คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ★ IT HAS TO BE YOU ★ TWO
TWO
สัมผัสอุ่นชื้นที่ริมฝีปากทำให้คนตัวเล็กที่นอนหลับลึกอยู่บนเตียงนุ่มถึงกับเคลิบเคลิ้มไปได้อย่างง่ายดาย ถึงอยากจะบังคับเปลือกตาให้เปิดมากขนาดไหนแต่นั่นถ้ารู้ว่าสัมผัสนี้เป็นของใครเขาก็ไม่อยากจะลืมตาตื่นขึ้นมาเลย คิดไปแล้วว่ามันคือความฝันหรือไม่ก็จินตนาการที่เขาสร้างขึ้นเอง หากแต่นี่มันคือความจริง ทุกอยากล้วนเกิดขึ้นจริงกับเขา ก่อนจะค่อยๆปรือเปลือกตาขึ้นรับกับแสงแดดที่สาดส่องรอดหน้าต่างห้องของคอนโดหรูเข้ามา พร้อมด้วยรอยยิ้มหวานพรายที่บ่งบอกถึงความสุขอย่างเปี่ยมล้น
“อ้ากกกกกกกกก!”
เพียงแค่ลืมตาตื่นขึ้นมาทุกอย่างก็ดับสลายหายไปจนหมดสิ้น ใช่! เขาไม่ได้ฝัน เลย์ไม่ได้ฝันไปหากแต่เรื่องจริงที่ได้พบเจอมันทำให้เขาเกือบช็อคตายอยู่บนที่นอนตั้งแต่เช้าตรู่
“เสียงดังทำไม นายจะแหกปากทำไมห๊ะเลย์?” นายแบบหนุ่มที่ตื่นขึ้นมาก่อนแล้วยกมือขึ้นปิดหูทันทีเมื่อได้ยินเสียงโวยวายอันแสบแก้วหู ก่อนจะบ่นค่อนขอดไปให้ผู้จัดการตัวเล็กผู้ขี้เซา
“พี่คริส! พี่ปล่อยให้ไอ้โดนยำมันมาเลียปากผมทำไม?” ได้โอกาสพูดก็ใส่กลับคนตัวสูงไปเต็มที่พลางดึงผ้านวมผืนหนาขึ้นมาเช็ดปากอวบอิ่มสีชมพูอ่อนอย่างเอาเป็นเอาตาย เอาแล้วไงเล่นกับแมว แมวเลียปาก คิดไปแล้วว่าคงเป็นจุมพิตยามเช้าจากอีกคนแต่นั่นกลับคิดผิดไปเต็มๆ
“ฉันจะไปรู้มันเรอะ มันคงชอบนายล่ะมั้ง แล้วบอกไม่รู้กี่รอบแล้วว่าลูกชายฉันชื่อยำยำไม่ได้ชื่อโดนยำ”
“ก็นั่นแหละครับ ถ้าพี่เป็นพ่อมันก็ช่วยสั่งสอนมันหน่อยเถอะว่าอย่ามาเลียปากคนอื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต”
“มันฟังภาษามนุษย์ไม่รู้เรื่องหรอก ว่าแต่นายเถอะจะลุกจากที่นอนได้สักทีหรือยัง บอกว่าให้ปลุกฉันตอนเจ็ดโมง นี่มันเจ็ดโมงครึ่งแล้วนะ” นายแบบหนุ่มเอื้อมอ้อมแขนไปอุ้มเจ้ายำยำที่กำลังคลอเคลียอยู่บนตักของเลย์ขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะยืนมองคนที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่บนเตียงนอนด้วยสายตาคาดโทษ
“เอ่อ...ผมขอโทษ พอดีลืมตั้งนาฬิกาปลุกอ่ะ” มือบางยกขึ้นลูบท้ายทอยตัวเองไปมา ส่งยิ้มแหยๆไปให้นายแบบหนุ่มรูปหล่อที่ยืนจ้องมองมาที่เขาจนเสียวสันหลังไปหมดด้วยความรู้สึกผิด
“ไปอาบน้ำดิ จะได้ไปทำงานกัน” พูดแค่นั้นคริสก็เดินไปนั่งหย่อนกายลงที่ปลายเตียงของตัวเอง ในขณะที่ผู้จัดการหนุ่มตัวเล็กค่อยๆคลานลงจากเตียงในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่น เห็นแล้วก็ช่างน่าเวทนาเหลือเกิน
คนตัวเล็กจัดการหอบชุดที่จะใส่ในวันนี้พร้อมกับผ้าเช็ดตัวเข้าไปในห้องน้ำอย่างเร่งรีบ เหลือบมองคนที่นั่งจ้องเขาอยู่ก็ถึงกับระแวงอีกครั้งเมื่อสายตาที่ส่งมาทำเอาหัวหดเป็นเต่า แต่นั่นก็เหมือนว่าจะนึกอะไรขึ้นมาได้ พลันหยุดยืนเพื่อใช้ความคิดชั่วครู่กอปรกับหันใบหน้าไปมองอีกคนอย่างไม่เข้าใจ
“มีอะไรอีก? รีบไปอาบน้ำสิ” คริสเอ่ยถามเมื่อเห็นเลย์ยื้อเวลาจนน่าโมโห นี่มันก็เริ่มจะสายแล้ว กว่าจะไปถึงงานอีเว้นท์ก็ต้องฝ่ามรสุมรถติดอีกเป็นชั่วโมง
“เมื่อคืนพี่นอนไหนหรอครับ?”
“นายถามทำไม? อย่างน้อยฉันก็ได้นอนแล้วกัน” พูดไปก็ลูบขนปุกปุยของเจ้าตัวขาวในอ้อมกอดจนเลย์นึกหมั่นไส้
“แต่เมื่อกี้ผมนอนอยู่บนเตียงนะ พี่นอนบนเตียงกับผมหรอ?” เสียงหวานเอ่ยถามพลางขมวดคิ้วสงสัย ไม่วายยังหวาดระแวงอีกคนจนเห็นได้ชัด
“ทำไม นอนด้วยไม่ได้รึไง? เตียงก็เตียงฉัน”
“ก...ก็เปล่าครับ ก็แค่สงสัยอ่ะ เห็นพี่ไล่ผมไปนอนที่พื้นนี่นา ไม่คิดว่าจะใจดีให้นอนบนเตียงด้วย”
“แล้วไอ้หน้าไหนล่ะที่มันผล็อยหลับไปทั้งๆที่ยังทาครีมให้ฉันไม่เสร็จ”
สิ้นเสียงทุ้มกับแววตาคมที่ทอดมองมาเลย์ก็ถึงกับขนลุกเกรียว เอาเถอะว่าไม่ได้กลัวหรอกแต่นั่นอีกคนมันจะโหดไปไหนวะ ก็คนมันง่วงจะให้ทำยังไงได้ แบตเตอรี่ในกายหมดมันก็ดับเองเลยน่ะสิ
“แฮ่ๆ แต่ยังไงก็ขอบคุณนะครับที่ให้ผมนอนด้วย เป็นพระคุณเหลือเกิน” ฝืนยิ้มทำตัวน่ารักเลย์ก็รีบปรี่เข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว กลัวสายตาที่มองมามันจะส่งเลเซอร์เข้ามาปักอกเขาจนเป็นรูพรุน นี่แค่มองนะยังน่ากลัวขนาดนี้ แต่นั่นผู้จัดการหนุ่มตัวเล็กก็ไม่ได้เอะใจอะไรเลยสักนิดว่านายแบบหนุ่มรูปหล่อยอมเสียสละเตียงนอนเพื่อให้เขานอนได้อย่างสบายตัวทั้งคืน
… IT HAS TO BE YOU…
นายแบบหนุ่มและผู้จัดการตัวเล็กมาถึงที่งานอีเว้นท์ก่อนเวลาเล็กน้อย ในขณะที่นายแบบหนุ่มนั่งทำผมและแต่งหน้าอยู่นั้น ผู้จัดการที่แสนดีอย่างเลย์ก็ช่วยปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่ด้วยการนอนรอที่โซฟาปรานกับว่าอดหลับอดนอนมาหลายวัน ส่งผลให้คนที่นั่งอยู่หน้ากระจกพร้อมทั้งสไตล์ลิสต์ที่รายล้อมต้องมองเงาสะท้อนของผู้จัดการตัวเล็กแล้วส่ายหน้าไปมาอย่างระอา แต่นั่นก็ยังเผยรอยยิ้มเอ็นดูอยู่ให้เห็นในแวบนึง
“เด็กคนนั้นเป็นใครหรอคะน้องคริส?” พี่สาวช่างแต่งหน้าเอ่ยถามพลางหันไปมองยังผู้จัดการตัวเล็กที่นอนผ่อนลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะด้วยความสงสัย
“ผู้จัดการคนใหม่น่ะครับ วันนี้เพิ่งมาทำงานเป็นวันแรก ยังไงผมต้องรบกวนพวกพี่ๆช่วยแนะนำเขาด้วยนะครับ” คริสเอ่ยฝากฝังทั้งรอยยิ้มพิมใจที่ใครได้เห็นก็ต้องตกหลุมรักส่งไปในพี่สาวเจ้าของคำถาม ทำเอาเธอเขินอายบิดตัวอยู่หลายตลบ
“ดูท่าจะเด็กเอามากๆเลยนะเนี่ย”
“ครับ เขายังเด็ก แต่ผมก็มั่นใจในตัวเขาครับ”
“หน้าตาน่ารักดีนะคะ น่าเอ็นดูมากๆเลย” หญิงสาวเอ่ยชื่นชมคนที่นอนอยู่ให้คริสฟัง ก่อนจะหันไปมองที่เจ้าตัวเล็กผู้จัดการขี้เซาทั้งรอยยิ้มบางๆ
“เอ่อ...ครับ คงน่ารักมั้งครับ” พูดแค่นั้นปากเรียวก็กระตุกยิ้มกับตัวเองพลางส่ายหน้าไปมาอีกครั้ง มองอีกคนผ่านกระจกเงาตรงหน้าก็ถึงกับเหนื่อยใจ มาวันแรกก็เอาแต่นอนซะแล้ว แต่นั่นคริสก็ยังมั่นใจในตัวเลย์อยู่ดี ก็เมื่อวานเล่นแกล้งอีกคนไปเสียเยอะคงจะเหนื่อยล่ะสิท่า แต่เลย์ก็ทำมันได้ดีกว่าที่เขาคิด
“เลย์! ตื่นได้แล้ว งานจะเริ่มแล้วนะ” มือหนาเขย่ากายเล็กของคนที่นอนอยู่บนโซฟาให้ตื่นขึ้นมาเมื่อถึงเวลาที่ต้องออกไปโชว์ตัว แต่นั่นคนขี้เซากลับเอาแต่งุ้งงิ้งลีลาเสียยกใหญ่
“พี่คริสอ่า ผมนอนรอตรงนี้ไม่ได้หรอ?”
“ไม่ได้ นายเป็นผู้จัดการฉันนะเว้ย!” ไม่พูดเปล่าคริสยังสอดแขนเข้าไปใต้หลังของอีกคนก่อนจะใช้แรงที่มีอุ้มคนตัวเล็กให้ลุกขึ้นยืนกับพื้นห้อง ทำเหมือนผู้ปกครองที่อุ้มเด็กน้อยลุกจากเตียงเพื่อบังคับให้ไปโรงเรียนอย่างไรอย่างนั้น แต่นั่นก็เหมือนเดิม เลย์ก็ยังทำตัวอิดออดอยู่อีก
“โอเคครับ ไปก็ได้” เมื่อได้รับสายตาคาดโทษจากนายแบบหนุ่ม เลย์ก็พูดเสียงอู้อี้พลางยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเองไปมา ก่อนจะเดินตามอีกคนออกจากห้องแต่งตัวไปยังสถานที่จัดงาน
“โอ้ย!”
มัวแต่เดินก้มหน้าก้มตาไม่ทันได้มองทางก็ดันเผลอชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างของนายแบบหนุ่มในความดูแลที่เดินนำหน้าเข้าเต็มๆ ส่งผลให้สันจมูกโด่งของคนตัวเล็กขึ้นสีแดงเพราะแรงกระแทกเข้าอย่างจัง
“อะไร?”
“พี่จะหยุดเดินทำไมไม่บอกผมล่ะครับ ดั้งเกือบหักแน่ะ” พูดเสร็จก็กุมเข้าที่จมูกเล็กของตัวเองพลางลูบมันปอยๆเพื่อระบายความเจ็บปวด
“ศัลยกรรมสินะ” คริสเอ่ยพูดลอยๆ เหลือบม่านตาคมมองอีกคนก็แสยะยิ้มให้อย่างน่าหมั่นไส้
“ศัลยกรรมอะไรล่ะครับ! ผมธรรมชาติทั้งหน้านะ”
“อ่าวหรอ? นึกว่าศัลย์มาทั้งหน้าเสียอีก” พูดเสร็จคริสก็เดินจากไปทำเอาผู้จัดการหนุ่มตัวเล็กต้องกำมือเข้าหากันแน่นพลางกัดฟันกรอดด้วยความระอา
“ใบหน้าหล่อๆของผม มัมกับแด๊ดให้มานะครับพี่ ไม่เคยผ่านมีดหมอเลยจะบอก” พูดตะโกนไล่หลังอีกคนไปก็ได้รับเพียงการไหวไหล่ไม่สนใจตอบกลับมาจากนายแบบหนุ่มแทน ทำเอาเลย์ต้องกลอกตาไปมาด้วยความเพลียใจ
“แม่งเอ้ย!”
สบทถอยคำไม่น่าฟังออกมาเบาๆก็เดินตึงตังกระแทกเท้าตามอีกคนไปด้วยความหงุดหงิด ทำจมูกฟุดฟิดพลางบนพึมพำตามหลังอีกคนไปด้วยอย่างนึกหมั่นไส้ ไม่ได้โมโหอะไรเลยแต่มันจุกตรงโดนหาว่าไปทำศัลยกรรมมานี่แหละ โคตรอยากทุบหัว!
ผู้จัดการตัวเล็กออกมายืนอยู่ที่หน้าเวทีเพื่อรอเวลาที่นายแบบหนุ่มจะขึ้นไปโชว์ตัวบนเวทีพร้อมกับพูดคุยเรื่องสับเพเหระตามภาษาคนดังทั่วไป และเพียงไม่นานคนที่ทุกคนรอคอยก็ออกมาปรากฏตัวในเห็นพร้อมทั้งเสียงกรีดร้องของบรรดาแฟนคลับดังกระหื่มไปหมดทำเอาแสบแก้วหู
ม่านตากลมทอดมองไปยังคนที่ยืนอยู่บนเวทีอย่างชื่นชมในความเจิดจ้า ในตัวของคริสมันเปล่งประกายจนไม่ต้องสังเกตก็มองเห็นมันได้อย่างง่ายดาย และนั่นยิ่งเป็นแบบนี้คนที่คิดจะอาจเอื้อมคริสลงมาครอบครองก็คงจะยากไม่น้อย ไม่วายยังต้องไปต่อสู้กับบรรดาแฟนคลับทั้งหลายที่หวงแหนปรานกับว่าเป็นภรรยาหลวงเสียอย่างนั้น
“ต่อไปก็ถึงคำถามยอดฮิตของวันนี้แล้วนะครับ ผมอยากจะถามคุณคริสว่า ตอนนี้คุณคริสมีแฟนหรือยังครับ?” เอ็มซีประจำงานอีเว้นท์เอ่ยถามทำเอาบรรดาแฟนคลับของคริสเงียบกันเป็นเป่าสากเพื่อรอฟังคำตอบ และนั่นก็รวมถึงผู้จัดการอย่างเลย์ด้วยเช่นกันที่รอฟังมันอย่างใจจดใจจ่อ
“ผมหรอครับ?” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเพียงประโยคสั้นๆก็เงียบเสียงไป เหลือบมองไปยังผู้จัดการตัวเล็กแวบนึงไม่นานก็พูดต่อ
“ตอนนี้ยังไม่มีหรอกครับ”
สิ้นประโยคเด็ดของนายแบบหนุ่มเสียงของบรรดาแฟนคลับเพศแม่ทั้งหลายก็พากันวี้ดว้ายแปะมือกันอย่างพอใจ และคนที่รอฟังคำตอบอย่างเลย์เองก็พลอยดีใจตามเขาไปด้วย แล้วไม่รู้จะดีใจไปทำไม ไม่ปฏิเสธนะว่าชอบอีกคน แต่ยังไงก็รู้ว่าไม่มีสิทธิ์อยู่แล้ว
หลังจากงานอีเว้นท์เสร็จสิ้นคนหน้าหวานก็กลับเข้าไปหลังเวทีเพื่อดูแลนายแบบหนุ่ม แต่นั่นไม่รู้ว่าดูแลอีกคนหรือให้อีกคนดูแลกันแน่ เพราะตั้งแต่มางานในวันนี้ก็ยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง เดินโผล่ไปนู่นไปนี่ แล้วก็หลับตั้งแต่เช้าเลย
“เสร็จแล้วไปไหนต่อครับพี่คริส?” เสียงหวานเอ่ยถามเมื่อเห็นว่านายแบบหนุ่มแต่งตัวในชุดไพร์เวทเรียบร้อยแล้ว
“กลับคอนโด”
“อ่าว มีงานเดียวหรอครับ?”
“ป่าวหรอก มีอีกงานตอนเย็นๆ”
ใบหน้าหวานพยักขึ้นลงเป็นเชิงเข้าใจ เป็นผู้จัดการยังไงไม่รู้ตารางงานของนายแบบในความดูแล มันน่าไหมเนี่ย
“ไปกันเถอะครับ” เลย์เอ่ยบอกนายแบบหนุ่มพลางเดินไปเอากระเป๋าเป้ที่วางอยู่บนโซฟามาสะพายใส่หลังก่อนจะทำท่าเดินออกจากห้องแต่งตัวไป หากแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อคนที่ตัวสูงกว่ายังคงยืนอยู่กับที่นิ่งๆ
“ไม่ไปหรอครับพี่?”
“เหนื่อยไหม?” อยู่ๆคริสก็เอ่ยถามขึ้นมาทำเอาเลย์ตามแทบไม่ทัน ก่อนจะวาดแขนกอดอกมองอีกคนเพื่อรอคำตอบ
“ก็ไม่เห็นเหนื่อยอะไรเลยหนิครับ ทำไมพี่ถึงถามผมอ่ะ?”
“นายนอนหลับตั้งแต่เช้าทั้งๆที่เพิ่งจะตื่นแค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง แล้วหน้าที่ของนายก็คือต้องรู้ตารางงานฉัน อยู่ๆนายก็มาถามฉันเนี่ยนะใช้ได้ที่ไหน”
“ผ...ผมก็แค่นอนไม่พอน่ะ ปกตินอนไม่ต่ำกว่าเจ็ดชั่วโมงนี่ครับ เมื่อคืนนอนน้อยเลยเผลอหลับไป แล้วที่ไม่รู้ตารางงานของพี่เพราะผมลืมเอาสมุดจดมาต่างหาก ขอโทษนะครับ” พูดแค่นั้นก็ยิ้มแห้งๆส่งไปให้คนที่ตัวสูงกว่าโดยไม่มีข้อแก้ตัว ทำหน้ารู้สึกผิดทั้งยังแสดงออกมาว่าเสียใจอย่างเต็มประดา
“ไหนมาดูดิ ไม่สบายหรือเปล่านายน่ะ?” มือหนาเอื้อมไปรั้งไหล่บางทั้งสองข้างของอีกคนให้ยืนตัวตรง ส่งหลังมือเข้าไปแตะเบาๆที่หน้าผากขาวเนียนใสเพื่อวัดอุณภูมิก่อนจะเปลี่ยนมาทาบกับหน้าผากของตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าอีกคนยังสบายดี
“พี่ทำเหมือนผมเป็นเด็กไปได้ ผมรู้หรอกน่าว่าผมป่วยหรือไม่ป่วย”
ใบหน้าหวานยู่ลงทำหน้าน้อยอกน้อยใจ ไม่วายพวงแก้มใสยังขึ้นสีระเรื่ออ่อนจนไม่สามารถปิดมันได้ เลย์ไม่รู้ว่าที่คริสทำแบบนี้น่ะเพราะเป็นห่วงเขาหรือเปล่า แต่ก้อนเนื้อภายในอกมันเต้นโครมครามไปก่อนแล้ว
“โอเค ยังเป็นปกติดี” พูดแค่นั้นคริสก็ส่งมือไปวางไว้บนหัวทุยของผู้จัดการหนุ่มอ่อนปีกว่า โยกไปมาเล่นจนเพลิดเพลินก็ไม่ได้รู้เลยว่าทำให้อีกคนแทบจะกู่ก้องร้องตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น
“ก...ก็ปกติดีน่ะสิครับ แล้วนี่จะกลับกันได้หรือยัง?” เมื่อทนต่ออาการความเป็นห่วงเป็นใยของอีกคนไม่ได้เลย์จึงรีบเอ่ยตัดบท อยู่แบบนี้นานๆเขาคงได้ทรุดลงไปนั่งกับพื้นเป็นแน่
“ไปสิ”
พูดเสร็จคริสก็สาวเท้าเดินนำผู้จัดการตัวเล็กไปก่อน เดินไปก็ไม่วายบิดซ้ายบิดขวาคลายอาการปวดเมื่อยไปด้วย จับที่ท้ายทอยก็ทุบอยู่สองสามทีเมื่อรู้สึกได้ว่าร่างกายดูจะผิดปกติ และนั่นก็เรียกความสนใจจากคนที่เดิมตามหลังมาได้เป็นอย่างดี
“พี่เป็นอะไรครับ?” เลย์รีบเดินจ้ำอ้าวเข้าไปเคียงข้างอีกคนทั้งยังถามอาการด้วยความเป็นห่วง
“เปล่าหรอก แค่ปวดหลังนิดหน่อย”
“ไปหาหมอไหมครับ? เดี๋ยวตอนเย็นก็ไปงานต่อไม่ได้พอดี” ใบหน้าหวานฉายแววจริงจังกอปรกับคำพูด ส่งมือเข้าไปช่วยนวดไหล่ให้อีกคนก็เขย่งปลายเท้าซะจนสุดตัว เพราะส่วนสูงไม่ถึง ทำเอานายแบบหนุ่มต้องอมยิ้มเพราะความน่ารักของผู้จัดการตัวเอง
“ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า เดี๋ยวกลับไปคอนโดเอาแผ่นยามาแปะก็หายแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยบอกให้อีกคนหายกังวล เห็นใบหน้าหวานที่ขมวดคิ้วมุ่นเข้าหากันจนเป็นปมแบบนั้นมันช่างไม่เข้ากับเลย์เสียเลย
“...พี่นอนที่พื้นใช่ไหมครับ?”
คำถามของเลย์ทำเอาร่างสูงถึงกับชะงักนิ่งไปทันที ก่อนใบหน้าหล่อจะส่ายไปมาปฏิเสธเป็นพัลวัน
“เปล่าหนิ”
“พี่ไม่ต้องโกหกผมหรอกครับ ผมไม่ได้โง่นะ”
“ฉันไม่ได้ว่านายโง่สักหน่อย”
“พี่คริสไม่ต้องเสียสละเตียงให้ผมหรอก ผมนอนที่พื้นได้ มันไม่ได้ลำบากอะไรนี่นา ที่ผมบ่นน่ะก็แค่บ่นไปตามประสาเท่านั้นแหละ ไม่ได้คิดจริงจังอะไรหรอก พี่ต่างหากที่ต้องดูแลตัวเอง เป็นคนของประชาชนนะครับอย่าทำให้แฟนคลับเป็นห่วงสิ”
เสียงเจื้อยแจ้วที่เอ่ยสั่งสอนทำเอาคริสกลั้นยิ้มไว้แทบไม่อยู่ คำพูดคำจาที่เกินเด็กมันทำให้เขาอดจะชื่นชมเสียไม่ได้ คิดว่าอีกคนจะเหมือนเด็กทั่วๆไปเสียอีก เอะอะบ่นเอะอะโวยวาย แต่ที่ไหนได้ช่างเป็นเด็กที่เข้าใจผู้อื่นได้เป็นอย่างดี
“เห็นนายเหนื่อยก็แค่อยากจะให้นอนหลับสบายก็เท่านั้น” เสียงทุ้มเอ่ยบอกอย่างนุ่มนวล ความอ่อนโยนที่สื่อถึงกันทำให้เลย์หวั่นไหวได้เป็นอย่างดี
“อ...เอ่อ พี่ไม่ต้องเสียสละขนาดนั้นก็ได้นี่ครับ เตียงก็เตียงของพี่นะ”
“เฮ้อ! เด็กน้อยนะเด็กน้อย” ใบหน้าหล่อส่ายไปมาพลางถอนหายใจรัว เลิกคิ้วขึ้นเหลือบมองอีกคนก็ทำเอาผู้จัดการตัวเล็กเกิดความสงสัยขึ้น
“ทำไมมองผมอย่างนั้นล่ะครับ?”
“เปล่าหรอก ไปหาอะไรทานแล้วกลับคอนโดกันเถอะ”
ทิ้งประโยคสุดท้ายตัดบทมันไปซะดื้อๆคริสก็เดินออกไปนอกสถานที่จัดงานโดยมีผู้จัดการตัวเล็กสาวเท้าตามหลังไปไม่ห่าง แต่นั่นอะไรๆก็ดูเหมือนจะไม่ง่ายเลยเมื่อแฟนคลับของนายแบบหนุ่มรูปหล่อจำนวนไม่น้อยกำลังยืนออกันอยู่ที่รถตู้ของพวกเขา
“โหย พระเจ้า!” เลย์ถึงกับอุทานออกมาทันทีเมื่อได้เห็นผู้คนที่ยืนรออยู่ หันไปมองนายแบบหนุ่มก็ดูท่าว่าเจ้าตัวคงจะชินเอาเสียแล้ว คงมีคนติดตามเยอะจนไม่รู้สึกอะไรแล้วสินะ
“ไม่ต้องกลัวหรอก ก็แค่โดนเบียด ไม่ก็อาจจะได้แผลมานิดหน่อย”
“แต่คนเยอะมากเลยนะครับ เราจะผ่านไปได้หรอ?”
“ฉันก็ผ่านมาได้ทุกครั้งนะ” คำพูดไม่สะเทือนน้ำสะเทือนบกทำให้เลย์ต้องกลอกตาขึ้นลงอย่างเอือมระอา ถอนหายใจทีก็แทบจะร้องไห้เลยล่ะ
“พี่ก็พูดได้นี่ครับพี่ออกจะสูง แล้วสนใจความสูงผมบ้างไหม? พี่คิดว่าผมจะรอดออกไปได้หรอ กลัวว่าจะขาดอากาศหายใจตายไปซะก่อนน่ะสิ”
“อะ!”
“อะไรครับ?” ผู้จัดการตัวเล็กถึงกับไม่เข้าใจเมื่อเห็นอีกคนยื่นมือหนามาให้ตรงหน้า ไม่มีคำพูดใดๆที่เล็ดลอดออกมาจากปากรูปกระจับนั่น ต้องการอะไรแล้วทำไมไม่พูดวะ
“…………”
“อะไรของพี่?” เลย์เอ่ยถามอีกครั้งเมื่ออีกคนยังยื่นมือมาให้ตรงหน้าเขา จะขอเงินหรือไง ไม่มีให้หรอกนะ
“จับมือ ถ้าอยากรอดตายก็จับมือฉันไว้”
สิ้นเสียงทุ้มที่กว่าจะพูดออกมาก็ทำเอาเลย์เบิกตาโพลงด้วยความตกใจ ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะมีโอกาสได้จับมือกับอีกคน ไม่วายผู้จัดการตัวเล็กยังทำตัวเคอะเขินปรานกับหญิงสาวเจอรักแรกพบ แต่นั่นไม่เป็นไรนะ ยังไงเขาต้องผ่านมันไปให้ได้
“ไม่เอาดีกว่าครับผมเดินเองได้ ผมเกรงว่าคุณแฟนคลับของพี่ทั้งหลายจะมารุมทุบหัวผมทีหลัง”
“ถ้างั้นก็ตามใจ”
เมื่อผู้จัดการตัวเล็กไม่รับความหวังดี คริสก็ปล่อยมือลงไว้ข้างลำตัวเหมือนเดิม อุตส่าห์จะช่วยแต่นั่นอีกคนกลับไม่รับความหวังดีของเขาไว้ซะหนิ
“พร้อมนะ?” คริสเลิกคิ้วถามอีกครั้ง
“โอเค้! ไปครับ” เอาเถอะว่าเสียงที่ตอบกลับไปนี่เพี้ยงสูงชะมัด
ทั้งคริสและเลย์ค่อยๆย่างก้าวไปที่รถตู้ของพวกเขาด้วยความทุลักทุเล มีบอดี้การ์ดขนาบข้างก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิดในเมื่อวันนี้จำนวนแฟนคลับที่มาเยอะมากจริงๆ คริสออกแรงดันไหล่ผู้จัดการตัวเล็กให้มายืนด้านหน้าของเขาเพื่อให้อีกคนได้เดินฝ่าฝูงชนไปขึ้นรถก่อน ส่วนเขาก็เป็นคนคุมหลังให้เพราะกลัวว่าคนตัวเล็กจะได้รับบาดเจ็บ
พี่คริส ~
พี่คริสหล่อจังเลย… ~
กรี๊ดดดดดดดดดด
เท้าเล็กของผู้จัดการก้าวไปอย่างเชื่องช้าและยากลำบาก แรงที่ทั้งผลักทั้งดันจากหญิงสาวแฟนคลับจำนวนมากทำให้เขาเดินได้ไม่สะดวก ทรงตัวไม่อยู่เมื่อแรงเบียดเสียดมันเพิ่มขึ้นมากเรื่อยๆจนต้องถลาไปด้านหลังทำเอาใจหายใจคว่ำนึกว่าจะได้ลงไปนั่งกับพื้นให้คนเหยียบเล่นซะอีก แต่นั่นแผ่นอกแกร่งของใครบางคนกลับคอยประคองรับร่างของเขาไว้อยู่ไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ
“ไม่เป็นอะไรนะ?” คริสเอ่ยถามเมื่อเห็นคนตัวเล็กเซไปมาจนตอนนี้มาอยู่ในอ้อมกอดของเขาเป็นที่เรียบร้อย ก่อนจะช่วยผู้จัดการตัวดีให้ทรงตัวได้อีกครั้ง
“ไม่เป็นไรครับ อีกนิดก็ใกล้จะถึงรถตู้แล้วครับพี่” ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองคนที่ตัวสูงกว่าพลางเอ่ยบอก ความร้อนอบอ้าวจากการเบียดเสียดทำให้พวงแก้มเนียนใสขึ้นสีแดงอ่อนๆอย่างน่ารัก
เลย์พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อจะได้ไปถึงรถตู้แล้วรอดจากลุ่มแฟนคลับฝูงใหญ่ เขารับรู้ได้อยู่ตลอดเวลาว่าลำแขนแกร่งของใครอีกคนนั้นกอดรัดรอบเอวเขาอยู่ทำให้ไม่ต้องล้มไปนั่งกับพื้น ความอบอุ่นจากแผ่นอกกว้างที่แผ่มาถึงแผ่นหลังของเขาทำเอาหัวใจเต้นระรัวไปหมด วูบโหวงเมื่อในตอนนี้ร่างกายทั้งสองแทบจะหลอมรวมกันได้ก็ไม่ปราน ทั้งยังลมหายใจเข้าออกจากอีกคนที่เป่ารดท้ายทอยอยู่นั้นก็ทำเอาขนแขนลุกเกรียวไปหมด ใกล้เกินไป ใกล้มากจนกลิ่นน้ำหอนอ่อนๆจากนายแบบหนุ่มลอยเข้ามาแตะที่ปลายจมูกของเขาจนอยากจะทรุดฮวบไปนั่งกับพื้นได้เลยทีเดียว
“เฮ้อ! นึกว่าจะไม่รอด”
เพียงแค่ขึ้นมาบนรถได้ผู้จัดการตัวเล็กก็ถึงกับหอบแฮ่กเอนแผ่นหลังไปกับเบาะนั่งอย่างหมดแรง ตามมาด้วยนายแบบหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างกัน เลย์ไม่เคยคิดเลยว่าอีกคนจะแฟนคลับเยอะขนาดนี้ บางทีเขาคงต้องไปเพิ่มความสูงเสียล่ะมั้ง เมื่อกี้ก็ทำเอาเกือบตายเพราะไม่ได้ขึ้นมารับอากาศข้างบนน่ะสิ
“เริ่มชินหรือยัง?” เสียงทุ้มเอ่ยถามเมื่อรถเริ่มเคลื่อนตัวออกจากสถานที่จัดงาน นึกขันเมื่อได้เห็นหยาดเหงื่อที่พราวไปบนใบหน้าสวยพร้อมทั้งพวงแก้มที่แดงระเรื่อของอีกคนก็รู้ได้ว่าคงเหนื่อยจะแย่
“พี่ตั้งคำถามช่วยคิดก่อนได้ไหม? ใครมันจะชินเร็วขนาดนั้น”
“เอาน่า นายจะเจอแบบนี้ทุกวันนั่นแหละ”
“ผมก็เริ่มรู้แล้วล่ะครับ” พูดแค่นั้นใบหน้าหวานก็ยู่ลงพลางมองค้อนอีกคน แต่นั้นพอเห็นคริสไหวไหล่ไม่สนใจเลย์ก็หันออกไปมองนอกหน้าต่างรถแทน
“แต่นายก็ทำได้ดี”
เลย์ถึงกับนิ่งไปชั่วครู่เมื่ออีกคนเอ่ยพูด ไม่รู้ว่าเขาทำได้ดียังไง วันนี้ยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ ก่อนจะรับรู้ได้ถึงศรีษะของคนที่นั่งข้างๆกันเอนมาซบที่ลาดไหล่ของเขาทำเอาต้องหันขวับไปมองด้วยความตกใจ แต่นั่นความตกใจก็แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเมื่อได้เห็นมุมเด็กๆของนายแบบหนุ่มที่พร่ำบอกแต่ว่าเขาเป็นเด็ก ที่ไหนได้ก็เด็กไม่ต่างกันเลยสักนิด
คริสเอนศีรษะไปกับไหล่ของเลย์เพื่อเป็นที่พักพิง หลับตาลงก็เผลอยิ้มออกมาเมื่ออีกคนไม่ได้เอะอะโวยวายอะไร ไม่ได้เหนื่อย ไม่ได้อ่อนล้า หากแต่แค่อยากได้ไหล่เล็กๆของใครสักคนไว้หนุนไปตลอดทาง คิดว่าอีกคนจะต่อต้านเสียอีก แต่ที่ไหนได้กับยินยอมเอาเสียหนิ ถึงบอกไงว่าเลย์น่ะทำได้ดีกว่าที่คิด
…IT HAS TO BE YOU…
หลังจากที่ไปหาอะไรใส่ท้องเสร็จสับทั้งนายแบบหนุ่มและผู้จัดการตัวเล็กก็กลับมายังคอนโดอีกครั้งเพื่อพักผ่อนเตรียมตัวสำหรับงานตอนเย็น เพียงแค่เดินเข้ามาในห้องเลย์ก็รีบพุ่งไปล้มตัวลงนอนที่พื้นข้างเตียงทันที ร้อนถึงคริสต้องเดินเข้าไปหาอีกคนแล้วดึงแขนในลุกขึ้นมานอนบนเตียงให้สบาย
“นอนที่พื้นมันปวดหลัง ลุกขึ้นมานอนบนเตียงดีๆเลย์”
“ไม่เอา พี่นั่นแหละไปนอนบนเตียง”
“ถ้างั้น...ก็นอนด้วยกันนี่แหละ”
มือหนายื้อเเขนเล็กของผู้จัดการให้ลุกขึ้นจากพื้นห้อง หากแต่คนที่นอนทำตัวดื้อดึงยังคงไม่ขยับเขยือนไปไหน ทำให้คริสต้องออกแรงเฮือกสุดท้ายเพื่อดึงร่างที่ติดรากของอีกคนขึ้นมา แต่นั่นเขากลับพลาดไปเมื่อเท้าใหญ่ดันเผลอไปเหยียบผ้านวมที่กองกับพื้นเข้าทำให้ร่างกายสูงโปร่งลื่นถลาลงไปทาบทับคนตัวเล็กที่นอนอยู่ทั้งตัว จนคนใต้ร่างตกอกตกใจปรานกับเห็นผีกลางวันแสกๆ
“พ...พี่จะทำอะไรผม?” เอ่ยถามแค่นั้นมือบางก็ดันแผ่นอกแกร่งของอีกคนให้ออกห่าง ทั้งใบหน้าก็ใกล้กันเกินไปจนสัมผัสอุ่นๆที่เป่ารดอยู่ไม่ห่างกระทบเข้าที่ข้างแก้มนิ่มของเขายามที่หันหนี
“อะไรของนาย? ฉันก็แค่ลื่น”
คริสที่ตกใจไม่แพ้อีกคนก็รีบพูดแก้ตัวทันที ใช่เขาลื่นจริงๆ แต่นั่นพออยู่ใกล้กับผู้จัดการตัวเล็กก็ทำเอาทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน ทั้งในตอนนี้ร่างของเขาที่คร่อมกายของอีกคนอยู่มันก็ช่างล่อแหลมเสียเหลือเกิน
“ถ้างั้นพี่ก็รีบลุกออกไปจากตัวผมสิครับ คิดว่าตัวเองเบานักหรือไง?”
“ไม่ออกได้ไหม?”
“อ...อะไรของพี่วะครับ พูดอะไรเนี่ย?”
ยิ่งเห็นคนตัวเล็กรนรานคริสก็ยิ่งนึกอยากแกล้งขึ้นไปอีก ใบหน้าหวานที่ตื่นตระหนกมันทั้งน่ารักและดูน่าขันในเวลาเดียวกัน และนั่นยิ่งเลย์เป็นแบบนี้มันก็เข้าทางคริสเต็มๆ
“ก็อยู่บนตัวนายมันสบายนี่นา” เสียงทุ้มผะแผ่วกระซิบข้างใบหูสวย ผละออกก็ยกมือขึ้นวางที่เรียวหน้าน่ารักของอีกคนทำเอาคนใต้ร่างถึงกับตกใจหน้าซีดเผือดเลยล่ะ
“พี่คริส! พ...พี่อย่ามาล้อเล่นกับผมนะ ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”
มือบางออกแรงดันแผ่นอกกว้างของคนบนร่างให้ออกห่างอีกครั้ง ใบหน้าหวานขึ้นสีระเรื่อยามอีกคนส่งใบหน้าหล่อเหลาเข้ามาใกล้แล้วใช้สายตาแทะโลมจนตัวแทบพรุน ก่อนจะเสมองไปทางอื่นเมื่อตอนนี้ไม่อาจมองหน้านายแบบหนุ่มได้อีกต่อไป หัวใจไม่รักดีก็พลันเต้นเร็วถี่รัวทั้งร่างกายก็วูบโหวงไปหมด รู้อยู่หรอกว่าอีกคนล้อเล่น แต่เล่นให้มันถูกเวลาได้ไหมล่ะ คนมันตื่นเต้นจนลมแทบจับแล้ว
“ก็มันสบายอ่ะ ไม่อยากลุกไปไหนเลย”
“พี่สบายคนเดียวน่ะสิครับ ผมไม่ได้สบายกับพี่หรอกนะ!”
“…………….”
“พี่คริส! จะออกไปจากตัวผมดีๆไหม?”
เมื่อเห็นนายแบบหนุ่มเอาแต่นิ่งแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้เลย์ก็เริ่มจะหมดความอดทน เอาดิว่าคราวนี้ถ้าไม่ออกไปจากตัวเขาคอยดูว่าเขาจะทำอย่างไร
“ไม่อ่ะ”
“ผมให้โอกาสพี่ตอบอีกครั้งว่าพี่จะลุกออกไปไหม?”
“……………” คริสไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาเอาแต่ส่ายหน้าทั้งยังหัวเราะในลำคออย่างนึกขันกับอาการร้อนรนของเลย์ที่มันชัดเจนจนน่าตลก
“ถ้าพี่ไม่ออก.....”
“ทำไม? นายจะทำอะไรฉัน”
เมื่อนายแบบหนุ่มยังตีมึนทำเฉย รอยยิ้มพรายบนเรียวปากอวบอิ่มอมชมพูก็แสยะยิ้มจนคริสนึกสงสัย เห็นพฤติกรรมของอีกคนมันแปลกๆเขาก็เริ่มระแวงแล้วเหมือนกัน
“ถ้าพี่ไม่ออกนะ ผมจะบีบคอไอ้ยำยำให้มันขาดอากาศหายใจตายเดี๋ยวนี้แหละ”
เลย์ที่จนมุมในตอนแรกแอบเห็นเจ้ายำยำเดินป้วนเปี้ยนมาแถวนี้พอดีก็เกิดความคิดแพลงๆขึ้น มือบางคว้าขวับเข้าที่คอของเจ้าตัวขาวปุกปุยทำเอาคริสที่ได้เห็นถึงกับตาเบิกโพลงด้วยความตกใจ ไม่วายยังหันกลับมาจ้องเขม่นผู้จัดการตัวเล็กเป็นเชิงคาดโทษที่กล้าทำร้ายลูกชายของเขา
“เออๆ ไม่แกล้งแล้วก็ได้ ปล่อยลูกชายฉันก่อนดิ”
พูดแค่นั้นร่างสูงโปร่งของนายแบบหนุ่มก็หยัดตัวลุกขึ้นออกจากร่างของเลย์อย่างไม่มีข้อแม้ เอาเถอะว่าหมดสนุกเลยเมื่อรู้ว่าอีกคนเอาอะไรมาเป็นข้ออ้างให้เขาต้องปล่อยตัวไป
“ก็แค่นี้แหละครับ ต้องให้ขู่”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก!
เสียงเคาะประตูที่ดังขัดจังหวะขึ้นทำให้ทั้งคริสและเลย์ต้องหันไปมองด้วยความสงสัยว่าใครคือแขกผู้มาเยือน ก่อนนายแบบหนุ่มที่กำลังอุ้มเจ้ายำยำอยู่ในอ้อมกอดจะพยักเพยิดหน้าให้ผู้จัดการตัวดีที่แกล้งขู่เขาเมื่อครู่ไปเปิดมัน
ร่างบอบบางของของผู้จัดการค่อยๆลุกขึ้นยืนพลางจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่เข้าทาง ไม่วายยังต้องเบะปากให้กับอีกคนที่ชอบแกล้งเขาอย่างนึกหมั่นไส้ ก่อนจะเดินกระแทกเท้าตึงตังไปเปิดประตูให้กับคนมาใหม่ท่ามกลางกรอบม่านตาคมของนายแบบหนุ่มที่มองตามอยู่
“มาหาใคร เอ่อ....” เพียงแค่เปิดประตูออกไปภาพที่เห็นตรงหน้าก็คือใครบางคนที่ไม่คิดว่าจะเจอกันที่นี่ เลย์ถึงกับชะงักไปชั่วขณะเมื่อคนที่ยืนอยู่หน้าห้องนั้นก็มองมาที่เขาด้วยความสงสัยเหมือนกัน
“อ่าว! มาอยู่นี่ได้ไง?” เสียงทุ้มเอ่ยถามเมื่อเห็นน้องชายต่างมารดายืนอยู่ในห้องของนายแบบหนุ่มเพื่อนสนิทของเขา พร้อมกับข้างกายสูงโปร่งที่มีเด็กน้อยตาแป๋ววัยห้าขวบยืนแหงนหน้ามองเขาอยู่ด้วย
“ชานยอล?”
“เออ! ทำไมวะ จำชื่อพี่ชายสุดหล่อไม่ได้รึไง?”
เห็นอาการที่ดูจะตกอกตกใจของคนอ่อนปีกว่าชานยอลก็ถึงกับนึกแปลกใจ แล้วนั่นน้องชายเขามันมาทำอะไรที่ห้องของเพื่อนเขาวะ
“พวกนายสองคนรู้จักกันหรอ?”
เหมือนหายนะมาเยือนเมื่อนายแบบหนุ่มเดินอุ้มเจ้ายำยำเข้ามาร่วมบทสนทนาที่น่าอึดอัด เลย์ไม่ได้กลัวอะไรเลย ถ้าพ่อของเขาไม่ได้กำชับนักกำชับหนาว่าไม่ให้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริง แล้วนี่พี่ชายปากสุนัขของเขายังมาอยู่ในสถานการณ์นี้ด้วยอีก ถ้าความแตกเขายังจะได้เงินเดือนอยู่ไหมนะ ห่วงเรื่องนี้เรื่องเดียวเลย
“ม...ไม่รู้จักครับ”
เลย์ชิงพูดก่อนทันทีพลันส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวันก่อนที่ชานยอลจะอ้าปากพูดเสียอีก นั่นก็ทำให้ชานยอลต้องขมวดคิ้วมุ่นพร้อมทั้งความสงสัยที่ก่อตัวขึ้นเป็นเคล้าฝนเรื่อยๆ - - อะไรของมัน
“เข้ามาดิชานยอล แล้วนั่นนายเอาเด็กที่ไหนมาด้วย?”
“นี่หรอ? ลูกฉันเอง” ชานยอลชี้มือไปยังเด็กผู้ชายตัวเล็กที่ยืนจับมือกับเขาอยู่ข้างๆ ทำเอาน้องชายอย่างเลย์ถึงกับหันขวับไปมองยังเด็กคนนั้นด้วยความตกใจ พลันคิดว่าพี่ชายเขามันไปทำผู้หญิงที่ไหนท้องหรือเปล่า
“เห้ย! นี่นาย”
“หยุดเลยคริส ฉันแค่เป็นพ่อให้ชั่วคราวเว้ย! พอดีเพื่อนฉันไม่ทำธุระเลยฝากไว้ก่อน”
“แล้วนี่นายก็จะมาฝากฉันเลี้ยงอีกที?” เหมือนจะรู้ทันเมื่อคริสเอ่ยถามไปแบบนั้นชานยอลก็ยิ้มแหยๆตอบกลับมา เดาไม่ผิดเลยสักนิด คาสโนวาอย่างชานยอลน่ะหรือจะมาเลี้ยงเด็กให้คนอื่น
“ถูกต้องนะครับ ฉันฝากหน่อยดิคริส” ชานยอลเอ่ยพลางทำตาปริบๆอ้อนวอนเพื่อนนายแบบ
“แล้วนายไปตอบตกลงเขาทำไมวะว่าจะเลี้ยงลูกแทนเขาอ่ะ มันลำบากคนอื่นไหมเนี่ย?”
“ก็ไปจีบน้องชายเขาอยู่ ทำดีหน่อยดิวะเพื่อน”
คริสถึงกับส่ายหน้ากับเพื่อนตัวดีที่ชอบเอาภาระมาให้เขาแล้วมันก็ไปสุขสบาย ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชานยอลเป็นแบบนี้ ชานยอลไม่ได้คิดเลยว่าเขาจะงานยุ่งหรือเปล่า มันเอาแต่ความสบายของมันทั้งนั้น แต่นั่นคริสก็ยอมตกลงแต่โดยดี เพราะภาระนี้ก็จะตกทอดไปยังผู้จัดการของเขาอีกที
“เออ ก็ได้!”
สิ้นเสียงทุ้มของนายแบบหนุ่มชานยอลก็รีบถลาเข้าไปกอดเพื่อนรักเป็นการขอบคุณ ไม่ได้ดูเลยว่ายังมีใครอีกคนที่ยืนเป็นหัวหลักหัวตออยู่ด้วย ในตอนนี้เลย์เหมือนคนที่ถูกลืมก็ไม่ปราน
“ฉันสงสัยว่ะคริส แกเอาเด็กมาอยู่แก้เหงาตอนกลางคืนหรอวะ?” ชานยอลเอ่ยถามพลางยิ้มกรุ้มกริ่มเมื่อเห็นว่าน้องชายต่างมารดาที่ไม่เห็นกลับบ้านกลับช่องหลังจากกลับมาจากต่างประเทศที่แท้ก็มาอยู่ที่นี่เอง ทำเอาคนหน้าหวานที่ยืนนิ่งอยู่ในตอนแรกต้องหันคอแทบหลุดไปมองอย่างรวดเร็ว
“เออมั้ง!”
และนั่นแทนที่คริสจะช่วยแก้ตัวในเลย์หากแต่เจ้าตัวกลับพูดคล้อยตามเพื่อนสนิทไปซะอย่างนั้นอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“ไม่ใช่สักหน่อย พี่คริสอย่างมั่วสิครับ” เลย์ถึงกับควันออกหูเมื่อนายแบบหนุ่มเอาแต่กระหนุงหระหนิงกับแมวจนออกนอกหน้าโดยไม่คิดจะสนใจอะไรเขาเลย
“แล้วนายมาอยู่ที่นี่ได้ไงว่ะ เล.... อื้อ...”
ชานยอลวกกลับมาถามน้องชายอีกครั้งหากแต่ไม่ทันได้พูดจบประโยคเลย์ก็ปรี่เข้าไปปิดปากได้รูปนั่นทันทีแล้วลากกายสูงของพี่ชายให้ออกมานอกระเบียงห้อง ทำเอานายแบบหนุ่มต้องมองตามด้วยความไม่เข้าใจ
“อื้อ....”
เมื่อเสียงจากพี่ชายที่ดังอู้อี้ต่อต้านเป็นเชิงประท้วงเลย์จึงค่อยๆคลายมือออกจากปากของอีกคน พลางบอกให้เบาๆแถมยังทำท่าทางมีลับลมคมในจนชานยอลต้องส่ายหน้าอย่างระอา
“ลากออกมาทำไม? แล้วที่ไม่กลับบ้านนี่ติดผู้ชายสินะ” ชานยอลเอ่ยถามเลย์อย่างหัวเสีย ก่อนจะยกมือขึ้นจัดทรงผมของตัวเองเสริมหล่อเพราะไอ้น้องชายตัวดีที่ลากเขาออกมาทำเอาผมเผ้านี่เสียงทรงไปหมด
“ติดผู้ชายบ้าอะไรล่ะ! ไอมาทำงานต่างหาก”
“งานอะไร? ไหนว่าปิดเทอมซัมเมอร์”
“แด๊ดให้มาเป็นผู้จัดการส่วนตัวพี่เขา แล้วก็ห้ามเปิดเผยสถานะตัวเองด้วย เพราะฉะนั้นยูต้องห้ามบอกพี่คริสว่าเราเป็นอะไรกัน เข้าใจไหม?”
ชานยอลพยักหน้าเข้าใจ แต่นั่นก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมคนเป็นพ่อต้องให้ปิดบังเรื่องแบบนี้ด้วย ทั้งๆที่ยังไงสักวันคริสก็ต้องรู้อยู่ดี แต่นั่นก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เพียงแค่นั้นมุมปากเรียวก็กระตุกยิ้มเยาะอย่างคนที่เหนือกว่า
“แล้วถ้าช่วยปิดบัง ฉันจะได้อะไร?”
“ห๊ะ?”
“ไม่ต้องมาห๊ะเลย เคยได้ยินคำนี้ไหม? ของฟรีไม่มีในโลกอ่ะ” ชานยอลยิ้มเย้ยทำเอาเลย์ถึงกับถอนหายใจ แต่นั่นเลย์จะทำอะไรได้ พี่ชายเขาน่ะปากไวจะตาย
“ให้เงินดือนที่ไอได้ครึ่งนึงเลยอะ”
“เยี่ยม!” พูดแค่นั้นมือหนาก็ยกขึ้นตบบ่าน้องชายต่างมารดาตุบๆ ยิ้มกรุ้มกริ่มชวนโดนบาทามาให้แล้วก็เดินเก็กหล่อกลับเข้าไปในห้องเหมือนเดิม
“ไอ้พี่เลว!”
เสียงหวานบ่นพึมพลางกัดฟันกรอดเดินตามหลังพี่ชายไป ใบหน้าหวานงองุ้มอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ แต่สุดท้ายเขาก็ยอมชานยอลอยู่ดี แต่นั่นจะไปฟ้องคนเป็นพ่อทีหลังว่าเจอพี่ชายข่มขู่ก็ยังไม่สาย คิดแล้วมันก็แค้น
“มุนบินอยู่กับพี่เขานะ เดี๋ยวพ่อมารับตอนเย็นๆนะครับ เห้ย! ฉันฝากด้วยนะคริส”
ประโยคแรกหันไปบอกลูกชายในฐานะคุณพ่อจำเป็น ส่วนท้ายประโยคหันไปบอกเพื่อนรักที่มันยังไม่ปล่อยแมวออกจากอ้อมอกอ้อมใจ ไม่วายก็หันไปเลิกคิ้วให้น้องชายต่างมารดาอย่างยียวนก่อนจะเดินออกจากห้องไปโดยทิ้งเด็กตาแป๋วที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ไว้กับคนทั้งสอง
“เลย์ ดูแลมุนบินด้วยนะ”
“อะไรนะครับ?” เลย์ถึงกับหันไปมองนายแบบหนุ่มในความดูแลอย่างไม่พอใจ บางทีคริสอาจจะยังไม่รู้ว่าเลย์ไม่ถูกกับเด็ก
“ก็ตามที่พูดนั่นแหละ ดูแลมุนบินด้วย”
“แล้วพี่ล่ะครับ”
“ฉันว่าจะไปอาบน้ำให้ยำยำหน่อย” พูดแค่นั้นคริสก็พาเจ้ายำยำเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ปล่อยไว้แค่เลย์กับเด็กน้อยนามมุนบินที่ยืนเงียบมองตากันปริบๆอย่างอึดอัด
“ฮึก...ใครๆก็ทิ้งมุนบิน ไม่มีใครรักมุนบินเลย ฮือ...”
เอาแล้วไง ไม่ทันไรเด็กน้อยตัวเล็กก็ปล่อยน้ำตาไหลอาบข้างแก้มจนเลย์ถึงกับอึ้งทำอะไรไม่ถูก ทำตัวเลิ่กลั่กเก้ๆกังๆก็รีบปรี่เข้าไปนั่งยองกับพื้นตรงหน้ามุนบินแล้วโอบกอดไว้พลางลูบหัวทุยเพื่อปลอบประโลม
“เอ่อ... ไม่ร้องนะครับมุนบิน ทุกคนรักมุนบินนะแต่ว่าทุกคนต้องไปทำงาน พี่เลย์ก็รักมุนบิน มุนบินอยู่กับพี่เลย์นะ” เสียงหวานเอ่ยปลอบโยนเด็กน้อยด้วยความเมตตา มุนบินดูท่าว่าจะไม่ดื้อเท่าไหร่ และนั่นมันก็ไม่ยากเมื่อใบหน้าน่ารักของเด็กน้อยพยักขึ้นลงให้เป็นคำตอบอย่างว่าง่าย
“พี่เลย์รักมุนบินไหม?”
“รักครับ พี่เลย์รักมุนบินนะ” มือบางยกขึ้นเกลี่ยน้ำตาที่ข้างแก้มนิ่มของเด็กชายตัวเล็กให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะโน้มเข้าไปกดปลายจมูกแล้วสูดกลิ่นอ่อนๆตามวัยเด็กของมุนบินเข้าไปฟอดใหญ่
“………..”
“มุนบินหิวไหม เดี๋ยวพี่เลย์หาอะไรให้ทาน?”
มุนบินไม่ยอมเอ่ยพูด หากแต่ใบหน้าน่ารักพยักขึ้นลงหงึกหงักให้เป็นคำตอบ ฉีกยิ้มบางๆทำเอาเลย์ก็ยิ้มตามไปด้วยไม่ยาก ก่อนผู้จัดการตัวเล็กจะลุกขึ้นยืนแล้วจูงมือมุนบินเข้าไปในส่วนของห้องครัวเพื่อหาของว่างในตู้เย็นให้ทาน
“มุนบินครับ พี่เลย์ถามอะไรหน่อย พี่ชานยอลจีบใครอยู่หรอครับ?”
ในขณะที่มุนบินกำลังทานเค้กก้อนเล็กอยู่นั้น เลย์ก็ไม่ยอมปล่อยให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ อาศัยช่วงเวลานี้แอบถามเรื่องพี่ชายจากเด็กซะเลย
“พ่อยอลชอบอาแบค” แบคไหนวะ เอาเถอะว่ารู้แล้วเลย์จะได้เอาไปล้อพี่ชายปากปีจอเพื่อเอาคืนเรื่องเงินเดือนของเขา
“แบค...”
“อาแบคฮยอนใจดี”
ในที่สุดเลย์ก็รู้แล้วว่าคนที่พี่ชายต่างมารดาของเขากำลังจีบนั้นชื่อแบคฮยอนนี่เอง ว่าแล้วก็อยากจะเห็นหน้าเสียเหลือเกิน ขอให้ชานยอลมันจีบไม่ติดเถอะสาธุ
เลย์นั่งมองมุนบินที่นั่งทานเค้กเงียบๆอยู่คนเดียวด้วยความเอ็นดู บางทีแค่นี้มันก็ทำให้เขาเริ่มจะชอบมุนบินขึ้นมาแล้ว ในตอนแรกเขาไม่ค่อยถูกกับเด็กเพราะเวลาไปเรียนที่อังกฤษพวกเด็กหัวทองมักจะหน้ามึนและกวนส่วนที่เดินได้ แต่มุนบินกลับแตกต่างออกไป และนั่นจะไม่แปลกใจเลยถ้ามุนบินจะทำให้เขาเริ่มรักเด็กมากขึ้นเรื่อยๆ
“พี่เลย์ มุนบินอิ่มแล้วขอน้ำหน่อยครับ” มือเล็กยื่นจานเค้กที่ว่างเปล่ากลับมาคืนเลย์ก่อนจะแบมืออีกข้างขอน้ำดื่มเพื่อให้โล่งคอ
“นี่ครับ” เลย์ยื่นแก้วน้ำลายการ์ตูนน่ารักที่ไม่น่าจะมีในคอนโดของคริสให้กับมุนบิน พร้อมกับเจ้าเด็กน้อยตัวเล็กก็รับมันไว้แล้วดื่มจนหมดแก้ว
“มุนบินอยากทำอะไรอีก เล่นเกมส์ไหม?”
“ครับ”
เลย์จูงมือของเด็กน้อยตัวเล็กไปยังห้องนั่งเล่น อุ้มมุนบินให้ขึ้นไปนั่งบนโซฟาก่อนเจ้าตัวจะเดินไปเปิดวีดีโอเกมส์แล้วให้มุนบินได้เพลิดเพลินไปกับตรงนั้น ม่านตากลมทอดมองเด็กน้อยตัวเล็กพลางเผลอยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว บางทีถ้ามุนบินเป็นลูกแท้ๆของชานยอลก็คงจะดี เขาคงจะแย่งเด็กคนนี้มาเป็นลูกตัวเองแน่ๆ
เวลาผ่านไปไม่นานผู้จัดการตัวเล็กก็ผล็อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า นอนเหยียดกายอยู่บนโซฟาหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ปิดเปลือกตาพริ้มโดยลืมนึกไปว่ายังมีเด็กน้อยอีกคนที่กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการเล่นเกมส์ และนั่นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นมันก็อยู่ในสายตาของคริสทุกการกระทำ
คริสค่อยๆสาวเท้าเดินมายังโซฟาที่มีร่างของอีกคนนอนอยู่อย่างแผ่วเบาที่สุด นั่งยองลงที่ข้างโซฟาแล้วจ้องมองใบหน้าหวานที่หลับตาพริ้มพลางอมยิ้มกับตัวเอง นำผ้าห่มผืนบางที่ถือติดมือมาคลี่ออกแล้วบรรจงห่มให้อีกคนที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราว คริสไม่ได้ไปอาบน้ำให้เจ้ายำยำอย่างที่ว่า หากแต่เขาเลือกที่จะเฝ้ามองเลย์อยู่ห่างๆต่างหาก และนั่นเลย์ก็ทำให้เขาประทับใจได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“พี่คริสครับ”
“ครับ?”
มัวแต่เผลอจ้องมองใบหน้าหวานจนลืมว่ายังมีเด็กน้อยหัวดำนั่งอยู่อีกคนคริสก็ถึงกับสะดุ้งเมื่อเสียงเรียกนั้นเข้ามาขัดห้วงความคิดของเขา พลางหันไปมองเด็กตัวเล็กเป็นเชิงถามว่าต้องการอะไร
“มุนบินปวดฉี่” เด็กน้อยตัวเล็กทำท่าทางปรานกับมาในอีกไม่ช้ามันจะมาแล้ว ทำเอาคริสต้องหัวเราะออกมาอย่างนึกขึ้น ก่อนจะหันไปมองคนที่นอนอยู่กำลังรู้สึกตัวเพราะเสียงของมุนบินที่ตะโกนเมื่อครู่
มุนบินกระโดดไปมาโหยงเหยง บิดซ้ายบิดขวาเมื่อทนไม่ไหวแล้ว แต่นั่นเด็กน้อยกลับไม่รู้ว่าห้องน้ำต้องไปทางไหน เท้าเล็กกระทัดรัดจึงวิ่งปรี่เข้ามาหาคริสที่นั่งอยู่ข้างโซฟาเนื้อดีเพื่อให้พาไป ในขณะที่เลย์ค่อยๆยันขอศอกขึ้นมาดูเหตุการณ์ด้วยอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น
จุ๊บ!”
เลย์กำลังจะลุกขึ้นนั่งทั้งๆที่เปลือกตายังไม่ทันเปิดดี แต่นั่นมันก็เบิกโพลงโดยอัตโนมัติเมื่อรับรู้ได้ถึงความอุ่นชื้นตรงริมฝีปากอวบอิ่มยามมันทาบทับกับเรียวปากได้รูปของอีกคนก็ทำเอาอึ้งค้างตัวชาวาบเป็นหินทันที เมื่อมุนบินที่วิ่งมาหาคริสนั้นพลักร่างกายสูงโปร่งของนายแบบหนุ่มเข้าไปหาเลย์เต็มๆ
“พี่คริส มุนบินฉี่จะราดแล้ว ห้องน้ำไปทางไหนครับ?”
มุนบินเขย่าร่างกายของคริสที่ตอนนี้ริมฝีปากรูปกระจับก็ยังไม่ถอนไปจากกลีบปากอมชมพูของอีกคน ก่อนจะยกมือที่ไร้เรี่ยวแรงชี้ทางบอกเด็กน้อยตัวเล็กไปโดยไร้สติ
เลย์อึ้งนั่นคริสก็อึ้งไม่ต่างกัน เหตุการณ์ทั้งหมดมันเหมือนกับภาพที่ถูกหยุดเวลาเมื่อมุนบินวิ่งไปเข้าห้องน้ำแล้วเหลือเพียงวิดีโอเกมส์ที่ยังเล่นอยู่ ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบเหลือแค่เสียงลมหายใจเข้าออกระรัวของกันและกัน ก่อนจะได้สติกลับมาเลย์จึงเป็นฝ่ายส่งมือบางผลักหน้าอกของอีกคนออกไปให้ห่างด้วยความตกใจ
“ข...ขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจ คือมุนบิน....” คริสไม่สามารถเอ่ยคำใดออกมาได้เลย เขาเอาแต่มองหน้าอีกคนนิ่งเพราะยังเรียกสติตัวเองกลับมาได้ไม่ครบพลางมือไม้ก็ชี้โบ้ชี้เบ้หามุนบินตัวต้นเหตุ
“ค...ครับ ไม่เป็นไร พี่ไม่ได้ตั้งใจนี่นา”
ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงจัดชัดเจนอย่างเห็นได้ชัด ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยก็มองซ้ายมองขวาทำท่าหามุนบินแก้เก้อ พยายามควบคุมหัวใจที่อยู่ๆก็รัวกลองขึ้นมาดังโครมครามภายในอก ถ้าเลย์กำลังยืนอยู่ในตอนนี้ แข้งขาของเขาคงไม่มีแรงจนอ่อนยวบไปกองกับพื้นก็เป็นแน่
“เอ่อ...นายโอเคนะ?” คริสเอ่ยถามเสียงตะกุกตะกักด้วยความเป็นห่วงความรู้สึกของเลย์
“ครับ ผมไม่เป็นไร มันเป็นอุบัติเหตุนี่นา ถ้างั้น...ผมไปดูมุนบินก่อนนะครับ” พูดแค่นั้นร่างกายบางก็รีบกุลีกุจอลุกขึ้นจากโซฟา ก่อนจะรีบสาวเท้าเดินตัวตรงดิ่งไปยังห้องน้ำเพื่อดูแลมุนบินอย่างรวดเร็ว
เลย์รีบส่ายหน้าไปมาหลังจากที่เดินออกมาจากห้องนั่งเล่นแล้ว ยกมือขึ้นทาบที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเองก็ต้องถอนหายใจเสียเฮือกใหญ่ ไม่วายความรู้สึกร้อนผ่าวที่ริมฝีปากยังทำเอาสมองเกือบดับวูบไปก็ไม่ปราน อุบัติเหตุครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก
“มุนบินครับ เสร็จรึยังเอ่ย?” มือบางยกขึ้นเคาะประตูห้องน้ำเพื่อเรียกเด็กน้อยตัวเล็กที่ขอมาเข้าห้องน้ำเมื่อครู่ ไม่วายยังทิ้งเรื่องวุ่นวายทำเอาทั้งคริสและเขามองหน้ากันแทบไม่ติด
“เสร็จแล้วครับ”
มุนบินเปิดประตูออกมาพร้อมทั้งรอยยิ้ม ไม่วายยังทำหน้าโล่งใจสบายกายจนเลย์ต้องส่งมือไปขยี้หัวทุยเบาๆอย่างนึกหมั่นเขี้ยว
“ถ้างั้นไปกันเถอะครับ”
เลย์จูงมือมุนบินกลับไปยังห้องนั่งเล่นอีกครั้ง เดินเข้ามาก็เห็นนายแบบหนุ่มนั่งดูรายการการ์ตูนอยู่ที่โซฟาตัวเดิมที่เขานอนเมื่อครู่ เพียงแค่คิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาสดๆร้อนๆหน้าก็ร้อนผ่าวทันที ก่อนจะเห็นว่ามุนบินปล่อยมือออกจากเขาแล้ววิ่งเข้าไปนั่งข้างคริสพลันโบกมือเรียกให้เข้าไปนั่งด้วยกัน
“ตรงนี้ครับพี่เลย์”
เลย์เดินเข้าไปตามที่มุนบินบอกด้วยอาการเกร็งสุดฤทธิ์ หย่อนกายนั่งลงข้างเด็กน้อยที่อยู่ตรงกลางระหว่างเขากับคริสก็ถึงกับอยากเปลี่ยนใจเดินออกไปอีกครั้ง บรรยากาศมันเริ่มอึมคลึมเมื่อไม่มีใครเอ่ยพูดกันเลย มีเพียงมุนบินที่นั่งตาแป๋วดูการ์ตูนที่คริสเปิดให้อยู่คนเดียว
“พี่คริสกับพี่เลย์เป็นอะไรกันหรอครับ?” นั่นไง เด็กน้อยช่างจุดประเด็น ทำเอาทั้งคริสและเลย์ต้องหันหน้ามองกันเลิ่กลั่กพลางยิ้มแหยๆจนแทบเจือนสนิท
“พี่คริสเป็นนายแบบ ส่วนพี่เป็นผู้จัดการครับ”
เอาเถอะว่าเลย์ตอบไม่ตรงคำถามเลยสักนิด เด็กน้อยถามว่าเป็นอะไรกัน ไม่ได้ถามว่าทำอาชีพอะไรสักหน่อย แต่จะว่าไปเขากับคริสก็ไม่มีสถานะนะ เพื่อนก็ไม่ใช่ พี่น้องก็แล้วใหญ่ดูจากส่วนสูงก็รู้ ส่วนคนรู้จักหรอ คงแบบหลังล่ะมั้ง
“ผู้จัดการที่ว่าเป็นเหมือนแม่หรือเปล่า? เพราะเมื่อก่อนคุณแม่มุนบินชอบจัดการคุณพ่อ” จัดการของเด็กมันหมายถึงอะไรวะ จัดการแบบไหนเอาให้เคลียร์นะเห้ย
“เอ่อ... พี่ก็ตอบสิครับพี่คริส”
“อ่าว ทำไมต้องเป็นฉันด้วย” คริสถึงกับหันไปมองผู้จัดการตัวดีอย่างคาดโทษที่อยู่ๆก็โยนภาระมาให้เขาทั้งยังไม่เตรียมตัว แต่นั่นเมื่อได้สบตากับอีกคน ไม่ทันได้เรื่องได้ราวก็เบือนใบหน้าหนีกันเสียแล้ว
“ผู้จัดการก็เป็นคนที่คอยดูแลเรื่องต่างๆของพี่ไงครับมุนบิน” คริสก้มลงไปพูดกับเด็กน้อยตัวเล็กไม่วายยังเหลือบมองผู้จัดการหน้าหวานไปด้วย
“ทุกอย่างเลยหรอครับ”
“ก็ประมานนั้นครับ”
“ถ้างั้นก็เหมือนคุณแม่เลย คุณแม่มุนบินชอบดูแลคุณพ่อด้วย แต่ว่าคุณพ่อไม่อยู่แล้ว ไม่รู้ว่าไปไหน พ่อยอลเลยมาเป็นพ่อมุนบินแทน”
คำพูดคำจาทำให้ทั้งคริสและเลย์หันมองหน้ากันในทันที เข้าใจแล้วว่าพ่อของมุนบินคงทิ้งเขาไป แต่นั่นเด็กอายุเพียงห้าขวบจะไปรู้อะไรว่าจริงๆแล้วเรื่องมันไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
“วันไหนคุณแม่มุนบินไม่ว่างหรือพ่อยอลไม่อยู่ก็มาอยู่กับพี่เลย์ได้นะ” เลย์เอ่ยบอกพลางลูบหัวทุยของเด็กน้อยตัวเล็กไปมาอย่างนึกเอ็นดู
“ครับ มุนบินจะมา”
“………………”
“แต่เมื่อกี้มุนบินเห็นพี่คริสแตะปากกับพี่เลย์ด้วย มุนบินก็เคยเห็นพ่อยอลแตะปากกับอาแบค”
สิ้นเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กน้อยตัวเล็กเลย์กับคริสก็รีบเบือนใบหน้าออกจากกันอีกครั้ง แทบอยากจะร้องไห้เมื่อเด็กน้อยคนนี้ช่างจุดประเด็นซะเหลือเกิน เรื่องมันแล้วไปแล้วก็ให้มันผ่านไปเถอะ รื้อฟื้นทำเพื่ออะไรนะมุนบิน แล้วนั่นชานยอลได้ข่าวว่ากำลังจีบแบคฮยอนไหงมันไปจูบกันแล้วฟระ
“เอ่อ...มันเป็นอุบัติเหตุครับมุนบิน” เลย์เอ่ยบอกกอปรกับการแก้ตัวไปด้วย
“ครับ มุนบินเข้าใจ”
เลย์แทบอยากจะทึ้งหัวตัวเองแรงๆสักหนึ่งที คำว่าเข้าใจของมุนบินไม่ได้เข้าใจอะไรเลยสักนิด เข้าใจว่าการจูบคือการแตะปากเนี่ยนะ เด็กก็ยังคงเป็นเด็กอยู่วันยันค่ำ ไม่วายไอ้นายแบบหน้าหล่อมันยังจะยิ้มเยาะอยู่อีก น่าหมั่นไส้ แต่นั่นก็ต้องขอบคุณมุนบินล่ะนะที่เข้าใจ โคตรซึ้งเลย
… IT HAS TO BE YOU…
*** นานๆทีลงฟิคนี่ทำเอาขาดความมั่นใจเหมือนเคยเลย ><
มีแค่นี้ที่จะกล่าวค่ะ ไรท์ชอบหายไปนานเขาขอโทษ T^T
ความคิดเห็น