บ่วงสวาทซาตาน
บทที่ 1 70% “ชอบเล่นเกมส์วิ่งไล่จับมากใช่ไหม My Bella (คนสวยของฉัน) วันนี้ฉันจะทำให้รู้ว่าฉันเหนื่อยมากแค่ไหนกว่าจะได้เธอมา ขอให้มันคุ้มค่ากับเงินและเหงื่อที่ฉันพึ่งเสียไปเถอะ”
ผู้เข้าชมรวม
1,188
ผู้เข้าชมเดือนนี้
7
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า เสียงลมกระทบต้นข้าวสีเหลืองทองอร่ามอยู่เต็มท้องทุ่งส่งเสียงขับกล่อมให้ชายวัยกลางคนกำลังนั่งพักเหนื่อยอยู่บนแคร่ไม่ไผ่เก่าๆ มุงหลังด้วยหญ้าคาเก่าๆ เก่าจนแสงอาทิตย์สามารถส่องลอดไรหญ้าคา ชายกลางคนได้อาศัยหลบแดดหลบฝนหลังจากการดูแลต้นข้าวที่ใกล้เวลาจะเก็บเกี่ยว รวงข้าวไหวเอนตามแรงลมเหมือนกำลังเริงระบำอยู่ท่ามกลางสายลม
“พ่อจ๋า พ่อจ๋า พ่อทิศจ๋า”
ตุ๊บ!
"โอ้ย!"
เสียงหญิงสาวแว่วดังมาจากด้านหลังของเขา ทิศเอามือขึ้นกุมขมับพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เฮ้อ ทำไมข้าเดาหวยไม่ถูกเหมือนเดาเรื่องของแกเลยนะ...ยายรวงข้าว”
“ถึงพ่อเดาถูกพ่อก็ไม่ได้เงินหลอก ก็พ่อเคยซื้อหวยกับเขาที่ไหนกันละ” รวงข้าวหัวเราะคิก
หญิงสาวที่วิ่งตกจากคันนา ลงไปนอนเกลือกกลิ้งกับในปลักควายที่มีเจ้าเผือก ควายเผือกที่ทิศเลี้ยงมาคู่กับรวงข้าวลูกสาวสุดที่รักของเขา ยืนแช่อยู่อย่างสบายใจ ตะโกนตอบกลับมา
“ไป ไอ้เผือกเรากลับบ้านไปกินข้าวกับแม่อ้อย เมียรักของข้ากันเถอะ ปล่อยให้รวงข้าวแช่โคลนอยู่คนเดียวนั้นแหละ บอกไม่รู้กี่ครั้งว่าอย่าทำตัวเหมือนเด็กวิ่งบนคันนาก็ไม่ฟัง”
ทิศบ่นพึมพันกับเจ้าเผือก พร้องกับเดินผ่านราวข้าวไปโดยมีเจ้าเผือกเดินเอื่อยๆตามหลังไป
“พ่อจ๋า รอรวงข้าวด้วย” รวงข้าวรีบตะโกนเรียกเมื่อเห็นนายทิศเดินผ่านเธอไปโดยไม่ช่วยดึงเธอขึ้นจากโคลนเหมือนทุกที
รวงข้าว นางสาวรวงข้าว ปัญญวงค์ ลูกสาวคนเดียวและเป็นที่รักที่สุดของ นายทิศและนางอ้อย หญิงสาววัย 25 ปีเธอมี ใบหน้าเรียวยาวรูปไข่ ดวงตากลมโตสีดำ ขนตางอนยาวเรียงกันเป็นแพ คิ้วดกดำแต่โก่งได้รูป คงเป็นเพราะตอนแบเบาะแม่อ้อยได้ใช้ก้านพลูเขียนบนคิ้วของลูกสาววัยทารกด้วยความเชื่อว่าหากเอาใบพลูเขียนคิ้วตอนคิ้วจะขึ้นตามรอยนั้น รูปจมูกโด่งเรียวเป็นทรงหยดน้ำรับกับใบหน้า ริมฝีปากบางสีชมพูรูปกระจับ เธอมีเรือน ผมยาวกลางหลังหยักศกเหมือนพึ่งออกจากร้านทำผมก็ว่าได้ ผิวสีน้ำผึ้งยิ่งทำให้รวงข้าวดูโดดเด่นมาก ขึ้น ปีนี้แม้ว่าหญิงสาวจะอายุล่วงเข้าวัยเบญจเพศแล้ว แต่ด้วยความรักที่พ่อทิศและแม่อ้อยมอบให้ทำให้รวงข้าวมีนิสัยเป็นเด็กไม่รู้จักโต เดิมที นิสัยนี่ไม่ได้สร้างความหนักใจให้ทิศกับอ้อยเลย หากแต่ว่าตอนนี้ร่างกายของทิศไม่ได้ปกติเหมือนเมื่อก่อน หลังจากการผลตรวจร่ายกายที่โรงพยาบาลของทิศเมื่อเดือนที่แล้วมันทำให้ทิศกับอ้อยรู้ว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วสำหรับทิศ มันทำให้คนเป็นพ่อเริ่มจะกังวลต่ออนาคตของหญิงสาว ชายกลางคนเดินจูงควายพลางคิดถึงตอนที่เขาได้รับรู้ความจริงอันน่าตกใจและพรั่นพรึง
“หมอต้องเสียใจด้วยนะครับ ที่ต้องแจ้งให้คุณกับภรรยาของคุณได้ทราบถึงสิ่งผิดปกติในร่างกายของคุณทิศ ทัศวงษ์ เราพอว่าคุณเป็นมะเร็งที่ปอด คือเรารู้ช้าเกินไปมากที่จะรักษาให้หายขาด หมอคงทำให้แค่ประคองอาการไม่ให้มันทรุดหนักกว่านี้ ยังไงก็ขอให้ทางบ้านทำใจไว้ด้วยนะครับ”
คำพูดของหมอที่โรงพยาบาลทำให้เมียเขาชาไปทั้งตัว รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ หายใจติดขัดเหมือนคนกำลังจะสิ้นใจตาย น้ำตาหลังพรากอาบแก้มนวล ทิศหันไปมองภรรยาใช้มือหนาอันหยาบกร้านเพราะการทำงานหนักตั้งแต่เล็ก เช็ดน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุดบนแก้มเมียสุดที่รัก อ้อยโผเข้ากอดทิศ แต่ยิ่งต้องร้องหนักเข้าไปใหญ่เมื่อได้ยินสามีถามหมอกลับ
“ผมมีเวลาอีกเท่าไรครับ”
คำตอบที่ได้รับวันนั้นทำให้เขาและเมียแทบจะเข่าอ่อนทั้งคู่ ชายกลางคนเหลียวไปมองลูกสาวที่วิ่งเนื้อตัวเลอะเถอะตามมาข้างหลัง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ กระทั่งมาถึงบ้าน เขาเอาเจ้าเผือกเข้าคอกเรียบร้อยแล้ว
เขาก็มาทรุดตัวนั่งบนแคร่ใต้ต้นลูกหว้าใหญ่หน้าบ้าน บ้านของทิศเป็นบ้านไม้ปีกเก่าๆยกสูงเหมือนบ้านตามแถบชนบททั่วไป ข้างบ้านของทิศมียุ้งฉางไว้เก็บข้าวเปลือกสำหรับกินในหนึ่งปี มีคอกใหญ่สะอาดสะอ้านเป็นที่อยู่ของเจ้าเผือก รอบๆตัวบ้านมีแปลงปลูกผักเล็กๆสองสามแปลงไว้สำหรับทำอาหาร มีเล้าไก่เล้าใหญ่ไว้ให้เก็บไข่ มีบ่อปลาติดกับเหล้าไก่ โดยรวมแล้วครอบครัวของรวงข้าวก็ไม่ได้ลำบากอะไร จะว่าไปก็พออยู่พอกิน ทิศกับอ้อยไม่สามารถหาเงินให้รวงข้าวเรียนต่อได้เมื่อรวงข้าวจบ ม.6 รวงข้าวต้องหยุดเรียนมาช่วยพ่อกับแม่ เธอไม่เคยคิดน้อยใจในชีวิตของเธอเลย รวงข้าวคิดเพียงว่าขอแค่เธอได้อยู่กับพ่อทิศแม่อ้อยในบ้านแสนสุขแห่งนี้ก็เพียงพอแล้ว
“เฮ้อ...”
เสียงถอนหายใจของทิศทำให้อ้อยที่กำลังเดินมานั่งเป็นเพื่อนทิศหยุดก้าวเท้าแล้วรีบปรับสีหน้าที่หมองเศร้ากลับมาร่าเริงเหมือตอนที่ยังไม่รู้เรื่องการป่วยของทิศ
“เมื่อไรลูกเราจะทำตัวเป็นผู้ใหญ่สมวัยสักทีนะแม่อ้อย ถ้าไม่มีพ่อแม่ค่อยช่วยจะเป็นยังไง แล้วแบบนี้พี่จะไปอย่างหมดห่วงได้ไงละอ้อย”
ทิศพูดขึ้นเมื่อมือของอ้อยมาวางไว้บนบ่า เหมือนจะทำให้รู้ว่าเธอยังค่อยให้กำลังใจ ปลอบโยนอยู่ข้างตลอดเวลา อ้อยค่อยๆนั่งลงข้างๆทิศซบหน้าบนอกข้างซ้ายของทิศ ทิศโอบไหล่กระชับให้อ้อยเข้ามาใกล้กว่าเดิม
“อย่าพูดแบบนั้นซิพี่ ฟังซิฉันยังได้ยินเสียงหัวใจของพี่เต้นอยู่เลย เต้นเสียงดังเสียด้วย แบบนี้นะหรออาการของคนที่ใกล้...” อ้อยเลือกที่จะกลืนคำๆนั้นลงคอดีกว่าจะพูดออก
“ดูลูกหว้า ที่ร่วงลงบนพื้นนี่ซิแม่อ้อย เมื่อถึงเวลาที่ต้องร่วงหล่นก็ไม่มีใครช่วยมันได้ อย่าหลอกตัวเองเลย”
“ถ้าอย่างงั้น เดี๋ยวรวงข้าวเอามันไปกวนให้ จะได้ยืดอายุยังไงจ๊ะพ่อ”
รวงข้าวที่เพิ่งเดินมาถึงพูดแทรกโดยไม่ได้รู้เลยว่าทิศกับอ้อยกำลังคุยกันถึงเรื่องอะไร เพราะรวงข้าวมัวแต่ยืนมองดูภาพที่ พ่อและแม่ของเธอนั่งกอดกันดูพระอาทิตย์คล้อยลับขอบฟ้าบนแคร่ใต้ต้นหว้าใหญ่ลมที่พัดโชยมาทำให้ใบหว้าโบกไปมาช้าๆ เป็นภาพที่สวยงามที่สุดที่รวงข้าวเคยเห็น ช่วงนี้พ่อกับแม่ของเธอมักจะมานั่งกินลมชมวิวด้วยกันบ่อยๆบางวันถึงขั้นชมดาวเลยทีเดียว
“ดูพูดเข้า ไปยกสำรับข้าวมากินกันที่นี่แหละ พ่อหิวแย่แล้ว”
ทิศรีบพูดไล่ลูกสาวเพื่อให้อ้อยไม่มีเวลาที่จะเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลอยู่
“ฉันไปจุดไฟไล่ยุ่งให้เจ้าเผือกก่อนนะพี่”
อ้อยพูดเสียงบนสะอื้นแล้วค่อยเดินไปยังคอกเจ้าเผือกเพื่อจุดไฟ ทิศหันกลับไปมองบ้าน บ้านน้อยแสนรักของเขาอย่างไม่กะพริบตา เหมือนจะให้ภาพเหล่านี่ฝังลึกลงไปในใจของเขา
หลังจากที่ทุกคนกินข้าวอิ่มเรียบร้อยแล้ว แม่อ้อยได้ยกข้าวหมากของโปรดของทิศที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆของดอกมะลิ ข้าวหมากสีขาวมวล ประกอบกับน้ำสีใสที่มีรสหวานนิดๆ เมื่อตักเข้าปากจะได้กลิ่นหอมของดอกมะลิปนกับรสหวานนุ่มของข้าว ข้าวหมากแม่อ้อยที่เป็นสูตรลับเฉพาะของอ้อยที่สืบทอดจากรุ่นต่อรุ่น เป็นของหวานหลังอาหารเย็น ข้าวหมากเป็นของโปรดของทิศกับรวงข้าวมาก มันเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ทิศรักอ้อยมาก และไม่เคยจะเบื่อหน่ายอ้อยเลย ตระกูลของอ้อยเคยมีชื่อเสียงมากในอดีต แต่ด้วยเรื่องประหลาดที่ว่าตระกูลของอ้อยจะมีเพียงลูกคนเดียว และอ้อยเป็นลูกสาวคนเดียวของครอบครัว เมื่ออ้อยเลือกจะมาร่วมทุกข์ร่วมสุขกับทิศที่บ้านน้อยปลายนาแทนที่จะสืบทอดชื่อเสียงในการทำข้าวหมากที่อร่อยที่สุดในจังหวัด ด้วยความที่รวงข้าวช่วยแม่อ้อยทำข้าวหมาก รวงข้าวจึงมีฝีมือในการทำข้าวหมากไม่แพ้แม่อ้อยของเธอเลย
“ฝีมือไม่ตกเลยนะแม่อ้อย แต่วันนี้รู้สึกว่าจะหอมกลิ่นดอกมะลิมากกว่าทุกครั้งนะแม่อ้อย”
ทิศชมแม่อ้อยพลางตักข้าวหมากที่กลิ่นหอมและเย็นชื่นใจเข้าปากที่ละคำ ละคำ รวงข้าวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จนคนเป็นพ่อสงสัย
“ยิ้มอะไร รวงข้าว อย่าบอกนะนี่ฝีมือรวงข้าวนะ”
รวงข้าวพยักหน้ารับ คิดถึงตอนที่ดื้อแม่อ้อยเอาข้าวหมากไปอบกับดอกมะลิ เพื่อให้กลิ่นหอมมากขึ้น แต่ก็ไม่มากจนทำเวียนหัว
“เก่งเหมือนกันนะเรานะ พ่อคิดว่าจะเล่นซนเป็นเด็กไปยอมโตไปวันๆซะอีก”
“พ่อนะพ่อ ชอบว่ารวงข้าวไม่รู้จักโตทุกทีเลย”
หญิงสาวทำแก้มป่อง งอนผู้เป็นพ่อที่ช่วงนี้ชอบบ่นเรื่องเธอไม่รู้จักโตบ่อยขึ้นทุกวัน อ้อยแอบหลบไปร้องไห้เมื่อเห็นภาพสองพ่อลูกหยอกล้อกันมันทำให้อ้อยสะเทือนใจมาก เธอนึกภาพไม่ออกเลยหากวันนั้นมาถึง วันที่ไม่มีพี่ทิศสุดที่รักของอ้อยอยู่ใกล้ๆเธอและลูก เธอจะอยู่ได้อย่างไร บ้านนี้จะมีเสียงหัวเราะ มีรอยยิ้ม เหมือนทุกวันนี้ไหม
“แม่อ้อยจ๋า ดูพ่อทิศซิจ๊ะ จะให้รวงข้าวไปนอนกับเจ้าเผือกแนะ ไม่คุยด้วยแล้วไปรอดูละครกว่า”
รวงข้าวลุกขึ้นจากแคร่วิ่งขึ้นบันไดไปนั่งหน้าจอทีวีโดยไม่สนใจว่าผู้เป็นพ่อจะบ่นเธอเหมือนทุกที
“พี่ทิศ พรุ่งนี้เราเข้ากรุงเทพกันนะ เผื่อหมอที่นั่นจะช่วยเราได้ เรื่องเงินนะเราเอาที่นาไปจำนองกับเฮียลิ้มก็ได้ ฉันกันลูกจะดูช่วยกันทำนา จะปลูกผักให้มากขึ้นเราจะได้เอาไปขายในตลาด นะพี่นะเชื่อฉันเถอะ ฉันจะอยู่ได้ยังไงถ้าไม่มีพี่ทิศอยู่กับฉัน”
อ้อยพูดไปพลางเช็ดน้ำตาไปพลาง ทิศสวมกอดภรรยาสุดที่ไว้แน่แทนคำพูดปลอบใจที่ทิศรู้ดีว่าอ้อยคงไม่มีกะจิตกะใจจะฟัง
ผลงานอื่นๆ ของ Chadapa Yanoya ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Chadapa Yanoya
ความคิดเห็น