คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนสาม...เริ่มรู้
ตอนสาม...เริ่มรู้
แสงแดดของตอนสาย ๆ มันผ่านหน้าต่างเขามา เจ้าตินนอนงอคุดคู้อยู่ข้าง ๆ เตียงเหมือนเดิม สงสัยท่าทางจะเมื่อย ที่จริงแล้วเตียงขนาด
“สวัสดีครับ ที่บ้านของตินใช่ไหมครับ” กฤษลองเสียงถามไป
“ใช่ค่ะ แต่น้องตินไม่อยู่นะค่ะ” เสียงปลายทางตอบกลับมา
“งั้นก็ขอคุยกับคุณพ่อของตินได้ไหมครับ” กฤษลองเสี่ยงถามไปอีกครั้งหนึ่ง
“เฮียเชษฐ์ก็ไม่อยู่ค่ะ ไปโรงพยาบาลค่ะ” แก้ว ผู้หญิงที่รับสายบอกชื่อพ่อของตินและบอกว่าพ่อของตินไปไหน
“คุณเชษฐ์ไม่สบายหรือครับ” กฤษถามดูด้วยความสงสัย ถ้าหากพ่อของตินไม่สบายเขาจะต้องบอกให้ตินทราบ
“เปล่าค่ะ เฮียเชษฐ์ไปเฝ้าน้องเติร์กค่ะ น้องเติร์กตกบันไดนอนอยู่โรงพยาบาล สลบยังไม่ฟื้นเลยค่ะ” แก้วปฏิเสธไป แล้วได้แจ้งถึงความจริงให้เขาทราบ กฤษเดาทางถูก เติร์กคงเป็นน้องชายของติน กฤษก็เลยสวมรอยถามต่อไปอีก
“น้องเติร์ก อยู่โรงพยาบาลอะไรครับ ว่าง ๆ ผมจะได้ไปเยี่ยม”
“อยู่โรงพยาบาลมิชชั่นค่ะ ห้อง 0435 นะคะ”
“ครับ ขอบคุณมากครับ” กฤษวางสาย ภายในหัวเขาก็คิดอะไรได้อย่างหนึ่งทันที เขาจึงรีบปลุกให้ตินขึ้นมา เพื่อไปทำธุระกับเขานิดหนึ่ง
“ติน ติน ตื่นได้แล้ว สายแล้ว” กฤษเขย่าตัวตินเบา ๆ
ตินงัวเงียตื่นขึ้นมา ท่าทางเหมือนเด็ก5-6 ขวบถูกปลุกให้ตื่นนอน
“ไปอาบก่อน เร็ว เดี๋ยวออกไปหาอะไรกินกันข้างนอก พี่หิวแล้ว” กฤษเร่งตินให้ไปทำธุระส่วนตัวให้เสร็จ ตินลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำอย่างง่วงเหงาหาวนอน เสียงเปิดฝักบัวในห้องดังซู่ ๆ สักพักก็เงียบไป แล้วก็ดังขึ้นอีกรอบ เสียงโทรศัพท์ของกฤษดังขึ้นมา เขาจึงรีบไปรับสาย แล้วเดินออกไปคุยนอกห้อง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้ณพสงสัยว่าทำไม เสียงฝักบัวในห้องน้ำมันดัง
“ตัวเองทำอะไรอยู่” ณพส่งเสียงอารมณ์ดี ๆ ทักทายกฤษในช่วงใกล้เที่ยง
“กำลังจะออกไป ธุระข้างนอกครับ” กฤษบอกณพไป
“ไปไหนเหรอ” ณพถามต่อ
“อ๋อ นัดเจ๊ไว้ว่าจะไปเดินสวน” กฤษโกหกณพว่าจะไปเดินจตุจักรกับจ๊อดเพื่อนรุ่นพี่
“ตัวเอง ดูกางเกงทำงานให้เขาด้วยสิ ที่อยู่ตอนนี้มันใส่ได้แค่ 2 ตัวเอง เอาเอว 32 นะ”
ณพบอกถึงสิ่งที่ตัวเองอยากได้ เพราะทุกครั้งไม่ว่าจะไปเสื้อ กางเกง รองเท้าหรือของอะไรก็ตามที่เขาอยากได้ เขาจะโทรไปบอกกฤษเป็นคนจัดซื้อจัดหาให้
“อ้าว กางเกงที่มีอยู่มันก็เอว 32 ไม่ใช่เหรอ” กฤษย้อนถามกลับไป
“ ที่ซื้อมาคราวก่อน 31 ตอนนี้มันคับแล้ว อีกอย่างสีมันก็ ซี้ดซีด” ณพบอกเหตุผล ที่ต้องการกางเกงตัวใหม่
“เขายังไม่มีตังค์” กฤษเอ่ย ออกไป ทั้ง ๆ ที่จริงแล้ว กฤษมีเงินพอที่จะซื้อให้เขาอยู่แล้ว แต่กฤษอยากจะรู้ว่าณพจะพูดอย่างไร
“ก็ไม่เป็นไร ตัวเองออกให้เขาก่อน เดี๋ยวสิ้นเดือนเขาโอนให้”
“งั้นเดี๋ยวจะดูให้ก่อนนะ ถ้าเจอที่ถูกใจจะซื้อให้ก็แล้วกัน” กฤษรับปากณพไปอย่างนั้นแหละ เพราะยังไงวันนี้เขาก็ไปได้จะไปซื้อขงซื้อของอะไร ธุระที่เข้าตั้งใจจะไปคือไปโรงพยาบาลมิชชั่น
“เดี๋ยวเขาไป แต่งตัวก่อนนะ” กฤษรีบตัดบทไป เพราะคิดว่าตินคงอาบเสร็จแล้ว
กฤษกดวางสายเสร็จ ก็เปิดประตูห้องเข้าไป เห็นตินยืนเช็ดตัวอยู่หน้ากระจก รูปร่างสมส่วน หน้าตาก็ใช้ได้อยู่ที่โรงเรียนคงมีสาว ๆ ติดกันเกรียวแน่นอน
“รีบแต่งตัวนะ เดี๋ยวพี่ขออาบน้ำไม่เกิน 5 นาที” กฤษพูดเสร็จก็หยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป
กฤษเปิดฝักบัวใช้ความชุ่มฉ่ำของสายน้ำชำระร่างกาย ภายในใจก็คิดว่าจะพูดอย่างไร เมื่อไปถึงโรงพยาบาลแล้ว จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง เมื่อพ่อลูกเจอหน้ากัน แล้วความคิดหนึ่งก็แวบขึ้นมา ทำดีที่สุดแล้ว ช่างมันเถอะ กฤษจึงเร่งอาบน้ำให้เสร็จ แล้วออกมาจากห้องน้ำเดินไปหยิบเสื้อในตู้ ตินนั่งดูทีวีอย่างสบายอารมณ์
“ตินทานข้าวเสร็จแล้ว ไปส่งพี่เยี่ยมญาติที่โรงพยาบาลหน่อยนะ” กฤษอ้างถึงธุระที่จะไป
“ครับ” ตินรับคำ
หลังจากที่แต่งตัวเสร็จแล้วทั้งสองคนเดินลงมาหาอะไรทานแถว ๆ อพาร์ตเม้นท์ที่ตนเองอาศัยอยู่ เมื่อรับประทานเสร็จ กฤษก็เรียกแท็กซี่ไปโรงพยาบาลมิชชั่นทันที
....................................
“ห้อง
กฤษเปิดประตูเข้าไปแล้วหันไปมองดูว่า ตินไม่ตามเข้ามา เขาจึงเปิดประตูเรียกตินเข้าไป
“ติน ติน เข้ามาก่อน”
ตินเดินเข้าไปในห้องอย่างเสียมิได้
พิเชษฐ์เห็นชายหนุ่มแปลกหน้าเดินเข้ามาก็แปลกใจ และยิ่งแปลกใจหนักว่าเดิม เมื่อชายหนุ่มคนนี้เรียกลูกชายคนโตของตัวเองเข้ามาในห้องด้วย ในใจของเขาเดือดพลุ่นพล่าน ลูกชายคนนี้คงไปก่อเรื่องมาอีกแล้วสิ เจ้าทุกข์เขาถึงได้ตามมาเอาเรื่องถึงโรงพยาบาล อารมณ์โกรธของเขาพุ่งปรี๊ดขึ้นมาทันที เมื่อตินก้าวเท้าเข้ามาในห้อง พิเชษฐ์ รีบเดินไปกระชากแขนเข้าแล้วตะคอกไปด้วยอารมณ์โมโห
“มึงนี่มันเลว จริง ๆ ก่อเรื่องไว้ที่บ้านไม่พอ มึงยังไปสรรหาเรื่องข้างนอกมาให้กูปวดกบาลเล่นอีก มึงไม่เห็นหรือ นอนอยู่บนเตียงยังไม่ได้สติสตัง ก็เป็นฝีมือของมึง มึงจะเอายังกับกูอีก” พิเชษฐ์ผลักตินล้มลงไป กฤษเห็นเหตุการณ์ก็รีบช่วยพยุงตินลุกขึ้นมา
“คือว่า ..คือว่าคุณอาอย่าเข้าใจผิดนะครับ” กฤษพยายามอธิบายเหตุผลที่พาตินมาที่นี่
“คุณไม่ต้องพูดอะไร ผมต้องชดใช้ค่าเสียหายให้คุณเท่าไหร่” พิเชษฐ์ยังยังพล่ามต่อ
“ไม่มีอะไรเสียหาย คือว่าผม ...ผมาพาตินมาเยี่ยม..” กฤษพยายามอธิบายต่อ แต่ไม่ทันพูดอะไรอีก พิเชษฐ์ก็หันมาใส่ตินอีกรอบหนึ่ง
“มึง ไอ้ลูกไม่รักดี แค่กูไม่ให้มึงเรียนต่อมหาลัย มึงยังทำกับน้องมึงอย่างนี้เลย ถ้าน้องมึงเป็นอะไรมากไปกว่านี้ มึงเตรียมตัวให้ดี กูจะเอาเลือดกบาลมึงออกมาดู ว่าเลือดชั่ว ๆของมึงมันสีอะไร”
ตินรู้สึกน้อยใจ เสียใจที่พ่อไม่เข้าใจเขา เขาไม่เคยทำร้ายน้องชายตัวเอง ตินรักน้องชายของตัวเองมาก ถึงแม้จะไม่ใช่แม่เดียวกันก็ตาม แต่ถึงยังไงเขาก็ไม่คิดเคยทำร้ายน้องตัวเอง เด็ดขาด ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นอุบัติเหตุ ถึงเขาอธิบายไปพ่อก็ไม่เชื่อเขาอยู่ดี ตินจึงรีบเดินออกไปจากห้อง เขาไม่อยากทนอยู่ในสภาพแบบนี้อีกต่อไป กฤษเห็นตินเดินออกจากห้องไป เขาจึงรีบตามออกไป
“คุณอาครับ ว่าง ๆ ผมมาเยี่ยมใหม่นะครับ” กฤษพูดเสร็จเปิดประตูรีบเดินออกไป เขาเห็นตินเดินตัวปลิวไปอย่างไม่สนใจใครว่าจะมาใครมาเดินชนเขา กฤษจึงวิ่งตามจนทันก่อนที่ตินจะเดินพ้นออกจากรั้วโรงพยาบาล
“ติน รอพี่ก่อน” กฤษเรียกไว้ แต่ตินไม่สนใจเดินหน้าต่อไปเรื่อย ๆ
“ติน เดี๋ยวก่อนสิ คุยกันก่อน” กฤษเรียกอีกครั้ง แต่ตินไม่สนใจอยู่ดี เดินต่อไปข้างหน้าอย่างไร้จุดมุ่งหมาย กฤษจึงวิ่งไปดักหน้าพร้อมทั้งจับตัวเอาไว้ ตินพยายามสะบัดตัวแต่ก็ไม่หลุด กฤษจับไว้แน่น สีหน้าของตินเริ่มแดงขึ้น แดงขึ้น
“พี่ ผมเจ็บนะ” ตินพูดออกมาเบา ๆ
กฤษรู้ตัวจึงรีบปล่อยมือ พร้อมเอ่ยปากคำขอโทษ
“พี่ขอโทษน่ะ พี่แค่อยากให้ตินมาปรับความเข้าใจกับพ่อ พี่คิดว่าพ่อลูกกันน่าจะคุยกันรู้เรื่อง”
“แล้วเป็นไงบ้าง พี่เห็นพ่อผมหรือยัง” ตินย้อนกลับ
“โอเค พี่ขอโทษอีกครั้งหนึ่งแล้วกัน อย่างน้อยพี่ก็รู้อะไรมากขึ้น ตินจะไปไหนหรือเปล่า เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
ตินส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธ ว่าเขาไม่รู้จะไปไหน ตอนนี้เขารู้สึกสับสนไปหมดทุกอย่าง
“ถ้าอย่างนั้นก็กลับห้องกันเถอะ” กฤษชวนตินกลับห้อง พร้อมกับจูงมือเดินไปรอรถเมล์ที่ป้าย
รถเมล์วิ่งผ่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิบ่ายหน้าตรงไปทางสะพานควาย วันนี้เป็นวันอาทิตย์คนไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าไหร่ รถไม่ติด ไปได้เรื่อย ๆ ตินนั่งรถไป ตาก็เหม่อมองออกไป คิดถึงวันเก่าที่เขาเคยมีความสุขกับครอบครัว น้ำตามันก็ไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว เขาอยากให้วันคืนเก่า ๆ หวนกลับมาอีกครั้ง กฤษนั่งมองดูอาการของตินมาตลอดทาง เขาก็ไม่รู้จะสรรหาคำพูดใดมาปลอบใจตินในขณะนี้ มีแต่เพียงมือที่กุมมือของตินไว้เท่านั้น
รถเมล์มาชะลอบริเวณสถานีรถไฟฟ้าสวนจตุจักรเพื่อรอรับผู้โดยสาร ซึ่งยืนรอขึ้นรถเต็มไปหมดตามบริเวณฟุตบาท
“ติน ๆ ลงเดินเล่นกันก่อนดีไหม” กฤษเอ่ยถามขึ้นมา เป็นการทำลายความเงียบชั่วขณะหนึ่ง
ตินพยักหน้าเป็นการตอบตกลง ทั้งสองจึงพากันเดินลงจากรถเมล์ แล้วฝ่าคลื่นฝูงชนหายเข้าไปในสวนสาธารณะที่อยู่ตรงบริเวณแถวนั้น
“ดื่มน้ำไหม” กฤษเดินไปตรงแผงขายน้ำข้าง ๆ ประตูเข้าสวน
“ดื่มอะไรดีล่ะ” กฤษยังถามความคิดเห็นของตินต่อไป แต่ตินก็ยังไม่มีคำพูดใด ๆ หลุดออกปาก
“ป้าเอาโค้ก 2 กระป๋อง” ป้าคนขายน้ำ หยิบน้ำอัดลมใส่ถุงหิ้วพร้อมกับหลอด กฤษรับของพร้อมจ่ายเงิน แล้วทั้งสองก็เดิน หาที่ร่ม ๆ นั่งพักผ่อนสมอง เพื่อที่หาทางแก้ไปปัญหาที่เกิดขึ้นต่อไป
“ติน..ตินไว้ใจพี่หรือเปล่า” กฤษลองใจถามติน ตินหันมามองหน้ากฤษอย่างช้า ๆ แล้วจ้องมองหน้าเพื่อหาความเชื่อใจในสายตาของกฤษ เมื่อเขาพบว่าแววตาคู่นี้ไว้ใจได้ ตินจึงพยักหน้าช้า ๆ
“ดื่มน้ำก่อนสิ” กฤษเปิดสลักกระป๋องน้ำอัดลมเอาหลอดดูดเสียบเข้าไปยื่นให้กับติน ตินรับมาแล้วค่อยๆ จิบน้ำจากหลอดดูดอย่างช้า สายตาเขามองไปข้างหน้าอย่างคนมีความในใจ
“ติน..พี่อยากรู้เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เอาความจริงนะ” กฤษเริ่มรุกถามความเป็นจริงจากติน อย่างน้อยเขาจะได้หาทางออกได้บ้าง
“ครับ พี่ ผมจะเล่าความจริงให้พี่ฟังทั้งหมด แต่พี่จะเชื่อหรือไม่ก็สุดแล้วแต่พี่ก็แล้วกัน” ตินเริ่มเปิดใจพูดความจริงอีกครั้ง แต่ในใจเขายังคิดว่ากฤษอาจจะไม่เชื่อในคำพูดของเด็ก ม.6 คนหนึ่งก็ได้ เพราะยังไงผู้ใหญ่ก็ต้องเป็นฝ่ายถูกเสมอและทุกครั้งไป
“ทำไมพี่จะไม่เชื่อ ตินล่ะ ถ้าพี่ไม่เชื่อใจติน พี่ก็ไม่พาตินมาพักที่ห้องหรอก” กฤษเอาน้ำเย็นเข้าลูบอีกครั้ง
“ครับ” ตินรับคำเบา ๆ อีกครั้ง
ความคิดเห็น