Close Friend เพื่อนสนิทที่ไม่สนิท
เมื่อ"บยอน แบคฮยอน" แอบชอบ"โอ เซฮุน" มากว่า4ปี และเมื่อ"เขา"อีกคนก็แอบชอบ1ในรูมเมทเหมือนกัน'แต่..ทั้งสามมีความสัมพันธ์กันแบบเพื่อนสนิท'เรื่องราวทั้งหมดจึงเกิดขึ้น...
ผู้เข้าชมรวม
387
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
“นายน่ะน่ารัก..นะเวลายิ้มน่ะ เคยมีคนบอกนายมั๊ย”
“ไม่เลย..ไม่มีน่ะ นายคนแรกเลยนะ..ฮะๆ... นายเคยแอบชอบใครมั๊ย”
“เคยสิ..เขาเป็นคนตัวเล็กน่ารัก เหมือนนายเลยนะ..แบคฮยอน” เซฮุนพูดจบก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนแก้มของผม...ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว....
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ในวันที่ฝนตกทุกคนต่างเร่งรีบทำภารกิจของแต่ละคนรวมถึงตัวผมด้วยการมาเข้าค่ายครั้งนี้เป็นค่ายที่เต็มไปด้วยความทรงจำและน่าจดจำมากที่สุดในชีวิตของผมเลยก็ว่าได้ได้รู้จักกับเพื่อนคนนึงเพื่อนที่ผมแอบรักตั้งแต่เกรด8จนตอนนี้ก็ใกล้จะจบเกรด12แล้วผมไม่รู้เลยว่าผมควรจะบอกเขาคนนั้นยังไงดี...วันแรกที่เราได้เจอกันเป็นวันกิจกรรมของชมรมซึ่งเราแต่ละคนก็ไม่รู้เลยว่าเราได้อยู่ชมรมเดียวกันนั่นก็คือชมรมการแสดงเราได้ทำความรู้จักกันตอนที่พี่ๆทางชมรมเรียกเราให้ไปแนะนำตัวเองด้านหน้าห้อง..
“เอาล่ะทุกคนวันนี้พี่จะให้แต่ละคนออกมาแนะนำตัวเองกันนะเริ่มจากนายเลย..แบคฮยอน”รุ่นพี่คนนึงเรียกผมในขณะที่ผมกำลังนั่งเหม่อลอยจ้องมองคนผิวขาวซึ่งทำสีผมเข้ากับสีผิวคือสีชมพูอ่อนรูปร่างสูงนั่งอยู่ด้านหน้าผมที่กำลังคุยกับผู้ชายที่ตัวสูงพอๆกันผมสีดำและดูร่าเริงได้ทั้งวัน..
"ครับผม”ผมตอบรับอย่างเกรงกลัวนิดๆก่อนที่จะลุกขึ้นและก้าวไปข้างหน้าและเดินผ่านผู้ชายคนนั้น
“ครับ...ผมชื่อบยอน แบคฮยอนครับ”ผมพูดแนะนำตัวก่อนจะก้มตัวโค้งอย่างช้าๆจากนั้นตอนผมเงยหน้าขึ้นมาดวงตาของผมก็ปะทะกับดวงตากลมเล็กของใครบางคนเข้าอย่างจังในตอนนั้นใจของผมเต้นรัวอย่างผิดปกติ..เขามองผม..ผมไม่แน่ใจว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าแต่ผมคิดว่าเขามองผมจริงๆนะ..
“ขอบคุณมากนะแบคฮยอน..นายกล้ามากที่ออกมาพูดคนแรก..เอาล่ะต่อไปเป็น...”รุ่นพี่คนหนึ่งพูดขึ้นมาพรอมกับสายตาที่กวาดมองไปรอบๆห้องก่อนจะเจอคนสองคนนั่งคุยกันอย่างเพลิดเพลิน
“นายสองคนนั่นออกมาแนะนำตัวทั้งคู่เลย..”พูดจบพี่เขาก็ไม่ลังเลพร้อมกับเดินไปลากสองคนนั้นมาพูดตอนแรกสองคนนั้นดูเหมือนจะตกใจแต่สักพักหนึ่งในสองคนนั้นก็ปล่อยหัวเราะออกมาอย่างไม่อายใคร..
“เอ่อ...สวัสดีครับผมโอ เซฮุนครับ”ผู้ชายร่างสูงผอม ย้อมผมสีชมพูเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มแบบนี้ทำให้ผมใจละลายทุกทีที่ได้เห็นผมรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้น ต้องเป็นของผมคนเดียว ไม่อยากให้ใครต้องมาเห็นรอยยิ้มนั้น..ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว
“สวัสดีครับ ผมปาร์ค ชานยอลครับ”ผู้ชายอีกคนโค้งตัวอย่างสง่างามก่อนจะปล่อยหัวเราะออกมา เขาช่างเป็นคนที่หัวเราะเก่งจริงๆเลย หลังจากทุกคนผลัดกันออกมาแนะนำตัวเสร็จเรียบร้อยรุ่นพี่อีกคนก็ออกมาพูดบ้าง
“เอาล่ะ..ต่อไปพี่จะให้จับกลุ่มตั้งเป็นวงดนตรีกันนะจะจับกี่คนก็ได้คนนั้นชมรมเราค่อนข้างเยอะอยู่ประมาณเกือบ80คนได้เพราะฉะนั้นจับกลุ่มตั้งเป็นวงดนตรีได้ไม่เกินกลุ่มละ12คนนะ” รุ่นพี่คนนั้นที่พูดจบดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าทุกคนก็กระจายตัวเหมือนนกแตกรังเดินไปหาคนนั้นทีคนนู้นทีคงเหลือเพียงผมคนเดียวที่ยังไม่มีกลุ่ม ผมมองไปรอบๆสักพักก่อนจะมีใครบางคนมาสะกิดที่ไหล่ของผม ผมหันไปมองและพบว่าเขาคือ..
“ชานยอล?!”ผมหันไปพร้อมกับตกใจเล็กน้อยเขาเรียกผมอย่างนั้นหรอ
“ใช่แล้วนายคือแบคฮยอนสินะมาอยู่กลุ่มด้วยกันสิแบคฮยอนเรามีกัน11คนน่ะนายอยู่ด้วยมั๊ย”
“ได้เลย..^^”ผมตอบอย่างไม่ลังเลก่อนจะมองไปรอบๆจนพบว่าหนึ่งในกลุ่มสมาชิกคนนึงคนที่ผมแอบรักเขาก็อยู่เดียวกันด้วย
“ว่าไงแบคฮยอน”เพื่อนๆทุกคนในกลุ่มต่างพากันทักทายผมก่อนจะเสวนาพาทีเล็กน้อยพวกผมก็ตัวสินใจจะตั้งชื่อกลุ่มว่าEXOก่อนจะแยกย้ายกันไปหอของแต่ละคนและความบังเอิญก็เกิดขึ้นทุกครั้งที่เปลี่ยนคลาสเราก็จะเปลี่ยนหอไปด้วยรูมเมทก็ไม่ซ้ำหน้าเลยและในปีนี้โชคชะตาก็เป็นใจให้ผมได้อยู่ห้องเดียวกับเขา..โอ เซฮุน
“อ้าว..ว่าไงแบคฮยอนไม่น่าเชื่อเลยเนอะว่าเราจะได้อยู่ห้องเดียวกันน่ะ”
“ฮะๆ..ผมก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้อยู่ห้องเดียวกับพวกนายน่ะชานยอลและ..เซฮุน”ทำไมนะทุกครั้งที่พูดชื่อเขาผมมักจะพูดไม่เต็มปากทุกทีเลยไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ
“สวัสดีนะแบคฮยอนก่อนหน้านี้ไม่ได้คุยกันเลยขอโทษด้วยนะนายคงจะรู้ชื่อฉันแล้วนะทำตัวตามสบายนะฉันกับชานยอลน่ะไม่ซีเรียสอยู่แล้ว”เขาพูดกับผมและยิ้มในขณะที่พูดสายตาของเขาช่างน่ารักทุกครั้งที่ยิ้ม เคยมีคนบอกเขามั๊ยนะว่าเวลายิ้มน่ะเขาน่ารักมากขนาดไหน น่ารักจนทำให้ผมหลงรักได้เลยเพียงเพราะรอยยิ้มน้อยๆนั่นน่ะ
“อื้ม..โอเค..”ผมตอบอย่างเขินอายเล็กน้อยก่อนจะถูกขัดจังหวะนั้น
“นี่พวกนายทั้งสองคนน่ะคุยกันอยู่นั่นแหล่ะพวกเราน่ะอยู่ชั้นเดียวกันมาตลอดแต่แปลกนะไม่เคยคุยกันเลย..พวกนายนี่ก็คุยกันหน่อมแน้มเหลือเกินนะมีสีสันหน่อยสิ ฉันน่ะจะเป็นตัวสร้างสีสันให้พวกนายไม่เบื่อเอง..”ชานยอลพูดจบพร้อมกับกอดคอเราสองคน
“นี่ยอลเราสองคนน่ะต้องปกป้องคนตัวเล็กแถวนี้หน่อยนะ..ร่างกายบอบบางซะขนาดนี้ถ้าโดนใครแกล้งมานี่คงเดินกลับมาร้องไห้ตาบวมขี้มูกโป่งแน่เลย5555”เซอุนพูดจบก่อนจะยีหัวผมเล่นเล็กน้อยสายตาของเขาดูอ่อนโยนจังเลย
“นี่นายน่ะว่าผมอยู่นั่นแหล่ะผมโตแล้วนะ ถึงตัวจะเล็กอ่ะแต่ใจไม่เล็กตามตัวนะ”ผมยืนยันเสียงแข็งแต่ผิดกับหัวใจที่อ่อนแอบอบบางตั้งแต่เจอเขา
“พวกนายสองคนนี่ทะเลาะกันเป็นเด็กเลยนะ แบคนายน่ะก็เรียกแทนตัวเองมฉันก็ได้เรียกว่าผมเหมือนเด็กเลยนะรู้ตัวมั๊ยนายน่ะน่ารักเกินไปนะพูดแบบนี้น่ะ ถึงนายจะบอกว่าแข็งแรงยังไงสำหรับคนตัวใหญ่อย่างพวกฉันก็คิดว่านายน่ะตัวเล็กและบอบบางและที่สำคัญน่ากอดน่าทนุถนอมนะ”ชานยอลพูดค้านผมแต่น้ำเสียงและประโยคที่พูดออกมานั้นน่ะดูแปลกๆอย่างบอกไม่ถูก
“ยอลนายพูดแบบนี้หมายความว่าไงน่ะ..นายเป็นห่วงแบคงั้นหรอ?”เซฮุนพูดขัดบ้าง
“ก็ป่าวหนิ..ฉันก็พูดประสาเพื่อนนั่นแหล่ะ..ว่าแต่นายน่ะไม่เป็นห่วงคนตัวเล็กคนนี้รึไง..อย่าโกหกหัวใจตัวเองเลยน่า” เอ๊ะ..อย่าโกหกหัวใจตัวเอง..ประโยคนี้หมายความว่าไงน่ะเซฮุนคิดอะไรของเค้าอยู่นะ..
“ชานยอลนายพูดแบบนี้อยากมีเรื่องกับฉันรึไง..ปากมากเกินไปแล้วนะนายน่ะ..”เซฮุนพูดอย่างหัวเสียก่อนจะเดินไปนอนบนเตียง ฉันรู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้..ในใจของเซฮุนมีใครอยู่อย่างนั้นหรอ..คนๆนั้นคือใครกัน ผมหรือเปล่า..บางทีผมก็ชอบคิดเข้าข้างตัวเองอยู่เรื่อยเลย..
“นี่แบค..อย่าไปสนใจฮุนมันเลยมันชอบปากไม่ตรงกับใจเอาเป็นว่านะช่างมันเถอะ..เอ๊ะนี่ฉันพูดไรไปเนี่ย5555เอาเป็นว่า..นั่นแหล่ะ5555เดี๋ยวฉันมานะฝากฮุนด้วย”
“อ้าว...ชานยอลนายจะไปไหนน่ะ..”
“ไปหาไรกินน่ะเดี๋ยวซื้อมาฝากช่วงนี้กินเยอะ5555ไปละ..”เขาพูดพร้อมกับเดินออกไปและทิ้งไว้ให้ผมอยู่กับเซฮุนสองคน ผมเดินไปนั่งบนเก้าอี้ทีอยู่ติดระเบียงห้อง อะไรคือสิ่งที่ชานยอลพูดถึงนะ..ผมได้แต่นั่งคิดพร้อมกับมองไปยังคนที่อยู่ตรงหน้าที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อย่างไม่สนใจใคร
“นี่เซฮุน..นายเล่นอะไรอยู่น่ะ..”
“อ่อ..เกมน่ะเกมชักเย่อแต่ว่านะเล่นคนเดียวไม่สนุกเลยอ่ะนายมาเล่นเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ”เขากวักมือเรียกผมพร้อมกับตบที่นอนเพื่อเป็นสัญญาณบอกว่านายมานั่งตรงนี้นะ..ผมเดินไปนั่งข้างๆเขาก่อนที่จะก้มตัวลงนอน..
“เล่นยังไงหรอเกมนี้น่ะ”
“55555อย่าบอกนะว่านายไม่เคยเล่นเกมพวกนี้นะ..มาๆฉันจะสอนนะนายก็แค่กดปุ่มนี้เร็วๆแค่นั้นเอง..อ้ะเล่นกัน”
“ครับ...”ผมรับมาอย่างว่าง่ายจะเล่นในแบบที่เขาบอก
“โห!!แบคนายแน่ใจนะว่าเล่นครั้งแรกน่ะ..ฉันแพ้นายได้ไงเนี่ย?”
“ผมเล่นครั้งแรกจริงๆนะ..แต่อาจจะเป็นเพราะนายไม่เก่งเองก็ได้นะ”
“แบคนายพูดแบบนี้หมายความว่าไงนายท้าฉันหรอ..อ้ากกก!” เซฮุนพูดไม่ทันขาดคำก่อนจะเอามือของเค้ามาจี้เอวของผมทำให้ผมแทบจะร้องไห้..ก็แหงล่ะโดนจี้เอวแบบนี้ผมก็ไม่ไหวนะ “อ้า!!พอเถอะนะ..ผมไม่ไหวแล้ว5555เลิกจั้กจี้เอวผมเถอะนะครับ55555”ผมได้แต่ขำปนเสียงหัวเราะที่ออกมาพร้อมกับน้ำตาผมขำจนจะเป็นบ้าและเหมืนเซฮุนจะสังเกตว่าผมเริ่มเหนื่อยเขาก็เลยหยุดผมเลยได้พักหายใจสักพัก
“แกล้งนายนี่สนุกดีจังนะ..ยิ่งเป็นตัวเล็กแบบนี้ยิ่งน่าแกล้งชะมัดเลยฮะๆ”เขาพูดพร้อมกับเกาหัวเล็กน้อย
“ผมเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมมีแต่คนแกล้งผมน่ะฮะๆเหนื่อยนะเมื่อกี้น่ะหายใจไม่ทันเลย”
“55555ก็นะ..นายนอนพักเหอะเหนื่อยน่าดูฉันกะจะนอนสักหน่อยตอนเย็นไปเดินเล่นกันมั๊ย..ข้างหลังชมรมเป็นทะเลน่ะน่าเดินมากเลย”
“โอเค..”ผมตอบกลับก่อนที่จะค่อยๆหลับตาลงใบหน้าของเขาช่างงดงาม..ริมฝีปากที่อ่อนละมุนน่าจับต้องนั่นทำให้ผมอยากให้เขาอยู่ข้างๆผมอย่างนี้ตลอดไปจัง......
20%
.
“นี่ๆนาย..ตื่นได้แล้วนะนอนนานขนาดนี้เดี๋ยวก็ไปไม่ทันหรอก”เสียงใครคนหนึ่งพูดขึ้นขัดการนอนของผม
“ฮ้าว...”ผมอ้าปากหาวพร้อมกับลืมตาตื่นขึ้นก็พบกับใบหน้าของผู้ชายคนนึง
“เซฮุน...”ผมตกใจเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นนั่งและหันไปมองนาฬิกาก็พบว่าเวลาเดินเลยมาเกือบจะค่ำแล้ว สีหน้าของคนตรงหน้าดูไม่สบอารมณ์อย่างมากเขาต้องโกรธผมมากแน่ๆเลยที่เผลอนอนหลับจนเลยเกินเวลาที่นัดกันไว้ ผมจะทำยังไงดีนะ..
“ผม..ขอโทษนะที่หลับนานไปหน่อยจนเลยเกินเวลาน่ะ..”ผมเกาหัวเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบางๆที่มุมปาก รอยยิ้มแบบนี้คงช่วยให้เขาหายโกรธผมนิดนึงแหล่ะนะ
“หึ..ไม่เป็นไรหรอกแบคฮยอนมนก็แค่เลยเวลามา1ชม.20นาทีกับอีก45วินาทีแค่นั้นเอง”
“ผม..ขอโทษนะครับ เซฮุน..แต่ทำไมนายไม่ปลุกผมล่ะอยู่ห้องเดียวกันแท้ๆน่าจะปลุกผมนะ”
“นี่..นายจะให้ฉันนอนเฝ้านายนอนหลับ3ชม.เลยรึไง!ฉันก็ต้องไปช่วยงานพี่ๆเขาสิแล้วเนี่ยก็จะใกล้เวลากินข้าวแล้วด้วยตอนแรกที่นัดกันไว้ว่าจะไปเดินเล่นน่ะไม่ได้ไปเลยเพราะนายคนเดียวเลยนะแบคฮยอน...ฉันก็ไว้ใจนายคิดว่าจะตื่นตรงเวลามาตามนัด สุดท้ายนายก็ไม่มา”
สีหน้าของเขาดูโกรธจัดมากที่ผมผิดนัด แต่น้ำเสียงของเค้าปนความโกรธและความผิดหวังที่มีในตัวของผม ผมพูดอะไรไม่นอกจากนั่งอยู่เงียบๆก่อนจะมีใครอีกคนพูดแทรกขึ้นมา
“อ้าว..พวกนายน่ะลงไปกินข้าวได้แล้ว พี่ๆให้ขึ้นมาตามลงไปช้าระวังโดนทำโทษกันนะ”
“ครับ..ชานยอลเดี๋ยวพวกผมจะรีบลงไปเลยนายลงไปก่อนเลยก็ได้นะ”ผมเปลี่ยนน้ำเสียงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เขาสงสัยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“เออๆแต่..เอ๊ะ..ฮุนนายดูหงุดหงิดนะเป็นอะไรรึเปล่า?ทะเลาะกันเหรอ” แย่แล้ว..เขารู้ว่าเราทะเลาะกันเรื่องมันจะไปกันใหญ่มั๊ยเนี่ย
“อะ...เอ่อเราไม่ได้ทะเลาะกันหรอก..ถึงทะเลาะก็ปรับความเข้าใจกันแล้วน่ะไม่มีอะไรหรอกครับ”ผมพยายามอธิบายให้อีกคนฟังแต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจในสิ่งที่ผมพูดเลยสักนิด
“เฮ้..ฮุนนายเป็นไรก็บอกมาดิเพื่อนกันนะ บอกมาเหอะทะเลาะกันเรื่องนัดใช่มั๊ย”
“นายรู้ด้วยหรอยอล”เซฮุนพูดแทรกขึ้นหลังจากที่เงียบไปนาน
“เออน่า..เอาเป็นว่าฉันรู้ละกัน ทะเลาะกันเพราะเรื่องแค่นี้ไม่สมเป็นนายเลยนะฮุน แค่เรื่องนัดแค่นี้เอง..ปกตินายก็ไม่ใส่ใจอะไรอยู่แล้วหนิ”
“นี่ยอล นายพูดให้มันดีๆหน่อยนะ..ฉันใส่ใจทุกเรื่องแค่ความสำคัญต่างกัน”
“งั๊นนายก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนัดมากเลยล่ะสิถึงดูโมโหขนาดนี้น่ะ”ชานยอลพูดกวนประสาทเซฮุนเข้าไปทุกทีสีหน้าเซฮุนก็ดูโกรธจัดอย่างเห็นได้ชัดแล้วผมจะทำยังไงดีเนี่ย..
“ไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อยยอล...นายไม่เข้าใจอย่ามาพูดเลยดีกว่า..แบคเขาก็เป็นเพื่อนเราคนนึงนะฉันก็ต้องให้ความสำคัญกับเขามากสิก็เหมือนนายนั่นแหล่ะ”เซฮุนพูดจบก็ลุกขึ้นตอนแรกดูเหมือนจะเดินออกไปจากห้องแต่ชานยอลก็เดินไปขวางซะก่อน...เรื่องราวชักจะไปกันใหญ่แล้ว
“นี่..พวกนายสองคนเลิกทะเลาะกันเถอะวันนี้ไม่ได้พรุ่งนี้ก็ได้แหล่ะน่านะ..เราเป็นรูมเมทเดียวกันนะ ห้องเดียวกันชมรมเดียวกัน ยังไงซะพวกนายน่ะก็ต้องปรับความเข้าใจกันนะ..แบคฮยอนนายก็ควรปรับปรุงตัวเองเรื่องเวลาส่วนฮุนนายก็อย่าใช้อารมณ์มากเกินไป..แค่นี้เองเราเป็นเพื่อนกันนะจริงมั๊ย”ชานยอลพูดจบก่อนจะเดินมากอดคอเราสองคน
“เพื่อนกันใช่มั๊ย?”เขาเอ่ยถามซ้ำ
“อื้มครับ..”ผมตอบด้วยรอยยิ้มเต็มเปี่ยม
“นายล่ะฮุน..เพื่อนน่ะเข้าใจปะ?”ชานยอลพูดก่อนจะมองไปยังหน้าเซฮุนอย่างกวนสุดๆ”
“เออๆเพื่อนๆ”เซฮุนพูดจบก็ผลักเราสองคนออกแล้วเดินออกไปจากห้องและผมกับชานยอลก็เดินตามไปอย่างไม่ขาดสาย..แต่สิ่งที่ผมคิดตลอดคือ..เซฮุนเขาจะยังโกรธผมอยู่มั๊ยนะ..ผมควรจะทำยังไงดี..
“นี่..แบคฉันว่าพวกพี่ๆต้องโกรธพวกเรามากแน่ๆเลยอ่ะ..แต่ถ้าเรามองโลกในแง่ดีซะอย่างยิ้มเข้าไว้คงไม่มีอะไรเกินขึ้นหรอกมั๊ง55555.”
“เอ่อ...คงงั๊นมั๊งครับ”ผมลืมเรื่องนี้สนิทเลย จะทำยังไงดีล่ะ..ต้องโดนทำโทษแน่เลยๆ แย่แล้ว..
ณ. ห้องอาหารประจำชมรม
“นี่พวกนาย!!มาช้าไป10นาทีทำไมถึงทำแบบนี้น่ะ..วันเข้าค่ายวันแรกก็มาช้าซะละสงสัยต้องโดนทำโทษ”นั่นไงยังไม่ทันขาดคำเลยแย่แล้วแบคฮยอนเรื่องทั้งหมดเพราะเราแท้ๆเลย
“อะ..เอ่อพี่ๆครับพวกผมขอโทษนะครับต่อไปพวกผมจะปรับปรุงตัวให้ดีกว่าเดิมนะครับ”ผมพูดพร้อมกับโค้งตัวเล็กน้อย ยิ้มหน่อยๆคงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกมั๊ง ผมควรจะมองโลกในแง่ดีแบบที่ชานยอลบอกไว้ใช่มั๊ย..
“กฎก็คือกฎเพราะฉะนั้นะพวกนายจะต้องตื่นมาแต่เช้าและทำความสะอาดหลังรร.ที่เป็นชายหาด บนชายหาดต้องไม่มีใบไม้เหลืออยู่เกินสิบใบละต้องตื่นมาทำทุกวันจนกว่าจะจบวันเข้าค่ายถ้าพวกนายทำได้ฉันจะยกโทษให้”
อะ...เอ่อ..ครับผม...พวกผมจะจัดการตามที่พี่ๆบอกนะครับ”ผมก้มหัวแล้วก้มหัวอีกหันมองพี่คนนั้นทีเซฮุนทีสีหน้าเขาตอนนี้ดูโกรธมากแต่ก็เก็บอารมณ์ไว้อย่างดี เรื่องนี้คงจบไม่สวยแน่
“ก็ดี..ทำให้ได้อย่างที่พูดละกัน..เอาล่ะทุกคนคืนนี้ก็กินกันให้เต็มที่นะพรุ่งนี้จะได้เริ่มฝึกกันจริงๆจังสักทีพรุ่งนี้พี่นัดเจอกันที่ห้องโถง10โมงเช้านะห้ามสายห้ามขาดเด็ดขาดไม่งั๊นโดนทำโทษล้างห้องน้ำทั้งรร.แน่เข้าใจมั๊ย”รุ่นพี่ยืนกรานเสียงแข็งก่อนจะปล่อยให้ทุกคนกินข้าวตามอัธยาศัยทุกคนส่วนใหญ่รวมทั้งในกลุ่มเอ๊กโซก็ดูเหมือนจะมีความสุขดีทุกคนต่างพากันเล่นด้วยกันสนุกสนานแต่ก็มีเพียงคนนึงที่ไม่ยอมกินอะไรเลยตั้งแต่หัวค่ำจนตอนนี้ก็สามทุ่มแล้วคนๆนั้นก็ยังนั่งเฉยๆไม่สนใจใครจนเมื่อเจ้าตัวรู้ว่าผมแอบมองบ่อยๆเขาก็เดินกลับขึ้นห้องไปเลย..เฮ้อ..เขาต้องโกรธผมมากแน่ๆเลย..ผมควรจะทำยังไงดีนะ..การแอบรักเขาข้างเดียวก็เป็นอุปสรรคต่อการใกล้ชิดกันอยู่แล้ว..ยิ่งต้องมาคอยสร้างปัญหาแบบนี้อีก..เขาคงเกลียดขี้หน้าผมไปจนวันตายแน่เลย..แบคฮยอน..นายก่อเรื่องอีกแล้ว..ไหนจะไม่ตามนัด โดนทำโทษอีก แล้วอย่างนี้ผมจะสมหวังในความรักกับเขาบางมั๊ยหลังจากผมนั่งครุ่นคิดอยู่สักพักก็ตัดสินใจเดินไปถามเพื่อนสนิทของเขาแน่ล่ะก็คงไม่พ้นชานยอล..
“นี่ชานยอล..ผมขอถามอะไรสักอย่างได้มั๊ย”ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนนิดนึงก่อนจะนั่งลงข้างๆเขาสายตาจ้องมองคนตัวใหญ่ที่กำลังนั่งดื่มและเล่นอย่างสนุกสนาน
“ได้สิ..มีอะไรหรอ..จะถามเรื่องเซฮุนใช่มั๊ยล่ะ”
“นายรู้ได้ไงว่าผมจะถามเรื่องนี้น่ะ”
“นี่นายก็นะซื่อบื้อจริงๆเราเป็นเพื่อนกันนะจะไม่รู้ได้ไงอีกอย่างนะนายก็ทะเลาะกับเซฮุนอยู่หนิ..นายคงจะมาถามว่าเวลาฮุนมันโกรธจะทำยังไงจะง้อยังไงใช่มั๊ยล่ะ” คนตัวใหญ่หันมาจ้องหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาที่มุมปาก
“นายยิ้มทำไมน่ะ..หน้าฉันมีอะไรติดหรอ?”ผมรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมาเช็ดก่อนจะหันไปมองคนที่กำลังจ้องมองผมอย่างตาไม่กระพริบ
“นี่นาย...ชานยอล!!”ผมเรียกพร้อมกับเขย่าตัวเขาเบาๆจนทำให้เขาพอรุ้สึกตัวมีสติขึ้นมาบ้าง
“อะ...เอ่อ..ขอโทษนะที่เหม่อลอยไปหน่อยน่ะ”เขายิ้มสะแหยะเล็กน้อยก่อจะตอบคำถามผม
“ฮุนน่ะเวลามันโกรธมันจะโกรธง่ายแต่หายเร็วนะถ้านายมีข้อแลกเปลี่ยนล่ะก็มันก็จะหายโกรธเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะ..”
“ข้อแลกเปลี่ยนงั๊นหรอ?”
“อื้ม..ใช่แล้วล่ะข้อแลกเปลี่ยนแต่ว่านะ..นายต้องหาข้อแลกเปลี่ยนที่แปลกใหม่และพอจะทำให้มันนึกสนุกและสนใจขึ้นมาได้ไม่ใช่ว่านายจะบอกว่าพรุ่งนี้ฉันจะทำอาหารเช้าให้กินอะไรนี้มันก็ไม่เอาหรอกนะแต่ถ้าเป็นฉันอ่ะไม่ว่าข้อแลกเปลี่ยนไหนฉันก็ได้ทั้งนั้นแหล่ะ55555”
เอ๋..ข้อแลกเปลี่ยนงั๊นหรอ..ข้อแลกเปลี่ยนแบบไหนกันนะที่จะชนะใจเซฮุนน่ะคนอย่างเซฮุนไม่ใช่คนง่ายๆเอาซะเลยนะ..เอาใจทีง้อทียุ่งยากชะมัดเลย
“ขอบคุณมากๆเลยนะสำหรับคำตอบน่ะนายนี่เป็นคนดีมากเลยล่ะนะ..งั๊นผมขอตัวไปนอนก่อนนะ”
“อื้มๆฉันขอต่ออีกหน่อยวันนี้อาจจะไม่กลับไปนอนห้องนะฝากบอกฮุนด้วยคงกินอีกยาว555เจอของกินอร่อยๆแบบนี้แล้วมันอดใจไม่ไหวน่ะ5555ฝากบอกฮุนด้วยนะฉันไปนอนค้างกับไคนะ”
“อื้มได้เลยเดี๋ยวจะบอกเซฮุนให้นะ”ผมพูดจบก็เดินกลับห้องด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะความรู้สึกแบบนี้อีกแล้ว...ถ้าผมห้ามใจตัวเองได้สักครั้งก็คงดี..
คืนนี้ผมจะได้นอนห้องเดียวกับเซฮุนสองคน สองคน...ผมไม่อยากจะเชื่อเลย..โชคชะตาเป็นใจให้ผมมากๆเลยแต่ถึงยังไงก็เถอะบรรยากาศภายในห้องคงเงียบสงัด..เขายังโกรธผมอยู่นี่นา..จะให้ผมทำยังไงล่ะ..ผมไม่ใช่คนง้อเก่งซะด้วยสิ..ผมต้องทำยังไงดีเนี่ย..คิดแล้วปวดหัวจริงๆเลย
“เอ๊ะ?”นี่ผมคิดเพลินจนเดินเพลินมัวแต่คิดเรื่องเซฮุนตอนนี้ก็มายืนอยู่หน้าห้องแล้วจะเปิดประตูเข้าไปยังไงดี..แล้วเข้าไปแล้วจะเกิดอะไรขึ้น...ผมจะพูดอะไรดี..โอ๊ย...คิดๆๆๆสิแบคฮยอน..เฮ้อ...เอาล่ะเป็นไงเป็นกัน.
แอดดดดดดดดด
ผมค่อยแง้มประตูเล็กน้อยก่อนจะโผล่หัวไปแอบมองคนที่อยู่ด้านในแต่ดูเหมือนเขาจะอาบน้ำอยู่นะ..ค่อยดีหน่อย..ทางสะดวก..
“อ้ะ..”ทันทีที่ผมค่อยไปในห้องและหันไปปิดประตูและพอหันกลับมาหน้าของผมก็ชนกับแผ่นหน้าอกของใครบางคนเข้าอย่างจัง ในตอนนี้หน้าของผมคงแดงเป็นลูกมะเขือเทศแน่ๆเลย..ผมจะทำยังไงดี..หัวใจของผมก็เริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ..เต้นแรงมากซะด้วย...จนผมกลัวเขาจะได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงอย่างบอกไม่ถูกของผม
“หืม..นายทำอะไรน่ะ”เขามองหน้าผมด้วยความสงสัยเล็กน้อย
“อะ...เอ่อ...คือ...ผม..เข้ามาในห้องน่ะจะเข้ามานอนแล้วน่ะ..ตะ..แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นน่ะ..ผม..ขอโทษด้วยนะ”ผมพูดอย่างเล็กน้อยแต่ก็ก้มหน้าไว้ไม่อยากให้เขาเห็นแก้มของผมที่ตอนนี้เป็นสีแดงอ่อนๆไปแล้วใจของผมก็เต้นไม่เป็นจังหวะเลย พูดตะกุกตะกัก
“อืม..ไม่เป็นไร..”ในตอนนี้เขาดูเย็นชากับผมมากเลยนี่เขายังไม่หายโกรธผมอีกหรอ..
“ผมขอโทษนะ..สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดน่ะ..”
“ไม่เป็นไรหรอก..นายก็แค่ยังไม่รู้จักฉันดีพอ..”เขาตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาปนความโกรธเล็กน้อย
“ชานยอลบอกผมว่า..เวลานายโกรธถ้าผมจะง้อผมจะต้องมีข้อแลกเปลี่ยน..ใช่มั๊ย”
“แล้วนายจะมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรมาแลกล่ะ...หืม?”เขาเลิกคิ้วก่อนจะเดินเข้ามาใกล้กับผมจนตัวผมแทบจะชิดประตู
“น่ะ..นายจะทำอะไรน่ะ” ผมตอบอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ก็ฉันถามนายว่าข้อแลกเปลี่ยนที่นายว่าจะมาแลกน่ะคืออะไรถ้าเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจฉันจะยอมหายโกรธนาย..” เขาเลิกคิ้วพร้อมกับยิ้มี่มุมปากเล็กน้อยผมไม่ชอบสายตาแบบนนี้เลย
“อะ..เอ่อ..คือ”ตอนนี้ตัวของผมชิดติดกับประตูแล้ว ใจของผมก็เต้นตึกตักๆ ดวงตาของคนตัวใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างหน้าก็จ้องลงมามองที่ผมแววตาที่แสดงถึงความโกรธและเสียใจปนอยู่รวมกันของเขานั้นยิ่งทำให้ผมรู้สึกละอายแก่ใจเข้าไปทุกที
“ผม...เอ่อ..ที่ผมจะแลก..น่ะก็คือ..”ผมจ้องมาดวงตาของเขาอย่างไม่ละสายตา ผมสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของเขาทั้งหมด..ผมควรจะทำยังไงดี..ใจของผมก็เต้นไม่เป็นจังหวะขึ้นทุกที
“ว่าไงล่ะ..แบคอยอน” เขาเอามือทั้งสองข้างล็อคผมไว้ไม่ให้ไปไหน นัยน์ตาของเขาจ้องมาที่ตาของผม สายตาแบบนั้นทำให้ผมหวั่นไหวเข้าไปทุก
“เอ่อ..คือ..”เพียงไม่นานเขาก็ค่อยๆก้มลงมาประทับริมฝีปากของผม ตอนนี้ผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสความอ่อนโยน ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นดั่งต้องมนต์ ใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะ หน้าของผมแดงละเริ่มร้อนขึ้น
เขาประทับริมฝีปากของผมอย่างแรงกล้าทำให้ผมอยากจะมอบหัวใจดวงน้อยดวงนี้ให้แก่เขา ร่างกายและกำลังของผมเริ่มอ่อนลง..เมื่อเราสองคนเริ่มรู้สึกตัวไม่นานเขาก็ถอนริมฝีปากออกสายตาที่จ้องมองมาทางผมนั้นดูอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเป็นก่อน
“ชานยอลไม่มานอนใช่มั๊ย..”
“อื้ม...ใช่ชานยอลเขาจะไปนอนกับไคน่ะเห็นบอกว่าจะกินให้เต็มอิ่ม”
“อืม..”เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบง่ายก่อนจะเดินไปใส่เสื้อผ้า
“’งั๊น..ผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะ”เขาไม่ตอบอะไรผมเลยเดินเข้าไปในห้องน้ำทันทีที่ปิดประตูใจของผมก็ค่อยๆเต้นเป็นปกติ..ผมแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเยว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นน่ะ มันคือเรื่องจริงอย่างนั้นหรอ..ผมเดินไปที่อ่างล้างหน้าก่อนจะมองตัวเองในกระจก..เขาจูบผม..จริงๆหรอ...
หลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็เดินออกมาพร้อมกับเช็ดผมเล็กน้อย สายตาก็ชำเลืองไปมองคนผิวขาวที่นอนแผ่ราบอยู่บนที่นอน ตอนนี้เขาหลับไปแล้ว..ผมค่อยๆเดินไปอยู่ข้างหน้าเขาและค่อยๆนั่งมองคนตัวใหญ่นอนหลับ..มันช่างน่าเอ็นดูน่าดูแลจริงๆเลยนะ..ผมอยากจะบอกรักเขาบอกชอบเขาสักครั้ง บางครั้งก็รู้สึกว่าเขาจะชอบผมบ้างแอบมีใจบ้าง..แต่มันก็คงเป็นเพียงแค่ความฝันเท่านั้นแหล่ะ..ผมคงบอกรักเขาได้เพียงในฝันเท่านั้นแหล่ะ.. เมื่อไหร่กันนะ..ที่ผมพอจะกล้าพอบอกรักคนอย่างเขาไปสักที..
.
เช้าวันต่อมา
“ล้า...ลา..ลา..ลัล ลัลล้าลา..ล้า..”
“ฮ้าว..”ผมสะดุ้งตื่นเล็กน้อยเพราะเหมือนจะได้ยินเสียงกีตาร์ของใครบางคนดีดๆช้าๆอย่างเป็นจังหวะ..ผมมองนาฬิกาปลุกบอกเวลาตีห้าครึ่ง..ผมตื่นมาทำอะไรในตอนเช้าขนาดนี้กันนะ..ใช่แล้วผมต้องไปทำความสะอาดนี่นา..แต่ใครกันที่เป็นคนดีดกีตาร์อันไพเราะนั่น..
“ชานยอล..นายดีดกีตาร์นั่นหรอ”ผมถามทันทีที่หันไปเห็นคนตรงหน้ากำลังปิ้งขนมปังเป็นอาหารเช้ารองท้อง
“อ้าว..นายตื่นแล้วหรอ ฉันกะจะปลุกนายซักตอนหกโมงตื่นเร็วดีนะนายเนี่ย..อ้อ..เมื่อกี้นายถามฉันใช่มั๊ย..ถ้าไม่ใช่ฉันใครจะมานั่งเล่นกีตาร์ตอนตีห้าครึ่งกันล่ะ ฮุนมันเล่นไม่เป็นหรอกฉันเนี่ยมือโปรกีตาร์เลยนะ55555” เขาพูดแกมหัวเราะก่อนจะหันไปสอนใจขนมปังปิ้งที่อยู่ตรงหน้า
“อ้าว..นายอาบน้ำเสร็จแล้วหรอ..” เขาหันไปถามคนที่เดินออกจากห้องน้ำ คำถามนั่นทำให้ผมหันไปหาอย่างไม่สงสัยเลยว่าเขาหมายถึงใคร
“อืม..เสร็จแล้ว”เขาตอบน้ำเสียงเรียบนิ่งก่อนจะเดินไปหยิบขนมปังอีกแผ่นพร้อมกับนมสด
“แบคนายไปอาบน้ำไป..จะได้รีบๆลงไปทำความสะอาด” ชานยอลหันมาทางผมบ้างพร้อมกับสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งปนความอ่อนโยนเล็กน้อย
“อื้ม...”ผมตอบกลับก่อนจะเดินไปในห้องน้ำ...ผมได้ยินเสียงคนพูดคุยกันเล็กน้อยก่อนจะไม่มีเสียงอะไรนอกจากเสียงคนกัดขนมปังและดื่มนมในตอนเช้ามืด..บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัด หลังผมอาบน้ำเสร็จ และกินของว่างที่ชานยอลเตรียมไว้ให้พวกเราก็ไม่รีรอที่จะเดินลงไปข้างล่างเพื่อทำความสะอาดให้เสร็จก่อนที่พี่ๆทางชมรมจะเดินมาตรวจความเรียบร้อย
“แบค...นายทำความสะอาดชายหาดตรงนี้ละกันนะ..ฮุนนายทำความสะอาดตรงเรือตรงนั้น ส่วนฉันจะไปทำความสะอาดตรงสวนหย่อมละกันนะ” ชานยอลแจกแจงเรื่องทำความสะอาดเสร็จก็เดินแยกตัวไปทำความสะอาดที่สวนหย่อมอีกด้านของชายหาดถึงแม้ระยะทางจะห่างไม่มากแต่มันก็มากพอที่จะทำให้ผมรู้สึกว่าตอนนี้ผมอยู่กับเซฮุนสองคนอีกตามเคย แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจผมเท่าไหร่ต่างคนก็ต่างทำความสะอาดตามหน้าที่ของตัวเอง ตอนนี้ผมได้ยินแค่เสียงคลื่นกระทบชายหาดเสียงนกบางตัวตื่นออกมาร้องตอนรุ่งเช้า...เสียงกวาดใบ้ไม้ และเสียงลมที่พัดพาเอาความหนาวมาให้ในช่วงต้นฤดู บรรยากาศแบบนี้ผมชอบมากเลยล่ะนะ..แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าบรรยากาศแบบนี้ทุกคนจะมีความสุขกันไม่ใช่เขาที่ดูเหมือนจะเมินเฉย
“นี่..เซฮุน นายยังไม่หายโกรธผมอีกหรอ”ผมตะโกนถามกลบเกลื่อนความเงียบ เขาไม่ตอบอะไรก่อนจะวางไม้กวาดและเดินมาทางผมก่อนจะหยุดยืนอยู่ตรงหน้าสายตาจ้องมองมาที่ใบหน้าของผม..จนผมทำอะไม่ถูกได้แต่ยิ้มแก้เขินเท่านั้น
“ฉันน่ะ..หายโกรธนายแล้ว..หายตั้งนานแล้วล่ะนะ” ผมเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ก็อดยิ้มไม่ได้ที่รู้ว่าเขานั้นหายโกรธผมเป็นปลิดทิ้งแล้ว
“แล้วนาย..หายโกรธผมแล้ว..ยังไง..ผมยังไม่ได้...”
“ชู่ว...”ผมยังไม่ทันพูดจบประโยคเขาก็เอามือมาปิดปากของผมเอาไว้ซะก่อน ผมเลยได้แต่มองหน้าเขาพร้อมกับเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย
“เรื่องเมื่อวานช่างมันเถอะนะ..ฉันคิดๆดูแล้วมันก็จริงอย่างที่ชานยอลบอกไว้ฉันคงจะใช้อารมณ์มากเกินไปหน่อย..ขอโทษด้วยนะ...แล้วก็ข้อแลกเปลี่ยนน่ะ..นายคงจะรู้ดีนะ..ว่าคืออะไร..ขอบคุณสำหรับข้อเสนอดีๆนะแบคฮยอน”เขาพูดก่อนจะปล่อยมือจากปากผม เขายิ้มให้ผมเล็กน้อย ใจของผมก็เต้นไม่เป็นจังหวะตามเคยทุกครั้งที่ ผมเห็นรอยยิ้มแบบนี้มันเหมือนเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้ใจของผมเต้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แค่ผมเห็นเขามีความสุขก็พอแล้ว...
“อะ..อื้ม”ผมยิ้มตอบกลับ..แล้วเราสองคนก็นั่งกันบนชายหาดมองท้องฟ้าที่ส่องประกายยามเช้าวันใหม่ วันนี้ช่างเป็นวันที่ดีจริงๆเลย..
“นายน่ะน่ารัก..นะเวลายิ้มน่ะ เคยมีคนบอกนายมั๊ย”เขาเอ่ยถามขึ้นท่ามกลางความเงียบสงบ
“ไม่เลย..ไม่มีน่ะ นายคนแรกเลยนะ..ฮะๆ.....นาย...เคยแอบชอบใครมั๊ย” ผมถามขึ้นอย่างกล้าๆกลัวในใจก็แอบคิดว่าเขาจะไม่ตอบผม แต่ก็นะ...ความรู้สึกที่อัดอั้นมานาน..ผมอยากจะรู้ว่าในใจของเขานั้นมีใครอยู่..เขาแอบชอบใคร..
“เคยสิ..เขาเป็นคนตัวเล็กน่ารัก เหมือนนายเลยนะ..แบคฮยอน” เซฮุนพูดจบก่อนจะประทับริมฝีปากลงบนแก้มของผม...ความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นอีกแล้ว....ใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะ ทั้งตกใจ..ทั้งดีใจ..ความรู้สึกปะปนกันไปหมด..แต่...คำถามบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในหัวของผม....คนที่เขาพูดถึงหมายถึงใครกันนะ...คนๆนั้นจะเป็นผมหรือเปล่า..
ในขณะที่เรานั่งเล่นกันสักพักหลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจบลงก็ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลย..จนกระทั่ง..
“เฮ่ย...พวกนายมัวแต่นั่งบื้ออยู่นั่นแหล่ทำความสะอาดเสร็จแล้วหรอ?” ชานยอลเอ่ยถามขึ้นแทรกความเงียบขึ้นมา
“เสร็จแล้ว..”เขาตอบเสียงเรียบก่อนจะลุกขึ้น
“ใช่มั๊ย...แบคฮยอน”เขาหันมาถามผมบ้าง ผมไม่ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้าตอบไปเท่านั้น..เขายื่นมือมาให้ผมก่อนจะดึงผมลุกขึ้น
“อื้ม..งั๊นก็ดี..งั๊นเราก็นั่งพักตรงศาลาริมทะเลนี่ก่อนละกัน..เพิ่งจะหกโมงครึ่งเองพี่ๆเขาคงจะยังไม่ตื่นกัน” ชานยอลพูดก่อนจะเดินมานั่งร่วมด้วย เขาเป็นเพียงคนเดียวที่ร่าเริงได้ตลอดเวลาและจะมาถูกเวลาทุกครั้งที่ผมกับเซฮุนมีปัญหาหรือเงียบไป..เขาจะเป็นคนพูดขึ้นก่อน คอยหาเรื่องมาเล่าตลอดเวลา..แต่บางครั้งผมก็แอบคิดว่า เขาแทบจะรู้สิ่งที่ผมคิดตลอดหรือรู้เรื่องเซฮุนกับผม เขาไปรู้เรื่องพวกนี้มากจากไหนกัน...
“อ้า...พวกนายเงียบกันทำไมละ..ไม่สนุกซะเลย..”ชานยอลพูดก่อนจะยิ้มเจื่อนๆเขาดูเศร้าๆแววตาของเขาบ่งบอกถึงความเจ็บปวด เขาเป็นอะไรกันแน่..เขาไปรู้อะไรมา..เกิดอะไรขึ้นกับ...เขามีอะไรปิดบังพวกเราอยู่...ในใจของเขา ในหัวของเขากำลังคิดอะไรอยู่นะ....
50%
.
ผมได้แต่นั่งดูคนตัวใหญ่ตรงหน้าเหมือนว่าเขาทั้งสองคนจะมีอะไรบางอย่างอยู่ในใจ..เซฮุนที่ดูมีท่าทีเหมือนกับแอบชอบใครสักคน ส่วนชานยอลก็ดูเหมือนว่าคนที่เคยมีความสุขตลอดเวลานั้นได้หายไป..เขาทั้งสองไม่พูดคุยกันเพียงแต่มองหน้าและถอนหายใจเท่านั้น บรรยากาศแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไงกันนะ...ทั้งๆที่มีชานยอลแต่ดูเหมือนทุกอย่างจะเงียบไปซะหมด...ชานยอลคนเดิมหายไปไหนแล้ว...
“พวกนาย...มีอะไรปิดบังผมอยู่หรอ?” ผมเอ่ยถามขึ้นในขณะที่การสนทนาเป็นไปด้วยความเงียบสงบ
“เปล่า...ไม่มีอะไรหรอก...นายคิดไปเองหรือเปล่า..แบคฮยอน” ชานยอลตอบบ้างหลังจากที่เงียบไปนาน
“พวกนายแอบชอบใครกันแน่...พวกนายมีใครอยู่ในใจงั๊นหรอ...?”
ดูเหมือนคำถามของผมจะตรงใจของทั้งสองแน่ๆไม่งั๊นคงไม่เงียบและอึ้งไปนานขนาดนี้หรอก...ว่าแต่ทำไมกัน..
“ทำไมพวกนายไม่บอกกันล่ะ..ชานยอล..ไหนนายบอกว่าเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรอ..ทำไมล่ะ...ทำไมนายไม่บอกพวกเรา....นายมีอะไรปิดบังพวกเราอยู่...” ผมไม่ลังเลยิงคำถามไปที่ชานยอลเป็นคนแรก เขาเงียบไปสักพักและเหมือนจะจะตัดสินใจได้ เขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ก็เพราะความเป็นเพื่อนเนี่ยแหล่ะ...ทำไมฉันบอกไม่ได้..”
“นายหมายความว่าไง..นายชอบใคร”
“เอ่อ...คือ..ฉัน...”
“ชานยอลจะชอบใครแล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับนาย?” เซฮุนพูดแทรกขึ้นบ้างดูเหมือนเขาทั้งสองจะรู้เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นแต่ทำไม..ไม่มีใครบอกผมเลย...เขาสองคนเป็นอะไรไปกันหมด..พวกเขาปิดบังอะไรผมอยู่กันแน่...
“ถึงมันจะไม่เกี่ยวกับผมแต่ชานยอลเขาก็บอกเองไม่ใช่หรอ...ว่าเราเป็นเพื่อนกันน่ะ...ในความหมายของคำว่าเพื่อนสำหรับผมแล้ว...มีอะไรก็ต้องบอกกันไม่ใช่หรอ...แล้วทำไมพวกนายถึงไม่บอกผมล่ะ...ทำไม...” ผมยืนยันเสียงแข็ง พูดด้วยความรู้สึกที่สงสัยมาตลอด..ว่าเรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง...ก่อนหน้านี้...ตอนที่ผมจะบอกเขาว่าชานยอลไม่กลับมานอนที่ห้อง..เซฮุนเป็นคนเอ่ยถามก่อน...เขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง...แล้วตอนที่ผมทะเลาะกับเซฮุน..ชานยอลรู้ได้ไง..ว่าพวกเราทะเลาะกันเรื่องนัดน่ะ....ผมจะต้องรู้เรื่องพวกนี้ให้ได้...วันนี้ก็วันสุดท้ายของการเข้าค่ายชมรมแล้ว..ผมจะต้องทำอะไรสักอย่าง...ผมจะต้องหาคำตอบของเรื่องนี้...
“เอ้า..พวกนายไปนั่งทำอะไรกันตรงนั้นน่ะ...พี่ๆเขาให้มาตามไปกินข้าวและทำกิจกรรมเสร็จก่อนสิบโมงนะอย่าลืมเดี๋ยวไปสายโดนทำโทษอีกฉันขี้เกียจทนฟังพี่เขาบ่น” เพื่อนร่วมชมรมคนหนึ่งเดินเข้าเรียกพวกผมให้ภวังค์ หลังจากที่พวกเราพูดเรื่องนั้น ตอนกินข้าวก็ต่างคนต่างกินไม่มีใครพูดอะไรจนลีดเดอร์ประจำกลุ่ม ‘ซูโฮ’ เอ่ยทักขึ้น
“นี่พวกนายวันนี้ดูเงียบๆไปนะ...แต่ก็เอาเถอะ ตอนที่เข้าไปในห้องโถงพี่ๆเขาแจ้งกับฉันแล้วว่าจะต้องทำอะไรบ้างเขาจะให้พวกเราคิดท่าเต้นและซ้อมกัน ฉันจะให้ไค้เป็นคนคิดนะและดูเหมือนเขาจะคิดได้แล้วด้วยเพลงจะเป็นเพลงของไอดอลที่เรารู้จักกันดีก็คือเอสเจนะเพราะฉะนั้นตั้งใจกันซ้อมด้วยนะทุกคน” เมื่อลีดเดอร์กล่าวจบทุกคนก็ต่างกันแยกย้ายไปทำธุระของตัวเอง เหลือเวลาประมาณครึ่งชม. ผมจึงตัดสินใจไปห้องโถงก่อน ดูเหมือนว่าทุกคนส่วนใหญ่จะมาที่นี่ คนในกลุ่มของผมก็ทยอยกันมาบ้างแล้ว จะเหลือก็แต่..ชานยอลกับเซฮุน..พวกเขาหายไปไหนกัน...
{Chanyeol part}
ณ ศาลาริมทะเล
“ฮุน...นายทำอะไรแบคอ่ะ...อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ...ทั้งเรื่องเมื่อวานและวันนี้น่ะ...”
“ยอลนายจะคิดอะไรมันก็เรื่องของนาย...ฉันไม่ได้ทำอะไรแบคทั้งนั้นแหล่ะ” ฮุนมันคิดอะไรของมันอยู่กันแน่...ผมไม่เข้าใจเลยว่าเป็นเพื่อนกันทำไมจะไม่รู้ว่ามันน่ะคิดอะไรชอบใครอยู่และคนที่มันชอบนั้นก็ชอบมันมานานซะด้วย ผมควรจะทำยังไงดี...ผมจะมีโอกาสบอกคนๆนั้นมั๊ย
“ยอล...ฉันรู้นะ..รู้ทุกเรื่องเลยนั่นแหล่ะ...นายอ่ะชอบแบคใช่มั๊ย..”
“เออ...ใช่...ฉันชอบแบค..นายจะทำไม..”
“ก็เปล่า...ดีแล้ว...แบคจะได้มีคนดูแลฉันล่ะรำคาญแบคมากเลยคอยแต่สร้างปัญหา..นายชอบแบคก็ดีแล้ว”
“แล้วนายล่ะ..ชอบแบก็บอกฉันเหอะ...ตอบอย่างเพื่อนอย่างลูกผู้ชายเลย..” ผมเอ่ยถามอย่างไม่ลังเล..ยังไงซะถ้าฮุนมันตอบชอบ ผมก็คงจะถอยห่างแต่ถ้ามันตอบไม่ก็คงเป็นโอกาสของผมที่จะปกป้องแบคฮยอน
“ไม่..ฉันบอกนายแล้วไง..ว่าฉันไม่ชอบแบค...ไม่มีทางชอบแบค..”
“แล้วนายจูบแบคทำไม..” คำถามที่ผมสงสัยมานานมากที่สุด อัดอั้นมานาน มันทำอย่างนี้ทำไม ถ้ามันไม่ได้ชอบแบค มันจะทำทำไม..
“ฉัน...ฉัน..แค่อารมณ์ชั่ววูบน่ะ..แบคก็แค่น่าตาคล้ายกับคนเก่า..ก็แค่นั้นเอง...”
“ก็ดี...งั๊น..ถ้านายไม่ชอบอ่ะ...วันนี้ตอนเย็นฉันจะบอกชอบแบค ในงานเลี้ยงริมชายหาด”
“อืม....งั๊นฉันไปห้องโถงก่อนนะเดี๋ยวจะไปไม่ทัน..” ผมก็ได้แค่ทำเป็นดีใจเท่านั้น...จริงๆเรื่องทั้งหมดผมก็รู้หมดทุกอย่าง..ฮุนน่ะมันชอบใครอยู่ผมก็รู้หมด..ผมก็แค่ทำเป็นไม่รู้..อยากให้มันสารภาพไปตรงๆ..ว่าความในใจของมันน่ะ...แอบชอบใครอยู่...ฮุนมันชอบแบคมาตั้งแต่เกรด11เพราะงานโรงเรียน....แบคเป็นคนขึ้นแสดงร่วมกับห้องของผมและฮุน แต่มันเป็นคนขี้อายเลยไม่ยอมบอกสักที นี่ก็เลยเป็นสาเหตุที่วันแรกของการเข้าค่ายชมรมตอนคุยกันนั่นแหล่ะ พวกผมเลยโดนพี่เรียกก็เพราะฮุนมันชวนคุยเรื่องแบค...ส่วนตอนมัน...ผมเดินไปเอาของพอดี...ผมเลยรู้เรื่องนั้น...ตอนมันทะเลาะกัน..ผมก็อยู่ในห้องนั้น แต่ดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่รู้ก็นะ...แอบเข้าไปเงียบๆกลัวรบกวน...เห็นเล่นกันสนุกสนานไม่สนใจ...ผมก็เลยตัดสินใจเข้าไปเงียบๆ...เรื่องทุกอย่างผมก็รู้ทั้งหมดนั่นแหล่ะเพียงแต่...ผมก็ไม่อยากบอกออกไปให้ใครรู้ทั้งนั้น...เก็บไว้ในใจอย่างนี้คงจะดีกว่า...ถ้าพูดออกไปเรื่องทั้งหมดคงจบไม่สวยแน่....ขอแค่พวกมันสมหวังกันก็พอ...ผมก็ขอแอบชอบไปอย่างนี้ก็พอแล้ว..
ณ.ห้องโถง
“พวกนายไปไหนกันมาน่ะ...เกือบจะมาสายแล้วนะ...” ผมเอ่ยถามผู้ชายตัวสูงสองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“อ่อ...เราไปเก็บของที่ห้องมาน่ะ...เนอะฮุน”
“อืม...ไปซ้อมกันเถอะ” เซฮุนเป็นอะไรนะ..เขาดูแปลกๆไป..เขาไปคุยอะไรกับชานยอลมา..ชานยอลก็ดูไม่แตกต่างจากเขาเลยสีหน้าของทั้งสองดูจะไม่มีความสุขเท่าไหร่นัก...
“เซฮุน...นายทำท่านี้ได้มั๊ย...ผมทำไม่ค่อยได้เลย...” ผมเอ่ยถามคนตัวสูงที่กำลังใจจดใจจ่อซ้อมเต้นอยู่ข้างหน้า
“ไปถามชานยอลเหอะ...มันน่าจะเต้นได้ดีกว่าฉัน...”
“เอ้า..แต่นายเป็นนักเต้นนะ...”
“ฉันเป็นนักเต้นฝึกหัดต่างหาก...” ทำไมเขาต้องเกี่ยงขนาดนี้ด้วย...นี่ผมกำลังขอร้องเขาอยู่นะ... น่าโมโหจริงๆเลย ท่าทีของเขาก็เย็นชาเหลือเกิน เวลาเล่นอีกอย่าง เวลาอื่นอีกอย่าง....ผมจะทำยังไงดีนะบุคลิกของเขาเปลี่ยนไปเปลี่ยนอย่างกับกิ้งก่าเปลี่ยนสี ผมล่ะตามไม่ทันเลยจริงๆ สงสัยผมคงต้องใช้แววตาน้อยๆของผมอ้อนวอนคนอย่างเขาซะแล้ว..โอเซฮุนก็โอเซฮุนเถอะเจอแบคฮยอนผู้น่ารักคนนี้ไม่ใจอ่อนให้รู้ไป..ฮะๆ
“เซฮุน....” ผมมองเขาด้วยแววตาอ้อนวอนแบบสุดขีด บอกตาตรงทั้งเขินทั้งอายแต่ก็อยากให้เขามาอยู่ใกล้ๆมาสอนผมนี่ชานยอลก็มัวยุ่งๆอยู่กับคนอื่น ก็มีแค่เนี่ยแหล่ะที่ผมสนิทมมากที่สุดที่ผมพอจะให้ช่วยได้บ้าง
“อะๆ...จะสอนก็ได้ นายทำท่าแบบนี้นะ เอามือนายไปไว้ข้างหลังหนึ่งข้างก้าวเท้าขวาไปข้างหน้าแบบนี้แล้วก็...” ผมฟังเขาอธิบายตามองท่าที่เขาสอนบ้าง มองหน้าเขาบ้าง การได้อยู่ใกล้กับคนที่ชอบแบบนี้มันก็อดหุบยิ้มไม่ได้ ใจก็เต้นรัวไม่ปกติตามเคย..ผมล่ะเบื่อความรู้สึกแบบนี้จริงๆ..
“นายทำได้ดีนะแบคฮยอน...” เขามองหน้าผมเล็กน้อยและยิ้มบางๆให้ผม ทำเอาหัวใจผมละลายเลยล่ะ...
“ขอบใจนายมากนะ...ที่สอนผมน่ะ” ผมยิ้มตอบกลับ รอยยิ้มของเขาทำให้หัวใจของผมเบิกบานมาตลอดเลย...
“นายเก็บรอยยิ้มนั้นไว้เถอะ..เย็นนี้ที่งานน่ะ..เดี๋ยวนายก็ได้ยิ้มอย่างเต็มที่..”
“หืม...นายหมายความว่าไงน่ะ...”
“เดี๋ยวนายก็รู้เอง...” เขาพูดแบบนี้หมายความว่าไงกันนะ...สีหน้าของเขาก็ดูไม่ค่อยดีเลย เขามีอะไรปิดบังผมตลอดเลย บางทีผมก็ควรจะถามเขาออกไปบ้างเผื่อจะแบ่งเบาความรู้สึกของเขาได้ ผมไม่อยากให้เขาต้องเป็นแบบนี้เลย
“นาย...มีอะไรไม่สบายหรือเปล่า นายบอกผมได้นะ” ผมเอ่ยถามขึ้น
“ไม่มีหนิ...ทำไม...ถึงมีนะมันก็ไม่เกี่ยวกับนาย...”
“ผมก็นึกว่าเราเป็นเพื่อนกันซะอีก...”
“เพื่อน...บางครั้งก็ไม่จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่องก็ได้ บางเรื่อง บางคนก็อยากเก็บไว้คนเดียว” เขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ไม่มีแม้แต่จะหันหน้ามามองมาสบตาคนตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย เขาเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เขามีปัญหาบางอย่างแต่ผิดตรงที่ว่าปัญหาครั้งนี้เขาไม่ได้เอ่ยปากบอกใครเลยแม้แต่ชานยอลเพื่อนสนิทที่สุดของเขาก็ไม่ได้บอก เรื่องอะไรที่อยู่ในใจของเขามาจนถึงทุกวันนี้? วันนี้ก็วันสุดท้ายแล้ว งานเลี้ยงอำราก็จะเริ่มในตอนเย็น ผมจะตัดสินใจบอกชอบเขาไปดีหรือเปล่านะ พอเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นแล้วบางที...ผมอาจจะต้องเก็บไว้ในใจคนเดียวใช่มั๊ย...ผมควรจะไม่บอกชอบเขาอย่างนั้นหรอ ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาผมเฝ้ามองคนๆนี้มาโดยตลอด เวลาเขาไปไหนผมก็คอยติดตามอยู่ไม่ขาดสาย รู้แม้กระทั่งเขาชอบอะไรไม่ชอบอะไร พอได้มาอยู่ใกล้ชิดกับเขาแบบนี้มันก็ทำให้หัวใจดวงน้อยๆของผมเบิกบานขึ้นมาได้บ้างแต่เพราะความสัมพันธ์แบบเพื่อนสนิท ก็เหมือนมีเส้นกั้นบางๆแบ่งความสัมพันธ์ของพวกเรา ทำให้ผมลำบากใจที่จะบอกชอบเขาไปเพราะกลัวว่าตอนสุดท้ายแล้ว ความสัมพันธ์แบบเพื่อนจะจบลงไปด้วย...
14.00 น.
“วันนี้พี่มีเรียกประชุมด่วน ทุกคนคงทราบกันแล้วว่าจะมีการจัดงานเลี้ยงฉลองกันวันสุดท้ายของการเข้าค่าย ดังนั้นพวกพี่ๆจะให้น้องๆไปเตรียมตัว หลังจากแยกย้ายกันไปขอให้ทุกคนมางานเลี้ยงตอน 18.00 น.” หัวหน้าชมรมกล่าวจบก็บอกให้พวกเราแยกย้ายกันไปตามแต่หน้าที่ของตัวเอง จริงๆแล้วการจัดการเข้าค่ายจะมีต่ออีกในสองสามวันแต่เนื่องจากเกิดเหตุการณ์บางอย่างที่พี่ๆเขาไม่สามารถบอกได้การจัดการเข้าค่ายครั้งนี้จึงมีแค่สามวันสองคืนเท่านั้นซึ่งระยะเวลาค่อนข้างสั้นแต่ผมว่ามันก็ไม่เลวเท่าไหร่นักหรอก...
หลังจากประชุมเสร็จผมก็ไม่เห็นวี่แววของเซฮุนอีกเลย สงสัยเขาคงจะกลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อน จะมีก็แต่ชานยอลที่คอยช่วยงานพี่ๆอยู่ตรงบริเวณริมชายหาด ผมจึงตัดสินใจเข้าไปร่วมช่วยด้วย แต่ดูเหมือนงานบางอย่างผมก็ทำไม่ค่อยได้ เพราะคนตัวเล็กร่างบางอย่างผมแรงทั้งหมดที่มีคงไม่พอที่จะยกของหนักหลายกิโลได้ สุดท้ายผมก็ตัดสินใจเลือกจัดซุ้มอาหารแทนซึ่งเป็นงานที่เหมาะกับคนตัวเล็กอย่างผมมากที่สุด ส่วนชานยอลก็คงวุ่นๆอยู่กับเรื่องจัดขนมหวาน เขาเป็นคนที่ทำขนมได้เก่งเลยทีเดียว ผมเชื่อว่าผมจะได้ชิมฝีมือของเขาในเร็วๆนี้แน่ บางครั้งผมก็เหมือนจะเห็นดีโอแวบๆอยู่ในครัวด้วย เขาคงจะทำอาหารบางอย่างเป็นพิเศษให้พวกเราได้ลองลิ้มรสกัน รสชาติคงจะดีไม่ใช่น้อยเลย เพราะดีโอได้ขึ้นชื่อว่าเป็นเชฟแห่งกลุ่มของพวกเราเลยทีเดียว เขาทั้งทำอาหารเก่ง หลากหลาย แถมยังอร่อยอีก ส่วนผมก็คงได้แต่นั่งกินไปวันๆเท่านั้นแหล่ะ
17.45 น.
ผมมัวแต่จัดของจัดซุ้มจนไม่ทันสังเกตเรื่องเวลาที่ล่วงเลยมาจนงานเกือบจะเริ่มในอีกไม่ช้า บางคนก็ทยอยกันมาบ้างแล้ว ผมจึงตัดสินใจจัดซุ้มขนมหวานเป็นซุ้มสุดท้ายก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องจัดการตัวเองให้เสร็จและลงมางานในเวลาที่พอดีเป๊ะ...ตอนนี้ผมมองหาเซฮุนทั่วงานแล้วแต่ดูเหมือนจะไม่มีวี่แววของเขาเลยแม้แต่น้อย ตอนผมขึ้นไปบนห้องก็ไม่เห็นเขาเลย หรือเราอาจจะสวนทางกัน? แต่ว่าป่านนี้งานก็เริ่มแล้วแต่ทำไมเขาถึงยังไม่มาอีกนะ....จิตใจของผมตอนนี้รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขาหรือเปล่า...
“เฮ้ย...ไปยืนทำอะไรตรงนั้นเล่า แบคฮยอนมานั่งตรงนี้สิ” ลู่ฮานสมาชิกหนึ่งในกลุ่มของผมเอ่ยทักขึ้น
“เอ่อ...ครับ”ผมตอบรับอย่างว่าง่ายก่อนจะเดินไปนั่งร่วมโต๊ะสนทนาด้วย ระหว่างสนทนาไปสายตาของผมไม่ได้สนใจพวกเขาเลย มองหาคนตัวใหญ่ร่างสูงที่ไม่มีวี่แววว่าจะมาร่วมงานด้วยเลย เขาไปไหนนะ หรือว่าเขาจะกลับไปแล้ว ใจผมวูบหล่นทันทีเมื่อสิ่งนั้นโผล่ขึ้นมาในความคิดของผม เขากลับไปแล้วอย่างนั้นหรอ...
ผมตัดสินใจลุกขึ้นจากโต๊ะเดินหาเขาทั่วงานและบริเวณที่คิดว่าเขาน่าจะอยู่แต่เปล่าเลย..ไม่มีวี่แววของเขาเลยสักนิด ผมลังเลใจอยู่สักพักก่อนจะมีใครบางคนมาสะกิดที่ไหล่ของผม ผมหันไปตามการสะกิดนั่นและพบว่าเขาคือ..
“ชานยอล..?”
ผมตกใจเล็กน้อยเมื่อหันไปเจอเขาแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมากนัก
“อื้ม...ฉันเอง...ตกใจหรอ ก็ไม่แปลกหรอกฉันมาสะกิดแบบนี้เป็นใครก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา” เขายิ้มผมเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจ
“อื้ม...นายมีอะไรหรือเปล่า...”
“ก็เปล่าหรอก..นายตามหาเซฮุนอยู่ใช่มั๊ย...”
“นายรู้ได้ยังไง...”
“เพื่อนกันไม่ใช่หรอ...” ใช่สินะ..เพื่อน...ชานยอลคงเป็นคนเดียวที่เห็นความสัมพันธ์ของเพื่อนแบบนี้น่ะ..ไม่เหมือนกับเซฮุน ที่แม้แต่คำว่าเพื่อนสนิทเขาก็ไม่เคยพูด
“อื้ม...”
“แบคฮยอน...ฉันจะบอกไรนายอย่างหนึ่งนะ...ฮุนน่ะมันไม่ใช่คนเรื่องมากอะไรหรอกและมันก็เป็นคนขี้อายมากด้วย เอาเป็นว่าถ้านายอยากบอกชอบมันก็ไปบอกซะ ตอนนี้เชื่อฉันเถอะว่านายจะต้องทำได้แน่ๆ ทุกวันนี้ที่มันทำตัวเย็นชาไม่สนใจนายก็เพราะว่าฉันเองแหล่ะ แต่ก็ช่างเถอะนายไม่ต้องสนใจหรอกนะว่ามันคืออะไร เอาเป็นว่านายแค่ไปบอกชอบฮุนมันก็พอแล้ว และฉันเชื่อนะว่านายจะต้องทำได้..สู้ๆนะ^^” รอยยิ้มของชานยอลทำให้ผมดีใจมากขึ้น สิ่งที่ชานยอลพูดกับผมนั้นเหมือนเป็นความหวังน้อยๆให้ผมว่าการแอบรักครั้งนี้ของผมจะสำเร็จ และผ่านไปได้ด้วยดีและสถานภาพความเป็นเพื่อนของพวกเราจะยังคงเหมือนเดิม
“ขอบคุณมากนะชานยอลสำหรับทุกๆเรื่องน่ะ” ผมยิ้มตอบกลับก่อนจะโผกอดชานยอลด้วยความรักที่เป็นมิตรภาพ ผมดีใจมาที่วันนี้สิ่งที่ผมกำลังจะบอกเซฮุนไปนั้นมันจะผ่านไปได้ด้วยดีและผมเชื่อว่าผมเองจะต้องทำได้ หลังจากนั้นผมก็ตัดสินใจตามหาเขาตามที่ต่างๆที่เขาเคยไป และสุดท้ายผมก้อนึกได้ว่าที่ๆเคนเคยนัดกับผมไว้...ชายทะเลด้านหลังชมรม...
ผมรวบรวมกำลังสุดท้ายก่อนจะวิ่งไปที่แห่งนั้นและพบกับผู้ชายตัวสูงใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนที่ตัดกับผิวขายและสีผมสีชมพูอ่อนยืนมองพระอาทิตย์ที่กำลังจะตกในอีกไม่ช้า สายตาทอดมองไปที่สุดขอบฟ้าของทะเล
“เซฮุน...” ผมตะโกนออกไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการวิ่งตามหาเขาจากชายหาดมาตรงหลังชมรมระยะทางก็ไม่ใช่น้อย
“หืม...”ร่างสูงหันมาตามเสียงเรียกของผม สีหน้าดูตกใจเล็กน้อยที่เห็นคนตัวเล็กยืนอยู่ตรงหน้า
“นายมาที่ทำไม...”เขาเอ่ยถามขึ้น
“ผมก็มาหานายไงเห็นไม่ไปที่งาน...”
“จุดประสงค์หลักของนายไม่ได้มาตามหาฉันเพื่อให้ไปที่งานหรอกใช่มั๊ย...”
“นาย..รู้..” ผมถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่ก็พอจะทำให้เขาได้ยินอยู่บ้างเล็กน้อย
“งั๊นผมคงไม่ต้องพูดอะไรมากก็อย่างที่นายรู้นั่นแหล่ะ แต่ผมก็ทำได้เท่านี้ผมรู้ว่าความสัมพันธ์ของเราจะต้องจบลงแต่ผมไม่อยากให้มันต้องจบลงแบบนี้เลยเรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่มั๊ย..เซฮุน”
“อื้ม...แน่นอนสิเป็นได้...แต่ฉันว่านะต่อไปนี้ฉันคงไม่ต้องดูแลนายแล้วล่ะมีคนดูแลแล้วนิ...”
“นาย...หมายถึงใคร?”
“ก็ยอลไงแฟนนายไม่ใช่หรอ..?”
“ห้ะ...อะไรนะ..ชานยอล...เขาเกี่ยวอะไรด้วย..นี่นายคิดอะไรอยู่เนี่ย...ผมหมายถึงเรื่องของผมกับนายนะ...แล้วชานยอลเขามาเกี่ยวอะไรกันเล่า..” ผมพูดอย่างหัวเสียนิดหน่อย นี่เขาแกล้งไม่รู้หรือไม่รู้จริงๆว่าผมหมายถึงเขา...โอเซฮุนนายช่างเป็นคนที่ทึ่มจริงๆเลย
“ก็นายบอกฉันไม่ใช่หรอว่า...”
“คนที่ฉันพูดมันหมายถึงนายต่างหากล่ะ โอ เซฮุน...”ผมรวบรวมความกล้าพูดออกไป ผมอยากจะบอกเขาเหลือเกินว่าตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรกหัวใจดวงน้อยๆของผมดวงนี้ก็ยกให้เขาไปแล้ว
“นาย...ชอบฉัน....อย่างนั้น...หรอ...นายชอบฉันหรอ...แบคฮยอน..”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา คำถามที่เขาพูดมานั้นทำเอาผมตกใจเล็กน้อย เขาดันพูดตรงซะขนาดนี้ผมคงจะต้องยอมรับจริงๆซะแล้วล่ะ..ผมต้องบอกรักเขาให้ได้..ผมจะต้องบอกให้ได้...
“ใช่...ผมชอบนาย...ชอบมาตั้งแต่เกรด8แล้วล่ะนะ...แต่ผมรู้ว่ายังไงก็ตาม...นายคงไม่มาขอบคนอย่างผมหรอก..ผมเข้าใจ...ความสัมพันธ์ของการเป็นเพื่อนกันของเราจะยัง...” ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคร่างสูงใหญ่ก็โอบกอดร่างบางตัวเล็กคนนี้ เขาทำให้หัวใจของผมเต้นรัวอีกครั้งและทำให้ผมทำอะไรไม่ถูกนอกจากเขินอาย..
“ฉันยังไม่ทันได้บอกนายเลยนะแบคฮยอน...ฉันบอกนายตอนไหนล่ะว่าฉันคิดกับนายแค่เพื่อนสนิทน่ะ...” ร่างสูงยังคงกอดร่างบางไว้แน่นไม่ปล่อยไปไหนราวกับว่ากลัวร่างบางจะหายไปจากเขา อ้อมกอดที่อบอุ่นของเขาทำให้หัวใจของคนตัวเล็กที่ถูกกอดพองโตและอบอุ่น ทำให้ร่างบางเกือบจะถูกกลืนหายเข้าไปในร่างสูงใหญ่คนนี้
“นาย...”ผมทำอะไรไม่ถูกนอกจากยืนอ้ำอึ้ง ความรู้สึกที่ตื้นตันถูกปลดปล่อยออกมา ความรู้สึกที่อัดอั้นมานานกว่าสี่ปี... ผมทำได้แล้วสินะ...
“เป็นอย่างที่นายคิดนั่นแหล่ะ นายไม่ต้องรู้หรอกว่าชอบนายตั้งแต่เมื่อไหร่ขอแค่รู้ไว้ว่าฉันน่ะชอบนายมาตลอดก็พอแล้ว..แบคฮยอน...ฉัน..ชอบนาย..” คนตัวใหญ่ไม่ปล่อยให้คนตัวเล็กพูดอะไรก่อนจะประทับรอยจูบที่ริมฝีปากของคนตัวเล็กอีกครั้งเพื่อบอกว่าเขานั้นรักคนตัวเล็กคนนี้มากเพียงใด ความรักและความอบอุ่นจากคนตัวใหญ่มากพอที่จะทำให้คนตัวเล็กที่ถูกจูบสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ทั้งสองคนนั้นมีให้แก่กัน แสงอาทิตย์สาดส่องครั้งสุดท้ายก่อนจะหายลับไปในขอบฟ้าที่แสนไกล...สุดท้ายแล้วไม่ว่าความรักจะเกิดขึ้นแบบไหนก็ตามการเป็นเพื่อนสนิทของเราสองคนมันก็ไม่ได้มาขวางกั้นความรู้สึกที่มีให้กันแต่อย่างใดพวกเราเลือกที่จะก้าวข้ามผ่านเส้นบางๆเส้นนั้นและการที่ได้ก้าวข้ามมานั้นมันก็ทำให้เรารับรู้ในหลายๆอย่างมันคงจะดีกว่าการคิดไปเอง ในทางกลับกันนั้นการแอบรักในฐานะเพื่อนสนิทนั้นก็ทำให้พวกเราต่างเข้าใจกันมากขึ้น แต่ก็นะ...เชื่อผมเถอะครับ ขอแค่เพียงเรากล้าที่จะบอกรักเขาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราต้องยอมรับมัน..ไม่แน่คนที่คุณแอบรักอยู่ตอนนี้เขาอาจจะมีใจให้คุณเหมือนกับผมและเซฮุนก็ได้นะครับ...
{Chanyeol part}
สุดท้ายแล้วทั้งสองคนนี้ก็ได้รักกันจริงๆ ผมในฐานะเพื่อนสนิทก็ไม่สามารถไปแยกความสัมพันธ์ของทั้งสองได้แม้ความรู้สึกของผมที่มีให้แบคฮยอนนั้นจะมากกว่าเพื่อนและเกิดขึ้นในเวลาเพียงไม่นานแต่มันก็เกิดขึ้นจากความสนิทที่เปลี่ยนจากคำว่า เพื่อน เป็นคำว่า ชอบ ...ผมเลือกที่จะทำในสิ่งที่มันถูกต้องและผมเชื่อว่าสิ่งที่ผมทำนั้นดีที่สุดแล้ว ถึงแม้ว่าผมจะต้องเสียใจและเสียคนรักแต่การที่เราเสียสละให้กับเพื่อนที่เขารักกันมีใจให้กันมันก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่หรอครับ..อย่างน้อยๆแล้วเราก็ได้เห็นคนที่เรามีความสุขกับสิ่งที่เราได้มอบให้เขาไปแล้วนั่นคือความเป็นเพื่อนที่มีให้กันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามและความรู้สึกดีๆที่มีให้เขาหลายคนอาจจะสงสัยว่าผมมอบให้แบคฮยอนไปตั้งแต่เมื่อไหร่...แต่เชื่อเถอะผมบอกเขาไปแล้ว...ผมบอกเขาผ่านสายลม...ไปเบาๆ
**ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ**
-เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกครั้งหน้าไรต์จะพัฒนาให้ดีกว่าเดิมนะคะ-
_____________________________________________
สวัสดีค่ารีดเดอร์ทุกคน ^^
อ่า...นี่เป็นฟิคแรกของเราเลยนะ555555
คราวนี้เป็นฟิคสั้นเนอะ เพราะมันคือเรื่องแรกไง555555
ก็ไม่มีอะไรมาก แค่ขอให้ทุกคนช่วยติดตามฟิคเรื่องนี้ด้วยน้าาาา
ปล.อ่านแล้วอย่าลืมเม้นนะ ไรต์จะได้เอาไปปรับปรุงและพัฒนาฝีมือให้ดีขึ้นนะคะ ^^
hbsmalles.
ผลงานอื่นๆ ของ hbsmalles ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ hbsmalles
ความคิดเห็น