ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สายฝนในลมหนาว

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่สิบเอ็ด...เรียนรู้

    • อัปเดตล่าสุด 10 ม.ค. 50


    ตอนที่สิบเอ็ด...เรียนรู้

    แสงแดดยามสายสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ๆ  ฝนหยุดตกตั้งแต่เมื่อวาน หยุดพร้อมกับการเดินจากไปของณพ  ฟ้าหลังฝนมันช่างดูสดใส  แต่ในใจของกฤษกลับเศร้าหมองยิ่งกว่าท้องฟ้าในวันฝนตก  กฤษพยายามยกหัวขึ้นจากหมอนแต่ก็ยกไม่ขึ้น รู้สึกมันหนักหัวอย่างบอกไม่ถูก มองดูเพดานห้องมันหมุนเคว้งไปหมด   กฤษสงสัยว่าตัวเองคงไม่สบายแน่นอน   กฤษจึงข่มตาหลับไปอีกรอบหนึ่ง

    เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น  กฤษเอามือความหาโทรศัพท์ เมื่อเขาหาเจอก็หยิบขึ้นมาดูว่าเป็นใครโทรมา ในใจเขาอยากให้เป็นณพโทรมา แต่แล้วคนที่โทรมากลับกลายเป็นติน

    ................................

    ตินรีบนั่งแท็กซี่จากห้องเพื่อนกลับมาที่ห้องกฤษอย่างรวดเร็ว   เมื่อเขาได้โทรคุยกับกฤษแล้วรู้ว่ากฤษไม่สบาย เขารู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน

    เมื่อรถมาถึงหน้าอพาร์ตเม้น ตินก็รีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องทันที เมื่อเปิดประตูเข้าไป พบกับกฤษนอนซมด้วยพิษไข้อยู่บนเตียงกับสภาพร่างกายที่ดูไม่ได้เลย  เมื่อกฤษเห็นหน้าติน น้ำตาก็เริ่มไหลมาอีกครั้ง   ตินก็พอจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่ณพมาอยู่ที่นี่  เขาจึงไม่ซักไซ้ไล่เลียงอะไร  หาข้าวหายาให้กฤษทานช่วยดูปฐมพยาบาลจนอาการกฤษดีขึ้น

    คืนนี้อาการทางร่างกายของกฤษค่อยยังชั่ว และจิตใจนั้นยังคงเหมือนเดิม  กฤษยังคิดถึงณพไม่จางหาย  ตินไม่รู้ทำอย่างไรดี จึงดึงตัวกฤษมากอดไว้ในอ้อมกอด    กฤษรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง จึงค่อยเอื้อมมือไปกอดตินไว้  กฤษนอนซบอยู่กับไหล่ของติน   กฤษค่อยๆ แหงนหน้ามองดูตินกลับพบสายตาตินที่มองอย่างเป็นห่วง  เมื่อสายตาของสองคนประสานกัน  ความนัยต่าง ๆ จากภายในใจเริ่มเผยออกมาให้รู้ว่าทั้งสองมีความรู้สึกต่อกันเช่นไร

    กฤษค่อยๆ ขยับตัวขึ้นมาเพื่อให้นอนเสมอกับติน ทั้งสองนอนมองหน้ากัน ทั้งที่มือของทั้งคู่ยังโอบกอดกันอยู่  จากนั้นใบหน้าทั้งสองค่อย ๆ เลื่อนเข้าหากันอย่างช้า ๆ ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกันอย่างนุ่มนวล มือของทั้งคู่ต่างก็ลูบไล้กันไปมาเพื่อสัมผัสทุกอณูส่วนสัดของร่างกาย ถึงเวลานี้แล้วก็ไม่มีอะไรที่จะมาห้ามความต้องการของทั้งสองได้ ทั้งสองคนจึงปล่อยอารมณ์ไปตามครรลองของบทเพลงกามา

    .............................................

                หลังจากนั้นมา อาการของกฤษเริ่มดีขึ้นหายวันหายคืน เหมือนกับว่าเขาได้รับการรักษาชั้นดีจากหมอคนเก่งที่ชื่อติน   กฤษกลับกลายเป็นคนเดิมที่ดูร่าเริงอีกครั้ง หลังจากที่บาดเจ็บกับความรักไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง

                แต่ทั้งสองคนก็ยังไม่ได้ตกลงกันว่าจะเป็นอะไรกันดี เพราะความสัมพันธ์ยังอยู่กึ่ง ๆ กลางระหว่างคำว่าพี่น้องกับคนรัก แต่ทั้งสองก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างปกติเหมือนทุกครั้งที่ผ่าน ส่วนสำหรับเรื่องบนเตียงนั้นก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย จนกระทั่งผลแอดมิชชั่นออกมา  ตินนำคะแนนไปยื่นกับคณะที่เขาหวังไว้ ในที่สุดเขาก็ผ่านเข้าไปเป็นนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์จนได้ ดั่งใจที่เขาหวังไว้

                ติน จะไปบอกพ่อหรือเปล่า กฤษถามขึ้นมาขณะที่สองคนนั่งกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยเพราะมื้อนี้กฤษทำกับข้าวอย่างพิเศษเลี้ยงฉลองให้กับว่าที่เฟรชชี่ของมหาวิทยาลัยชื่อดังในย่านสามย่าน

                พี่กฤษไปคุยกับผมไหมล่ะ  ผมว่าพ่อเขาก็คงจะเกรงใจพี่บ้าง หรืออย่างน้อยพี่ก็คงช่วยคุยให้ผมได้บ้าง  ตินพูดออกมาอย่างสบายใจ

                ได้..ได้อยู่แล้ว พี่ทำให้กับที่พี่...เออทำให้กับน้องของพี่ได้อยู่แล้ว กฤษพูดออกมาในขณะที่ตาก็จ้องมองเด็กหนุ่มคนที่เขารู้สึกว่ารักไปเสียแล้ว

                งั้นไปพรุ่งนี้เลยนะครับ  พี่ว่าพ่อผมจะดีใจด้วยหรือเปล่า  ตินเงยหน้ามามองกฤษพูดอย่างมีความสุข

    ดีใจอยู่แล้ว มีพ่อแม่ที่ไหนบ้างไม่ภูมิใจที่ลูกตัวเองสอบติดมหาวิทยาลัย  กฤษนึกถึงตัวเองตอนที่สอบติดมหาวิทยาลัยใหม่ ๆ มันช่างภาคภูมิใจเหลือเกินเวลาที่มีคนถามพ่อกับแม่ว่าลูกชายเรียนที่ไหน

                ทานให้อิ่ม ๆ  นะ

                ครับผม  ตินจะกวาดให้เกลี้ยงเลย  ตินพูดไปหัวเราะไปทั้ง ๆ ที่มีข้าวอยู่เต็มปากวันนี้เป็นที่ทั้งสองช่างมีความสุขกันเหลือเกิน แต่อนาคตข้างล่ะจะเป็นเช่นไรต่อไปไม่มีใครรู้หรอก

    .............................................

                กฤษขันอาสาเป็นคนเจรจาเรื่องที่ตินสอบติดมหาวิทยาลัยกับพ่อของติน  บรรยากาศแรก ๆ ก็ดูเคร่งเครียด ดูเหมือนว่าคุณพิเชษฐ์จะไม่ยอม  แต่เมื่อกฤษอธิบายเหตุผลต่าง ๆ นานา ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูด จนสุดท้ายพิเชษฐ์ก็ยินยอมพร้อมใจให้ตินเรียนมหาวิทยาลัยได้  โดยมีข้อแม้ว่าตินต้องช่วยดูแลกิจการขายข้าวสารในช่วงวันหยุดด้วย  และถ้าหากผลการเรียนในเทอมแรกไม่ดีขึ้นมา  ตินต้องออกมาขายข้าวสารตลอดไป  โดยไม่มีโอกาสเรียนต่อมหาวิทยาลัย และอีกอย่างตินก็ต้องกลับมาอยู่บ้านด้วย  ตินรับปากเป็นอย่างดี  พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าเขาจะเรียนให้ดีที่สุดไม่ให้พ่อกับกฤษผิดหวังเด็ดขาด 

    ตินกลับมาเก็บของที่ห้องกฤษ กฤษรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกเหมือนตัวเองกำลังถูกทิ้งอยู่ในทะเล ให้ลอยคออยู่คนเดียว ฟางเส้นสุดท้ายที่อยู่ในมือกำลังจะหลุดลอยไป เขาอยากจะหยุดเวลานี้ไว้ให้นาน ๆ ไม่อยากตินจากไปไหน

    เก็บของเสร็จแล้ว  พี่จะไปส่งผมอีกรอบหรือเปล่า ตินขอความคิดเห็นจากกฤษ

    อยากให้ไปส่งไหมล่ะ กฤษถามกลับมาอย่างลอย ๆ และทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

    ก็ต้องไปส่งสิ ที่ตอนนั้นยังไปขอเอาลูกเขามาได้  ตอนนี้จะผลักไสไล่ส่งให้กลับไปเองเลยเหรอ ตินทำหน้างอนแบบเด็ก ๆ

    ใครบอกไปขอ  พี่แค่ชวนเด็กบางคนก็วิ่งตามมาที่ห้องแล้ว  กฤษแกล้งพูดออกไป

    ตินทำหน้างอนกว่าเดิม กฤษจึงเดินเข้าไปกอดเป็นการปลอบใจ ทั้งสองคนมองหน้ากันสักพัก ไฟอารมร์ปรารถนายังครุกรุ่น ริมฝีปากทั้งสองประกบกันทันที ทั้งสองต่างดูดดื่มความหอมหวานและความสุขจากกันและกันอย่าเนิ่นนาน  ก่อนที่อะไรมันจะเกินเลยไปกว่านี้เหมือนกับคราวก่อน  ตินจึงรีบผละออกพร้อมกับหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย

    พี่กฤษไปกันเถอะ เดี๋ยวถึงบ้านจะค่ำ  เย็นนี้ทานข้าวบ้านผมนะ  ตินพยายามฝืนพูดจนลิ้นพันกัน

    กฤษหายใจหอบเบาๆ  หัวใจเขายังเต้นไม่ปกติ

    ได้ ๆ  กฤษเดินไปอ่างล้างหน้าพร้อมกับล้างหน้าล้างตาให้รู้สึกสดชื่น  จากนั้นทั้งสองก็เดินออกจากห้องไป

    ในรถแท็กซี่กฤษกับตินนั่งจับมือกันตลอดทาง ในหัวของกฤษได้ยินแต่คำว่า

    ผมจะแวะมาเยี่ยมพี่บ่อย ๆ นะครับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×