คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ㄨ Begin ...
#begin...
คลิ๊ก ~ คลิ๊ก ~
“ ขอร้องเถอะสวรรค์ หยุดคำรามซักทีได้ไหม ผมเริ่มหนวกหูละนะ ”
สบถออกมาเบาๆ หากแต่ดวงตาเรียวสวยภายใต้กรอบแว่นหนายังคงจดจ่ออยู่กับจอสี่เหลี่ยมตรงหน้าราวกับมันเป็นดั่งสมบัติล้ำค่า นิ้วยาวไล่คลิกไปตามหัวข้อข่าวที่พาดหัวให้ดูน่าสนใจเสียจนเขานึกขัน มีหรือคนที่ทำอาชีพเกี่ยวกับสายข่าวอย่างเขาจะไม่รู้ว่าไอ้หัวข้อที่ดูหน้าสนใจแบบนั้นถ้าเปิดเข้าไปด้านในก็ล้วนจะต้องแบกความผิดหวังออกมาให้ช้ำใจเล่นแค่นั้น แต่นากาโมโตะ ยูตะเลือกไม่ได้
มันคืองานของเขา นักข่าวสายบันเทิง ที่ต้องทำตัวเป็นผู้รอบรู้อยู่ตลอดเวลา
และตอนนี้เขาก็แทบจะรู้อะไรเยอะกว่าคุณป้าขาเม้าท์ที่อยู่ห้องติดกันเสียอีก
Lalaaaa ~ Lalaaaa ~
ถ้าเสียงฝนด้านนอกไม่ซาลงคนที่กำลังหมกมุ่นอยู่เครื่องมือทำมาหากินตรงหน้าคงไม่มีทางขยับตัวไปไหนเป็นแน่ เรียวมือยาวถูกเจ้าของของมันยกขึ้นไปปลดกรอบสี่เหลี่ยมที่วางค้างเติ่งอยู่บนสันจมูกเล็กออกช้า ๆ เหลือบตาไปมองเครื่องมือสื่อสารที่ดิ้นพล่านอยู่บนเตียงนอนก่อนที่เรียวเท้าสวยจะเริ่มออกเดินไปยังต้นเสียงเมื่อรู้สึกว่าเสียงแหลมเล็กของมันชักจะเริ่มน่ารำคาญยิ่งกว่าเสียงฟ้าร้องด้านนอกเสียแล้ว
“ ฝนกำลังตก แล้วพี่ก็กำลังทำงานอยู่ "
ไม่จำเป็นต้องเอ่ยคำทักทายที่เป็นพิธีรีตองอะไรออกไปเมื่อรู้ว่าคนที่เสพติดการโทรหาเขาตอนดึกดื่นแบบนี้มีเพียงคน ๆ นี้เพียงคนเดียว สาวเท้าไปยังตู้ทำความความเย็นขนาดกลางก่อนจะใช้มือข้างที่ว่างล้วงเข้าไปควานหาขวดนมเย็น ๆ ที่เขาดื่มค้างไว้ตั้งแต่เมื่อตอนกลางวัน อยากจะออกไปหาอะไรอุ่นๆมาเติมลงท้องให้เต็มหากแต่สีดำทะมึนที่วาดฉาบอยู่บนบานหน้าต่างทำเอาคนตัวบางต้องพับความคิดของตัวเองเก็บโดยพลัน ก้าวเดินไปยังบานหน้าต่างที่มีไอเย็นเล็ดลอดเข้ามาราวกับมีแรงดึงดูด ข้างนอกมองแทบไม่เห็นอะไร แต่แปลกที่ดวงตาคู่สวยของเขากลับชอบที่จะจ้องมองมันอยู่แบบนั้น
“ เเต่ตอนนี้พี่ก็เลิกทำมันแล้วใช่ไหม ”
“ รู้ดีนักนะเรา ก็เพราะใครมาโทรขัดจังหวะกันหล่ะ ”
ตอกกลับคนปลายสายอย่างนึกหมั่นเขี้ยวเมื่อเจ้าน้องรหัสตัวดีเริ่มทำเหมือนจะเข้ามานั่งในใจเขาเข้าไปทุกที เด็กฉลาดที่รอบรู้ไปแทบทุกอย่างเหมือนกับเขาเป็นสิ่งที่ทำให้เขาทั้งสองยังคงความสัมพันธ์กันมายาวนานทั้ง ๆ พากันจบจากมหาวิทยาลัยมาเกือบสามปีแล้ว เขาเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อน ยิ่งคนรักยิ่งไม่ต้องพูดถึง คงจะมีแค่เด็กโง่ๆ คนนี้ละมั้งที่จะทำให้ชีวิตเขาดูไม่โดดเดี่ยวเกินกว่ามนุษย์คนนึงจะรับไหว
“ ที่ผมโทรมาขัดจังหวะเพราะอยากให้พี่พักผ่อนนะ ว่าแต่แผลที่แขนพี่หายดีหรือยังครับ ”
เส้นคิ้วเรียวยาวขมวดเข้าหากันจนเป็นปมเมื่อได้ยินคำพูดแปลกๆ ที่ส่งออกมาจากคนปลายสาย เผลอยกท่อนแขนเรียวขึ้นมาส่องดูอย่างอยากรู้อยากเห็น หากแต่มีเพียงผิวนวลเนียนที่ไร้รอยตำหนิใด ๆ เท่านั้นที่ร่างบางมองเห็น
“ นายพูดถึงแผลอะไร ”
“ ก็แผลถลอกที่พี่ถูกเด็กชนจนล้มลงไปครูดกับถนนไง ”
2 วันที่แล้ว ...
เด็ก ....
สนามเด็กเล่น ....
“ อย่าบอกนะว่าแผลพี่ .... ”
“ มันหายไปแล้ว ”
ความเงียบสงบเริ่มแผ่วงกว้างเข้ามาในห้องชุดขนาดกลางอีกครั้งเมื่อเขาเผลอส่งเสียงที่เบากว่าเสียงลมด้านนอกออกไป ดวงตาเรียวเล็กวูบไหวเมื่อนึกย้อนไปยังเรื่องราวที่ทำให้แขนของเขาเกิดแผลเกือบเท่าฝ่ามือ
แต่วันนี้มันกลับจางหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“ เตนล์ ... ”
ส่งเสียงเรียกคนปลายสายเบา ๆ เมื่อรู้สึกว่าความเงียบสงบที่คุ้นเคยมันกำลังทำให้เขารู้สึกกลัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เพียงอึดใจเดียวเสียงหัวเราะคิกคักที่ถูกส่งออกมาจากเครื่องมือสื่อสารที่ถือค้างเติ่งอยู่ในมืออดจะทำให้เส้นคิ้วของเขากระตุกขึ้นมาพร้อมกันเสียมิได้
“ หัวเราะอะไร ”
“ หัวเราะคนที่มียาดีแล้วไม่ยอมบอกน้องไง อย่าคิดมากหน่าบางทียาที่พี่ทามันอาจจะได้ผลดีเกินคาดก็ได้นะ ”
เสียงเจื้อยแจ้วของน้องรหัสที่ส่งออกมาราวกับไม่ติดใจกับความผิดปรกติใด ๆ ทำเอาร่างบางรู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก มือเรียวยาวเผลอยกขึ้นมาโอบกอดร่างกายผอมบางของตัวเองเอาไว้อย่างแผ่วเบา
ยงยาอะไร ตั้งแต่เกิดมา ของแบบนั้นมันไม่เคยได้สัมผัสกับร่างกายของเขาแม้แต่น้อย
“ พี่ยูตะ พี่ .. ไหวหรือเปล่า ”
“ พี่รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่ ”
“ งั้นพี่ก็ไปพักผ่อนเถอะนะ อะ เอ่ออ แต่ว่า .... ”
“ หืม ? ”
“ ถ้าพรุ่งนี้พี่ไหว ผมอยากจะชวนพี่ ... ”
เสียงขาด ๆ หาย ๆ ที่แสดงถึงความเกรงใจทำเอาร่างบางรู้สึกได้ในสิ่งที่คนเป็นน้องต้องการ ถอดถอนลมหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ก่อนจะตอบตกลงคนปลายสายไปอย่างเสียมิได้
“ พี่ไหว ... ”
“ ........... ”
“ ร้านไหนหล่ะ ”
13 : 00 น ....
“ ไม่ใช่นายเลทพี่มาครึ่งชั่วโมงแล้วเหรอ ”
กรอกเสียงเข้าไปในเครื่องมือสื่อสารราคาแพงทันทีที่คนปลายสายยอมกดรับโทรศัพท์เขาเสียที ไม่ใช่เรื่องน่าลำบากใจอะไรกับการเดินซื้อหนังสือเป็นเพื่อนน้องรักที่เดินอยู่บนเส้นทางของนักเขียน หากแต่ร้านหนังสือแต่ละร้านที่เจ้าเด็กนั่นขอร้องมาให้เขามายืนรอกลับมีสภาพที่ไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่นัก ไม่รู้ว่าน้องรักของเขาไปขุดเอาสถานที่แบบนี้มาจากไหน แต่เขารู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับมันเสียจริง
“ ถึงแล้วครับ พี่เห็นผมไหม ”
กวาดตามองหาเจ้าของเสียงหวานเล็กที่คงกำลังกระโดดหย่องแหย่งอยู่ที่ไหนซักแห่งครั้ง เป็นไปตามคาดเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ ที่กำลังวิ่งเร็ว ๆ มาทางเขาทำเอาคนเป็นพี่ต้องรีบตีหน้าขรึมเข้าข่มทันที
“ เป็นคนชวนพี่มา แต่ตัวเองกลับมาช้าไปเกือบครึ่งชั่วโมง ”
“ อ่าาา พี่อย่าโกรธผมสิ พอดีผมมีธุระเร่งด่วนนิดหน่อยหน่ะครับ ”
คนตัวเล็กรีบส่งเสียงออดอ้อนที่แทบจะฟังไม่ได้ศัพท์ออกมาให้คนเป็นพี่ใจเย็นลง ยูตะหลุบตามองคนตัวเล็กที่ยิ้มตายี๋อยู่ด้านหน้าก่อนที่หน้ากากอนามัยสีขาวสะอาดตาที่แป๊ะอยู่บนใบหน้าสวยของเด็กหนุ่มจะให้ร่างบางสะดุดตาเสียจนอดจะเอ่ยทักออกไปไม่ได้
“ ยังไม่หายเป็นหวัดอีกเหรอ ”
เอ่ยพูดออกไปอย่างนึกแปลกใจก่อนที่จะท่าทางลุกลี้ลุกลนของคนเป็นน้องจะทำให้เส้นคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่นขึ้นไปอีก นานแค่ไหนแล้ว ที่เขาไม่เคยได้เห็นใบหน้าสวย ๆ ภายใต้หน้ากากอนามัยสีขาวนี้
มันอาจจะนาน ….
นานเสียจนเขาแทบจะจำหน้าน้องรหัสตัวเองไม่ได้ เสียแล้ว ....
“ อะ เอ่ออ ใกล้แล้วหล่ะครับ แต่ตอนนี้มันยังไม่หายดี ผมกลัวจะไปแพร่เชื้อใส่คนอื่นเขาหน่ะครับ ”
ดวงตากลมโตที่หลุกหลิกไปมาอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ใครก็มองออกว่าเด็กคนนี้กำลังพ่นคำโกหกใส่เขาอย่างที่ผ่านมา เลือกที่จะไม่สนใจมันอย่างเช่นทุกครั้งที่เจอกัน ใบหน้าสวยผงกขึ้นลงเบา ๆ ราวกับเชื่อคำพูดง่าย ๆ นั้นอย่างไม่มีข้อครหาใด ๆ คนตัวเล็กรีบส่งเสียงหัวเราะออกมากลบเกลื่อนความผิดที่ยังไม่รู้ชัดของตัวเอง ก่อนที่เรียวเท้าเล็กจะออกวิ่งนำคนเป็นพี่ให้เดินตามไปอย่างกระตือรือร้น
“ วันนี้ผมขอรบกวนพี่แค่ครึ่งชั่วโมงนะครับ ร้านนี้ผมมาสองรอบแล้วมีแต่หนังสือน่าสนใจ แต่ผมก็สอยไปหมดแล้วหล่ะ วันนี้ก็ขอแค่ภาวนาให้คุณป้าเอาหนังสือใหม่มาลงบ้าง พวกเราจะได้ไม่มากันเสียเที่ยวไง ”
เดินตามเจ้าของเสียงเจือยแจ้วที่เอาแต่พร่ำบ่นเรื่องหนังสือใส่หูเขาอยู่ตลอดทาง กลิ่นอับชื้นตามแบบฉบับของห้องใต้ดินทำเอาเขารู้สึกคลื่นเหื่ยนจนแทบอยากจะอาเจียนออกมา ใบหน้าสวยเริ่มขาวซีด ไม่รู้ว่ามันเพราะกลิ่นอับหรือรูปวาดแปลก ๆ ที่ทำเหมือนกำลังพากันจ้องมองมาที่เขากันแน่
“ รูปวาดพวกนี้เป็นของคุณลุงเจ้าของร้านหน่ะครับ แกเป็นนักวาดภาพ แนวที่แกชอบก็เป็นพวกเทพอะไรแบบนี้ ดูสิขนาดหนังสือแกยังมีแต่พวกนิยายปรัมปราแลย ”
อธิบายให้คนที่กำลังยืนหน้าไร้สีอยู่ด้านหลังพร้อมกับยกหนังสือเล่มนึงขึ้นมาประกอบความ ยูตะผงกหน้าขึ้นลงเบา ๆ พร้อมกับดวงตาเรียวยาวที่เริ่มกวาดมองไปรอบ ๆ บริเวณอีกครั้ง
“ แค่ก ๆ อย่าสะบัดมันตรงหน้าพี่สิ ”
เอ่ยท้วงเจ้าเด็กตัวดีที่กำลังพลิกหนังไปมาราวกับเหมือนจะกลั่นแกล้งเขากลาย ๆ ใบหน้าสวยเริ่มตีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาอีกครั้ง
“ ขะ ขอโทษครับ ผมแค่กำลังหาหนังสือที่ผมไม่เคยเห็นเท่านั้นเอง เสียเที่ยวจนได้ คุณป้าไม่ได้เอาของมาลงจริง ๆ ด้วย ”
ส่งเสียงที่แสดงถึงความผิดหวังออกมาพร้อมกับดวงตากลมโตที่หลุบต่ำลงเล็กน้อยอย่างเด็กโดนขัดใจ แม้จะเผยให้เห็นเพียงแค่ครึ่งหน้าแต่เด็กตรงหน้ากลับดูเปล่งประกายเสียจนเขารู้สึกแปลกใจ เอื้อมมือไปแปะลงบนกลุ่มผมนุ่มนิ่มของคนตัวเล็กกว่าอย่างนึกอยากจะปลอบโยน หากแต่ปฏิกิริยาที่อีกคนโต้ตอบกลับมากลับทำให้ร่างบางใจหล่นวูบ
ผลั่กกก !!
“ พี่ยูตะ ! ผะ ผมขอโทษ ”
มองตามมือเรียวบางของคนเป็นพี่ที่ถูกตีปัดออกไปด้วยฝ่ามือของตนเอง ดวงตากลมโตที่กำลังคลอเหนี่ยวไปด้วยหยดน้ำตาหากแต่ร่างเล็กๆ นั่นกลับไม่เดินเข้ามาหาเขาอย่างที่ควรจะเป็น ร่างบางกำลังสับสนในขณะที่เด็กน้อยอีกคนกำลังจะร้องไห้ออกมา
“ พะ พี่ขอโทษที่ทำอะไรบุ่มบ่าม นายดูเหนื่อยนะ เราจะกลับกันเลยไหม ”
พยายามปรับให้เสียงให้อยู่ในโทนปรกติพร้อมกับรอยยิ้มสวย ๆ ที่เขาปอปั้นออกมาเพื่อไม่ให้บรรยากาศมันดูน่าสะอิดสะเอียนไปมากกว่านี้ ร่างเล็กผงกหัวขึ้นลงเบา ๆ เป็นเชิงเห็นด้วยหากแต่ดวงตากลมโตกลับมองต่ำลงราวกับกำลังหลบหลีกใครบางคน
“ เราจะกลับกันได้หรือยัง ? ”
“ คะ ครับ ”
เจ้าเด็กนั่นโกรธอะไรเขาอย่างนั้นเหรอ ?
เป็นอีกครั้งที่ร่างบางเก็บปัญหานี้ขึ้นมาขบคิดแม้มันจะผ่านไปเกือบค่อนวันแล้วก็ตาม หลังจากที่แยกกันเขาก็วกพาตัวเองกลับมาเดินเตร็ดเตร่อยู่ในย่านการค้าที่ไม่ไกลจากร้านหนังสือใต้ดินซอมซ่อนั่นเท่าไหร่ ในช่วงเย็นของวันอาทิตย์แห่งชาติไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรที่ดวงตาของเขาจะเริ่มพล่าลายจากการมองดูฝูงชนที่เดินสวนกันไปมาอย่างไม่นึกเหน็ดเหนื่อย ถึงมันจะเป็นสถานการณ์ที่มองดูน่าหงุดหงิดรำคาญใจแค่ไหน แต่ถ้าจะให้เขากลับห้องไปแล้วเอาแต่นั่งนอนขบคิดปัญหาแปลกประหลาดพวกนั้น
สู้ให้เขาทนรำคาญใจไปแบบนี้เรื่อย ๆ เสียยังดีกว่า
ผลั่กก !!
“ อ๊ะ !! ขอโทษครับ ”
ดูเหมือนคนที่น่าหงุดหงิดรำคาญใจจะกลับกลายเป็นตัวเขาเอง แรงชนหนัก ๆ ที่ยังไงก็ดูเหมือนเป็นการจงใจทำเอาร่างบางแทบจะล้มลงไปกองกับพื้น กวาดตามองหาคู่กรณีกลับมีเพียงหนังสือเล่มสีขาวสะอาดตาที่วางอยู่บนพื้นข้าง ๆ ตัวเท่านั้นที่เขามองเห็น เจ้าของของมันคงจากไปแล้ว ร่างบางคิดอย่างจนใจก่อนเอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาถือไว้ก่อนที่มันจะถูกเหยียบย่ำจากฝ่าเท้าของคนที่เดินสวนกันไปมา จดจ้องไปยังหนังสือเล่มหนาในมือพร้อมกับริมฝีปากเรียวบางที่ขยับขึ้นลงช้า ๆ
Fallen angel
เทพบุตรที่ตกมาจากสรวงสวรรค์งั้นเหรอ ?
To Be con ....
ฮาโลวววว ~
สวัสดีค่ารีดเดอร์ที่น่ารักทุกคนน มาทักทายกันเล็ก ๆ น้อย ๆก่อนเข้าเมนหลักของเรื่องนี้กันสักหน่อยนะคะ
ก่อนอื่นขอสารภาพก่อนเลยว่า เรื่องนี้เป็นแฟนฟิคแนวแฟนตาซีเรื่องแรกที่ไรท์แต่งขึ้นมา
แต่ถึงอย่างไรไรท์ก็จะพยามถ่ายทอดออกมาให้อย่างสุดความสามารถเลยนะคะ
แล้วที่สำคัญไรท์สัญญาว่าจะพยายามอัฟให้บ่อยที่สุดด้วยค่ะ หวังว่าทุกคนคงจะรออ่านกันอยู่น้า
สุดท้ายนี้ ยินดีต้อนรับทุกคนสู่ Fallen angel อย่างเป็นทางการค่ะ
มาอยู่เป็นกำลังใจให้ยูจังกับพ่อเทพบุตรฮันซลด้วยกันนะคะ ><”
#fallsol
ความคิดเห็น