คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่สิบเอ็ด...เรียนรู้
ตอนที่สิบเอ็ด...เรียนรู้
แสงแดดยามสายสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ๆ ฝนหยุดตกตั้งแต่เมื่อวาน หยุดพร้อมกับการเดินจากไปของณพ ฟ้าหลังฝนมันช่างดูสดใส แต่ในใจของกฤษกลับเศร้าหมองยิ่งกว่าท้องฟ้าในวันฝนตก กฤษพยายามยกหัวขึ้นจากหมอนแต่ก็ยกไม่ขึ้น รู้สึกมันหนักหัวอย่างบอกไม่ถูก มองดูเพดานห้องมันหมุนเคว้งไปหมด กฤษสงสัยว่าตัวเองคงไม่สบายแน่นอน กฤษจึงข่มตาหลับไปอีกรอบหนึ่ง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น กฤษเอามือความหาโทรศัพท์ เมื่อเขาหาเจอก็หยิบขึ้นมาดูว่าเป็นใครโทรมา ในใจเขาอยากให้เป็นณพโทรมา แต่แล้วคนที่โทรมากลับกลายเป็นติน
................................
ตินรีบนั่งแท็กซี่จากห้องเพื่อนกลับมาที่ห้องกฤษอย่างรวดเร็ว เมื่อเขาได้โทรคุยกับกฤษแล้วรู้ว่ากฤษไม่สบาย เขารู้สึกเป็นห่วงอย่างบอกไม่ถูกเหมือนกัน
เมื่อรถมาถึงหน้าอพาร์ตเม้น ตินก็รีบวิ่งขึ้นไปที่ห้องทันที เมื่อเปิดประตูเข้าไป พบกับกฤษนอนซมด้วยพิษไข้อยู่บนเตียงกับสภาพร่างกายที่ดูไม่ได้เลย เมื่อกฤษเห็นหน้าติน น้ำตาก็เริ่มไหลมาอีกครั้ง ตินก็พอจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่ณพมาอยู่ที่นี่ เขาจึงไม่ซักไซ้ไล่เลียงอะไร หาข้าวหายาให้กฤษทานช่วยดูปฐมพยาบาลจนอาการกฤษดีขึ้น
คืนนี้อาการทางร่างกายของกฤษค่อยยังชั่ว และจิตใจนั้นยังคงเหมือนเดิม กฤษยังคิดถึงณพไม่จางหาย ตินไม่รู้ทำอย่างไรดี จึงดึงตัวกฤษมากอดไว้ในอ้อมกอด กฤษรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง จึงค่อยเอื้อมมือไปกอดตินไว้ กฤษนอนซบอยู่กับไหล่ของติน กฤษค่อยๆ แหงนหน้ามองดูตินกลับพบสายตาตินที่มองอย่างเป็นห่วง เมื่อสายตาของสองคนประสานกัน ความนัยต่าง ๆ จากภายในใจเริ่มเผยออกมาให้รู้ว่าทั้งสองมีความรู้สึกต่อกันเช่นไร
กฤษค่อยๆ ขยับตัวขึ้นมาเพื่อให้นอนเสมอกับติน ทั้งสองนอนมองหน้ากัน ทั้งที่มือของทั้งคู่ยังโอบกอดกันอยู่ จากนั้นใบหน้าทั้งสองค่อย ๆ เลื่อนเข้าหากันอย่างช้า ๆ ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกันอย่างนุ่มนวล มือของทั้งคู่ต่างก็ลูบไล้กันไปมาเพื่อสัมผัสทุกอณูส่วนสัดของร่างกาย ถึงเวลานี้แล้วก็ไม่มีอะไรที่จะมาห้ามความต้องการของทั้งสองได้ ทั้งสองคนจึงปล่อยอารมณ์ไปตามครรลองของบทเพลงกามา
.............................................
หลังจากนั้นมา อาการของกฤษเริ่มดีขึ้นหายวันหายคืน เหมือนกับว่าเขาได้รับการรักษาชั้นดีจากหมอคนเก่งที่ชื่อติน กฤษกลับกลายเป็นคนเดิมที่ดูร่าเริงอีกครั้ง หลังจากที่บาดเจ็บกับความรักไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง
แต่ทั้งสองคนก็ยังไม่ได้ตกลงกันว่าจะเป็นอะไรกันดี เพราะความสัมพันธ์ยังอยู่กึ่ง ๆ กลางระหว่างคำว่าพี่น้องกับคนรัก แต่ทั้งสองก็ใช้ชีวิตด้วยกันอย่างปกติเหมือนทุกครั้งที่ผ่าน ส่วนสำหรับเรื่องบนเตียงนั้นก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย จนกระทั่งผลแอดมิชชั่นออกมา ตินนำคะแนนไปยื่นกับคณะที่เขาหวังไว้ ในที่สุดเขาก็ผ่านเข้าไปเป็นนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์จนได้ ดั่งใจที่เขาหวังไว้
“ติน จะไปบอกพ่อหรือเปล่า” กฤษถามขึ้นมาขณะที่สองคนนั่งกินข้าวอย่างเอร็ดอร่อยเพราะมื้อนี้กฤษทำกับข้าวอย่างพิเศษเลี้ยงฉลองให้กับว่าที่เฟรชชี่ของมหาวิทยาลัยชื่อดังในย่านสามย่าน
“พี่กฤษไปคุยกับผมไหมล่ะ ผมว่าพ่อเขาก็คงจะเกรงใจพี่บ้าง หรืออย่างน้อยพี่ก็คงช่วยคุยให้ผมได้บ้าง” ตินพูดออกมาอย่างสบายใจ
“ได้..ได้อยู่แล้ว พี่ทำให้กับที่พี่...เออทำให้กับน้องของพี่ได้อยู่แล้ว” กฤษพูดออกมาในขณะที่ตาก็จ้องมองเด็กหนุ่มคนที่เขารู้สึกว่ารักไปเสียแล้ว
“งั้นไปพรุ่งนี้เลยนะครับ พี่ว่าพ่อผมจะดีใจด้วยหรือเปล่า” ตินเงยหน้ามามองกฤษพูดอย่างมีความสุข
“ดีใจอยู่แล้ว มีพ่อแม่ที่ไหนบ้างไม่ภูมิใจที่ลูกตัวเองสอบติดมหาวิทยาลัย” กฤษนึกถึงตัวเองตอนที่สอบติดมหาวิทยาลัยใหม่ ๆ มันช่างภาคภูมิใจเหลือเกินเวลาที่มีคนถามพ่อกับแม่ว่าลูกชายเรียนที่ไหน
“ทานให้อิ่ม ๆ นะ”
“ครับผม ตินจะกวาดให้เกลี้ยงเลย” ตินพูดไปหัวเราะไปทั้ง ๆ ที่มีข้าวอยู่เต็มปากวันนี้เป็นที่ทั้งสองช่างมีความสุขกันเหลือเกิน แต่อนาคตข้างล่ะจะเป็นเช่นไรต่อไปไม่มีใครรู้หรอก
.............................................
กฤษขันอาสาเป็นคนเจรจาเรื่องที่ตินสอบติดมหาวิทยาลัยกับพ่อของติน บรรยากาศแรก ๆ ก็ดูเคร่งเครียด ดูเหมือนว่าคุณพิเชษฐ์จะไม่ยอม แต่เมื่อกฤษอธิบายเหตุผลต่าง ๆ นานา ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูด จนสุดท้ายพิเชษฐ์ก็ยินยอมพร้อมใจให้ตินเรียนมหาวิทยาลัยได้ โดยมีข้อแม้ว่าตินต้องช่วยดูแลกิจการขายข้าวสารในช่วงวันหยุดด้วย และถ้าหากผลการเรียนในเทอมแรกไม่ดีขึ้นมา ตินต้องออกมาขายข้าวสารตลอดไป โดยไม่มีโอกาสเรียนต่อมหาวิทยาลัย และอีกอย่างตินก็ต้องกลับมาอยู่บ้านด้วย ตินรับปากเป็นอย่างดี พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าเขาจะเรียนให้ดีที่สุดไม่ให้พ่อกับกฤษผิดหวังเด็ดขาด
ตินกลับมาเก็บของที่ห้องกฤษ กฤษรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูกเหมือนตัวเองกำลังถูกทิ้งอยู่ในทะเล ให้ลอยคออยู่คนเดียว ฟางเส้นสุดท้ายที่อยู่ในมือกำลังจะหลุดลอยไป เขาอยากจะหยุดเวลานี้ไว้ให้นาน ๆ ไม่อยากตินจากไปไหน
“เก็บของเสร็จแล้ว พี่จะไปส่งผมอีกรอบหรือเปล่า” ตินขอความคิดเห็นจากกฤษ
“อยากให้ไปส่งไหมล่ะ” กฤษถามกลับมาอย่างลอย ๆ และทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“ก็ต้องไปส่งสิ ที่ตอนนั้นยังไปขอเอาลูกเขามาได้ ตอนนี้จะผลักไสไล่ส่งให้กลับไปเองเลยเหรอ” ตินทำหน้างอนแบบเด็ก ๆ
“ใครบอกไปขอ พี่แค่ชวนเด็กบางคนก็วิ่งตามมาที่ห้องแล้ว” กฤษแกล้งพูดออกไป
ตินทำหน้างอนกว่าเดิม กฤษจึงเดินเข้าไปกอดเป็นการปลอบใจ ทั้งสองคนมองหน้ากันสักพัก ไฟอารมร์ปรารถนายังครุกรุ่น ริมฝีปากทั้งสองประกบกันทันที ทั้งสองต่างดูดดื่มความหอมหวานและความสุขจากกันและกันอย่าเนิ่นนาน ก่อนที่อะไรมันจะเกินเลยไปกว่านี้เหมือนกับคราวก่อน ตินจึงรีบผละออกพร้อมกับหยิบกระเป๋าขึ้นมาสะพาย
“พี่กฤษไปกันเถอะ เดี๋ยวถึงบ้านจะค่ำ เย็นนี้ทานข้าวบ้านผมนะ” ตินพยายามฝืนพูดจนลิ้นพันกัน
กฤษหายใจหอบเบาๆ หัวใจเขายังเต้นไม่ปกติ
“ได้ ๆ” กฤษเดินไปอ่างล้างหน้าพร้อมกับล้างหน้าล้างตาให้รู้สึกสดชื่น จากนั้นทั้งสองก็เดินออกจากห้องไป
ในรถแท็กซี่กฤษกับตินนั่งจับมือกันตลอดทาง ในหัวของกฤษได้ยินแต่คำว่า
“ผมจะแวะมาเยี่ยมพี่บ่อย ๆ นะครับ”
ความคิดเห็น