ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SHORT STORY BY REDBURRY

    ลำดับตอนที่ #1 : [KRIS X LAY] THIS VALENTINE - ONE

    • อัปเดตล่าสุด 15 ก.พ. 57










    T H I S  V A L E N T I N E
    - F I C I O N [ K R I S  X  L A Y ]  B Y  R E D B U R R Y -


    __________________________________________________________________________







     

    “THIS VALENTINE”

     






    ...ตั้งใจไว้แล้วว่า..วาเลนไทน์นี้ต้องบอกรักพี่เขาให้ได้

     




    อี้ชิง!...จางอี้ชิง!”


    เสียงเรียกที่ดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทไม่ได้ทำให้คนเหม่อลอยรับรู้เลยแม้แต่น้อย ใบหน้าหวานไม่สู้ดีหัวคิ้วขมวดเข้าหากันจนเป็นปมคล้ายกำลังครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่างอยู่ในใจจนเพื่อนสนิทต้องเรียกสติให้กลับเข้าร่างอีกครั้ง

     

    อ...อะไรเล่าลู่หาน ตะโกนทำไมหูอื้อหมดแล้วเนี่ย?” คนหน้าหวานกะพริบตาปริบมองเพื่อนด้วยความสงสัย ยกมือขึ้นขยับแว่นตาที่สั้นจมูกพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากด้วยความประหม่า ก่อนจะรีบก้มหน้าก้มตาทำรายงานต่อไปเบี่ยงเบนความสนใจ


    เห็นนะเมื่อกี้มองใครอยู่ ไหนว่าจะบอกรักพี่เขาไงนายพูดไว้เมื่อวาเลนไทน์ปีที่แล้วฉันยังไม่ลืมนะเว้ย!”


    แต่เราลืมไปแล้วนะเรื่องนั้นน่ะ


    นายอย่ามาหักมุมอี้ชิง ก็เป็นเสียแบบนี้ มัวแต่ทำตัวเนิร์ดแอบมองพี่เขาอยู่ตลอดแล้วเมื่อไรพี่เขาจะรู้ว่านายรู้สึกยังไง


    อี้ชิงถึงกับถอนหายใจเมื่อลู่หานคาดครั้นให้เขาไปบอกรักรุ่นพี่คณะเดียวกันที่แอบมองมาตั้งแต่อยู่ปีหนึ่ง แต่นั่นจะเข้าไปบอกตรงๆใครจะกล้า พี่เขาเป็นที่นิยมไม่ว่าใครก็รู้จัก มิหนำซ้ำยังพ่วงตำแหน่งนักศึกษาเรียนดีว่าที่เกียรตินิยมอันดับหนึ่งด้วยอีก อี้ชิงคนนี้มีอะไรดีหรือถึงไม่สำเหนียกตัวเองกล้าทะเล่อทะล่าทำตัวเสมอพี่เขาล่ะ ช่างไม่เจียมตัวสิ้นดี



    นายก็รู้ว่าพี่คริสเป็นคนยังไงนะลู่หาน ความหยิ่งใครๆก็พูดถึงกันไม่ขาดปาก เห็นอย่างวันก่อนไหมที่มีรุ่นน้องเอาของขวัญไปให้พี่เขาอ่ะ พี่เขายังทำร้ายจิตใจด้วยการหย่อนมันทิ้งถังขยะไปต่อหน้าต่อตาคนให้เลย


    เอ้าพี่เขาอาจจะไม่โดนใจรุ่นน้องคนนั้นก็ได้” ลู่หานว่าพร้อมกับไหวไหล่ไม่สนใจ สนใจก็แต่เพื่อนสนิทของตัวเองที่วันๆได้แต่เหลียวมองตามแผ่นหลังของรุ่นพี่ตัวสูงยามเดินผ่านใต้ตึกคณะอยู่ทุกวี่ทุกวัน


    แต่รุ่นน้องคนนั้นน่ารักมากเลยนะ และที่สำคัญเขาเป็นผู้หญิง ขนาดผู้หญิงพี่คริสยังไม่สนใจ นับประสาอะไรกับผู้ชายที่ไม่มีอะไรดีอย่างเราเลยล่ะลู่หาน


    สิ้นเสียงหวานลู่หานก็พยักหน้าหงึกหงักรับรู้ ทอดมองเพื่อนสนิทอย่างผิดหวังที่รักใครไม่รักดันไปรักรุ่นพี่ที่ต้องปีนป่ายขึ้นไปแย่งกับคนอื่นบนฟากฟ้า อีกคนอยู่สูงเกินกว่าจะเอื้อมลงมาครอบครอง แต่นั่นลู่หานยังคงเชื่อมั่นว่ายังไงเสียอี้ชิงก็มีดีอยู่ในตัวไม่แพ้ใคร



    ไม่รู้ล่ะอี้ชิง นายพูดแล้วว่าจะไปบอกรักพี่เขายังไงนายก็ต้องทำ ลูกผู้ชายพูดแล้วห้ามคืนคำเด็ดขาด ไม่งั้นไม่แมนนะบอกเลย


    เฮ้อแต่เราก็รู้ผลของมันดีว่าจะออกมาเป็นแบบไหน


    ถ้านายรู้อยู่แล้วจะต้องกลัวอะไรอีก อย่างน้อยก็ได้ลองนะ ไม่มีอะไรต้องเสียแล้วหนิ

    ลู่หานทำทุกวิถีทางเพื่อให้อี้ชิงคล้อยตาม เขาอยากรู้เหมือนกันว่าคริสจะทำอย่างไรถ้ามีผู้ชายไปบอกความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ข้างใน ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นผู้ชายคนอื่นที่เข้าหารุ่นพี่ว่าที่เกียรตินิยมหรอกนะ แต่ในความคิดของลู่หานแล้วอี้ชิงไม่เหมือนใครเลยสักนิด


    แล้วเราต้องทำยังไงเรากลัวพี่เขาเกลียด” ใบหน้าหวานฉายแววหนักใจอย่างชัดเจน อี้ชิงจิตตกไม่น้อยยามนึกถึงเหตุการณ์ในอนาคตถ้าเขาได้บอกรักรุ่นพี่แล้ว ถ้าจะโดนเกลียดก็คงไม่แปลก เพราะที่เป็นอยู่ก็ไม่เคยได้อยู่ในสายตาของคริสตั้งแต่ไหนแต่ไรมา


    เดี๋ยวฉันช่วยเองไม่ต้องเป็นห่วง...อือ...อย่างแรก ฉันว่านายเปลี่ยนจากใส่แว่นตามาใส่คอนแทคเลนส์ดีกว่า แล้วผมเนี่ยทำสีพอประมานจัดทรงให้เข้าที่คงจะดูดีไม่น้อย


    มือเรียวจับนู่นจับนี่ไปตามร่างกายของเพื่อนเพื่อให้เปลี่ยนแปลงตัวเอง ตั้งแต่ปีหนึ่งยันปีสามอี้ชิงไม่เคยเปลี่ยนตัวเองเลยสักครั้ง สวมแว่นตาหนาเตอะ ผมทรงเดิมสีดำสนิทเชยเสียต้องส่ายหน้าเพลียใจ


    เราต้องทำขนาดนั้นเลยหรอคนเราจะรักจะชอบกันมันอยู่ที่ใจนะลู่หาน


    อย่ามองโลกในแง่ดีไปหน่อยเลยอี้ชิง การที่นายชอบพี่คริสเนี่ยอย่าบอกนะว่าไม่ได้ชอบที่พี่เขาหล่อ ไม่ได้ชอบที่รูปลักษณ์ภายนอกของพี่เขาอ่ะ?”


    คนฟังถึงกับอึ้งค้างอ้าปากพะงาบๆเหมือนปลาขาดน้ำ คือมันก็ใช่ที่อี้ชิงรู้สึกชอบคริสที่รูปลักษณ์ภายนอก แต่ความเป็นจริงแล้วมันมีบางสิ่งบางอย่างที่เขาเองบอกไม่ได้เหมือนกันว่ามันคืออะไรที่ทำให้คริสน่าดึงดูดจนเผลอใจไปให้ได้นานถึงทุกวันนี้


    อืม เอางั้นก็ได้ แต่...มันจะคุ้มหรอลู่หาน?” อี้ชิงชะโงกหน้าเข้าไปหาเพื่อนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความไม่มั่นใจ ลงทุนเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อรุ่นพี่คนเดียวเนี่ยนะ ผิดหวังกลับมาคงน่าสมเพชไม่เบา



    คุ้มไม่คุ้มไม่รู้แล้วตอนนี้ กล้าเสี่ยงปะล่ะ?”


    ไม่อ่ะ!”


    อี้ชิง!” ลู่หานแหวใส่เพื่อนหน้าหวานทันทีเพราะอีกคนมันเกิดใจเซาะขึ้นมากระทันหันทั้งๆที่คุยกันเป็นเรื่องเป็นราวเสียยืดยาว


    เรากลัวอ่ะ


    มีฉันทั้งคนจะกลัวอะไรอีกจางอี้ชิง


    เรียวปากอมชมพูแสยะยิ้มขึ้นให้อี้ชิงมองด้วยความไม่ชอบมาพากล ลู่หานแสบเกินกว่าใครจะรู้ทัน รวมทั้งอี้ชิงเองที่ตามไม่ทันเพื่อนสนิทตรงหน้าสักครั้งว่าคิดอะไรอยู่ แต่นั่นพูดว่าจะทำแล้ว ผลลัพธ์ก็มีอยู่สองอย่างนั่นล่ะคือถูกด่าและถูกเกลียด ไม่มีคำอื่นแล้วที่อี้ชิงคิดได้ในตอนนี้

     




    VALENTINE’S  DAY

     



    เสียงเพลงดังไปทั่วทั้งมหาวิทยาลัยชื่อดังให้ได้ยินทุกสารทิศ วันงานแห่งความรักที่มีแต่รอยยิ้มของนักศึกษารวมสี่ชั้นปี บรรยากาศเต็มได้ด้วยซุ้มอาหารและเวทีการแสดงมากมายตื่นตาตื่นใจ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือวันนี้งดคลาสเรียนทุกคาบเพื่อให้นักศึกษาได้มาร่วมงานวันวาเลนไทน์กันอย่างเต็มอิ่ม

     

    คนหน้าหวานที่เดิมผ่านซุ้มต่างๆพร้อมเพื่อนสนิทที่อยู่เคียงข้างเรียกสายตาจากคนมองให้หันเหเป็นตาเดียว บนใบหน้าเจือแต้มสีระเรื่ออย่างน่ารักยามถูกจ้องเนิ่นนานไม่ลดละให้นึกเขินอาย อี้ชิงเผลอยกมือขึ้นขยับแว่นที่สั้นจมูกบางครั้งบางคราเพราะลืมตัวคิดว่าใส่มันอยู่ในตอนนี้ ผมที่ถูกเซตเป็นทรงอย่างดีถูกย้อมให้ดูสว่างขึ้นรับกับใบหน้าขาว ทั้งการแต่งตัวที่เข้ากับฤดูกาลอันหนาวเหน็บและรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปทำให้ลู่หานที่เป็นคนจัดการทุกอย่างยิ้มแก้มแทบปริอย่างภูมิใจในผลงานของตัวเอง



    ลู่หาน ไปนั่งเล่นใต้ตึกคณะกันเถอะ” ถึงกับอึดอัดเมื่ออี้ชิงทนไม่ได้ต่อสายตาที่ทอดมองมาจนทำอะไรไม่ถูก รีบรั้งมือเพื่อนให้จ้ำอ้าวเดินอย่างรวดเร็วเพราะยากเกินทนในการวางตัว


    เห้ยจะรีบไปไหนล่ะอี้ชิง ฉันอยากเดินดูของอีกเยอะเลยนะ


    มีแต่คนมองอ่ะเราไม่ชอบ


    มองแล้วไงนั่นแสดงว่านายหล่อนะเว้ย!”


    เฮ้อถ้างั้นลู่หานก็เดินไปคนเดียวนะ เราจะไปนั่งเล่นใต้ตึกแล้ว เห็นจงอินนั่งอยู่แถวนั้นพอดี


    พูดแค่นั้นอี้ชิงก็เดินก้มหน้าก้มหน้าหนีลู่หานออกมาจากซุ้มกิจกรรมไม่รีรอ เสียงแว่วชื่นชมในภาพลักษณ์ใหม่ของเขามันก็ดีใจอยู่หรอก หากแต่คนอย่างอี้ชิงไม่ชิน ไม่ชอบเป็นเป้าสายตาของใครให้เอ่ยถึง อยากอยู่เป็นจุดเล็กๆในกลุ่มผู้คนเสียมากกว่า





    อ๊ะ!”


    หากแต่ไม่ทันได้ระวังทำเอาต้องเผลอเดินชนเข้ากับแผงอกของใครเข้าอย่างจังโดยไม่ได้ตั้งใจ คนทำผิดมัวแต่ก้มหน้าก้มตาเดินจนเกิดเรื่องเลยรีบโค้งศีรษะขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ ก่อนจะค่อยๆเงยใบหน้าหวานขึ้นมองคนถูกกระทำช้าๆอย่างรู้สึกผิด

     


    เฮือก!

     

     

    คล้ายโดนฟ้าผ่าเข้ากลางลำตัวจนขยับเขยือนไปไหนไม่ได้ อี้ชิงค้างนิ่งมองรุ่นพี่ตัวสูงที่เขาเดินชนด้วยความตกใจอย่างถึงที่สุด




    ...พี่คริส...



    อีกคนที่สูงกว่าก็มองสบมาด้วยแววตานิ่งขรึมคาดเดาไม่ได้ ลมหายใจขาดห้วงยามความเย็นชาแผ่จากอีกร่างกายส่งมาให้ได้รับรู้ เขาควรจะทำอย่างไร จะโดนต่อว่าเหมือนคนอื่นๆหรือเปล่า



    เดินให้ระวัง...



    ผมขอโทษครับ!”


    รุ่นพี่ยังไม่ทันพูดจบประโยคอี้ชิงก็รีบสวนกลับฉับพลันหลีกเลี่ยงให้ตัวเองโดนต่อว่า หลับตาปี๋ก้มหัวขอโทษขอโพยอีกครั้งเพราะไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ก่อนจะรีบเดินผ่านรุ่นพี่ไปทันทีไม่หันกลับไปมองอีกเลย ขืนยืนอยู่ตรงนั้นอีกนิดมีหวังได้โดนคริสสั่งสอนยับแน่ๆ เพราะอี้ชิงเคยเห็นคนอื่นโดนมาแล้วถึงได้หน้าชาตัวสั่นเทานึกกลัวไปต่างๆนาๆ

     

     


    เฮ้อ!”

     
    หย่อนกายนั่งลงพร้อมกับเสียงถอนหายใจที่ดังฝ่าท่วงทำนองเพลงทำให้คนผิวเข้มที่นั่งครองโต๊ะกดเครื่องมือสื่อสารอยู่ในมือต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยความไม่เข้าใจ เห็นเพื่อนสนิทหน้าตาไม่สู้ดีอดไม่ได้จะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง แต่ก่อนจะถามนั้น...




    นาย...เป็นใครวะ?” เอาเถอะว่าคนตรงหน้าไม่เหมือนเพื่อนสนิทคนเดิมเลยสักนิด



    กวนตีนป่ะเนี่ยจงอิน?” อี้ชิงตอบกลับอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะฟุบใบหน้าลงกับโต๊ะยามนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมามันพาลให้หัวใจห่อเหี่ยวถึงขั้นคิดเรื่องอื่นไม่ได้อีกเลย


    นายน่ารักมากอ่ะอี้ชิง แต่งตัวบ้างอะไรบ้างชอบเว้ยบอกตรง” จงอินแซวเพื่อนที่ทำท่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เห็นฟุบหน้าบ่นพึมพำคนเดียวอยู่กับโต๊ะทำเอาเป็นห่วงเป็นกังวลตามไปด้วยอีกคน


    “………..”


    แล้วเป็นอะไรล่ะเนี่ยหน้าตาดูไม่ค่อยสู้ดีเลย?”


    เปล่า แค่เบื่อตัวเอง


    เรื่องพี่คริสอะดิ บอกรักยังอ่ะ?”


     อีกรายที่ล่วงรู้ความลับของจางอี้ชิง นี่ยังไม่รวมถึงแบคฮยอนและคยองซูที่อยู่ต่างคณะก็รู้ด้วยเช่นกัน เพื่อนสมัยมัธยมที่ไม่เคยปิดบังอะไรได้เลย


    ไม่กล้าบอกอ่ะ เราท้อแล้วจงอิน ไม่อยากเจอหน้าพี่เขาอีกแล้ว


    ทำไมลุคนี้นายน่ารักดี ฉันเป็นพี่คริสฉันจะชอบนาย


    ชอบก็ตอนนี้น่ะสิ เมื่อก่อนฉันมันไม่น่ามองขนาดนั้นเลยหรอ?”


    วาดแขนสองข้างประสานกันไว้ที่โต๊ะ อี้ชิงพลันวางค้างลงพักพิงอยู่ด้านบน ก่อนจะช้อนม่านตาขึ้นมองเพื่อนผิวเข้มเพื่อรอคำตอบพร้อมกับลู่หานที่เดินเข้ามานั่งสมทบหลังจากที่แยกจากกัน



    ไม่หรอกอี้ชิง นายก็น่ารักมาตั้งนานแล้ว แค่ไม่แต่งตัวไม่แฟชั่น พอเจอแบบนี้มันเลยอดจะมองไม่ได้


    อืม..เข้าใจละ เมื่อก่อนคงไม่น่ามองจริงๆนั่นแหละ” ย้ำตัวเองให้รู้ว่าเมื่อก่อนอี้ชิงน่ะไม่มีคนเหลียวแล แต่ถ้าให้เลือกที่จะเป็นแบบนี้ อี้ชิงอยากกลับไปเป็นคนๆเดิมที่ไม่ต้องมีคนสนใจซะมากกว่า


    คิดมากว่ะ แล้วเมื่อกี้เห็นเดินชนพี่คริส ไปทำอีท่าไหนล่ะนั่น?” ลู่หานเสริมเอ่ยถามให้อี้ชิงห่อเหี่ยวใจซ้ำสอง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบเพื่อน



    คงเห็นสินะแต่ไม่คิดจะเข้ามาช่วยกันน่ะลู่หาน

     

    เราไม่ทันได้มองเลยชนพี่เขาเข้าเต็มๆ เหยียบเท้าเข้าให้อีก ไม่มีหน้าไปให้เจออีกแล้ว


    แล้วพี่เขาว่าไง?”


    ก็กำลังจะว่านั่นแหละแต่เราเดินหนีออกมาก่อน คงไม่พอใจเหมือนอย่างที่เป็นกับคนอื่นล่ะมั้ง


    พูดแค่นั้นอี้ชิงก็ฟุบหน้าไปกับโต๊ะอีกครั้ง ไม่ใช่อะไรเลย แม้เขาจะหนีออกมาจากซุ้มกิจกรรมมานั่งใต้ตึกคณะแล้ว ไม่วายผู้คนที่ไม่เคยเห็นเขาในลุคนี้ยังตามมายืนมองแล้วพูดคุยกันเสียสนุกปาก อึดอัดเป็นบ้า

     

    และนั่นเพื่อนสนิทอย่างจงอินและลู่หานก็ได้แต่ส่ายหน้าให้กับเพื่อนหน้าหวานที่คิดเองเออเองเพราะขาดความมั่นใจไปจนหมด บางครั้งอี้ชิงคงไม่ได้รู้ตัวว่าจริงๆแล้วก็เป็นที่ดึงดูดไม่น้อย ภูมิเดิมเป็นคนน่ารักผิวดี พอเจอจับนู่นจับนี้มาใส่ในร่างกายหน่อยมันเลยชวนมองทำเอาความโดดเด่นเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

     

    .

     

    .

     

    .

     

    ไปดิอี้ชิง เอาไปให้พี่เขาเร็วๆ


    ลู่หานยัดกล่องของขวัญสีม่วงเข้มเหลือบเงินให้ไว้ในมือของคนขี้กลัวที่ตอนนี้จิตตกเหงื่อแตกพลั่กเต็มใบหน้า ทั้งโดนผลักโดนบังคับให้เอาของขวัญไปให้รุ่นพี่ที่แอบรัก แต่นั่นคนหน้าหวานก็ยังไม่กล้าพอจะไปสู้หน้าคริสได้เหมือนเดิม


    ไม่เอาอ่ะ เรากลัว” ใบหน้าหวานส่ายหวือปฏิเสธท่าเดียว รั้งร่างกายให้เดินกลับไปใต้ตึกคณะเหมือนเดิม ทว่าเพื่อนสนิททั้งสองคนก็ไม่ลดลาวาศอกให้อี้ชิงเปลี่ยนใจ


    กลัวอะไรวะอี้ชิง?” จงอินว่าพร้อมกับช่วยลู่หานดันหลังของเพื่อนอีกแรง


    จงอินไม่เอาอย่าทำแบบนี้ พี่คริสต้องว่าเราแน่ๆ เขาต้องไม่ชอบมากๆถ้ามีผู้ชายแบบเราเข้าไปบอกรักน่ะ


    แล้วเมื่อไรล่ะอี้ชิงต้องรอให้ถึงวันที่พี่เขาจบจากมหาลัยนี้ไปก่อนหรือไง พี่คริสปีสี่แล้วนะอีกเทอมเดียวก็จะจบ อีกไม่กี่เดือนนายจะไม่ได้เห็นหน้าพี่เขาเหมือนทุกวันแล้วนะ ถ้าเรื่องแค่นี้นายยังไม่กล้าพอ ฉันที่เป็นเพื่อนก็คงช่วยอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ

     

    ได้ยินคนผิวเข้มพูดอี้ชิงก็ถึงกับใจหล่นวูบไปอยู่ที่พื้น จริงอย่างที่จงอินว่า อีกไม่ถึงสี่เดือนพี่คริสก็จะเรียนจบ ช่วงเวลาในมหาวิทยาลัยของเขามันไร้ความหมายมาตลอดเพราะได้แค่แอบมองอยู่ห่างๆ


    แต่...




    ถ้าพี่คริสรู้...เขาจะเกลียดเรา...



    เกลียดแล้วไง เกลียดก็ให้เกลียดไป  ถ้านายเอาแต่หลบๆซ่อนๆอยู่แบบนี้มันก็ไม่แตกต่างอะไรจากการที่เขาเกลียดนายหรอกจริงไหมคุยก็ไม่เคยได้คุย รู้จักกันไหมก็ไม่มันแตกต่างกันตรงไหนหรออี้ชิง?”


    อี้ชิงนิ่งฟังคนพูดพลางครุ่นคิดอยู่ในหัว ทอดสายตามองไปยังซุ้มงานประเพณีที่มีรุ่นพี่ตัวสูงหน้านิ่งนั่งคุยกับเพื่อนอยู่อย่างหวั่นใจ 



    แต่เดี๋ยวนะ...คือเพื่อนพี่เขาอยู่ด้วยอ่ะ แล้วแบบนี้จะเอาความกล้าที่ไหนไปบอกความรู้สึกในใจกันเล่า

     



    ทว่า...

     

    มันไม่ทัน

     

    ไม่ทันแล้ว….

     

    เมื่อลู่หานและจงอินพร้อมใจกันผลักหลังของเขาให้ออกไปเผชิญหน้ากับคริสตาต่อตา อี้ชิงยังไม่ทันได้เตรียมตัวทั้งเตรียมใจที่พกมาด้วยก็หลุดลอยไปไหนต่อไหนจนกู่กลับให้เข้าร่างได้ยาก ก้อนเนื้อในอกซ้ายเต้นโครมครามหนักหน่วงยามนัยน์ตาคู่คมสีน้ำตาเข้มจ้องมองมาที่เขานิ่งงันให้ร่างกายชาวาบ


    มองใกล้ๆพี่คริสหล่อราวกับเทพบุตรเลยล่ะ โครงหน้าเรียวได้รูปชวนมอง ทั้งริมฝีปากที่เคลือบสีใสดูเป็นธรรมชาตินั่นมัน.... อี้ชิงกำลังจะเป็นลม

     


    รุ่นพี่ตัวสูงมองอี้ชิงที่อยู่ๆก็พรวดพราดเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ คล้ายรอคอยให้เขาพูดบางสิ่งบางอย่างออกไปแต่คนหน้าหวานก็ยังนิ่งค้างเหมือนโดนสะกดจนขยับไปไหนไม่ได้ ทั้งร่างกายเล็กมันวูบโหวงไปหมด ขนลุกเกรียวเมื่อนี่เป็นครั้งแรกที่อี้ชิงได้อยู่ใกล้คริสจนกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆจากกายสูงลอยฟุ้งเตะจมูก มือไม้ที่ถือกล่องของขวัญอยู่พลันสั่นระริกจนควบคุมแทบไม่ได้ และต่อมาที่ทำให้อี้ชิงอยากจะถอดใจเมื่อรุ่นพี่ตรงหน้าหลุบสายตาลงมองกล่องของขวัญในมือของเขาเหมือนรู้ว่าต้องการอะไร แล้ววกกลับมามองที่หน้าของเขาอีกครั้งอย่างเรียบนิ่ง

     

    ค...คือว่า...

    เสียงหวานเริ่มเอื้อนเอ่ยกระตุกตะกักไม่เป็นศัพท์ หันเหสายตาหนีรุ่นพี่ตรงหน้าเป็นพัลวันด้วยความนึกกลัว เหลียวหลังไปมองซ้ายมองขวาก็แน่แล้วว่าเพื่อนสนิททั้งสองมันหายหัวไปแล้ว


    คือ?” คำถามแรกที่คริสพูดกับอี้ชิง คำแรกที่ทั้งสั้นและเรียบนิ่งจนคนฟังใจไม่ดี


    คือ...คือผม...

    อี้ชิงสูดลมหายใจเข้าปอดอย่างช้าๆเมื่อก้อนเนื้อในอกซ้ายเริ่มโหมขึ้นเร็วถี่รัวหนักหน่วงยิ่งกว่าเดิม เหมือนร่างกายถูกแช่แข็งแต่นั่นเหงื่อเม็ดแรกกับไหลลู่ลงตามโครงหน้าอย่างไม่ทราบสาเหตุ


    การได้แอบรักมานาน ได้แอบมองมานาน แค่ได้ยินเสียงทุ้มไพเราะของพี่คริสใกล้ๆ แค่นี้อี้ชิงก็พอใจแล้ว ไม่ได้หวังมากมาย หวังแค่ครั้งนึงพี่คริสได้รู้ว่าอี้ชิงคนนี้รู้สึกดีด้วยมากแค่ไหน

     

    ต่อให้รุ่นพี่เกลียดเขา อย่างน้อยก็ขอให้เขาได้บอกความรู้สึกในใจให้ได้รับรู้ก็เพียงพอ อี้ชิงทำใจมาแล้ว...ว่าทุกอย่างมันไม่ได้สวยงามเพราะพวกเขาทั้งสองไม่ได้ถูกสร้างมาให้คู่กันตั้งแต่แรก

     



    พี่คริสครับ ผ...ผม



    “………….”



    อี้ชิงไม่ได้รู้เลยว่าทำตัวน่าอึดอัดมากแค่ไหน จะเอ่ยวาจาทีก็เงอะงะน่ารำคาญ อ้ำอึ้งอยู่นานสองนานท่ามกลางสายตาของคริสและเพื่อนๆคนอื่นที่มองมาพร้อมรอยยิ้มกริ่ม แต่นั่นเขาอยากจะขอบคุณเพื่อนของคริสที่ไม่แซวไม่มองเหยียดเขาให้รู้สึกแย่ และที่สำคัญเลยคือรุ่นพี่ตรงหน้าที่ต้องขอบคุณที่สุดก็คือคริส...ขอบคุณที่ยังยืนนิ่งใจเย็นให้เขาได้อ้ำอึ้งต่อไปเรื่อยๆโดยไม่ปริปากเอ่ยไล่เหมือนคนอื่นๆ



    คือผม...ผมรั....

     



    พี่คริสคะ!

     





    ...ผมรักพี่คริสครับ...

    เหมือนกำแพงสูงตะหง่านที่ก่อตั้งจนใกล้เสร็จพังทลายลงมาต่อหน้าต่อตาไม่เหลือชิ้นดี อี้ชิงกำลังจะเอ่ยปากบอกความรู้สึกที่เก็บไว้ในใจมานานให้รุ่นพี่ตัวสูงได้รับรู้ หากแต่รุ่นน้องผู้หญิงหน้าตาน่ารักอีกคนกลับเข้ามาตัดบทเขาไปเสียดื้อๆ

    เธอเดินเข้าไปยืนข้างๆคริสทั้งรอยยิ้มคล้ายสนิทสนมให้คนมองรู้สึกอิจฉา พร้อมในมือที่มีกล่องของขวัญสีหวานยื่นให้คริสต่อหน้าต่อตาเขาจนหัวใจมันหล่นวูบไปในหลุมลึกไร้แสงสว่างยากจะตะเกียกตะกายขึ้นมาแย่งชิง


    ว่าไงไอยู เอาของขวัญมาให้พี่ต้องการอะไร?” 



    ยิ่งเห็นก็ยิ่งเจ็บปวด อี้ชิงยืนมองภาพรุ่นพี่ที่แอบรักยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมสวยของหญิงสาวทั้งรอยยิ้มเอ็นดู กล่องของขวัญในมือแทบร่วงลงสู่พื้นเพราะไม่มีแรงจะถือมันต่อไป สงสัยว่าเธอคนนั้นเป็นใครถึงได้รับความรักจากคริสทั้งๆที่คนอื่นไม่เคยได้ อี้ชิงมองไม่ผิดว่าคริสยิ้มทั้งๆที่ไม่เคยยิ้มให้ใครมาก่อน ลูบผมโอบไหล่ท่าจะทะนุถนอม แบบนี้ใช่ไหมรุ่นพี่ตัวสูงถึงได้ปฏิเสธคนอื่นอย่างไม่ไยดีเพราะเด็กผู้หญิงที่ชื่อไอยู

    วันพิเศษของพี่คริสไอยูไม่ได้อยู่ร่วมฉลองด้วย ให้ของขวัญย้อนหลังวันนี้คงทันใช่ไหมคะ?”


    คริสพยักหน้าให้เธอพร้อมรับของขวัญมาถือไว้ในมือ ของขวัญชิ้นแรกที่คริสรับมันไว้

    แล้ว...

    แล้วก็ยังคงอยู่ในมือต่อไปแทนที่จะลงไปอยู่ในถังขยะเหมือนของขวัญชิ้นอื่น ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วของๆเขาก็คงไร้ค่าไร้ราคาแล้วสินะ

     

    อี้ชิงเม้มริมฝีปากแน่นสั่นหวือไร้เรี่ยวแรง กะพริบตาถี่เพราะกลัวหยาดน้ำไร้สีที่ก่อตัวขึ้นจะไหลลู่ออกมาให้อับอาย คิดว่าทำใจมาแล้วหากแต่พอเจอเข้าจริงๆกลับรู้สึกอ่อนแอและเจ็บปวดมากกว่าที่คิดไว้เป็นเท่าตัว



    และเพียงไม่นานรุ่นพี่ที่คุยกับรุ่นน้องน่ารักคนนั้นก็ค่อยๆเงยใบหน้าขึ้นสบมองอี้ชิงอีกครั้ง ไม่วายยังมองของขวัญในมือที่เขาถืออยู่ให้สั่นคลอนที่หัวใจด้วยอีก อี้ชิงจึงรีบนำมันไปหลบไว้ที่ด้านหลังอย่างรวดเร็ว ก่อนจะฝืนยิ้มให้รุ่นพี่ตัวสูงด้วยหัวใจที่บอบช้ำอย่างเห็นได้ชัด

    มีอะไรจะพูดกับฉันหรอ?”

    เสียงทุ้มที่เอ่ยถามกลับมานิ่งอีกครั้งให้อี้ชิงอยากจะวิ่งหนีไปจากที่ตรงนี้ แต่ไม่รู้ว่าควรภูมิใจดีไหม เพราะนี่มันเป็นประโยคที่ยาวมากสำหรับคริสที่เอ่ยพูดกับคนแปลกหน้าอย่างเขา



    อ...เอ่อ ค...คือ ซุ้มกิจกรรมพี่สวยดีนะครับ


    พูดแค่นั้นอี้ชิงก็ยิ้มกว้างแล้วโค้งหัวให้รุ่นพี่พลันรีบรุดหมุนตัวเดินออกมา คล้ายนัยน์ตามันถูกบดบังไปด้วยหยาดน้ำสีใสที่ก่อตัวขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ เห็นภาพแบบนั้นแล้วมันเจ็บปวด ความรู้สึกที่มีให้คริสตลอดสองปีกว่ามันช่างย้ำเตือนความเจ็บปวดได้ดีเลยทีเดียว

     

    แต่เลือกเองที่จะเจ็บ

    เลือกเองที่จะเสี่ยง


    รู้อยู่แล้วว่าต้องผิดหวัง 

    แต่นั่นก็ดีแค่ไหนสำหรับคนอย่างอี้ชิงที่ไม่ถูกตำหนิกลับมาให้ตัวเองดูน่าสมเพช

     

    น้ำตาหยดแรกร่วงแหมะลงข้างแก้มเมื่อเดินพ้นจากบริเวณซุ้มจัดงานมาได้ไม่ไกล อี้ชิงไม่เห็นลู่หานและจงอินอีกเลยหลังจากที่เพื่อนสนิททั้งสองพยายามส่งเขาไปให้คริสได้จ้องมองด้วยสายตาที่ว่างเปล่า เหมือนเข็มนับร้อยนับพันที่ทิ่มแทงลงยังกลางใจ ความเงียบและสายตาที่ทอดมองมามันเจ็บปวดกว่าการด่าทอต่อหน้าเสียงดังเสียอีก แค่นี้ก็รู้แล้วว่าคนอย่างอี้ชิงมันแค่เศษเสี้ยวเล็กๆในสายตาของรุ่นพี่ หรืออีกแง่ที่คิดได้อี้ชิงคนนี้ไม่เคยได้อยู่ในสายตาของรุ่นพี่มานานมากแล้ว

    ความจริงที่รับรู้มาตั้งแต่แรกหากแต่ก็ยังไม่ยอมรับมัน

     



    อี้ชิง!”

    เสียงเรียกพร้อมกับเพื่อนสนิทที่เดินเข้ามาหาทำให้อี้ชิงปล่อยหยาดน้ำตาออกมาต่อหน้าทันที หมุนตัวหันกลับไปสวมกอดเพื่อนผิวเข้มไว้แน่น ซุกใบหน้าลงกับอกกว้างที่อบอุ่นแล้วปล่อยโฮให้เพื่อนได้ปลอบโยนเพราะความเสียใจ

    จงอิน...ฮึก...ไม่น่าหรอก เราไม่น่าทำแบบนี้


    พี่เขาทำอะไรนาย พี่เขาว่านายหรออี้ชิง?”

    ลู่หานที่ยืนปลอบใจเพื่อนอยู่ข้างๆจงอินก็ถึงกับไม่พอใจที่เห็นอี้ชิงร้องไห้มีน้ำตา นานเท่าไรที่เพื่อนหน้าหวานไม่เคยร้องไห้ ไม่เคยอ่อนแอให้เห็นอย่างชัดเจนเหมือนครั้งนี้



    พี่เขาไม่ได้ทำอะไรเราหรอกลู่หาน ฮึก...แต่พี่เขามีคนรักแล้ว เราคงต้องสำเหนียกตัวเอง ฮือ...


    จงอินและลู่หานมองหน้ากันอย่างเห็นอกเห็นใจเพื่อน แต่นั่นจะทำอะไรได้ พวกเขาทั้งสองทำเต็มที่แล้ว ในเมื่อคริสไม่รักเพื่อนของเขา ไม่มีใจก็คงบังคับอะไรกันไม่ได้อยู่ดี แค่รุ่นพี่คนนั้นไม่ทำร้ายไม่ดุด่าอี้ชิงก็ถือว่าดีเกินพอ แต่หัวใจของอี้ชิงนี่สิ รู้ว่าทำใจมาแล้ว แต่เห็นแบบนี้ก็อดจะนึกสงสารเสียไม่ได้

     

    .

    .

    .




    7 PM.




    ให้ฉันไปส่งไหมอี้ชิง?”

    ลู่หานหวังดีเอ่ยถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง เห็นใบหน้าหวานไร้รอยยิ้มมาตั้งแต่เมื่อบ่ายหลังจากไปพบเจอกับรุ่นพี่ที่แอบรักมา บอกเลยว่าลู่หานใจเสียไม่เบาที่เสี้ยมอี้ชิงและบังคับให้ทำแบบนั้น



    ไม่เป็นไรหรอกลู่หาน ฉันกลับเองอยู่ทุกวันอยู่แล้วน่า” ฝืนยิ้มได้ทว่าในใจมันหมองหม่นไม่เจือจาง


    อืม ถ้างั้นกลับดีๆนะ จงอินมันฝากบอกด้วยว่าอย่าคิดมาก


    โอเค กลับแล้วนะ



    คนหน้าหวานโบกมือลาเพื่อนแล้วแยกย้ายกันที่ใต้ตึกคณะเหมือนทุกวัน อี้ชิงกระชับกระเป๋าเป้ที่หลังไว้มั่น ยกถุงกระดาษในมือที่มีกล่องของขวัญสีม่วงอยู่ข้างในขึ้นมองพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอสมเพชตัวเอง  ก่อนจะเดินก้มหน้าก้มตามองเท้าที่สับสลับกันเป็นจังหวะเพื่อไปรอรถเมล์ที่หน้ามหาวิทยาลัยในยามพรบค่ำ

     

    คนอย่างอี้ชิงไม่เจียมตัวเลยสักนิด คิดถึงเหตุกาณ์ที่ผ่านมาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร รู้ดีอยู่แล้วว่าคริสไม่เคยเหลียวมอง รู้ว่ารายนั้นอยู่สูงเกินกว่าจะลดตัวลงมาหา เป็นผู้ชายที่ชอบผู้ชายมันผิดมาตั้งแต่แรก เริ่มเองเจ็บเองอี้ชิงยอมรับมัน

     

     

    เฮือก!

     


    ข...ขอโทษครับ

     

    อีกครั้งที่ไม่ทันได้มองทางจนเดินชนกับคนๆเดิม อี้ชิงยังไม่ทันได้เงยหน้าขึ้นมองคนถูกกระทำ เห็นเพียงแค่รองเท้าเจ้าตัวก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร 

    หัวใจมันทำงานหนักขึ้นอีกครั้งอย่างไม่ทราบสาเหตุ ก้มหน้าก้มตาเบี่ยงตัวหลบทางให้รุ่นพี่ตัวสูงด้วยความประหม่า ก่อนจะเดินผ่านไปทันทีเพราะไม่อยากเสวนาตอกย้ำให้ตัวเองต้องเจ็บปวด



    วันนี้เดินชนสองรอบแล้วนะ


    ขาเล็กที่กำลังสาวเท้าก้าวเดินจ้ำอ้าวพลันหยุดชะงักยามได้ยินเสียงทุ้มเอื้อนเอ่ยพูดหา แต่นั่นยังคงทำใจเเข็งไม่หันกลับไปมอง

     

    พี่คริสจำได้....จำได้ว่าอี้ชิงเดินชนเมื่อตอนบ่าย

     

    ผ...ผมขอโทษครับ ใจลอยไปหน่อยไม่ได้ตั้งใจจริงๆ

    เสียงหวานเอ่ยขอโทษขอโพยทั้ๆงที่หันหลังให้รุ่นพี่ตัวสูงอยู่ กำถุงกระดาษที่ถืออยู่ในมือแน่นจนเกร็งไปหมด และไม่รอนานให้ถูกตำหนิติเตียนกับความไม่ระวังของตัวเอง อี้ชิงพลันรีบก้าวเท้าเดินอีกครั้งหนีรุ่นพี่ไปให้ไกลที่สุด

     

    วันนี้มีอะไรจะคุยกับพี่หรือเปล่า?”

    คำถามชวนให้ใจสั่นไหว คริสแทนตัวเองว่าพี่งั้นหรือ อี้ชิงต้องหูฝาดไปแล้วแน่ๆ แต่นั่นก็ยังไม่ยอมหยุดเดิน อยากหนี หนีไปให้ไกล ไม่กล้าสู้หน้า ไม่กล้าพูดหา อี้ชิงไม่คู่ควร

     

    ไม่มีครับ” รีบสับเท้าเดินหนีไม่หยุดหย่อน แต่นั่นถ้าไม่ได้คิดไปเองอี้ชิงรู้สึกได้ว่าคริสกำลังเดินตามหลังเขามาติดๆ

     

    ทำไมต้องเดินตามจะสบทคำด่าทออะไรให้เขาเจ็บช้ำใจหรือเปล่า ก็บอกแล้วว่าไม่ได้ตั้งใจ หากเป็นไปได้ถ้าเลือกจะเดินชนใครสักคน แน่นอนว่าคนๆนั้นอี้ชิงก็ไม่อยากให้เป็นคริสอยู่แล้ว

     

     

     

    ของขวัญที่เอามาให้ ของพี่หรือเปล่า?.... อี้ชิง

     



    ห๊ะ!?

    อี้ชิง?


    พี่คริสเรียกเขาว่า....อี้ชิง?


    ใช่ไหม?


    ใช่หรือเปล่า?

     

    ถึงกับชะงักคล้ายโดนมนต์สะกดจนก้าวขาไม่ออก หัวใจที่เต้นโครมครามในตอนแรกเหมือนถูกหยุดเข้ากลางคัน นัยน์ตาคู่กลมเบิกโพลงไม่อยากจะเชื่อ ลมหายใจขาดห้วงยามได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยชื่อตัวเองลอยเข้าสู่โสตประสาท อี้ชิงคงจะฝัน ฝันไปแล้วจริงๆ

     

    อี้ชิง...จางอี้ชิง

     

    ชื่อเต็มที่ตามมาเรียกน้ำตาหยดแรกให้กลิ้งหล่นลงข้ามแก้มหลังจากหยุดไปได้ไม่นาน แนวฝันสวยขบกันริมฝีปากล่างด้วยความตื่นเต้น อี้ชิงไม่อยากจะเชื่อว่าคริสจะรู้จักชื่อของเขา ชื่อที่นอกจากเพื่อนสนิทแล้วก็ไม่เคยมีใครเรียกหา และนั่นคนที่ไม่คิดไม่ฝัน คนที่อยู่บนฟ้าจะยอมลดตัวลงมาเอ่ยชื่อเขาเต็มปากเต็มคำ



    พ...พี่คริส ร...รู้จักชื่ออี้หรอครับ?”

    คนตัวเล็กค่อยๆหมุนตัวหันกลับไปเผชิญหน้ากับรุ่นพี่ด้านหลังอย่างช้าๆ เอ่ยถามเสียงผะแผ่วพร้อมทั้งหยาดน้ำตาที่ไหล่ลู่ลงอาบข้างแก้มไม่ขาดสาย



    แล้วทำไมพี่จะไม่รู้....



    “……………”



    อ...อี้ไม่เข้าใจ” นัยน์ตาคู่สวยระริกไหวส่ายหน้ากับคำพูดของรุ่นพี่ ยิ่งฟังยิ่งสับสน ความเสียใจหรือดีใจมันปะปนกันไปหมด

     



    พี่จะไม่รู้จักชื่อคนที่พี่แอบรักได้ยังไง?”

     

    "..............."

    คล้ายน้ำเย็นยะเยือกสาดเข้ากระทบใบหน้าอย่างจังจนชาไปทั่งร่าง นัยน์ตาคู่กลมเบิกโพลงอีกครั้งลมหายใจขาดห้วง ใจเต้นแรงกระส่ำ ทั้งในหูตอนนี้ก็อื้ออึงแว่วเสียงอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด

     

    ไม่เข้าใจเลยสักนิด

    แอบรักคืออะไรขยายความให้อี้ชิงคนโง่ได้ฟังที

     

    แอบรัก?”

    เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบาย้ำคำที่รุ่นพี่พูด หัวคิ้วเรียวชนเข้าหากันอย่างครุ่นคิด น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลออกมาเป็นสายธาร จมูกรั้นแดงก่ำน่าสงสาร ทว่าคนมองกลับนึกเอ็นดูกับความเป็นเด็กของรุ่นน้องตรงหน้าอย่างปิดไม่อยู่




    "ทำไมมาช้าจัง?”  ไม่ได้ตอบคำถามของอี้ชิงเลยสักนิด คริสกลับเป็นฝ่ายสวนคำถามใหม่ให้คนหน้าหวานได้มึนงงเข้าไปอีก



    ช...ช้าอะไรหรอครับ? ”




    พี่คริสต้องการอะไรจากอี้ชิง? ไม่เข้าใจเลยจริงๆ






    พี่รอเรามาตั้งนาน ทำไมมาหาพี่ช้าจัง



    ถึงกับปล่อยโฮทันทียามสิ้นเสียงรุ่นพี่ที่แอบรักมาเนิ่นนาน ดีที่ว่าในตอนนี้ฟ้ามืดสลัวไม่มีคนในมหาลัยพลุกพล่านผ่านไปมา มีเพียงแค่พี่คริสและอี้ชิงที่ยืนประจันหน้ากันเว้นระยะห่างพอตัว ถึงใบหน้าหล่อคมที่เอ่ยพูดจะไม่มีรอยยิ้ม แต่อี้ชิงรู้ได้ว่าคริสกำลังจริงจัง

    พี่คริสกำลังเล่นตลกอะไรฮึก...อย่าพูดเล่นกับอี้เลยครับ



    การที่พี่รักเรา...มันตลกมากนักหรือไง?”

     



    รักพี่คริสบอกว่ารัก?

     



    ต...แต่อี้ไม่ได้มีอะไรดี ฮึก... อี้เป็นผู้ชายเหมือนพี่คริส ไม่ได้น่ารัก ไม่ได้โดดเด่นเหมือนคนอื่นๆ



    แล้วไงแต่อี้โดดเด่นในสายตาพี่มานานมากแล้ว

     

    แรงสะอื้นไห้ถูกหยุดด้วยคำพูดของรุ่นพี่ตรงหน้าไปเสียสนิท ถ้าอยู่ในสายตาพี่คริสมานานแล้วทำไมถึงไม่เคยมองกัน ไม่เคยแม้แต่จะชายตามอง



    “……………”



    ถ้าอี้รักพี่มาตั้งนาน...ทำไมถึงเพิ่งมา พี่รอจนคิดว่าจะหมดหวังแล้ว ถ้าไม่เห็นว่าอี้เอาของขวัญมาให้พี่วันนี้พี่คงไม่รู้อะไรเลยจริงๆ”  คริสเอ่ยพร้อมทั้งก้าวเท้าเข้าไปใกล้คนหน้าหวานจนรับรู้ได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆจากกายเล็กที่ยืนก้มหน้าอยู่ในกรอบม่านตา

     

    แต่นั่นอี้ชิงผิดหรือ? แล้วทำไมพี่คริสถึงไม่เข้ามาบอกรักก่อนล่ะ

     

    อี้...ฮึก.. อี้กลัวพี่คริสเกลียด…”

    จากความเสียใจกลับกลายเป็นความรู้สึกใหม่ที่เข้ามาแทนที่ ความเอ่อร้อนผุดขึ้นบนใบหน้าหวาน เจือสีแดงอ่อนๆให้คนมองต้องอมยิ้มทั้งๆที่ยิ้มไม่เก่งมาตั้งแต่ไหนแต่ไร



    กลัวพี่เกลียดเรื่องอะไร?”

     

    มั่นใจนะว่าไม่รู้ ใครเข้าหาก็ปฏิเสธตรงๆ ทำร้ายจิตใจแถมให้อีก พี่คริสช่างไม่รู้อะไรเลย



    นี่ไม่รู้หรอครับว่าพี่คริสหยิ่งแค่ไหน?”

    เอ่ยถามไปใบหน้าหวานก็เอาแต่ก้มงุดจนคางชิดอก นี่จะบอกว่าปรับอารมณ์ไม่ทันก็ถูกนะ ก่อนหน้านั้นเสียใจจะเป็นจะตาย แล้วตอนนี้มันคืออะไรมีความสุขจนคิดว่าฝันไปแล้วจริงๆ

     

    ก็แล้วถ้าพี่หยิ่งเพื่อรออี้...พี่ผิดด้วยหรือถ้าจะหยิ่งกับคนอื่น?”

     

    อืม....

     

    มันแน่ชัดแล้วว่าทุกสิ่งอย่างไม่ใช่ฝัน หัวใจเต้นแรงหนักหน่วงพองโตจนแทบจะหลุดออกมานอกอก หน้าร้อนกายร้อน ยิ่งมีรุ่นพี่ตัวสูงมาอยู่ใกล้ๆด้วยแล้ว บรรยากาศหนาวเหน็บรอบกายก็พาลแปรปรวนผิดฤดูกาลอย่างน่าประหลาด



    แต่พี่คริสก็ไม่ควรทำร้ายจิตใจคนที่ให้ของขวัญนะครับ คนให้เขาจะเสียใจแค่ไหนถ้าเห็นพี่คริสทำเหมือนมันไร้ค่าแบบนั้น


    พี่ก็อยากรับ แต่นี่มันเป็นวิธีของพี่ที่จะทำให้คนอื่นตัดใจได้ง่ายขึ้น


    รวมทั้งอี้ด้วย?”


    เปล่าครับ เพราะถ้าเป็นของที่อี้ให้ พี่จะรับมันไว้


    พี่คริสใจร้ายจัง


    นั่นสินะ เมื่อตอนบ่ายอี้ถึงต้องร้องไห้เพราะพี่


    อี้ชิงรีบเงยหน้ามองคนพูดทันที ดวงตาคู่สวยเบิกโพลงเมื่อคนตรงหน้ารู้ว่าในวันนี้เขาได้เสียน้ำตาไปไม่น้อยเพราะอะไร 



    พี่คริสรู้?”


    มีเรื่องอะไรที่พี่ไม่รู้เกี่ยวกับอี้บ้าง ไอยูน่ะลูกพี่ลูกน้องกัน เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเลยเอาของขวัญวันเกิดมาให้ย้อนหลัง


    แน่ชัดโดยไม่ต้องไถ่ถาม อี้ชิงยังไม่ทันถามรุ่นพี่ตัวสูงก็บอกทุกอย่างให้เสร็จสับเพราะรู้ว่าคนเป็นน้องคิดยังไงถึงได้แอบไปร้องไห้กับเพื่อนจนคริสใจไม่ดี



    ง่า...อี้จะร้องไห้อีกแล้วอ่ะ


    คริสยิ้มให้อี้ชิงก่อนจะถือวิสาสะดึงร่างเล็กเข้ามากอดไว้แน่นด้วยความรักใคร่ กดหัวทุยให้จมหายไปกับแผ่นอกกว้าง ก่อนจะลูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆเพื่อปลอบโยนน้องที่ทำให้เสียใจ ทำเอาคนถูกกอดตกอกตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว

    พี่ขอโทษนะที่ทำแบบนี้ไม่ขอก่อน แต่พี่เคยฝันว่าอยากกอดอี้มานานแล้ว


    พ...พี่คริส


    แล้วทำไมถึงอยากจะร้องไห้ล่ะหื้มพี่ทำอะไรให้ไม่พอใจหรือเปล่า?”


    ป...เปล่าครับ ค..แค่ไม่คิดไม่ฝันว่าอี้จะอยู่ในสายตาพี่คริสด้วย ไม่คิดว่าเรื่องของอี้พี่คริสจะใส่ใจ


    เพราะอะไร?”


    เพราะอี้ไม่น่ารัก ไม่มีอะไรคู่ควรกับพี่คริสเลย?”


    ใครว่า?”

    .


    .

     

    .

     

    รับน้องในวันนี้จบลงเพียงเท่านี้นะครับ ขอให้น้องๆทุกคนกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ เจอกันวันเปิดเทอมครับ

    เสียงทุ้มของรุ่นพี่ชานยอลบอกเลิกกิจกรรมพร้อมทั้งปรบมือเข้าหากันทั้งรอยยิ้ม ทุกคนเฮลั่นก่อนจะแยกย้ายไปเก็บข้าวของเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน

     

    เด็กน้อยตัวเล็กพร้อมเพื่อนสนิทตาหวานที่หุ่นกายเท่าๆกัน เดินไปหย่อนร่างนั่งลงที่โต๊ะใต้ตึกคณะด้วยความอ่อนล้า มือบางปัดแป้งออกจากกลุ่มผมนุ่มหลังจากฐานกิจกรรมได้สิ้นสุดลง ใบหน้าน่ารักเปรอะเปื้อนคาบแป้งเต็มไปหมด เห็นแล้วมันอดจะนึกเอ็นดูไม่ได้เลยจริงๆ

     

    ไอ้คริส กูกลับก่อนนะเว้ย

    มินโฮโบกมือลาเพื่อนเสียงดังลั่น คริสจึงโบกมือกลับเป็นเชิงรับรู้ ก่อนจะลอบมองรุ่นน้องโต๊ะข้างๆที่กำลังวุ่นวายกับคราบแป้งบนใบหน้าไม่เลิก

     

    มือเล็กดึงแว่นตากรอบหนาออกจากใบหน้าแล้วเช็ดเลนส์ใสอย่างขะมักเขม้น คริสมองภาพเบื้องหน้าด้วยหัวใจที่เต้นผิดจังหวะอย่างน่าประหลาด นานเท่าไหร่ที่หัวใจเขาไม่ได้เต้นหนักหน่วงขนาดนี้ รุ่นน้องหน้าหวานตรงหน้ามีบางสิ่งบางอย่างที่ดึงดูดให้ต้องลอบมองได้อยู่ตลอดตั้งแต่ตอนปฏิบัติกิจกรรมแล้ว แต่นั่นก็ต้องทำเนียนเก็บข้าวของสัมภาระของตัวเองลงกระเป๋าบ้าง ยามรุ่นน้องโต๊ะข้างกันมองมาที่เขาเพราะรับรู้ได้ว่ามีคนกำลังจ้องอยู่

     

    ไปแล้วนะอี้ชิง เจอกันวันเรียน

     



    อ่า...ชื่ออี้ชิง น้องอี้ชิง

     

    เพื่อนน้องไปกันหมดโต๊ะแล้ว เหลือเพียงเจ้าตัวที่นั่งเช็ดเลนส์แว่นอยู่กับที่ไม่เลิก

     

    เข้าไปคุยดีไหม?


    แต่...

     

    อย่าเลยดีกว่า

     

    คริสลอบมองรุ่นน้องตัวเล็กเนิ่นนานก็เห็นอีกฝ่ายเอาแต่ก้มหน้าก้มตาสนใจแว่นในมือ ริมฝีปากแดงเคลือบใสเม้มเข้าหากันแน่นคล้ายตั้งใจจนเห็นรอยบุ๋มที่ข้างแก้มน่าหลงใหล ก่อนรุ่นน้องตัวเล็กจะรีบหอบกระเป๋าเป้สีม่วงที่ดูว่าจะชอบเอามากๆไว้แนบอกแล้วเดินออกจากใต้ตึกไปอย่างร้อนรนเมื่อเหลือเพียงเขาคนเดียวที่อยู่ด้วยในตอนนี้

     

    .

     

    .

     

    .

    น้องคนนี้ก็น่ารักนะเว้ย

    เสียงพึมพำในกลุ่มเพื่อนดังแว่วให้คนตัวสูงที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องเรียนได้ยินไม่ขาด คริสเดินเข้าไปชะเง้อมองเพื่อนที่สุมหัวกันดูรูปงานกิจกรรมรับน้อง ก่อนจะปลีกตัวเดินออกมาวางกระเป๋าตรงที่นั่งประจำของตัวเอง

    เออน่ารักว่ะ ตอนถอดแว่นแม่งหน้าโคตรหวาน ดูท่าจะเด็กเรียนไม่เหมาะกับกูเท่าไหร่ แต่ขาวๆแบบนี้ได้สักคืนก็โอเค

     

    ปัง!

     

    เสียงวางหนังสือกระแทกลงที่โต๊ะทำเอาเพื่อนทั้งวงหันมามองเป็นตาเดียว คริสไม่พอใจกับคำพูดเมื่อครู่ที่หนึ่งในกลุ่มเพื่อนพูดคุยกันไม่ให้เกียรติรุ่นน้อง เขารู้ดีว่าคนที่เพื่อนพูดถึงนั้นเป็นใคร และนั่นคือเหตุผลที่เขาไม่พอใจอย่างชัดเจน

     

    คริส มึงว่าน้องคนนี้น่ารักป่ะ?”


    อืม” ตอบไปไม่ใส่ใจ ทว่ารุ่นน้องในรูปนั่นทำเอาใจเต้นแรงทั้งๆที่ไม่ได้เจอหน้ากันตรงๆ


    มึงอย่าไปถามมันเลยไอ้ยอล ไอ้คริสมันตายด้านรักใครไม่เป็นหรอกรู้ๆกันอยู่


    มินโฮเจ้าของคำพูดไม่เข้าหูปัดป๋ายให้ชานยอลกลับไปดูรูปกิจกรรมเหมือนเดิม เพราะรู้ว่าคริสเป็นคนยังไง รู้ว่ารายนี้ถ้าไม่รู้สึกดีกับใครแล้วก็ไม่ไว้หน้าทั้งนั้น ไม่พูดไม่จา หากแต่แสดงมันผ่านการกระทำจนคนอื่นเจ็บปวดไปหลายราย



    เออมินโฮ แล้วมึงว่ากูจีบน้องเขาดีไหมวะ ชื่อไรนะ อี้ชิงป่ะ?”


    มึงชอบน้องเขาจริงๆหรือหวังอะไรกันแน่ชานยอล?” มินโฮประทับฝ่ามือลงบนหัวเพื่อนไปหนึ่งที ทำเอาคนถูกกระทำต้องลูบกลุ่มผมปรอยๆเพื่อทุเลาความเจ็บปวด




    ไหนมึงบอกเองว่าขาวๆแบบนี้ได้สักคืนก็โอเค

     



    โครม!

     


    เสียงโต๊ะแลคเชอร์ที่ล้มลงกับพื้นทำเอาทุกคนสะดุ้งโหยงแล้วหันไปมองยังเพื่อนตัวสูงทันที คริสเหลือบสายตามองทั้งชานยอลและมินโฮด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะไม่พูดอะไรอีกเลยแล้วเดินออกจากห้องไม่เข้าเรียนในคาบบ่าย

     

    เสียงสั่นเตือนของเครื่องมือสื่อสารที่ดังอยู่ในกระเป๋ากางเกงคริสรู้สึกถึงมันทว่าทำใจไม่อยากรับสาย รู้ว่าคนที่โทรมาเป็นใคร มันอาจจะงี่เง่าที่เขาทำแบบนี้ แต่จะให้ทำยังไงเพราะเขาไม่พอใจที่เพื่อนในกลุ่มคิดอะไรอกุศลไม่สมกับเป็นรุ่นพี่ตัวอย่าง ไม่วายคนที่พูดถึงยังเป็นรุ่นน้องที่เขารู้สึกดีด้วย เป็นแบบนี้มันพาลทำให้ของขึ้นโดยไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

     

    คริสเลือกมาสงบสติอารมณ์ที่ห้องสมุดเพื่อได้คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย เขาไม่สนใจว่าจะเข้าเรียนหรือไม่ เด็กเกรดสูงอย่างเขาปกติก็ศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเองเสียส่วนใหญ่ ไม่วายเพื่อนที่ยังคบกันอยู่จริงใจก็ส่วนหนึ่ง อีกส่วนก็หวังผลประโยชน์จากการเรียนดีของเขา และนั่นสำหรับคริสแล้ว เขาไม่เคยแคร์ใครเลยก็ว่าได้

     

    ไอ้คริส!”

    เสียงเรียกจากเพื่อนสนิทดังแว่วมาจากหลังชั้นวางหนังสือ ก่อนจะโผล่หน้ามาให้เห็นแล้วหย่อนกายนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

    “……” คริสเลือกที่จะไม่ต่อบทสนทนา รู้ว่าชานยอลมาถามไถ่เรื่องที่เขาของขึ้นวันนี้


    มึงเป็นอะไรวะ อยู่ๆก็ล้มโต๊ะมึงโมโหใครมา?”


    กูโมโหพวกมึง!” ตรงไปตรงมาในแบบฉบับคริสที่เพื่อนอย่างชานยอลก็รู้ดี ถึงคริสไม่ค่อยพูดจา ทว่าทุกคำที่เอ่ยออกมาก็ตรงเกินจนไม่ต้องถามไถ่อีกครั้ง



    พวกกูทำอะไรผิดทำอะไรให้มึงไม่พอใจก็ขอโทษนะเว้ย


    กูไม่พอใจที่พวกมึงพูดถึงรุ่นน้องของเราหยาบคายแบบนั้น


    หยาบคายยังไงวะ?”


    กูว่ามึงคิดเองได้ โตแล้วเรื่องแค่นี้คงไม่ต้องให้กูบอก” พูดแค่นั้นคริสก็ก้มหน้าลงอ่านหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะอีกครั้ง ปล่อยให้ชานยอลครุ่นคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาว่าทำอะไรผิดไป ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ในเวลาต่อมา



    มึงหมายถึงเรื่องของน้องอี้ชิงอะไรนั่นใช่ไหม?”



    “………….” อีกครั้งที่คริสยังคงเงียบ อ่านหนังสือต่อไปไม่สนใจเพื่อนที่นั่งหน้าเง้าหน้างอรอคำตอบอยู่เลยสักนิด


    โหยมึง เรื่องที่พูดถึงน้องอ่ะพวกกูก็แค่พูดเล่นกัน ปกติก็ไม่เคยเห็นมึงของขึ้นนี่หว่า!”


    คนตัวสูงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนอีกครั้งนิ่งงัน ทอดสายตามองชานยอลด้วยความจริงจัง จริงอยู่ว่าเมื่อก่อนเพื่อนพูดอะไรแบบนี้คริสไม่เคยโกรธไม่เคยอารมณ์เสีย เพราะไม่ใช่เรื่องของตัวเองและไม่คิดจะสนใจ

    แต่...

    เรื่องบางเรื่องพวกมึงก็ไม่ควรเอามาพูดเล่น



    คริส...ทำไมมึงถึง...." ชานยอลยกมือขึ้นทึ้งศีรษะตัวเองอย่างไม่เข้าใจเพื่อน คบกับคริสมาตั้งแต่เรียนมัธยมก็ไม่เคยเห็นมันเป็นแบบนี้สักที แต่ถ้าคิดดูดีๆ...ก่อนจะตาโตมองใบหน้าหล่อของเพื่อนด้วยความตกใจ

    "ไอ้คริส! อย่าบอกนะว่ามึง...





    อืม คนนี้กูขอ กูจริงจัง






    TO BE CONTINUE
    THIS VALENTINE








    TALK
    เรียกว่าเป็นฟิคดองก็ว่าได้ค่ะ แต่งไว้เป็นเดือนๆ
    ทั้งๆที่เรื่องเก่ายังเคลียร์ไม่จบ จริงๆตั้งใจให้เป็นวันคริสต์มาสนะ
    แต่นั่นแหละ ก็บอกอยู่ว่ามันดองงง....เลยไกลว่าเป็นวันวาเลนไทน์ซะงั้น
    ยิ้มรับความเป็นดินพองหางหมูด้วยความยินดี ฮิฮิ

     


    :) Shalunla

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×