ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สายฝนในลมหนาว

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่แปด....เริ่มรัก

    • อัปเดตล่าสุด 10 ม.ค. 50


    ตอนที่แปด....เริ่มรัก

                กว่าทั้งสองคนจะตื่นก็พาไปเกือบบ่ายโมง  เพราะเมื่อคืนกว่าจะข่มตาข่มใจให้นอนได้ก็เกือบจะเช้า   กฤษรีบตื่นขึ้นมาเพื่อนำเสื้อที่ใส่เมื่อวาน เอาไปซักกลัวว่ามันจะเหม็นขึ้นมา  ส่วนตินยังหลับอุดตุอยู่อย่างไม่รู้เรื่อง กฤษซักผ้า อาบน้ำอะไรเสร็จ ก็เรียกให้ตินขึ้นมา ในใจเขากลัวว่าเมื่อตินขึ้นมาตินจะมองหน้าเขาอย่างไร หรือว่าตินอาจจะไม่ยอมมองเลยก็ได้  เพราะว่ารังเกียจตัวเขากับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน

                ตินตื่นขึ้นมามองหน้ากฤษ พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูสดชื่น  ในแววตาปราศจากเรื่องร้ายใดๆ ทุกอย่างเป็นปกติเหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา  กฤษไล่ไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อว่าจะได้ลงไปหาอะไรทานกัน

                ไปแล้วครับ ไปอาบแล้ว ตินตอบรับแล้วลุกออกจากเตียง  เดินมาที่เขาจับเอวกฤษพร้อมกับเอาหัวมาขยี้กับหลังของเขาเบา ๆ ไปมา 2-3  ครั้ง  ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ

                กฤษรู้สึกแปลก ๆ  กับการกระทำของตินในครั้งนี้  แต่เขารู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก  ตินอาบน้ำไปร้องเพลงไปลั่นห้องน้ำ ดูท่าทางมีความสุขใจ  กฤษนั่งรอที่เตียงพลางดูทีวีฆ่าเวลาไป  กว่าพ่อหนุ่มน้อยจะอาบน้ำเสร็จ  เดินออกมาร่างกายที่เต็มไปด้วยหยดน้ำช่างดูมีเสน่ห์เย้ายวนตาเหลือเกิน กฤษเผลอจ้องนานไปหน่อย

                มองอะไรครับ  น้ำเสียงล้อเลียนดังแว่วมา

     กฤษได้สติจึงโต้กลับ ตัวแค่นี้ อาบน้ำนานจังเลย ปล่อยให้พี่ให้เชื้อหิ้วท้องรอ

    รีบแล้วครับ  คนแก่งอนไม่น่ารักน่ะ

    คำพูดแปลก ๆ  ของตินทำให้กฤษเริ่มจิตใจไขว้เขวเสียแล้ว  นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

    ตินรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว เสร็จแล้วก็กระโดดขึ้นมานั่งจุมปุ๊กบนเตียง  แล้วค่อย ๆ ล้มตัวนอนลงบนตักของกฤษ

    พี่กฤษ...ตินยังง่วงอยู่เลย   ขอนอนอีกซักงีบนะ  ว่าเสร็จแล้ว  เจ้าตัวดีก็แกล้งกรนเสียงดัง กฤษยกขาขึ้นทำให้หัวของตินหล่นลงมาบนเตียง พร้อมกันกฤษหยิบหมอนมาทุบอีกทีหนึ่ง

    ไปลุกได้แล้ว พี่หิวแล้วจะกินควายได้เป็นตัวอยู่แล้ว

    กินคนแทนได้ไหมล่ะ  ตินพูดออกมาลอย ๆ

    บ้า..พูดอะไร  ไปลุกขึ้นมา  แล้ววันนี้เราจะไปกินอะไรกันดี กฤษแกล้งเฉไฉกับคำพูดที่ได้ยิน ทั้งที่ใจตัวเองเต้นตุบตับอย่างไม่เป็นจังหวะ  เกิดอะไรขึ้น  เจ้าตินมันเกิดผีเข้าหรือเปล่าถึงได้พูดจาอะไรแปลก ๆ  ถ้าคนอื่นได้ยินก็คงคิดว่าเขากำลังโดนเด็กจีบแน่นอน   มันเป็นไปไม่ได้หรอกเจ้าตินมันมีแฟนแล้วเป็นผู้หญิงด้วย  แล้วมันก็รู้อยู่แล้วว่าเราก็มีแฟน ยิ่งคิดยิ่งสับสนวุ่นวายหัวใจไม่อยากจะเข้าข้างตัวเอง

    พี่กฤษ เหม่ออะไร ไหนว่าจะไปทานข้าวไง  ตินสะกิดสีข้างกฤษเบา ๆ

    ไม่...ไม่มีอะไร  ไปกันเถอะ  พูดเสร็จกฤษก็เดินนำหน้าไปลิ่วตรงไปยังที่ประตู  โดยไม่ยอมหันไปมองคนที่วิ่งตามข้างหลัง

    ..........................................................

    เทศกาลสงกรานต์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว  และเป็นช่วงวันหยุดที่มีความสุขเช่นกัน กฤษกับตินเริ่มสนิทสนมกันมากกว่าเดิม  เริ่มเล่นหัวพูดจาหยอกล้อกันมากขึ้น บางครั้งเวลาที่กฤษเผลอตินก็แอบมากอดบ้าง บางทีเดินไปไหนด้วยกันตินก็จับแขนกฤษไว้ การใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขนาดนี้ ทำให้ใจกฤษล่องลอยหลุดหายไปแล้ว  บางครั้งเขาไม่อยากจะคุยกับณพเลยเวลาที่ณพโทรมาหา  และแล้ววันแห่งความสุขก็หมดไป เริ่มเข้าสู่วันเวลาของความปกติ  กรุงเทพฯที่ ถนนโปร่งโลงตลอดสาย ไม่มีรถให้ติด  บรรนากาศดั่งเมืองสวรรค์ ก็กลับเข้าสูสภาวะเดิม  รถราเริ่มจอแจ  แออัด คนเริ่มหนาตามากขึ้น มากขึ้นเรื่อย ๆ เมืองนี้ก็กลับเข้าสู่สภาวะเดิม

    กฤษเริ่มหัวยุ่งกับการทำงานอีกครั้ง   ส่วนตินยังรอฟังผลแอดมิชชั่นอยู่ ในตอนแรกทางการจะประกาศก่อนสงกรานต์แต่ก็เลื่อนไป และยังไม่แจ้งกำหนดการประกาศอีกครั้งว่าเป็นวันไหน กฤษลองถามตินดูช่วงวันหยุดว่าจะไปเยี่ยมพ่อตินกันไหม แต่พอกฤษพูดออกมา หนุ่มน้อยอารมณ์ดี  กลับกลายเป็นคนละคนทันที  ความมีทิฐิของตินยังไม่จางหาย ต้องปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องเยียวยารักษาจิตใจ

    อาทิตย์แรกของการทำงานหลังสงกรานต์  กฤษทำงานไม่ค่อยจะกระตือรือร้นซักเท่าไหร่ เพราะงานมันสุมมาหลายวันเกิน  จับต้นชนปลายไม่ค่อยถูกว่าจะเริ่มอันไหนก่อนอันไหนหลังดี  จึงทำให้งานเกิดการชะลอขึ้นมา สร้างความเครียดให้กับเขาเป็นอย่างมาก  แต่เมื่อเขากลับมาถึงห้องมีเจ้าตินมาออดอ้อน มากระเซ้าเหย้าแหย่ ความเครียดก็หายไปบ้าง 

    ช่วงนี้ณพก็ยังโทรมาหากฤษเป็นปกติแต่ก็ไม่ค่อยได้คุยกันยาว ๆ เท่าไหร่  ณพเริ่มสังเกตถึงความเปลี่ยนไปของกฤษ  บางครั้งก็เกิดเรื่องระหองระแหงกันขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย  ณพไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำกฤษเปลี่ยนไม่ค่อยพูดเอาใจเขาเหมือนแต่ก่อน  บางครั้งพูดไปพูดมาก็ตัดบทเฉยเลย   เมื่อณพถามกฤษก็ตอบแบบเดิมๆ ว่าไม่ได้เปลี่ยนเหมือนเดิมปกติทุกอย่าง ส่วนความสัมพันธ์ของเขากับพัฒน์ดูแล้วท่าทางจะไปด้วยดี ทั้งสองคนเริ่มไปโน่นมานี้ด้วยกันบ่อยมากขึ้น ณพพาพัฒน์ไปรู้จักกับเพื่อนสนิท ๆ เก่า ๆ ของเขาหลายคน  คล้าย ๆ เป็นการเปิดตัว ทุก ๆวันณพจะเขียนไดอารี่ในอินเตอร์ถึงพัฒน์ตลอด  แต่เขาไม่เคยเขียนเรื่องราวระหว่างเขากับกฤษให้ใครรับรู้เหมือนกับว่ากฤษไม่มีค่าสำหรับเขาเท่าไหร่ ที่จะนำออกมาให้คนอื่นรับทราบว่าคนนี้คือคนที่เขาคบมาตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา  หรือว่าเขาคบไว้เพียงแค่ให้รู้ว่าเขามีคนคบอยู่  แล้วสักวันหนึ่งที่เขาได้เจอคนที่ถูกใจเขาอย่างพัฒน์ และแล้วถ้าหากวันไหนพัฒน์ตกลงปลงใจที่คบเขาเป็นจริงเป็นจัง  เขาคงจะปล่อยให้คนคนหนึ่งที่รักเขา เดินออกจากชีวิตของเขาไป

    .............................

    เสียงโทรศัพท์มือถือของกฤษดังขึ้นในช่วงระหว่างที่กำลังทานข้าวกลางวัน  กฤษรีบรับสายทันที

    ว่าไงเจ๊  ไม่กินข้าวกินปลาหรือไงครับ  กฤษทักทายเจ๊จ๊อดผู้ที่โทรมาหา

    ฉันกินไม่ลงหรอก คุณน้องอีหมูมันทำงามหน้าอีกแล้วนะ  เจ๊จ๊อดคาบข่าวด่วนพิเศษมา เซทเทิลไลท์ทันที

    เรื่องอะไรอีกล่ะ เจ๊ กฤษถามกลับไป เพราะช่วงนี้เขาไม่ค่อยสนใจใยดีณพสักเท่าไหร่

    ก็ไดอารี่อีหมูนะสิ  มันบรรยายความรักครั้งใหม่ของมันเสียหวานหยาดเยิ้ม หยดย้อยเลยเชียว ฉันอยากให้เธอได้อ่านมาก ๆ  เอาเป็นว่าเลิกงานเย็นนี้เจอกันที่เดิมนะ ฉันจะเปิดให้เธอได้อ่านทุกตัวทุกอักษรเลย  จ๊อดรายงานข่าวแบบน้ำไหลไฟดับ  เมื่อสาธยายเสร็จสรุปเป็นอันว่าทั้งสองก็นัดเจอกันที่เก่าเวลาเดิม เพื่ออ่านไดอารี่ของคนที่กฤษรักนักรักหนา

    .............................

     

                    เจ๊ปริ๊นเก็บไว้ให้ด้วยนะ  กฤษบอกให้จ๊อดหลังจากที่อ่านทุกประโยคทุกตัวอักษร ที่ณพเขียนระบายความในใจถึงคนที่เขารักซึ่งไม่ใช่กฤษแน่นอน

                แล้วคุณน้องจะเอาไปทำอะไรค่ะ จ๊อดถามด้วยความอยากรู้ ส่วนมือก็ง่วนกับการเก็บแล็ปท๊อปใส่กระเป๋า

                เก็บเอาไว้เตือนใจมั๊งเจ๊  กฤษตอบทีเล่นทีจริง แต่สีหน้าและแววตากฤษนั้นทางดูเครียดและสับสน ในใจของเขามันรุ่มร้อนเหมือนมีไฟสุมอยู่ แต่ภายนอกมันช่างเยือกเย็นจนกายหนาวสั่น  อยากจะร้องไห้ออกมาให้สะใจกับความรักที่โง่งมงายมาตลอดเวลา แต่ก็ร้องไม่ออกน้ำตามันตกในเสียจนจุกอก

                คุณน้องจะกลับบ้านหรือยังค่ะ หรือว่าจะไปไหนต่อ  เจ๊ถามขึ้นมาเพราะเห็นว่าอาการของกฤษน่าเป็นห่วงกลัวจะคิดสั้น

                คงกลับนะเจ๊  ไม่รู้จะไปไหนต่อ  กฤษพูดออกมาอย่างใจลอย ๆ

                งั้นก็กลับกันเถอะ  เออ...แล้วน้องตินกลับบ้านเขาหรือยัง  จ๊อดฉุกใจนึกได้ถึงเด็กที่มาอาศัยอยู่กับกฤษ

                ยังไม่กลับ กฤษเริ่มตอบที่ละคำ  เพราะใจใจมัวแต่คิดเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัว ใจมันคิดแต่ว่าทำไม ณพถึงทำกับตัวเองแบบนี้ได้  ทั้งๆ ที่กฤษทำเพื่อณพมากกว่าทำให้กับครอบครัวตัวเองเสียอีก คำถามเดิมๆ มันวนเวียนอยู่ในใจไม่จางหายไปไหน

                อ่าวนะ...แล้วที่บ้านเขาไม่ว่าอะไรเหรอที่ลูกชายเขา มาซุกหัวนอนอยู่กับคนอื่น  จ๊อดถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

                เขาไม่ว่าอะไรนี่  เจ้าตินมันไม่ยอมกลับเอง

                สงสัยจะติดใจเธอละสิ ถึงไม่ยอมกลับ  จ๊อดเหน็บไปนิดหนึ่ง

                บ้านะเจ๊  น้องนุ่งไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย  กฤษพูดออกมากลบเกลื่อนสีหน้าที่มีพิรุธ  ใจจริงเขาก็อยากเล่าถึงความเปลี่ยนแปลงระหว่างความสัมพันธ์ของเขากับตินให้เจ๊จ๊อดรับทราบ แต่เขาตัดสินใจไม่เล่าดีกว่า ความวัวไม่ทันหาย เดี๋ยวความควายเข้ามาแทรกอีก จะยุ่งกันไปเปล่า ๆ ตอนนี้กฤษขอจัดการเรื่องณพให้เสร็จก่อน คราวนี้ให้มันรู้ดำรู้แดงกันไปเลย ไม่อยากค้าง ๆ คา ๆ แบบนี้อีก

                กลับกันเถอะ เจ๊  กฤษเอ่ยปาก พร้อมกับลุกขึ้นมายืนจากที่นั่งรอรถไฟฟ้า

                นี่ ๆ ฝากบอกน้องตินนะ  ถ้าว่าง ๆ เบื่อ ๆ อยากเปลี่ยนบรรยากาศหรู ๆ ดูดีมีสไตล์ มีคนปรนนิบัติพัดวีให้  โทรบอกเจ๊ เจ๊จะไปรับ  จ๊อดพูดแซวเล่นเผื่อว่ากฤษจะได้อารมณ์ดีมากขึ้น

                ได้  เดี๋ยวผมจะบอกให้ ว่าเจ๊มีฮาเรมเด็กหนุ่ม ๆ เป็นของส่วนตัวด้วยกฤษย้อนกลับคืนบ้าง

                ทั้งสองคุยกันอีกสักพัก จึงพาแยกกันกลับ

                คืนนี้กฤษนอนดิ้นกระสับกระส่ายไปมา เรื่องของณพยังวนเวียนในหัวสมอง พยายามข่มตาหลับเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้  จนทำให้คนข้าง ๆ สะดุ้งตื่นเป็นพัก ๆ

                พี่กฤษนอนไม่หลับหรือครับ  ตินถามออกมาเบา ๆ

                อืม..นอนไม่หลับ ไม่รู้เป็นอะไร กฤษพูด ๆ ไปอย่างนั้น  ทั้งที่ในใจก็รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร

                พี่กฤษไม่ได้คุยกับพี่ณพก่อนนอนหรือเปล่า ถึงนอนไม่หลับ  ตินถามสะกิดใจดำของกฤษออกมา

                รู้ได้อย่างไรว่าพี่ไม่ได้คุยกับณพ  กฤษถามเสียงแข็งอย่างไม่พอใจที่ตินมาค่อยสังเกตเรื่องส่วนตัวของตัวเอง

                ก็ทุกครั้งจะเห็นพี่คุยกันก่อนนอน  ตินตอบแบบเสียงอ๋อย ๆ

                วันนี้พี่ไม่อยากคุยแค่นั้นเอง  นอนเถอะดึกแล้ว  กฤษตัดบทไปไม่อยากพูดอะไรต่อไปมากกว่านี้ อีกอย่างเขาก็ปิดมือถือตั้งแต่กลับมาถึงห้อง

                ทะเลาะกันหรือครับ  ตินยังไม่หยุดถามอีก แต่ก็ไม่มีคำตอบใดๆ หลุดจากปากกฤษออกมา

                มีอะไรไม่สบายใจ บอกผมได้นะครับผมยินดีรับฟังเสมอ  ตินพูดออกมาจากใจ เขารู้สึกพิเศษกับคนที่นอนข้างๆ อย่างบอกไม่ถูก ตินรู้ว่ากฤษมีปัญหาแน่นอน แต่จะใช่เรื่องที่เขาเดาหรือไม่เท่านั้นเอง  ตินค่อย ๆ เอื้อมมือไปโอบกอดคนที่หันหลังให้    กฤษรู้สึกอบอุ่นลึก ๆ อย่างบอกไม่ถูก ไออุ่นจากตินไหลผ่านมายังตัวเขา ทำให้กฤษสบายใจมากขึ้น ลูกตาเขาค่อย ๆ หุบลงอย่างช้า ๆ และไม่นานเขาก็หลับไปอย่างมีความสุข

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×