คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ll ADOLESCENT 6 ll
ADOLESCENT 6
:: อ่านก่อนจ้า ::
ในเนื้อเรื่องตอนไหนที่เป็นบทพูดของอู๋ฟานและอี้ชิง ไรท์จะบรรยายโดยใช้ชื่อคริสเลย์เหมือนเดิมนะคะ ไม่งงกันนะ ^^
เปลือกตาบางค่อยๆขยับเปิดขึ้นเมื่อรับรู้ได้ถึงแสงสว่างที่สาดส่องรอดผ้าม่านเข้ามากระทบที่ใบหน้าจนต้องตื่นอย่างจำใจ จะลุกขึ้นจากเตียงหากแต่แขนแกร่งของคนที่นอนข้างๆก็ยังกอดรัดอยู่ที่เอวจนขยับเขยือนไปไหนไม่ได้ นอนลงที่เดิมอีกครั้งก็เหลือบม่านตากลมมองแขนที่กอดร่างกายอยู่ก่อนจะค่อยๆเอื้อมมือไปจับมันให้ออกไปห่างๆอย่างแผ่วเบาที่สุด แทรกตัวออกมาได้ก็หย่อนเท้าเล็กลงที่พื้นพลันจะลุกขึ้นยืน หากแต่ไอ้คนที่คิดว่าหลับอยู่ยังจะรั้งให้กลับลงไปนอนเหมือนเดิมอีกครั้ง
“ตื่นแล้วก็ลุกดิ! เดี๋ยวก็ไม่เรียนไม่ทันหรอก” เสียงหวานบ่นค่อนขอดคนที่แกล้งหลับอย่างนึกหงุดหงิด ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่คิดจะปล่อยเขาออกจากอ้อมกอดเลยสักนิด
“ไม่ต้องห่วง ไปเรียนทันอยู่แล้ว”
“รู้ได้ไง?”
หันใบหน้าหวานไปถามอีกคนไม่วายก็ต้องหันกลับมาทางเดิมในทันที ใกล้กันเกินไปจนรับรู้ได้ถึงสัมผัสที่แตะเบาๆที่ข้างแก้มจนอยากจะจมหายไปกับเตียงนอนก็ไม่ปราน
“เดาเอา” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างกวนประสาทคนตัวเล็ก ฉวยโอกาสฝังจมูกโด่งไปกับพวงแก้มนิ่มอย่างหน้าตาเฉย เลย์อดส่าห์หันกลับมาเพื่อหลบอีกคนแล้วนะ แต่ก็ไม่รอดเหมือนเดิม
“เดาหรอ? หึ!”
พูดเสร็จคนตัวเล็กก็กระทุ้มศอกเข้าที่หน้าท้องของคริสอย่างจัง จนคนที่โดนกระทำถึงกับร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวด
“ฉันเจ็บนะเลย์!”
“เออ เจ็บก็ดี สมน้ำหน้า!”
พูดแค่นั้นก็เดินตึงตังเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว นึกไว้อยู่แล้วว่าต้องเปลืองตัว ไม่ทันคนอย่างคริสเลยจริงๆ ไว้ใจได้ที่ไหน
“ใจร้ายอ่ะ!”
คริสตั้งใจตะโกนออกไปให้คนในห้องน้ำได้ยิน ก่อนจะล้มตัวลงนอนที่เตียงนุ่มอีกครั้ง ยกยิ้มกับตัวเองอย่างมีความสุขเมื่อคิดได้ว่านี่มันไม่ใช่ความฝัน ถ้าได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันกับคนตัวเล็กแบบนี้ก็คงจะดีไม่น้อย อีกคนก็มักจะทำให้เขายิ้มออกมาได้เสมอ ไม่ว่าจะทำหน้าบึ้งหน้างอ หรือแม้แต่ฉีกยิ้มทีก็ทำเอาใจละลายได้ทุกครั้งไป
คนตัวสูงนอนเล่นโทรศัพท์ไปพรางๆ เพื่อรออีกคนอาบน้ำเสร็จ แค่ปลดล็อคหน้าจอเครื่องมือสื่อสารในมือก็ถึงกับยกยิ้มออกมาอีกครั้งอย่างอารมณ์ดี ภาพที่เขาแอบถ่ายไว้ที่ห้องของคนตัวเล็ก ไม่วายก็ยังนึกสนุกตั้งมันเป็นภาพวอลเปเปอร์ของโทรศัพท์อีกด้วย เพียงแค่หยิบมันขึ้นมาดูก็ทำเอาคริสมีความสุขไปตลอดทั้งวันแล้ว
“ไปอาบน้ำ จะลีลาอีกนานป๊ะ?”
ไม่รู้ว่านอนดูรูปในจอสี่เหลี่ยมนั่นเพลินไปนานเท่าไหร่ คนที่เพิ่งจะเดินออกมาจากห้องน้ำก็ออกคำสั่งทันที เมื่อเห็นคนตัวสูงเอาแค่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่ก็ถึงกับตำหนิ เลย์ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมคริสถึงไปเรียนสายทุกวัน ก็เพราะเป็นแบบนี้ไง
“ครับผม จะไปอาบแล้ว”
ตอบกลับไปก็รีบเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวอย่างรวดเร็ว ให้ตายเถอะว่าเห็นหน้าหวานๆนี่โหดใช่เล่นเลยนะ คริสก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องทำตามที่อีกคนบอก แต่นั่นคริสก็ชอบ ชอบที่จะทำตามอีกคน มันเหมือนอะไรน้า....
“………………………………”
“นายมาเป็นเมียฉันไหม? ได้เลยนะ ฮ่าๆ”
ล้อเลียนคนหน้าหวานที่ยืนเช็ดผมอยู่แค่นั้น คริสก็รีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปในทันที ไม่วายก็ปิดประตูพลันกดล็อคโดยไม่รอช้า เข้าไปก็ยังหัวเราะจนเสียงดังเล็ดรอดออกมา ทำให้คนที่โดนล้อเลียนต้องกำมือบางเข้าหากันแน่นด้วยความโมโห
“ย๊า! ไอคริสบ้า!”
เลย์บอกได้เลยว่าออกมาจากห้องน้ำเมื่อไหร่คริสไม่รอดแน่ ถึงอย่างนั้นก็ยังจะเขินกับคำพูดที่อีกคนทิ้งไว้จนหน้าแดงกล่ำไปหมด เป็นอะไรไปนะเลย์
คนหน้าหวานถอนหายใจออกมาอย่างเต็มแรงหลังจากตะโกนต่อว่าคริสไปเมื่อครู่ เดินไปหยิบชุดนักเรียนที่อีกคนเอาไปปั่นแห้งให้ก็กลับมานั่งหย่อนกายลงที่ปลายเตียง มองบานประตูห้องน้ำอีกครั้งก็ต้องฉีกยิ้มกับตัวเอง ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เขินทุกครั้งเวลาที่คนในห้องน้ำนั่นชอบพูดจาแทะโลม ปกติไม่ได้ชอบนะเลย์บอกเลย แต่เพราะเป็นคนๆนั้นไง ถึงได้ใจเต้นแรงขนาดนี้
ติ้ง~~~~
เสียงข้อความเรียกเข้าของเครื่องมือสื่อสาร ทำให้เลย์ต้องรีบควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าของตัวเองขึ้นมาดูในทันที หากแต่นั่นกลับไม่ใช่เสียงเตือนจากโทรศัพท์ของเขา คงจะเป็นของคริสละมั้ง ไม่ได้สนใจอะไรก็นั่งเช็ดผมตัวเองต่อไปเรื่อยๆพลางคิดอะไรไปอย่างเพลิดเพลิน
ติ้ง~~~
เสียงเตือนข้อความเข้าอีกครั้งทำให้ใบหน้าหวานต้องหันไปมองมันเพื่อหาที่มาของเสียง เห็นโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนเตียงก็ไม่ได้สนใจอะไรเหมือนเคย
หันกลับมาที่เดิมได้ไม่นานก็ต้องหันกลับไปมองที่หน้าจอของมันอีกครั้งด้วยความตกใจ รูปที่หน้าจอของคริสมันคุ้นๆ คุ้นมากเหมือนว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน คิดได้ดังนั้นก็รีบเอื้อมไปหยิบมันขึ้นมาดูให้ชัดเจน ถือวิสาสะปลดล็อคหน้าจอโทรศัพท์ของอีกคนเพื่อให้แน่ใจกับสิ่งที่เห็นยิ่งขึ้น
“ชัดเลย อู๋ฟานบ้า! นี่ตั้งเป็นรูปหน้าจอเลยหรอ?”
ถึงกับตาเบิกโพลงเมื่อเห็นรูปวัยเด็กของตัวเองในหน้าจอสี่เหลี่ยม เสียงหวานบ่นค่อนขอดอีกคนไปอย่างนึกโมโหที่คริสรู้ความจริงแล้วแต่กลับยังโกหกเขาอยู่อีก แนวฟันสวยขบริมฝีปากล่างอย่างชั่งใจว่าจะทำเนียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หรือจะบอกความจริงกันไปตรงๆดี
มือบางรีบเอื้อมไปหยิบชุดนักเรียนที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาเปลี่ยนก่อนที่อีกคนจะออกมาจากห้องน้ำ นึกโกรธเสียมากๆที่คริสรู้ความจริงแต่ยังทำเหมือนไม่เคยรับรู้ว่าก่อน ทำเหมือนเขาเป็นตัวตลก ให้เล่นละครเป็นบ้าอยู่คนเดียวไปได้ น่าอายชะมัดเมื่อที่ผ่านมาก็เหนื่อยจะแย่ที่ต้องโกหกออกไปแบบนั้น
เสียงลูกบิดประตูห้องน้ำดังขึ้นจนต้องหันไปให้ความสนใจ ไม่รอช้าคนหน้าหวานก็รีบเดินไปประจันหน้ากับอีกคนในทันที แต่นั่นก็ขอมองต่ำไว้ก่อนเพราะไอ้คนที่ออกมา มันก็ไม่เคยจะแต่งตัวเรียบร้อยอีกครั้ง เหลือบมองใบหน้าของคริสได้ชั่วครู่ก็หลุบตาลงต่ำ อีกแล้วสินะ ไอ้หน้าหล่อๆที่มีผมลู่ลงตามโครงหน้าแบบนี้ไงที่เลย์ไม่อยากจะมอง ใจเต้นซะเหลือเกิน
“อะไร?” คริสเอ่ยถามเมื่อเห็นอีกคนที่อยู่ๆก็มายืนตรงหน้าของเขา แต่กลับไม่มองหน้ากันตรงๆ
“รู้แล้วทำไมไม่บอกกัน!”
พูดแค่นั้นมือบางก็ยื่นโทรศัพท์ไปคืนให้กับเจ้าของ ก่อนจะเดินกลับไปเอากระเป๋าเป้ที่วางไว้ที่โต๊ะญี่ปุ่นแล้วทำท่าจะเดินออกจากห้องไปทันที
เดินไปถึงประตูก็ยกมือขึ้นเพื่อจะจับลูกบิดประตูให้เปิดออก หากแต่อีกคนก็เข้ามาซ้อนหลังแล้วผลักประตูบานนั้นให้ปิดลงเสียก่อน ไม่วายมือหนาอีกข้างที่ยังว่างอยู่ก็วาดแขนกอดรัดรอบเอวบางไว้จนแน่น วางคางแหลมไว้บนลาดไหล่ของคนตัวเล็กกว่าก็เอ่ยพูดอย่างที่ใจคิด
“นายจะโกรธฉันแบบนี้ไม่ได้นะ นายก็ปิดบังฉันมาตลอดเหมือนกันนั่นแหละอี้ชิง”
คนตัวเล็กถึงกับชะงักนิ่งไปในทันทีเมื่ออีกคนเอ่ยเรียกชื่อจริงของเขา ก้อนเนื้อในอกซ้ายก็พลันเต้นโครมครามไม่รู้เวล่ำเวลาเสียนี่ หัวใจมันชั่งไม่รักดีเอาซะเลย
“นายรู้ตั้งแต่เมื่อไหร่?” เอ่ยถามไปก็ยังไม่ยอมหันกลับไปประจันหน้าหล่อๆของอีกคนเลยสักนิด ทั้งโกรธ ทั้งโมโห แต่มันกลับผ่อนลงแค่ได้ยินชื่อของตัวเองที่หลุดออกมาจากเรียวปากได้รูปนั่น
“ตอนไปบ้านนาย”
“เห็นกรอบรูป ก็เลยถ่ายรูปเก็บไว้สินะ”
“ทำไม? ไม่ได้หรอ?”
“รู้แล้วก็แทนที่จะบอกกัน เห็นฉันลนลานแล้วตลกมากใช่ไหม? ปล่อยเลย!” พูดเสร็จก็แกะมือหนาของอีกคนให้ออกไปห่าง
“ถ้าปล่อยแล้วนายต้องรอไปโรงเรียนพร้อมฉันนะ”
ไม่พูดขอร้องเปล่า คริสยังกระชับอ้อมกอดอีกคนไว้แน่นจนคนที่ถูกโอบรัดถึงกลับหนีไปไหนไม่ได้เลยทีเดียว ส่งปลายจมูกโด่งไปคลอเคลียที่ข้างแก้มนิ่มที่ขึ้นสีระเรื่ออ่อนจนอีกคนต้องเบือนหน้าหนีไปอีกทางอย่างน่าเอ็นดู
“ปล่อยน่าอู๋ฟาน!”
“ก็ให้คำตอบฉันมาก่อนสิ”
“เออ! ก็เนี่ยจะเดินกลับไปนั่งรอ เคป๊ะ?”
แกะมือหนาของอีกคนออกจากเอวได้ก็เดินกระทืบเท้าตึงตังไปนั่งรอที่ปลายเตียงอย่างจำใจ ใบหน้าหวานงองุ้มอย่างนึกหงุดหงิดคนตัวสูงที่ก็หวังในตัวเขาอยู่ตลอด รู้ว่าเป็นเพื่อนกันก็ยังไม่วายทำแบบนี้อยู่อีก
“ให้ตายเหอะ! นิสัยโคตต่างกับตอนเด็กอ่ะ”
ใบหน้าหล่อส่ายไปมาอย่างรู้สึกเพลีย ไม่คิดเลยว่าเลย์โตมาแล้วจะหัวดื้อทำตัวแข็งกระด่างได้ถึงขนาดนี้ หน้ามือเป็นหลังมือชัดๆ
“บ่นอะไร? พูดอย่างกับนายนิสัยเหมือนเดิมนักหนิ?” พูดไปก็เบะปากใส่อีกคน ว่าแต่คนอื่นไม่ได้ดูตัวเองเลย
“เมื่อก่อนนะ นายทั้งน่ารักแล้วก็อ่อนโยน ยังจำได้หรือเปล่าประโยคนี้น่ะ อี้ชิงรักอู๋ฟานนะ”
คริสพูดไปก็ทำท่าล้อเลียนอีกคนเอาซะเหมือนเลย จนเลย์ต้องเสมองไปอีกทางไม่วายใบหน้าหวานก็ขึ้นสีระเรื่ออีกครั้งอย่างน่ามอง ไม่รู้ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วที่ใบหน้าร้อนผ่าวลามไปถึงใบหูเพราะคำพูดของอีกคน เป็นแค่กับคนตัวสูงหัวทองคนนี้คนเดียวเท่านั้น
“เลิกรื้อฟื้นสักที! ตอนนั้นฉันยังเด็ก พูดอะไรออกไปไม่รู้ตัวหรอก”
“เนี่ยไง! ถึงบอกว่านิสัยโคตต่างจากตอนเด็กเลย”
“ย๊า!! นายก็เหมือนกันนั่นแหละ!”
หลับหูหลับตาตะโกนจนสุดกำลัง หน้าแดงกล่ำเพราะคนตัวสูงก็เอาแต่ล้อจนหาข้อแก้ตัวไม่ได้ ก็ตอนเป็นเด็กพูดจริงๆจะแก้ตัวได้ยังไง อายจนแทบจะมุดแผ่นดินหนีก็ไม่ปราน เลย์อยากหายไปจากที่ตรงนี้ซะให้รู้แล้วรู้รอด
“แต่นายเป็นแบบนี้ก็น่ารักดี”
คริสค่อยๆสาวเท้าเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่ปลายเตียงอย่างช้าๆ อาศัยช่วงที่เลย์กำลังตกใจและอึ้งกับคำพูดของเขาอยู่ก็ดันร่างบอบบางนั้นให้นอนลงกับเนื้อฟูกชั้นดีก่อนจะขึ้นคร่อมตามสเต็ปเดิมๆ พรมจูบที่ซอกคอขาวของคนตัวเล็กหวังกลั่นแกล้ง ลากลงตามสันกรามเบาๆก็สูดกลิ่นหอมอ่อนๆนั้นเข้าไปเต็มปอดจนคนใต้ร่างก็ถึงกับดิ้นไม่หยุดเลยทีเดียว
“อู๋ฟาน! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” พยายามหันใบหน้าหวานหนีจากอีกคนเพราะเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว จะไปโรงเรียนแต่ไหงจะมาจบแบบนี้หรือ เลย์ไม่ยอม
“ทำไมอ่ะ ขอไม่ได้รึไง?” ผละใบหน้าออกมาถาม ไม่หยุดพักให้นานคริสก็กดริมฝีปากเรียวทาบทับกลีบปากเคลือบใสนั้นโดยที่คนใต้ร่างไม่ทันได้ตั้งตัวอย่างรวดเร็ว
“แต่...เราเป็นเพื่อนกัน”
“เพื่อน? แล้วเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้?....ฉันไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนสักหน่อย”
สิ้นเสียงทุ้ม ใบหน้าหวานก็ขึ้นสีระเรื่อเจือแต้มอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้มันชัดเจนเด่นชัดซะเหลือเกิน นัยน์ตาคมที่จ้องมาสบอย่างให้รู้ว่าจริงจังก็ทำให้ร่างกายวูบโหวงไปหมด หัวใจเต้นเร็วถี่รัวเพราะอีกคนก็ส่งใบหน้าหล่อเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนปลายจมูกโด่งแตะกันเบาๆ รับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดก็หลับตาปี๋ในทันที เลย์ไม่ได้ตามไม่ทันขนาดไม่รู้ว่าคริสกำลังจะทำอะไร แต่นั่นอีกอย่างที่ต้องทำให้ยกมือปิดหน้าตัวเองก็เพราะ....
“ปิดหน้าทำไมอ่ะอี้ชิง?”
“ก...ก็...ผ้าขนหนูนาย…. มันหลุดแล้ว แหกตาดูมั่ง!”
พูดอู้อี้ไปกับมือที่ปิดหน้าตัวเองอยู่ ก็แอบลดมือลงมาดูเป็นครั้งคราว แต่นั่นก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเมื่อคนที่คร่อมกายเขาอยู่ด้านบนมันหน้าด้านซะไม่มี
“ช่างมันสิ!”
“หือ...ไอ้ทะลึ่ง! ออกไปจากตัวฉันเดี๋ยวนี้นะอู๋ฟาน” เสียงหวานเอ่ยบอกอีกคนเสร็จก็ลดมือลงแล้วเบือนหน้าหนีไปอีกทางเพราะคริสก็ยังไม่จัดการกับผ้าขนหนูของเขาอยู่เหมือนเดิม
“กลัวฉันรึไง?” ไม่พูดเปล่า ใบหน้าหล่อยังโน้มเข้าไปหาอีกคนจนเหลือเพียงแค่คืบ ลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดข้างแก้มนิ่มทำให้เลย์ถึงกับเบิกตาโพลงพลันหันหน้าขวั่บกลับมามองสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในทันที
“เอ้อ! ใช่ๆ รู้แล้วว่าลืมอะไร หน้าปกรายงานยังพิมพ์ไม่เสร็จเลย ต้องไปพิมพ์ต่อ”
ยกมือบางผลักใบหน้าหล่อให้ออกห่างก็รีบหาข้อแก้ตัวขึ้นมาพูดให้อีกคนหยุดการกระทำแบบนี้ไปสักที หัวใจจะวายเพราะคริสก็ชอบตอดเล็กตอดน้อยเขาอยู่ตลอด
“ไหนบอกว่าจะเอากลับไปพิมพ์ที่บ้าน?”
“แล้วเมื่อคืนฉันได้กลับบ้านไหมเล่า!”
“เดี๋ยวค่อยพิมพ์”
“ไม่ได้! ต้องส่งรายงานวันนี้แล้ว”
พูดแค่นั้นเลย์ก็ทำท่าจะแทรกตัวออกไปให้ห่างจากอีกคน ไหนๆก็รู้ชื่อจริงของเขาแล้วหนิ พิมพ์หน้าปกมันให้เสร็จซะเดี๋ยวนี้เลย แต่นั่นก็ไม่ง่าย เข้าใจเถอะว่าอยู่กับคริสอะไรก็ไม่ง่ายทั้งนั้น
“ถ้างั้น...ขอมัดจำไว้ก่อนแล้วกัน”
สิ้นคำพูดก็กดริมฝีปากทาบทับกลีบปากเคลือบใสของคนตรงหน้าอีกครั้งและอีกครั้ง แผ่วเบาอ่อนโยนไม่มีการลุกล้ำใดๆนอกจากสัมผัสที่ทำให้ใจของทั้งคู่โบยบินขึ้นไปบนอากาศได้ก็ไม่ปราน จนคนใต้ร่างถึงกับนอนนิ่งอยู่แบบนั้น และคิดว่านี่คงเป็นครั้งที่ร้อยได้แล้วที่หน้าแดงแป๊ดจนปิดไม่อยู่
“งื้อ...ฉันจะฟ้องแม่!”
คนหน้าหวานที่เรียกสติตัวเองกลับมาได้ก็รีบผลักอกแกร่งของคนที่อยู่ด้านบนให้หลบทางไป ก่อนจะเดินตึงตังไปหยิบโน๊ตบุคขึ้นมาเปิดเพื่อพิมพ์หน้าปกรายงานให้เสร็จ เหลือบมองคนที่ชอบลุ่มร่ามกับเขาที่นั่งยกยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ก็ต้องเบะปากไปให้อย่างนึกหมั่นไส้ นั่นคนที่นั่งมองปฏิกิริยาของคนตัวเล็กตั้งแต่แรกก็บอกได้เลยว่าเลย์น่ารักมาก
คริสไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงอะไรอีก ยิ้มอยู่กับตัวเองอย่างมีความสุขก็ลุกขึ้นพันผ้าขนหนูแล้วพาร่างสูงๆให้เข้าไปยังส่วนที่เป็นห้องครัวทั้งๆที่ยังแต่งตัวไม่เรียบร้อย ค้นหาของในตู้เย็นได้ก็หยิบมันออกมาเพื่อทำให้อีกคนทานเป็นอาหารเช้า ปกติก็ไม่คิดจะทำเองหรอก แต่เพราะยังมีคนหน้าหวานที่เขาต้องใส่ใจ เพราะฉะนั้นไม่ขี้เกียจและไม่ลังเลเลยที่จะทำมัน
“เสร็จแล้วก็มาทานแซนด์วิชด้วยนะ”
“เออ!”
คำตอบที่ทั้งสั้นทั้งห้วนทำให้ใบหน้าหล่อต้องหันไปมองคนที่นั่งทำหน้ามุ่ยอยู่ที่โต๊ะทำงาน ดูก็รู้ว่าไม่ได้โกรธกันจริงๆหรอก แค่งอนพอเป็นพิธี ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นความคิดที่เขาคิดเองล้วนๆ
“โห้ ตอบได้จุกอกมาก! ตอบให้มันหวานเหมือนหน้าตานายบ้างสิ”
“อะไร? มีปัญหา?”
เลย์จิ๊ปากเบาๆก็เดินเข้ามาในส่วนของครัวเมื่อพิมพ์หน้าปกรานงานเสร็จ จะมีอะไรมากก็คริสทำมันไว้เกือบจะเสร็จแล้ว เหลือก็แค่พิมพ์ชื่อของเขาเพิ่มลงไปก็เท่านั้น ถ้ารู้ว่าอีกคนจะรู้ว่าเขาเป็นใคร เมื่อคืนก็คงไม่ต้องเหนื่อยนั่งโกหกอยู่อย่างนั้นหรอก
เดินมาถึงโต๊ะทานข้าวในส่วนของครัวก็เจอดีจนได้ นี่คริสมันเป็นอะไรมากไหม ตลอดเวลาเลยจริงๆ มือหนารีบรั้งเอวบางให้เข้ามาประชิดตัว เอนกายนั่งพิงไปกับโต๊ะทานข้าวก็วาดมือสองข้างประสานกันไว้ที่หลังของคนตัวเล็กเบาๆ ยังไม่ทันที่เลย์จะได้เอ่ยพูดอะไรออกไป คริสก็ส่งปลายจมูกโด่งเข้าไปสูดดมความหอมอ่อนๆที่ซอกคอของอีกคนจนต้องสะดุ้งโหยง อีกแล้วที่อดใจไม่ไหว ยิ่งได้อยู่กันสองต่อสองแบบนี้แล้วช่างเหมาะจริงๆ
“ทำไมชอบทำแบบนี้กับฉันนักนะ!”
เบือนใบหน้าหวานหนีไปอีกทางไม่วายยังกลับมาจ้องเขม่นอีกคนอย่างคาดโทษ ผละตัวเองออกมาสุดแรงก็ถลาไปกระแทกเข้ากับตู้เย็นด้านหลังจนต้องร้องเสียงหลงเพราะไม่ทันได้ระวัง
“เป็นอะไรมากรึเปล่าอี้ชิง?” คริสรีบเขาไปช่วยประคองอีกคนด้วยความเป็นห่วง คงนึกว่าเขากอดไว้แน่นสินะถึงได้เด้งตัวออกไปแรงขนาดนั้น ก็แค่แกล้งเฉยๆ แต่อีกคนก็กลัวซะหัวหดเลยหนิ
“ไม่ต้องมายุ่ง! ไม่อยากทานแล้ว จะไปโรงเรียน!”
พูดเสร็จคนตัวเล็กก็รีบเดินไปหยิบกระเป๋าเป้ก่อนจะสะพายใส่หลังแล้วเดินไปยังประตูห้องในทันที ยกมือขึ้นเปิดประตูออกไปพรวดพราดด้วยความโมโหอีกคนที่ชอบแกล้งเขาอยู่ตลอด ได้โอกาสเมื่อไหร่ก็ทำมันทุกครั้งไป ไม่วายไอ้คนที่ชอบทำแบบนั้นกับเขาก็เดินตามมาอีกเหมือนเดิม
เพียงแค่เดินออกไปจากห้องก็ถึงกับยืนนิ่งเมื่อพบเจอใครที่ต้องการอยากจะเจอในเมื่อคืน หากแต่ตอนนี้ไม่ได้อยากเจอเลยสักนิดไหงถึงมาพบปะกันได้ แล้วนั่นยังเดินมากับคนที่บอกนักบอกหนาว่าไม่ชอบขี้หน้าด้วย มันชักจะอะไรยังไงเสียแล้ว
“ลู่หาน!”
“เลย์!”
สองเสียงประสานกันอย่างพร้อมเพรียง คนหน้าหวานเจอเพื่อนสนิทที่เดินมาพร้อมกับคนตัวขาวฉายาไอ้ติ๋ม ส่วนอีกคนก็เห็นเพื่อนหน้าหวานของตัวเองออกมาจากห้องเพื่อนบ้านด้วยเช่นกัน ทั้งเจ้าของห้องยังอยู่ในผ้าขนหนูเพียงผืนเดียวจนทำให้คิดกันไปไกล
“ไอ้คริส มึงนี่ตลอดเลยนะ กูบอกมึงกี่ครั้งแล้วว่าจะออกมานอกห้องอ่ะแต่งตัวให้มันมิดชิด ล่อเสื้อล่อจระเข้จริงๆเลยมึงเนี่ย” เซฮุนถึงกับกลอกตาไปมาอย่างรู้สึกเพลีย รู้ว่าเพื่อนตัวเองหล่อและเป็นที่สนใจอยู่แล้ว แต่ก็เพราะห่วงในภาพพจน์ของคริสเลยช่วยเตือนอยู่ตลอด หากแต่คนที่โดนเตือนกลับไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด
“ทำไมเมื่อคืนนายไม่กลับห้องอ่ะลู่หาน?” เลย์เอ่ยถามออกไปด้วยความสงสัยเพราะเมื่อคืนเลย์ก็เอาแต่ยืนเคาะประตูเรียกอีกคนอยู่นานสองนาน แต่กลับไม่มีเพื่อนน่ารักตรงหน้ามาเปิดให้ซะหนิ
“ฉันต้องถามนายมากกว่าว่าออกมาจากห้องคริสได้ยังไง เมื่อคืนนอนที่นี่หรอ?”
“ฉันถามนายก่อนนะลู่หาน”
“ฉันก็ถามนายเหมือนกันนั่นแหละเลย์”
ในระหว่างที่คนตัวเล็กทั้งคู่กำลังพูดคุยกันอย่างไม่ปกติ คริสก็รีบหลุบเข้าไปในห้องของตัวเองอีกครั้งเพื่อแต่งตัวให้เรียบร้อย ไม่นานก็ออกมาพร้อมกับกระเป๋าเป้ที่พร้อมจะไปเรียน แต่ออกมาแล้วคนทั้งคู่ก็ยังไม่เลิกซักถามกันไปกันมาอยู่เหมือนเดิม ที่มัวแต่อยากรู้เรื่องของกันและกันเพราะต่างคนก็ต่างกลบเกลื่อนความลับของตัวเองสินะ
“อ่า มัวแต่เถียงกันแล้วจะได้ไปเรียนสักทีไหมเนี่ย?”
อยู่ๆ เซฮุนที่ยืนมองคนทั้งคู่อยู่นานก็เอ่ยถาม ไม่วายก็ต้องยืนนิ่งก้มหน้าอีกครั้งเพราะนัยน์ตาสวยของทั้งคู่นั้นจ้องมาที่เขาอย่างให้รู้ว่าอย่ายุ่ง และนั่นเซฮุนก็ไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกันกับสามคนนี้สักหน่อย
“จริงๆเมื่อคืนเลย์นอนกับฉันเองแหละ” คริสเอ่ยออกมาอย่างหน้าตาเฉย เพราะรำคาญเหลือเกินที่ทั้งสองคนก็มัวแต่โบ่ยกันโบ่ยกันมา แล้วเมื่อไหร่จะจบเสียที...
“เมื่อคืนลู่หานก็นอนที่บ้านฉัน” และเป็นเซฮุนที่เสริมขึ้นมาด้วยอีกเสียง...
“เซฮุน! / อู๋ฟาน!”
เป็นอีกครั้งที่คนตัวเล็กทั้งสองก็เอาแต่พูดพร้อมกัน และนั่นก็ต้องมองหน้ากันไปมาเพราะสรรพนามที่ใช้เรียกเด็กหนุ่มตัวสูงทั้งสองมันเปลี่ยนไป
“นายเรียกเซฮุนว่าอะไรนะลู่หาน เดี๋ยวนี้เรียกชื่อจริงกันแล้วหรอ?” เลย์เอ่ยแซวเพื่อนคนน่ารักที่เมื่อก่อนยังเอาแต่เรียกอีกคนว่าไอ้ติ๋มอยู่เลย ไหงตอนนี้คำๆนั้นถึงเปลี่ยนไป เริ่มสานสัมพันธ์กันตอนไหน
“แล้วเมื่อกี้นายเรียกคริสว่าอะไรนะ? อะไรอู๋ๆ”
ไม่คิดจะตอบคำถามของเพื่อนหน้าหวานเลยสักนิด ลู่หานก็ตั้งคำถามสวนกลับไปในทันทีด้วยความอยากรู้ ไม่วายยังจ้องจับผิดคนทั้งคู่อีก ลู่หานรู้ว่าเลย์รู้สึกดีๆกับคริส ยิ่งเห็นออกมาจากห้องด้วยกันด้วย ต้องมีอะไรในก่อไผ่แน่นอน
“เอ่อ....ไปเรียนกันเถอะคริส นี่ก็สายมากแล้ว นายก็รีบๆไปนะลู่หาน เดี๋ยวก็หมดสิทธิ์สอบหรอก”
อีกครั้งที่เลย์ก็ไม่ตอบคำถามลู่หานเหมือนเดิม พูดเสร็จก็รีบคว้าข้อมือหนาของคนที่ยืนซ้อนหลังอยู่ให้เดินจากไปพร้อมกันอย่างรวดเร็ว ลมแทบจับเพราะลู่หานก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอ อยากรู้อะไรก็ต้องรู้ให้ได้ แต่นั่นเขากับคริสก็ไม่ได้มีอะไร แล้วทำไมต้องหนีไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ทำแบบนี้เหมือนยอมรับเป็นนัยๆยังไงก็ไม่รู้
กริ๊ง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ระหว่างที่รอคนขับรถของคนหน้าหวานมารับไปส่งที่โรงเรียน สายเรียกเขาจากโทรศัพท์เครื่องหรูของคริสก็ดังขึ้นมาขัดจังหว่ะ อีกมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อดึงเครื่องสี่เหลี่ยมสีดำขึ้นมาแนบหู ส่วนมืออีกข้างก็ยังไม่คิดจะปล่อยจากมือบางของอีกคนเลยสักนิด ปล่อยไปก็กลัวว่าเลย์จะไม่ยอมให้จับอีกครั้ง เพราะฉะนั้นคริสก็ขอจับมันต่อไปเรื่อยๆเลยก็แล้วกัน
“ครับคุณแม่” กรอกเสียงลงไปตามสายก็ถึงกับนึกแปลกใจไม่น้อยที่คนเป็นแม่โทรมาหา นานๆครั้งที่อีกคนจะโทรมา ทำให้คริสก็นึกเป็นกังวลว่าจะมีเรื่องอะไรรึเปล่า
“…………………”
“ข้อความ?.... ผมยังไม่ได้เปิดดูเลยครับ”
“……………………..”
“ครับ! เข้าใจแล้วครับ...รักคุณแม่เหมือนกันครับ”
พูดเสร็จก็กดตัดสายแล้วเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงไว้เหมือนเดิม คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเป็นปมจนเลย์ที่แอบลอบสังเกตุสีหน้าของคนตัวสูงอยู่ก็ถึงกับนึกเป็นกังวลตามไปด้วย แต่นั่นก็ไม่คิดจะถาม ไม่คิดจะก้าวก่ายอีกคนไปมากกว่านี้
“ไปด้วยกันได้รึเปล่า?” เงียบไปอยู่นาน เสียงทุ้มจึงเอ่ยถามพร้อมกับใบหน้าหล่อที่หันไปหาอีกคนเป็นเชิงร้องขอ
“ไปไหน?”
“ไปเป็นกำลังใจให้ฉัน”
เลย์ถึงกับไม่เข้าใจในสิ่งที่คริสกำลังพูดอยู่ ใบหน้าหวานแสดงออกอย่างชัดเจนว่ายังไม่เข้าใจ แล้วจะให้ตอบตกลงไปได้ยังไงกัน
“ทำไมต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วยเล่า?”
“ก็แล้วนายจะให้ฉันไปไหนล่ะ?”
“พอดีคุณแม่ฉันจะให้ไปช่วยเป็นนายแบบในงานแสดงอัญมณีของครอบครัวน่ะ ฉันเลยอยากจะชวนนายไปด้วยกัน”
เอ่ยบอกไปเพราะเห็นสีหน้าของอีกคนดูจะสงสัยเอาเสียมากๆ นานแล้วที่คริสไม่ได้ไปเข้าร่วมในธุรกิจของครอบครัวและไม่เคยคิดจะไปเลยสักครั้ง แต่เพราะคนเป็นแม่ขอร้อง คริสเลยยอมทำตามอย่างจนใจ
“อ่า...ขอคิดดูก่อนแล้วกัน” เลย์ให้คำตอบคริสไปอย่างไม่ค่อยมั่นใจ เพราะไม่รู้ว่าเขาจะมีเวลาว่างให้อีกคนหรือเปล่า ไหนจะเข้าชมรม แล้วไหนจะต้องไปเรียนพิเศษอีก
“ถ้านายไม่ไป ฉันก็จะไม่ไป”
“อ้าว! แล้วมันเกี่ยวกับฉันตรงไหน?”
“ไม่รู้แหละ! นายไม่ไปด้วยฉันก็ไม่อยากไป”
พูดแค่นั้นก็หันใบหน้าหล่อหนีไปอีกทาง จนเลย์ถึงกับอยากจะหัวเราะออกมาซะเหลือเกิน ให้ตายเหอะ คริสไม่ได้ดูตัวเองเลยว่าทำแบบนี้แล้วมันดูไม่ได้ มันไม่เหมาะกับนิสัยแบดบอยแบบเขาเลย
“ลุงโฮดงมาแล้ว ไปโรงเรียนดีกว่า...จะไปด้วยกันไหม?”
เห็นรถคันหรูของทางบ้านเข้ามาจอดเทียบที่หน้าคอนโดของคนตัวสูง เลย์ก็เอ่ยพูดตัดบทไปเสียอย่างนั้น ไม่วายท้ายประโยคก็หันไปถามคนที่ยืนหน้าบอกบุญไม่รับให้ไปโรงเรียนด้วยกัน
“ไปสิ! ก็รถฉันจอดอยู่ที่โรงเรียน หลายคืนแล้ว หายรึยังก็ไม่รู้”
สิ้นเสียงทุ้มที่บ่นค่อนขอดใบหน้าหวานก็ถึงกับหลุดยิ้มกับอาการของคนตัวสูงในทันที ยิ่งอยู่ด้วยกันบ่อยๆ สนิทกันมากขึ้นก็รับรู้ได้ว่านิสัยของคริสไม่ได้เย็นช้าอย่างที่คิด เริ่มนึกถึงสมัยเด็กขึ้นมาร่ำไร แต่ไอ้นิสัยเสียที่ชอบตอดเล็กตอดน้อยเขาเนี่ยสิ อันนี้ไม่เหมารวม ได้มาจากไหนก็ไม่รู้
...ADOLESCENT…
*** ป่วงค่ะตอนนี้ 555555 ไรท์ตั้งใจให้พี่คริสเป็นผู้ชายแบดๆนะคะ
ไม่แปลกถ้าพี่แกจะหื่นมาก ได้นิดเอาหน่อยอยู่ตลอด อี้ชิงเปลืองตัวอ่ะ ><
ฮุนหานโผล่มาเล็กน้อย ไว้ตอนหน้าจะให้มีบทบาทมากกว่านี้นะคะ ^^
ความคิดเห็น