ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Switch สลับขั้วมาลุ้นรัก

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 9 : ความลับที่มิยองรู้(อีกแล้ว?) [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 13 ต.ค. 55


    :)  Shalunla



    ตอนที่ 9

    พาร์ท คิม

    หลังจากเรื่องราวได้ถูกเปิดเผยไปแล้ว มิยองก็กลับมาเรียนหนังสือตามปกติด้วยสีหน้าที่แจ่มใสขึ้นมากจากวันนั้น ฉันเองก็ไม่กล้าถามมากไม่อยากพูดแทงใจดำไปกระตุ้นความบอบช้ำของมิยอง แต่เหมือนมิยองจะรู้ทันรีบบอกให้ฉันและจุนรวมถึงยอลฟัง

    “ฉันดีขึ้นแล้วได้คุยกับพ่อแล้วด้วย”

    “คุยว่าไงบ้าง?” จุนโพล่งถามขึ้นมาทันที มิยองยิ้มๆ

    “เราเปิดใจกัน พ่อก็รับฟังแต่ดูเหมือนว่าจะยังทำใจไม่ค่อยได้กับเรื่องนี้แต่ก็พยายามเข้าใจนะ”

    “งั้นพ่อเธอก็ไม่บังคับเรื่องที่เธอไม่อยากเป็นหมอแล้วใช่มั้ย?” ยอลถาม มิยองพยักหน้า ฉันล่ะดีใจร้องเฮดังลั่นห้องจนเพื่อนคนอื่นๆหันมามอง แต่ฉันไม่สนหรอกที่เป็นข่าวดีในรอบปีเลยนะ

    “ดีใจด้วยนะ เธอจะได้มีความสุขสักที”

    “ขอบใจนะคิม ยอลและก็...จุน” มิยองยิ้มเขินตอนพูดถึงถึงจุน ฉันรู้สึกถึงอะไรบางอย่างของสองคนนี้ อย่าบอกนะว่ามิยองเริ่มชอบนายสะดือจุ่นนั่นแล้วน่ะ พูดแล้วก็อดหวงไม่ได้นะเนี่ย และดูเหมือนยอลจะรู้งานรีบลากฉันออกมาโดยอ้างว่าจะไปซื้อน้ำกินซะหน่อย

    ปล่อยให้จุนและมิยองพูดคุยกันตามที่ยอลเปิดโอกาส

    “นี่!ทำไมต้องลากฉันออกมาด้วยเนี่ย?” ฉันอดโวยวายไม่ได้

    “ฉันคิดว่าสองคนนั้นน่าจะมีเรื่องคุยกันมากกว่าพวกเรานะ จะไม่ขัดคอเข้าทำไม”

    “พูดอย่างกับฉันเป็นก้างขวางคออย่างงั้นแหละ” ฉันแขวะก่อนจะเดินนำหน้าเขาไป ยอลรีบก้าวเดินตามก่อนจะออกปากชวนฉัน

    “นี่สิ้นเดือนนี้ เราไปชมวิวกันมั้ย?” ฉันหันมาอย่างสนใจ

    “ที่ไหนหรอ?” เขาคงไม่รู้ว่าฉันน่ะชอบชมวิวที่สุดเลยล่ะ

    “ฉันยังไม่เคยไปตึกใบหยกเลย ไปที่นั่นกันดีมั้ย? ไปชมวิวที่ตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทย” ยอลบอกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ฉันเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน ฉันเคยไปตอนเด็กๆนี่ก็หลายปีแล้ว อยากไปดูอีกสักครั้ง

    “ไปสิ” ฉันรับปาก ยอลยิ้มๆก่อนจะรีบพูดดักเอาไว้ก่อน

    “ไปกันแค่สองคนนั้น อย่าชวนมิยองกับคิมไปล่ะ”

    “ทำไมล่ะ?” ฉันถามอย่างแปลกใจ

    “ฉันอยากไปกับนายแค่สองคน” ยอลพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังจนฉันรู้สึกได้ ใจนี่ก็เต้นตึกตักๆขึ้นมาอีกแล้ว ไม่เอาแล้วไม่พูดด้วยแล้วหนีดีกว่า

    “ฉันจะไปห้องน้ำก่อนนะ นายไปซื้อน้ำเถอะ” แล้วก็ชิ่งทันที ยอลส่ายหน้าหัวเราะชอบใจ

    “เขินล่ะสิ”



    ทางด้านของมิยองและจุนก็พูดถึงเรื่องหมอผีที่ยอลหามาให้ พร้อมทั้งดึงฉันเข้าไปฟังด้วยอีกคน

    “ฉันจะโทรไปนัดวันเสาร์นี้เป็นไง?” จุนถาม

    “ฉันยังไงก็ได้ แต่มันจะได้ผลจริงหรอ? มันเหมือนเรื่องหลอกเด็กยังไงก็ไม่รู้” ฉันออกความคิดเห็น

    “เรื่องที่เราสลับร่างกันมันก็ไม่ต่างอะไรหรอกน่า” จุนขัดขึ้น ฉันทำปากขมุบขมิบ

    “ยังไงก็ลองดูก่อนเถอะ” มิยองสรุปก่อนที่นางจะเป็นฝ่ายโทรไปนัดให้ ถ้าสำเร็จล่ะก็วันเสาร์นี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ฉันต้องทนอยู่ในร่างของนายสะดือจุ่นนี่เสียที!

     

    วันเสาร์

                ฉันมารอจุนและมิยองที่หน้าโรงเรียนเพื่อจะไปหาสำนักหมอผีที่ยอลให้มา ก่อนท่เราจะเรียกรถแท็กซี่กันไป โดยฉันขึ้นเป็นคนสุดท้ายเพราะมัวแต่หันไปมองพุ่มไม้ที่ไหวๆอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม มันเหมือนมีใครแอบซ่อนอยู่อย่างนั้นล่ะ

                “มีอะไรหรอคิม? ขึ้นมาเถอะ” มิยองเรียกฉัน

                “อ้อ...ไม่มีๆ” ฉันสลัดความคิดทิ้งไปซะแล้วรีบขึ้นรถ ก่อนที่บุคคลหลังพุ่มไม้จะปรากฏตัวขึ้น

                ยอลนั่นเอง! เขาไม่รอช้ารีบเรียกแท็กซี่ตามไปทันที เขากำลังสะกดรอบตามพวกเราอยู่!


          แท็กซี่จอดส่งเราที่อาคารสำนักงานแห่งหนึ่งซึ่งดูไม่เหมือนเป็นสำนักทรงของพวกหมอผีเลยสักนิด มันดูใหม่และทันสมัยจนอดแปลกใจไม่ได้

                “เรามาถูกที่รึเปล่าเนี่ย?” มิยองถามขึ้นมา

                “ถูกสิ ที่นี่แหละ” จุนยืนยัน ก่อนจะเพิ่มเติมว่า

                “มันอยู่ที่ฉันใต้ดินของตึกนี่ ต้องเข้าไปทางข้างหลังตึก” ว่าแล้วก็ทำแมนเดินนำทางไป โดยมิยองเกาะแขนฉันไว้ไม่ห่าง

                ยิ่งเดินเข้ามาลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งวังเวงชอบกล บรรยากาศรอบๆชวนให้เสียวสันหลังเงียบสงัด แม้แต่เสียงนกร้อง เสียงลมพัดกิ่งไม้ก็ไม่มี ก่อนที่เราจะเจอกับเพื่อนมนุษย์ร่วมโลกของเราอยู่คนหนึ่งซึ่งเฝ้าประตูเอาไว้อยู่

                “เอ่อ...คือว่าเรามาหาสำนักหมอเส็งน่ะค่ะ” จุนบอกกับพี่ผู้ชายร่างยักษ์ที่ยืนถมึงตึงรอพวกเราอยู่

                “ได้นัดไว้รึเปล่า?”

                “นัดค่ะ นี่...” จุนบอกพลางยื่นใบนัดพร้อมรหัสไปให้พี่ชายคนนั้น ก่อนที่เขาจะเปิดประตูให้พวกเราเข้ากันไป ข้างในทางเดินไปทางเดินแคบมีแสงไฟสลัวๆเข้ากับบรรยากาศลึกลับ กลิ่นอับๆอย่างสถานที่ที่ไม่มีแสงแดดส่องถึงบอกได้คำเดียว...เหม็น!


          พวกเราเดินไปสุดทางจึงเห็นแสงสว่างจากหลอดไฟข้างหลังประตูกระจกใสบานนั้น พวกเราผลักเข้าไปก่อนจะเจอกับลูกน้องของสำนักหมอผีที่ยิ้มแป้นเข้ามาทักทายผิดกับยามที่เฝ้าอยู่ข้างหน้าลิบลับ

                “สวัสดีค่ะ...ขอดูบัตรนัดหน่อยนะคะ” พี่ผู้หญิงวัยเกือบ40ยืนมือมาขอรับบัตรนัดที่จุนกำลังยื่นไปให้

                “อ่อ...พวกคุณที่โทรมาปรึกษาเรื่องสลับวิญญาณใช่มั้ยล่ะคะ?...เอาล่ะค่ะพ่อหมอรออยู่ข้างในแล้วเชิญเข้าไปได้เลยค่ะ” หญิงสาวพูดพลางเดินนำไปยังอีกห้องหนึ่ง

              เราเข้าไปในห้องนั้นที่เต็มไปด้วยเครื่องเซ่นบูชาภูตผีแบบในละครที่เราเคยเห็นก่อนจะนั่งรอพนมมือไหว้พ่อหมอคนดัง

                “พ่อรู้ว่าลูกมาหาพ่อที่นี่ทำไม? อยากให้พ่อสลับวิญญณให้ใช่มั้ยล่ะ?” หมอเส็งกล่าวอย่างผู้รู้

                เดี๋ยวสิ! เฮียแกจะไม่รู้ได้ไงว่าพวกเรามาด้วยเรื่องอะไร? ในเมื่อก่อนจะนัดได้ก็ต้องบอกพวกเขาหมดอ่ะ?!    = =

              “ค่ะ” ฉันพูด ค่ะออกไปทั้งๆที่อยู่ในร่างของจุน จนจุนหันมาอย่างตกใจ หมอเส็งหัวเราะก่อนจะบอกว่า

                “ไม่เป็นไรอยู่กับพ่อแล้วตามสบาย ในเมื่อมันเป็นตัวลูกก็พูดมาเถอะ”

                “เอาล่ะพวกลูกคงลำบากกับการที่อยู่ร่างที่ไม่ใช่ของลูกเองสินะ...แม้มันจะขัดต่อธรรมชาติไปหน่อยแต่ว่ารับรองว่าลูกจะไม่ต้องทนฝืนในร่างที่ไม่ใช่ของลูกอีกต่อไป” หมอเส็งเริ่มโม้ จนฉันเบือนหน้าหนี

                “เอาล่ะพวกลูกไปนอนบนเตียงนั้น” หมอเส็งชี้ไปที่เตียงเดี่ยวสองเตียงที่ขนาบข้างกันอยู่ ก่อนที่ฉันกับจุนจะลุกไปอย่างเชื่อฟัง

                “เอาล่ะเด็กๆ ถอดเสื้อให้พวกเขาที” หมอเส็งสั่งลูกน้องสองคน ฉันกับจุนลุกพรวดพร้อมกัน

                “อะไรกัน? ถอดเสื้อทำไม?” ฉันโวยวายลั่น

                “อย่าเถียงพ่อสิ พ่อมีญานหยั่งรู้ได้นะ พวกลูกน่ะอยากแปลงเพศใช่มั้ยล่ะ? แต่พ่อจะไม่ให้ไปผ่าตัดหรอกนะ สลับวิญญาณเลยดีกว่า”

                “หา?!” ฉันกับจุนโพล่งออกมาพร้อมกัน แปลงเพศเนี่ยนะ? ไอ้หมอคนนี้มันพวกต้มตุ๋นนี่หว่า!

                “ว่าไงนะ?”

                “พ่อรู้ดี...พ่อมีญาณทิพย์นะ...ดูปราดเดียวก็รู้แล้วว่าพวกลูกเป็นพวกลักเพศใช่มั้ยล่ะ? ไม่ต้องอายพ่อจะช่วยลูกเอง แปปเดียวเท่านั้นแหละ”

                “ตายล่ะ” มิยองอุทาน

                “นี่มันต้มตุ๋นกันนี่หว่าในบอกแม่นนักแม่นหนาไง รู้ดีมีญาณทิพย์ เชอะ! ที่แท้ก็พวกต้มตุ๋นชาวบ้านไปวันๆ ไปกลับ” จุนประกาศอย่าเหลืออด

                “นี่มันเรื่องอะไรกันทำไมพวกลูกหยาบคายกับพ่อแบบนี้”

                “เลิกแทนตัวเองว่าพ่อสักที เราไปเป็นพ่อลูกกันตั้งแต่เมื่อไหร่เจ้าคนหลอกลวง...พวกเราสลับวิญญาณกันไม่ได้จะมาแปลงเพศซะหน่อย ไอ้มั่ว!” ฉันซ้ำ ก่อนจะได้ยินเสียงทุบโต๊ะดังลั่น

                “บังอาจ!!! กล้าหลบหลู่กูเหรอพวกมึง!” หมอเส็งเริ่มเผยธาตุแท้ออกมาเมื่อถูกจับได้

                “พวกเราจะไปฟ้องตำรวจ” ฉันขู่ หมอเส็งลุกขึ้นยืนก่อนจะสั่งให้ลูกน้องจับตัวมา

                พวกเรารู้โดยสัญชาตญาณ...วิ่ง!!!



              มิยองอยู่ใกล้ประตูที่สุดจึงวิ่งออกไปได้เร็วสุด แต่ก็ต้องผงะตกใจเมื่อเห็นยอลยืนเดินไปเดินมาอย่างร้อนใจอยู่ข้างนอก

                “ยอล!” มิยองอุทานอย่างตกใจ

                “รีบหนีไปสิเร็ว” ยอลบอกพลางดันออกไป พี่สาววัยเกือบ40ลุกขึ้นอย่างงงๆว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงเอะอะโวยวายเริ่มดังออกมาเรื่อยๆ

                รายต่อมาก็คือจุนในร่างฉันที่วิ่งหนีหน้าตาตื่นแทบไม่เห็นยอลด้วยซ้ำรีบวิ่งตามมิยองไป ยอลเห็นแล้วร้อนใจที่ฉันยังไม่ออกมาอีกเลยบุกเข้าไป

                “จะหนีไปไหนฉันไม่ยอมให้แกเอาไปฟ้องตำรวจหรอก” หมอเส็งพูดเสียงกร้าว ในขณะที่ยืนมองลูกน้องจับตัวฉันอยู่ ยอลเข้ามาต่อยและถีบไปคนละทีก่อนจะลากฉันออกมา

                “มาได้ไงเนี่ย?” ฉันถามอย่างตกใจในขณะที่วิ่งอยู่ด้วย

              “อย่าถามเลยน่า...หนีก่อน” ยอลบอกปัดก่อนที่พวกเราจะวิ่งหนีไม่คิดชีวิตโดยมีคนของหมอเส็งไล่ตามมาติดๆ

                “เฮ้ยประตูกำลังปิด” ยอลบอกอย่างหัวเสียเมื่อยามคนที่เฝ้าประตูกำลังปิดประตูลงจากเสียงที่ตะโกนของหมอเส็ง

                “แย่ล่ะ” ฉันบอกอย่างลนลาน

                เราถูกขังแล้ว ทางตันแล้วอ่า TT

              “จับมันมา” หมอเส็งสั่งลูกน้อง ยอลไม่ยอมต่อสู้ ฉันเองก็ได้แต่ปัด สะบัดป้องกันตัวไปด้วย

     

                ด้านนอกมิยองซึ่งหนีมาพอสมควรแล้วหันหลับไปมองไม่เห็นทั้งสองคนออกมาก็ร้อนใจจะเข้าไปช่วย แต่จุนขัดไว้

                “เดี๋ยวสิ! เราต้องล่อไอ้ยามคนนั้นมา” จุนคิดก่อนที่จะหยิบไม้หน้าสามแถวนั้นขึ้นมาอย่างถนัดมือก่อนจะเดินกลับไป

                “ช่วยด้วย!!!” เสียงเล็ดลอดออกมาจากชั้นใต้ดินนั้น ทำให้มิยองขวัญเสียจะร้องห่มร้องไห้

                “เสียงจุนนี่ มิยองแย่แล้ว”

                “ไม่ต้องห่วงนะ...มิยองเธอช่วยล่อหมอนั่นให้มาทางนี้หน่อยสิ ฉันจะฟาดมัน” จุนขอความช่วยเหลือ มิยองหยักหน้าแบบไม่เกี่ยง ก่อนจะทำใจกล้าเดินเข้าไปทำลับๆล่อๆ จนมันวิ่งตามมา จุนได้โอกาสเลยฟาดมันสลบ มิยองรู้หน้าที่รีบไปเปิดประตู

                “ออกมาเร็ว!” มิยองตะโกนบอก ฉันกับยอลจึงสะบัดจนหลุดรีบวิ่งหนีออกมา ก่อนที่พวกเราทั้ง4คนจะรีบเรียกแท็กซี่หนีไป

                ในรถจุนหัวเราะอย่างตื่นเต้นเร้าใจเหมือนกับหลุดไปอยู่ในเกมต่อสู้ มิยองก็ยังขวัญเสียอยู่ไม่หาย ส่วนยอลนั่งหอบหายใจอย่างเหนื่อยจัด ส่วนฉันก็ได้แต่เจ็บใจไอ้หมอผีนั่น หลอกให้หลงเชื่อยังไม่พอ นี่ยังต้องเสียค่ามัดจำให้มันอีก เจ็บใจชะมัด         



              “น่าแปลกนะพอถึงตอนคับขันพวกเราก็บังเอิญมาเจอกัน...นายมาได้ยังไงเนี่ยยอล?” จุนในร่างฉันถามอย่างแปลกใจ

                “คือฉันมาหายายน่ะ” เขาโกหกไป

                “ยายหรอ?”

                “ฉันคิดว่ายายอาจจะมาที่นี่ก็เลยมาดูน่ะ” ยอลแถไปเรื่อยแต่จุนก็ไม่สนใจเท่าไหร่ ก่อนจะถามฉันต่อ

                “นายจะเอายังไงต่อจุน?” ฉันบอกอย่างเซ็งๆ

                “ก็ไม่เอายังไงอ่ะ ฉันไม่อยากมีเรื่องใหญ่โต นายก็รู้” ฉันบอกไป ก่อนที่พวกเราจะเงียบกันมาตลอดทางจนถึงโรงเรียน

                พอลงจากรถฉันเลยขอตัวกลับบ้านไปโดยมีจุนไปด้วย(เพราะบ้านไปทางเดียวกัน) เหลือยอลไว้กับมิยอง

                มิยองซึ่งนั่งนิ่งครุ่นคิดอยู่ตลอดทางจึงตัดสินใจหยั่งเชิงถามขึ้น

                “ตอนที่นายไปที่นั่นนายคงไม่ได้ยินอะไรใช่มั้ย?”

                “ไม่...ฉันไม่ได้ยิน” ยอลไม่ได้โกหกเขาไม่ได้ยินจริงๆ

                “โล่งอก!” มิยองพูดออกมาเบาๆ อย่างโล่งใจแต่ก็แทบสำลักออกมาเมื่อได้ยินที่ยอลพูด

                “เพราะฉันรู้อยู่แล้วว่าคิมกับจุนสลับร่างกัน!

     

    สปอยตอนที่ 10 :: เมื่อมิยองได้รู้ความลับที่ยอลรู้ความจริงแล้ว เธอจึงกลายเป็นแม่สื่อจำเป็นให้กับยอล ทำให้จุนเริ่มหึงมิยองบวกกับมีรุ่นพี่น่าเจี๊ยะของมิยองโผล่มาให้จุนหึงเล่นอีกด้วย! และคู่เด็ดในตอนท้ายที่ยอลจะสารภาพรักกับคิม


     



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×