คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : ll ADOLESCENT 19 ll 100%
ADOLESCENT
“งื้อ...อู๋ฟานพอแล้ว” เสียงประท้วงหวานขัดขึ้นห้ามปรามคนหวังกำไร หากแต่อีกคนที่นอนเจ็บอยู่บนเตียงของโรงพยาบาลก็ยังไม่คิดจะปล่อยคนตัวเล็กให้เป็นอิสระอยู่ดี
ขาขวาใส่เฝือกทั้งแผ่นหลังก็ถูกดามไม่ให้ลุกไปไหน แต่นั่นมือยังใช้การได้ คนฉวยโอกาสจึงวาดไปคล้องท้ายทอยขาวของคนที่นั่งอยู่ข้างเตียงให้โน้มลงมากดริมฝีปากที่พวงแก้มนิ่มจนชื่นใจ
“ฉันเจ็บอยู่นะอี้ชิง ขอรางวัลให้หายเจ็บหน่อยไม่ได้หรือไง?” ปากเรียวขยับออดอ้อนทั้งๆที่ได้เข้าไปเต็มอกเต็มใจ แต่นั่นมีหรือจะรู้จักพอ ได้แค่นี้มันเศษเสี้ยวของความต้องการต่างหากล่ะ
“นายก็เป็นเสียแบบนี้ ป่วยได้ยังไม่เจียมตัวอีก”
“โหย ว่าแรง”
“แล้วมันสมควรไหม?”เลย์ยกมือแกร่งที่คล้องลำคอของเขาให้ออกไปจากการกอดรัด แต่นั่นอีกคนกลับยื้อไว้เหมือนเดิมให้ไร้การต่อต้าน “อู๋ฟานอย่าดื้อ พักผ่อนเยอะๆจะได้หายไวๆ ยิ่งนายขยับตัวบ่อยมันก็ยิ่งหายช้านะรู้ไหม?”
“………….” คนฟังส่ายหน้าหวือทำเป็นไม่รู้เรื่อง เรียวปากได้รูปเบ้คว่ำให้คนตรงหน้าต้องกลอกม่านตาเอือมระอาและอ่อนใจ
“เป็นห่วงนะ แค่นี้ก็ใจไม่ดีมากแล้ว หายเร็วๆจะได้ไปไหนมาไหนด้วยกันได้” เลย์ยิ้มละมุนให้คนป่วยบนเตียง แต่เอาเถอะใบหน้าหล่อของอีกคนก็ยังคงงองุ้มไม่ยิ้มให้เขาอยู่ดี
“…………”
“จะเอาอะไร? พูดมาอย่าทำงอน” ในที่สุดก็ต้องเอ่ยถามทั้งที่ไม่อยากถามเลยสักนิด รู้หรอกว่าไอ้ทำหน้า
แบบนี้น่ะมีลับลมคมใน เลย์ล่ะเบื่อจริงๆ
“..............” คริสยังคงไม่พูด เขาเอาแต่นิ่งเงียบจ้องมองใบหน้าหวานของคนรักอยู่เฉยๆ ก่อนจะส่งมือชี้เข้าที่ริมฝีปากเคลือบใสเป็นเชิงบอกว่าต้องการ ... คือจะเอาอันนี้อ่ะให้ได้ไหมล่ะ
“เปลืองตัวโคตรว่ะ”
“อยากได้” พูดไปก็กะพริบตาปริบแกมขอร้อง กัดริมฝีปากไว้แน่นลุ้นเสียเลย์ต้องสะบัดใบหนีไปอีกทาง
“เมื่อตอนก่อนแข่งก็ได้ไปแล้วนะ วันนี้ให้ทั้งวันแล้วอ่ะ” เอาเถอะว่าหน้าร้อนผ่าวหูอื้ออึงไปหมด ใจก็เต้นแรงขึ้นมาฉับพลันยามอีกคนเอาแต่จับจ้องจนเสียวสันหลังวาบ เลย์มีทางเลือกอย่างอื่นไหมถามจริง รู้งี้ให้เซฮุนกับจงอินอยู่เป็นเพื่อนก็ดี ไม่น่าหรอกอยู่กับไอ้คนหล่อมันสองต่อสอง
“โอเค๊! ไม่อยากให้ไม่เอาแล้วก็ได้ อ่ะนะ! แฟนเจ็บขนาดนี้ไม่คิดจะดูแลกันหร๊อก มันน่าน้อยใจนัก” เสียงสูงทั้งประโยค เห็นเลย์นิ่งคริสจึงเอ่ยด้วยความน้อยอกน้อยใจ ใบหน้าหล่อเสมองไปทางอื่น นี่ถ้าหันตัวได้คงพลิกตัวนอนหันหลังให้กันแล้วแน่ๆ ติดอยู่ที่มีเหล็กมันดามอยู่เลยดิ้นไปไหนไม่ได้น่ะสิ
เลย์ถึงกับเหนื่อยใจเมื่ออีกคนมันงอนเขาจนผิดวิสัย นี่เขาควรเป็นฝ่ายงอนนะ เล่นหวังกำไรอยู่ตลอดทั้งไม่เคยได้กลับคืนมา ใครกันแน่ที่ควรน้อยใจน่ะอู๋อี้ฟาน เดี๋ยวจะโดน!
“อืม ไม่เอาแล้วใช่ไหม ถ้างั้นกลับบ้านก่อนนะ อีกสิบนาทีคุณหมอจะเข้ามาตรวจอาการ” เสียงหวานเอ่ยลอยๆให้อีกคนได้ยิน เหลือบมองคนรักที่หันใบหน้าหนีไปอีกทางก็ไม่พูดอะไรอีก แต่นั่นคนที่งอนอยู่มันก็ไม่คิดจะสนใจ เลย์เลยลุกขึ้นยืนแล้วหมุนตัวทำท่าจะเดินออกจากประตูห้องคนป่วยทันที
“โอ้ย! เจ็บหลัง”
แหม่ะ! ดูสิคนมันเจ้าเล่ห์ คริสร้องโวยวายทำหน้าเหยเกเรียกร้องความสนใจ เลย์จำต้องหยุดเดินรอดูผู้ชายขี้งอนว่ามันจะทำยังไงต่อ แต่นั่นก็ไม่คิดจะเดินเข้าไปหาหรอกนะ ขอเอาคืนบ้างเว้ย!
“...................”
“เจ็บหลังมาก ขาก็เจ็บ ใครจะช่วยเราได้บ้างเนี่ย”
เลย์ถึงกับฉีกยิ้มทั้งหัวเราะเบาๆให้กับการกระทำที่ผิดอายุของอีกคน ให้หันกลับไปสนใจน่ะเขาไม่ทำหรอก ปล่อยให้โวยวายไปเถอะ ทำมาเป็นร้องโอดโอย เนียนตายแหละ
“…………….”
เลย์ไม่สนคนที่เรียกร้องความสนใจเลยสักนิด ขาเล็กเริ่มสาวเท้าก้าวเดินอีกครั้ง มือบางแตะเข้าที่ลูกบิดประตูห้องพิเศษของผู้ป่วย ก่อนจะผลักมันให้เปิดออกทำท่าจะกลับบ้านจริงๆ แต่แล้วเสียงตะโกนที่ดังโหวกเหวกก็ตามหลังมาไม่หยุดหย่อน ทำเอากั้นหัวเราะไว้แทบไม่อยู่ให้ตายสิ
“อย่าเพิ่งไปนะอี้ชิง! ห้ามไป! กลับมาหาฉันเดี๋ยวนี้เลย”
“จะกลับบ้านไปอาบน้ำแล้ว นายก็พักผ่อนให้มากๆจะได้หายไวๆไง”
“ไม่เอา! กลับมาเดี๋ยวนี้ อย่าไปนะ” ถ้าดิ้นได้คริสคงทำไปนานแล้วแน่ๆ ตอนนี้ทำได้แค่แหกปากตะโกนเรียกอีกคนมันทรมานเลย์คงไม่เข้าใจ ถ้าเดินออกจากห้องนี้ไปคริสจะร้องไห้จริงๆคอยดู
“…………..”
คนหน้าหวานมีหรือจะฟังอะไรอีก เลย์ไม่สนใจทำหูทวนลมแล้วเดินออกจากประตูไปเลยไม่หวนกลับ ปิดบานไม้แผ่นหนาต่อหน้าต่อตาคริส ไม่สบมองไม่มีความเมตตราเหมือนคนไร้หัวใจก็ไม่ปราน
คริสถึงกับวูบไหวเมื่อคนรักไม่คิดจะฟังสิ่งที่เขาร้องขอเลยแม้แต่น้อย ย่างเท้าเดินออกไปจากประตูห้องอย่างหน้าตาเฉย คนบนเตียงก็ทำท่าจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ ใจมันหายเพราะคนน่ารักไม่มาเหลียวแล แฟนกันเขาทำแบบนี้หรือไง แค่แหย่เล่นไม่ได้จะงอนจริงๆสักหน่อย หายเจ็บเมื่อไหร่นะจะเอาคืนให้สาสมเลยเอาสิ
“จางอี้ชิง กลับมาเดี๋ยวนี้!”
คริสยังคงเรียกชื่อคนรักตามหลังไปไม่ขาด ตะโกนจนสุดเสียงถึงแม้อีกคนจะหายไปจากกรอบม่านตาแล้วก็ตาม แต่นั่นเรียกเท่าไหร่คนหน้าหวานก็ยังไม่กลับมา นี่ไปจริงๆหรือไงใจร้ายโคตร
นัยน์ตาคมคลอหยาดน้ำไหวระริก น้อยใจคนรักที่ไม่เคยคิดจะดูแล คิดไปแล้วว่าคงผิดเองที่หวังจากอีกคนมากเกินไป แต่ตอนนี้จะทำอะไรได้ แม้แต่ลุกขึ้นนั่งคริสยังทำมันไม่ได้เลย
คนที่ออกมาจากห้องแล้วก็ได้แต่หัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว เสียงทุ้มที่ตะโกนลั่นห้องผู้ป่วยทำเอาเลย์นึกขัน สมน้ำหน้าใครใช้ให้งอนเองเล่า เจอแกล้งโกรธเข้าหน่อยก็โวยวายเหมือนเด็ก นี่ถ้าคริสขาไม่เจ็บไม่นอนดามเหล็กอยู่ละก็ แน่นอนเลย์คงทำตามใจตัวเองแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด
ไม่นานเสียงในห้องก็เงียบลง เลย์ยิ้มกว้างส่ายหน้าให้คนรักที่หมดฤทธิ์เดช ถอนหายใจแรงๆหนึ่งที ก่อนจะค่อยๆหมุนลูกบิดประตูเข้าไปในห้องอีกครั้งหวังเฉลยเรื่องที่แกล้งอีกคนไป แต่นั่นกลับเห็นคนตัวสูงที่เพิ่งโวยวายเมื่อครู่นอนน้ำตาไหลให้ใจมันหล่นวูบไปกองที่พื้น ร่างกายแน่นิ่งมองฝาเพดานอยู่คนเดียวเงียบๆ ก่อนจะเห็นว่าเขาเดินกลับเข้ามา เจ้าตัวโตก็ปล่อยโฮลั่นห้องเลยทันที
“แฟนใครวะขี้แย” เลย์เอ่ยค่อนขอดคนรักพลางเดินเข้าไปยืนข้างๆเตียง ยิ้มให้และเข้าใจว่าคริสคงเสียใจถ้าเขาเดินหนีไปจริงๆ เจ็บแบบนี้ใครกันจะทิ้งได้ลง อีกอย่างถ้าเขาไม่ได้เห็นหน้าคริสก็คงนอนไม่หลับแน่ๆ
“อย่าไปไหนอีกนะ” พูดเสร็จก็เอื้อมมือมาคว้ามือเล็กของคนที่ยืนอยู่ข้างเตียงมากุมไว้ ดึงเข้าหาก่อนจะฝังริมฝีปากกดลงยังหลังฝามือขาวเนียนเบาๆหนึ่งที ทำเอาคนถูกกระทำหน้าขึ้นระเรื่อเสียน่ารักน่าเอ็นดู
“ไม่ได้คิดจะไปไหนสักหน่อย แกล้งเล่นไม่ได้ไง๊?”
“แกล้งซะเหมือนจริง ใจหายมาก ร้องไห้แล้วเนี่ยรับผิดชอบด้วย”
“ขอโทษ แต่นายก็งอนฉันก่อน”
“งอนเล่นๆ”
“นี่ก็โกรธเล่นๆเหมือนกัน”
“อี้ชิงอ่า...” ใบหน้าหล่ององุ้มยู่ปากใส่ เห็นดังนั้นเลย์ก็ถึงกับต้องฉีกยิ้ม ยกมือขึ้นเกลี่ยหยาดน้ำตาบนใบหน้าหล่อให้คนรักอย่างแผ่วเบา ก่อนจะโน้มตัวเข้าหาแล้วกดจูบลุ่มลึกที่ริมฝีปากเรียวได้รูปแทนคำขอโทษที่ทำให้เสียขวัญ
ให้แค่นั้นทำท่าจะผละริมฝีปากออก แต่บอกแล้วว่าแฟนเขามันเจ้าเล่ห์ รู้ตัวอีกทีแขนยาวของอีกคนก็วาดคล้องทำคอของเขาให้จูบกันอยู่แบบนั้นจนลืมกอบโกยลมหายใจเข้าปอด ไม่ทันเกมส์ก็ต้องตกเป็นฝ่ายตาม ลิ้นร้อนสอดเข้ามาผ่านซี่ฟันที่เรียงตัวสวยอย่างถือวิสาสะ ละเมียดบดจูบดูดเม้มเบาๆทำเอาเลย์ต้องหลับตาพริ้มยินยอมอย่างไม่มีข้อแม้ ความหวานในโพลงปากทำให้เขาต้องกลืนมันลงคอไปอย่างพอใจ ครางอื้ออึงไม่รู้ตัวทั้งหัวสมองก็คล้ายว่าจะขาวโพลน
แต่นั่นเดี๋ยวนะ...
มือหนาที่สอดเข้ามาให้สาบเสื้อแล้วลูบไล้ไปทั่วแผ่นหลังของเขามันคืออะไรวะ? เลื่อนลงที่เนินสะโพกก็ไม่วายรั้งให้เข้าไปหาใกล้ๆเตียง เผลอไม่ได้เลยให้ตายสิไอ้คริสบ้า!
“อื้อ...”
ส่งเสียงประท้วงหนักทำเอาคนเจ้าเล่ห์ต้องปล่อยให้ได้เป็นอิสระ เลย์มองค้อนเข้าใส่ทั้งเบ้ปากที่มันแดงวาวน้ำเพราะเพิ่งผ่านการจูบมาเมื่อครู่ส่งไปให้ ไม่วายไอ้คนทำผิดมันยังยิ้มหน้าระลื่น เลิกคิ้วทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวอีกต่างหาก
“หื้ม?”
“จะทำอะไร?” เลย์เอ่ยถามหน้ามุ่ยนึกงอน คอยดูเถอะจะเดินออกไปจากห้องแล้วไม่กลับมาอีกเลย
“จูบไง”
“เหอะ! นี่เจ็บแล้วยังไม่สำนึกอีกนะ คราวนี้จะกลับบ้านจริงๆแล้วด้วย”
สิ้นเสียงหวานคริสก็ถึงกับตาเบิกโพลงตกใจ รีบขอโทษขอโพยคนตัวเล็กเป็นการใหญ่ ลืมไปเลยว่าตอนนี้เลย์จะทำอะไรก็ได้ ถ้าอีกคนหนีเขาไปจริงๆจะทำอย่างไง พลาดแล้ว
“อี้ชิงอ่า ฉันขอโทษ อย่าไปเลยนะ นายไปฉันต้องตายแน่ๆ”
“ก็คนแถวนี้มันไว้ใจไม่ได้ เผลอเข้าหน่อยก็เนียนแตะนู่นจับนี่”
“จับได้ก็จับของแฟนอ่ะ” ดูมันๆ นี่ยังไม่สำนึกอีก จับของแฟนนี่มันคืออะไรวะพูดให้เคลียร์
“นี่นายจะไม่คิดเรื่องแบบ...เออนั่นแหละ สักนาทีได้ไหม?”
“โธ่! ฉันเป็นขนาดนี้นายยังจะกลัวอะไรอีกอี้ชิง ลุกขึ้นนั่งยังทำไม่ได้เลย จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปทำมิดีมิร้ายนายกัน...ถึงจะอยากมากก็ตามเถอะ” ท้ายประโยคเบาเสียให้เลย์ต้องเงี่ยหูฟัง แต่นั่นคริสก็เอาแต่ส่ายหน้ารัวๆเป็นเชิงว่าเปล่าพูดนะ
ปล่อยไป...เลย์ไม่อยากถือสา
“นายทำอะไรฉันไม่ได้ก็จริง แต่มือใช้การได้ไม่ไว้ใจเว้ย!”
พูดแค่นั้นก็สะบัดหน้าหนี หมุนตัวเดินตึงตังทำท่าจะไปหย่อนกายนั่งลงที่โซฟา หากแต่อยู่ๆประตูบานหนากลับเปิดออกพร้อมทั้งผู้มาใหม่ที่แต่งตัวจัดเต็มเอาการพอดู ทำให้เลย์ต้องหยุดนิ่งมองหญิงวัยกลางคนตรงหน้าด้วยความแปลกใจ แต่ทว่าดูๆไปก็คุ้นใบหน้าสวยนี้เสียเหลือเกิน
“คุณแม่...”
คนเจ็บบนเตียงทอดสายตามองคนเป็นแม่ที่เดินเข้ามาด้วยความตกใจ อต่นั่นเพียงชั่วครู่ใบหน้าหล่อก็แปรเปลี่ยนมาปั้นนิ่งไม่ยินดียินร้ายกับการมาของอีกคน
เลย์รู้ดังนั้นก็รีบโค้งศีรษะให้กับแม่ของคนรักอย่างนอบน้อม ยิ้มบางๆหญิงวัยกลางคนก็ยิ้มตอบกลับมาด้วยเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นเลย์กลับรู้สึกได้ว่ารอยยิ้มที่เธอส่งมาให้คล้ายจะไม่ค่อยจริงใจนัก ใช่คุณน้าข้างบ้านในสมัยเด็กจริงหรือไม่อยากจะเชื่อ
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าลูก?” คนเป็นแม่เอ่ยถามลูกในไส้พร้อมทั้งสาวเท้าเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง คริสเองก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมอยู่ๆแม่ของเขาถึงกลับมาเกาหลี ไม่ได้โทรบอกไม่ได้นัดหมายเหมือนครั้งก่อนๆ
“คุณแม่มาได้ยังไงครับ ทำไมไม่บอกผม?”
“แม่มาทำธุระ เพิ่งรู้ว่าลูกได้รับบาดเจ็บ เป็นอะไรมากหรือเปล่า?”
“ใครบอกคุณแม่ครับ?”
“เอ่อ...” หญิงวัยกลางคนถึงกับอ้ำอึ้งจะพูดก็ไม่พูด ทำเอาคริสต้องหรี่ตาจับผิดพร้อมทั้งเลย์เองที่ยืนสังเกตุการณ์อยู่อย่างเงียบๆ
“ช่างเถอะครับ ผมคงลืมไปว่าคุณแม่มีหูมีตาสำรองคอยบอกข่าว แต่วันนี้ผมเหนื่อยครับ อยากจะพักผ่อน” พูดแค่นั้นคริสก็หันใบหน้าหนีไปอีกทาง คนเป็นแม่ได้เห็นก็ถึงกับวูบไหวในใจ รู้ว่าลูกชายยังรู้สึกไม่ดีที่ตัวเองจะพาไปอยู่ด้วย ไม่เคยได้เหลียวแล แต่ใช่ว่าจะไม่รักไม่เป็นห่วงเสียเมื่อไหร่
“แล้วเป็นอะไรทำไมถึงเจ็บหนักขนาดนี้ แม่ใจไม่ดีนะลูก ดูแลตัวเองให้มากๆได้ไหม”
“แข่งบอร์ดมาครับเข่ากระแทกพื้น ไปเอ็กซเรย์มาแล้วแต่คุณหมอยังไม่บอกผล”
สิ้นเสียงของคนเป็นลูกชายหญิงวัยกลางคนก็ยกมือขึ้นทาบอกตัวเองด้วยความตกใจ เห็นสภาพคริสแล้วเธอก็อดจะสงสารเสียไม่ได้ นัยน์ตาคู่สวยคลอหน่วยไปด้วยหยาดน้ำ จับมือลูกชายขึ้นมากุมแล้วบีบไว้แน่น
“แม่ขอโทษนะอู๋ฟาน เพราะแม่ไม่ดีเอง”
“อย่าร้องไห้ครับคุณแม่ คุณแม่ไม่ได้ผิดอะไรอย่าได้โทษตัวเองเลย”
คริสรู้อยู่ลึกๆว่าที่แม่กลับมาเพราะอยากให้เขาไปอยู่ด้วย ไม่ได้มาทำธุระอะไรอย่างว่าหรอก แต่เขาก็รักแม่เสมอ รู้ว่าอีกคนพยายามเพราะอยากให้อยู่เป็นครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่ตอนนี้เขามีความสุขดีแล้ว มีคนรักคอยดูแลเลยไม่อยากให้เป็นกังวล
“ทั้งๆที่เราควรจะได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็ต้องปล่อยให้ลูกมาลำบากคนเดียวแม่ไม่สมควรเป็นแม่คนเลยใช่ไหม? ฮึก…”
เสียงสะอื้นดังขึ้นคริสจึงบีบมือกร้านของคนเป็นแม่ไว้แน่น ส่ายหน้าไปมาบอกเป็นเชิงนัยว่าแม่ทำหน้าที่ของคนเป็นแม่ได้ดีแล้ว
“ผมไม่ได้ลำบากครับคุณแม่ ต้องขอบคุณคุณแม่ด้วยซ้ำที่ยังใส่ใจผม ต่างคนต่างมีหน้าที่ครับผมรู้ดี ตอนนี้ผมมีคนดูแลแล้วแม่ไปต้องเป็นกังวลนะครับ”
สิ้นเสียงทุ้มของลูกชายใบหน้าสวยจึงหันไปมองทางด้านหลังที่มีร่างของใครบางคนยืนอยู่ เรียวปากแดงสดฉีกยิ้มให้บางๆ เอ่ยประโยคจากใจออกไปผิดกับในตอนแรก
“ขอบคุณมากนะที่ช่วยดูแลอู๋ฟาน”
“ผมไม่ได้ดูแลอะไรเขามากหรอกครับคุณน้า อู๋ฟานมีความรับผิดชอบในตัวเอง เขาเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากครับ ผมแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย” เลย์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลนอบน้อม หญิงวัยกลางคนมองเขาอย่างนิ่งๆ ชื่อที่เรียกแบบนี้จะมีสักกี่คนกันที่เรียกลูกชายเขาถ้าไม่รู้ใจกันจริงๆคงเป็นไปไม่ได้
“………...”
“อ..เอ่อ ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ กลับแล้วนะอู๋ฟาน” เมื่อเห็นว่าแม่ลูกควรได้คุยกันตามลำพัง เลย์ถึงขอตัวเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท โค้งหัวให้เล็กน้อยทำท่าจะเดินจากไปแต่นั่นคนรักของเขาก็ยังคงดื้อ ดื้อต่อหน้าคนเป็นแม่เลยให้ตายสิ เพิ่งจะบอกไปหยกๆว่าอีกคนน่ะเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว ขายหน้าจริงๆ
“อี้ชิง...”
“…….” เลย์ทำได้แค่ส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าให้เชื่อฟัง คริสก็ได้แต่ยู่ปากทำหน้าไม่ชอบใจ แล้วส่งสายตาเว้าวอนถามว่าจะไปจริงๆหรือ
“กลับมาเร็วๆนะ รออยู่เสมอ”
สิ้นเสียงทุ้มเลย์ก็พยักหน้าตอบรับ โค้งหัวให้ผู้ใหญ่ในห้องก่อนจะเดินออกไปอย่างเงียบๆ เขาจะกลับบ้านเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย แล้วมานอนเฝ้าคริสเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้อีกคน ก่อนหน้านั้นก็แอบถามเรื่องแบคฮยอนกับชานยอลอยู่นะ แต่คริสก็บอกให้เจ้าตัวเป็นคนเล่าเอง เออ ไม่อยากรู้แล้วก็ได้
“ทำไมเด็กคนนั้นเรียกชื่อจริงลูก?”
เมื่อเลย์เดินออกไปแล้วหญิงวัยกลางคนจึงหันกลับมาถามลูกชายด้วยความสงสัย ทั้งคำพูดที่ใช้สนทนากันมันก็แฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่างเกินกว่าความเป็นเพื่อนอย่างชัดเจน
“ครับ ก็เขารู้ชื่อจริงผม”
“แล้วเขาชื่ออะไรนะ เมื่อครู่คุ้นๆหูแม่?”
“อี้ชิงครับ จางอี้ชิง”
คนเป็นแม่ทำท่าครุ่นคิดถึงสกุลดังที่เหมือนจะเคยได้ยินที่ไหนเมื่อนานมาแล้ว ประมวลเรื่องราวขึ้นในหัวอย่างช้าๆ พยายามจะนึกให้ได้ว่าเด็กคนนั้นทำไมถึงได้คุ้นชื่อและคุ้นหน้าค่าตา
“ตระกูลจางหรือ ใช่ลูกคุณจางไหม?” ในที่สุดก็พอคับคล้ายคับคราเหมือนจะนึกออก
“ครับ จางอี้ชิงลูกคุณจางเพื่อนบ้านของเราก่อนคุณพ่อกับคุณแม่จะพาผมมาอยู่ที่เกาหลี”
“อี้ชิงเปลี่ยนไปเยอะ แม่จำแทบไม่ได้” หลอนยกมือขึ้นทาบอกนึกไม่ถึงว่าเพื่อนของลูกชายในสมัยเด็กจะหวนมาพบกันอีกครั้ง แต่นั่นก็ยังไม่คลายความสงสัยในหัวอยู่ดีว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์กันอย่างไร
“ใช่ไหมครับคุณแม่ ตอนเจอเขาครั้งแรกผมก็จำไม่ได้ เป็นปีแน่ะกลัวจะรู้จักกัน น่ารักขึ้นมากใช่ไหม?” พอได้เอ่ยถึงใครอีกคนที่เดินจากไปคริสก็ยิ้มได้ในทันที
“อื้ม ว่าแต่...เป็นอะไรกัน?”
“ใครครับ?”
“อี้ชิงกับลูกน่ะเป็นอะไรกัน?”
คริสถึงกับนิ่งงันเจือนยิ้มไปเสียสนิทเมื่อคำถามของผู้เป็นแม่ทำเอาใจกระตุกวูบ เขาไม่ได้ปิดและไม่คิดจะปิดถึงความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง แต่เห็นสีหน้าของคนเป็นแม่แล้วเขาก็อดจะใจไม่ดี
“เราเป็นคนรักกันครับ”
“อู๋ฟาน...” คนเป็นแม่แทบจะล้มพับอยู่ที่ข้างเตียง เธอยินดีและมีความสุขที่ลูกชายเจอเพื่อนเก่า แต่นั่นทำไมต้องเป็นมากกว่าเพื่อนนั่นคือสิ่งที่เขาไม่เข้าใจ
“ผมรู้ครับว่าคุณแม่คิดยังไง เพราะเราเป็นผู้ชายเหมือนกันใช่ไหมครับ?”
“มันผิดวิสัย”
“แต่ผมรักเขาครับคุณแม่ ผมรักเขามาก”
“เฮ้อ!” เธอถึงกับถอนหายใจแล้วทรุดตัวนั่งลงที่เกาอี้ข้างเตียง กุมขมับกับลูกชายเพียงคนเดียวที่กับผู้หญิงไม่รักแต่ดันมารักผู้ชายด้วยกัน รู้ถึงไหนอายไปถึงนั่น
“……..”
“แม่ไม่ว่าถ้าลูกจะเล่นๆเหมือนวัยรุ่นทั่วไป...”
“ผมไม่เล่นครับ ผมเอาจริง” คริสสวนทันทีไม่รอให้คนเป็นแม่พูดจบ แน่นอนแล้วว่ารักใครและไม่คิดจะเปลี่ยน ใจ กี่ปีที่จากกัน และกี่ปีกว่าจะมาพบกันอีกครั้ง มันไม่ง่ายคริสระลึกถึงมันเสมอ
“แต่ลูกต้องสืบสกุล ลูกต้องมีทายาท ตระกูลจางเองก็คงอยากให้ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาเป็นผู้สืบสกุลด้วยเช่นกัน”
“..................”
คริสนิ่งฟังไม่ต่อบทสนทนา ใบหน้าหล่อหันมองออกไปนอกหน้าต่าง สอดส่ายชมวิวทิวทัศน์เบื้องหน้าอย่างไร้จุดหมาย ถึงอย่างนั้นแล้วเขาก็คงเลิกรักเลย์ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าดื้อไม่เชื่อฟังคนเป็นแม่ หากแต่ก็รู้ว่าหัวใจ...ถ้ามอบให้ใครไปแล้วมันก็ยากถ้าจะเรียกกลับมาคืน
… ADOLESCENT 45%…
คนหน้าหวานอาบน้ำแต่งตัวเสร็จจึงออกมานั่งเป่าผมที่หน้ากระจก เสียงสั่นเตือนของเครื่องมือสื่อสารที่วางตรงหน้าเรียกความสนใจให้ต้องเหลียวมอง หยิบมันขึ้นมาไว้ในมือก่อนจะเปิดดูข้อความแชตที่ใครบางคนส่งมาให้จนต้องอมยิ้มเคอะเขินอยู่คนเดียว
[คิดถึง]
คำเดียวสั้นๆทว่ามันได้ใจความที่ทำให้หัวใจเต้นแรงได้เป็นอย่างดี ข่าวว่าเพิ่งจะจากกันไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี่เอง เอาแต่ใจอ่ะ
[คิดถึงเหมือนกัน]
[จะมาหาไหม?]
[ไม่รู้สิ]
กดตอบข้อความกลับไปก็ต้องหัวเราะร่าเมื่ออีกคนมันส่งสติ๊กเกอร์ทำหน้าร้องไห้มาให้ แต่นั่นเลย์ก็แค่แกล้งเล่น ไม่ใช่ว่าเก็บเอาไปคิดเป็นจริงเป็นจังหรอกนะ
คนหน้าหวานหย่อนโทรศัพท์เครื่องหรูลงกระเป๋าเป้ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อหาชุดไว้ใส่สำหรับนอนเฝ้าคนรักในคืนนี้ ยัดมันลงกระเป๋าเสร็จก็รูดซิบปิดจนเรียบร้อย ก่อนจะตรวจสภาพร่างกายของตัวเองแล้วแบกเป้ขึ้นไว้ใส่หลัง เดินออกจากห้องนอนลงมาชั้นล่างเพื่อขึ้นรถที่ลุงโฮดงจอดรออยู่หน้าบ้าน
ถึงโรงพยาบาลเลย์จึงกล่าวขอบคุณคนขับรถประจำตระกูลเหมือนอย่างเคย ย่างก้าวลงเหยียบพื้นหยาบพลันเดินตรงดิ่งไปขึ้นลิฟล์กดชั้นที่ผู้ป่วยพักอยูู่ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้แม่ลูกสองคนจะคุยกันเสร็จเรียบร้อยแล้วหรือยัง แต่จากที่เห็นอีกคนส่งแชตไลน์มาหาแล้วก็พอจะเดาได้
มือบางยกขึ้นเคาะแผ่นไม้บานหนาเป็นเชิงขออนุญาต หมุนลูกบิดประตูก่อนจะผลักมันเข้าไปหวังเจอรอยยิ้มของใครบางคนที่ทำให้หัวใจเต้นแรง หากแต่พอมองไปรอบๆห้องกลับพบเพียงความว่างเปล่าไร้ซึ่งผู้คนที่อยู่ภายใน คิดขึ้นได้เลย์จึงรีบปรี่ออกมาดูชื่อผู้ป่วยที่หน้าประตูด้วยความร้อนรน
“หรือจะเข้าห้องผิด?”
คนหน้าหวานเดินไล่มองรายชื่อของผู้ป่วยตามห้องต่างๆตั้งแต่ห้องแรกยันห้องสุดท้ายของชั้น ไม่มีชื่อของคนที่ต้องการจะพบเจอทำเอาใจไม่ดีทั้งยังนึกกลัวไปต่างๆนาๆ โทรหาก็แล้วทว่าคริสไม่รับสาย และไม่นานก็ปิดเครื่องหนีให้ก้อนเนื้อในอกซ้ายมันเริ่มหน่วงหนัก ก่อนจะรีบลุกลี้ลุกลนไปถามพยายามประจำชั้นที่เคาน์เตอร์เพื่อสอบถามข้อมูลของอีกคนด้วยความไม่ชอบมาพากล
“เอ่อ ไม่ทราบว่าผู้ป่วยที่ชื่ออู๋อี้ฟานอยู่ห้องไหนหรอครับ?” เอ่ยถามไปใจมันก็รุ่มร้อนกระวนกระวาย เลย์ไม่อยากจะคิดในแง่ร้ายเพราะวันนี้เขาเพิ่งจะเจอกับแม่ของคนรัก ขอให้เขาจำห้องผิด หรือไม่ก็คริสย้ายไปอยู่ที่ห้องอื่น ขอให้เป็นแบบนั้น
“อ้อ คนไข้ที่ชื่ออู๋อี้ฟานทำเรื่องย้ายโรงพยาบาลไปแล้วค่ะ”
สิ้นเสียงพยาบาลสาวหัวใจก็กระตุกวูบหล่นไปกองที่พื้นไม่มีชิ้นดี แข็งขาพลันไร้เรี่ยวแรงจะหยัดยืน เรียวปากอมชมพูสั่นผะแผ่วด้วยความกลัว ทั้งๆที่คุยกันอยู่เมื่อครู่คริสก็ยังไม่บอกเขา จะไปทำไมไม่คิดจะร่ำลา
“ย...ย้ายไปไหนหรอครับ เขาได้บอกไว้หรือเปล่า?” เลย์พยายามปรับเสียงที่สั่นเครือให้เป็นปกติอย่างยากลำบาก นัยน์ตาคู่กลมเริ่มร้อนผ่าวแดงขึ้นเมื่อเรื่องที่ได้ยินมันกำลังทำให้หัวใจอ่อนแอ
“ทางเราต้องขอโทษจริงๆนะคะ พอดีว่าผู้ปกครองของคุณอู๋อี้ฟานขอให้ปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ ทางเราไม่สามารถให้ข้อมูลได้จริงๆค่ะ”
“นิดนึงไม่ได้เลยหรอครับ เรารู้จักกัน อู๋อี้ฟานสนิทกับผม หรือว่าคุณต้องการเงิน เรียกเท่าไหร่ผมก็ให้ได้นะครับ” เลย์เริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่ กระสับกระส่ายทั้งร่างกายมันก็หนาวเหน็บ
“นิดนึงก็ไม่ได้จริงๆค่ะ ถ้าเราทำแบบนั้นก็เท่ากับผิดจรรยาบรรณทางวิชาชีพ ได้โปรดเห็นใจทางเราด้วยนะคะ”
สุดท้ายหยาดน้ำไร้สีก็ร่วงแหมะลงที่ข้างแก้ม เลย์พยักหน้าให้พยาบาลสาวอย่างเข้าใจ ไม่ถือสาถ้าเธอจะไม่ให้ข้อมูลเพราะมันผิดจรรยาบรรณอย่างที่ว่า ทำอะไรไม่ได้จึงค่อยๆหมุนตัวหันหลังกลับ ลงลิฟล์ถึงชั้นล่างก็เดินออกจากโรงพยาบาลด้วยหัวใจที่เจ็บปวด
“ทำไมถึงทำแบบนี้...”
พึมพำกับตัวเองพลางก้มหน้าปล่อยหยาดน้ำที่ไหลออกมาไม่หยุดหย่อน เลย์ในตอนนี้ไม่พอใจคริสอย่างถึงที่สุด มีอะไรทำไมถึงไม่บอกกัน อยากจะไปก็ไปไม่มีแม้แต่คำร่ำลา เหนื่อยแล้วนะถ้าจะต้องตามหากันใหม่ ครั้งแรกเคยมีความหวัง หากแต่ตอนนี้อีกคนคิดจะหนีความหวังที่มีก็ไม่รู้จะช่วยอะไรได้
เลย์เดินมาหย่อนกายนั่งลงที่ม้านั่งในสวนสาธารณะ ช่วงเวลานี้กำลังใกล้ค่ำผู้คนจึงพลุกพล่านไม่สงบใจเสียเท่าไร่ ถึงเวลาจะผ่านไปเขาก็ยังเอาแต่ร้องไห้อยู่เหมือนเดิม ไหลบางไหลระริกกอดเข่าฟุบหน้าปล่อยน้ำตาออกมาเพื่อระบายความอัดอั้น
“นานเท่าไหร่กันที่ฉันต้องตามหานาย ฮึก... เหนื่อยมากเลยรู้ไหมอู๋อี้ฟาน” เสียงหวานสั่นเครือทั้งดวงตากลมก็แดงก่ำ ริมฝีปากแดงถูกเม้มเข้าหากันแน่นจนมันช้ำขึ้นสีสดมากกว่าเดิม
เป็นชั่วโมงแล้วที่เลย์ยังร้องไห้อยู่ตรงนี้ไม่ลุกไปไหน แสงสว่างจ้าก่อนหน้านั้นแปรเปลี่ยนเป็นดับลงแล้วแทนที่ด้วยไฟสีส้มสลัวทอดตามแนวทางเดิน นัยน์ตาคู่กลมที่บวมปูดมองภาพผืนน้ำเบื้องหน้าด้วยความหดหู่ นั่งนิ่งคล้ายคนไร้ชีวิตชีวาจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็อดจะนึกเป็นห่วงไม่ได้เลย
มือบางล้วงโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมาเปิดดูอีกครั้งก็เห็นข้อความแชตไลน์ขึ้นชื่อของคนรัก เลย์รีบปาดหยาดน้ำตาออกจากใบหน้าลวกๆด้วยความดีใจ กระดิกนิ้วสัมผัสหน้าจอเพื่อเปิดดูข้อความที่อีกคนส่งมาให้ในทันที
[ขอโทษ]
หากแต่ข้อความในหน้าจอมันกลับทำให้ต้องปล่อยเสียงสะอื้นออกมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่ นี่หรือเปล่าคำบอกลาที่คริสกำลังจะสื่อ เหตุผลล่ะมีไหม เลย์ต้องการเหตุผลที่จากไปไม่ใช่คำขอโทษสั้นๆคำเดียวมันช่วยอะไรไม่ได้เลย
[อยู่ไหน ทำไมจะไปไม่บอก?]
ส่งตอบกลับไปก็ขึ้นว่าอีกคนอ่าน แต่นั่นคนปลายทางกลับไม่ตอบกลับมาทำเอาเลย์ต้องร้องไห้โฮแทบขาดใจ
[ไม่มีนายฉันจะอยู่ได้ยังไง กลับมาได้ไหมฉันขอร้อง]
เสียงสะอื้นไห้บ่งบอกว่าเลย์ไม่ไหวแล้วจริงๆ เหมือนคนที่โดนมีดกรีดเข้าที่หัวใจแล้วทำอะไรไม่ได้อีกเลย มันอึดอัดเหมือนน้ำท่วมปาก ทุกอย่างมันแสดงกันผ่านตัวหนังสือ ไม่เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียง ลองโทรไปมันติดหากแต่อีกคนก็ไม่คิดจะรับ แล้วจะให้เขาทำยังไง จะให้ตายอยู่ตรงนี้เลยใช่ไหม
[ขอโทษ]
ขอโทษหรือ?
มีคำอื่นที่ดีกว่านี้อีกไหมอู๋อี้ฟาน ไหนว่ารักกัน ไหนว่าพร่ำบอกว่าอย่าทิ้งกันไปไหน แล้วนี่อะไรคนที่ทิ้งเขาไปก็เป็นคนที่พูดมันออกมานั่นเอง จะให้เชื่อใจหรือเลย์คงทำไม่ได้ แต่นั่นเพราะอะไร...ก็หัวใจที่ให้ไปแล้วไงมันเรียกกลับมาไม่ได้อีกเลย
สุดท้ายแอคเคาน์ไลน์ของคริสก็กลายเป็นห้องว่างไปโดยปริยาย รู้ได้ว่าอีกคนคิดจะหนีจริงๆ เลย์ก้มหน้าฟุบลงกับหัวเข่าอีกครั้ง ร้องห่มร้องไห้ไม่แคร์สายตาใครเลยสักนิด ไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะไปไหน มืดค่ำก็แล้วไม่อยากกลับบ้าน ไม่มีคริสชีวิตพลันไม่มีความสุข คนที่เคยอยู่เคียงข้าง คนที่เคยร้องไห้เพื่อกันและกัน ป่านนี้จะเป็นยังไงนะทางนั้น จะเป็นเหมือนเลย์คนนี้หรือเปล่าที่แทบขาดใจ เพราะหัวใจมันโดนใครบางคนที่พร่ำบอกว่ารักกันขโมยหนีไปหากแต่ไม่ได้กลับคืน
…ADOLESCENT…
“ลู่หาน ขอโทษด้วยนะที่ต้องรบกวน”
สุดท้ายไม่มีที่ไปและไม่อยากจะกลับบ้าน เลย์จึงมาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนตัวเล็กที่ตอนนี้อยู่กับคนรักให้ได้อิจฉา
“เข้ามาสิเลย์ ว่าแต่นายเป็นอะไรร้องไห้ทำไม?” เจ้าของห้องเห็นเพื่อนตรงหน้าตาแดงช้ำก็ถึงกับใจไม่ดี เป็นห่วงเป็นกังวลจนทำอะไรไม่ถูก
“……………..”
เลย์เอาแต่เงียบไม่ปริปากพูด เขาส่ายหน้าให้ลู่หานคล้ายยังไม่พร้อมจะเล่าให้ฟังในตอนนี้ ถอดรองเท้าไว้ตรงชั้นวางข้างประตู ก่อนจะเดินไปทิ้งกายนั่งลงที่โซฟาให้เซฮุนที่จับจองอยู่ก่อนแล้วต้องมองด้วยความไม่เข้าใจ
“ไอ้คริสไปไหนล่ะเลย์ มันชนะการประกวดด้วยนะฉันยังไม่ได้บอกมันเลย โทรไปหาก็ไม่ติด”
หลายครั้งที่เซฮุนพยายามติดต่อเพื่อนตัวสูง อีกคนมันก็เอาแต่ปิดเครื่องทั้งยังไม่คิดจะติดต่อกลับ เหมือนเคล้าลางของเหตุไม่ดีกำลังจะคืบคลานเข้ามา เห็นเลย์แล้วเซฮุนก็เริ่มมั่นใจว่าทุกอย่างมันต้องไม่ใช่เรื่องดี
“โทรไปเขาไม่รับหรอกเซฮุน”
“ทำไม?”
“ไปแล้ว...อู๋ฟานไปแล้ว ฮึก...”
พูดได้อย่างยากลำบากน้ำตาก็หลั่งไหลออกมาอีกระลอก เลย์สะอึกสะอื้นเลื่อนลอยจนลู่หานและเซฮุนตกอกตกใจ รีบปรี่เข้าไปปลอบกันเสียยกใหญ่เพราะรับรู้ได้ว่าเรื่องมันคงจะร้ายแรง
“ใจเย็นนะเลย์ ค่อยๆเล่า ถ้ายังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร?” ลู่หานลูบหลังเพื่อนด้วยความเป็นกังวล น้ำตามากมายบนใบหน้าหวานของเลย์ทำให้เขาน้ำตาคลอไปด้วย ลู่หานรู้ดีว่าอีกคนคงเจ็บไม่ใช่น้อย
“คริสหนีฉันไปแล้ว ฮึก..เขาไปพร้อมกับคุณแม่ของเขา ไม่ลาฉันเลยสักคำ ฮือ...”
เพื่อนทั้งสองได้ฟังก็ต้องตาเบิกโพลง เมื่อตอนแข่งยังเห็นหน้ากันหยกๆ นี่มันอยากจะหายไปก็ไปเลยหรือไม่เห็นใจเลย์บ้าง
“ใจเย็นนะเลย์ ไอ้คริสมันอาจจะมีเหตุผลของมัน”
“ฮึก...เหตุผลอะไรหรอเซฮุน มีแค่คำขอโทษเพียงคำเดียวแล้วก็หายหัวไปเลย”
เซฮุนทำได้แค่มองดูแล้วแตะบ่าเลย์เบาๆเพื่อให้ใจเย็น มองคนรักที่กอดเพื่อนไว้แน่นทำเอาจะร้องไห้ตามเสียให้ได้ อย่าให้เจอไอ้เพื่อนบ้านี่นะ จะสั่งสอนให้รู้บ้างว่าคนสำคัญของมันน่ะเจ็บมากขนาดไหน แต่นั่นเซฮุนก็ยังเชื่อว่าคริสคงมีเหตุผล รายนั้นรักเลย์จะตาย จากไปแบบนี้มันต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ
.
.
.
กว่าจะทำให้เลย์หยุดร้องไห้ได้ลู่หานและเซฮุนก็เหนื่อยไม่ใช่เล่น แต่นั่นถึงเลย์หยุดร้องไห้แล้วทว่าก็ยังเอาแต่นั่งเงียบไม่พูดไม่จา กอดเข่าตัวเองเหม่อมองไปข้างหน้าเหมือนร่างที่ไร้วิญญาณ ทำเอาคู่รักทั้งสองคนต้องเป็นกังวลไปด้วยไม่ต่างกัน
“เลย์ กินอะไรหน่อยไหม? นายยังไม่ได้ทานอะไรเลยนะ” ลู่หานเดินเข้ามาหาเพื่อนทั้งเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ปกติเลย์ไม่ทานมื้อกลางวัน นี่มื้อเย็นด้วยอีกคงไม่ดีแน่
“ไม่หิวอ่ะลู่หาน”
“ไม่หิวก็ต้องทาน”
“ทานได้ก็ไม่มากอยู่ดี ไม่มีแก่ใจจะทำอะไรแล้ว”
“ทำไมไม่หาวิธีตามหาคริสดูล่ะ ก่อนหน้านั้นที่นายเล่าฉันก็ใช้วิธีสืบไม่ใช่หรอ?”
สิ้นเสียงของเพื่อนรักเลย์ก็ครุ่นคิดถึงเรื่องราวเมื่อก่อนที่เริ่มตามหาคริส
ใช่! ทำไมถึงคิดไม่ได้ เอาแต่เสียใจแบบนี้คงไม่มีอะไรดีแน่
“ข...ขอบคุณนายมากนะลู่หาน” โผลเข้ากอดเพื่อนเลย์จึงรีบควานหาโทรศัพท์ขึ้นมากดเบอร์ถึงใครบางคน คนที่เคยให้ความช่วยเหลือเขาเสมอมา ท่ามตาสายตาของเพื่อนรักที่ตกใจกับอารมณ์ที่แปรเปลี่ยนไปของเลย์
“อาทงเฮ อี้มีเรื่องให้ช่วยครับ”
เมื่อปลายทางรับสายเลย์ก็รีบกรอกเสียงลงไปด้วยความกระตือรือร้น ญาติคนสำคัญที่รักเขาเหมือนลูกแท้ๆ ถึงจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแต่นั่นทงเฮก็เอ็นดูเลย์และคอยช่วยเหลือมาโดยตลอด
“ตามหาคนครับ....ครับคนเดิม...ขอบคุณนะครับอา”
คุยกันไม่นานก็วางสายไป เลย์รอคอยคนเป็นอาโทรกลับมาอย่างมีความหวัง ทงเฮบอกว่าไม่เกินคืนนี้ถ้ารู้เรื่องจะโทรมาบอก เลย์รู้ดีว่าการตามหาใครสักคนมันไม่ง่าย เขาไม่เร่งทงเฮหากแต่ขอให้รู้เรื่องคริสก็พอใจ
“อาทงเฮที่เป็นทนายหรือเปล่า?” ลู่หานเอ่ยถามด้วยความสงสัย ใบหน้าหวานจึงพยักตอบกลับไปให้เป็นคำตอบ พร้อมกับเซฮุนที่ถือจานผลไม้เข้ามาแล้วหย่อนกายนั่งลงตรงข้ามกัน
“ใช่แล้ว คุณอาเป็นคนที่สืบเรื่องอู๋ฟานให้ฉันเมื่อหลายปีก่อน”
“จริง?”
“อือ คุณอาสายเยอะ น่าจะได้เรื่องในคืนนี้” เลย์ยิ้มได้บ้างอย่างคนที่เห็นแสงสว่าง ถึงมันจะริบหรี่แต่ก็มีกำลังใจมากพอจะตามหาอีกคน ถึงแม้นัยน์ตาคู่สวยจะหม่นแสงไปบ้างก็ตาม แต่นั่นเขาต้องตามหาคริสให้เจอ
“………..”
“เซฮุน ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?” เลย์เปลี่ยนเรื่องคุยแล้วเอ่ยถามเซฮุนที่นั่งดูทีวีอยู่ตรงข้าม
“มีอะไรหรอเลย์?”
“อย่าว่าฉันสอดรู้เลยนะ แต่ถามอู๋ฟานแล้วเจ้าตัวก็ไม่ยอมบอก แบคฮยอนกับ...เอ่อ..ชานยอลน่ะ”
“อ้อ”
“คือฉันถามได้ไหม? ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นอะไร”
“ได้สิ เข้าใจว่าอยากรู้ ลู่หานก็เคยถามเหมือนกัน”
หันไปมองคนรักลู่หานก็ค้อนเข้าให้ ตอนนั้นเซฮุนไม่ใช่ไม่อยากเล่า หากแต่มีแบคฮยอนอยู่ด้วยกลัวว่าเพื่อนจะเสียใจไปมากกว่านี้
“เขาเป็นอะไรกันเหรอ?” เลย์เอ่ยถามด้วยความอยากรู้ จริงๆใช่จะสนใจใคร แต่นั่นเห็นแบคฮยอนร้องไห้หนักก็อดจะอยากรู้เสียไม่ได้เลย
“ชานยอลมันเคยอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับพวกเราน่ะ มันเรียนที่เดียวกันกับฉัน พอไปซ้อมบอร์ดก็เลยรู้จักกับคนอื่นๆด้วย อยู่กันนานก็สนิทกันมากขึ้น รักกันเหมือนครอบครัวอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ล่ะ แต่ว่าตอนนี้ไม่มีชานยอลแล้ว เพราะรายนั้นมันย้ายไปเรียนที่อเมริกาตอนขึ้นมอปลาย”
ลู่หานและเลย์ตั้งใจฟังเซฮุนเล่าทุกคำพูดไม่ขัดเลยสักนิด แต่นั่นมันต้องผิดใจกันใช่ไหมถึงได้หนีไปแล้วเพิ่งจะมาให้เห็นหน้า แถมยังคล้ายไม่ถูกกับคริสด้วยอีกนั่นยิ่งทำให้เกิดความสงสัย
“ตอนที่ซ้อมบอร์ดด้วยกันมันแอบชอบแบคฮยอน ไอ้แบคเองก็ชอบมันมาตั้งนานแล้ว ปากแข็งทั้งคู่ละน่ะ กว่าจะรู้ใจกันก็ปาเข้าไปปีกว่าๆ มันเริ่มคบกันอย่างเปิดเผย เอาง่ายๆเลยว่าไอ้ยอลน่ะรักไอ้แบคมาก ดูแลแบบมดไม่ให้ไตร่ไรไม่ให้ตอมเลยทีเดียว แต่นั่นเพราะมันคบกันเหมือนเพื่อน เลยพูดกันกูๆมึงๆเหมือนอย่างที่เห็นนั่นแหละ”
“แล้วอะไรที่ทำให้ไปกันไม่รอดวะ?” อยู่ๆลู่หานก็แทรกถามขึ้นฉับพลัน ทำเอาเซฮุนต้องอ้าปากพะงาบๆอยากจะต่อว่าเสียให้เข็ดหลาบ ไอ้คำพูดแข็งทื่อผิดหน้าตาเนี่ยหลุดออกมาบ่อยจริงๆ มันน่านักอยากจะเฆี่ยนเสียให้หลังลาย
“ไอ้ยอลมันเป็นคนชอบเอาชนะ งานแข่งขันสเก็ตบอร์ดนานาชาติหลายปีก่อนมันกับไอ้คริสลงแข่งพร้อมกันผลคือไอ้คริสชนะไอ้ยอลเลยไม่พอใจ ว่าง่ายๆคือแพ้ไม่ยอมรับว่าแพ้นั่นแหละ จากนั้นมันก็เริ่มเปลี่ยนไปไม่ค่อยเข้ากลุ่ม ไอ้แบคที่เป็นคนกลางก็ลำบากใจ คุยกับชานยอลแล้วแต่ไอ้นั่นมันงี่เง่า มันให้ไอ้แบคเลือกว่าระหว่างมันกับคนในกลุ่มจะเลือกอย่างไหน พอไอ้แบคเลือกกลุ่มนั่นแหละที่เป็นประเด็น มันให้คนมาดักซ้อมไอ้คริสแบบไม่มีเหตุผล คือแค่หมั่นอ่ะ แต่บังเอิญไอ้จงอินมันมาช่วยไว้ได้เลยไม่เป็นอะไรมาก แบคฮยอนมันก็โกรธเป็นฟื้นเป็นไฟขอเคลียร์แบบเปิดใจจะได้ไม่ยืดเยื้อ”
“มึงให้คนมาซ้อมไอ้คริสทำไมชานยอล มันไปทำอะไรให้มึงวะ?” อารมณ์โทสะของแบคฮยอนไม่สามารถเก็บไว้ได้อยู่อีกต่อไป มองหน้าคนรักตัวสูงที่ยืนนิ่งไม่ไหวติ่งด้วยความหงุดหงิด
“ถ้ามึงเลือกกลุ่ม กูก็จะทำลายกลุ่มให้ไม่เหลือใครเลย”
“กูรู้ว่ามึงไม่กล้าทำหรอกชานยอล มึงก็แค่อยากให้กูเลือกมึงเท่านั้น แต่กูขอบอกไว้เลยว่าต่อให้กูรักมึงมากแค่ไหนกูก็เลือกมึงไม่ได้อยู่ดี ทุกคนคือเพื่อนกูนะ แล้วมึงลองคิดดูดีๆใครกันที่ทำให้ทุกอย่างมันแย่ลง ไม่ใช่เพราะมึงหรือไง ถ้ามึงยอมรับว่าตัวเองแพ้ไอ้คริสแล้วมองโลกในแง่ดีบ้าง มึงจะไม่เป็นคนโลกแคบและงี่เง่าแบบนี้”
“ตกลงมึงไม่เลือกกูใช่ไหมแบค?"
“ก็อย่างที่มึงเข้าใจ”
แบคฮยอนกัดฟันพูดด้วยหัวใจที่ปวดร้าว ตรงหน้าก็คนรัก ข้างหลังก็เพื่อนกันทั้งนั้น ทั้งคนรักในตอนนี้ยังเคยเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน เป็นเหมือนเพื่อนรู้ใจที่คอยช่วยเหลือกันมาตลอด แล้วทำไมวันนี้เรื่องเล็กน้อยมันถึงทำให้คนอย่างชานยอลไม่เข้าใจอะไรเลย
“อืม ถ้างั้นมึงกับกูก็อย่าได้เจอกันอีก กูจะจากไปเอง ให้มึงเลือกกลุ่มและอยู่กับพวกมันซะให้พอใจ” คำพูดเหมือนไม่มีเยื่อใยทำให้แบคฮยอนกั้นน้ำตาไว้แทบไม่อยู่ เรียวปากบางเม้มเข้าหากันแน่น ปล่อยให้น้ำตารินไหลไปต่อหน้าต่อตาอีกคนด้วยความอ่อนแอ
“ถ้ามึงคิดดีแล้ว...ก็อย่ากลับมาให้กูเห็นหน้าอีก กูคงห้ามความคิดอะไรมึงไม่ได้ ไม่มีมึงสักคนกูคงไม่ตาย ร้องไห้สองสามวันก็คงหาย ขอบใจที่ยังเคยรักกัน ความเป็นเพื่อนมันยิ่งใหญ่แค่ไหนคนอย่างมึงคงไม่เข้าใจ ถ้าชอบที่จะอยู่ตัวคนเดียวไม่ใส่ใจใคร มึงก็ไปเถอะ กูขอให้โชคดี”
สิ้นเสียงสั่นเครือชานยอลก็หมุนตัวแล้วเดินจากไปไม่หันกลับมามองแม้แต่ชายตา แบคฮยอนจ้องแผ่นหลังกว้างของคนที่เดินจากไปด้วยความอ่อนล้า ทรุดตัวนั่งลงที่พื้นหยาบแล้วสะอื้นไห้จนตัวโยนคล้ายคนจะตายเสียให้ได้ รักกันมากเท่าไหร่สุดท้ายจุดจบก็เป็นแบบนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยง ไม่เลิกวันนี้ วันหน้าก็อาจจะเลิก แบคฮยอนจะร้องไห้แค่วันนี้ แล้วพรุ่งนี้จะเป็นคนใหม่ จะลืมคนใจร้ายที่เอาแต่ใจตัวเอง อยากไปให้ไป แต่นั่นทำไมแม้แต่คำร่ำลาถึงไม่มีให้กัน...
“โห! ไอ้นี่แม่งงี่เง่าจริงๆว่ะ” อีกแล้วกับคำพูดไม่ไพเราะของคนรัก เซฮุนยกมือขึ้นดีดหน้าผากบางของลู่หานไปหนึ่งทีเป็นการทำโทษ ร้อนถึงคนถูกกระทำต้องส่งกำปั้นหนักๆมากระแทกเข้าที่ต้นแขนแกร่งเป็นการตอบแทน
“มันเจ็บนะลู่หาน”
“ก็นายมาดีดหน้าผากฉันก่อนทำไมล่ะ เจ็บเหมือนกันนะเว้ย”
“ก็นายพูดไม่เพราะ”
“รับไม่ได้หรือไง เลิกไหม?”
อุ้ย! เซฮุนถึงกับสะอึกเมื่ออีกคนจ้องมองกันเขม่นเสียให้ขนลุก ก็แค่บอกเฉยๆ ไม่ได้อยากจะเลิกนะเห้ยคนน่ารัก
“ไม่ได้อยากเลิกซะหน่อย ไม่เอาไม่โกรธนะ” พูดเสร็จก็โน้มใบหน้าเข้าไปกดจูบที่พวงแก้มนิ่มของคนน่ารักไปฟอดใหญ่ เกินหน้าเกินตาไม่เกรงใจคนหน้าหวานที่นั่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเลยแม้แต่น้อย
“เซฮุนพอ! เลย์นั่งอยู่”
“อ้อ โทษๆ” เหมือนจะรู้สึกตัวเซฮุนพลันรีบขอโทษขอโพยเป็นการณ์ใหญ่ แต่นั่นเลย์ก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไร ทั้งยังนึกขันคู่รักคู่นี้ด้วยอีก เห็นแล้วก็อดจะนึกถึงคนที่จากไปเสียไม่ได้ ชีวิตมันไม่มีอะไรแน่นอนเลยจริงๆ
“ไม่เป็นไรหรอก ตามสบายเลย ว่าแต่จบแค่นี้เหรอเรื่องที่เล่า?”
“เท่าที่เคยฟังจากไอ้แบคมาก็ประมานนี้แหละ นี่ไงคือเหตุผลว่าทำไมพวกฉันถึงไม่ยอมลงแข่งสเก็ตบอร์ดพร้อมๆกัน ถึงไม่มีใครคิดอะไร แต่นั่นประเด็นของชานยอลจึงเป็นเรื่องที่ต้องเอามาคิด กันไว้ดีกว่าแก้น่ะ”
เลย์พยักหน้าเข้าใจเมื่อรู้ที่มาที่ไปของเรื่องทั้งหมด ในขณะเดียวกันกับเสียงเรียกเข้าของเครื่องมือสื่อสารที่ดังขึ้นให้วงสนทนา เบอร์จากต่างประเทศโชว์หราในกรอบม่านตาทำให้เลย์ต้องรีบกดรับในทันทีอย่างไม่ต้องคิด ร้อนรุ่มใจทั้งยังตื่นเต้นจนนั่งแทบไม่ติดที่
“ครับอาทงเฮ… จริงหรอครับ?...โรงพยาบาลอะไรนะครับ?....ครับๆ อี้ขอบคุณอาทงเฮมากนะครับ”
กดวางสายเลย์ก็ยิ้มร่าทันทีอย่างมีหวัง ไม่รู้ว่าข้อมูลที่คนเป็นอาให้มาจะเจอคนที่ต้องการจริงหรือเปล่า แต่นั่นเลย์จะไม่ถอดใจ ตามหาอีกคนมาค่อนชีวิตแล้วหนิ ตามหาอีกนิดคงไม่เสียหาย ว่าแล้วก็หันไปยิ้มกับเซฮุนและลู่หานด้วยความดีใจ หัวใจมันกลับมาเต้นเร็วอีกครั้งถึงแม้จะยังไม่รู้แน่ชัดว่าคริสจะเป็นอย่างไรก็ตามที อีกคนจะอยากเจอเขาหรือเปล่า จะยังรักกันอยู่ไหม
“จะไปตามคริสวันไหนล่ะ” ลู่หานเอ่ยถามทั้งยิ้มดีใจกับเพื่อนที่อารมณ์เริ่มดีขึ้น
“พรุ่งนี้แต่เช้าเลย เดี๋ยวจะให้เลขาของคุณพ่อจองตั๋วเครื่องบินให้”
“ต่างประเทศ?”
สองเสียงของคู่รักประสานกันตาโต เลย์ก็พยักหน้าตอบกลับทั้งรอยยิ้ม ใจอยากจะบินไปหาอีกคนในคืนนี้เลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าจะเป็นการรบกวนคนอื่นเลย์จึงต้องคอยห้ามใจตัวเองไม่ให้รีบร้อน
“ใช่ ต่างประเทศ จะหนีกันทั้งทีอยู่ในประเทศก็ไม่ใช่คนตระกูลอู๋สิจริงไหม?”
“ไปคนเดียวได้หรอเลย์ ประเทศไหนให้ไปเป็นเพื่อนหรือเปล่า?”
“ไม่เป็นไรหรอกลู่หาน ประเทศนี้ฉันคุ้นเคยดี”
...ADOLESCENT 100%...
ความคิดเห็น