ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO FIC] ADOLESCENT (KRISLAY FT. HUNHAN)

    ลำดับตอนที่ #20 : ll ADOLESCENT 20 ll 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.42K
      0
      28 พ.ย. 56

     








    ADOLESCENT 20
     








     คุณหมอบอกว่าลูกจะเดินไม่ได้


    คนฟังถึงกับตัวชาไปทั่วร่าง ก้อนเนื้อในอกซ้ายคล้ายถูกบีบเค้นแล้วพลันจะล้มเหลวได้ทุกเมื่อ นัยน์ตาคมช้อนมองคนเป็นแม่ที่ยืนจับมืออยู่ข้างเตียง กระพริบตาถี่ๆหยาดน้ำก็ไหลลงจากหางตาพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้ที่ตามมา

     
     

    หลังจากที่รอฟังอาการของตัวเองจากคนเป็นแม่เพราะไปคุยกับนายแพทย์ประจำตัว จากนั้นก็กลับมาพร้อมกับข่าวร้ายที่ฆ่าชีวิตให้ตายได้ทั้งเป็น โชคชะตาช่างโหดร้ายกับเขาเหลือเกิน ไม่คิดไม่ฝันว่าทุกอย่างจะจบแบบนี้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เขาจะเชื่อฟังคนรัก จะไม่ฝืนตัวเองจนร่างกายหยัดยืนไม่ได้อีก



    จ...จริงหรอครับคุณแม่ ผ...ผม...เอ่ยถามเสียงสั่นเครือด้วยความยากลำบาก เห็นใบหน้าสวยของคนเป็นแม่ที่พยักตอบรับทั้งน้ำตาคริสก็แทบจะขาดใจ ริมฝีปากเรียวเม้มเข้าหากันแน่น ก่อนจะค่อยๆหลับตาลงพร้อมด้วยอ้อมกอดของผู้ให้กำเนิดที่ประคองรอบร่างกายอันสั่นเทาไว้เพื่อปลอบโยน




    ไม่เป็นอะไรนะอู๋ฟาน ไม่เป็นลูก


    ผ...ผมจะเดินไม่ได้หรอครับ ฮึก...ผมจะเดินไม่ได้ ฮือ...


    ไม่เป็นไรนะลูก เรารักษามันได้ ฮึก...กลับไปอยู่จีนกับแม่นะ แม่จะดูแลลูกเอง


    สิ้นเสียงของคนเป็นแม่คริสก็ได้แต่ร้องห่มร้องไห้อย่างที่ไม่เคยเป็น ทุกครั้งที่เขาเสียน้ำตามันยังน้อยถ้าเทียบกับในตอนนี้ ทุกอย่างกำลังจะจบ เขากำลังจะไม่มีอนาคต นึกถึงใบหน้าหวานของคนรักในอกซ้ายก็ตีรวนความเจ็บช้ำเข้าประดังที่กลางใจ ถ้าอีกคนรู้จะเป็นยังไง คริสมั่นใจว่าเลย์จะไม่ทิ้งกัน หากแต่...



    ฮึก...ผมขอเจออี้ชิงก่อนได้ไหมครับ? ผมอยากคุยกับเขา


    คริสวอนขอคนเป็นแม่ทั้งน้ำตา เขาสองจิตสองใจทั้งยังสับสนกับทุกสิ่งทุกอย่าง เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นเร็วเกินไป ไม่ทันได้ตั้งตัวแสงสว่างจ้าในตอนแรกก็พลันดับมืดให้มองไม่เห็น นี่มันไม่ใช่ฝัน มันคือเรื่องจริงที่ทำใจให้ยอมรับได้ยาก



    แต่ถ้าอี้ชิงรู้ เขาอาจจะเสียใจมากนะลูก


    แต่ผมเชื่อครับคุณแม่...เชื่อว่าอี้ชิงจะอยู่เคียงข้างผม จะไม่ทิ้งผม ฮึก...


    แม่เข้าใจอู๋ฟาน แม่เข้าใจ แต่...ลูกอย่าลืมว่าอี้ชิงก็ต้องการใครสักคนที่ดูแลเขาได้ ลูกลองคิดดูให้ดีๆ ว่าการที่ลูกเป็นแบบนี้มันเป็นภาระให้กับอี้ชิงเขาหรือเปล่าคนเป็นแม่เม้มริมฝีปากแน่นลูบหัวลูกชายด้วยความรักใคร่ แม่เข้าใจว่าความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม แต่บางครั้งความรักมันก็อยู่ที่การเสียสละ ถ้าลูกรักเขา ลูกต้องปล่อยให้เขาไปเจอคนที่ดีกว่า


    สิ้นเสียงของผู้ให้กำเนิดคริสก็หลับตาลงแล้วกำมือเข้าหากันแน่น ร่างกายทุกส่วนสั่นเทิ้มคล้ายจะสิ้นใจได้ในประเดี๋ยวนี้  มันเจ็บ มันอ่อนล้า ทุกคำพูดของคนเป็นแม่คริสเข้าใจดี รู้ว่าหวังดี ถึงพูดมันออกมาตรงๆให้เขาได้ขบคิด




    ถ้าจะไป...ฮึก...ก็ไปกันตอนนี้เลยครับคุณแม่








    …ADOLESCENT…

     

     






    คนมากมายหลายเชื้อชาติเดินสวนกันไปมาจนลายตาไปหมด คนตัวเล็กที่เพิ่งก้าวเท้าออกมาจากเครื่องบินเหยียบแผ่นดินบ้านเกิดก็ต้องสูดหายใจเข้าปอดย่างรู้สึกประหม่า นานเท่าไหร่ที่ไม่ได้กลับมาที่นี่ เรื่องราวมากมายมันหวนเข้ามาในสมองจนเต็มไปหมด ก่อนจะเห็นใครบางคนที่คุ้นเคยยืนโบกมือเรียกไม่ใกล้ไม่ไกล พร้อมทั้งป้ายตอนรับอันใหญ่ชัดเจนยามเดินออกมาจากเกรด



    สวัสดีครับอาทงเฮเห็นคนเป็นอายืนอยู่ตรงหน้าเลย์ก็รีบวิ่งเข้าไปหา สวมกอดผู้ใหญ่ที่มีพระคุณไว้แน่น ก่อนจะรับรู้ถึงสัมผัสอุ่นที่กดจูบลงมายังกลุ่มผมนุ่มอย่างแผ่วเบา


    หลานอา ไม่เจอกันนานน่ารักขึ้นเยอะเชียว


    อ่า จะดีกว่านี้ครับถ้าอาบอกว่าอี้หล่อขึ้นใบหน้าหวานงองุ้มไม่ชอบใจกับคำชมของคุณอาสุดหล่อ แต่นั่นพอได้ยินคำว่าน่ารัก ใจมันก็ลอยละล่องไปหาใครบางคนที่ชอบพูดแบบนี้จนต้องเจือนยิ้มไป


    เป็นอะไรอีกละเนี่ย ใครกันทำให้อาอี้เป็นได้แบบนี้ ใจร้ายจังเลยนะ


    เฮ้อ! อี้เหนื่อย


    เหนื่อยแต่ก็ไม่ยอมหยุด


    อยากจะหยุดครับแต่ทำไม่ได้ อ่า... พูดแล้วก็จะร้องไห้อีกและ


    คนเดิม?”


    อาทงเฮรู้ดี


    เห็นคนเป็นหลานทำตัวเหมือนเด็กขี้แยทงเฮก็ต้องส่งมือไปยีกลุ่มผมนุ่มเบาๆ ตามใจหลานสุดที่รักมาโดยตลอด ขออะไรก็ให้ ครั้งที่แล้วก็ช่วยตามหาเพื่อนแทบพลิกแผ่นดิน แต่ไม่ยักจะรู้ว่าเพื่อนในอดีตจะคิดไม่สื่อจนแปรเปลี่ยนความสัมพันธ์เป็นอย่างอื่น


    ไม่เอาไม่ร้องนะหลานอา แล้วมาที่นี่ได้บอกคุณพ่อคุณแม่ก่อนหรือเปล่า เดี๋ยวก็มาโวยวายกับอาทีหลัง


    “บอกคุณพ่อ แต่ไม่ได้บอกคุณแม่”  กำชับคนเป็นพ่อด้วยแล้วว่าห้ามบอกใคร ขืนบอกคุณแม่ไปมีหวังไม่ได้มาที่นี่แน่ๆ


    เด็กดื้อ แล้วถ้าคุณแม่เรามาบ่นอา อาจะทำยังไง หื้ม?”


    ถ้าอาทงเฮไม่พูด อี้ไม่พูด คุณแม่ก็ไม่รู้แน่นอนครับ

    เจ้าเล่ห์!” คนเป็นอายกมือขึ้นบีบจมูกเล็กอย่างนึกหมั่นไส้ ไม่ทันจะสิบแปดเลยเจ้าเด็กคนนี้ก็ช่างหัวหมอ แต่นั่นทงเฮจะทำอะไรได้ เห็นท่าทางน่ารักออดอ้อนเหมือนลูกแมวก็ยอมอีกนั่นแหละ

     

     

    จะไปพักที่บ้านหรือคอนโดอา อามีกุญแจสำรองอี้จะเข้าออกตอนไหนก็ได้นะ


    “อ่าว แล้วอาทงเฮจะไปไหนอ่ะ ไม่นอนที่คอนโดหรอ?”


    ช่วงนี้อางานเยอะ มีหลายคดีที่ต้องสะสาง จะไปต่างจังหวัดหลายวัน อี้อยู่คนเดียวได้หรือเปล่า?


    ครับ ไม่มีปัญหา


    พยักหน้าหัวสั่นหัวคลอนเลย์ก็ฉีกยิ้มกว้างให้กับคนเป็นอา แต่นั่นก็ยิ้มได้ไม่นานหรอก ฝืนเสียยิ่งกว่าอะไรดี ใจเขาตอนนี้มันลอยไปหาคนที่โรงพยาบาลแล้ว คิดไว้ว่าช่วงเย็นจะจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อย คิดไปก็เครียดจนอยากจะร่ำไห้ สมหวังและผิดหวังมีอยู่สองทางที่ให้คริสเป็นคนตัดสินใจ จะยื้อเขาไว้หรือจะผลักไสให้เขาจากไปนั่นก็อีกเรื่องนึง







    ...ADOLESCENT…

     





    วิวทิวทันศ์เบื้องหน้าที่ไกลสุดลูกหูลูกตาไม่ได้ช่วยให้คนป่วยรู้สึกดีขึ้นได้เลยแม้แต่น้อย ในวันนี้ลุกขึ้นนั่งเองได้แล้ว หากแต่ขาที่เข้าเฝือกอยู่มันก็ไม่สามารถใช้การได้เหมือนเดิม หยาดน้ำที่เอ่อคลอนัยน์หน่วยตาคมกลิ้งลงที่ข้ามแก้มกร้านอย่างเงียบๆ ไม่มีเสียงสะอื้น ไม่มีแม้แต่การสั่นไหวของร่างกาย เอาแต่คิดถึงใบหน้าหวานของใครบางคนที่เขาเลือกที่จะปล่อยมือแล้วจากมาเอง




    คิดถึง...


    เสียงทุ้มผ่ะแผ่วไร้เรี่ยวแรงแม้จะขยับปากพูด ลมหายใจผ่อนรวยริน เจ็บปวดที่ข้างในจนบอบช้ำ ความเงียบมันช่างน่ากลัว ให้คิดนู่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อยแล้วสุดท้ายก็พ่ายแพ้ด้วยคาบน้ำตา เหงา...คำนี้ที่อธิบายความรู้สึกได้ดีที่สุด





    “....คิดถึง....แต่ก็ยังหนีกันมา


    อยู่ๆเสียงที่เอ่ยพูดตรงประตูห้องทำให้คริสต้องหันไปมองในทันที ลมหายใจขาดห้วงเมื่อได้เห็นดวงหน้าหวานเปรอะเปื่อนคาบน้ำตาทั้งๆที่เพิ่งจะจากกันในเมื่อวาน นานเท่าไหร่ที่เลย์ไม่ได้เป็นอย่างนี้ ไม่ได้เสียน้ำตาเพราะเขามันนานเท่าไหร่กัน



    อ...อี้ชิง

    คริสถึงกับอึ้งทั้งยังไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร รีบยกมือขึ้นปาดหยาดน้ำไร้สีให้ออกไปจากใบหน้า ขยี้ดวงตาเบาๆเพื่อให้รู้ว่าไม่ได้เพ้อจนเห็นภาพซ้อนทับของอีกคน และนั่นมันก็คือเรื่องจริง เลย์กำลังยืนอยู่ตรงหน้าของเขา ในกรอบม่านตาและใกล้เข้ามาเรื่อยๆ


    หนีฉันมาทำไมอู๋ฟาน ฮึก... บอกได้ไหมว่าทำไม?”



    กลับไปเถอะ ฉันอยากพักผ่อนคริสแข็งใจเอ่ยไล่อีกคนกลายๆ เห็นเลย์เอาแต่ร้องไห้ใจเขามันอ่อนยวบไม่เป็นท่า แต่นั่นมันจะดีกว่า ถ้าต่อไปเราสองคนจะไม่รู้จักกัน



    อย่าไล่ฉัน ฮึก...รู้ไหมว่าฉันเสียน้ำตาไปเท่าไหร่กว่าจะได้พบนาย กว่าจะได้มีวันนี้กับนายมันไม่ง่ายเลยรู้หรือเปล่า? ฮึก...อยากจะหนีมาก็หนีอย่างนั้นเหรอ คิดถึงใจฉันบ้างไหมว่ารู้สึกอย่างไร ฮือ...เสียงหวานสั่นเครือเอ่ยพูดไม่หยุดหย่อน เห็นอีกคนเมินเฉยแล้วเลย์ก็ไม่อาจอยู่เฉยได้ ผิดหวังทั้งยังไม่มีกำลังใจ แต่จะให้ทำยังไง เพราะเขารักอีกคนจนฝั่งลึกถอนรากถอนโคนไม่ขึ้น



    ต...แต่ ฉ...ฉันจะเดินไม่ได้



    "................"


    "................"


    “...อ...อะไรนะ?”


    เลย์ที่ได้ฟังก็ถึงกับนิ่งค้างตัวแข็งทื่อ เหมือนโดนน้ำเย็นเฉียบสาดเข้าหน้าอย่างจัง ย้ำด้วยค้อนอันใหญ่ที่ทุบเข้ามากลางหน้าอกไม่ยั้ง เมื่อครู่คริสพูดบ้าอะไร มันไม่จริงใช่ไหม?


    ฉันจะเดินไม่ได้ รู้แล้วนายก็ไปเถอะ


    ใบหน้าหล่อเสมองออกนอกหน้าต่างอีกครั้งพร้อมกับยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลอาบข้างแก้ม ให้คนที่ยืนอยู่อีกด้านร้องไห้โฮจนตัวโยน ทรุดตัวนั่งลงที่พื้นห้อง ก่อนจะก้มหน้าปล่อยหยาดน้ำตาออกมาจนหน้าแดงก่ำ



    นายแน่ใจได้ยังไง ฮึก..ฉันก็เคยจะเดินไม่ได้ลืมไปแล้วหรอ? ฉันไม่เคยท้อ ฮึก... ไม่เคยเลยสักครั้งเพราะรู้ว่าวันนึงจะได้พบนาย ฮึก...นี่รักกันจริงหรือเปล่า? สำหรับนาย ฉันไม่เคยมีค่าอะไรเลยใช่ไหม?”



    “……………”



    ฉันเผ้ารอเจอนายมาตลอด พอทุกอย่างมันกำลังจะไปได้ดีเป็นอย่างที่ต้องการ ฮึก...ทำไมนายต้องทำมันพังอีกครั้งฉันไม่เข้าใจ นาย...ฮึก... นายจะเดินไม่ได้แล้วยังไงฉันไม่เคยรังเกียจ ขอแค่ให้ได้อยู่ด้วยกัน แค่ได้รักกันฉันก็พอใจ ฉันลงแรงลงทุนมามากขนาดไหน ฉันจะไม่ยอมปล่อยนายไปอีกแล้วนะอู๋ฟาน ฮือ...


    สิ้นเสียงหวานคริสก็กลั้นน้ำตาไว้แทบไม่อยู่ ไม่กล้าหันไปมองคนที่นั่งร้องไห้อยู่กับพื้นเลยสักนิด กลัวจะยื้ออีกคนไว้ทั้งที่พยายามจะตัดใจ แต่คำพูดของเลย์มันสะท้อนใจคริสได้ชัดเจน ห้วนนึกถึงวันเวลาที่เคยทุกข์เคยสุขด้วยกันมันทำให้เขาไม่อยากจะปล่อยมือ




    หึ! นายจะยอมทนอยู่กับคนที่เดินไม่ได้อย่างฉันได้นานขนาดไหน ฉันกำลังจะไม่มีอนาคต ไม่มีอะไรให้นายเลยสักอย่าง นายจะยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อคนพิการคนนี้หรอทุ่มเทเกินไปหรือเปล่า?” ยอมกัดฟันพูดทั้งที่ข้างในมันแทบจะระเบิดความในใจออกมา ถ้าเขาหันกลับไปมองอีกคน แน่นอนว่าต่อจากนี้เขาคงจะปล่อยเลย์ไปไม่ได้จริงๆ



    นายเห็นฉันเป็นคนยังไงอู๋ฟาน ฮึก...การที่ฉันตามหานายมันเป็นเรื่องไร้สาระหรือ การที่ฉันรักนายคิดว่าเป็นเรื่องล้อเล่นหรือไง ฉันคิดถึงนายเสมอ...แต่ถ้านายเห็นฉันไม่มีค่าพอ ก็ไล่ฉันตรงนี้เลย ฉันจะไป....แล้วไม่กลับมา ฮึก...


    สิ้นเสียงหวานมือหนาพลันยกขึ้นกุมขมับตัวเองด้วยความสับสน ในหัวมันหนักอึ้งหาทางออกไม่เจอ หัวใจคริสมันยังแน่วแน่ ยังคงอยู่ที่อี้ชิงเสมอ อยู่กับคนหน้าหวานที่ยอมสละหลายๆอย่างเพื่อคนไม่ได้เรื่องอย่างเขา





    “ป...ไปเถอะ...


    คริสพูดได้แค่นี้จริงๆ น้ำตามากมายหลั่งไหลออกมาหากแต่นั่นก็ยังคงไม่หันไปมองคนตัวเล็กเลยแม้แต่หางตา  คริสหวั่นไหว คริสกำลังหมดความอดทนกับการแข็งใจตัวเองให้ทำเย็นชา





    อ...อู๋ฟาน นาย...



    ไปเถอะอี้ชิง นี่มันดีที่สุดระหว่างเราสองคนแล้ว



    ฮึก...ฉ...ฉัน ฮือ... ฉันขอเหตุผลได้หรือเปล่า?”


    ร้องไฮโหออกมาอีกระลอก เลย์ไม่อาจกลั้นมันไว้ได้อีกแล้ว ร่างกายสั่นเทิ้มจนหน้ากลัว ไหล่บางไหวระริกสะอื้นไห้ตัวโยนอย่างน่าสงสาร ฟุบหน้าลงกับพื้นห้องจะขาดใจเสียให้ได้ ทุกอย่างที่ยอมเหนื่อยมาค่อนชีวิตมันถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดีจากคนที่ไว้ใจ





    “เหตุผล? พ...เพราะฉัน...หมดรักแล้ว....เหตุผลแค่นี้พอไหม


    เย็นชา แน่นิ่ง และไร้ความรู้สึก คริสกำลังทำให้เลย์ตายได้ทั้งเป็นเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำ คำที่ย้ำหัวใจให้ถูกเหยียบลงใต้ผืนแผ่นดินอย่างไม่คิดจะแยแส คนหน้าหวานเอาแต่ร่ำไห้แทบจะขาดใจอยู่ตรงหน้า ทุบมือลงที่พื้นแรงๆด้วยความเสียใจ ไม่รู้ว่าตอนนี้อยากจะเชื่อคำพูดของอีกคนดีหรือเปล่า หากแต่เพียงแค่เสียงทุ้มได้เอื้อนเอ่ยมันออกมาเลย์ก็ไม่สามารถมีเรี่ยวแรงจะยืนหยัดได้อีก เหนื่อยล้า บอบช้ำ ซ้ำยังคล้ายถูกหักหลัง นี่หรือคนที่เขารักกัน คำพูดหวานซึ้งเลย์จะไม่มีวันเชื่อมันอีกต่อไป... 

     


     

    อี้ชิง....อี้ชิง...

     







    …ADOLESCENT 40%…

     


     


     

    แพขนตาสวยค่อยๆปรือขึ้นรับแสงยามเช้าของวันใหม่ ภาพแรกที่เห็นคือฝาเพดานสีขาวสะอาดตาที่ยังพร่ามัวไม่ชัดเจน หลุบนัยน์ตาลงที่ข้อมือก็เห็นว่ามีสายน้ำเกลือที่ฝั่งเข้ายังผิวเนื้อ จำได้ลางๆเมื่อครั้งล่าสุดยังคุยกับใครบางคนที่รับรู้ได้แต่เพียงความเสียใจ หากแต่ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นทำเอาสับสนไปหมด



    หลานอาเป็นยังไงบ้าง? อาเป็นห่วงเราแทบแย่

    เสียงทักท้วงพร้อมกับคนเป็นอาที่เดินเข้ามาหาข้างๆเตียงทำให้เลย์ไม่เข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กะพริบตาปริบความปวดจี๊ดก็แล่นปราดเข้าในสมองให้ต้องยกมือขึ้นกุมขมับ คลึงมันเบาๆบรรเทาอาการปวดให้ทุเลาลง ก่อนจะค่อยๆปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆอีกครั้งขึ้นในห้วงความคิด



    อี้เป็นอะไรหรอครับอาทงเฮ?”


    ก็เป็นลมสลบไปน่ะสิ คุณหมอบอกว่าหลานพักผ่อนน้อย ข้าวปลาไม่ทานเลยหมดแรงแบบนี้


    เห็นคนเป็นอาบอกเหตุผลเลย์ก็เข้าใจมันอย่างถ่องแท้ นอนไม่หลับ ข้าวไม่ตกถึงท้อง มันก็ชัดเจนอย่างที่เขาว่า แต่ถามจริงเถอะ โดนคนรักทิ้งแบบนี้จะให้กินอิ่มนอนหลับได้ยังไงกัน


    ว่าแต่อี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับ แล้วใครเป็นคนบอกอาทงเฮ?”


    ก็แฟนเรานั่นแหละโทรบอกอา เห็นหลานร้องไห้แล้วก็สลบไปเลยรีบกดสัญญาณเรียกพยาบาลให้มาดูอาการ


    เขารู้เบอร์อา?”


    เห็นบอกว่าดูจากเบอร์โทรเข้าล่าสุดในโทรศัพท์หลานน่ะ


    อย่างนี้นี่เอง แต่อาอย่าบอกว่าเขาเป็นแฟนอี้อีกนะครับ อี้ไม่มีแฟนแล้ว โสด...


    พูดแค่นั้นก็ค่อยๆยกผ้าห่มผืนบางขึ้นคุมโปง ร้องห่มร้องไห้อีกครั้งยามคำพูดบางคำมันสะท้อนจิตใจให้รู้สึกเจ็บอีกระลอก

     

    ก่อนหลับตาก็ร้องไห้จนสิ้นสติ...


    ตื่นมาได้ก็ยังไม่วายเป็นเหมือนเดิม...

     


    ร่างเล็กสั่นเทาที่กำลังคุ้ดคู้อยู่ในผ้าห่มทำให้คนเป็นอาต้องส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจกับความรักแบบเด็กๆ โน้มตัวก้มลงโอบกอดหลานด้วยความสงสาร ความรักแบบนี้มันจะยั่งยืนสักแค่ไหนกัน ความรักของวัยรุ่นที่ยังไม่ประสามากนัก ทั้งยังเป็นความรักในแบบที่ยอมรับได้ยาก แต่ทงเฮเองก็รู้ดี รู้ว่าหลานของเขาตั้งแต่ไหนแต่ไรหัวใจไม่เคยเปลี่ยนแปลง รักยังไงก็รักอย่างนั้น ทว่าอีกฝ่ายเขายังไม่ได้รับรู้ว่าเป็นแบบไหน แต่พอได้เห็นหน้าค่าตาตอนมาหาหลานที่โรงพยาบาลก็พอจะเข้าใจได้ นัยน์ตาคู่คมของเด็กหนุ่มผมบลอนด์คนนั้นก็คล้ายจะเจ็บปวดไม่ต่างกับหลานรักของเขาเลยสักนิด



    เลิกร้องไห้ได้แล้วอี้ชิง


    ทงเฮค่อยๆดึงผ้าห่มผืนบางที่คลุมร่างเล็กของหลานชายออก ทอดมองด้วยความเอ็นดูทั้งสงสารไปด้วยในเวลาเดียวกัน เห็นใบหน้าแดงก่ำกับดวงตาที่บวมช้ำแล้วก็อดจะนึกโกรธคู่กรณีไม่ได้ ทำไมนะ ถึงได้ทำร้ายจิตใจเด็กชายแสนดีอย่างเลย์ได้ลงคอ



    อี้เสียใจอ่ะอาทงเฮ อู๋ฟานเหมือนไม่เคยรักอี้เลย ฮึก...


    ใครว่าอู๋ฟานไม่รักอี้ หื้ม?


    เขา....เขาบอกว่าหมดรักอี้แล้ว ฮือ...


    โอ๋ๆ ไม่ร้องนะ คนดีๆมีอีกตั้งเยอะตั้งแยะให้เลือก อาอี้น่ารักจะตายใครๆก็จ่อคิวรอ แต่ยังไงก็ทำใจไว้หน่อยนะ...คนเป็นอาค้างคำพูดไว้แค่นั้น ทำเอาหลานรักต้องหรี่ตามองไม่เข้าใจด้วยความมึนงง


    ทำไมครับ?”


    อาอยากจะบอกให้หลานทำใจไว้บ้าง เพราะถ้ามีใหม่...คงหาหน้าตาหล่อขั้นเทพแบบอู๋ฟานไม่ได้ง่ายๆ


    อาทงเฮ...พูดเสียงอ่อยเลย์พลันเบ้ปากคว้ำให้คนเป็นอาอย่างนึกงอน คุณอาสุดหล่อชอบล้อเล่นกับเขา แต่นั่นก็ยังทำให้ยิ้มได้เสมอ

    และทงเฮเองก็ไม่อยากให้เลย์ต้องจมปลักอยู่กับคนๆเดิม ลองมองคนอื่นบ้างสักนิด อาจจะเห็นว่ามีใครหลายๆคนที่พร้อมจะดูแลหลานของเขาตั้งมากมาย



    อี้ไม่ได้รักอู๋ฟานที่หน้าตาสักหน่อย มีหลายอย่างในตัวเขาที่ทำให้อี้รัก...


    โอเคๆ อาอาจจะไม่เข้าใจหลานก็จริง แต่หลานจะทำยังไงต่อไป จะจมปลักอยู่แบบนี้ไม่ได้หรอกนะ อนาคตคนเรามันไม่แน่นอนนะอี้ชิง หลานไม่เลิกกับอู๋ฟานในวันนี้ วันข้างหน้าก็อาจจะเลิกก็ได้ มีพบก็ต้องมีจาก มันเป็นสัจธรรมของมนุษย์โลก หลานเข้าใจที่อาพูดไหม?”


    อี้เข้าใจ แต่นี่มันเร็วเกินไป


    จะเร็วจะช้าก็ต้องจากกัน


    เลย์นิ่งค้างไม่ตอบรับกับคำพูดของคนเป็นอา ดวงตาคู่กลมเอ่อคลอหยาดน้ำขึ้นมาอีกครั้งโดยไม่ต้องสั่ง เลย์รู้ว่ามันไม่ง่ายถ้าจะให้ตัดใจและตัดความรู้สึกได้ในเร็ววัน ยิ่งมีความสุขกันนานเท่าไหร่ ความทุกข์ที่ได้รับมันก็นานเท่าเทียมกันนั่นแล

     



    อี้อยากไปเดินเล่น ได้ไหมครับอา?”


    “อื้ม ได้สิ


    เลย์อยากสูดอากาศยามเช้า อยากผ่อนคลายสมองให้รู้สึกดี ถึงจะไม่มากให้เรื่องทั้งหมดมันออกไปจากความคิด แต่ก็อยากทำตามคำพูดของคนเป็นอาที่ได้แนะนำไว้ ทงเฮอาจจะพูดถูกแล้วก็ได้ มีพบก็ต้องมีจาก ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วยังไงก็ต้องจากกันอยู่ดี

     

     

    คู่หูหลานอาพากันเดินออกมายังสวนหย่อมบนชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาล เลย์ถือขวดน้ำเกลือไว้ในมือพร้อมกับคนเป็นอาที่คอยช่วยเหลืออยู่ใกล้ๆไม่ห่างไปไหน ทงเฮยอมทิ้งงานเพื่อหลานรักเพียงคนเดียว เห็นอาการไม่สู้ดีก็ไม่อยากจะปล่อยไว้ตามลำพัง เกิดเป็นลมเป็นแล้งขึ้นโดยไม่มีใครเห็น พ่อแม่ของเจ้าเด็กหน้าหวานนี่จะมาเอาเรื่องกับเขาได้


    จะอยู่จีนอีกนานแค่ไหน นี่หลานปิดเทอมอยู่ใช่ไหม?” เดินเล่นในสวนหย่อมไปเพลินๆทงเฮจึงเอ่ยถามหลานชาย ยกแขนที่ว่างขึ้นพาดบนไหล่เล็ก พลางจ้องมองเสี้ยวหน้าหวานของหลานรักด้วยความเอ็นดู


    ครับอา ปิดซัมเมอร์สามเดือน ถ้าออกจากโรงพยาบาลได้ อี้จะกลับเกาหลีทันที


    ทำไมรีบกลับจัง ไม่คิดถึงบ้านหรือไง?”


    คิดถึงสิครับ แต่คิดว่าไม่อยู่จะดีกว่า อยู่ที่นี่พาลจะทำให้อี้คิดถึงแต่เขา ดีไม่ดีจะตามเขากลับมาอีก


    คนเป็นอาถอนหายใจก่อนจะพยักหน้าตอบรับกับเหตุผลของหลาน เดินกันไปตามทางเรื่อยๆ อยู่ๆคนป่วยข้างกายก็พลันชะงักเท้ากึกทำให้ต้องหยุดเดินแล้วหันไปมองด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนจะสังเกตุสายตาของหลานข้างกายที่คล้ายจะอึ้งกับบางสิ่งบางอย่างอยู่ตรงหน้า และนั่นมันก็แน่ชัดว่าเป็นใครที่อยู่ไกลออกไปไม่มากนัก เห็นแล้วก็อดจะนึกเป็นห่วงไม่ได้เลยจริงๆ

     

    เลย์เอาแต่ยืนนิ่งปล่อยหยาดน้ำตาให้มันไหลอาบข้างแก้มเนียนไปอย่างเงียบๆ มองคนที่เคยรักกันนั่งทิ้งกายอยู่บนรถเข็นพร้อมกับมารดาที่ยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่าง แค่มองจากด้านหลังเลย์ก็รู้ได้ในทันทีว่าคนๆนั้นเป็นใคร แว้บแรกของคนที่ใช่เขาไม่เคยลืม

     
     

    กลับกันเถอะครับอา” 

    อี้ชิง...

    อี้เจ็บที่หัวใจ...


    กัดฟันพูดด้วยความยากลำบากเลย์พลันหมุนตัวกลับช้าๆอย่างเลื่อนลอย อากาศในยามเช้าที่ว่าสดใสแต่นั่นมันไม่ได้ทำให้สภาพจิตใจดีขึ้นได้เลยสักนิด ซ้ำยังทำให้แย่ลงเข้าไปอีก เลย์ทิ้งให้หยาดน้ำมันร่วงหล่นอยู่ข้างแก้มไปเรื่อยๆไม่ขาดสาย ไหลออกมาเย้ยความโง่เคลาที่รักเขาจนหัวปักหัวปำ แต่นั่นเสียงสะอื้นไห้กลับไม่มีให้ได้ยินเหมือนอย่างครั้งก่อนๆ

     

    .

     

    .

    .




    ผมเริ่มหนาวแล้ว กลับเข้าไปด้านในกันเถอะครับคุณแม่

    เรียวปากแห้งเผือดขยับพูดกับผู้ให้กำเนิด ใบหน้าหล่อซีดเซียวอย่างชัดเจนไร้สีแต่งแต้มเหมือนคนสุขสภาพไม่ดี พร้อมกับคนเป็นแม่ที่ค่อยๆหมุนรถเข็นให้กลับไปยังทางเดิมในก่อนหน้าจะมาที่สวนหย่อมแห่งนี้



    หากแต่นั่น...

     

    แว้บแรกที่เห็นหลังไวๆของใครบางคนคริสก็จำมันได้อย่างขึ้นใจ

    คนที่ทำให้รัก... คนที่ทำให้นึกถึง... คนที่ทำให้เป็นห่วงจนแทบบ้า...

    ร้องไห้เพื่อเข้าจนเป็นลมเป็นแล้งคนบ้าอะไรไม่ดูแลตัวเองเลย 

    รูปร่าง สีผม แม้กระทั่งผิวขาวเนียนต้องแสงแดดยามเช้าคริสจำมันได้ทุกอณู ใจนั้นวิ่งนำไปโอบกอดพร้อมจะยื้ออีกคนไว้แล้ว หากแต่ร่างกายกลับทำไม่ได้อย่างที่ใจคิด ได้แค่มองให้ร่างเล็กบอบบางนั้นเดินหายไปจากกรอบม่านตาทั้งที่ทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง

     

     อยากกอด อยากจูบ อยากสัมผัส คริสต้องการ...

     



    คุณนายอู๋กำลังพาลูกชายกลับไปยังห้องพักผู้ป่วยพร้อมกับความเงียบงันที่เข้าปกคลุมตลอดทาง คริสเอาแต่เงียบเธอเองก็อึดอัดไม่น้อย ร้อนรุ่มอยู่ในอกด้วยความเป็นห่วงทั้งแฝงไปด้วยความรู้สึกอื่น ก่อนจะพบกับนายแพทย์ประจำตัวของลูกชายที่เดินมาบรรจบเข้าพอดิบพอดี เธอก็ถึงกับตระหนกทำท่าจะหาทางหนีทีรอด



    อู๋อี้ฟาน พรุ่งนี้กลับบ้านได้แล้วนะ


    เสียงคุณหมอหนุ่มเอ่ยพูดมาแต่ไกล ค่อยๆสาวเท้าเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของผู้ป่วยในการดูแล ทำเอาคุณนายอู๋ร้อนรนใจจนทำอะไรไม่ถูก


    ผมไม่ต้องรอการรักษาหรอครับคุณหมอ?”


    ก็รักษาไปแล้วไงครับ ใส่เฝือกดามหลังจากนั้นก็กลับไปนอนพักที่บ้านสักสองสามเดือนคงหายดี


    สิ้นเสียงคุณหมอประจำตัวคริสพลันเงยใบหน้ามองคนเป็นแม่อย่างนิ่งๆ ขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปมอย่างไม่เข้าใจ สงสัยในเรื่องราวทั้งหมดที่มันเกิดขึ้นทันที


    ไหนว่าผมจะเดินไม่ได้?”


    ห๊ะ? คุณพูดเรื่องอะไร คุณแค่หัวเข่าหลุดและข้อเท้าเข็ดนะครับ ส่วนอาการปวดหลังมันเกิดจากเส้นเอ็นที่บวมขึ้นเพราะถูกใช้งานอย่างหนัก เดินได้ปกติครับแค่ต้องใช้เวลา ทางโรงพยาบาลเก่าไม่ได้บอกคุณมาหรอครับ?”

    เพียงแค่นั่นคริสก็เข้าใจได้แล้วว่าคนเป็นแม่โกหกเขาเพื่อจะใช้โอกาสนี้ดึงตัวเขาให้ไปอยู่ด้วย ทั้งเรื่องของเลย์อีกที่เป็นประเด็นหลักให้แม่ของเขาต้องทำแบบนี้ ไม่ได้สนใจความรู้สึกของคนที่เป็นลูกชายอย่างเขาเลย เจ็บปวด ใจหาย โลกมืดบอด...ใครไม่มารับรู้เรื่องราวแบบนี้คงไม่เข้าใจ 


    ถ้างั้นผมขอตัวก่อนนะครับ พอดีมีคนไข้เคสใหม่ ยังไงก็ขอให้หายเร็วๆนะ


    คุณหมอหนุ่มเดินจากไปแล้วคริสก็เอาแต่นิ่งเงียบ ในอกมันพร้อมจะระเบิดโทสะที่เก็บมาไว้อยู่หลายวันได้ในฉับพลับ



    อ...อู๋ฟาน ลูก


    กลับกันเถอะครับพูดตัดบทแค่นั้นมือหนาพลันกำเข้าหากันแน่น ร่างกายสั่นเทาด้วยความโกรธ แต่คนที่ทำกลับกลายเป็นแม่ผู้ให้กำเนิด ทำได้ยังไงรู้ไหมว่าเรื่องเดินไม่ได้มันมีผลกับการดำเนินชีวิตของเขาเป็นอันดับหนึ่ง มันใช่เรื่องที่จะเอามาพูดเล่นกันหรือ แต่นั่นเขาก็ไม่เคยโทษคนเป็นแม่ คนที่มีพระคุณกับเขาเสมอมา

     


    กลับถึงห้องพักคริสก็เอาแต่นั่งนิ่งให้คนเป็นแม่ใจไม่ดี คุณนายอู๋ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจกับการกระทำของตัวเอง แต่นั่นเธอไม่อาจยอมรับได้ถ้าหากลูกชายเพียงคนเดียวจะผิดปกติรักเพศเดียวกัน เธอรู้สึกอับอาย ถึงแม้อีกฝ่ายจะมีพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา ชื่อเสียง หรือฐานะทางบ้าน แต่ยังไงก็ไม่ใช่ผู้หญิง มีทายาทให้เขาไม่ได้อยู่ดี


    อู๋ฟาน...แม่ข้อร้อง ฮึก... อย่ากลับไปหาอี้ชิงอีกจะได้ไหม?” เสียงสั่นเครือเอ่ยขอลูกชายในสายเลือดทั้งน้ำตา แต่พอเห็นอาการเฉยชาดูไม่เชื่อฟังเธอเองก็แทบจะขาดใจ


    อี้ชิงจากผมไปแล้วหนิครับ เขาไปจากผมแล้ว?”


    ม...หมายความว่า...ลูกจะไม่กลับไปเจอเด็กคนนั้นอีกแล้วใช่ไหม?” คุณนายอู๋คล้ายมีความหวังขึ้นมาริบหรี่ยามได้ยินคำพูดของลูกชาย เธอยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตา เผยรอยยิ้มที่มุมปากด้วยความดีใจ


    แต่นั่น...สุดท้ายก็ต้องเจือนยิ้มลงอีกครั้ง เพราะทุกอย่างที่เธอหวัง มันสวนทางและคล้ายจะลงเหวไปเรื่อยๆ




    ผมไม่เคยพูดครับคุณแม่ว่าจะไม่กลับไปเจอเขา


    ลูก...


    ผมจะตามอี้ชิงกลับมา  รบกวนคุณแม่ช่วยเปิดทาง...


    อู๋ฟาน! นี่ลูกเห็นเด็กคนนั้นดีกว่าแม่ที่เป็นผู้ให้กำเนิดหรอ? ฮึก...ทำไมลูกเป็นได้ขนาดนี้ ลูกแข็งข้อขึ้นทุกวัน แม่มีลูกชายอยู่คนเดียวนะ จะให้แม่ภูมิใจหน่อยไม่ได้หรือไง

    คุณนายอู๋ตัดพ้อลูกชายอย่างผิดหวัง ทวงบุญคุณไปเสียทุกอย่าง คนฟังก็ได้แต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จา ก่อนจะขยับปากอีกครั้งตามที่ใจอยากจะพูดไม่ปิดบังอีกต่อไป



    ผมรักอี้ชิงครับคุณแม่ ผมไม่เคยเห็นใครดีกว่าคุณแม่นะครับ ไม่ได้แข็งข้อ...แค่อยากมีอิสระอย่างที่ใจต้องการ




    นี่ลูกกำลังเถียงแม่อยู่นะอู๋ฟาน!



    ผมขอโทษครับ ผมรักคุณแม่มากกว่าใครๆ แต่ผมก็รักอี้ชิงเหมือนกัน ...ไหนคุณแม่บอกว่าความรักมันเป็นสิ่งที่สวยงาม แต่อีกแง่ก็ต้องแลกด้วยความเสียสละ คุณแม่รักผมจริงหรือเปล่าครับ? ทำไมคุณแม่ไม่เสียสละให้ผมสักเรื่อง

     

     

    เพียะ!

     


    เสียงฝ่ามือกระทบเข้าที่ใบหน้าหล่อทำให้ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งห้องอีกครั้งในทันที คริสเม้มริมฝีปากแน่น น้ำตาไหลอาบข้างแก้มเปรอะเปื้อนไปหมด คริสรู้ว่าเรื่องนี้ไม่ควรพูด หากแต่ก็พูดมันออกไปแล้ว เขาเข้าใจว่าทุกอย่างที่คนเป็นแม่ทำก็เพื่อเขาเพียงคนเดียว ถ้าเป็นไปได้คุณแม่ก็คงไม่อยากจะให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา


    แต่นั่นเขาช่างเป็นลูกไม่รักดีที่ทำให้คนเป็นแม่ต้องเสียใจ  ถึงจะถูกตบหน้าเข้าอย่างจังจนปวดแสบปวดร้อน ทว่าคริสไม่เคยนึกโกรธ แม่ก็คือแม่ คือคนที่รักเขามากที่สุด และเขาก็รักแม่มากไม่ต่างกัน




    ฮึก...อู๋ฟาน นี่ลูกจะดื้อกับแม่เกินไปแล้วนะ ลูกไม่เคยดื้อด้านมากขนาดนี้ แม่เสียสละมาทั้งชีวิตก็เพื่อลูก ทำไมลูกถึงพูดมันออกมา รู้ไหมว่าแม่เสียใจ ฮึก...


    ผมขอโทษนะครับคุณแม่ แต่อี้ชิงเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมรู้ว่าตัวเองมีค่า รู้ว่าความสุขที่แท้จริงมันคืออะไร

     




    คนเป็นแม่ที่ได้ฟังก็ถึงกับทรุดฮวบลงไปนั่งที่พื้นต่อหน้าลูกชาย ร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจ มือกร้านยกขึ้นทาบที่หน้าอกตัวเองทั้งร่างที่สั่นเทิ้ม แต่ถึงอย่างนั้นเธอเองก็เข้าใจและรู้ดี ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอเอาแต่ทำงานไม่ได้เหลียวแลลูกชายเพียงคนเดียวเลย  รู้ว่าคริสไม่เคยมีความสุข ตั้งแต่เด็กก็ปล่อยให้ใช้ชีวิตตามลำพัง ยัดเงินให้ก็ต้องไปต่างประเทศติดต่อธุรกิจไม่ได้หยุดหย่อน ถ้าในตอนนี้ลูกชายของเขาได้รับความสุขจากใครสักคนแล้วละก็... เขายังจะใจร้ายอยู่ได้อีกไหม

     



    ฮึก...แม่เข้าใจ แม่เข้าใจแล้ว แม่จะไม่ว่าถ้าลูกจะคบกับใคร จะทำอะไรตามใจแม่จะไม่ห้ามอีก  ฮึก... แต่....แต่แม่ขออะไรอย่างนึงได้ไหมอู๋อี้ฟาน?”

     

    คริสมองคนเป็นแม่อย่างนึกเป็นกังวล ไม่รู้คราวนี้เธอจะมาไม้ไหนอีก แต่ดูจากอาการของคนเป็นแม่ตรงหน้าแล้ว มันทั้งจริงจังและอ่อนล้าเกินกว่าจะโกหกเขาได้ คริสจึงพยักหน้าตอบรับเพราะอย่างน้อยข้อเสนอที่คนเป็นแม่ให้ก็คุ้มค่ามากพอจะแลกกับสิ่งที่ได้พบเจอ



    ครับแม่?”




    แม่ขออย่างเดียว...ถ้าลูกเรียนจบแล้ว ช่วยมาบริหารธุรกิจของครอบครัวจะได้ไหม แม่ขอแค่นี้?”

     








    …ADOLESCENT 100%…





    ** คือรับรู้ได้ว่าตัวเองแบ่งเปอร์เซนต์ไม่ค่อยจะถูก ฮ่าๆ คือ 40 เปอร์ ดูมากกว่า 60 นะ
    แต่ไม่เป็นไร มองข้ามเถอะนะคะ TT  ตอนนี้ไม่ได้สอนให้เป็นลูกไม่ดีนะ อย่างน้อยคนเป็นแม่ก็รักเราที่สุด
    รักแม่ให้มากๆนะคะ เขาเสียสละเพื่อเรามาทั้งชีวิต นี่เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นไม่ใช่ชีวิตจริง เพราะฉะนั้นอย่าเอามาปะปนกันเน้อ ^^ เรามีแม่อยู่เพียงคนเดียว ดูแลเขาให้ดีๆนะคะ >< จากใจไรท์เรดเบอรี่ที่รักแม่มาก 

    *** ปล. ตอนนี้ไม่มีโมเม้นคริสเลย์เลย อย่าเพิ่งหนีกันไปไหนจร้า แชปหน้ามาแน่ๆ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×