกลับร่วงลงบนพื้นอีกครั้งราวกับอยากจะเรียกร้องความสนใจจากเขา ไร้ซึ่งความกลัวเกรง ร่างบางตัดสินใจเดินเข้าไปหยิบมันขึ้นมาถือไว้

     

    ถ้าอยากให้อ่านมากนัก

    เขาจะอ่านมันก็ได้

     

    ไล่รีดเข้าไปในเล่มหนังสือในมือด้วยความรู้สึกครุกกรุ่น  ไม่ว่าจะเป็นใคร หรือคน ๆ นั้นจะต้องการอะไร แค่เปิดเข้าไปอ่าน

     

    ทุกอย่างมันจะจบใช่ไหม ?

     

     

    ยังเขียนไม่จบงั้นเหรอ ? ”

    ส่งเสียงออกมาเบา ๆ เมื่อดวงตาคู่สวยที่ไล่สอดส่องเข้าไปในเล่มหนังสือตรงหน้าเจอเข้ากับความว่างเปล่าที่กินพื้นที่เกือบครึ่ง

     

    หนังสือที่ยังเขียนไม่จบมันจะตีพิมพ์ออกมาได้อย่างไรกัน ?

     

    พลิกเปิดไปยังหน้าสุดท้ายที่ถูกพิมพ์ขึ้นด้วยความรู้สึกฉงนเสียจนเขาอดจะแสวงหาความจริงไม่ได้ ค่อย ๆ ขยับริมฝีปากเล็กตามตัวหนังสือที่ถูกตีพิมพ์ลงไปอย่างประณีต

     

     

               สงครามที่กินเวลายาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ  กัดกร่อนพลังของสรวงสวรรค์ให้มองดูไร้ค่าราวกับขุมนรก ความโลภที่มนุษย์หลงเหลือติดตัวขึ้นมามันดูน่าหวาดกลัวเกินกว่าชาวสวรรค์จินตนาการถึง  แทบไม่หลงเหลือผู้ที่ยังคงอยู่ ความชั่วร้ายกำลังจะกำชัยชนะ นักรบของสวรรค์กำลังจะพ่ายแพ้ เพียงไม่นาน ความไม่มีจะเป็นสิ่งเดียวที่อยู่รอด ทุกสิ่งอย่างจะต้องถูกทำลายล้าง ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวของมันเอง ....

     

     

     

    สะดุ้งตัวขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับหนังสือในมือที่ปิดลงอย่างรวดเร็ว ราวกับตกอยู่ในภวังค์ ความรู้สึกหดหู่ที่ฝังแฝงอยู่ในตัวหนังสือเหล่านั้นกำลังจะทำให้น้ำตาของร่วงไหลลงมา เขาต้องหยุดยั้งมัน

     

    นิทานปรัมปราที่ใช้หลอกเด็กมันไม่มีค่าพอที่จะได้เห็นหยดน้ำตาของเขาหรอกนะ 

     

    เป็นอีกครั้งที่ร่างบางสาวเท้าเข้าไปยืนอยู่หน้าแลปท็อปตัวเก่ง วางหนังสือที่ถือค้างอยู่ในมือลงบนโต๊ะ ก่อนจะเอื้อมมือไปควานหาหนังสือนิตยสารที่วางอยู่เกลื่อนกลาดบนโต๊ะมาวางทับไว้อีกที  จัดการดีลีทเรื่องราวไร้สาระที่เขาพบเจอในวันนี้ลงถังขยะความคิดที่เขาเก็บกักมันไว้ส่วนในสุดของสมอง ถึงเวลาที่เขาควรพักผ่อนแล้ว

     

    ถึงร่างกายของเขามันอ่อนล้าเสียจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่

    แต่กลับเป็นเสียงกระซิบของจิตใจของเขาต่างหากที่มันเรียกร้องให้ปิดสวิตท์ตัวเองลงเสียที

     

     

     

     

     

     พ่อข้า โปรดสงสารลูกด้วย   ~

     

    ขอให้พวกเขาชนะศึก ~

     

    พ่อข้า ขอให้ท่านอวยยพรให้พวกเขาชนะศึก ~

     

    เสียงพึมพำที่ถูกส่งออกมาอย่างน่าเวทนาดังแว่วเข้ามาในหูคนที่กำลังจมดิ่งอยู่ในห้วงนิทราอย่างไร้การควบคุม สติของร่างบางเริ่มก่อตัวขึ้นทีละน้อยเมื่อรู้สึกว่าเสียงพวกนั้นมันเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับกำลังร่ำร้องอยู่ในห้องของเขา ความรู้สึกหวาดกลัวคือสิ่งแรกที่ยื่นมือออกมาต้อนการกลับออกมาจากห้วงแห่งนิทรา พยายามข่มตาลงพร้อมกับปิดกั้นทุกสัมผัสที่ร่างกายตอบรับ ไม่มีอะไรดีขึ้นไปกว่าเดิม เสียงเว้าวอนนั้นยังคงดังก้องกังวาลอยู่รอบ ๆ ตัวเขา และดูเหมือนมันยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ตามรอบเดินของเข็มนาฬิกา

     

     

    โปรดมองดูเรา

     

    โปรดมองเห็นเรา

     

    โปรดช่วยพวกเราด้วย

     

     

    ปฏิเสธไม่ได้ว่ายิ่งฟังน้ำเสียงเว้าวอนที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ นั้นมันฟังดูน่าเวทนาเสียจนสามารถทำลายความหวาดกลัวให้หายออกไปจากจิตใจของเขาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดวงตาคู่สวยค่อย ๆ  ถูกเจ้าของมันเปิดขึ้นมาช้า ๆ เพื่อมองดูความฝันของตัวเองให้เต็มตา ไม่ว่าจะเป็นความฝันหรือความจริงการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์เป็นสิ่งที่เขาพึงกระทำมันอยู่ตลอดเวลา

     

    เว้นเสียแต่ครั้งนี้ คนที่เขาคิดจะยื่นมือไปช่วย มันอาจจะไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตแบบเดียวกันกับเขาอย่างที่ผ่านมา

     

    พ่อข้า โปรดได้ยินเสียงลูกด้วย

     

    จดจ้องดวงตาคู่สวยไปยังร่างงามสง่าของหญิงสาวที่กำลังนั่งระทมทุกข์อยู่เบื้องหน้า เรียวปากสวยได้รูปที่กำลังร่ำร้องออกมาไม่ได้ดึงดูดความสนใจของเขาเท่ากับปีกนกขนาดใหญ่ที่เชื่อมติดอยู่กับแผ่นหลังของเธอ ยังมีอีกหลายสิบชีวิตที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ตรมเช่นเดียวหญิงสาวผู้นี้  กวาดสายตามองไปรอบ ๆ บริเวณที่ดูแตกต่างจากห้องนอนของเขาอย่างไม่ต้องนึกสงสัย ยันตัวลุกขึ้นมาจากเสาปูนต้นใหญ่ของวิหารที่ตอนนี้กลายเป็นซากประหลักหักพังเหมือนกับว่ามันคือที่ตั้งของสนามรบ เสียงเว้าวอนถึงที่พึ่งอันหนึ่งเดียวยังคงขับกล่อมฝ่าเท้าของเขาให้ออกเดินไปตรงหน้า  ไม่หลงเหลือกับทุกสิ่งที่เคยเกิดขึ้น  ราวกับกำลังเดินหลงทางอยู่ในสมรภูมิรบ

     

     ขอพร เว้าวอน สิ้นหวัง

     

    ความรู้สึกพวกนี้มันชัดเจนเสียจนเขาอยากจะร้องไห้ออกมา

     

    เปรี้ยงงง !!

     

    หันขวับไปมองทิศทางของเสียงที่ดังเสียจนหูของเขาดับไปชั่วขณะ เหล่านางฟ้ารีบพากันวิ่งไปยังเส้นสีแดงที่ขีดกั้นพวกนางเอาไว้จากสนามรบ เสียงสวดออดวอนเริ่มชัดเจนมากยิ่งขึ้นเมื่อด้านในสนามปรากฏร่างของชายหนุ่มรูปร่างงามสง่าสองคน ทั้งสองไม่รอช้าที่จะฟาดฟันอาวุธใส่กันเมื่อฝ่าเท้าเตะลงกับซากของวิหาร มีฝ่ายหนึ่งกำลังเพี้ยงพลั้งเขารับรู้ได้จากเสียงสวดที่ดังกระหึ่มจนเริ่มรู้สึกปวดแก้วหู ร่างกายสูงโปร่งถูกอาวุธของอีกฝ่ายฟาดลงกลางลำตัวจนล้มลงไปแน่นิ่งอยู่กับพื้น มองตามว่าที่ผู้ชนะที่กำลังเดินตรงไปยังร่างของชายหนุ่มผู้น่าสงสาร เสียงสวดออดวอนเริ่มกลายเป็นเสียงร้องไห้ ความสิ้นหวังกำลังเดินมาถึงจุดจบ หอกยาวถูกคนที่ยืนอยู่ยกมันขึ้นมาช้า ๆ ก่อนที่เขาจะพุ่งมันลงบนร่างของคนตรงหน้าอย่างไร้ความปราณี

     

    ม่ายยยยย !!   

     

    Lalalaaa Lalalaa

     

    หันใบหน้าขาวสวยที่ชุ่มแฉะด้วยเม็ดเหงื่อไปยังเครื่องมือสื่อสารที่ส่งเสียงร้องอยู่ข้างตัวด้วยอารามตกใจ รู้สึกวิงเวียนเล็กน้อยจากการสะดุ้งตัวขึ้นมาทั้ง ๆ ที่หัวสมองของเขายังคงจมดิ่งอยู่กับความฝันอันแสนประหลาดนั่น  

    หัวสมองที่กำลังร้อนรุ่มหากแต่จิตใจกลับรู้สึกหนาวเหน็บอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ความรู้สึกสับสนตีตื้นขึ้นมาบนอกบางมันอึดอัดเสียจนเขาแทบหายใจไม่ออก

     

    ความฝันที่มันชัดเจนเสียยิ่งกว่าความจริง

    สาบานเถอะ เรื่องราวที่พึ่งเกิดขึ้นมันน่ากลัวเสียจนเขาแทบคลั่ง

     

    Lalalaaa Lalalaaaa

     

    เป็นอีกครั้งที่เสียงร้องของโทรศัพท์กลายเป็นสิ่งที่ดึงรั้งสติของเขาให้กลับคืนสู่ร่างกาย เอื้อมไปหยิบมันขึ้นมากดรับสายอย่างไม่มีอารมณ์จะมองดูว่าเจ้าของเบอร์นั่นเป็นใคร

     

    แต่ในเวลาแบบนี้ คงไม่มีทางเป็นใครได้นอกเสียจาก ....

     

    ตื่นสายเหรอครับ หรือว่าพี่ปิดเสียงไว้

    เสียงใส ๆ ที่ถูกส่งออกมาจากคนปลายสายทำให้ร่างบางรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาเล็กน้อย ใบหน้าสวยเริ่มมองดูชุ่มชื่นขึ้น หากแต่ภายในจิตใจของเขามันยังคงหมองหม่นไปด้วยความรู้สึกหดหู่อย่างน่าประหลาด

    พี่พึ่งได้ยินมันหน่ะ

    เหรอครับ ว่าแต่ .... ทำไมเสียงพี่ดูไม่ค่อยดีเลยหล่ะ

    พี่ไม่เป็นอะไรหรอก....  เตนล์ ....

    ครับ ?”

     

     

    ตอนบ่ายสาม พี่ขอเวลานายซักครึ่งชั่วโมงได้ไหม

     

     

     

     

     

     

    อากาศร้อนระอุในช่วงบ่ายของฤดูใบไม้ผลิเป็นเหมือนเครื่องผลิตเม็ดเหงื่อให้ออกมาจากร่างกายของเขามากกว่าปรกติ สาวเท้าเรียวสวยเข้าในร้านกาแฟร้านหรูที่อากาศภายในมันน่าอภิรมย์เสียจนร่างกายของเขาคลายความรู้สึกร้อนรุ่มออกมาได้ไม่น้อย กวาดตามองหาคนที่นัดไว้ ก่อนที่ใบหน้าเล็ก ๆ ที่ถูกปิดคาดด้วยหน้ากากอนามัยสีขาวสะอาดจะมองดูสะดุดตาเสียจนเขาไม่รอช้าที่สาวเท้าเข้าไปยังมุมในสุดของร้าน ค่อย ๆ หย่อนตัวลงตรงข้ามกับคนตัวเล็กที่รีบพับหนังสือในมือลงทันทีที่มองเห็นเขา

    เคลียร์งานเสร็จแล้วเหรอครับ

    อืม ขอโทษนะที่ต้องให้รอ

    ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็พึ่งมาถึงเอง

    เอ่ยบอกคนเป็นพี่อย่างยิ้ม ๆ พร้อมกับมือบางที่ย่นหนังสือเล่มหนาลงบนเป้ที่เปิดค้างไว้  เมื่อจัดการกับของของตัวเองเสร็จเรียบร้อย  คนตัวเล็กกว่าก็ไม่รอช้าที่จะหันไปเผชิญหน้ากับคนเป็นพี่นั่งนิ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทันที

    พี่เรียกผมมา มีอะไรหรอครับ

    เอ่ยถามคนตรงหน้าอย่างมีมารยาทหากแต่ดวงตาเรียวยาวที่จ้องมองมายังเขากลับแฝงไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นอย่างปิดไม่มิด ไม่ใช่แค่เตนล์คนเดียวที่รู้ว่าคนอย่างเขาเป็นมนุษย์ที่ไม่ชอบเข้าสังคมซักเท่าไหร่ จึงไม่แปลกที่คนตัวเล็กจะรู้สึกตื่นเต้นแปลก ๆ ยามเมื่อเขาเป็นคนเอ่ยปากเรียกหา ร่างบางเผลอถอนหายใจออกมาเบา ๆ พร้อมกับดวงตาคู่สวยที่เงยขึ้นสบคนตรงหน้าด้วยท่าทีที่ดูจริงจังเสียจนคนเป็นน้องต้องรีบหุบรอยยิ้มของตัวเองลงโดยทันที

     

    นายรู้อะไรเกี่ยวกับสงครามระหว่างเทพบ้างไหม ?”

    หลุบดวงตาต่ำลงเล็กน้อยเมื่อรู้สึกว่าคำถามของคนตรงหน้ามันดูแปลกประหลาดเสียจนเขายังไม่นึกอยากจะตอบโต้อะไรออกไป กักเก็บความขุ่นข้องไว้ในใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบกับคนด้านหน้าอีกครั้ง วาดรอยยิ้มขึ้นมาบนดวงตาเรียวสวยก่อนจะมองตรงไปยังคนเป็นพี่ที่กำลังรอคอยคำตอบของเขาอย่างใจจดใจจ่อ

    ก็พอรู้มาบ้างหน่ะครับ เทพฝ่ายดีกับเทพฝ่ายร้ายก่อสงครามขึ้นด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกันไป อีกฝ่ายก็พยายามช่วงชิงดินแดนแห่งสวรรค์มาเป็นของตน กับอีกฝ่ายที่ยึดตัวขึ้นมาปกป้องเหล่านางฟ้าและดินแดนที่เคยสงบสุขของตนเอง ส่วนตอนจบเข้าอีหรอบเดิม ๆ .... ยังไงพระเอกต้องเป็นฝ่ายชนะ

    “ …………… ”

    แล้วถ้าไม่ใช่หล่ะ

     

    .

    .

     

    หา ? ”

    นักเขียนหนุ่มส่งเสียงร้องออกมาเบา ๆ เมื่อได้ยินคำพูดของคนที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ตรงหน้า มองตามมือบางที่ล้วงลงไปหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาวางบนโต๊ะ ก่อนที่หนังสือเล่มหนาที่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าจะทำให้หนอนหนังสืออย่างเขาตาลุกวาวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

    หนังสือเล่มนี้ถูกตีพิมพ์แค่ครึ่งเรื่อง หน้าสุดท้ายเขียนถึงเรื่องราวของสงครามที่เกิดขึ้นบนสวรรค์ ที่ดูเหมือนผู้ที่ชนะ .....

    “………… ”

    จะไม่ใช่เทพฝ่ายดีอย่างที่นายพูด

    สายตาจริงจังที่ถูกส่งมาจากคนพี่มันทำให้รู้สึกชาวาบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่ชายหนุ่มที่เคยเอาแต่พร่ำบ่นเขาเกี่ยวกับการเบนส้นทางชีวิตไปในอาชีพที่มองดูไร้สาระเหลือเกินในขณะที่โลกกำลังเดินเข้าสู่ยุคโลกาภิวัฒน์เช่นนี้  กลับกำลังพูดถึงเรื่องราวที่ตัวเองเคยเกลียดแสนเกลียดด้วยท่าทีที่ดูจริงจังเสียจนน่าแปลกใจ

      เกิดอะไรขึ้นกับพี่หรือเปล่าครับ

    เป็นไปตามคาดดวงตากลมโตที่เบิกโพลงขึ้นมาด้วยอารามตกใจ ยิ่งทำให้เส้นคิ้วเรียวยาวของเด็กหนุ่มผูกเข้าหากันแน่นยิ่งกว่าเดิม

    นายรู้ได้ยังไง

    ความน่าจะเป็นขั้นพื้นฐานหน่ะครับ ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรเลยซักนิด

    เอ่ยบอกคนพี่ด้วยใบหน้าที่ไร้ซึ่งรอยยิ้มเหมือนแต่เดิม จดจ้องไปยังคงที่กำลังทำท่าทางงุ่นง่านอยู่เบื้องหน้าด้วยความรู้สึกสับสนเสียจนอดไม่ได้ที่เอ่ยปากถามออกไปอีกครั้ง

     

    พี่ยูตะไม่เคยเป็นแบบนี้ ตลอดระยะเวลาเกือบหกปีที่พวกเขาอยู่ด้วยกัน

     

    ในวันนี้ ความรู้หมองหม่นที่อยู่ครุกกรุ่นตัวของคนตรงหน้า มันชัดเจนเสียจนเขารู้สึกเวียนหัว

     

    พี่ยูตะ ...  

    ส่งเสียงเรียกคนเป็นพี่เบา ๆ  อย่างไม่ต้องการจะให้บรรยากาศมันมองดูน่าสะอิดสะเอียนไปมากกว่านี้  คนตรงหน้ามองมาที่เขาอย่างชั่งใจครู่หนึ่ง ก่อนที่ริมฝีปากคู่สวยจะค่อย ๆ เปิดออกอย่างช้า ๆ

    เมื่อคืนพี่ฝัน สงครามของเทพ ทุกอย่างมันเหมือนจะยังไม่จบ ....

     

    ถ้ายังไม่จบ.... แปลว่ามันกำลังเกิดขึ้นงั้นเหรอ ?

     

    ครุ่นคิดกับตัวเองโดยไม่คิดสนใจคำพูดของคนตรงหน้าอีกต่อไป แพขนตาเรียวยาวกระพริบถี่ขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเขาลองเอาเหตุและผลจากเหตุการณ์ตลอดสามเดือนที่ผ่านมาประติดประต่อเข้าด้วยกัน

    เขารู้ตัวเองดีว่าประสาทสัมผัสทางกลิ่นของเขามันผิดแผกไปจากมนุษย์ธรรมดามากแค่ไหน กลิ่นหอมแปลก ๆ ที่โชยออกมาจากร่างกายคนเป็นพี่ถึงมันจะรุนแรงแต่เขาก็ยังพอทนรับกับมันได้

     

    แต่ตลอดระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมา....

     

    เขากลับรู้สึกถึงกลิ่นที่โชยไปมาอยู่รอบ ๆ ตัว ทั้งที่แต่ก่อนมีเพียงคนแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่เขาสามารถรู้สึกถึงมันได้

     

    ราวกับเหล่าเทพกำลังแฝงตัวลงมาบนโลกมนุษย์เพื่อหลบหนีจากสงคราม

     

    และถ้ามันเป็นแบบนั้นจริง ๆ ในอีกไม่ช้า .... โลกมนุษย์ของเขาจะมีสภาพเป็นอย่างไรกัน ?

     

     

    เตนล์ .. นายฟังพี่อยู่หรือเปล่า ? “

    ส่งเสียงเรียกเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งพำพึมอยู่กับตัวเองอย่างนึกแปลกใจเมื่อเขาเปิดปากเล่าเรื่องความฝันของตัวเองจนจบสิ้นแต่กกลับไม่มีปฏิกริยาโต้ตอบส่งออกมาจากคนตรงหน้าอย่างที่ควรจะเป็น จ้องมองดวงตาเรียวสวยที่ค่อย ๆ เงยขึ้นมามองเขาช้า ๆ ที่ด้วยท่าทีที่ดูจริงจังอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

    พี่ยูตะ ....

    ถ้ามีมันอยู่แล้วไม่สบายใจ พี่ก็แค่กำจัดมันทิ้งไปก็พอ

     

     

     

     

    กำจัดมันทิ้งไป ...

    สิ่งที่ไม่สบายใจ ...

     

    หนังสือเล่มนี้งั้นเหรอ ?

     

     

     

     

     

     

            ยามเย็นที่เวลาเหยียบย่ำเข้าช่วงอัสดงเป็นช่วงเวลาที่ประสาทสัมผัสของเขาชัดเจนมากที่สุด  จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่สองเท้าของเขาจะถูกเร่งเร้าให้เดินไปในที่ ที่ตัวเองคิดว่าปลอดภัย

     

    ที่ ที่มีแต่กลิ่นของมนุษย์

     

    ห้องพักของเขาที่ไม่อาจมีเทพองค์ใดแฝงกายเข้ามาได้

     

    หน้ากากอนามัยถูกปลดออกเผยให้เห็นใบหน้างดงามที่น้อยคนนักที่จะได้ยลโฉมของมันอย่างเต็มตา ตั้งแต่เมื่อไรที่อุปกรณ์ปิดบังใบหน้าถูกยกขึ้นมาสวมทับความสวยงามให้ซุกซ่อนอยู่ภายใน ในสายตาของคนที่เดินผ่านไปมาเขาก็คงเหมือนเด็กขี้โรคคนนึงที่เอาแต่กักเก็บเชื้อโรคไว้กับตัวเอง ถึงมันจะเป็นสิ่งที่ดูน่ารังเกียจ

     

    แต่ถ้าเลือกกับการเป็น ตัวประหลาด

     

    เขายินยอมที่จะโดนรังเกียจไปแบบนี้เสียยังดีกว่า

     

    สะบัดหัวกลมเล็กของตัวเองไปมาเบา ๆ เพื่อสลัดความคิดแปลก ๆ นั่นให้พ้นไปจากสมอง มือบางเอื้อมลงจับกลอนประตูก่อนที่มันจะต้องชะงักนิ่งอยู่กับที่เมื่อจมูกที่ไร้ซึ่งการป้องกันของเขารับรู้ถึงกลิ่นบรรยากาศที่ผิดแผกไปจากเดิม เหลือบตามองไปยังบานประตูห้องถัดไปที่ถูกแง้มออกเล็กน้อยราวกับมั่นใจถึงที่มาของมันอย่างไม่ต้องเสียเวลาตามหา เปลื่ยนทิศทางการเดินของฝีเท้าอย่างกระทันหันเมื่อกลิ่นของมันดูเหมือนจะมีอำนาจปลุกเร้าความอยากรู้อยากเห็นของเขาเสียจนหักห้ามใจไม่อยู่ สอดส่องสายตาเรียวยาวเข้าไปในรอยแยกของประตู ก่อนจะมองเห็นอะไรไม่ได้มากกว่าสีดำทะมึนที่วาดทับอยู่ภายใน แรงสะกิดเบา ๆ จากทางด้านหลังเรียกใบหน้าสวยให้หันไปมองยังที่มาของมันด้วยอารามตกใจ

     

    คุณครับ เข้าห้องผิดหรือเปล่าครับ

     

     

     

     

     

    To Be con ……

     

     

     

     

    CR.SHL
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×