ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC NCT] Fallen angel :: Hanta , Johnten ::

    ลำดับตอนที่ #3 : ㄨ Angel with broken wings

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 197
      1
      19 มิ.ย. 59

    CR.SHL







    #Angelwithbrokenheart

     








     

     

     คุณครับ เข้าห้องผิดหรือเปล่าครับ 

     

    เสียงหนักแน่นที่นิ่งสงบราวกับกระแสน้ำในทะเลสาบเรียกดวงตาเรียวยาวให้เบิกโผลงขึ้นมาด้วยความตกใจ  หัวสมองกำลังถูกใช้งานอย่างหนักเพื่อค้นคิดเหตุผลดี ๆ ที่ไม่ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้าหวาดระแวงในตัวเขา ดูเหมือนความฉลาดหลักแหลมที่มีติดตัวมาตั้งแต่เกิดกำลังอยู่ในโหมดซ่อมแซมตัวเองกระทันหัน หัวสมองของเขาว่างเปล่า เผลอกัดริมฝีปากฉ่ำชื้นของตัวเองเบา ๆ ราวกับคนที่ไร้ซึ่งทุกทางออก

    หรือคุณมีธุระอะไรกับผม ?”

    เอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยท่าทีสุภาพเสียจนอีกคนสามารถคลายความอึดอัดออกมาได้เล็กน้อย  เงยดวงตาขึ้นมองคนที่สูงกว่าตัวเองอย่างเห็นได้ชัด จ้องมองไปยังใบหน้างามสง่าอย่างที่มนุษย์ธรรมดาคงไม่มีวาสนาได้ครอบครองมัน

     

    เฝ้าฝัน รอคืนวัน ถวิลหา

     

    หากแต่ตอนนี้สิ่งที่เขาควรจะรู้สึก คือคนตรงหน้าที่สูงส่งราวกับท้องฟ้า

    ที่มนุษย์ธรรมดาอย่างเขาไม่ทางอาจเอื้อมถึง

     

     

    ผมเห็นประตูห้องคุณเปิดอยู่  เลยคิดว่าคุณน่าจะกลับมาแล้ว

    รอผมอยู่เหรอ

    ผมแค่เป็นห่วงแผลของคุณก็เท่านั้น

    พอพูดถึง แผล คนสูงกว่าก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบตาไปยังบริเวณหัวไหล่กว้างของตนเอง จดจ้องสายตาไปยังคนตรงหน้าครู่หนึ่ง ก่อนที่ริมฝีปากได้รูปจะเอ่ยคำพูดที่จะทำให้คนตัวเล็กรู้สึกวูบไหวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

    จะเข้ามาดูหน่อยไหมหล่ะ ?”

     

     

     

    ปฏิเสธไม่ได้ว่ากลิ่นกายรุนแรงของเทพที่กำจายออกมาจากร่างกายตรงหน้าจะทำให้เขารู้สึกเวียนหัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาสาวเท้าของตัวเองเข้ามาในห้องหับแห่งนี้ เขายังจำได้ดี ในวันที่เขาเจอกับผู้ชายคนนี้ครั้งแรก .....

     

    รอยแผลฉกรรจ์ขนาดกว้างที่แปะประทับอยู่บนหัวไหล่นูนหนาของคนตรงหน้าไม่อาจจะทำให้เขาทนนิ่งเฉยกับมันได้ แม้กลิ่นกายเทพที่ฟุ้งกระจายออกมาจากร่างกายที่น่าสงสารนั่นกำลังจะทำให้เขาแย่ แต่การปล่อยให้สิ่งมีชิวิตชนิดหนึ่งถูกทำลายลงตรงหน้า ....

     

    ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าเทพสามารถรักษาตนเองได้ แต่ภายในจิตใจของเขาตอนนั้น ...

     

    กลับภาวนาขอให้ชายผู้นี้เป็นเพียงมนุษย์ผู้โง่เขลาคนนึงเท่านั้น

     

     

    จะเข้ามาดูไหม ผมว่ามันคงหายดีแล้วหล่ะ

    เอ่ยเรียกสติคนที่กำลังจมดิ่งอยู่กับความคิดของตนเองด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูผ่อนคลายลงกว่าเก่า หันสายตาไปมองเจ้าของเสียงเรียกที่กำลังจดจ้องมายังเขาด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา มองไล้ไปตามร่างกายส่วนบนที่ไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิดเผยให้เห็นลาดไหล่ขาวสะอาดตาหากแต่บนแผ่นอกหนากลับเผยให้เห็นร่องรอยบาดแผลประปรายที่ยังคงสดใหม่ราวกับว่ามันพึ่งเกิดขึ้น

     

    เขารู้ถึงที่มาของกลิ่นเทพที่รุนแรงกว่าปรกตินั่นแล้ว ....

     

     

    แผลขนาดนี้ ทำไมคุณยังนิ่งเฉยได้อีกนะ

    เอ่ยถามคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูร้อนรนเสียจนน่าตกใจ  รีบสาวเท้าไปเดินอยู่ด้านข้างคนเจ้าปัญหาพร้อมกับมือบางที่ล้วงลงไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่ตัวเองเป็นคนเก็บเองกับมือ ราวกับยังคิดว่าคนตรงหน้าเป็นเพียงมนุษย์ผู้อ่อนแอเฉกเช่นเดียวกับตน  ใบหน้าขาวสวยที่งดงามเสียยิ่งกว่านางฟ้าบนสวรรค์กำลังงุ่นง่านอยู่บาดแผลบนหน้าอกของเขา ไม่อาจจะทำให้จิตใจอันแข็งกร้าวของเทพรู้สึกวูบไหวขึ้นมาได้

     

    การหลงรักมนุษย์ไม่ต่างจากการทรยศสวรรค์ ความรักต่างเผ่าพันธุ์ไม่อาจอยู่ได้อย่างผาสุก

     

    การเป็น ผู้ทำนุคือสิ่งเดียวที่มนุษย์ผู้โง่เง่าสามารถทำให้เทพอย่างพวกเขามีชีวิตอยู่ได้ในที่ที่ไม่ใช่ของตน

     

    สิ่งมีชีวิตที่ไร้ค่ามีความสำคัญเพียงเท่านี้

     

    และมันจะเป็นแบบนั้นตลอดไป  ...

     

    เรียบร้อยแล้ว บอกผมได้ไหมว่าคุณไปโดนอะไรมา

    ก็แค่โดนลูกหลงหน่ะ

    คำตอบที่ส่งออกมาจากคนด้านบนเรียกคนตัวบางให้หยุดการเคลื่อนไหวของตัวเองลงทันที มือบางที่กำลังหยิบจับอุปกรณ์ทำแผลลงกล่องชะงักงันราวกับถูกสับสวิตท์

     

     

    ลูกหลงงั้นเหรอ ? ใครมองก็รู้ว่ารูปลักษณ์บาดแผลพวกนี้มันไม่ใช่จะเกิดขึ้นกันได้ง่าย ๆ

     

    มันคล้ายกันกับรอยเฉี่ยวของธนู ราวกับว่าคนตรงหน้าเดินทางกลับมาจากสมรภูมิรบ

     

    ความคิดที่เขาเคยคิดว่ามันเป็นเรื่องเพ้อฝันกำลังพลักดันความจริงมาตรงหน้าเขา

     

    สิ่งพี่ยูตะพูดมันเป็นเรื่องจริง เขาไม่หลงเหลือเหตุผลอะไรมาหลอกตัวเองได้อีกแล้ว !

     

     

    ขอโทษที่ต้องรบกวนคุณบ่อย ๆ

    มะ ไม่เป็นไรหรอกครับ เราสองคนเป็นเพื่อนบ้านกัน เรื่องแค่นี้ต้องช่วยเหลือกันได้อยู่แล้ว

    เอ่ยพูดกับคนด้านบนเบา ๆ พร้อมกับเรียวมือคู่สวยที่เริ่มกลับมางุ่นง่านอีกครั้ง เงยหน้าขึ้นมองคนด้านบนเมื่อของในกล่องปฐมพยาบาลถูกจัดเก็บเข้าที่เรียบร้อยแล้ว รูปสัญลักษณ์ปีกนกเล็ก ๆ ที่ตรึงตราอยู่บนข้อมือใหญ่ถูกเผยให้เห็นเมื่อเจ้าของของมันยกมือขึ้นมาลูบลงบนบาดแผลของตัวเอง จดจำทุกรายละเอียดบนภาพก่อนที่สิ่ง ๆ นั้นจางหายไปต่อหน้าต่อตาเขาทันทีที่คนตรงหน้าทิ้งมือลงไว้ข้างตัวเหมือนแต่เดิม

    ผมอยากพักผ่อน ถ้าคุณออกไปรบกวนล็อคประตูให้ผมด้วย

    สะดุ้งตัวขึ้นมาเบา ๆ เมื่อได้ยินถ้อยคำขับไล่กลาย ๆ ที่ริมฝีปากหยักหนาส่งออกมา  เป็นเรื่องธรรมดาที่เทพผู้สูงส่งไม่ต้องต้องการจะมีปฏิสัมพันธ์อะไรมากมายกับมนุษย์ผู้โง่เขลาเช่นนี้

     

    แต่การกระทำตอกย้ำความจริงแบบนี้ มันกลับทำให้อีกคนรู้สึกน้อยเนื้อตำใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

     

    ผมจะกลับแล้ว ถ้าเป็นไปได้พักนี้คุณไม่ควรจะออกไปไหน แผลมันยังสด ถ้าขยับตัวมากมันจะอักเสษเอา

    เอ่ยพูดกับคนที่ตอบรับความห่วงใยของเขาโดยการพยักหน้าขึ้นมาเบา ๆ ดวงตาสีดำปิดลงสนิทราวกับกำลังดำดิ่งเข้าไปในห้วงนิทราราวกับรอคอยเวลานี้มานานแสนนาน ไม่อยากจะกลายเป็นตัวแกะกะให้รู้สึกน่าสมเพชไปมากกว่านี้  สาวเท้าเล็กออกไปด้านนอกด้วยความรู้สึกหนักอึ้งภายในจิตใจ ประตูห้องถูกลงกลอนตามคำสั่งของผู้เป็นเจ้าของก่อนที่มันจะถูกปิดลงด้วยฝ่ามือเดียวกันกับคู่ที่สัมผัสลงบนหน้าอกของเขา

     

    เด็กหนุ่มผู้นั้นจากไปแล้ว ...  

     

    ลืมดวงตาขึ้นมาช้า ๆ เพื่อมองดูความดำมืดที่ครอบคลุมอยู่รอบตัวอย่างผู้ที่ไร้ซึ่งความรู้สึกอ่อนล้า

     

    การพักผ่อนไม่ใช่จุดประสงค์ที่ทำให้เขาถูกส่งลงมาบนโลกมนุษย์

     

    หน้าที่หนักหนาไม่ต่างจากแม่ทัพของสวรรค์กำลังรอคอยเขาอยู่

     

    ไม่ว่าจะถูกผู้ใดรั้งไว้ เขาก็ไม่อาจรอช้าได้แม้แต่เพียงวินาทีเดียว

     

     

     

     

     

     

     

     

    ปีกของวิหกแห่งสวรรค์ เป็นดั่งสัญลักษณ์ของเทพแห่งการส่งสาร

                 
                      
    เทพส่วนกลางที่ไม่เข้าฝักฝ่ายใดเพราะถูกเลี้ยงดูขึ้นภายในวิหารแห่งพระผู้สร้าง ยามเกิดศึกสงครามจะเป็นเทพจำพวกนี้ที่ถูกส่งมาแลกเปลื่ยนข่าวคราวจากบรรดาเทพที่อยู่บนสวรรค์กับเทพส่วนหนึ่งที่ลงมาทำภารกิจในโลกมนุษย์ ด้วยหน้าที่ที่มีความสำคัญและอันตรายพอ ๆ กับบรรดานักรบบนสวรรค์ส่งผลให้ลักษณะนิสัยของพวกเขานิ่งสงบราวกับไร้ซึ่งจิตใจ ไม่มีชื่อนางฟ้าผู้ใดถูกกล่าวถึงในเรื่องราวขีวิตของพวกเขา ความรักคือสิ่งต้องห้ามราวกับผลไม้พิษที่ไม่มีทางตกต้องถึงมือ


     

    เทพหนึ่งเดียวที่คงความบริสุทธิ์มาจากยุคบรรพบุรุษและมันจะยังคงเป็นเช่นนี้ไปตลอดกาล

     

     

    พับปิดหนังสือในมือลงอย่างแผ่วเบาทันทีที่ดวงตาเรียวสวยไล่รีดตัวอักษรมาจนถึงบรรทัดสุดท้าย ดันแว่นสายตาที่ตกลงบนแท่งจมูกแหลมเล็กให้เข้าที่ก่อนที่เรียวขาสวยจะค่อย ๆ สาวเดินไปยังบานหน้าต่างที่ปิดสนิทอยู่เบื้องหน้า เหม่อมองลงไปบนพื้นถนนที่ฉ่ำแฉะไปด้วยหยดน้ำฝนที่มองดูคล้ายหยาดน้ำตาแห่งสรวงสวรรค์ เพียงไม่นานที่ร่างบางได้จมดิ่งเข้าไปในวังวงจิตใจอันหมองหม่นของตนเอง การเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งเรียกดวงตาเรียวยาวของนักเขียนหนุ่มให้จดจ้องลงไป ภายใต้ฮู้ดสีดำสนิทร่างกายสูงใหญ่ที่เขารู้สึกคุ้นเคยไม่อาจจะทำให้จิตใจร่างบางรู้สึกเป็นสุขได้อีกต่อไปมอง ตามฝ่าเท้าใหญ่หนาที่เดินห่างออกไปโดยที่เขาไม่อาจจะทำอะไรได้มากกว่านี้

     

     

    นอกจากจะเป็นเทพที่ซึ่งไร้จิตใจแล้วคุณยังมีนิสัยดื้อรั้นเหมือนเด็ก ๆ ด้วยสินะ ...

     

     

     

     

     

     

    ครืนนนนน ~  ครืนนนน ~

     

    เสียงคำรามจากสรวงสวรรค์ ส่งผลให้คนที่ทำกำลังจดจ่อกับพื้นถนนเบื้องหน้ารู้สั่นไหวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ท้องฟ้าสีครึ้มมืดที่กำลังวิ่งไล่รถยนต์ของเขามาติด ๆ เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความพิโรธของผู้ใดผู้หนึ่งได้เป็นอย่างดี เหลือบตามองหนังสือเล่มหนาที่เป็นต้นเหตุให้เขามุ่งมานะขับรถมาถึงชานเมืองได้โดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง

     

    เขาไม่ต้องการจะทำลาย

    แค่ขอให้มันสูญหายไปจากชีวิตเขาก็เพียงพอ  

     

    รถยนต์ส่วนตัวสีขาวมุขถูกขับมาจอดภายในโบสถ์ร้างแทบชานเมืองได้อย่างฉิวเฉียด เสียงฟ้าร้องที่กึกก้องอยู่รอบตัวที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดหลงเหลืออยู่เร่งเร้าให้นักข่าวหนุ่มลงมือภารกิจของตัวเองให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว คว้าหนังสือที่นอนนิ่งอยู่บนเบาะข้างคนขับขึ้นมาถือไว้ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปในประตูโบสถ์รกร้างที่ปิดอ้าอยู่เบื้องหน้าทันที

     

    เอี๊ยดดดด ~

     

    เสียงประตูโบสถ์เก่าแก่ที่ถูกพลักเข้าไปด้านในส่งเสียงโหยหวนราวกับกำลังเจ็บปวดอย่างทุกข์ทรมาน ไร้ซึ่งทุกสิ่งมีชีวิตอย่างไม่ต้องนึกสงสัย กวาดดวงตากลมโตที่ฝังแฝงไปด้วยความหวาดหวั่นไปรอบๆ บริเวณด้วยจิตใจที่สั่นไหว เขาไม่อยากอยู่ที่นี่นานไปกว่านี้ ....

     

    ความเงียบสงบที่โอบล้อมร่างกายมันชัดเจนเสียจนจะทำให้จิตใจของเขาดับมอดลงลงไปด้วย

     

    เร่งฝีเท้าให้ออกเดินไปตรงหน้าโดยไม่คิดจะสนใจอะไรอีกต่อไป  จ้องมองไปยังรูปปั้นอันสูงสง่าของพระผู้เป็นเจ้าที่ยืนนิ่งสงบอยู่เบื้องหน้าด้วยความเคารพพร้อมกับมือบางที่ค่อย ๆ ปล่อยหนังสือในมือลงบนพื้นเบื้องหน้าตนเองช้า ๆ

     

    ทุกอย่างจงปลอดภัย

    ทุกอย่างจงสงบสุข

    ทุกอย่างจงได้เสียงร่ำร้องของเขาด้วย

     

    พรึมพรำกับตนเองเบา ๆ พร้อมกับเรียวเท้าสวยที่ค่อย ๆ ก้าวถอยออกมาช้า ๆ เสียงกระแสลมรุนแรงที่พัดผ่านเข้ามาตามช่องว่างของหน้าต่างเริ่มทำความสงบสุขที่เคยก่อขึ้นมาในจิตใจปลิวหายไปอีกครั้ง เรียวเท้าสวยถอยล่าออกมาด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้นจากแต่ก่อน ร่างกายของเขาเริ่มร้อนรุ่มตามอัตราการเต้นของหัวใจที่ผิดแพลกไปจากเดิม ใกล้แล้ว

     

    อีกไม่กี่ช่วงฝ่าเท้าร่างกายของเขาจะถูกปลดปล่อยออกมาจากที่แห่งนี้แล้ว 

     

    ปั๊งงงง !!!!!!

     เสียงประตูโบสถ์ที่ถูกกระชากเข้าหากันอย่างฉับพลันเรียกร่างกายผอมบางให้หันไปมองด้วยอารามตกใจ  ไร้ซึ่งอิสระ

     

     เขากำลังถูกขัง ....

     

    วิ่งไปผลักดันประตูที่ดูเหมือนจะถูกปิดตายเบื้องหน้าด้วยความหวาดกลัว ไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว ประตูบานใหญ่ยังคงนิ่งสงบในขณะที่ลมพายุด้านนอกกลับส่งเสียงคำรามออกมาราวกับกำลังโกรธแค้นอะไรบางสิ่งบางอย่าง เขาต้องไม่กลัว สติเท่านั้นที่จะพาเขาออกไปจากที่นี่ได้

     

    ตั้งสติ ….

     

    เขาต้องมีสติ !

     


     

    อ๊ากกกกกกกก !!!!!!!!!!!!!

     

    สติที่ร่างบางพยายามสั่งสมมันขึ้นมาถูกกระชากออกจากร่างกายทันทีที่เขาได้ยินเสียงกรีดร้องที่ดังกึกก้องมาจากทางด้านหลัง  หยดน้ำตาสีขาวมุขพลันร่วงรินลงมาด้วยความหวาดกลัว

     

    ปลดปล่อยเขาไปเสียที ...

    ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใด

     ขอให้ได้ยินเสียงเว้าวอนของเขาด้วย ....

     

     

    ช่วยด้วย ~ โปรดช่วยข้าด้วย ~ ”

    ร่างกายบอบบางชาวาบขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงร้องของชายหนุ่มที่ดังออกมาจากทางด้านหลัง น้ำเสียงนุ่มนวลหากแต่ฟังดูอ่อนแรงเหลือเกินในความคิดของเขา ราวกับกำลังไร้ซึ่งแรงกำลัง  แต่ก็อดปฏิเสธไม่ได้ว่าตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยได้ยินเสียงร้องอ้อนวอนที่พริ้งเพราะเช่นนี้

     

     

    ราวกับเสียงของเทพบุตรที่ตกลงมาจากสวรรค์

    ถึงเขาจะไม่เคยสัมผัสถึงมัน แต่เขาก็สามารถรับรู้ได้ดีทางความรู้สึก

     

    ช่วยข้าด้วย ได้โปรด ~  

    น้ำเสียงเว้าวอนนั้นมันฟังดูเวทนาเสียจนจิตใจอ่อนไหวของเขาตีฝ่าชนะความหวาดกลัวไปได้อีกครั้ง สูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ เพื่อเรียกสติของตัวเองให้กลับคืนสู่ร่างกาย ค่อย ๆ หันดวงตากลมโตไปมองยังพื้นที่ว่างเปล่าที่พึ่งจากมา ริมฝีปากแดงฉาดเผลออ้าออกกว้างทันทีที่มองเห็นภาพเบื้องหน้าที่งดงามราวกับงานศิลปะชั้นสูง

    ได้โปรด ~ ”

    มองตามริมฝีปากเรียวสวยที่ถูกฉาบด้วยสีแดงสดของหยาดโลหิต เส้นผมสีทองที่ปรกลงทับดวงตากลมลึกปลิวไสวไปตามกระแสลมที่กำลังตีพัดไปมาอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าที่หล่อเหลาเกินกว่าที่มนุษย์ผู้ใดจะจินตนาการถึงกำลังมองสบมองมาที่เขาอย่างเว้าวอน เดินตรงไปยังชายหนุ่มผู้งดงามที่นอนฟุบบอยู่บนพื้นเบื้องหน้าราวกับโดนมนต์สะกด ไม่รู้สึกเกรงกลัวกับปีกนกสภาพยับเยินที่เชื่อมติดอยู่กับแผ่นหลังของชายผู้นี้อย่างที่ควรจะเป็น เมื่อหยาดน้ำสีแดงสดที่วาดย้อมอยู่บนอาภรณ์ที่ขาวสะอาดตาดูเหมือนจะเรียกความสนใจจากเขาได้มากกว่า ค่อย ๆ ก้มตัวลงไปนั่งอยู่ในระดับเดียวกันกับชายหนุ่มเบื้องหน้า มองเห็นปีกใหญ่ที่ค่อย ๆ ถูกพับเก็บเข้าไปในร่างกายทันทีที่เขาถอดเสื้อโค้ทของตัวเองออกไปสวมทับเบื้องหลังเพื่อปกปิดแผลฉกรรจ์ที่มองดูน่าหวาดผวาเสียจนสายตาเขาไม่อาจจะทนจ้องมองมันอยู่ได้ เผลอสบเข้ากับดวงตานุ่มลึกที่กำลังจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาที่ฝังแฝงไปด้วยความรู้สึก

     ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด จิตใจของเจ้ายังคงงดงามเช่นเดิม

    ยังไม่ทันได้ถามไถ่ถึงคำพูดแปลกประหลาดนั่น ใบหน้างดงามที่ฟุบลงกับไหล่บางเรียกให้เขาต้องรีบนำชายหนุ่มผู้นี้ออกไปจากที่แห่งนี้โดยเร็ว ราวกับเป็นเรื่องตลกร้าย ประตูเบื้องหน้าถูกเปิดอ้าออกเหมือนกับว่ามันไม่เคยถูกปิดลง อากาศภายนอกที่เย็นสบาย กระแสลมอ่อนที่พัดผ่าน ไปมาในระดับที่พอดีเสียจนน่าใจหาย

     

     

    ราวกับทุกสรรพสิ่งรอบตัวกำลังยินดีอะไรบางอย่าง

    เมื่อทุกความรู้สึกหมองม่นจางหายไป ….

     

    หลงเหลือไว้เพียงเขากับบุรุษไร้นามผู้นี้

     

     

     

     

     

     

    ตื๊ด ~ ติ๊ด ~ ติ๊ด ~

     

    เปิดดวงตาเรียวยาวขึ้นมาช้า ๆ เมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกของนาฬิกาที่ดังลงมาจากบนหัวเตียง รู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อยเมื่อการผักผ่อนไปเพียง 3 ชั่วโมงไม่ได้ทำให้ร่างกายของเขารู้สึกผ่อนคลายลงไปเลยแม้แต่น้อย จ้องมองไปยังกระดาษปึกหนาที่วางอยู่ข้างโน๊ตบุ๊คตัวโปรดพลางถอนลมหายใจบางเบาออกมา ชีวิตของนักเขียนอย่างเขาก็เป็นเช่นนี้

     

    หลีกหนีออกจากสังคมได้

    แต่การวิ่งเข้าไปในโลกของจินตนาการก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายไปกว่ากันเลยซักนิด

     

    สะบัดหัวกลมเล็กไปมาเล็กน้อยเพื่อขจัดความเกียจคร้านที่ให้หลุดออกไปจากร่างกาย เวลาบนนาฬิกาติดผนังเรือนใหญ่เร่งเร้าให้เค้าลุกออกจากเตียง แล้วเตรียมพร้อมสมองเพื่อสะสางงานที่คั่งค้างไว้ให้เสร็จสิ้นลงเสียที

     

    ยันลำตัวขึ้นช้า ๆ ก่อนจะสาวเท้าเรียวสวยออกไปยังประตูห้องนอนที่ปิดแนบสนิทอยู่เบื้องหน้า มือบางลดลงไปจับกลอนประตูก่อนจะพลักมันออกไปอย่างเบามือ กลิ่นสาบสางของสัตว์ป่าคือสิ่งแรกที่ถูกส่งออกมาต้อนรับการมาเยือนของเขา

    จอง แจฮยอน พี่บอกนายแล้วใช่ไหมว่าอย่าเอามันออกมาห้องนั่งเล่น

    เอ่ยบอกเจ้าของสัตว์เลื้อยคลานหน้าตาก้าวร้าวที่นั่งสงบนิ่งอยู่บนโซฟากลางห้องด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูจะติดอารมณ์เล็กน้อย ถอนลมหายใจหนัก ๆ ให้กับน้องชายที่มีนิสัยแปลกประหลาดของตัวเองอย่างไม่รู้จะทำอะไรได้ดีไปกว่านี้

     

    ลอร์จแค่อยากออกมาสูดอากาศข้างนอกบ้าง

    ชื่อบุคคลที่สามที่ถูกเอ่ยขึ้นไม่ได้ทำให้คนตัวบางรู้สึกตกใจแม้แค่น้อย ถึงในห้องชุดแห่งจะมนุษย์อยู่เพียงสอง แต่กับสัตว์มีพิษหลากหลายเผ่าพันธุ์ที่ถูกน้องชายของเขานำมาเลี้ยงไว้อย่างดี ...

     

    มันมีเยอะเสียจนเขานับมันไม่หมด

     

    เอาลอร์จของนายไปเก็บ แล้วไปเรียนได้แล้ว

    ส่งเสียงออกมาอย่างนึกรำคาญใจพร้อมกับเรียวเท้าสวยที่สาวตรงไปยังตู้ทำความเย็นที่กักเก็บมื้อเช้าของเขาเอาไว้ด้านใน ไม่รู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตรอบกาย เด็กคนนั้นไม่เคยเชื่อฟังเขา

     

    ไม่ว่าจะอย่างไรเขาควรจะทำใจและยอมรับมันให้ได้เสียที

     

    นี่ ผมขอถามอะไรหน่อยสิ

    น้ำเสียงเย็นเฉียบที่ส่งออกมาไม่ได้ทำให้คนเป็นพี่รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย มือบางยกขวดนมที่พร่องไปเล็กน้อยขึ้นมาดื่มอย่างไม่คิดจะสนใจกับสิ่งที่คนเป็นน้องจะพูดออกมาซักเท่าไหร่

     

    ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาไม่ค่อยดีนัก

    ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะตัวของหมอนี่เอง

     

    ผู้ชายข้างห้อง ...  กลับมาแล้วเหรอ

    มือบางที่กำลังส่งน้ำสีขาวขุ่นเข้าไปในริมฝีปากพลันชะงักงันทันทีที่ได้ยินคำสรรพนามที่หลุดออกมาจากคนด้านหลัง หันใบหน้าขาวสวยไปมองเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งคลอเคลียอยู่กับอสรพิษขนาดเล็กในมือด้วยความรู้สึกกังวลใจอย่างเห็นได้ชัด

    นายไม่ควรไปยุ่งกับผู้ชายคนนั้น

     

    ได้โปรด ขอให้เป็นซักครั้งที่จอง แจฮยอนเชื่อฟังคำพูดของเขา

     

    เขาไม่ใช่คนที่ดูอันตรายอะไร

    ละสายตาออกมาจากสิ่งมีชีวิตเบื้องหน้าก่อนจะจดจ้องไปดวงตายังใบหน้าเรียวสวยที่งดงามราวกับนางฟ้า

     

     ความสวยงามที่น่าขยะแขยง

    พี่ช่างเป็นคนที่โชคร้ายเหลือเกิน ที่ได้เกิดมาครอบครองมัน

     

    นายรู้ได้ยังไง

    ตอบโต้คนเป็นน้องด้วยด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูจริงจังเสียจนทำให้บรรยากาศภายในห้องมันน่าอึดอัดเข้าไปอีก ไม่มีปฏิกริยาตอบกลับจากคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าเขาเช่นเดิมหากแต่ดวงตาคู่สวยที่กดต่ำลงเล็กน้อยมันกลับทำให้เลือดในกายคนเป็นพี่เดือดพล่านขึ้นมาอย่างไม่สามารถควบคุมเอาไว้ได้

    รู้สิ ถ้าเขาอันตรายจริง ... การที่พี่เอาตัวเข้าไปยุ่งด้วยขนาดนั้น

    “………..”

    มันก็คงจะทำให้พี่แย่ไปแล้ว

    จอง แจฮยอน ! ”

    ถึงเวลาที่ผมควรไปโรงเรียนได้แล้วหล่ะ วันนี้ผมจะเอาลอร์จไปด้วย ฝากดูแลเเละระวังสัตว์เลี้ยงของผมด้วยนะครับ

    เรือนร่างสูงสง่ายันกายขึ้นมาอย่างทันที ก่อนจะสาวเรียวเท้าสวยไปยืนอยู่ด้านหน้าประตูห้อง ไม่นึกจะหันไปมองคนเป็นพี่ที่คงจะกำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับคำพูดของเขาไม่เบา

     

    ยึดริมฝีปากอวบอิ่มที่งามไม่แพ้ผู้ใดขึ้นมาก่อนจะกดมันต่ำลงเล็กน้อย  ราวกับกำลังมีความสุขที่ได้มองเห็นความสวยงามที่กำลังเต้นเร้าด้วยท่าทางและคำพูดจากคนน่ารังเกียจอย่างเขา  ….

     

     

     

     

     

     

    ลอร์จ แกเป็นอะไรไป

    เอ่ยพูดเบา ๆ กับสิ่งมีชีวิตตัวเหยียดยาวที่กำลังเลื้อยเข้าไปในกระเป๋าด้านหลังของเขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ใบหน้าคมคายตรึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมองไม่เห็นเหตุผลที่ทำให้สัตว์เลี้ยงของแสดงพฤติกกรมประหลาดออกมาเช่นนี้

     

    บรรยากาศภายนอกที่มองดูสงบร่มเย็นเป็นสิ่งที่สัตว์เลี้ยงตัวโปรดของเขาชื่นชอบ หากแต่วันนี้มันกลับหลีกหนีราวกับกำลังหวาดกลัวอะไรบางสิ่งบางอย่าง ...

     

     

    กาาาา กาาา

     

    เงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของเสียงร้องเรียกที่ดังลงมาจากด้านบน นกกาขนดกดำที่ดวงตาดุดันของมันฉาดแดงราวกับสีของหยาดโลหิต มันให้ความต้องการของชายหนุ่มรู้สึกโหยหายมันขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

     

    ราวกับรับรู้ถึงความต้องการของกันและกัน

     

    สิ่งมีชีวิตขนาดเล็กโผบินลงมาเกาะอยู่บนลาดไหล่บางอย่างออดอ้อน รอยยิ้มอิ่มสวยถูกจุดประกายขึ้นมาทันทีที่มองลงไปยังว่าที่สัตว์เลี้ยงตัวใหม่ของตน

     

    ถ้าต้องการเช่นนั้น เขาไม่อาจจะปฏิเสธมันได้ลง ...

     

     

     

     

    To be con ….

     

            

     

            ตัวละครหลักเพิ่มมาอีกหนึ่งแล้ว (หรือสองกันน้า) อิอิ รอลุ้นกันเพื่อนไรท์ด้วยนะคะ อัพรอบนี้รวดเร็วเพราะฟีลกำลังมา สุดท้ายนี้ถึงจะแอบหมั่นพี่จอนห์นี่อยู่หน่อย ก็ยังรักคุณพี่เสมอนะคะ (โดนหนูเตนล์เอาหน้ากากอนามัยยัดปาก) -....,,,,- แล้วเจอกันนะคะ หนีคนหวงแฟนแปบ ฟิ้ววว ~

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×