ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO FIC] ADOLESCENT (KRISLAY FT. HUNHAN)

    ลำดับตอนที่ #7 : ll ADOLESCENT 7 ll

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.14K
      3
      18 เม.ย. 56



    ADOLESCENT 7

     

     


     


    :: อ่านก่อนจ้า ::
    ในเนื้อเรื่องตอนไหนที่เป็นบทพูดของอู๋ฟานและอี้ชิง ไรท์จะบรรยายโดยใช้ชื่อคริสเลย์เหมือนเดิมนะคะ ไม่งงกันนะ ^^ 












     

    การที่นอนโอบกอดกันตลอดทั้งคืน….

    ตื่นขึ้นมาเห็นหน้าของกันและกันในเช้าวันใหม่….

    มาโรงเรียนพร้อมกันอย่างผิดวิสัย

    ทั้งยังกุมมือกันเดินขึ้นห้องเรียนแบบนี้อีก....

    มันอาจจะดูเป็นเรื่องที่ผิดปกติไปสักหน่อยสำหรับคนที่เป็นเพื่อนกัน แม้จะเป็นเพียงวันๆเดียวที่คนตัวเล็กไปค้างคืนที่คอนโดของคริสเพื่อทำรายงาน แต่นั่นเจ้าของห้องก็บอกได้เลยว่ามีความสุขที่สุด รู้สึกเหมือนว่าที่เขากำลังทำอยู่มันเป็นสิ่งที่คนทั้งคู่ปฏิบัติด้วยกันมาจนเคยชิน หากแต่นี่มันกลับเป็นครั้งแรกที่คนอย่างคริสได้ใกล้ชิดและทำตัวตามสบายกับเลย์ได้อย่างที่หวังไว้

     




     

    อ้ะ! ผ้าเช็ดหน้าของนาย ฉันซักมาคืน กะว่าจะให้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่ดันลืมไปสนิทเลย

    ใบหน้าหล่อหันไปมองมือเล็กที่ยื่นผ้าผืนบางสีน้ำเงินเข้มที่เขาใช้อยู่เป็นประจำมาให้ตรงหน้า ก่อนจะยกมือข้างที่ยังว่างอยู่เอื้อมไปหยิบมันแล้วยัดลงกระเป๋ากางเกงในทันที

     

     

    จริงๆนายไม่ต้องคืนก็ได้นะอี้ชิง

     

     

    ทำไมล่ะ? ก็นั่นมันของๆนาย

    เสียงหวานเอ่ยถามด้วยความสงสัย พร้อมกับใบหน้าน่ารักที่หันไปมองคนตัวสูงซึ่งเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามที่ลอยเคว้งอย่างต้องการคำตอบ

     
     

    อีกหน่อยเราก็จะเป็นของกันและกันแล้ว ของๆฉันก็เหมือนของๆนายนั่นแหละ

     พูดทีเล่นทีจริงจนคนฟังจำต้องเบือนใบหน้าหนีไปอีกทางอย่างเขินอาย คำพูดที่ออกมากจากเรียวปากของคนตัวสูง เลย์บอกได้เลยว่าไม่มีคำไหนที่เขาชอบแม้แต่คำเดียว แต่เป็นเพราะคนพูดต่างหากที่ทำเอาช่วงนี้เขาก็ชอบคำพูดเลี่ยนๆแบบนี้ขึ้นมาซะเฉยๆ

     

     

    หรอ? ฝันไปเถอะ!”

    พูดเสร็จเลย์ก็ดึงมือของตัวเองออกจากการกอบกุมของอีกคนในทันที เดินนำหน้าเข้าไปในห้องเรียนโดยไม่ได้รู้เลยว่าคนที่ยืนดูอยู่นึกเอ็นดูกับท่าทางน่ารักนั่นขนาดไหน ปากก็บอกว่าฝันไปเถอะ แต่หน้าขาวๆที่แดงระเรื่อมันกลับช่างน่าขันซะเหลือเกิน

     
     

    ใจร้ายตลอดคริสบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ หากแต่อีกคนก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน

     
     

    ก็แค่กับบางคน

     
     

    บางคนที่นายว่านั่นรวมฉันอยู่ด้วยใช่ไหม?”

     
     

    มั้ง!"

    ตอบเสียงห้วนๆตามแบบฉบับของตัวเอง เลย์ก็วางกระเป๋าเป้ไว้บนโต๊ะเรียนก่อนจะเดินไปที่ชั้นหนังสือเพื่อจัดวิชาที่จะใช้เรียนในคาบแรกของวันเหมือนอย่างปกติ

     

     

     

    อี้ชิง


    กายบางสะดุ้งน้อยๆเมื่อแขนแกร่งของอีกคนที่คิดว่าเจ้าตัวยังคงยืนอยู่ที่โต๊ะกลับมากอดรัดอยู่ที่รอบเอวของเขาจากทางด้านหลังอยู่ในตอนนี้ พร้อมกับเสียงกระซิบแผ่วเบาที่เรียกชื่อจริงของเขาอยู่ข้างใบหูจนใจเต้นรัวไปหมด

     

     

    ปล่อยน่าอู๋ฟาน นี่มันโรงเรียนนะ!” ถึงกับวางหนังสือในมือที่จัดไว้ลงที่ชั้นในทันที เมื่ออีกคนไม่ใช่แค่กระซิบแต่กลับส่งปลายจมูกโด่งลงมาคลอเคลียที่ซอกคอขาวของเขาอย่างเอาแต่ใจ

     

     

    ไม่มีใครเห็นหรอก

     
     

    ไม่เอา! นายก็เป็นแบบนี้ตลอด ฉันเป็นเพื่อนนายนะพูดแค่นั้นเลย์ก็ค่อยๆแกะมือหนาที่กอดรัดอยู่ที่เอวออกไป แต่ก็รู้อีกใช่ไหมว่ามันไม่ง่ายเลย อีกคนกลับเอาแต่โอบกอดเขาแน่นจนขยับเขยือนไปไหนแทบไม่ได้

     
     

    อ๊ะ!...จะทำอะไร?”  นัยน์ตาคู่สวยเบิกโพลงด้วยความตกใจเมื่ออีกคนที่ตัวใหญ่กว่า อยู่ๆก็กระชับรอบเอวของเขาไว้แน่นแล้วยกขึ้นให้นั่งอยู่บนโต๊ะเรียนที่อยู่ข้างๆชั้นหนังสืออย่างไม่ทันให้ตั้งตัว

     

    แขนแกร่งทั้งสองข้างเท้าลงที่โต๊ะคร่อมกายเล็กของคนที่นั่งอยู่ด้านบนอีกทีเพื่อไม่ให้หนีไปไหนได้ ก่อนจะส่งใบหน้าหล่อเข้าไปใกล้แล้วกดปลายจมูกโด่งฝังลงที่แก้มนิ่มหวังซึมซับความหอมละมุนในยามเช้าก่อนคาบแรกให้ติดขึ้นมาที่ปลายจมูกจนพอใจ

     

     
     

    อ่า...นายเนี่ยไม่คิดจะฟังฉันเลยใช่ไหม? ก็บอกแล้วว่าไม่ได้อยากเป็นแค่....

     
     

    หยุดๆ ไม่ต้องพูดเลย!

    ไม่ทันที่คริสจะได้พูดจบ เลย์ก็รีบสวนขึ้นมาตัดบทไปเสียก่อน มือบางยกขึ้นปิดหูตัวเองเหมือนไม่อยากรับฟัง หากแต่รู้ดีว่าคริสจะพูดอะไรออกมา และนั่นเขาก็ไม่พร้อมที่จะฟังคำๆนั้นอีกครั้ง ถึงแม้จะรู้สึกดีกับคำพูดประโยคนั้นมากแค่ไหนก็ตาม

     

     

    นายรู้ว่าฉันจะพูดอะไร?”  คริสเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ก่อนจะยกยิ้มที่มุมปากเมื่อได้เห็นใบหน้าขาวที่ขึ้นสีระเรื่อในระยะใกล้ขนาดนี้ ไม่อาจข่มใจตัวเองได้เลยเมื่อคนตรงหน้าช่างน่ารักและดึงดูดเขาซะเหลือเกิน

     
     

    ไม่รู้ ไม่อยากฟัง ไม่สนอะไรทั้งนั้นแหละ!”

     ใบหน้าหวานส่ายไปมาพลางหลับตาปี๋ พร้อมกับมือที่ปิดหูอยู่นั้นก็ปิดมันแน่นโดยไม่คิดจะปล่อยออก ไม่อยากรับฟังให้ตัวเองหลอมละลาย ไม่อยากทำตัวน่าอายต่อหน้าอีกคน เพราะรู้ดีว่าถ้าได้ฟังคำๆนั้นแล้วจะหุบยิ้มไม่ได้อีกเลย

     


     

    แต่...ฉันก็ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อน

     

    สิ้นเสียงทุ้ม มือบางจึงรีบผลักอกแกร่งของคนตรงหน้าให้ออกห่างก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบหนังสือที่จัดไว้แล้วที่ชั้นกลับไปนั่งที่ของตัวเองอย่างลุกลน ไม่วายก็เหลือบมองอีกคนอย่างหวาดระแวงจนคริสเองก็แทบจะหลุดขำออกมาในทันที

     

     

    ยกยิ้มกับอาการเขินแปลกๆผสมกับอาการหวาดระแวงของคนหน้าหวานได้ไม่นาน ก็รับรู้ได้ถึงแรงสะกิดที่ไหล่หนาเบาๆจนต้องหันใบหน้าหล่อไปมองด้านหลังเพื่อดูว่าเป็นใครที่เข้ามาในตอนนี้ ก่อนจะพบเพื่อนตัวเล็กที่ยืนยิ้มกรุ้มกริ่มให้เป็นเชิงแซว นั่นก็ทำให้ใบหน้าหล่อที่ฉีกยิ้มอยู่ในตอนแรกจำต้องหุบลงในทันทีเพื่อเข้าสู่โหมดปกติอีกครั้ง

     
     

     

    แบคฮยอน! ทำไมมึงมาเช้าจัง?” ทำอะไรไม่ถูกก็ตั้งคำถามให้เพื่อนสนิทที่ยังกอดอกยืนยิ้มอยู่ในทันที

     
     

    กูก็มาเช้าของกูเป็นประจำ ว่าแต่ช่วงนี้มึงมาเช้าบ่อยเหมือนกันนะคริส

     
     

    กูก็อยากเปลี่ยนตัวเองบ้างตอบเสียงเรียบไปให้แบคฮยอน คริสก็หันหน้ามองนกมองไม้ออกไปนอกหน้าต่างจนเพื่อนตัวเล็กก็ถึงกับอมยิ้มกับความไม่เนียนของเขาอย่างนึกขัน

     
     

    เปลี่ยนเพื่อตัวเองหรือเปลี่ยนเพื่อใครน้อ?” แบคฮยอนพยายามเปล่งเสียงให้ดังขึ้นเพื่อให้คนหน้าหวานที่เพื่อนมีใจให้ได้ยินด้วยเช่นกัน และนั่นก็แทบจะหัวเราะร่วนเมื่อคนที่ตั้งใจให้ได้ยินก็สะดุ้งน้อยๆกับคำพูดเมื่อครู่ของเขา

     

     

    มึงนี่ไร้สาระ!”

    คริสบ่นค่อนขอดเพื่อนตัวเล็กไปอย่างหน้าตาย ไม่รอช้าขายาวก็รีบพาตัวเองให้เข้าไปนั่งที่โต๊ะเพราะไม่อยากอยู่ต่อล้อล่อเถียงกับแบคฮยอนอีกแล้ว แต่นั่นก็คิดไว้อยู่แล้วว่าคงเสียรู้คนอย่างแบคฮยอนแน่นอน

     
     

    กูเห็นนะมึงไม่ผิดเลยสักนิด แบคฮยอนรีบเดินตามคริสมาติดๆก่อนจะหย่อนกายนั่งลงข้างเขาที่ทำเป็นเมินเฉย

     

     

    “มึงเห็นอะไร?”

     

     

    เห็นตั้งแต่ที่ชั้นหนังสือเลย

     

    สิ้นเสียงน่าหมั้นไส้ของแบคฮยอน คริสก็หันขวั่บไปมองอีกคนด้วยความตกใจ อะไรคือการที่แบคฮยอนเห็นเขาตั้งแต่ที่ชั้นหนังสือ แบคฮยอนเห็นอะไร

     

     

    มึงหมายความว่า....เสียงทุ้มลากยาวเพื่อรอให้เพื่อนตัวเล็กได้ต่อประโยคของเขาให้จนจบ

     

     

    ก็หมายความว่ากูเห็นมึงกับเลย์ตั้งแต่ชั้นหนังสือนั่นแหละ! ฮิฮิ

     

     

     

    ไอ้เชี่ยแบค!”

     






     

    ...ADOLESCENT…

     

     







     

    อะไรอีกล่ะเซฮุน? ไปเรียนได้แล้วไปเสียงหวานเอ่ยบอกคนที่เอาแต่นั่งพิงศรีษะอยู่ที่ไหล่ของเขามาเป็นเวลานาน หากแต่ไม่คิดจะไปเรียนสักทีจนอดเป็นห่วงไม่ได้ว่าจะทำให้คนตัวสูงต้องไปเรียนสายเพราะเขาอีก

     

     

    นายไม่ไป ฉันก็ไม่ไปพูดเสร็จเซฮุนก็ผละหัวขึ้นจากไหล่เล็กแล้วจ้องมองอีกคนอย่างอ้อนๆ ในเมื่อลู่หานไม่อยากไปเรียน เขาก็ไม่อยากไปเหมือนกัน

     
     

    "แล้วเกี่ยวกับฉันตรงไหน? นายกับฉันอยู่คนละโรงเรียนกันนะ

     
     

    “แต่ฉันอยากอยู่กับนายหนิไม่พูดเปล่า เซฮุนยังค่อยๆขยับร่างกายให้เข้าไปแนบชิดอีกคนที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดียวกัน วาดแขนแกร่งขึ้นรั้งลำคอสวยของคนน่ารักให้เข้ามาซบที่แผ่นอกกว้างก่อนจะเกลี่ยนิ้วเรียวไปบนพวงแก้มนิ่มของอีกคนเล่นไปพรางๆ

     

     

    ฉันไม่อยากให้คนอื่นมากล่าวหาว่าฉันทำให้นายโดดเรียนหรอกนะลู่หานไม่ได้ขัดขืนอะไรที่คนตัวสูงเอาแต่กอดเขาแน่น แต่ก็พยายามอธิบายให้อีกคนเข้าใจว่าเขาไม่อยากเป็นต้นเหตุที่ทำให้เซฮุนต้องเสียการเรียน

     

     

    คนอื่น? ใคร?”

     

     

    ก็...เอ่อ...ช่างเหอะ!”

    คิดคำตอบไปให้อีกคนไม่ได้ แขนเล็กจึงสอดเข้าที่เอวหนาของเซฮุนก่อนจะกอดไว้แน่นเหมือนกับที่อีกคนปฏิบัติกับเขาด้วยเช่นกัน ไหนบอกว่าไม่อยากให้เซฮุนโดดเรียน แต่กลับกอดเอาไว้ซะแน่นนี่หมายความว่ายังไง

     
     

     

    ฉันไม่ไปเรียนนะ?” เสียงทุ้มเอ่ยถามเป็นเชิงขออนุญาติจากคนตัวเล็กที่ช่วงนี้เขาให้ความสำคัญมากซะเหลือเกิน

     

    ฉันเคยห้ามนายได้หรอ

    ใบหน้าน่ารักค่อยๆเงยขึ้นมองใบหน้าหล่อของคนตัวสูงช้าๆ กระพริบตาปริบเมื่อไม่คิดว่าวันนี้จะรักคนที่ชื่อเซฮุนเข้าแล้วจริงๆ ทั้งๆที่ไม่มีแววเลยแม้แต่น้อยว่าจะได้มอบหัวใจให้กับคนๆนี้เลยสักนิด

     

     

    ลู่หาน

     

     

    หื้ม?”

     


     

    ....เป็นแฟนกันไหม?”

     

    สิ้นเสียงทุ้มที่เอ่ยขอกันเปรยๆ ลู่หานก็ถึงกับอึ้งไปในทันที ลืมหายใจไปชั่วขณะทั้งหัวใจที่คิดว่าเต้นมาด้วยจังหว่ะที่ปกติหากแต่ตอนนี้มันกลับเร่งขึ้นจนรวนไปเสียหมด ไม่อยากจะเชื่อหูว่าที่อีกคนพูดมานั้นมันจะเป็นความจริง จ้องมองคนตรงหน้าก็รับรู้ได้ว่าเซฮุนไม่ได้พูดเล่น สีหน้าท่าทางที่ฉายแววของความจริงจังเด่นชัดนั้น ทำให้ลู่หานไร้เรี่ยวแรงจนอ่อนยวบไปทั้งร่างกาย

     

     

    น...นาย พูดอะไรออกมาน่ะเซฮุนรู้ตัวบ้างรึเปล่า?” เสียงหวานเอ่ยถามติดขัดจนยากจะควบคุม หัวใจที่เต้นโครมครามอยู่ในอกตอนนี้มันแทบจะหลุดออกมาเต้นข้างนอกก็ไม่ปราน

     

     

    ฉันรู้ตัวหมดทุกอย่าง...ฉันคิดเรื่องนี้มานานแล้ว แต่...มันคงจะเร็วไปสำหรับนาย

     

     

    ช...ใช่ มันเร็วไป

    ลู่หานไม่ได้รู้ตัวเลยว่าพูดอะไรออกไป คำพูดที่เขาคิดไว้มันหลุดออกมาจากกลีบปากสวยจนคนที่ได้รับฟังก็ถึงกับแสดงสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าที่แสดงออกถึงความเศร้าสร้อยจนลู่หานรู้สึกผิดขึ้นมาจนเปี่ยมอก

     

     

    ฉันอยากดูแลนาย อยากเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตนาย อยากอยู่กับนายตลอดไป แต่ถ้ามันเร็วไปสำหรับนาย...ฉันก็จะรอยิ้มบางๆส่งไปให้คนตัวเล็กก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีก ไม่เป็นไรเลยถ้าอีกคนจะยังไม่ไว้ใจเขา แต่นั่นเซฮุนก็มั่นใจในหัวใจของตัวเองว่าจะมีแต่ลู่หานเพียงคนเดียว

     

     

    นายมั่นใจหรอว่าจะรับมือฉันได้น่ะ ก็รู้อยู่ว่าฉันเป็นคนยังไง?”

     

     

    แล้วที่ผ่านมาฉันรับนายไม่ได้ตรงไหน? นี่ก็เดือนกว่าแล้วนะ ไม่รู้สึกบ้างรึไงว่าฉันอยู่กับนายแทบจะตลอดเวลา มาหานายทุกวันนายลืมไปแล้วหรอ? เจอนายด่าทอทั้งนายยังลงไม้ลงมือกับฉันตลอด ถ้าทนไม่ได้ รับมือไม่ไหวก็คงจะไปตั้งนานแล้ว

     
    สิ้นเสียงทุ้มที่เอ่ยบอกความในใจมาเสียเนิ่นนาน ใบหน้าน่ารักกับดวงตากลมโตดั่งลูกกวางก็เหลือบขึ้นมองคนที่พูดมันไม่วางตา รู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่นัยน์ตาคู่สวยก่อนจะพร่ามัวเมื่อหยาดน้ำสีใสที่กำลังเอ่อคลออยู่มันบดบังภาพตรงหน้าจนเห็นอีกคนไม่ชัดเจน

     


     

    ถ้าคิดว่าจะทนฉันได้ ก็ดูแลหัวใจฉันให้ดีๆแล้วกันพูดแค่นั้นก็ก้มหน้าลงปล่อยให้หยาดน้ำไร้สีไหลลู่ลงข้างแก้ม ก่อนจะยกมือขึ้นปัดมันออกอย่างรวดเร็วพลางฉีกยิ้มหวานกับตัวเองด้วยความดีใจ

     

     

    ตอบแบบนี้แปลว่าตกลงใช่ไหม? ฉันรักนายนะลู่หานมือหนาค่อยๆเชยคางมนต์ของอีกคนขึ้นช้าๆก่อนจะช่วยเกลี่ยน้ำตาที่ข้างแก้มนิ่มให้แห้งเหือดไป ยิ้มละมุนให้คนน่ารักก่อนจะโน้มใบหน้าหล่อลงจุมพิตแผ่วเบาที่เปี่ยมไปด้วยความรักจุอยู่เต็มอกไปให้อย่างอ่อนโยนที่สุด

     

     

    ค้างไว้สักพักก็ดูดเม้มเบาๆ ให้อีกคนได้วูบหวามเล่น ก่อนจะกดปลางคางมนต์ให้ปากเล็กนั้นเผยอออกเพื่อเข้าไปควานหาความหอมหวานได้อย่างที่ใจต้องการ ส่งปลายลิ้นร้อนเข้าไปกวาดต้อนผ่านซี่ฟันที่เรียงตัวสวยของอีกคนอย่างโหยหา เห็นใบหน้าน่ารักที่ขึ้นสีเจือระเรื่ออ่อนอยู่ในกรอบม่านตาก็ถึงกับนึกพอใจ หัวใจในตอนนี้เซฮุนบอกได้เลยว่ามันยิ้มกว้างจนแทบจะปริก็ไม่ปราน

     

     

    เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้วเซฮุนผละริมฝีปากออกจากกันได้ไม่นาน เห็นสีหน้าอีกคนที่ขมวดคิ้วมุ่นอย่างจริงจังลู่หานก็อดจะเอ่ยแซวเสียไม่ได้

     

     
     

    ฉันทำหน้ายังไง?”

     
     

    ก็ทำหน้าหล่อแบบจริงจังที่ไม่ใช่เซฮุนคนก่อนยังไงล่ะ

     
     

    แล้วเมื่อก่อนฉันไม่หล่อรึไง? ก็แค่อยากจะโรแมนติกบ้าง นายก็ทำหมดฟิลซะหนิ

     
     

    หัวเราะร่วนให้กันอย่างมีความสุข ไม่รู้ว่าเวลาที่ผ่านมาอย่างรวดเร็วนั้นไปตกหลุมรักกันได้ตอนไหน คงเพราะความใกล้ชิดที่ทำให้ลู่หานเผลอใจไปให้เซฮุนเต็มๆ ช่วงเวลาที่เพื่อนสนิทอย่างเลย์ก็วุ่นอยู่กับหัวใจของตัวเองจนแทบไม่ได้คุยกับเขาเลย ทำให้ลู่หานก็ตัวติดกับเซฮุนจนเผลอมอบใจทั้งดวงไปให้อีกคนได้อย่างง่ายดาย เชื่อแล้วว่าเกลียดแบบไหนก็มักจะได้แบบนั้น มันเกิดขึ้นกับตัวเองซะแล้ว

     

     



     

     

    ก๊อก ก๊อก ก๊อกๆๆ

     

     


     

    เสียงขัดจังหว่ะความสุขดังขึ้นมาเสียดื้อๆ ส่งผลให้คนตัวเล็กต้องผละออกจากอ้อมกอดอบอุ่นของอีกคนพลันเดินไปเปิดประตูให้กับแขกผู้มาเยือนอย่างจำใจ เดินไปถึงกำลังจะเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู หากแต่ก็ใจไม่ดีเอาเสียเลย ไม่ประมาทก็ส่องตาแมวดูเพื่อให้แน่ใจว่าใครที่มาหา และนั่นก็ถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ทั้งก้อนเนื้อในอกซ้ายที่กำลังเต้นมีความสุขอยู่ก่อนหน้าก็ถึงกับหล่นวูบเมื่อเห็นว่าใครที่ยืนเคาะประตูอยู่หน้าห้อง

     




     

    พี่ยุนโฮ!”

    อุทานชื่อของผู้มาเยือนจนคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาต้องหันมามองด้วยความสงสัย ก่อนคนตัวเล็กจะวิ่งกลับไปหาคนที่ยังอยู่ที่โซฟาด้วยความตื่นตะหนก

     

     

     

    ใครคือยุนโฮ? บอกฉันมานะลู่หาน กิ๊กนายหรอ?”

     

     

    กิ๊กบ้านป้านายสิ! พี่ชายฉันโว้ย!”

     

    พูดด้วยอาหารลุกลนก็รีบรั้งกายสูงให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะดันแผ่นหลังกว้างนั้นให้ไปหาที่ซ่อนในทันที ไม่อยากจะคิดว่าถ้ายุนโฮเห็นเซฮุนอยู่ในห้องของเขาจะเป็นยังไง คงไม่ตายดีแน่ ไม่ใช่เขาที่ตายแต่เป็นเซฮุนนั่นแหละจะตาย

     

     
     

    พี่ชายแล้วไง? ทำความรู้จักไว้ก็ไม่เสียหายเซฮุนยังทำเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาว หากแต่คนตัวเล็กเจ้าของห้องนั้นแทบจะร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือดอยู่แล้ว

     

     

    อยากตายก่อนวัยอันควรใช่ไหม? ถ้านายไม่ไปซ่อน ฉันไม่รับรองนะว่านายจะกลับบ้านไปในสภาพไหน

     

    สิ้นเสียงหวานของคนน่ารัก เซฮุนก็รับรู้ได้ถึงความน่ากลัวของพี่คนรักเอาเสียแล้ว มีความสุขได้ไม่นานแท้ๆ ต้องมารับศึกหนักกับคนที่มาใหม่อีก ไม่รอช้าก็รีบวิ่งหาที่ซ่อนทันที หากแต่คอนโดห้องไม่กว้างมากของคนตัวเล็กจะมีที่ไหนที่พอจะซ่อนได้บ้าง ตัวสูงๆกับขายาวๆนี่ช่างยากลำบากเหลือเกิน

     


     

    เร็วๆดิเซฮุน!”

     

     

    ก็มันหาที่ซ่อนไม่ได้อ่ะ

     

     

    ตู้เสื้อผ้าๆ เร็วๆ

     

    เอ่ยบอกคนรักไปอย่างหน้าตาตื่น เมื่อเห็นว่าอีกคนหาที่หลบซ่อนเรียบร้อยดีก็วิ่งไปที่ประตู กระวนกระวายรีบเก็บรองเท้าผ้าใบของเซฮุนใส่ในตู้เก็บรองเท้าอย่างรวดเร็วพลางสูดหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อเรียกกำลังใจเมื่อรู้ว่าคนเป็นพี่ชายยืนอยู่อีกฝั่งของประตู อย่าว่าแต่ใครต่อใครที่กลัวยุนโฮเลย แม้แต่ลู่หานเองก็กลัวพี่ชายคนนี้ไม่แพ้กัน ไม่ได้กลัวอะไรทั้งนั้นแต่กลัวว่าไอ้คนที่กำลังหลบซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้านั่นต่างหากที่จะไม่รอด ใครยุ่งกับเขาไม่ได้สักคนเพราะยุนโฮหวงเขายิ่งกว่าอะไรดี ถ้ารู้ว่ามีแฟนแล้วยิ่งไม่อยากจะคิด แถมยังเพิ่งตกลงเป็นแฟนกับเซฮุนไปเมื่อกี้นี้เอง เจอจับได้มีหวังได้เลิกกันวันนี้แน่นอน ลู่หานงานเข้าแล้ว...

     

     







     

    …ADOLESCENT…

     

     

     

     



     

    แรงสั่นสะเทือนของเครื่องมือสื่อสารทำให้คนหน้าหวานที่กำลังให้ความสนใจกับอาจารย์หน้าชั้นเรียนถึงกับสมาธิหลุดในเดี๋ยวนั้น ก่อนจะล้วงมือบางเข้าไปควานหาเครื่องสี่เหลี่ยมเล็กในกระเป๋ากางเกงของตนเอง ดึงมันออกมาปลดล็อคหน้าจอดูก็ไม่วายขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัยเมื่อเห็นข้อความที่แสดงไม่ได้เมมชื่อไว้ในโทรศัพท์ และยิ่งแปลกใจเข้าไปอีกเมื่อเนื้อหาด้านในมันส่อแววแปลกๆ จนต้องยู่ปากอย่างนึกงง

     

     




     

    [คิดถึง ]

     

    ข้อความสั้นๆพร้อมกับอีโมติคอนรูปยิ้มที่ทำให้เลย์ก็ถึงกับยกมือขึ้นเกาหัว ไม่รู้ว่าคนที่ส่งมาเป็นใคร และไม่รู้ว่าที่ส่งมานั้นเพราะจุดประสงค์อะไรกันแน่ แต่นั่นกลับต้องเปลี่ยนความคิดตัวเองเสียใหม่เมื่อหันไปมองด้านหลังห้อง ก็รู้ได้ในทันทีว่าเจ้าของเบอร์แปลกคนนั้นเป็นใคร แล้วเอาเบอร์เขามาได้ยังไง แต่นั่นมันคงไม่ยากอะไรเลยถ้าอีกคนจะต้องการมัน

     


     

    คนตัวสูงที่นั่งกระตุกยิ้มมุมปากมาให้เขา ไม่วายยังขยิบตากวนปราสาทมาให้อีก ทำให้เลย์ถึงกับนึกหงุดหงิดทั้งยังหมั้นไส้อีกคนเป็นอย่างมาก แต่นั้นก็ไม่ปฏิเสธเลยว่าลึกๆข้างในของหัวใจมันกลับรู้สึกดีแบบแปลกๆ

     

     

     

    [คิดถึงบ้าคิดถึงบออะไร? ก็นั่งอยู่ในห้องเดียวกันเนี่ย!] กดส่งข้อความตอบอีกคนไปก็เหลียวไปมองด้านหลังห้องน้อยๆ ก่อนจะเห็นคนที่ได้รับข้อความนั้นก็ก้มหน้าก้มตาจิ้มหน้าจอโทรศัพท์ตอบกลับมาอย่างตั้งใจ

     

     

     
     

    ครืด ครืด ครืด ~

     

     

     

    [ไม่ได้คิดถึงบ้าคิดถึงบอ แต่คิดถึงอี้ชิงต่างหาก ]

     

    คนหน้าหวานถึงกับหลุดยิ้มเมื่อกดเปิดข้อความตอบกลับจากอีกคนออกดู ไม่รู้จะคิดถึงอะไรกันนักกันหนา เมื่อคืนก็อยู่ด้วยกัน มาโรงเรียนก็ยังเรียนห้องเดียวกันอีก มันน่าไหมเนี่ย

     


     

    [แหวะ!!]

    ข้อความสั้นๆที่บ่งบอกความเป็นตัวเองของคนตัวเล็กถูกส่งกลับไปอีกครั้ง แอบเหลือบไปมองด้านหลังก็แทบหลุดขำเมื่อไอ้คนที่ก้มดูข้อความที่ส่งไปให้กลับเบะปากอย่างไม่ชอบใจเอาซะเลย

     



     

    ครืด ครืด ครืด ~

     

     

    [ใจร้าย ตั้งใจเรียนนะ ]

     

    เห็นอีโมติคอนที่อีกคนส่งมาก็หัวเราะเบาๆอยู่คนเดียวเงียบๆ ใจจริงก็อยากจะหัวเราะดังๆให้มันลั่นห้องไปเลยแต่ก็เกรงใจอาจารย์ที่ยืนหัวโด่สอนหนังสืออยู่ อีโมติคอนไม่ได้เข้ากับคนอย่างคริสสักนิด แค่พิมพ์มาเฉยๆก็ได้แต่เจ้าตัวก็ทำอะไรไม่ได้คิดถึงนิสัยของตัวเองบ้างเลย

     



     

    [บอกตัวเองก่อนเหอะ! ตั้งใจเรียนด้วยล่ะ]

    ส่งกลับไปแค่นั้นก็เก็บโทรศัพท์ลงประเป๋ากางเกงเหมือนเดิม อมยิ้มกับความสุขเพียงเล็กๆน้อยๆก็ตั้งหน้าตั้งตาเรียนต่อไป ไม่วายเป็นระยะๆก็หันกลับไปมองคนที่นั่งหลังห้องว่าเป็นยังไงบ้าง ผ่านไปไม่นานสุดท้ายก็เหมือนเคย คริสเอาแต่ฟุบหน้าหลับเหมือนวันที่ผ่านๆมา แต่ก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้วที่ก็ยอมเข้ามาเรียน ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงจะไม่เห็นใบหน้าหล่อของอีกคนให้เขาได้หันไปมองแน่นอน

     

    .

     

    .

     


    .



     

    ตื่นได้แล้ว นอนกินบ้านกินเมืองจริงๆ

    เป็นเวลาเที่ยงวันที่เพื่อนๆในห้องออกไปทานข้าวที่แคนทีนกันหมด หากแต่คนตัวสูงเจ้าของเลือนผมสีบลอนด์ทองยังเอาแต่ฟุบหน้าหลับอยู่ตั้งแต่คาบเช้าโดยไม่คิดจะตื่นขึ้นมาสักที จนเลย์ต้องเข้าไปเขย่าแขนเพื่อปลุกอีกคนให้ไปทานข้าวกลางวันอย่างจำใจ

     


     

    จะกลับบ้านแล้วหรอ?” เอ่ยถามโดยไม่ได้เหลือบมองนาฬิกาเลยว่ามันกี่โมงกี่ยาม เห็นดังนั้นเลย์ก็แอบเผลอยิ้มออกมาพลางส่ายหน้ากับความเลอะเลือนของคนตัวสูง

     

     

    นี่มันเพิ่งจะเที่ยงเอง นายจะรีบกลับบ้านไปไหน?”

     

     

    อ้าวหรอ? งั้นไปทานข้าวกัน

    คริสค่อยๆลุกขึ้นยืนบิดซ้ายบิดขวาเพื่อผ่อนคลายร่างกายเพราะนอนท่าเดิมมาเป็นเวลานาน ทำท่าจะเอื้อมมือไปรั้งมือบางของอีกคนมากุมไว้ หากแต่คนหน้าหวานก็ไวกว่าชักมือเล็กกลับไปไขว้หลังไว้อย่างรวดเร็ว

     

     

    ฉันไม่หิว จะไปห้องสมุดบอกแค่นั้นก็เดินออกไปจากห้องอย่างไม่รีรอ ส่งผลให้คนตัวสูงที่ยืนตั้งสติอยู่นั้นต้องรีบเดินตามออกไปอย่ารวดเร็ว

     

     

    ไปห้องสมุดอีกและ ไปทานข้าวกับฉันสักวันไม่ได้หรอ?” เดินเข้าไปประชิดตัวอีกคนได้ก็เอ่ยขอร้องทันที ก่อนจะยกมือขึ้นจัดทรงผมของตัวเองให้เข้าที่เข้าทางเหมือนเดิม

     


     

    ก็บอกว่าไม่หิว

     

     

    ไม่หิวก็ไม่ต้องทานก็ได้ แค่ไปนั่งเป็นเพื่อนฉันเฉยๆ เมื่อเช้านายก็รู้ว่าฉันยังไม่ได้ทานอะไรเลย

    บอกว่าไม่ได้ทานหากแต่แซนด์วิชเมื่อเช้าที่มันเข้าไปอยู่ในท้องนั่นคืออะไร แต่เหมือนจะได้ผลเมื่อเลย์ก็ดูจะชั่งใจอยู่ไม่น้อย ก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางเดินนำหน้าเขาไปที่แคนทีนแทนโดยไม่เอ่ยพูดอะไรออกมาเลยสักคำ จนคนที่ขอร้องก็ถึงกับยกยิ้มอย่างนึกพอใจ คิดไว้อยู่แล้วไม่มีผิด นิสัยเลย์ก็ยังเหมือนตอนเด็กไม่มีเปลี่ยน ยังคงเป็นห่วงคนอื่นอยู่เสมอ

     

     




     

    คนทั้งคู่เดินเข้ามาในแคนทีนของโรงเรียนท่ามกลางสายตาของทุกคนที่มองมา มองมาเพราะนึกแปลกใจที่คนอย่างเลย์เข้ามาที่นี่ และมองมาเพราะเห็นทั้งคริสและเลย์ที่เดินเข้ามาด้วยกันอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ที่แปลกกว่านั้นคือคริสไม่ได้มากับหญิงสาวร่างเล็กหากแต่เป็นผู้ชายที่หน้าหวานไม่แพ้ผู้หญิงที่เขาควงมาในแต่ละครั้ง แต่นั่นก็ต้องหันกลับไปก้มหน้าก้มตาทานข้าวกันอย่างรวดเร็วเพราะใบหน้าหล่อที่เย็นช้ากำลังกวาดม่านตาคมมองกลับไปจนทุกคนก็นึกกลัว

     


     

    นายไปนั่งรอก่อนแล้วกัน เดี๋ยวฉันไปซื้อข้าวก่อนเสียงทุ้มเอ่ยบอกเลย์ไว้แค่นั้นก็เดินไปซื้อข้าวที่ร้านประจำของเขาเหมือนอย่างเคย

     

     

    คริสเดินนำข้าวมาไว้ที่โต๊ะก่อนจะเดินไปซื้อน้ำอีกครั้ง ไม่วายก็ซื้อมาเผื่อคนหน้าหวานที่นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือข้ามเวลาด้วยอีกแก้ว แววตาที่ใส่ใจ ดูไม่เย็นช้า ทั้งยังการดูแลของคริสที่มีต่อเลย์ก็ทำให้ทุกคนนึกสงสัยในความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่

     

     

     

    นายอึดอัดรึเปล่า?”

     

    หย่อนกายนั่งลงฝั่งตรงข้ามคริสก็เอ่ยถามเลย์ในทันที รู้ดีว่าคนหน้าหวานคนนี้ก็เป็นที่รู้จักของคนในโรงเรียน และคริสก็รู้ตัวเองดีว่าเขานั้นมีชื่อเสียงในเรื่องอย่างว่ามากแค่ไหน นั่นทำให้คริสอดจะเป็นห่วงความรู้สึกของเลย์ไม่ได้ที่มีแต่คนจับจ้องแบบนี้

     


     

    นายทานข้าวไปเถอะ ฉันโอเค

     

     

    มั่นใจนะ?”

     


     

    อือ

     

    ตอบแค่นั้นก็เอื้อมไปหยิบแก้วน้ำที่คริสซื้อมาให้ดูดเข้าปาก ก่อนจะก้มหน้าอ่านหนังสือไปโดยไม่สนสายตาของใครทั้งนั้น สายตาที่มองมาแบบนี้เลย์ชินเสียแล้ว แต่ที่เบื่อคือทุกคนเอาแต่สนใจเรื่องของเขาจนน่ารำคาญ ก็ตั้งแต่ประธานนักเรียนที่พ่วงตำแหน่งประธานชมรมที่เขาอยู่อย่างซูโฮเข้ามาสานสัมพันธ์ ทุกคนก็ดูจะอยากรู้อยากเห็นเรื่องของเขาไปซะหมด และนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงไม่อยากมาทานข้าวกลางวันเหมือนคนอื่นๆ

     


    "พรุ่งนี้นายไปกับฉันนะอี้ชิง" ประโยคขอร้องที่เหมือนจะเป็นการออกคำสั่งของคริส ทำให้เลย์ต้องแสดงออกว่าไม่เข้าใจอีกครั้ง จะมาทีก็ไม่มีการเอ่ยนำก่อนเลย โผงผางตลอดเวลาจนตามไม่ทันอยู่เสมอ




    "ไปไหน?"



    "นายลืม? ก็ไปงานแสดงอัญมณีของครอบครัวฉันไง"



    "ขอคิดก่อน"



    "ไม่ให้คิด นายต้องไป!" พูดแค่นั้นก็ไม่คิดจะให้เลย์ได้ต่อประโยคอะไรอีกลย อย่าว่าแต่เลย์ที่เอาแต่ใจ คริสเองก็เอาแต่ใจไม่แพ้กันนั่นแหละ


    .


    .



     


    อ้าปาก

    ก้มหน้าอ่านหนังสือไปได้ไม่นานเลย์ก็ต้องละสายตาออกจากเนื้อหาในหนังสืออีกครั้ง ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นข้าวที่อีกคนตักให้มาจ่ออยู่ที่ริมฝีปากของเขา บอกว่าไม่หิวก็ยังจะยัดเยียดให้กันอีก

     


     

    ขอบใจนะ

     

    ตอนแรกก็ไม่พอใจหากแต่พอเหลือบไปเห็นหญิงสาวหน้าตาดีที่ชอบเข้ามาหาเรื่องเขาบ่อยๆยืนจ้องมองอยู่ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร ก็ทำให้เลย์ต้องแสร้งฉีกยิ้มไปให้คริสก่อนจะรับข้าวคำโตเข้าปากไปอย่างจำใจ

     



     

    อร่อยรึเปล่า?” คริสไม่อยากจะเชื่อว่าเลย์จะเชื่อฟังและไม่ดื้อเหมือนเมื่อก่อน เมื่อเห็นอีกคนรับความหวังดีของเขา ใบหน้าหล่อก็ฉีกยิ้มในทันทีจนนักเรียนในแคนทีนแห่งนี้ก็ถึงกับซุบซิบกันเลยทีเดียว ก็นานๆคนอยากคริสจะยิ้มออกมาที มันคงเป็นเรื่องที่แปลกสำหรับผู้ที่ได้พบเห็น

     


     

    อร่อยมาก

    พูดเสร็จเลย์ก็ยิ้มตาหยีจนคริสก็ถึงกับอึ้งไปในทันที หัวใจก็พลันเต้นรัวกับรอยยิ้มที่สามารถฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็นได้ก็ไม่ปราน แต่นั่นพอเห็นหญิงสาวที่เขาตัดความสัมพันธ์เดินผ่านโต๊ะไปด้วยท่าทางไม่พอใจ คริสก็รับรู้ได้เลยว่าที่เลย์ทำแบบนี้ก็คงแค่เล่นละครสินะ

     

     

     

    ร้ายนะอี้ชิง

     


     

    โอ้ย! อะไรเล่า?

     

    ถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อคริสส่งมือหนามาตรงหน้าก่อนจะดีดหน้าผากของเขาไปหนึ่งที ข้าวก็ยอมกิน ถามว่าอร่อยไหมก็ตอบว่าอร่อยแล้วยังจะทำร้ายร่างกายเขาอีก ต้องการอะไรอีกแน่นะคริส

     

     

     

    นายเนี่ยร้ายกว่าที่คิดอีกนะ

     
     

    ทำไม? คนอื่นยังร้ายใส่ฉันได้ ฉันก็ไม่ได้เป็นคนดีขนาดต้องยอมง่ายๆซะหน่อย"

    เมื่อเห็นสายตาคมที่บอกเป็นนัยๆว่าที่ดีดหน้าผากเขานั้นมันผิดอะไร เลย์ก็ถึงกับบ่นค่อนขอดอีกคนไปอย่างหัวเสีย ทีเจสสิก้ายังเอาแต่ก่อกวนเขาแล้วยังจะเอาแต่ต่อว่าเขาเสียๆหายๆอีก ถ้าหญิงสาวอยากคิดแบบนั้นเลย์ก็สนองให้อีกคนเชื่อไปเสียสนิทใจว่าเขากับคริสมีอะไรมากกว่าที่คิด และนั่นหญิงสาวก็ดูจะไม่พอใจเอาเสียมากๆ

     



     

    แต่ฉันชอบนะอยู่ๆคริสก็พูดขึ้นมาลอยๆจนเลย์ต้องขมวดคิ้วเป็นปมอีกครั้งอย่างไม่เข้าใจ

     

     

    ชอบที่ฉันมีนิสัยแบบนี้น่ะหรอ? แปลกคน

     


     

    ชอบนายน่ะ

    สิ้นเสียงทุ้มเลย์ก็ถึงกับกลอกตาไปมาอย่างรู้สึกเพลีย มาแนวนี้อีกแล้ว ไม่รู้จะชวนอ้วกไปถึงไหน แต่นั้นก็ยังกลบเกลื่อนอาการร้อนๆหนาวๆในร่างกายโดยการตำหนิอีกคนไปอย่างไม่อยากจะใส่ใจกับคำพูดเมื่อครู่

     

     

     

    รีบทานดิ พูดมากจริง! เบื่อคนแถวนี้โว้ย!”

     

     





     

    … ADOLESCENT…

     

     




     

    ทำใจอยู่นานสองนาน เมื่อรู้ว่าต้องรับหน้ากับใคร ลู่หานก็ถึงกับกระวนกระวายใจเป็นอย่างมาก เอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูสักพักก็ปล่อยมันออกเพราะยังไม่พร้อมจะเจอหน้ากับคนเป็นพี่ชาย แต่นั่นเสียงเคาะที่ดังอยู่แบบนั้นก็ทำให้ไม่มีทางเลือกเอาซะเลย ค่อยๆข่มใจให้เย็นลงก่อนจะแง้มประตูห้องให้เปิดออกช้าๆอย่างกล้าๆกลัวๆ

     



     

    อ..อ้าว! พี่ยุนโฮ สวัสดีครับ จะมาหาลู่ทำไมไม่โทรมาบอกก่อนล่ะเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเรียวของพี่ชายก็แสร้งทำเป็นตกใจในทันที พยายามข่มใจตัวเองไม่ให้นึกกลัวทั้งยังไม่อยากให้อีกคนเห็นพิรุธในตัวอีกด้วย

     

     

    ทำไมออกมาเปิดช้าจัง? พี่โทรหาเราแล้วนะแต่เราไม่รับเอง โทรไปหาเลย์ก็บอกว่าเราไม่ได้ไปเรียน พี่เลยเป็นห่วง

     

    ลู่...ตื่นสายอ่ะ พี่อย่าบอกคุณแม่นะว่าลู่ไม่ไปเรียน ส่วนโทรศัพท์....เอ่อ สงสัยลู่คงปิดเสียงไว้ เลยไม่ได้รับสายพี่

     
     

    อื้ม แล้วนี่ลู่ไม่คิดจะชวนพี่เขาห้องหน่อยรึไง?” เมื่อเห็นน้องชายคนน่ารักเอาแต่ยืนเหมือนคิดอะไรบางอย่าง ยุนโฮก็เอ่ยเรียกสติให้กลับมาอีกครั้งไม่วายก็เดินเข้าไปในห้องของคนอ่อนปีกว่าโดยไม่รอให้น้องชายเอ่ยชวนเลยสักนิด

     


     

    คุณแม่เป็นยังไงบ้าง? แล้วพี่มาเกาหลีทำไม?”

     

     

    ลู่อยู่คนเดียวหรือเปล่า?”

    ยุนโฮไม่ได้สนใจจะตอบคำถามของคนเป็นน้องชายเลยแม้แต่น้อย นัยน์ตาคมกวาดมองไปรอบๆห้องอย่างตั้งใจ เขารู้สึกว่าห้องๆนี้ไม่ได้มีแค่ลู่หานอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่กลับรู้สึกได้ว่ายังมีใครอีกคนที่อยู่ในห้องนี้ด้วย

     

     

     

    พ...พี่หมายความว่าไง? ลู่ก็ต้องอยู่คนเดียวสิ จะมีใครที่ไหน?”

    เหงื่อเม็ดเล็กเริ่มผุดขึ้นมาบนดวงหน้าน่ารักทั้งๆที่แอร์ภายในห้องก็เปิดซะเย็นเฉียบ ก้อนเนื้อในอกมันเต้นโครมครามด้วยความตื่นเต้นจนแทบจะวายในอีกไม่ช้า ขอเถอะอย่าให้ยุนโฮจับได้เลย มีหวังโดนสั่งห้ามยุ่งกับเซฮุนแน่ๆ

     

     

    มั่นใจหรอว่าอยู่คนเดียว? แต่พี่ได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายไม่พูดเปล่า ปลายจมูกโด่งยังสูดกลิ่นคลุ้งภายในห้องฟุดฟิดจนคนที่จะจนมุมอย่างลู่หานก็แทบจะกลั้นใจตายไปเสียตรงนั้น

     

     

    ลู่ก็เป็นผู้ชายนะพี่ยุนโฮ ใช้น้ำหอมผู้ชายแล้วมันแปลกตรงไหน?”

     
     

    ลู่ไม่ได้ใช้กลิ่นนี้พี่จำได้ยุนโฮส่งสายตาจับผิดไปยังน้องชายสุดที่รักอย่างเปิดเผย ไม่วายก็ยังกอดอกรอคอยคำตอบที่น่าฟังจากลู่หานอีกด้วย

     

     

    ลู่เพิ่งเปลี่ยน กลิ่นนี้มันแรงดีลู่ชอบลู่หานพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อจะไม่ให้อีกคนจับได้ ทำตัวเป็นปกติไร้ซึ่งพิรุธที่แสดงให้เห็นในตอนแรกจนยุนโฮเองก็ต้องเปลี่ยนความคิดเลิกจับผิดน้องชายไปเสีย

     

     

    ก็โอเคนะ หอมดีพูดแค่นั้นก็เดินเข้าไปนั่งหย่อนกายที่โซฟาเนื้อดี ก่อนจะเอื้อมไปหยิบรีโมทเพื่อเปิดดูทีวีอย่างสบายใจ

     

     

    แล้วนี่พี่มาเกาหลีทำไม ไม่ช่วยคุณพ่อคุณแม่ดูแลธุรกิจหรอ?” ลู่หานรีบปรี่เข้าไปหาพี่ชายในสายเลือดในทันที ก่อนจะนั่งลงข้างๆคนเป็นพี่พลางดูทีวีที่เปิดอยู่เป็นการกลบเกลื่อนอาการตื่นเต้นของตัวเองไปด้วย

     

     

    ก็มาประชุมกับหุ้นส่วนแทนคุณพ่อนั่นแหละ เลยแวะมาหาน้องชายสุดที่รักว่าอยู่ดีกินดีรึเปล่า?”

     
     

    แล้วไม่ไปประชุม?”

     

     

    ไป! แต่ยังไม่ถึงเวลา

     

    คำตอบของคนแก่ปีกว่าทำให้ลู่หานต้องเบือนหน้าออกไปอีกทางก่อนจะแอบถอนหายใจเบาๆ เวลาอยู่กับยุนโฮไม่เคยรู้สึกอึดอัดแบบนี้มาก่อนเลยสักครั้ง แต่ครั้งนี้มันกลับอยากจะหายตัวไปที่ไหนสักแห่งก็ได้ที่ไม่มีพี่ชายสุดหล่อคนนี้อยู่ด้วย ไม่ใช่แค่อึดอัดเพียงอย่างเดียวแต่ยังพะวักพะวงเรื่องของคนในตู้เสื้อผ้าอีก ไม่รู้ว่าจะหมดลมหายใจไปรึยังก็ไม่รู้

     



     

    ลู่หาน!”

     

     

    อ...อะไร?” กายบางสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงทุ้มของคนเป็นพี่ชายเอ่ยเรียกทำให้เขาที่กำลังว้าวุ่นใจอยู่กับเรื่องของเซฮุนก็ตกอกตกใจไปตามๆกัน

     

     

    ไม่สบายรึเปล่าเนี่ยเรา? เหงื่อออกเยอะผิดปกติไปนะยุนโฮส่งหลังมือไปทาบที่หน้าผากบางของลู่หานด้วยความเป็นห่วง ไม่ใช่แค่เหงื่อที่ผุดขึ้นบนใบหน้าของน้องชาย แต่สีหน้าที่ซีดเผือดก็อดที่จะทำให้เขาอดเป็นกังวลไม่ได้

     

     

    ลู่ไม่เป็นอะไรหรอก พี่ยุนโฮไม่ต้องเป็นหวง

     

     

    ไม่เป็นไรแน่นะ?”

     
     

    โห้ย! พี่ก็ชอบเห็นลู่เป็นเด็กตลอดอ่ะ ไม่เป็นอะไรครับผม

     
     

    โอเค ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว พี่ขอเข้าห้องน้ำหน่อยนะ

    พูดแค่นั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปเข้าห้องน้ำในทันที ส่งผลให้ลู่หานที่วิตกกังวลในตอนแรกก็เห็นช่องทางดีๆที่จะพาเซฮุนให้ออกไปจากห้องนี้ได้โดยที่ไม่ต้องโดนยุนโฮอัดเสียก่อน

     


     

    เท้าเล็กรีบวิ่งถลาไปยังตู้เสื้อผ้าหลังใหญ่อย่างรวดเร็วเมื่อพี่ชายได้เดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว เลื่อนประตูตู้เสื้อผ้าเปิดออกก็เห็นคนด้านในมีเหงื่อโชกไปทั้งตัว ข้างในคงร้อนน่าดูสินะใบหน้าขาวซีดของเซฮุนมันถึงได้ซีดเหมือนกับกระดาษขนาดนี้

     

     

    เซฮุนออกมาเร็วๆ พี่ยุนโฮเข้าห้องน้ำอยู่

    สิ้นเสียงหวานของคนน่ารัก เซฮุนก็รีบกระโจนออกจากตู้หลังใหญ่ที่อบอ้าวนั้นอย่างไม่รีรอ เส้นผมและใบหน้าหล่อที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อทำให้ลู่หานต้องยกมือขึ้นเช็ดให้อีกแรงด้วยความเป็นห่วง





    ฉันต้องไปไหน?”

     

     

    นายกลับบ้านไปก่อนนะ รอพี่ยุนโฮไปแล้วนายค่อยมาใหม่

    เซฮุนหน้าเง้าหน้างออย่างไม่ชอบใจกับคำพูดของคนตัวเล็กอย่างเห็นได้ชัด แต่พอเห็นลู่หานชี้ไม้ชี้มือเข้าไปในห้องน้ำที่มีคนเป็นพี่ชายอยู่ด้านใน เซฮุนก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย

     

     

    ขายาวเดินไปที่ประตูห้องก็รีบหารองเท้าของตัวเองในตู้เก็บข้างประตูในทันที ไม่คิดจะใส่แต่กลับหอบมันไว้แนบอกอย่างนั้น เปิดประตูออกได้ก็ลังเลไม่อยากจะเดินออกไป หันกลับมาหาคนน่ารักที่ยืนมองอยู่ก็ไม่วายเดินเข้าไปกอดไว้แนบอกแน่น นี่จะจากกันไปไกลหรือยังไง ร่ำลากันเหลือเกิน

     

     

    หอมแก้มก่อนแล้วจะไป

     
     

    เซฮุน! มันใช่เวลาไหมเนี่ย?”

     

     บ่นค่อนขอดคนตัวสูงไป ใบหน้าน่ารักก็ขึ้นสีระเรื่อแดงอ่อนๆน่ามอง แต่นั่นก็ยอมทำตามคำขอของเซฮุนอย่างว่าง่าย ลองไม่ทำตามสิ เซฮุนคงไม่ออกไปจากห้องของเขาแน่นอน

     

     

    ลู่หานกดปลายจมูกเล็กลงกับแก้มกร้านขาวที่ขึ้นสีเลือดฟาดของอีกคนก็รีบดันร่างสูงโปรงนั้นให้ออกไปจากห้องในทันที กำลังจะพ้นจากประตูห้องแล้วอีกนิดเดียวเท่านั้น ประตูห้องน้ำก็เปิดพรวดพราดออกมาอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว พร้อมกับร่างกายสูงโปร่งของคนเป็นพี่ชายที่เดินออกมาด้วย

     



     

    ใครมาน่ะลู่หาน?”

    เมื่อเห็นเซฮุนที่ยืนอยู่หน้าห้องของน้องชาย ยุนโฮก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย ไม่วายยังเดินออกมาประจันหน้ากับคนตัวสูงที่ตอนนี้ยืนหน้าซีดเป็นไก่ต้มอยู่หน้าห้องเพราะไปไหนไม่ทัน

     

     

    อ...อ้อ เพื่อนลู่เองให้ตายเหอะว่าลู่หานแทบจะหยุดหายใจ เขากลัว กลัวแทนเซฮุนที่ตอนนี้ยืนตัวเกร็งเป็นหินอยู่หน้าห้องของเขาอย่างน่าสงสาร หน้าที่บอกว่าติ๋มแล้วตอนนี้มันไม่สามารถบรรยายได้เลยทีเดียว

     

     

    เพื่อนลู่? ชื่ออะไรล่ะ?”


    ชื่อเซฮุนครับเซฮุนตอบกลับไปเสียงแผ่วเบาพลางก้มหน้าลงเพราะสายตาคมของพี่ชายคนรักที่มองมาทำเอาเสียวสันหลังไปหมด น่ากลัวมากจริงๆ

     
     

    ฉันไม่ได้ถามนาย ฉันถามน้องชายฉันยุนโฮเอ็ดเซฮุนไปอย่างหน้าตาย จนคนที่ถูกกวนประสาทนั้นก็แทบจะลมจับอยู่หน้าห้อง รู้งี้ไม่น่าชักช้าขอรางวัลจากอีกคนเลย เซฮุนฉี่แทบราด

     

     

    ก็นั่นแหละครับ เพื่อนลู่ชื่อเซฮุน เขาแค่มาทักทายกำลังจะกลับแล้วใช่ไหมเซฮุน?”

    ต้นประโยคหันไปตอบคำถามพี่ชาย ส่วนท้ายประโยคก็เอ่ยถามเซฮุนจนคนที่ถูกถามก็พยักหน้ารัวๆจนคอแทบหลุด ใช่แล้ว เซฮุนกำลังจะกลับแต่เพราะพี่ชายของลู่หานนั่นแหละที่ทำให้ต้องค้างอยู่แบบนี้

     


     

    มาเร็วไปเร็วจังเลยนะ แล้วนั่นนายหอบรองเท้าเหมือนหนีอะไรสักอย่างแหนะเซฮุน

    สิ้นเสียงทุ้มของยุนโฮ เซฮุนก็ค่อยๆก้มลงมองรองเท้าผ้าใบราคาแพงที่อยู่ในอ้อมกอดของตัวเองช้าๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ พลางนึกตำหนิตัวเองที่ไม่ทันได้สนใจ

     

     

    เอ่อ... พอดีผมเพิ่งมาจากห้องเพื่อนอีกคนข้างๆน่ะครับ เลยไม่ทันได้ใส่คริสช่วยชีวิตแท้ๆ นึกขึ้นได้เซฮุนก็ใช้มันเป็นข้ออ้างเอาตัวรอดเสียเลย

     

     

    อย่างนั้นเองหรอ?”

     

     

    งั้นผมขอตัวกลับก่อนจะครับ พอดีมีธุระต้องไปทำต่อเมื่อเห็นลู่หานส่งสายตาเป็นเชิงไล่ เซฮุนก็ยอมทำตามในทันที โค้งหัวน้อยๆให้กับพี่ชายของคนรักก่อนจะหันหลังเดินออกไป เข้าใจแล้วว่าทำไมลู่หานถึงต้องให้เขาหลบซ่อนพี่ชายคนนี้ซะเหลือเกิน ก็เพราะว่าน่ากลัวแบบนี้ไง

     

     

    เดี๋ยว!”

     เพียงแค่ก้าวเท้าได้เพียงก้าวเดียวก็ต้องหยุดชะงักไว้แค่นั้นแล้วหันกลับไปหายุนโฮช้าๆอีกครั้ง เซฮุนแทบจะหยุดหายใจเมื่ออีกคนเอ่ยรั้งไว้ด้วยเสียงที่เย็นชา จะได้กลับบ้านครบสามสิบสองรึเปล่าก็ยังไม่รู้

     


     

    นายควรจะใส่รองเท้านะเซฮุน

    พูดแค่นั้นยุนโฮก็เดินกลับเข้าไปในห้องของน้องชายทันที เซฮุนแทบจะล้มพับไปตรงนั้นด้วยความกลัว ไม่รู้ว่ายุนโฮจะน่ากลัวไปถึงไหน พอเห็นว่าอีกคนเข้าห้องไปแล้วก็ถอนหายใจออกมาเต็มแรงอย่างโล่งอก ก่อนจะยกยิ้มไปให้คนรักที่ยืนทำหน้ารู้สึกผิดมาให้เขาอยู่

     



     

    ไปก่อนนะ เดี๋ยวมาใหม่

    เอ่ยกระซิบบอกลู่หานไปเบาๆก็ขอตัวกลับบ้านอย่างไม่รอช้า และนั่นลู่หานก็ต้องอมยิ้มออกมากับอาการหวาดระแวงของเซฮุน ดีแค่ไหนแล้วที่ออกมาจากห้องได้ เพราะรู้ดีว่ายุนโฮเป็นยังไง รู้ว่าพี่ชายคนนี้หวงเขามากแค่ไหน มันน่ากลัวไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะ...

     

     


     

    …ADOLESCENT…





     

     

     







     

    *** วันนี้มาอัพไม่ดึก รึเปล่า? 555555

    พี่ยุนโผล่มาค่ะ อยู่ๆก็มา มาเป็นก้างของฮุนหาน ^^

    พี่คริสเอาแต่ใจใช่ไหมคะ? รู้สึกยิ่งแต่งพี่คริสจะดูเป็นเด็กเข้าไปเรื่อยๆ

    ผิดกับนิสัยเย็นชาตอนแรกซะเหลือเกิน

    ตอนนี้ไรท์ไม่ไหวแล้ว ปวดตามาก! ฝันดีนะคะ รักรีดเดอร์คร้า ^^


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×