คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ll ADOLESCENT 8 ll
ADOLESCENT 8
: อ่านก่อนจ้า ::
ในเนื้อเรื่องตอนไหนที่เป็นบทพูดของอู๋ฟานและอี้ชิง ไรท์จะบรรยายโดยใช้ชื่อคริสเลย์เหมือนเดิมนะคะ ไม่งงกันนะ ^^
“หนิอู๋ฟาน! ไม่เคยมีคนบอกรึไงว่าไม่ให้จูบคนอื่นพร่ำเพื่อน่ะ?”
เสียงหวานบ่นค่อนขอดคนตัวสูงที่เผลอทีไรก็มักจะฉวยโอกาสกับเขาอยู่ตลอด ก่อนจะยกมือขึ้นดันใบหน้าหล่อของอีกคนให้ออกห่าง เบือนหน้าหนีไปอีกทางเมื่อริมฝีปากบางได้รับอิสระ แต่ไม่วายซอกคอขาวๆของเขาก็ยังไม่รอดไปจากไอ้หื่นกามหัวทองนี่อยู่ดี ไม่ต้องให้นับหรอกนะว่าเจอแบบนี้มากี่ครั้งแล้ว เลย์บอกได้เลยว่านับไม่ถ้วน
“ไม่เห็นจะเคยมีใครบอกฉันเลย”
คนที่ถูกตำหนิยังคงทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาว ก่อนจะโน้มใบหน้าหล่อเข้าไปฝังปลายจมูกโด่งเพื่อสูดความหอมอ่อนๆจากพวงแก้มนิ่มของคนที่อยู่ในอ้อมกอดเป็นการปิดท้าย
วันนี้เป็นวันที่คริสจะต้องไปเป็นนายแบบในงานแสดงอัญมณีของครอบครัวตามที่คนเป็นแม่ร้องขอ เลิกเรียนเสร็จก็รีบลากอีกคนให้กลับมาที่คอนโดพร้อมกันในทันที กลับมาเร็วกว่าทุกวันเพราะหวังจะได้เตรียมตัวก่อนออกไปหาคนเป็นแม่ที่โรงแรมชื่อดังตามที่ได้นัดหมาย หากแต่ก็มัวเสียเวลาตอดเล็กตอดน้อยคนหน้าหวานจนลืมเวลาไปเสียดื้อๆ
“ฉันจะไปอาบน้ำ ปล่อยได้แล้ว”
เลย์ทำท่าจะลุกขึ้นยืนเพื่อเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่อีกคนที่ส่งแขนแกร่งมากอดรัดรอบเอวเขาไว้แน่นอยู่นั้น ไม่มีวี่แววว่าจะปล่อยเลยสักที นี่ก็ร่วมชั่วโมงกว่าๆ ตั้งแต่กลับมาจากโรงเรียนก็ยังนั่งจมปลักอยู่บนโซฟาตัวเดิมไม่ได้ไปไหน
“เดี๋ยวค่อยอาบ”
“ได้ไงล่ะ แม่นายนัดตอนทุ่มนึงไม่ใช่รึไง นี่มันหกโมงครึ่งแล้วนะ พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรเลย”
“ไม่เห็นต้องรีบนี่นา”
“อู๋ฟาน!”
ใบหน้าหวานหันขวับไปมองอีกคนทันที ไม่วายยังส่งสายตาคาดโทษไปให้อีกด้วย ใช้ได้ที่ไหนปล่อยให้ผู้ใหญ่ต้องรอ อีกอย่างวันสุดท้ายของการทำงาน แน่นอนว่ารถต้องติดเอามากๆ แล้วอย่างนี้กว่าจะไปถึงที่งานจะกี่โมงกี่ยามกัน
“โอเคๆ ปล่อยก็ได้ ไม่เห็นต้องดุเลย”
“แล้วมันน่าให้ดุไหมล่ะ”
สิ้นเสียงหวาน คริสจึงค่อยๆคลายวงแขนออกช้าๆเพื่อให้อีกคนเป็นอิสระ มองตามแผ่นหลังเล็กของคนหน้าหวานที่กำลังเดินหายเข้าไปในห้องน้ำก็ยกยิ้มกับตัวเองออกมาอย่างลืมตัว เลย์น่ะจะน่ารักเกินไปรึเปล่า คำพูดคำจาไม่ได้เพราะพริ้งหรอกนะ แต่เขาก็ชอบ ชอบไปแล้วอย่างไม่รู้สาเหตุ
.
.
.
ทั้งคริสและเลย์เดินลงมารอคนขับรถเพื่อไปส่งที่งานแสดงอัญมณีอยู่หน้าคอนโด ทั้งสองอยู่ในชุดสูทสีดำขลับเรียบหรูเข้ารูป ถึงแม้จะยังไม่ได้เซตผมและแต่งหน้า แต่ก็ยังเป็นจุดสนใจของคนที่เดินเข้าออกคอนโดให้หันมามองได้เป็นอย่างดี คนตัวสูงทั้งหน้าตาหล่อเหลาดูสง่า ส่วนอีกคนก็น่ารักน่าเอ็นดูจนต้องเหลียวมอง
เพียงไม่นานรถลีมูซีนสีดำราคาแพงก็เข้ามาจอดเทียบท่าที่หน้าคอนโด ก่อนคนขับรถจะเดินลงมาเปิดประตูให้คนทั้งคู่ได้หย่อนกายเข้าไปนั่ง ภายในรถคันหรูทั้งดูดีและนั่งสบายสมราคา ไม่ให้รอนานลีมูซีนสีดำก็ค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากหน้าคอนโดไปในทันที
“หิวรึเปล่า?” เสียงทุ้มเอ่ยถามคนหน้าหวานที่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่างรถอย่างใส่ใจ ก่อนอีกคนจะหันกลับมาแล้วส่ายหน้าปฏิเสธให้เป็นคำตอบ
“ยังไม่หิว” สั้นๆง่ายๆ แต่ว่าได้ใจความจนคริสต้องเผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง
“ขอนะ”
เลย์ขมวดคิดมุ่นให้รู้ว่าไม่เข้าใจกับคำพูดเปรยของอีกคน หากแต่นั่นมันจะมีอะไรซะอีก เปลืองเนื้อเปลืองตัวตลอดนั่นแหละ ก็อีกคนน่ะเนียนรั้งมือของเขาไปกอบกุมไว้ก่อนจะประสานกันแน่นจนรับรู้ได้ถึงไออุ่นจากมือหนาที่ส่งมา
“หึ! นายควรจะขอฉันก่อนลงมือทำนะอู๋ฟาน” พูดแค่นั่นนัยน์ตาคู่สวยก็เหลือบมองอีกคนด้วยความเอือมระอา ถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อคนที่เอ่ยขอกันเหมือนจะมีมารยาทแต่ก็เปล่าเลย
“ก็เดี๋ยวนายไม่ยอม”
“ฉันไม่ยอมนายได้ด้วยหรอ แล้วที่มากับนายวันนี้เนี่ยก็เพราะโดนบังคับนะ”
“อี้ชิงอ่า นายใจร้ายกับฉันเกินไปรึเปล่า? นิดๆหน่อยๆเอง”
“ไม่นิดหน่อยล่ะอู๋ฟาน วันนี้ก็โดนล่วงเกินมาทั้งวันแล้ว”
คำพูดตรงไปตรงมาทำเอาลุงคนขับรถก็เผลอหัวเราะเบาๆอย่างนึกเอ็นดูเด็กหนุ่มทั้งสอง ก็ตั้งแต่รถเคลื่อนตัวออกมาจากคอนโด เสียงค่อนขอดกันก็ไม่หายไปเลยสักวินาทีเดียว อีกคนงอนอีกคนง้อเหมือนกับคู่รักก็ไม่ปราน
“เชิญครับคุณหนู” คนขับรถประจำตระกูลลงมาเปิดประตูให้กับเด็กหนุ่มทั้งคู่ ก่อนจะโค้งหัวให้พร้อมรอยยิ้มส่งไปให้เมื่อถึงที่หมาย
คริสก้าวลงมาจากรถลีมูซีนก่อนจะส่งมือไปให้อีกคนที่กำลังตามลงมาได้จับมัน หากแต่คนหน้าหวานที่หน้าเง้าหน้างออยู่นั้นกลับเมินเฉยจนคริสต้องส่ายหน้าไปมาอย่างนึกขัน งอนไปเถอะ อีกหน่อยก็หายโกรธไปเองนั่นแหละ
“แล้วเราจะไปไหนกันต่อ” เลย์เอ่ยถามเมื่อลงมาจากรถได้แล้ว มองสำรวจไปรอบๆก็ถึงกับทำหน้าเบื่อหน่ายเซ็งโลกอีกครั้ง สถานที่แห่งนี้มัน...
“เดี๋ยวไปแต่งหน้าทำผมที่ห้องแต่งตัว แล้ว...ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะหื้ม? เพิ่งมาถึงก็เบื่อแล้วรึไง?”
“ไม่ใช่แบบนั้นซะหน่อย ไปกันเถอะ” เลย์เลือกที่จะตัดบทไปเสียดื้อๆ ก่อนจะพยักเพยิดหน้าให้อีกคนออกเดินนำไป
“สวัสดีครับคุณหนูจาง” สิ่งนี้สินะที่เลย์ไม่ได้บอกคริสมาก่อน แค่เดินเข้ามาภายในตัวโรงแรม พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ก็กรูมาทำความเคารพเขาจนอยากจะเดินหนีไปจากที่ตรงนี้ทันที
“ทำไมพนักงานที่นี่รู้จักนาย?” คริสเอ่ยถามพลางคิ้วเรียวก็ขมวดเข้ากันด้วยความสงสัย ก่อนจะเห็นว่าคนหน้าหวานเอาแต่ส่งยิ้มที่ดูยังไงมันก็ฝืนเต็มทนไปให้พนักงานประจำเคาน์เตอร์พวกนั้น
“ก็นี่มันโรงแรมของพ่อฉันหนิ”
“จริงอ่ะ! ฉันเพิ่งรู้”
“เออ งั้นก็รู้ไว้บ้าง”
เหมือนประโยคประชดประชันอย่างไรอย่างนั้น เลย์ไม่รู้เลยว่าพักนี้เขางอนคริสไปบ่อยเท่าไหร่ บางครั้งก็คิดน้อยใจเหมือนกันนะที่อีกคนมักจะไม่เคยรู้เรื่องราวของเขาเลย แต่เขาเองกลับเป็นฝ่ายที่รู้เรื่องของอีกคนเป็นอย่างดี
“อ่า ขอโทษ”
พูดแค่นั้นใบหน้าหล่อก็เผยยิ้มบางๆไปให้ ก่อนจะสวมกอดร่างเล็กไว้แนบอกแล้วโยกไปมาอยู่สองสามทีเพื่อให้รู้ว่าเขากำลังขอความเห็นใจจากอีกคน
“อย่าทำแบบนี้ในที่สาธารณะสิ” มือบางพยายามผลักอกหนาให้ออกไปห่าง เพราะตอนนี้ไม่ใช่แค่พนักงานในโรงแรมของพ่อเขาเท่านั้นที่มองมา หากแต่แขกที่เดินผ่านไปผ่านมานั่นก็ด้วย ให้ตายเหอะ มันน่าอายมาก
“ถ้าไม่ใช่ที่สาธารณะก็ทำได้ใช่ไหม?”
“อย่ามากวนประสาท ไปห้องแต่งตัวกันสักที”
“ครับผมๆ”
เมื่อเห็นอีกคนไม่มีแววว่าจะเล่นด้วย คริสก็รีบทำตามที่คนหน้าหวานบอกทันที มือหนาเอื้อมไปรั้งมือบางมากุมไว้เหมือนอย่างที่ชอบทำเวลาเดินด้วยกัน ก่อนจะพาเดินไปยังห้องแต่ตัวที่มีสไตล์ลิสต์รออยู่ คริสรู้ว่าตัวเองนั้นเปลี่ยนไปมากตั้งแต่ที่ได้พบกับเลย์อีกครั้ง แล้วที่สำคัญคือเขาเชื่อฟังอีกคนมากกว่าแม่เสียอีก นี่จะเรียกว่าอกตัญญูไหมนะ
.
.
“เชิญนั่งค่ะคุณคริส” เพียงแค่เดินเข้ามาภายในห้องแต่งตัว บรรดาช่างทั้งหลายก็รีบเอ่ยเชิญลูกชายคนสำคัญของแม่งานในครั้งนี้ให้มานั่งที่เก้าอี้หน้ากระจกทันที
“มากับเพื่อนหรอคะ?” หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยถามเมื่อเห็นคนหน้าหวานที่มาด้วยกันกับคริสกำลังเดินไปนั่งหย่อนกายที่โซฟา และนั่นห้องแคบๆแบบนี้มีหรือคนอย่างเลย์จะไม่ได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่
คริสยกมือขึ้นป้องปากตัวเองเพราะกลัวว่าอีกคนที่นั่งรออยู่ที่โซฟาจะได้ยิน ก่อนจะเอ่ยกระซิบกับพี่สาวที่กำลังเซตผมให้เขาอยู่กันสองคน
“เป็นมากกว่าเพื่อนครับ”
เพียงแค่ได้ฟังคำตอบจากปากของคริส หญิงสาวก็ยิ้มกรุ้มกริ้มในทันที คิดไว้อยู่แล้วไม่มีผิดว่าต้องมีอะไรในก่อไผ่ ถ้าเป็นแค่เพื่อนจะเดินจับมือถือแขนกันแบบนั้นทำไมล่ะจริงไหม แต่นั่นคนที่นั่งอยู่บนโซฟากลับขมวดคิ้มมุ่นด้วยความสงสัย เห็นแล้วแหละว่าคริสซุบซิบอะไรกับพี่สาวคนนั้น รู้ด้วยว่าเป็นเรื่องของเขาเอง แต่ที่อยากรู้ที่สุดคือคริสพูดอะไรออกไปต่างหาก
“เพื่อนคุณคริสชื่ออะไรหรอคะ?” หญิงสาวเอ่ยถามเลย์ที่นั่งส่งสายตาคาดโทษไปให้คริส ก่อนคนที่ถูกโยนคำถามมาให้จะสะดุ้งน้อยๆแล้วหันไปตอบพี่สาวสไตล์ลิสต์ที่รอคำตอบอยู่
“ชื่อเลย์ครับ”
“ค่ะ คุณเลย์หน้าสวยจังเลยนะคะ”
“อ่า...อย่าพูดคำว่าสวยกับผู้ชายสิครับ”
คริสถึงกับหลุดขำออกมาในทันทีเมื่อคนหน้าหวานพูดจบ บางทีเลย์น่าจะชินได้แล้วที่โดนคนอื่นชมแบบนี้ เพื่อนในห้องน่ะพูดบ่อยจะตายไป แต่อีกคนก็ดูจะไม่ชอบใจเอาเสียเลย แต่นั่นเลย์กลับตอบพี่สาวสไตล์ลิสต์ด้วยน้ำเสียงที่น่ารักทั้งยังอ่อนหวาน ทีกับเขานะ ทั้งห้วนทั้งแข็งกระด่าง แต่ก็คิดในแง่ดีแหละว่าจะได้ไม่เหมือนใคร
“พี่ต้องขอโทษด้วยนะคะ แต่พี่พูดตามความจริงนี่นา”
“ฮ่าๆ ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ได้คิดอะไร”
รอยยิ้มหวานระบายบนใบหน้าน่ารักจนคนที่นั่งทำผมอยู่ต้องมองเงาสะท้อนจากกระจกของคนที่นั่งอยู่บนโซฟาอย่างนึกน้อยใจ รอยยิ้มแบบนั้นคริสแทบจะไม่เคยได้รับมันจากอีกคนเลยด้วยซ้ำ และนั่นเมื่อเลย์เห็นว่าเขามองอยู่ก็รีบหุบยิ้มไปทันที ไม่วายยังแลบลิ้นใส่จนคริสต้องเผลอยิ้มออกมาอย่างนึกเอ็นดู
.
.
พี่สาวทั้งหลายเมื่อแต่งหล่อให้กับทายาทเจ้าของงานเสร็จแล้วก็ต่างแยกย้ายออกจากห้องกันไปหมด เหลือไว้เพียงคนทั้งสองกับห้องเงียบๆที่เป็นใจสำหรับร่างสูงที่มักจะชอบฉวยโอกาสกับอีกคนอยู่ตลอด
คริสค่อยๆเดินเข้าไปหาคนหน้าหวานที่เอาแต่นั่งจิ้มหน้าจอโทรศัพท์อยู่อย่างตั้งใจ หย่อนกายนั่งลงข้างๆก็วาดแขนโอบกอดเอวบางให้เข้ามาหา ก่อนจะส่งปลายจมูกโด่งไปคลอเคลียอยู่ที่ข้างแก้มนิ่มจนอีกคนต้องเบือนใบหน้าหนีไปอีกทาง
“อู๋ฟาน!”
“หื้ม?”
“อย่ามาเนียน!”
เลย์ถลึงตาใส่อีกคนก่อนจะค่อยๆขยับกายหนีให้ห่าง เนี่ยไงถึงบอกว่าเปลืองเนื้อเปลืองตัวตลอดเวลาน่ะ นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่แปบเดียวก็เจอดีอีกแล้ว
ก๊อก ก๊อก ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูที่ขัดขึ้นทำให้ทั้งคริสและเลย์ต้องหันไปมองเป็นตาเดียว ก่อนแผ่นไม้สีน้ำตาลบานหนาจะค่อยๆเปิดออกพร้อมกับผู้มาใหม่ที่ส่งยิ้มมาให้ ทำเอาเด็กหนุ่มทั้งสองถึงกับมึนงงไม่น้อย
“พร้อมรึยังคะคุณคริส? เชิญคุณคริสไปสแตนด์บายที่ด้านหลังเวทีได้เลยนะคะ คุณแม่ท่านก็รออยู่ด้วยค่ะ”
หญิงสาวท่าทางทะมัดทะแมงพร้อมกับในมือที่ถือแผ่นกระดาษมากมาย เดินมาบอกกำหนดการกับคริสให้รับรู้ ก่อนจะเดินออกไปอีกครั้งเพื่อทำภารกิจของตัวเอง
“นายไปรอที่หน้าเวทีแล้วกัน เสร็จงานแล้วเดี๋ยวฉันตามไป” หันไปเอ่ยกับคนหน้าหวาน คริสก็ค่อยๆลุกขึ้นยืนก่อนทำท่าจะเดินออกไป จากห้องแต่งตัว
“อู๋ฟาน....” เสียงหวานเอ่ยรั้งขึ้นมาจนคริสต้องหยุดเท้าไว้แค่นั้น ก่อนจะหันกลับไปมองหน้าเจ้าของเสียงพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไร “ตั้งใจด้วยล่ะ” เพียงแค่นั้นคนที่เอ่ยคำพูดเมื่อครู่ก็เดินออกไปจากห้องแต่งตัวทันที ปล่อยให้คนที่มองตามอยู่ต้องตะโกนไล่หลังไปอีกครั้งอย่างนึกแกล้ง
“นี่มันเป็นการให้กำลังใจอย่างนึงใช่ไหมอี้ชิง?”
คริสถึงกับหัวเราะออกมาเมื่ออีกคนที่เดินจากไป ยกมือขึ้นปิดหูเหมือนไม่อยากฟังสิ่งที่เขาพูด คงตรงจุดเข้าให้สินะถึงรีบเดินหนีไปอย่างนั้น อยากจะให้กำลังใจก็บอกกันตรงๆก็ได้ ไม่เห็นจะอ้อมค้อมหรือทำเสียงแข็งแบบนั้นเลย
.
.
คนหน้าหวานมายืนรอที่หน้าเวทีตามที่อีกคนบอก รอเวลาเพื่อให้นายแบบและนางแบบทั้งหลายได้เดินออกมายลโฉมพร้อมกับโชว์เครื่องประดับอัญมณีราคาแพงที่สวมใส่อยู่ ภายในงานเต็มไปด้วยนักข่าวและสื่อมวลชนมากมายล้อมรอบเวทีเต็มไปหมด นั่นทำให้เลย์รู้ได้ว่างานนี้มันคงจะใหญ่มากจริงๆ
“เวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึงแล้วนะครับ ต่อไปจะเป็นการเดินแบบโชว์เครื่องประดับอัญมณีที่หายากของแบรนด์ยักษ์ใหญ่อย่างตระกูลอู๋ ขอเสียงปรบมือด้วยครับ”
สิ้นเสียงประกาศจากพิธีกรหนุ่ม เสียงปรบมือก็ดังกึ่งก้องไปทั่วทั้งห้องโถง พร้อมกับเพลงที่ค่อยๆบรรเลงดังขึ้นเรื่อยๆเพื่อประกอบการเดินแบบ ก่อนจะเผยโฉมนายแบบและนางแบบมากมายที่เรียงแถวเดินออกมาจากหลังเวทีทีละคน
คนหน้าหวานจดจ้องสายตาไปบนเวทีแคทวอล์คอย่างตั้งใจ รอคอยใครบ้างคนที่ก็เป็นส่วนหนึ่งในคนที่เดินยลโฉมเหล่านั้น ภายในอกมันเต้มโครมครามเพราะความตื่นเต้น เลย์กำลังตื่นเต้นแทนคริส ก่อนหน้านั้นก็อยากจะเอ่ยให้กำลังใจอีกคนมากกว่าคำสั้นๆเหมือนกัน แต่เพราะปากแข็ง จะเอ่ยไปแต่ละคำก็ยากซะเหลือเกิน
รอยยิ้มพรายเผยขึ้นบนใบหน้าหวานทันทีเมื่อเห็นอีกคนเดินออกมา แทบจะละสายตาไปจากภาพตรงหน้าไม่ได้เลยเมื่อคนที่อยู่บนเวทีช่างดูสง่าและหล่อเหลา คริสเดินออกมาอย่างมาดมั่นเหมือนกับเป็นมืออาชีพก็ไม่ปราน ลบภาพเด็กหนุ่มมัธยมปลายออกไปได้อย่างสิ้นเชิง ใบหน้าเรียบเฉยเวลาเดินไปแต่ละย่างก้าวมันช่างดูมีสเน่ห์และดึงดูด ทำเอาคนที่มองดูอย่างเลย์ถึงกลับหัวใจสั่นคลอนได้เป็นอย่างดี
“ไอ้บ้า....”
กำลังมองภาพลักษณ์ของอีกคนจนเพลิน ก็ต้องพึมพำออกมาเบาๆพลางเสมองไปทางอื่นเหมือนกลับไม่ได้สนใจ เมื่อคนที่อยู่บนเวทีวาดมือขึ้นไว้แนบอกเป็นรูปหัวใจ ก่อนจะหันมาทางเขาทำเอาก้อนเนื้อในอกเต้นรัวไปหมด แล้วไอ้รอยยิ้มแบบนั้นน่ะเลิกสักที รอยยิ้มมุมปากที่ทำเอาเขาเกือบล้มทั้งยืน เลย์ไม่ชอบใจเอาเสียเลย
.
.
.
ติ้ด ๆ ~~~~~
[อยู่ที่ห้องแต่งตัว เดินมาหาหน่อยได้ไหม?]
หลังจากงานเลิก เมื่อได้รับข้อความจากอีกคน เลย์ก็รีบเดินย้อนกลับไปยังสถานที่เดิมในตอนแรกอีกครั้ง สาวเท้าไปตามทางเดินอย่างชำนวญเส้นทาง ก็จะไม่ให้ชำนาญได้ยังไงล่ะ ตอนเป็นเด็กก็มาเดินเล่นที่โรงแรมแห่งนี้ออกจะบ่อย กำลังเอื้อมมือหมายจะเปิดประตูบานหนาเข้าไป คำพูดของใครบางคนในห้องก็ทำเอาร่างกายช้าวาบไปทั้งตัว
“กลับไปอยู่ที่จีนกับแม่ไหมอู๋ฟาน?” ประโยคคำถามของคนเป็นแม่ ทำเอาเด็กหนุ่มถึงกับถอนหายใจ ไม่รู้ว่ากี่ครั้งที่ได้ยินคำๆนี้ที่ออกมาจากริมฝีปากเคลือบลิปสติกของอีกคน
“คุณแม่ต้องการอะไรครับ?”
“แม่แค่อยากใช้เวลาอยู่กับลูกบ้าง เราไม่ได้อยู่ด้วยกันมากี่ปีแล้วลูกจำได้หรือเปล่า?”
“……………………………..”
“แม่ไม่อยากปล่อยลูกให้อยู่คนเดียวอีก แม่ขอโทษที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ได้ดูแลลูกเลย ลูกคงลำบากมากใช่ไหม?”
หญิงวัยกลางคนเอ่ยออกมาเพราะรู้สึกผิดต่อลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียว เพราะปล่อยให้คริสใช้ชีวิตอยู่ลำพังมานานมากแล้ว ตอนนี้ได้ที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งเสียทีก็อยากจะใช้เวลาที่มีทดแทนให้คนเป็นลูกบ้าง
“ผมโตแล้วนะครับคุณแม่ ตอนนี้ผมก็มีความสุขดี สุขมากกว่าครั้งไหนๆที่เคยพบเจอมา เวลาที่ชีวิตผมกำลังจะไปได้ดี ทำไมคุณแม่ต้องพรากมันไปทุกครั้งด้วยครับ ผมไม่เข้าใจ”
“อู๋ฟาน...” หญิงวัยกลางคนถึงกับนิ่งไปในทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของลูกชาย ก่อนจะโผลกอดคนเป็นลูกเอาไว้ในอ้อมกอดด้วยความรัก ยกมือหยาบขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มไปมาด้วยความอ่อนโยน เพราะไม่เคยเลยสักครั้งที่จะมอบความสุขและความอบอุ่นให้กับลูกคนนี้ แต่ก็ตัดสินใจแล้ว “….กลับไปจีนกับแม่นะ”
เลย์ที่ยืนฟังอยู่ได้สักครู่ก็ถึงกับหมดเรี่ยวแรง หัวใจมันหล่นวูบทันทีที่ได้รับรู้ว่าคุณน้าข้างบ้านคนนั้นกำลังจะพาคริสจากเขาไปอีกครั้ง กว่าจะเจอกันก็ไม่ใช่ง่ายๆ ทำไมถึงจะพาคริสกลับไปให้เขาต้องคิดถึงอีก
เท้าเล็กค่อยๆออกเดินกลับไปทางเดิมที่เคยผ่านมา ลากเท้าไปตามพรมรองพื้นของโรงแรมอย่างเหนื่อยอ่อน นัยน์ตาคู่สวยเริ่มร้อนผ่าวเมื่อภายในอกมันกำลังตีรวนความรู้สึกทั้งหมดให้ออกมา ใช่แล้ว เขากำลังกลัว เลย์กลัวว่าจะไม่ได้เจอคริสอีก ไม่ได้อยู่กับคริสเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ นี่โชคชะตากำลังเล่นตลกอะไรกันอยู่นะ ถึงต้องกลั่นแกล้งกันแรงๆแบบนี้
.
.
.
“อี้ชิง! ฉันบอกให้ไปหาที่ห้องแต่งตัวไง ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้”
คริสที่เพิ่งเดินมาถึงที่นั่งพักแขกตรงหน้าเคาน์เตอร์ของโรงแรมเอ่ยถาม ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปหย่อนกายนั่งข้างๆคนตัวเล็กที่แสดงสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีออกมาให้เห็น
“พอดีเมื่อยขาก็เลยมานั่งรอตรงนี้”
“ฉันทำให้นายลำบากรึเปล่าเนี่ย?”
“ไม่....ไม่เลยสักนิด”
หัวทุยส่ายไปมาเป็นเชิงปฏิเสธ ก่อนจะเหลือบมองสีหน้าคนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างๆกันเพื่อสังเกตุปฏิกิริยาของอีกคนหลังจากได้คุยกับคนเป็นแม่
“กลับกันเถอะ เดี๋ยวฉันให้คนขับรถไปส่งนายที่บ้าน”
“เดี๋ยว!...”
คนที่กำลังจะลุกขึ้นยืนถึงกับชะงักไปในทันทีเมื่ออีกคนทำเหมือนมีอะไรบ้างอย่างที่อยากจะพูดต่อ ไม่วายยังส่งมือบางมายื้อที่ชายเสื้อของเขาไว้แน่นอีก ทำให้คริสต้องขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นปมเพราะเริ่มตามอีกคนไม่ทัน ก่อนจะถามความต้องการจากคนหน้าหวานอีกครั้ง
“มีอะไรหรือเปล่า?
“ไม่อยากกลับบ้าน”
“หื้ม? แล้วอยากไปไหนต่อล่ะ?” คริสยังคงถามอีกคนอย่างไม่เข้าใจ เห็นท่าทางแปลกๆก็เริ่มรู้สึกได้ว่าเลย์ต้องมีเรื่องอะไรอย่างแน่นอน
“ไม่ได้อยากไปไหน”
คำตอบของอีกคนทำเอาคริสต้องกลอกตาไปมาอย่างเหนื่อยอ่อน ตกลงว่าเลย์จะเอายังไงกันแน่ บอกไม่อยากกลับบ้าน ถามว่าจะไปไหนต่อก็บอกว่าไม่อยากไป แล้วอะไรที่คนหน้าหวานต้องการกันแน่ล่ะ
“อ่าว! แล้วเอายังไง? นายแปลกๆนะเนี่ย”
“จะไปนอนกับนาย”
สิ้นเสียงหวาน นัยน์ตาคู่คมก็พลันเบิกกว้างด้วยความตกใจ นั่นเลย์พูดอะไรออกมารู้ตัวบ้างหรือเปล่า ทีเมื่อก่อนเขาขอร้องให้มานอนด้วยกันตั้งหลายหนไม่ยักจะอยากมา อยู่ๆก็จะมานอนกับเขาเนี่ยนะ อารมณ์ไหนวะ
“เอาอีกทีดิ ชัดๆ” คริสถามย้ำอีกครั้ง คิดไปแล้วว่าตัวเองต้องหูเพี้ยนแน่ๆ
“ก็นั่นแหละ!”
“อะไรคือนั่นแหละ?”
“....ก็เออ! ไปนอนด้วย” เลย์แทบจะส่งมือไปฟาดอีกคนแรงๆสักทีสองทีด้วยความหมั่นไส้ ทำเป็นไม่รู้เรื่องว่าเขาพูดอะไร แต่จริงๆน่ะรู้อยู่เต็มอก
“นอนกับใครล่ะ?”
“ถ้างั้นฉันกลับบ้านก็ได้ จบนะ!” พูดแค่นั้นร่างบางก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินตึงตังออกไปหน้าโรงแรมทันที ร้อนถึงคริสที่ชอบกวนประสาทอีกคนต้องออกไปตามง้ออย่างไม่มีข้อแม้
“อี้ชิง! หยุดก่อน ยอมแล้วๆ ฉันไม่แกล้งแล้ว ไปนอนด้วยกันนะ” เดินตามมาประชิดร่างอีกคนได้ คริสก็รั้งข้อมือบางไว้ทันที ก่อนจะจับไหล่เล็กของอีกคนให้หันมาประจันหน้ากันตรงๆ ไม่น่าเล่นเลยจริงๆ เกือบพลาดโอกาสดีๆไปแล้วนะคริส
“เปลี่ยนใจแล้ว จะกลับบ้าน!”
ใบหน้าหวานยู่ลงเพราะอีกคนน่ะเอาแต่ชอบแกล้ง อดส่าห์อยากจะใช้เวลาได้อยู่ด้วยกันให้มากๆ เพราะกลัวว่าอีกคนจะกลับไปจีนจริงๆ ถึงเวลานั้นคงไม่ได้อยู่ด้วยกันเหมือนอย่างเคยแน่นอน
“อ่า ขอโทษๆ เลิกงอนฉันได้แล้วนะ”
“จะกลับ!”
“ขอโทษน้า ก็แค่จะแกล้งเล่นเฉยๆ” พูดเสร็จใบหน้าหล่อก็โน้มลงไปจุมพิตเบาๆที่ริมฝีปากเคลือบใสของอีกคน ก่อนจะผละออกแล้วสวมกอดคนตรงหน้าไว้แน่น
คริสเอาแต่กอดเลย์ไว้อย่างนั้นโดยไม่พูดอะไร ท่ามกลางแสงไฟสลัวหน้าโรงแรมยามค่ำคืนที่เงียบสงัด บวกกับสายลมเอื่อยๆที่พัดโชยผ่านมาทำให้คนในอ้อมกอดต้องฟุบหน้าไปกับอกแกร่งของเขาเพื่อพักพิง
มือเล็กยกขึ้นสวมกอดคนตัวสูงกลับไป กระชับให้แน่นขึ้นเพื่อให้รู้ว่าอีกคนนั่นยังมีตัวตนอยู่ตรงหน้า บางครั้งก็ควรจะปล่อยใจตัวเองบ้าง รู้อยู่เต็มอกว่ารู้สึกยังไงกับอีกคน แต่เพราะแสดงออกไม่เก่ง สิ่งนี้ล่ะที่เลย์ทำมันไม่ได้
“เป็นอะไร หื้ม? วันนี้ทำไมไม่ดื้อเหมือนทุกวันล่ะ”
เสียงทุ้มเอ่ยถามแผ่วเบาเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหัวทุยของคนในอ้อมกอดอย่างนึกเอ็นดู เห็นอาการแปลกก็อดไม่ได้จะสงสัย เลย์ยอมง่ายไปรึเปล่านะวันนี้
“แปลกตรงไหน? ก็ปกติเหมือนทุกวันนั่นแหละ”
“ปากแข็ง”
“พูดจริง!”
“ไม่เชื่อ”
“ก็ไม่ต้องเชื่อดิ”
ปากแข็งซะเหลือเกิน ปล่อยใจแล้วหากแต่ไม่คิดจะปล่อยความรู้สึกของตัวเองตามไปด้วยเลย เลย์เอาแต่ฟุบหน้ากับแผ่นอกกว้างของอีกคนอยู่นิ่งๆ ก็เพราะว่ามันอุ่น ความอบอุ่นจากอีกคนมันแผ่มาถึงขั้วหัวใจของเขาได้จริงๆ
“อี้ชิง.....”
“ว่า?” สั้นอีกแล้ว คำพูดสั้นๆที่คริสก็เริ่มจะชินไปกับมัน
“ฉันมีอะไรจะบอก”
คำพูดของคริสทำเอาเลย์ก็ถึงกับเกร็งไปหมดทั้งตัว ก้อนเนื้อภายในอกมันเริ่มเร่งจังหว่ะขึ้นเรื่อยๆเมื่อลุ้นตัวแทบโก่งว่าอีกคนจะพูดอะไรออกมา หรือว่าเรื่องที่เขากำลังคิดอยู่จะเป็นเรื่องจริง
“ร..เรื่องอะไร?”
ใบหน้าหวานผละออกจากอกแกร่งพลางจ้องมองอีกคนอย่างรอคำตอบ เสียงพูดสั่นเครือจนยากจะควบคุม เพราะความกลัวมันกำลังเข้ากัดกินหัวใจของเลย์อีกครั้ง ได้แต่ภาวนาว่าเรื่องที่กำลังคิดอยู่ขอให้มันตรงกันข้าม อย่าเป็นอย่างที่นึกกลัวเลย
“คือ....ฉันจะไป.....”
“ไปไหน?”
...ADOLESCENT...
*** มาอัพแล้วคร้า ขอโทษที่หายไปนาน ติดสอบบวกกับหมกมุ่นกับเดอะวิซาร์ดอยู่ งื้อออ TT0TT ดึกอะเกน มันป่วงยังไงก็อภัยให้ไรท์นะคะ แหงะ! นอนเช้ามาสองวันติดแล้ว เบลอและเอ๋อมาก 555555 มันเป็นข้ออ้างของไรท์เองมองข้ามมันไปค่ะ =_=
ปล. ฝันดีนะคะรีดเดอร์ ^^
ความคิดเห็น