ต่อเวลารัก
ถึงจะเป็นอุบัติเหตุที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่พัสลดาก็ยอมทำตามข้อเสนอของเขา แต่เมื่อภารกิจของหญิงสาวสำเร็จลุล่วงแล้ว เขากลับหาทางยื้อเวลาให้หล่อนอยู่ต่อ เพื่อที่เขาจะได้ทำความรู้จักกับหล่อนมากขึ้นอีกนั่นเอง
ผู้เข้าชมรวม
231
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
กฤษณะมาก่อนเวลานัดเล็กน้อย
โดยมีคุณพิมพ์อรคอยให้การต้อนรับอยู่ก่อนแล้ว เขาไหว้ผู้อาวุโสอย่างนอบน้อมเช่นเคย
จนคุณพิมพ์อรอดชื่นชมเขาไม่ได้ เพราะสมัยนี้น้อยคนนักจะให้ความสำคัญกับการไหว้ทำความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่
เขาดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
ผู้อาวุโสกว่าจึงหาเรื่องชวนคุยให้เขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น
“เชิญคุณกฤษ เข้ามานั่งรอในบ้านก่อนนะคะ
ยัยพัสยังแต่งตัวไม่เสร็จเลยค่ะ เดี๋ยวป้าให้อ้อยไปตามมาให้”
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณป้า
ผมเองก็มาเร็วกว่าที่นัดไว้” เขาว่าอย่างเข้าใจ
“ป้าขอบคุณแทนยัยพัสนะคะ
ที่ช่วยเป็นธุระให้ทุกอย่าง ลำพังป้าหลาน คงไม่รู้จะทำอะไรก่อนหลัง”
“อย่าคิดมากเลยครับ ผมเต็มใจช่วย
แล้วนี่คุณพ่อคุณแม่ของคุณพัสท่านทราบเรื่องแล้วหรือยังครับ?”
“ยัยพัสห้ามไม่ให้บอก
กลัวว่าทางโน้นเขาจะเป็นห่วงและจะพลอยเสียงานเสียการกันไปใหญ่น่ะ”
“ผมว่าไม่บอกก็ดีเหมือนกันนะครับ
เรื่องน่าจะเคลียร์ได้ในเร็ววันนี้”
“ป้าก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้นเหมือนกันจ๊ะ”
“คุณป้าอย่าคิดมากอีกคนเลยนะครับ
เดี๋ยวจะพาลไม่สบายไปอีกคน”
“ยังไงก็ฝากยัยพัสด้วยนะคุณกฤษ เห็นท่าทางพี่ชายของคนเจ็บเมื่อวานนี้แล้ว
ชักกลัวแทนยัยพัส ป้าว่าคงจะเจอศึกหนักอยู่ไม่ใช่น้อย” ผู้อาวุโสถอนใจด้วยห่วงหลานสาวจะตั้งรับคนเดียวไม่ไหว
“ผมสัญญาครับ ว่าจะดูแลคุณพัสให้ดีที่สุด” กฤษณะสัญญาหนักแน่น
“ขอบคุณล่วงหน้านะคะ”
“เมื่อคืนคุณพัสคงขวัญเสียมาก”
“ก็เล่นเอานอนไม่หลับทั้งคืนแหละ ป้าว่านะ”
“ตอนที่อยู่โรงพยาบาล เธอก็กลัวจนตัวสั่นเลย”
“ยัยพัสก็เป็นแบบนี้แหละ ภายนอกอาจจะดูเข้มแข็ง
แต่ข้างในอ่อนไหวมาก”
“ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกันครับ”
“ยัยพัสเดินมาโน่นแล้ว” หญิงสาวเดินมาสมทบทั้งคู่อย่างอายๆ
“ขอโทษนะคะคุณกฤษ
น่าอายจริงๆเลยเป็นคนนัดเวลาเองแท้ๆ แต่กลับผิดเวลาเสียเอง”
“ผมเข้าใจครับ เมื่อคืนคุณพัสคงข่มตาให้หลับยากแน่ๆ”
“ขอบคุณค่ะที่เข้าใจ ถ้างั้นเราไปกันเลยนะคะ
พัสไปก่อนนะคะคุณป้า”
“ป้าจะรอฟังข่าวดีนะลูก”
“ค่ะคุณป้า” หญิงสาวเดินนำชายหนุ่มออกไปก่อน
“ฝากด้วยนะคะคุณกฤษ” คุณพิมพ์อรยังไม่วายฝากฝังหลานสาวอีกครั้ง
“ไม่ต้องห่วงนะครับคุณป้า”
ยืนยันหนักแน่นอีกครั้ง ทำให้คลายกังวลลงได้บ้าง
เมื่อทั้งคู่มาถึงโรงพยาบาล
หญิงสาวเข้าไปสอบถามอาการของคนเจ็บจากพยาบาลที่ดูแลชนนี และได้รู้ว่าคนเจ็บรู้สึกตัวแล้วตั้งแต่เมื่อคืน
ทำให้พัสลดาใจชื้นขึ้นมาได้บ้าง เพราะนั่นหมายถึงอาการคนเจ็บดีขึ้นแล้วแน่ๆ
พัสลดาหันไปยิ้มให้กับกฤษณะ
เขาก็ดีใจไปกับหญิงสาวด้วย
รอยยิ้มของหล่อนมันทำให้หัวใจเขาเบิกบานได้เพียงนี้เชียวหรือนี่
“ผมบอกคุณพัสแล้วไง ว่าเรื่องมันคงไม่เลวร้ายอย่างที่คิดแน่นอน”
เขาว่า
“งั้นเรารีบไปเยี่ยมคุณนีกันดีกว่าค่ะ”
ไม่นานทั้งคู่ก็มายืนอยู่หน้าห้องคนเจ็บ ก่อนที่หญิงสาวจะเป็นคนเคาะประตูและผลักประตูเข้าไปข้างใน
โดยมีกฤษณะเดินตามเข้าไป
หญิงสาวไหว้ผู้อาวุโสก่อนอย่างนอบน้อม
และตามด้วยเขาหากแต่ดูแข็งขึงกว่ามาก และทันได้เห็นสีหน้าไม่ต้อนรับจากเขาเช่นกัน
แต่หล่อนก็ทำเป็นไม่สนใจ ทำให้อีกฝ่ายหน้าเข้มขึ้นกว่าเดิมอีก
“พัสมาเยี่ยมคุณนีค่ะคุณป้า
วันนี้อาการคุณนีเป็นยังไงบ้างคะ” หญิงสาวเพียงอยากได้ยินจากปากผู้อาวุโสอีกครั้ง ให้แน่ใจว่าอาการคนเจ็บดีขึ้นแล้วจริงๆ
แม้จะได้ยินจากพยาบาลมาบ้างแล้วก็ตาม
“คุณหมอพึ่งเข้ามาดูอาการเมื่อกี้นี่เองจ๊ะ
แต่ยัยนียังหลับอยู่”
“แล้วคุณหมอว่ายังไงบ้างคะคุณป้า
อาการคุณนีดีขึ้นมากแล้วใช่ไหมคะคุณป้า”
นนทนันท์ชักหมั่นไส้หญิงสาวขึ้นมาดื้อๆ
เมื่อเห็นท่าทางเจ้าหล่อนดีใจจนออกนอกหน้า
‘คงคิดว่าตัวเองจะพ้นผิดแล้วล่ะสิท่า
หึ... ไม่ง่ายนักหรอกนะ’ เขาคิด ก่อน
“มาเร็วดีนี่คุณ นึกว่าหนีไปถึงไหนต่อไหนแล้ว”
‘เอาล่ะสิ!!
แต่ละประโยคที่เขาสรรหามาต่อว่าหล่อน เกลียดหน้าและน้ำเสียงแบบนี้ชะมัดเลย’ พัสลดาคิด
“นี่คุณ!! ที่ฉันมาก็เพราะเป็นห่วงอาการน้องสาวคุณนะ
ทำไมต้องพูดจาห่วยๆแบบนี้ด้วยล่ะ” หล่อนชักทนไม่ไหวแล้วนะ
“เธอ!! นี่กล้าว่าฉันพูดจาห่วยๆเลยเหรอ?” เขาหน้าตึง ไม่เคยมีใครกล้าดีว่าเขาแบบนี้มาก่อน
“ใช่ฉันกล้า และว่าไปแล้วด้วย
ทุกคนก็ได้ยินทั้งนั้น ว่าคุณพูดจาไม่ดีกับฉันก่อนจริงๆ”
“นี่เธอ!!” นนทนันท์เกรี้ยวกราดใส่หญิงสาว
“พอๆ หยุดๆ... ทั้งคู่นั่นแหละ
อาการยัยนีจะแย่ลงกว่าเดิมก็เพราะแบบนี้ล่ะ แม่ขอร้องล่ะ...
อย่าทะเลาะกันอีกเลยนะ”
“พัส... ขอโทษค่ะคุณป้า”
“ป้าตะหากล่ะที่ต้องขอโทษหนู ตานนท์ก็เหลือเกิน ป้าชักระอากับลูกชายคนนี้แล้วจริงๆ
โตแล้วยังทำตัวเกะกะระรานและพาลเป็นเด็กๆอยู่ได้” มารดาเหลือบไปมองบุตรชายตาเขียว
ชายหนุ่มจึงต้องจำใจหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาเปิดดูเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์กรุ่นของตนเองเอาไว้
เมื่อเห็นว่าเริ่มสงบศึกคุณนิ่มอนงค์จึงเล่าอาการให้หญิงสาวฟัง
“คุณหมอบอกว่ายัยนีอาการไม่น่าเป็นห่วงแล้วล่ะ
ผลเอ็กซเรย์ภายในก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ส่วนสมองก็ไม่มีบวมหรือมีเลือดคั่งอะไร
จะหนักหน่อยก็คงเป็นขาขวาที่หักต้องคอยทำกายภาพบำบัดเป็นประจำ
คุณหมอบอกยัยนียังเด็กน่าจะฟื้นตัวได้เร็ว” ผู้อาวุโสบอกอาการของคนเจ็บให้ผู้มาใหม่ฟังราบเรียบ
อย่างไม่มีอะไรน่าห่วงมากนัก
“จริงเหรอคะคุณป้า พัสดีใจด้วยนะคะ
คุณนีต้องเดินได้เป็นปกติแน่นอนค่ะ” หญิงสาวยิ้มให้กับผู้อาวุโส
อีกฝ่ายก็ดีใจไปด้วยเช่นกัน
เห็นจะมีแค่เขาคนเดียวเท่านั้น
ที่ยังทำหน้าตึงอยู่เช่นเดิม แต่หล่อนก็ไม่แคร์เขาหรอก
หญิงสาวหันไปหากฤษณะถือวิสาสะจับมือเขามาเขย่าอย่างลืมตัว
“ผมบอกคุณพัสแล้วไงครับ
ว่าอย่าพึ่งมองโลกในแง่ร้ายจนเกินไป
จริงๆแล้วเรื่องมันไม่เลวร้ายอย่างที่คิดหรอกครับ” เขาเองก็ดีใจไม่แพ้หญิงสาว
เพราะเขาอยากเห็นรอยยิ้มสดใสจากใบหน้านวลแบบนี้ทุกๆวัน
หากแล้วใครบางคนก็ขัดจังหวะขึ้นมาอีกในที่สุด
“อะฮึ่ม!! อย่าพึ่งดีใจไป ยังไงๆ
คุณก็ต้องรับผิดชอบยัยนีอยู่ดี”
“ฉันยินดีจ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดค่ะ”
หญิงสาวบอกเขาตามที่ตั้งใจเอาไว้
“พวกเรามีปัญญาจ่ายค่ารักษายัยนีเอง”
“แล้วคุณต้องการให้ฉันรับผิดชอบยังไง
ก็เชิญบอกมาได้เลยนะคะ”
“คุณเคยบอกว่า คุณจะขอดูแลยัยนี จนกว่าจะเดินได้เป็นปกติ”
“ใช่ค่ะ ฉันเคยบอกอย่างนั้น
และตอนนี้ก็ยังขอยืนยันความคิดนี้อยู่เหมือนเดิมค่ะ”
“งั้นคุณก็ต้องทำตามที่พูด”
“คุณหมายความว่ายังไงคะ
ช่วยขยายความให้ชัดเจนกว่านี้หน่อยได้ไหมคะ?”
“หลังจากที่คุณหมออนุญาตให้ยัยนีออกจากโรงพยาบาลได้ พวกเราจะพายัยนีกลับไปพักฟื้นที่บ้านไร่
ที่ปากช่อง เพราะฉะนั้น คุณต้องไปคอยทำกายภาพบำบัดให้ยัยนีที่นั่นด้วย
จนกว่ายัยนีจะเดินเหินได้เป็นปกติ” เขาอธิบาย
หญิงสาวอึ้งไป ตรงที่เขาบอกว่า ‘บ้านไร่ที่ปากช่อง’ เท่านั้น
ส่วนเรื่องดูแลชนนีมันตรงกับที่หล่อนตั้งใจไว้อยู่แล้ว แต่ยังไม่ทันที่หล่อนจะตอบรับหรือปฏิเสธอะไร
กลับเป็นกฤษณะเสียเองที่คัดค้านขึ้นมาแทนหญิงสาว
“มันจะไม่เป็นการรับผิดชอบมากไปเหรอครับ?
เพราะปากช่องมันไกลจากที่นี่มาก คุณพัสเธอคงไม่สะดวก ผมว่ามันมากเกินไปนะครับ” กฤษณะไม่เห็นด้วยอย่างมาก
“ถ้าแลกกับการไม่ต้องเข้าไปนอนในซังเต
มันก็คุ้มไม่ใช่เหรอ?!?”
“แต่ว่า...” เขาจะค้านต่อหากแต่
“คุณเป็นแฟนหล่อนหรือไง?” เขาถามออกไปตรงๆจนอีกฝ่ายถึงกับอึ้งไปนิด
“คุณกฤษเป็นเพื่อนฉัน!!
ไม่เป็นไรค่ะคุณกฤษพัสไปได้ค่ะ” ตอบเขาแล้วก็หันมาหากฤษณะด้วยอีกคน
“คุณพัส คุณป้าคุณคงไม่ยอมหรอกนะครับ
ผมว่ารอปรึกษาคุณป้าท่านก่อนดีกว่านะครับ”
“เมื่อคืนพัสคุยกับท่านไว้บ้างแล้วค่ะ
ท่านเคารพในการตัดสินใจของพัสค่ะ อีกอย่างคุณนีต้องหายในเร็ววันนี้ค่ะ พัสมั่นใจ” หญิงสาวพูดให้เขาสบายใจทั้งที่หล่อนเองก็ไม่แน่ใจสักเท่าไหร่นักหรอก
“ก็ดี เรื่องจะได้ง่ายขึ้น”
อีกฝ่ายฟังอยู่นานแทรกกลางขึ้น
“ตานนท์ แม่ว่ามันจะมากเกินไปนะลูก
จะว่าไปแม่ก็ดูแลน้องได้ ให้ลำดวนช่วยด้วยอีกคน” มารดาเข้าไปติงบุตรชายเบาๆ
พร้อมเสนอความคิดเห็น
“ไม่มากหรอกครับคุณแม่ นี่ยังน้อยไปด้วยซ้ำ กับการที่เขาทำให้ยัยนีต้องเจ็บตัวขนาดนี้”
เขาพูดน้ำเสียงเป็นปกติ ทำให้หญิงสาวได้ยินด้วย
“พัสไปได้ค่ะคุณป้า พัสอยากเห็นคุณนีหายและเดินได้เป็นปกติ
มันคงเป็นวันที่พัสจะมีความสุขและนอนหลับสนิทได้จริงๆ”
“งั้นก็ขอบใจหนูพัสมากนะจ๊ะ”
“แล้วคุณนีจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่คะคุณป้า?”
“ก็น่าจะเร็วๆนี้แหละจ๊ะ รอทางคุณหมอแจ้งอีกที
ว่าแต่หนูพัสติดปัญหาอะไรรึเปล่าจ๊ะ?”
“เปล่าหรอกค่ะ พัสจะได้เตรียมตัวทันน่ะค่ะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกคุณ ถึงจะเป็นบ้านไร่
แต่ทุกอย่างก็มีพร้อมสรรพ ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างที่คิดไว้หรอกน่า”
“ฉันก็ยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยนี่คะ
ไม่เห็นต้องอธิบายอะไรยืดยาวเลย” หล่อนได้ทียียวนกวนประสาทเขากลับไปบ้าง
สะใจไม่น้อยเมื่อรู้ว่าเขาโกรธ
“นี่เธอ!”
พูดได้แค่นั้นเมื่อเห็นมารดามองมาตาเขียว
“ให้ผมไปเป็นเพื่อนคุณนะครับ ผมเป็นห่วง”
กฤษณะเมื่อรู้ว่าหญิงสาวตัดสินใจแน่แล้ว จึงเสนอตัวไปเป็นเพื่อนหญิงสาวด้วย
“คุณกฤษไม่ต้องห่วงพัสหรอกค่ะ พัสดูแลตัวเองได้
สบายมาก”
“แต่ว่า...”
เขาพยายามจะหาเหตุผลต่างๆให้หล่อนเปลี่ยนใจ
“ไม่มีแต่ค่ะ พัสตัดสินใจแล้ว
คุณกฤษอย่าห้ามพัสเลยนะคะ?”
“ห่วงกันเหลือเกินนะ”
นนทนันท์อดรนทนไม่ได้ที่จะประชดประชันทั้งคู่อย่างหมั่นไส้ หล่อนได้แต่หันมาค้อนตาเขียวให้เขา
“งั้นก็ตามใจคุณพัสก็แล้วกันครับ
ผมเคารพในการตัดสินใจของคุณพัสครับ” เขายอมรับในที่สุด
“ขอบคุณค่ะ
เอาไว้คุณกฤษว่างจากงานเมื่อไหร่ค่อยพาคุณป้าไปเยี่ยมพัสกับคุณนีที่โน่นก็ได้นี่คะ
ได้ใช่ไหมคะคุณป้า?” หล่อนไม่ถามเขาหรอก
เพราะรู้ว่าถามไปก็คงได้คำตอบยียวนกวนประสาทกลับมาอีกร่ำไป
“ได้สิจ๊ะ ไร่นนทนันท์ยินดีต้อนรับจ๊ะ”
“ขอบคุณมากค่ะคุณป้า”
หญิงสาวไหว้ขอบคุณผู้อาวุโสอย่างนอบน้อม เพราะถ้าคุณป้าไปเยี่ยมได้ หล่อนก็คงจะไม่เหงา
และไม่เป็นห่วงท่านมากสักเท่าไหร่นั่นเอง
พัสลดายิ้มกับความมีน้ำใจของผู้อาวุโส
แล้วตั้งใจโปรยยิ้มยียวนมาทางเขาด้วยอย่างเป็นผู้ชนะ
จึงได้เห็นหน้าตึงของเขาอีกครั้ง และพอใจอยู่ลึกๆ
เธออยู่ได้แน่นอนตราบใดที่ประมุขใหญ่ที่สุดของบ้าน ยังมีเมตตากับหล่อนอยู่บ้าง
********************************************************
ผลงานอื่นๆ ของ chaiywalee ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ chaiywalee
ความคิดเห็น