คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ★ IT HAS TO BE YOU ★ INTRO + ONE
- กรุงลอนดอน -
ประเทศอังกฤษ
“โอ้ย! ดีใจว้อย ปิดเทอมสักที”
เสียงหวานตะโกนลั่นห้องด้วยความดีอกดีใจถึงขึ้นสุด ไม่แม้แต่จะอับอายพวกหัวทองหัวแดงที่นั่งรายล้อมอยู่เลยสักนิด ร่างกายบางกระโดดขึ้นลงปรานกับว่าชีวิตนี้ข้าน้อยรอดตายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวยังไงอย่างนั้น
“เว่อร์!”
“ยูว่าใครเว่อร์วะเซฮุน? ไม่ได้เว่อร์สักหน่อย ไอแค่ดีใจที่ปิดเทอมนี้จะได้ไปเที่ยวพักผ่อนสักที ยูไม่ดีใจหรือไง?” คนตัวเล็กเอ่ยพูดขณะสะพายกระเป๋าเป้ใส่หลังพร้อมจะวิ่งออกจากห้องเรียนอันแสนน่าเบื่อได้ทุกเมื่อ
“ไม่เห็นจะดีใจเลย ฉันอดเจอหน้าลู่หานสุดที่รักของฉันอ่ะดิ ลงแดงตายแน่ๆ”
“สุดที่รักของคนอื่นล่ะสิไม่ว่า ฮีไม่เห็นจะสนใจยูเลย กี่ปีมาแล้วเนี่ย?” ใบหน้าหวานส่ายไปมาให้กับเพื่อนรักที่ตามจีบชายหนุ่มตัวเล็กต่างห้องมานานนม แต่อีกคนแม้แต่ชายตามองมาสักนิดก็ยังไม่มี เล่นตัวเยอะแม่งขึ้นคานซะเถอะ
“นายเลิกพูดยูๆไอๆสักทีเถอะเลย์! เดี๋ยวก็ได้ไอออกมาเป็นเลือดหรอก” เซฮุนกลอกม่านตาไปมาด้วยความระอา ก่อนจะถอนหายใจเสียเฮือกใหญ่กับเพื่อนผู้มากไปด้วยทุกสิ่งอย่าง – มากจนล้น
“เดี๋ยวแปปนะ มีคนโทรมา”
มือบางล้วงเข้าไปในกางเกงยีนส์ตัวโปรดที่นานๆทีจะซักมันสักครั้ง เนื่องจากเจ้าตัวชอบสไตล์ที่ว่าถอดออกมาแล้วไม่ต้องพับเก็บ ง่ายต่อการสวมใส่เพราะมันแข็งจนตั้งได้
“ไฮแด๊ด! โทรมาหาไอมีอะไร? ไอมิสยูโซมัชน้า” เสียงหวานค่อยๆกรอกลงยังปลายสายทำเอาเซฮุนต้องเบะปากกุมขมับคล้ายจะวิงเวียนศรีษะจนต้องดมยาดมตราลิงถือลูกท้อ -- อันหลังไม่ใช่ละ
[พ่อมีเรื่องจะให้ลูกช่วย พรุ่งนี้กลับเกาหลีเลยนะ]
“จะบ้าหรือไง ไอเพิ่งจะปิดเทอมซัมเมอร์เองนะ ขอเที่ยวหน่อยไม่ได้เลยหรอ?” เลย์ถึงกับทำหน้าหมดหวังอย่างชัดเจน เท้าเล็กกระทืบลงที่พื้นเหมือนกับเด็กกำลังงอแง้เมื่อโดนขัดใจ นั่นก็เรียกสายตาให้ทุกคนภายในห้องมองมาได้เป็นอย่างดี
[ลูกต้องกลับเกาหลี พ่อจองตั๋วเครื่องบินให้เรียบร้อยแล้ว พรุ่งนี้เช้าออกเดินทางได้เลย]
“ไม่เอาหรอก ไอไม่อยากกลับ ไอจะอยู่เที่ยวที่นี่!”
[ก็คอยดูสิว่าลูกจะเอาเงินที่ไหนเที่ยวถ้าพ่อไม่ให้ ไม่มีข้อโต้แย้ง พรุ่งนี้พ่อจะส่งคนไปรอรับที่สนามบินอินชอน ตามนั้นนะ อ่ายเลิ๊ฟยู!]
“แด๊ด อย่าเพิ่งวางนะ!”
ไม่ทันเสียแล้วเมื่อคนเป็นพ่อไม่คิดจะเปิดทางให้กับเลย์ได้ตอบโต้ ใบหน้าหวานเบ้ปากทำท่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ ให้ตายเถอะชีวิตเขานี่อับจนความสุขซะเหลือเกิน ไม่วายก่อนวางสายไปคนเป็นพ่อยัง ‘อ่ายเลิ๊ฟยู’ ทำเสียงน่าหมั่นไส้โคตร แต่นั่นจะทำอะไรได้ล่ะ ไม่มีเงินเที่ยวก็ต้องกลับอ่ะดิ
“เป็นไง ไปเที่ยวไหนล่ะทีนี้?” เซฮุนที่นั่งยิมกริ่มส่งคำถามมาตอกย้ำเพื่อนสนิททั้งยังหัวเราะเย้ยเลิกคิ้วถามกวนประสาท ดูจากบทสนทนาของเพื่อนรักก็รู้แล้วว่าปัญหาใหญ่
“ไปเที่ยวเกาหลี ไปด้วยกันไหมล่ะ?”
“เหอะ! ไม่อ่ะ เที่ยวมาตั้งแต่เกิดแล้ว” พูดแค่นั้นเซฮุนก็ตบบ่าเล็กของเพื่อนสนิทไปสองสามที ทำหน้าเห็นใจสุดๆ แต่สุดท้ายก็แลบลิ้นปริ้นตาสมน้ำหน้าอย่างเปิดเผย
“ไอ้เซฮุน! ไอ้มายแบดเฟรน!”
...IT HAS TO BE YOU...
- ท่าอากาศยานนานาชาติอินชอน -
ร่างบางที่กำลังเดินออกมาจากสนามบินช่างเป็นเป้าสายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาได้เป็นอย่างดี ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าบ่งบอกได้ว่าทุกอย่างที่เลือกสรรราคาไม่ใช่น้อยๆและก็รู้ได้ไม่ยากว่าคงบ้าแบรนด์เนมเอาพอตัว แต่นั่นความมั่นใจที่มีอยู่เต็มอกว่าตัวเองดูดีซะเหลือเกินก็ทำให้ต้องยกยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างมีความสุข อยากจะร้องเพลงเช็คเรตติ้งแล้วเต้นมันซะตรงนี้ แต่ไอ้ความสุขที่มีอยู่น้อยนิดมันก็หายไปเร็วดั่งสายลมเมื่อใครบางคนทำเอาต้องทรุดฮวบลงไปนั่งกับพื้นไม่เป็นท่า
“โอ้ย! ไอ้บ้า เหยียบเท้าไอทำไมวะ เดินดูคนหน่อยดิ?”
เสียงหวานแผดร้องจนสุดเสียงด้วยความเจ็บปวด รองเท้าลิมิเต็ดอิดิชั่นที่มีไม่ถึงสิบคู่ในโลกถูกอีกคนเหยียบเข้าอย่างจังจนมันสะเทือนไปถึงเล็กขบ(?) ส่งผลให้คนตัวเล็กต้องรีบก้มตัวลงไปเช็ดอย่างหวงแหนปรานกลับว่าลูกข้าใครอย่าแตะ
“แล้วใครใช้ให้นายสะเหล่อยืนขวางทางคนล่ะ เอาเท้ามาให้ฉันเหยียบเองแล้วยังมาบ่นอีก” คนที่เดินมาเหยียบเท้าของเลย์ก็ไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิด เสียงทุ้มกลับเอาแต่ต่อว่าทั้งยังบอกว่าอีกคนนั่นแหละผิดเต็มๆ
“โห! ไร้มารยาทสิ้น...ดี เอ่อ...ดีมากเลยครับ ไอไม่เจ็บเลยสักนิด”
ก้มหน้าก้มตาเช็ดรองเท้าได้ไม่นาน เพียงแค่หยัดตัวขึ้นยืนหมายจะต่อมาอีกคนที่ปากดีแต่นั่นกลับต้องกลืนคำพูดทั้งหมดลงคอไปอย่างรวดเร็ว คนตรงหน้าที่มากไปด้วยความหล่อเหลาดึงดูดให้ทุกอย่างถูกหยุดเวลาเหลือเพียงแค่เราสอง
“ถอยไป ยืนเป็นเสาตอม่อขวางทางอยู่ได้!”
มือหนาของอีกคนถูกส่งมาผลักเข้าที่หัวทุยของเลย์ให้หลบทาง ก่อนเจ้าตัวที่มีรูปร่างสูงโปร่งเยี่ยงนายแบบที่เดินอยู่บนแคทวอล์คจะย่างก้าวเดินไกลออกไปจนเกือบลับสายตา
“it has to be you you you you...”
เสียงหวานลั่นวาจาที่ออกจะแผ่วเบาเป็นเสียงแอคโค่ขณะที่มองตามแผ่นหลังกว้างน่าซบด้วยความรู้สึกมากมายที่โถมเข้าใส่ เลย์แทบจะล้มลงไปนั่งอีกครั้งเมื่อคนที่เพิ่งจะเดินจากไปทำเอาเขาไม่เป็นตัวของตัวเอง ร้อยวันพันปีเคยสนใจใครซะที่ไหน แต่คนนี้บอกเลยว่าของตาย
“เลย์... เฮ้ย! เลย์!”
“ว...วะ ว็อท?” ถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อกำลังตกอยู่ในภวังค์สีชมพูสวยอยู่ดีๆใครที่ไหนก็ไม่รู้ดันมาตะโกนใส่หน้าเสียหนิ
“ยืนถ่ายเอ็มวีอยู่หรือไง? ไป! พ่อให้มารับ” พี่ชายต่างมารดาเอ่ยเรียกสติน้องชายตัวดีให้กลับคืนมาก่อนจะผลักหัวทุยไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้
“เออๆก็ไปดิ”
พูดเสร็จก็ลากกระเป๋าเดินตามพี่ชายตัวสูงไปที่ลานจอดรถ หวังกลับไปนอนพักผ่อนที่บ้านให้หายเหนื่อยหน่อยเพราะนั่งเครื่องข้ามทวีปเกือบสิบกว่าชั่วโมงทำเอาร่างกายอ่อนแรงไปเสียหมด แต่นั่นไอ้พี่ชายตัวดีกลับไม่ได้ตรงดิ่งกลับบ้านน่ะสิ แล้วนั่นมันจะพาเขาไปไหนกัน
“ไปไหนเนี่ยชานยอล ไม่ได้กลับบ้านหรอ?”
“ไปบริษัท พ่อให้นายไปหาที่นั่น” ชานยอลตอบอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาขับรถต่อไปเรื่อยๆ ไม่แม้แต่จะคิดถึงน้องชายเลยสักนิดที่ไม่เจอกันนาน ไม่ใช่ว่าไม่ถูกกัน แต่ต่างคนต่างอยู่มานานแล้ว
“แต่ไอยังไม่ได้พักเลยนะ”
“ไอก็ไม่รู้ว่ะ แต่พ่อบอกให้ไอพายูไปส่ง ยูอันเดอร์สแตนด์ไอไหม?” ชานยอลล้อเลียนกวนประสาททำเอาใบหน้าหวานของน้องชายบูดบึ้งอย่างไม่พอใจ ก่อนน้องชายตัวดีจะนั่งนิ่งทำตัวเป็นหินหลักศิลาให้ชานยอลพาไปส่งอย่างไม่มีข้อแม้
“ไฮ! แด๊ด ยูเรียกไอมาทำไม ไอยังไม่ได้พักเลยนะ?” เจอหน้าคนเป็นพ่อยังไม่ถึงวินาทีเสียงหวานก็เอ่ยตั้งคำถามส่งไปให้เสียอย่างนั้น
“ก็เรียกมาทำงานไง” คนเป็นพ่อยิ้มกริ่มก่อนจะเดินเข้าไปกอดลูกชายที่ไม่เจอหน้าค่าตากันนานด้วยความคิดถึงพลางลูบหัวทุยอย่างนึกเอ็นดู
“งานอะไร? ไอยังเรียนอยู่ไม่อยากทำงานหรอก”
“งานไม่ยาก แค่เป็นผู้จัดการนายแบบเอง”
“ห๊ะ? แล้วคนอื่นไม่มีแล้วรึไงทำไมต้องเป็นไอด้วยล่ะ?” เลย์แทบจะลงไปนั่งถีบเท้างอแงที่พื้นหินอ่อนชั้นดี บริษัทก็ออกจะใหญ่โตมีพนักงานเป็นร้อยเป็นพันจะหาใครที่ไหนมาทำงานนี้ก็ได้ แต่แล้วทำไมต้องเป็นเขาด้วยล่ะเนี่ย
“ไม่นานหรอกน่า แค่สามเดือนเอง พอดีผู้จัดการคนก่อนเขาขอลาเพื่อจะไปดูแลภรรยาที่เพิ่งจะคลอดลูกน่ะ”
“……………….”
“พ่อไม่ให้ลูกทำฟรีๆหรอก มีค่าจ้างนะ” ดูเหมือนจะได้ผลเมื่อเลย์ที่ได้ฟังข้อตกลงก็ยืนนิ่งไม่ไหวติงพลางกลอกม่านตาขึ้นมองผู้เป็นพ่ออย่างคาดหวัง
“น้อยไปไอไม่ทำนะ”
“เดือนละล้านวอนพอไหม?”
“ไอทำเลย! แล้วเริ่มงานวันไหน?”
สิ้นเสียงหวานคนเป็นพ่อก็ยกยิ้มทันทีอย่างพอใจ ก็ลูกชายตัวดีจะทำอะไรต้องมีค่าตอบแทนตลอดเวลาเลยนี่นา
“เริ่มงานวันนี้เลย เดี๋ยวพี่เขามาแล้วพ่อจะแนะนำให้รู้จัก เป็นนายแบบเบอร์หนึ่งของที่นี่ แต่มีข้อแม้ว่าลูกห้ามบอกทุกคนว่าเป็นอะไรกับพ่อ เพราะเรื่องเงินเดือนของลูกมันจะมีปัญหากับพนักงานคนอื่นๆ” คนเป็นพ่อเอ่ยกับลูกชายทั้งรอยยิ้ม ถึงเลย์จะไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมต้องโกหก แต่นั่นเขาก็ไม่อยากจะถามเซ้าซี้
พ่อของเขาเป็นเจ้าของบริษัทโมเดลลิ่งชื่อดังในกรุงโซล มีนายแบบมากมายในสังกัดคงไม่แปลกที่จะกลัวพนักงานนินทาที่เขาใช้เส้นเข้ามาทำงานก็เป็นได้ และนั่นเงินทุกวอนที่เขาได้มาใช้ก็มาจากธุรกิจของคนเป็นพ่อนั่นเอง แต่อะไรนะ! เริ่มงานวันนี้เลยหรอวะ แกล้งตายทันไหม
“นั่น! พี่เขามาแล้ว”
ม่านตากลมกลอกไปตามมือที่ผู้เป็นพ่อชี้ไปยังชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาผ่านกระจกใสที่กั้นอยู่ และนั่นก็เป็นอีกครั้งที่โลกนี้มันกลมยิ่งกว่าล้อรถยนต์ที่ยางในไม่แบน(ดูเปรียบเข้า) เลย์แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเมื่อใครคนนั้นที่เดินเข้ามาในห้องหยุดอยู่ตรงหน้าของเขาจนต้องมองสำรวจทุกอณูตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า เห็นใกล้ๆแบบนี้แล้วหวั่นไหวเป็นบ้าแฮะ จากนั้นจะทำอะไรได้อีก เอาแต่ยืนพึมพำตาค้างเหมือนครั้งก่อนก็ไม่มีผิด
“it has to be you…”
“อะแฮ่มๆ อ่า มาแล้วนะคริส นี่ผู้จัดการใหม่ของนาย” คนเป็นพ่อแนะนำลูกชายในสายเลือดให้นายแบบหนุ่มชื่อดังได้รู้จัก ก่อนจะผายมือให้เลย์ประหนึ่งว่าให้เกียรติเสียเหลือเกิน
“บอสหาผู้จัดการมาให้ผมเด็กจัง แล้วใช่คนที่เจอที่สนามบินหรือเปล่า?” ดูท่าว่าคริสจะคับคล้ายคับคลาว่าเคยเจอคนตัวเล็กที่ไหน มือหนายกขึ้นถอดแว่นตากันแดดที่สวมอยู่ให้ออกไปจากใบหน้าได้รูปพลางมองคนตัวเล็กให้ชัดๆอีกที ก่อนจะทำหน้าอ๋อนึกขึ้นมาได้ว่าไอ้นี่นี่เองที่บอกว่าข้าเหยียบเท้ามัน
“เยส! ไอเอง” เลย์ทำหน้ามั่นใจเสียเต็มประดา พยายามเสนอหน้าตัวเองสุดๆเพื่อให้อีกคนจำได้ เอาเถอะว่าหล่อแบบนี้ขอถวายชีวีเลยเอ้า
“เป็นทอมป๊ะ?”
“ห๊ะ?”
“ก็หน้าตานายระบุเพศไม่ได้”
เลย์บอกได้เลยว่าถ้าไม่หล่อข้าไม่ให้เองยืนต่อว่าปาวๆแบบนี้หรอก แต่นั้นก็ได้แต่ยิ้มเฝือนๆส่งไปให้แล้วส่ายหน้าปฏิเสธ
“ไอเป็นผู้ชายไม่ใช่ทอมบอย”
“โอเคนะทั้งสองคน ยังไงคืนนี้เลย์ก็หอบกระเป๋าไปนอนกับพี่เขาเลยแล้วกัน วันนี้คริสเหลือเดินแบบอีกแค่งานเดียว ส่วนพรุ่งนี้ต้องไปอีเวนท์ต่อตอนเช้ามืด”
“อะไรนะแด๊ด!” เพียงแค่ได้ยินคำสั่งของผู้เป็นพ่อคนหน้าหวานก็ถึงกับตกอกตกใจ ไม่เถียงหรอกว่าชอบอีกคนแต่จะบ้าเรอะให้ไปนอนด้วยกันตั้งแต่วันแรกที่ได้เห็นหน้า แต่นั่นไม่นานก็ดูเหมือนจะคิดอะไรออก...
“อะแฮ่ม!”
“เอ่อ... แด๊ด ดู ดี๊ ดูว ดา” ลืมไปว่าคนเป็นพ่อห้ามให้เปิดเผยสถานะความสัมพันธ์ คนหน้าหวานจึงต้องจำยอมฮัมเพลงที่แม้แต่ทำนองมันก็ไม่คุ้นหูเลยสักนิดกลบเกลื่อนอย่างน่าอาย
“ถ้างั้นฉันไปก่อนนะ ยังไงพวกนายสองคนก็คุยกันเกี่ยวกับความเป็นอยู่และการทำงานให้เข้าใจซะ จะได้ไม่มีปัญหากันทีหลัง” พูดแค่นั้นคนเป็นพ่อหรือบอสใหญ่ของคริสก็เดินจากปล่อย ปล่อยให้คนทั้งคู่ยึดครองห้องทำงานเพื่อพูดคุยกันสองต่อสอง
“นายชื่ออะไร?” ไม่ปล่อยให้เงียบนานคริสก็เอ่ยถามอีกคนก่อนจะเดินไปนั่งลงที่โซฟา ยกสองแขนสอดประสานกันขึ้นแนบอกพลางพยักเพยิดหน้าให้คนที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่มานั่งฝั่งตรงข้าม
“ไอหรอ? ชื่อเลย์”
“อยู่กับฉันห้ามไอแล้วก็ห้ามยูให้ได้ยินโดยเด็ดขาด” เสียงทุ้มเอ่ยสั่งห้ามอย่างหนักแน่น ก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีปัญหาอะไรไหม
“แต่ไอ...”
“หื้ม..ว่าไง?”
“ไอ...เอ่อ คือจะไออ่ะ คันคอมากเลย แค่กๆ”
เอาเถอะว่าจะเป็นจะตายยังไงก็กลัวคนตรงหน้ามากกว่าล่ะนะ เกิดมายังไม่กลัวพ่อตัวเองเท่าไอ้นายแบบคนนี้เลย ทั้งสายตาที่มองมาปรานกับว่าขัดนิดขัดหน่อยข้าพุ่งใส่เอ็งนะ ทำเอาเลย์ต้องยอมทำตามอย่างไม่มีข้อแม้
“นายเด็กเกินกว่าจะมาเป็นผู้จัดการฉัน” เหอะ! อยากเป็นนักล่ะนะถ้าพ่อไม่สั่ง แต่เออ...จริงๆก็อยากเป็นแหละ ก็แม่งนายแบบหล่อซะขนาดนี้
“รู้ได้ไงว่าไอ...ว่าฉันเด็กน่ะ?”
“เสียงนายเพิ่งจะแตกหนุ่ม”
เพียงแค่ได้รับฟังคำตอบจากอีกคนเลย์ก็ถึงกับอยากทึ้งหัวตัวเองแรงๆให้ผมร่วงไปเลย เด็กไม่เด็กเขาวัดกันที่เสียงพูดหรอวะอยากจะรู้
“……………….”
“นายอายุเท่าไหร่?” คริสเอ่ยถามอีกครั้ง
“สิบเจ็ด”
“อืม เด็กจริงๆด้วย”
“แล้วนายล่ะอายุเท่าไหร่มาว่าฉันเด็กเนี่ย?”
“ยี่สิบเอ็ด” เอ่อ ขอโทษนะ ถุย! ยี่สิบเอ็ดนี่เป็นผู้ใหญ่แล้วว่างั้น
“ก็ห่างจากฉันไม่กี่ปีเอง”
“ใช่! ไม่กี่ปี เพราะฉะนั้นในฐานะที่ฉันเป็นพี่ นายก็ควรจะเรียกฉันว่าพี่คริสถึงจะถูกแล้วก็เรียกแทนตัวเองว่าผมด้วยเข้าใจไหม?”
“เอ่อ...ครับพี่คริส”
เลย์ถึงกับกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่ายเมื่ออีกคนเข้มงวดกับเขายิ่งกว่าพ่อเสียอีก แต่นั่นเป็นผู้จัดการมันต้องเป็นคนดูแลนายแบบไม่ใช่หรือไง ทำไมอีกคนถึงเอาแต่สั่งเขาแถมยังจู้จี้จุกจิกเกินไปอีก หน้าที่มันสลับกันแล้วนะได้ข่าว
“ไปกันเถอะ หอบกระเป๋าตามฉันมา” เอ่ยพูดกับผู้จัดการคนใหม่คริสก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทำเอาเลย์มึนงงทั้งตามอีกคนไม่ค่อยจะทัน
“นายจะพาฉันไปไหนอ่ะคริส?”
“พี่คริส! บอกว่าให้เรียกพี่คริสไง”
“คร้าบพี่คริส ไม่ทราบว่าคุณพี่คริสจะพาน้องเลย์ไปไหนเหรอครับบอกได้หรือเปล่า?” เสียงหวานทำท่าประชดประชันเต็มที่ นิดๆหน่อยๆไม่ได้เลย พลาดครั้งเดียวปรานผิดเป็นร้อยครั้ง
“ไปคอนโดฉัน คืนนี้เราต้องนอนด้วยกัน”
สิ้นเสียงทุ้มเลย์ก็ทำได้แค่ถอนหายใจ ก่อนจะลากกระเป๋าที่เพิ่งกลับมาจากลอนดอนเมืองมั่งคั่งตามอีกคนไปอย่างทุลักทุเล แล้วนั่นจะมีน้ำใจช่วยกันบ้างไหม ให้คนตัวเล็กบอบบางอย่างเขาหอบข้าวหอบของอยู่คนเดียวได้ยังไง ใจร้ายโคตร!
...IT HAS TO BE YOU...
คนตัวเล็กที่เดินลากกระเป๋าตามนายแบบหนุ่มรูปงามไปยังห้องพักในคอนโดหรูก็อดจะบ่นค่อนขอดกับความไม่มีน้ำใจของอีกคนไม่ได้ ใบหน้าหวานงองุ้มทำปากขมุบขมิบด่าไล่หลังคนตัวสูงไปตลอดทาง ก็ตั้งแต่ที่บริษัทของพ่อเขามายังคอนโดกลางใจเมืองอีกคนก็ไม่แม้แต่จะช่วยเขาหิ้วของอะไรเลยสักอย่าง จนคนที่มองมาคิดว่าเขาเป็นอีบ้าหอบฟางกันหมดแล้ว
“ถึงห้องพี่หรือยังครับเนี่ย? ผมเหนื่อยแล้วนะ” เสียงหวานเอ่ยถามพลางยกหลังมือขึ้นปาดเหงื่อบนใบหน้าไปด้วย
“นายมีปากไว้บ่นอย่างเดียวหรือไง? เนี่ยห้องฉัน ถึงแล้ว”
พูดแค่นั้นมือหนาก็จัดการเสียบคีย์การ์ดแล้วค่อยๆออกแรงผลักประตูบานหนาให้เปิดออก สอดตัวเข้าไปได้ก็ไม่คิดจะหันกลับมาช่วยคนตัวเล็กถือของอยู่เหมือนเดิม
“กลับมาแล้วยำยำ” เพียงแค่ก้าวเท้าเหยียบพรมในห้องขนาดใหญ่คริสก็เอ่ยพูดกับใครบางคนทำเอาเลย์เกิดความสงสัยจนต้องชะเง้อหน้าเข้าไปมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“อะไรยำยำครับพี่คริส?”
“แมวฉันชื่อยำยำ นายมีปัญหาอะไร?” คริสเอ่ยบอกแค่นั้นก็อุ้มเจ้าแมวตัวอ้วนขึ้นไว้ในอ้อมกอดพลางลูบขนมันไปมาอย่างเพลินมือ
“เอิ่ม... ชื่อน่าเอ็นดู๊ เอ็นดูนะครับ”
แน่ชัดแล้วว่ายำยำนั้นไม่ใช่คนหากแต่เป็นแมวที่หน้าเหมือนโดนยำตัวสีขาวขนปุกปุย เลย์เบะปากพร้อมทั้งถอนหายใจออกมาเพียงเพราะแมวตัวนั้นดูจะสำคัญกว่าเขาที่ยืนหอบแฮกอยู่ตรงนี้ และนั่นก็ทำให้เลย์รู้ว่าผู้ชายที่แสนจะเพอร์เฟคและมาดแมนอย่างคริสที่ไหนได้แอบเลี้ยงแมวไว้ในห้องเหมือนหญิงสาวขาดความอบอุ่น
“นายไปอาบน้ำไป เพิ่งลงเครื่องเลยไม่ใช่หรอ?” คริสเอ่ยพูดกับคนตัวเล็กขณะที่พาเจ้ายำยำหน้าเหมือนโดนยำไปนั่งที่ปลายเตียงของเขา
เลย์รีบลากกระเป๋าเข้ามาในห้องพลางหาที่เก็บโดยมีอีกคนคอยชี้บอกอยู่เรื่อยๆ บางทีจะช่วยกันบ้างก็ดี เอาแต่สะออนแมวจนเขาเกิดอิจฉาขึ้นมาเสียอย่างนั้น วันดีคืนดีอย่าให้เผลอเลยเชียวจับโยนลงชั้นล่างของคอนโดซะเลย
“ไหนแด๊ด เอ่อ...บอสบอกว่าพี่มีงานเดินแบบต่อไม่ใช่หรอ?” ลากกระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของมากมายเข้ามาในห้องของคริสเรียบร้อยแล้วเลย์ก็ถึงกับหมดแรงล้มพับนั่งมันกับพื้นห้องไม่เป็นท่า
“บอสจะรู้อะไร บอสไม่ได้มาเป็นผู้จัดการฉันสักหน่อย อะนี่! ตารางงานของฉัน” คริสหยิบสมุดจดบันทึกบนหัวเตียงพลางโยนมันให้เลย์ที่นั่งอยู่กับพื้นเพื่อให้อีกคนรู้หน้าที่ว่าต้องทำอะไรบ้าง
“…………………”
“วันนี้ฉันไม่มีงาน ส่วนวันพรุ่งนี้เช้านายต้องปลุกฉันตอนเจ็ดโมง จัดตารางเวลาว่าฉันต้องถ่ายแบบตอนไหน เผื่อเวลาไว้ด้วยก็ดี”
“อ่า ผมเข้าใจแล้ว ตามที่จดไว้ในนี้เลยใช่ไหม?” ใบหน้าหวานพยักขึ้นลงอย่างเข้าใจกับงานที่ต้องทำ มันก็ไม่ยากอย่างที่คิด แค่ทำทุกอย่างให้ตรงเวลาก็เรียบร้อย
“ใช่! ตามนั้น แต่นายต้องคอยรับงานให้ฉันด้วยนะ อย่าลืมจดบันทึกไว้ในสมุดเหมือนที่ผู้จัดการคนเก่าฉันทำด้วยล่ะ”
“โอเคครับ ผมจะพยายามนะ”
“ถ้างั้นเอาเบอร์นายมา เราต้องติดต่อกันตลอด”
มือหนาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงราคาแพง ดึงเครื่องมือสื่อสารออกมาพลางบันทึกเบอร์ของผู้จัดการคนใหม่แล้วโทรออกเพื่อให้อีกคนบันทึกเบอร์ของเขาไว้ด้วยเช่นกัน ก่อนจะล้มตัวลงนอนที่เตียงนุ่มพลางเล่นกับเจ้าแมวยำยำหน้าเหมือนโดนยำต่อไปโดยทิ้งให้ผู้จัดการที่น่าสงสารมองด้วยความอิจฉาริษยาทำท่าจะเขมือบเจ้าแมวตัวอ้วนได้ทุกเมื่อ
“แล้วนั่นนายจะไปไหน?” คริสเอ่ยถามเมื่อเห็นอีกคนลุกขึ้นยืนแล้วทำท่าจะเดินออกไป
“ไปอาบน้ำไงครับ”
“เดี๋ยว!”
“อะไรอีกล่ะครับ ผมเหนื่อยนะ ร้อนก็ร้อนอยากอาบน้ำจะแย่!”
ใบหน้าหวานงองุ้มเป็นที่เท่าไหร่ของวันก็ไม่อาจนับได้ เลย์ในตอนนี้อยากจะกระโดดลงอ่างจากุซซี่ทั้งยังอยากแช่น้ำนมอบผิวให้ผุดผ่องอยู่ตลอด แต่เสียงทุ้มที่น่าฟังแต่ไม่ชวนให้อยากฟังกลับทำให้เขาหงุดหงิด
“ทำความสะอาดห้องให้ฉันก่อน”
“นี่พี่พูดเล่นหรือเปล่า?” แหมๆ เมื่อกี้ยังไล่ให้เขาไปอาบน้ำแล้วตอนนี้เกิดเปลี่ยนใจอะไรขึ้นมาวะ
“พูดเล่น แต่...นายต้องทำจริงๆ”
เพียงแค่นั้นใบหน้าที่เหมือนจะดีใจในตอนแรกก็เจือนไปเสียสนิท ถอนหายใจออกมาก็กัดฟันกรอดกำมือแน่น เหลือกตาตัวเองน้อยๆด้วยความระอาที่อีกคนคิดอยากจะใช้ก็ใช้เขาไม่ดูเวล่ำเวลา แม่งเอ้ย! พูดเล่นแต่ต้องทำจริงๆนี่มันเป็นคำสั่งเชิงบังคับชัดๆ
“นายมีปัญหาหรอเลย์?” คริสเลิกคิ้วถามอีกคน
“โธ่! ผมจะมีปัญหาอะไรได้ล่ะครับ” สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ แสร้งยิ้มหวานปรานน้ำตาลทรายแดงส่งไปให้พลางส่ายหน้าปฏิเสธเป็นเชิงบอกว่าไม่มีปัญหาเลยสักนิด คอยดูเถอะข้าจะฟ้องท่านพ่อทีหลัง
“ก็ดี๊! เป็นผู้จัดการฉันต้องทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว”
เพียงแค่นั่นเลย์ก็เดินกระแทกเท้าตึงตังไปเก็บข้าวของที่วางเกลื่อนกลาดเต็มห้องของคริสไปหมดให้เข้าที่เข้าทาง เสื้อผ้าที่ถูกโยนไว้ตามพื้นห้องทำให้คนตัวเล็กที่ได้พบเห็นถึงกับเหนื่อยใจทั้งพรั่งพรูลมหายใจออกมาด้วยความระอา ข้าอยากจะรู้นักว่าถ้าเอ็งมีเมีย เมียเอ็งจะทนสภาพแบบนี้ได้ไหม คิดแล้วก็หงุดหงิด
“นายเพิ่งกลับมาจากประเทศอะไร วันนี้ที่ฉันเห็นนายที่สนามบินน่ะ?” คริสที่ยังนอนเล่นกับเจ้ายำยำเอ่ยถาม หากแต่นั่นกลับไม่คิดจะมองใบหน้าหวานของอีกคนเลยสักนิด
“อังกฤษครับ”
“ไปทำไม?”
“ไปเรียน”
ใบหน้าหล่อพยักขึ้นลงให้เป็นคำตอบเมื่อรู้แล้วว่าอีกคนกลับมาจากไหน แล้วนั่นตอนที่เจอกันในสนามบินยังเอาเท้ามาให้เขาเหยียบเล่นอีกแน่ะ สมน้ำหน้า
“ถ้านายเก็บกวาดห้องเสร็จก็ไปทำอาหารต่อด้วยนะ” เสียงทุ้มเอ่ยสั่งอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกคนใกล้จะทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จแล้ว
“ห๊ะ? แต่ผมทำอาหารไม่เป็น”
“รู้อยู่หรอก ดูจากหน้าตาที่ระบุเพศไม่ได้ของนาย”
สิ้นเสียงทุ้มผู้จัดการตัวเล็กก็เดินตึงตังไปกระแทกตะกร้าผ้าของนายแบบหนุ่มไว้ที่เดิม ก่อนจะกลับมายืนตรงหน้าอีกครั้งด้วยความไม่สบอารมณ์ เอาเถอะว่าคริสดูคนที่ภายนอกจริงๆ ไม่ว่าจะอายุหรือความสามารถ แต่นั่นเขาก็ทำอะไรไม่เป็นจริงๆล่ะนะ ไม่เถียงเลยสักคำ
“พร้อมแล้วครับ จะเริ่มเลยไหม?” เสียงหวานเอ่ยด้วยความมั่นใจ ท่าทางกระตือรือร้นแบบนั้นทำให้คริสแสยะยิ้มอย่างนึกขำ
“หึ! รีบ?”
“อ่าว! ก็พี่บอกจะสอนผมทำอาหารไม่ใช่หรอ?”
“ใช่!”
“แล้วทำไมพี่ยังนอนอยู่อีกล่ะครับ พี่ควรจะลุกขึ้นจากที่นอนแล้วปล่อยไอ้โดนยำ เอ้ย! ปล่อยเจ้ายำยำให้เดินเล่นแล้วพี่ควรมาสอนผมทำอาหารสิครับ” เกือบไม่รอด ความแค้นกับแมวที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวทำให้เลย์อยากจะฆ่ามันทิ้งแล้วเอาตัวเองเข้าไปนั่งในอ้อมกอดของคริสแทน ให้ตายเถอะแม้แต่แมวก็ไม่เว้น
“ฉันสอนแน่ แต่ฉันลืมไปว่ายังไม่ได้อาบน้ำให้ยำยำ เพราะฉะนั้นนายเอาลูกฉันไปอาบน้ำให้หน่อย....อ้อ เป่าขนให้แห้งด้วยนะเดี๋ยวมันไม่สบาย”
“อะไรนะครับ! อาบน้ำให้ไอ้โดนยำเนี่ยนะ?”
“ยำยำ!”
“ก็นั่นแหละ! ทำไมผมต้องทำด้วย?” เลย์ยู่หน้านั่งลงที่พื้นเหมือนกับคนที่อดอะไรตายอยาก เขายังไม่ได้อาบน้ำให้ตัวเองเลย แล้วไอ้โดนยำมันเป็นใครวะทำไมเขาต้องอาบน้ำให้มันด้วย
“ก็นายเป็นผู้จัดการฉัน ดูแลฉันแล้วก็ต้องดูแลลูกชายฉันด้วย”
ไอ้โดนยำมันคือเพศผู้สินะ อย่างน้อยความอิจฉาริษยาของเขาก็ลดน้อยลงบ้าง ถ้าเจ้าแมวนั่นเป็นเพศเมียอย่าหวังว่าจะญาติดีด้วยเลย
“ก็ได้ครับ!”
ตอบรับอีกคนไปแค่นั้นอย่างไม่เต็มใจ ผู้จัดการตัวเล็กก็เดินห่อไหล่ปรานกับชีวิตนี้ความสุขจะไม่เข้ามาอีกแล้วเข้าไปหานายแบบหนุ่ม ก่อนมือบางจะเอื้อมไปอุ้มไอ้ตัวปุกปุยน่าเหยียบซ้ำมาไว้ในอ้อมกอดพลางเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างจำใจ
ใช้เวลานานมากพอสมควรเลย์ก็เดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพไม่ต่างจากยำยำที่ตัวเปียกโชก ทำเอานายแบบหนุ่มที่นั่งดูทีวีอยู่หันกลับมามองด้วยความตกใจ นั่นเอ็งไปอาบน้ำให้แมวข้าหรือว่าเอ็งไปอาบน้ำกับมันด้วยฟะ
“ทำไมนายตัวเปียกขนาดนั้นอ่ะเลย์?” เอ่ยถามไปไม่รู้ว่าแกล้งหรือเปล่า แต่นั่นคริสก็ยังทำใบหน้าเรียบนิ่งรอฟังคำตอบจากอีกคน
“ก็ลูกชายพี่มันเชื่อฟังผมมากเลยหนิครับ ดิ้นหนีผมตลอด สุดท้ายก็มีสภาพเป็นแบบนี้ไง”
เลย์เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน ก่อนจะยกหลังมือเช็ดเนื้อตัวของตัวเอง แต่นั่นก็ไม่ทันอีกคนที่เร็วกว่า เมื่อมือหนาของนายแบบหนุ่มที่เดินเข้ามาหาส่งมาเกลี่ยฟองสบู่ที่เปรอะเปื้อนบนแก้มนิ่มให้อย่างแผ่วเบา ไม่วายยังก้มหน้าเข้ามาสำรวจใกล้ๆอีกว่าสะอาดแล้วหรือยัง ทำเอาเลย์เริ่มยืนไม่ติดที่ ขอวิ่งออกไปกรีดร้องหน้าห้องก่อนได้ไหมแล้วค่อยกลับเข้ามาใหม่
“โทษทีนะ ลูกชายฉันคงไม่คุ้นชินกับนาย นายไปอาบน้ำเถอะเดี๋ยวฉันเป่าขนให้มันเอง”
“ค...ครับ”
เอ่ยพูดตะกุกจะกักเลย์ก็เดินไปหยิบสัมภาระของตัวเองอย่างเก้ๆกังๆ เหลือบมองอีกคนอย่างไม่เข้าใจกับการกระทำเมื่อครู่ที่ทำให้ใจเต้นแรงทั้งยังขนลุกเกรียวไปหมดทั้งตัว ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกายให้สะอาดเพื่อเตรียมพร้อมกับการเรียนทำอาหารจากอีกคนต่อไป
หลังจากแต่งตัวเสร็จสับเลย์ก็เดินเข้าไปหานายแบบหนุ่มที่อยู่ในความดูแลของเขา(?)ที่ห้องครัว เครื่องปรุงมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะทำให้นัยน์ตาคู่สวยเบิกโพลงด้วยความตกใจว่าอีกคนเตรียมมันมาเยอะขนาดนี้เพื่ออะไรกัน แต่นั่นความสงสัยก็หายไปเมื่อคนที่เปลี่ยนอาชีพจากนายแบบมาเป็นเชฟเอ่ยบอกด้วยตัวเอง
“วันนี้ฉันจะสอนนายทำบะหมี่ดำจาจังเมียน” เอาเถอะว่าเคยกินแต่ไม่รู้ว่ามันทำยังไง
“แล้วพี่คริสจะให้ผมทำอะไรก่อน?”
“อย่างแรกนายไปล้างมือก่อนไป” คริสเอ่ยสั่งอีกคนพลางยืนกอดอกอย่างมีมาด
“แล้วไงต่อ”
“อะ! นี่ผ้ากันเปื้อนนาย”
เมื่ออีกคนล้างมือเสร็จนายแบบหนุ่มก็ส่งผ้ากันเปื้อนลายหมีริลัคคุมะสีน้ำตาลอ่อนไปให้ผู้จัดการตัวเล็ก ทำเอาเลย์ต้องหรี่ตามองไม่กล้าจะใช้มัน ดูยังไงก็ผ้ากันเปื้อนผู้หญิงชัดๆ แต่ก็ดีกว่าผ้ากันเปื้อนลายไอ้ยำยำแน่นอน
“ใส่ไงอ่ะ?” ใบหน้าหวานก้มๆเงยๆทำท่าทางเงอะงะทำเอาคริสต้องถอนหายใจ ก่อนจะเข้าไปช่วยอีกคนใส่มันเพราะทนสมเพชกับความสะเหล่อเสียไม่ได้
มือหนาเอื้อมไปหยิบผ้ากันเปื้อนจากอีกคนมาถือไว้ในมือ สะบัดมันเล็กน้อยให้คลี่ออกก่อนจะจัดการใส่มันให้คนตัวเล็กโดยเริ่มจากสวมเข้าที่ศรีษะเป็นอันดับแรง ตามด้วยการสอดมือเข้าไปที่เอวบางแล้วมัดเชือกด้านหลังให้อีกคนโดยที่เจ้าตัวยืนโอบกอดอยู่ด้านหน้า
เลย์แทบจะล้มทั้งยืนเมื่ออีกคนใส่ผ้ากันเปื้อนให้เขาประหนึ่งว่ากำลังยืนกอดกันอยู่ ความอบอุ่นเล็กน้อยที่แผ่มาถึงเขาทำเอาหัวใจเต้นเร็วถี่รัวทั้งยังวูบโหวงไปทั่วท้องน้อย กลิ่นน้ำหอมที่พอจะเดาได้ว่าคงเป็นซีเควันที่เขาเคยดมมันมาก่อนแล่นเข้าเตะที่ปลายจมูกจนสมองขาวโพลง ทั้งใบหน้าหล่อเหลานั้นที่โน้มเข้ามาเวลาผูกเชือกด้านหลังให้เขาทำให้เลย์แข้งขาไร้เรี่ยวแรงพร้อมจะทรุดฮวบได้ทุกเมื่อก็ไม่ปราน อิทแฮสทูบียู...
“เริ่มทำดิ ยืนเป็นเสาตอม่ออยู่ทำไม”
ร่างกายบางสะดุ้งน้อยๆเมื่อเสียงทุ้มของนายแบบหนุ่มเอ่ยพูดทำให้เขาต้องตื่นจากภวังค์ แล้วอีกคนที่ทำให้เขาเกือบล้มทั้งยืนนั่นมันไม่ได้รู้สึกอะไรบ้างเลยหรอวะ เขาหน้าตาไม่ดีหรืออีกคนไม่มีความรู้สึกกันแน่
“ก...ก็พี่ไม่บอกแล้วผมจะรู้ไหมล่ะว่าต้องทำอะไรก่อน”
“นั่น! หั่นหัวหอม แตงกวา แล้วก็เนื้อ” มือหนาชี้ไปทางวัตถุดิบที่อยู่บนโต๊ะพลางพยักเพยิดหน้าให้อีกคนทำตามที่บอก
“แค่นี้เองหรอ?” เลย์เอ่ยถามปรานกับว่าเรื่องแค่นี้สบายๆหมูบินได้
“เหอะ! ลองทำดูก่อนไหม?”
สิ้นเสียงทุ้มของอีกคนมือบางก็เอื้อมไปหยิบมีดที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้มือขึ้นมาถือไว้ หยิบเนื้อสัตว์แผ่นเหมาะมือขึ้นวางก็เริ่มหั่นมันไปเรื่อยๆอย่างทุลักทุเล แต่นั่นก็ยังตั้งอกตั้งใจเต็มที่ เห็นริมฝีปากเรียวของอีกคนที่แสยะยิ้มเย้ยเขาเหมือนดูถูกก่อนหน้าก็ทำให้เลย์ไม่อยากจะยอมแพ้
“วันนี้ก็คงไม่ได้กินหรอก”
เห็นท่าทางเงอะงะของอีกคนคริสก็ถึงกับส่ายหน้าเพลียใจ ดีแต่ปากตลอดสินะคนเรา ใจเย็นทนดูต่อไปไม่ได้ก็เข้าไปยืนซ้อนหลังก่อนจะกุมมือเล็กทั้งสองข้างแล้วสอนวิธีหั่นเนื้อสัตว์ที่ถูกต้อง ทำเอาคนที่ถูกกระทำหันหน้าขวับไปมองด้วยความตกใจ และนั่นปลายจมูกเล็กก็กดลงที่ผิวแก้มเนียนละเอียดสมกับนายแบบชื่อดังเข้าเต็มๆ
เหมือนภาพที่ถูกหยุดเวลาเมื่อต่างคนต่างนิ่งไม่ไหวติง ความเงียบเริ่มเข้าปกคลุมจนได้ยินเสียงของเครื่องปรับอากาศที่ดังหึ่งไปรอบกาย ก่อนใบหน้าหวานที่เคยขาวเหมือนกับกระดาษจะถูกสีแดงอ่อนๆระบายลงไปจนมันน่ามอง
“เอาจมูกนายออกไปจากแก้มฉัน” เสียงทุ้มเอ่ยพูดกับอีกคนเรียบนิ่ง ก่อนจะเหลือบม่านตาไปมองน้อยๆว่าถ้าเอ็งไม่เอามันออกไปข้าจะเอามีดจ้วงท้องเอ็งแล้วนะ
“ผ...ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจอ่ะ แล้วใครใช้ให้พี่เอาหน้ามาไว้ข้างๆผมเองเล่า!” แก้ตัวเสียรนรานทั้งยังใบหน้าที่ขึ้นสีนั่นมันก็ทำให้อีกคนต้องถอนหายใจ
“ดูนี่! จำแล้วเอาไปทำตาม” เอ่ยพูดเสร็จมือหนาก็ผลักหน้าผากเล็กให้ออกไปห่างๆ จากนั้นก็ลงมือหั่นเนื้อสัตว์ตามวิธีที่ถูกต้องให้อีกคนดู ทำเอาคนที่ยืนดูอยู่เฉยๆต้องยิ้มกรุ้มกริ่มเพราะนายแบบหนุ่มดันเผลอทำมันเสร็จหมดทุกอย่าง
“แล้วไงต่อครับ?” เลย์เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคริสทำทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว
“นายยืนดูเฉยๆพอ ฉันว่าคงไปไม่รอดหรอก” น่าจะคิดได้ตั้งนานแล้วว่าจะไปไม่รอด แต่นั่นก็ยังเอาผู้จัดการตัวเล็กมายืนประดับให้รกห้องครัวเล่นๆ
“ครับ”
เลย์เอ่ยพูดเพียงเท่านั้นก็ยืนมองอีกคนทำอาหารไปอย่างเพลิดเพลิน หล่อแล้วยังทำอาหารเก่งอีกทำให้เลย์หลงใหลในอีกคนเอาเสียมากๆ โครงหน้าได้รูปไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ดูดีไปหมด ผมสีบลอนด์ทองที่ลู่ตามเรียวหน้าหล่อช่างรับกับผิวสีน้ำผึ้งสวยได้เป็นอย่างดี ดวงตาคม ริมฝีปากรูปกระจับ ทั้งยังสันจมูกโด่งทำให้ทุกอย่างมันดูลงตัวอย่างไม่ปฏิเสธถึงความสมบูรณ์แบบได้เลย
“ถ้าเตรียมของทุกอย่างเสร็จหมดแล้วก็ตั้งกระทะให้ร้อน นำเนื้อสัตว์ลงไปผัดแต่อย่าลืมว่าต้องใส่น้ำตาลเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ติดกระทะด้วยนะ จากหันก็ใส่หัวหอม แตงกวาแล้วก็ซอสจาจัง ผัดให้เข้ากันแล้วปรุงรส ง่ายไหม?” เสียงทุ้มเอ่ยถามขณะที่ทำให้อีกคนดู และนั่นผู้จัดการตัวเล็กก็ทำได้แค่พยักหน้าหงึกหงักพร้อมทั้งรอยยิ้มเท่านั้น
“……………..”
“สุดท้ายก็ลวกเส้น จริงๆเส้นอะไรก็ได้ มาม่า โซบะหรืออุด้งได้หมด แต่วันนี้ฉันเอาเส้นอุด้ง นายไปลวกให้หน่อยสิ”
สิ้นเสียงทุ้มที่เอ่ยสั่งเลย์ก็เริ่มแกะห่อเส้นอุด้งแล้วใส่มันไปในหม้อน้ำร้อนที่ตั้งไฟอยู่บนเตา รอเวลาที่เหมาะสมก็ตักขึ้นมาพักในน้ำเย็น เสร็จได้ที่ก็ตบมือดีใจเสียยกใหญ่ทำให้คริสต้องกระตุกยิ้มที่ริมฝีปากอย่างนึกขัน
“ก็แค่ลวกเส้น ต้มบะหมี่กินเองได้ก็ทำได้ทั้งนั้นแหละ” นายแบบหนุ่มเอ่ยขึ้นลอยๆทำเอาใบหน้าหวานที่ยิ้มดีใจในตอนแรกเจือนลงไปเสียสนิท ก่อนเจ้าตัวจะยกอาหารที่ทำเสร็จไปวางไว้ที่โต๊ะทานข้าวแล้วถอดผ้ากันเปื้อนออกพลันแขวนไว้ที่เดิมของมัน
“มาทานดิ ยืนรับลมด้านล่างอยู่ได้” เลย์ถึงกับเหนื่อยใจเอามากๆเมื่อได้ยินคำพูดแทงใจดำของอีกคน รู้ว่าเขาเตี้ยก็ยังจะตอกย้ำกันอยู่อีก แม่งเอ้ย! อย่าให้สูงบ้างนะข้าจะโดดเตะก้านคอเอ็ง
หลังจากทานอาหารค่ำกันเสร็จคนทั้งคู่ก็มานั่งดูหนังกันอยู่หน้าทีวีจอใหญ่จนเพลิดเพลินกินเวลานานพอตัว ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้มีงานตั้งแต่เช้าต่างคนก็ต่างเตรียมตัวเข้านอนเพื่อชาร์ตพลังให้แก่ร่างกาย เพราะนอกจากต้องตื่นเช้าแล้ว วันทั้งวันยังต้องไปสามถึงสี่งานทำเอาร่างกายพังไปข้าง
“นายเข้าไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนเถอะจะได้เข้านอน” คริสเอ่ยสั่งผู้จัดการตัวเล็กที่นั่งสะลึมสะลืออยู่ที่โซฟาแน่นิ่งทั้งยังไม่คิดจะลุกไปไหน
“เชิญพี่ก่อนเลยครับ”
“เอางั้นก็ได้”
คริสเดินหายเข้าไปในห้องน้ำได้สักพักผู้จัดการตัวเล็กก็ลุกขึ้นยืนพลางเดินไปนั่งหย่อนกายอยู่ที่ปลายเตียง หัวทุยโอนเอนไปตามแรงโน้มถ่วงทำท่าจะหลับอยู่รอมร่อ แต่นั่นกลับมีบางสิ่งบางอย่างมานัวเนียอยู่ที่ขาของเขาทำให้ต้องโน้มตัวลงไปดู
เมี้ยว ~
“ไงไอ้โดนยำ ออกไปจากขาฉันเลยไป” พูดแค่นั้นเท้าเล็กก็จัดการเขี่ยเจ้าแมวขนปุกปุยออกไปให้ห่าง ทำท่าขยาดทั้งยังจ้องเขม่นอย่างเอาเรื่อง
“………….”
“เอ๊ะ! ยังอีกๆ อยากเจอฉันหักคอจิ้มน้ำพริกหรือไง?”
เมื่อเห็นว่าเจ้ายำยำยังคงมาออดอ้อนเลย์ก็เอ่ยขู่ราวกับว่ามันฟังรู้เรื่อง แต่นั่นดูเหมือนเจ้ายำยำจะชอบเขาเข้าเสียแล้ว มันไม่คิดจะเดินหนีไปไหนทั้งยังกระโดดขึ้นเตียงมานอนแอ้งแม้งเบียดตัวอยู่ข้างๆอีกต่างหาก
“…………….”
“พ่อแกนี่ก็รักแกเนอะ ทำอย่างกับเป็นลูกในไส้แน่ะ แล้วดูพ่อแกทำกับฉันสิ โอ้ย! ถ้าไม่เห็นว่าหล่อฉันโดดเตะแล้วคอยดู”
“พูดกับใคร ละเมอหรือไง?”
เลย์ถึงกับสะดุ้งสุดตัวพลางรีบหันขวับไปมองเมื่ออีกคนเดินออกมาจากห้องน้ำโดยไม่ให้สุ่มให้เสียงทำเอาขวัญหนีดีฝ่อไปหมด แล้วนั่นจะได้ยินที่เขาพูดหรือเปล่าวะ
“เอ่อ เปล่าครับพี่ งั้นผมขอตัวไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนนะ”
พูดแค่นั้นเลย์ก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ ไม่วายก่อนไปก็จ้องเขม่นเจ้ายำยำเป็นเชิงปรามว่าถ้าเอ็งบอกพ่อเอ็งที่ข้านินทาล่ะก็ เอ็งได้ตกจากชั้นสิบของคอนโดนี้แน่ ว่าแล้วก็เดินหัวเราะคิกคักเข้าห้องน้ำไปอย่างสุนทรีย์
เพียงไม่นานผู้จัดการตัวเล็กก็เดินออกมาจากห้องน้ำเมื่อทำธุระส่วนตัวเสร็จสับ เห็นนายแบบหนุ่มกำลังปูที่นอนข้างเตียงก็ยกยิ้มร่าทันที ก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วนั่งลงที่เตียงนอนมองอีกคนไปพรางๆ
“ขอบคุณมากนะครับพี่คริส”
“ขอบคุณเรื่องอะไร?”
“ก็ที่พี่เสียสละเตียงให้ผมนอนยังไงล่ะ” เอ่ยเสียงหวานพลางฉีกยิ้มที่คิดว่าน่ารักที่สุดในโลกไปให้
“ใครบอกล่ะ ฉันจะนอนบนเตียง ส่วนข้างล่างน่ะที่ของนาย ลงไปเลย” พูดแค่นั้นคริสก็ส่งเท้าเข้าไปเขี่ยอีกคนให้ลงจากเตียงของเขา ก่อนเจ้าตัวจะขึ้นไปนอนแล้วห่มผ้าในทันที
“อะไรวะ ก็คิดว่าจะใจดีให้นอนบนเตียงซะอีก วันนี้ผมเหนื่อยมาทั้งวันแล้วนะ แทนที่จะได้นอนบนเตียงสบายๆแต่กลับต้องมานอนพื้นแข็งๆมันใช้ได้ซะที่ไหน” บนค่อนขอดไปตามประสาก็ยอมลงจากเตียงมานอนที่พื้นแทนอย่างจำใจ แต่ก็โอเคล่ะนะที่ยังมีน้ำใจเอาที่นอนมาปูให้ แม่งเอ้ย!
“เดี๋ยวเลย์!” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกรั้งก่อนที่คนตัวเล็กจะทิ้งตัวลงนอน
“อ่ะแน่~ พี่เปลี่ยนใจให้ผมไปนอนบนเตียงแล้วใช่ไหม?” มือเล็กยกขึ้นชี้แซวอีกคนพลางยิ้มร่าอย่างมีความหวัง
“ไม่อ่ะ! ฉันแค่จะบอกว่าฉันลืมทาครีม นายทาให้หน่อยดิ”
“อะไรนะ?”
“ครีมฉันอยู่หน้ากระจก” ไม่ได้สนใจเสียงค้านหวานจากผู้จัดการตัวเล็กเลยสักนิด คริสก็ชี้มือบอกให้อีกคนเดินไปเอาครีมที่หน้ากระจกมาทาให้เขาเป็นเชิงออกคำสั่ง
นึกว่านายแบบหนุ่มจะใจดีให้นอนบนเตียงด้วยซะอีก แต่ที่ไหนได้แม่งใช้งานเขาอีกแล้ว แต่นั่นก็ทำได้แค่เดินกระแทกเท้าตึงตังทำหน้าเง้าหน้างอไปเอากระปุกครีมราคาแพงที่วางอยู่บนโต๊ะหน้ากระจกแล้วกลับมาที่เตียงของอีกคนอย่างไม่เต็มใจ
เลย์ค่อยๆคลานขึ้นเตียงช้าๆก่อนจะยื่นกระปุกครีมที่ถืออยู่ในมือไปให้ตรงหน้าของคริสด้วยความไม่พอใจ ยื่นให้อยู่นานสองนานนายแบบหนุ่มผู้เรื่องมากก็ยังคงนิ่งมองเขาไม่ไหวติงทั้งยังไม่รับกระปุกครีมไปอีกแน่ะ
“นี่ไงครับครีม พี่ต้องการอะไรอีกอ่ะ?” เสียงหวานเอ่ยถาม
“ก็บอกแล้วไงว่าทาให้ด้วย”
“พี่มีมือก็ทาเองสิครับ ผมง่วงนอนจะแย่แล้ว”
“เป็นผู้จัดการฉันต้องทำได้ทุกอย่าง หรือจะเอา?”
เลย์ถึงกับผงะไปเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกคนทำท่า ‘หรือเอ็งจะเอา’ และนั่นเขาก็ทำได้แค่สับผงกทาครีมให้คริสโดยไม่มีข้อแม้ ก็ไม่ได้เป็นง่อยนะแต่ทำไมต้องให้เขาทำมันให้หมดทุกอย่าง และที่ไม่เข้าใจเลยจริงๆคือทำไมข้าต้องทำตามคำสั่งเอ็งด้วยวะไอ้นายแบบรูปหล่อ แต่ถามว่ายอมไหม เลย์ตอบได้เลยว่ายอมตั้งแต่เห็นความหล่อของมันแล้ว
เลย์ค่อยๆเกลี่ยครีมไปบนผิวหน้าที่ใช้หากินของอีกคนที่นอนอยู่บนเตียงอย่างแผ่วเบา ลูบไล้ให้เนื้อครีมซึมซับเข้าผิวเนื้อของนายแบบหนุ่มก็เผลอมองตาคู่คมนั้นเข้าอย่างจัง แต่นั่นคิดว่าอีกคนจะหลบสายตาหนีซะอีกแต่ก็ไม่เลย เลย์รู้สึกได้ว่าคริสจับจ้องใบหน้าของเขาอยู่ตลอดที่เขาทาครีมให้ แล้วอยู่ๆหัวใจไม่รักดีกลับลุกขึ้นเต้นโครมครามดังสนั่นราวกับเครื่องเสียงชั้นดี ก่อนจะค่อยๆก้มใบหน้างุดเพราะทนทานต่อสายตาพราวเสน่ห์ของอีกคนไม่ได้
“โอ้ย! มือนายมันจะทิ่มตาฉันแล้วเลย์” คริสโวยวายเสียยกใหญ่เมื่อไอ้คนที่ทาครีมให้เขาอยู่นั้นเอาแต่ก้มหน้าทำเอานิ้วจะจิ้มตาบอดอยู่แล้ว
“หะ ห๊ะ? อะไรครับพี่?”
เมื่อเห็นอีกคนโวยวายเลย์ก็ถึงกับตกอกตกใจเงยหน้าขึ้นมามองในทันที มือบางรีบทาบไปบนเรียวหน้าหล่ออย่างลืมตัวหวังดูว่านายแบบหนุ่มเป็นอะไรมากหรือเปล่า และนั่นก็เป็นอีกครั้งที่ได้สบนัยน์ตาคู่คมที่พราวไปด้วยแรงดึงดูดของอีกคน
“นายทาครีมไม่มองหน้าฉันเลยเนี่ยนะ? แล้วในห้องมันร้อนไปหรอทำไมหน้าแดงเชียว?” คริสเอ่ยถามเมื่อเห็นสีระเรื่อบนใบหน้าน่ารัก ไม่วายคนที่ถูกถามยังรีบก้มหน้างุดหนีเขาอย่างร้อนรนอีกด้วย
“ผ...ผมขอโทษ ผมคงง่วงนอนอ่ะ” เลย์เอ่ยปัดไปแค่นั้นก่อนจะทาครีมให้กับคริสต่อไปท่ามกลางเสียงหัวใจที่มันโก่งคอร้องดังยิ่งกว่าเสียงฉิ่งฉาบ
มือบางยังคงพยายามควบคุมไม่ให้มันสั่นทั้งยังคอยมองใบหน้าหล่อของอีกคนอยู่เรื่อยๆเพราะกลัวจะเผลอเอามือไปจิ้มตาพี่เขาอีกน่ะสิ แต่นั่นในช่วงเวลาแบบนี้ร่างกายที่อ่อนล้าเพราะนั่งเครื่องข้ามทวีปมาเป็นเวลานานทำให้ฝืนทนมันต่อไปไม่ไหว เปลือกตาบางเริ่มหนักหน่วงราวกับว่ามีอิฐก่อนใหญ่มาถ่วงให้ปิดได้อยู่ตลอด ก่อนจะโอนเอนไปมาแล้วฟุบหลับลงที่หน้าอกแกร่งอบอุ่นของนายแบบหนุ่มไปอย่างไม่รู้ตัว
“เลย์! นายยังทาครีมให้ฉันไม่เสร็จเลยนะ เฮ้ย! เลย์!”
คริสเอ่ยเรียกทั้งยังเขย่ากายของผู้จัดการตัวเล็กที่นอนวางหัวทุยไปกับหน้าอกของเขาหวังให้ตื่น เรียกอีกคนอยู่นานสองนานไม่มีเสียงตอบรับก็ดูท่าว่าคงจะหลับลึกไปแล้วแน่ๆ คริสจึงถอนหายใจออกมาเต็มแรงพลางส่ายหน้าไปมาอย่างอ่อนใจ
มองเปลือกตาบางที่ประดับไปด้วยแพขนตาหนาหลับตาพริ้มดูท่าสบายใจ เรียวคิ้วได้รูปกับสันจมูกรับกับใบหน้าน่ารักก็ทำให้คริสอดจะชื่นชมเสียไม่ได้ ก่อนจะเผลอลอบมองริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูธรรมชาติที่ไม่ต้องเสริมแต่งอะไรของอีกคนก็รีบส่ายหน้าแรงๆเพื่อไล่ความคิดทั้งหมดเมื่อครู่ให้ออกไป แล้วจะไปชื่นชมไอ้เด็กดื้อคนนี้ทำไมนะ
“วันนี้คงเหนื่อยมากเลยสิท่า นายมันใสซื่อเกินไปหรือเปล่า โดนแกล้งก็ไม่รู้ตัวบ้างเลยหรือยังไง แต่ก็ถือว่าทำได้ดีนะ” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา ยกมือหนาขึ้นลูบหัวทุยของอีกคนโดยไม่เข้าใจกับการกระทำของตัวเองเลยสักนิด ก่อนจะค่อยๆจัดท่านอนให้ผู้จัดการตัวเล็กได้นอนหลับสบายแล้วห่มผ้าผืนหนาให้อย่างเบามือที่สุด
“ขอบคุณมากนะสำหรับวันนี้ ฝันดีเด็กน้อย”
พูดแค่นั้นคริสก็เดินไปปิดไฟจนทั่วทั้งห้องมืดสนิท เดินมาล้มตัวลงนอนยังพื้นด้านล่างข้างเตียงโดยปล่อยให้ผู้จัดการตัวเล็กครองเตียงนอนของเขาไปคนเดียวสบายใจเฉิบ ก่อนจะหลับตาลงเข้าสู่นิทราตามอีกคนไปตามๆกันเพื่อพักผ่อนร่างกายไว้ใช้ต่อสู้ในวันพรุ่งนี้ที่อีกไม่กี่ชั่วโมงก็มาถึง -- วันพรุ่งนี้ที่แสนจะเหน็ดเหนื่อย
...IT HAS TO BE YOU...
*** มาอัพตอนแรกแล้วค่ะ ^^ จริงๆพอตเรื่องนี้ไรท์คิดไว้ล่วงหน้าสามสี่เดือนแล้ว แต่ว่ายังไม่มีเวลาแต่งเพราะช่วงนั้นวุ่นวายอยู่กับ THE WIZARD ที่ใกล้จะจบแล้วก็ ADOLESCENT ที่ไม่ค่อยว่างอัพ 5555 ตอนนี้เดอะวิซาร์ดจบแล้วเลยถือโอกาสเปิดเรื่องใหม่ซะเลย ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ ^^
:) Shalunla
ความคิดเห็น