คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่แปด....เริ่มรัก
ตอนที่แปด....เริ่มรัก
กว่าทั้งสองคนจะตื่นก็พาไปเกือบบ่ายโมง เพราะเมื่อคืนกว่าจะข่มตาข่มใจให้นอนได้ก็เกือบจะเช้า กฤษรีบตื่นขึ้นมาเพื่อนำเสื้อที่ใส่เมื่อวาน เอาไปซักกลัวว่ามันจะเหม็นขึ้นมา ส่วนตินยังหลับอุดตุอยู่อย่างไม่รู้เรื่อง กฤษซักผ้า อาบน้ำอะไรเสร็จ ก็เรียกให้ตินขึ้นมา ในใจเขากลัวว่าเมื่อตินขึ้นมาตินจะมองหน้าเขาอย่างไร หรือว่าตินอาจจะไม่ยอมมองเลยก็ได้ เพราะว่ารังเกียจตัวเขากับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
ตินตื่นขึ้นมามองหน้ากฤษ พร้อมกับรอยยิ้มที่ดูสดชื่น ในแววตาปราศจากเรื่องร้ายใดๆ ทุกอย่างเป็นปกติเหมือนกับทุกวันที่ผ่านมา กฤษไล่ไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อว่าจะได้ลงไปหาอะไรทานกัน
“ไปแล้วครับ ไปอาบแล้ว” ตินตอบรับแล้วลุกออกจากเตียง เดินมาที่เขาจับเอวกฤษพร้อมกับเอาหัวมาขยี้กับหลังของเขาเบา ๆ ไปมา 2-3 ครั้ง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ
กฤษรู้สึกแปลก ๆ กับการกระทำของตินในครั้งนี้ แต่เขารู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก ตินอาบน้ำไปร้องเพลงไปลั่นห้องน้ำ ดูท่าทางมีความสุขใจ กฤษนั่งรอที่เตียงพลางดูทีวีฆ่าเวลาไป กว่าพ่อหนุ่มน้อยจะอาบน้ำเสร็จ เดินออกมาร่างกายที่เต็มไปด้วยหยดน้ำช่างดูมีเสน่ห์เย้ายวนตาเหลือเกิน กฤษเผลอจ้องนานไปหน่อย
“มองอะไรครับ” น้ำเสียงล้อเลียนดังแว่วมา
กฤษได้สติจึงโต้กลับ “ ตัวแค่นี้ อาบน้ำนานจังเลย ปล่อยให้พี่ให้เชื้อหิ้วท้องรอ”
“รีบแล้วครับ คนแก่งอนไม่น่ารักน่ะ”
คำพูดแปลก ๆ ของตินทำให้กฤษเริ่มจิตใจไขว้เขวเสียแล้ว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ตินรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว เสร็จแล้วก็กระโดดขึ้นมานั่งจุมปุ๊กบนเตียง แล้วค่อย ๆ ล้มตัวนอนลงบนตักของกฤษ
“พี่กฤษ...ตินยังง่วงอยู่เลย ขอนอนอีกซักงีบนะ” ว่าเสร็จแล้ว เจ้าตัวดีก็แกล้งกรนเสียงดัง กฤษยกขาขึ้นทำให้หัวของตินหล่นลงมาบนเตียง พร้อมกันกฤษหยิบหมอนมาทุบอีกทีหนึ่ง
“ไปลุกได้แล้ว พี่หิวแล้วจะกินควายได้เป็นตัวอยู่แล้ว”
“กินคนแทนได้ไหมล่ะ” ตินพูดออกมาลอย ๆ
“บ้า..พูดอะไร ไปลุกขึ้นมา แล้ววันนี้เราจะไปกินอะไรกันดี” กฤษแกล้งเฉไฉกับคำพูดที่ได้ยิน ทั้งที่ใจตัวเองเต้นตุบตับอย่างไม่เป็นจังหวะ เกิดอะไรขึ้น เจ้าตินมันเกิดผีเข้าหรือเปล่าถึงได้พูดจาอะไรแปลก ๆ ถ้าคนอื่นได้ยินก็คงคิดว่าเขากำลังโดนเด็กจีบแน่นอน มันเป็นไปไม่ได้หรอกเจ้าตินมันมีแฟนแล้วเป็นผู้หญิงด้วย แล้วมันก็รู้อยู่แล้วว่าเราก็มีแฟน ยิ่งคิดยิ่งสับสนวุ่นวายหัวใจไม่อยากจะเข้าข้างตัวเอง
“พี่กฤษ เหม่ออะไร ไหนว่าจะไปทานข้าวไง” ตินสะกิดสีข้างกฤษเบา ๆ
“ไม่...ไม่มีอะไร ไปกันเถอะ” พูดเสร็จกฤษก็เดินนำหน้าไปลิ่วตรงไปยังที่ประตู โดยไม่ยอมหันไปมองคนที่วิ่งตามข้างหลัง
..........................................................
เทศกาลสงกรานต์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเป็นช่วงวันหยุดที่มีความสุขเช่นกัน กฤษกับตินเริ่มสนิทสนมกันมากกว่าเดิม เริ่มเล่นหัวพูดจาหยอกล้อกันมากขึ้น บางครั้งเวลาที่กฤษเผลอตินก็แอบมากอดบ้าง บางทีเดินไปไหนด้วยกันตินก็จับแขนกฤษไว้ การใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขนาดนี้ ทำให้ใจกฤษล่องลอยหลุดหายไปแล้ว บางครั้งเขาไม่อยากจะคุยกับณพเลยเวลาที่ณพโทรมาหา และแล้ววันแห่งความสุขก็หมดไป เริ่มเข้าสู่วันเวลาของความปกติ กรุงเทพฯที่ ถนนโปร่งโลงตลอดสาย ไม่มีรถให้ติด บรรนากาศดั่งเมืองสวรรค์ ก็กลับเข้าสูสภาวะเดิม รถราเริ่มจอแจ แออัด คนเริ่มหนาตามากขึ้น มากขึ้นเรื่อย ๆ เมืองนี้ก็กลับเข้าสู่สภาวะเดิม
กฤษเริ่มหัวยุ่งกับการทำงานอีกครั้ง ส่วนตินยังรอฟังผลแอดมิชชั่นอยู่ ในตอนแรกทางการจะประกาศก่อนสงกรานต์แต่ก็เลื่อนไป และยังไม่แจ้งกำหนดการประกาศอีกครั้งว่าเป็นวันไหน กฤษลองถามตินดูช่วงวันหยุดว่าจะไปเยี่ยมพ่อตินกันไหม แต่พอกฤษพูดออกมา หนุ่มน้อยอารมณ์ดี กลับกลายเป็นคนละคนทันที ความมีทิฐิของตินยังไม่จางหาย ต้องปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องเยียวยารักษาจิตใจ
อาทิตย์แรกของการทำงานหลังสงกรานต์ กฤษทำงานไม่ค่อยจะกระตือรือร้นซักเท่าไหร่ เพราะงานมันสุมมาหลายวันเกิน จับต้นชนปลายไม่ค่อยถูกว่าจะเริ่มอันไหนก่อนอันไหนหลังดี จึงทำให้งานเกิดการชะลอขึ้นมา สร้างความเครียดให้กับเขาเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเขากลับมาถึงห้องมีเจ้าตินมาออดอ้อน มากระเซ้าเหย้าแหย่ ความเครียดก็หายไปบ้าง
ช่วงนี้ณพก็ยังโทรมาหากฤษเป็นปกติแต่ก็ไม่ค่อยได้คุยกันยาว ๆ เท่าไหร่ ณพเริ่มสังเกตถึงความเปลี่ยนไปของกฤษ บางครั้งก็เกิดเรื่องระหองระแหงกันขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ณพไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำกฤษเปลี่ยนไม่ค่อยพูดเอาใจเขาเหมือนแต่ก่อน บางครั้งพูดไปพูดมาก็ตัดบทเฉยเลย เมื่อณพถามกฤษก็ตอบแบบเดิมๆ ว่าไม่ได้เปลี่ยนเหมือนเดิมปกติทุกอย่าง ส่วนความสัมพันธ์ของเขากับพัฒน์ดูแล้วท่าทางจะไปด้วยดี ทั้งสองคนเริ่มไปโน่นมานี้ด้วยกันบ่อยมากขึ้น ณพพาพัฒน์ไปรู้จักกับเพื่อนสนิท ๆ เก่า ๆ ของเขาหลายคน คล้าย ๆ เป็นการเปิดตัว ทุก ๆวันณพจะเขียนไดอารี่ในอินเตอร์ถึงพัฒน์ตลอด แต่เขาไม่เคยเขียนเรื่องราวระหว่างเขากับกฤษให้ใครรับรู้เหมือนกับว่ากฤษไม่มีค่าสำหรับเขาเท่าไหร่ ที่จะนำออกมาให้คนอื่นรับทราบว่าคนนี้คือคนที่เขาคบมาตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา หรือว่าเขาคบไว้เพียงแค่ให้รู้ว่าเขามีคนคบอยู่ แล้วสักวันหนึ่งที่เขาได้เจอคนที่ถูกใจเขาอย่างพัฒน์ และแล้วถ้าหากวันไหนพัฒน์ตกลงปลงใจที่คบเขาเป็นจริงเป็นจัง เขาคงจะปล่อยให้คนคนหนึ่งที่รักเขา เดินออกจากชีวิตของเขาไป
.............................
เสียงโทรศัพท์มือถือของกฤษดังขึ้นในช่วงระหว่างที่กำลังทานข้าวกลางวัน กฤษรีบรับสายทันที
“ว่าไงเจ๊ ไม่กินข้าวกินปลาหรือไงครับ” กฤษทักทายเจ๊จ๊อดผู้ที่โทรมาหา
“ฉันกินไม่ลงหรอก คุณน้องอีหมูมันทำงามหน้าอีกแล้วนะ” เจ๊จ๊อดคาบข่าวด่วนพิเศษมา เซทเทิลไลท์ทันที
“เรื่องอะไรอีกล่ะ เจ๊” กฤษถามกลับไป เพราะช่วงนี้เขาไม่ค่อยสนใจใยดีณพสักเท่าไหร่
“ก็ไดอารี่อีหมูนะสิ มันบรรยายความรักครั้งใหม่ของมันเสียหวานหยาดเยิ้ม หยดย้อยเลยเชียว ฉันอยากให้เธอได้อ่านมาก ๆ เอาเป็นว่าเลิกงานเย็นนี้เจอกันที่เดิมนะ ฉันจะเปิดให้เธอได้อ่านทุกตัวทุกอักษรเลย” จ๊อดรายงานข่าวแบบน้ำไหลไฟดับ เมื่อสาธยายเสร็จสรุปเป็นอันว่าทั้งสองก็นัดเจอกันที่เก่าเวลาเดิม เพื่ออ่านไดอารี่ของคนที่กฤษรักนักรักหนา
.............................
“เจ๊ปริ๊นเก็บไว้ให้ด้วยนะ” กฤษบอกให้จ๊อดหลังจากที่อ่านทุกประโยคทุกตัวอักษร ที่ณพเขียนระบายความในใจถึงคนที่เขารักซึ่งไม่ใช่กฤษแน่นอน
“แล้วคุณน้องจะเอาไปทำอะไรค่ะ” จ๊อดถามด้วยความอยากรู้ ส่วนมือก็ง่วนกับการเก็บแล็ปท๊อปใส่กระเป๋า
“เก็บเอาไว้เตือนใจมั๊งเจ๊” กฤษตอบทีเล่นทีจริง แต่สีหน้าและแววตากฤษนั้นทางดูเครียดและสับสน ในใจของเขามันรุ่มร้อนเหมือนมีไฟสุมอยู่ แต่ภายนอกมันช่างเยือกเย็นจนกายหนาวสั่น อยากจะร้องไห้ออกมาให้สะใจกับความรักที่โง่งมงายมาตลอดเวลา แต่ก็ร้องไม่ออกน้ำตามันตกในเสียจนจุกอก
“คุณน้องจะกลับบ้านหรือยังค่ะ หรือว่าจะไปไหนต่อ” เจ๊ถามขึ้นมาเพราะเห็นว่าอาการของกฤษน่าเป็นห่วงกลัวจะคิดสั้น
“คงกลับนะเจ๊ ไม่รู้จะไปไหนต่อ” กฤษพูดออกมาอย่างใจลอย ๆ
“งั้นก็กลับกันเถอะ เออ...แล้วน้องตินกลับบ้านเขาหรือยัง” จ๊อดฉุกใจนึกได้ถึงเด็กที่มาอาศัยอยู่กับกฤษ
“ยังไม่กลับ” กฤษเริ่มตอบที่ละคำ เพราะใจใจมัวแต่คิดเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัว ใจมันคิดแต่ว่าทำไม ณพถึงทำกับตัวเองแบบนี้ได้ ทั้งๆ ที่กฤษทำเพื่อณพมากกว่าทำให้กับครอบครัวตัวเองเสียอีก คำถามเดิมๆ มันวนเวียนอยู่ในใจไม่จางหายไปไหน
“อ่าวนะ...แล้วที่บ้านเขาไม่ว่าอะไรเหรอที่ลูกชายเขา มาซุกหัวนอนอยู่กับคนอื่น” จ๊อดถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“เขาไม่ว่าอะไรนี่ เจ้าตินมันไม่ยอมกลับเอง”
“สงสัยจะติดใจเธอละสิ ถึงไม่ยอมกลับ” จ๊อดเหน็บไปนิดหนึ่ง
“บ้านะเจ๊ น้องนุ่งไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย” กฤษพูดออกมากลบเกลื่อนสีหน้าที่มีพิรุธ ใจจริงเขาก็อยากเล่าถึงความเปลี่ยนแปลงระหว่างความสัมพันธ์ของเขากับตินให้เจ๊จ๊อดรับทราบ แต่เขาตัดสินใจไม่เล่าดีกว่า ความวัวไม่ทันหาย เดี๋ยวความควายเข้ามาแทรกอีก จะยุ่งกันไปเปล่า ๆ ตอนนี้กฤษขอจัดการเรื่องณพให้เสร็จก่อน คราวนี้ให้มันรู้ดำรู้แดงกันไปเลย ไม่อยากค้าง ๆ คา ๆ แบบนี้อีก
“กลับกันเถอะ เจ๊” กฤษเอ่ยปาก พร้อมกับลุกขึ้นมายืนจากที่นั่งรอรถไฟฟ้า
“นี่ ๆ ฝากบอกน้องตินนะ ถ้าว่าง ๆ เบื่อ ๆ อยากเปลี่ยนบรรยากาศหรู ๆ ดูดีมีสไตล์ มีคนปรนนิบัติพัดวีให้ โทรบอกเจ๊ เจ๊จะไปรับ” จ๊อดพูดแซวเล่นเผื่อว่ากฤษจะได้อารมณ์ดีมากขึ้น
“ได้ เดี๋ยวผมจะบอกให้ ว่าเจ๊มีฮาเรมเด็กหนุ่ม ๆ เป็นของส่วนตัวด้วย” กฤษย้อนกลับคืนบ้าง
ทั้งสองคุยกันอีกสักพัก จึงพาแยกกันกลับ
คืนนี้กฤษนอนดิ้นกระสับกระส่ายไปมา เรื่องของณพยังวนเวียนในหัวสมอง พยายามข่มตาหลับเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้ จนทำให้คนข้าง ๆ สะดุ้งตื่นเป็นพัก ๆ
“พี่กฤษนอนไม่หลับหรือครับ” ตินถามออกมาเบา ๆ
“อืม..นอนไม่หลับ ไม่รู้เป็นอะไร” กฤษพูด ๆ ไปอย่างนั้น ทั้งที่ในใจก็รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร
“พี่กฤษไม่ได้คุยกับพี่ณพก่อนนอนหรือเปล่า ถึงนอนไม่หลับ” ตินถามสะกิดใจดำของกฤษออกมา
“รู้ได้อย่างไรว่าพี่ไม่ได้คุยกับณพ” กฤษถามเสียงแข็งอย่างไม่พอใจที่ตินมาค่อยสังเกตเรื่องส่วนตัวของตัวเอง
“ก็ทุกครั้งจะเห็นพี่คุยกันก่อนนอน” ตินตอบแบบเสียงอ๋อย ๆ
“วันนี้พี่ไม่อยากคุยแค่นั้นเอง นอนเถอะดึกแล้ว” กฤษตัดบทไปไม่อยากพูดอะไรต่อไปมากกว่านี้ อีกอย่างเขาก็ปิดมือถือตั้งแต่กลับมาถึงห้อง
“ทะเลาะกันหรือครับ” ตินยังไม่หยุดถามอีก แต่ก็ไม่มีคำตอบใดๆ หลุดจากปากกฤษออกมา
“มีอะไรไม่สบายใจ บอกผมได้นะครับผมยินดีรับฟังเสมอ” ตินพูดออกมาจากใจ เขารู้สึกพิเศษกับคนที่นอนข้างๆ อย่างบอกไม่ถูก ตินรู้ว่ากฤษมีปัญหาแน่นอน แต่จะใช่เรื่องที่เขาเดาหรือไม่เท่านั้นเอง ตินค่อย ๆ เอื้อมมือไปโอบกอดคนที่หันหลังให้ กฤษรู้สึกอบอุ่นลึก ๆ อย่างบอกไม่ถูก ไออุ่นจากตินไหลผ่านมายังตัวเขา ทำให้กฤษสบายใจมากขึ้น ลูกตาเขาค่อย ๆ หุบลงอย่างช้า ๆ และไม่นานเขาก็หลับไปอย่างมีความสุข
ความคิดเห็น