ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : แอบหลงรักเข้าให้แล้ว
ตอน 2 แอบหลงรักเข้าให้แล้ว
‘ดวงเมือง เดชานนท์’
อดีตนายตำรวจใหญ่ที่ออกจากราชการแบบปัจจุบันทันด่วนและในปัจจุบันผันตัวเองมาทำธุรกิจส่วนตัว ความที่เป็นตำรวจเก่าในสายปราบปรามอาชญากรรมทำให้เจ้าถิ่นและเหล่าอันธพาลน้อยใหญ่ที่หากินอยู่แถวนี้ไม่กล้าที่จะเข้ามาก่อเรื่องราว แต่ก็มีพวกบ้าๆที่ไม่เจียมตัวลอบเข้ามากระตุกหนวดเสือที่ชื่อดวงเมืองอยู่บ่อยๆ ซึ่งชายหนุ่มไม่เคยปล่อยให้พวกมันลอยนวลไปได้ง่ายๆ และครั้งนี้ก็เช่นกัน .
หลังคลับใหญ่บนถนนสายกว้าง ภายในห้องพักสุดหรู ร่างโปร่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ มีสีหน้าซีดเซียว ข้างๆมีชายหนุ่มหน้าหวานอีกคนกำลังพันผ้าพันแผลรอบแขนให้อย่างเบามือ ส่วนที่โต๊ะทำงานใหญ่มีชายหนุ่มร่างสูงอีกสองคนกำลังนั่งคุยกันด้วยความเคร่งเครียด หนึ่งในนั้นละจากการสนทนาส่วนตัว หันมาเอ่ยถามคนร่างเล็กทั้งสองด้วยความห่วงใย
“คุณดล อาการคุณเจเป็นยังไงบ้างครับ”
ชายหน้าหวาน ท่าทางอ่อนโยน ส่งยิ้มบาง “ไม่เป็นอะไรมากครับ ผมทำแผลให้แล้ว กินยาแก้อักเสบกับแก้ไข้ และพักผ่อนมากๆ ก็จะดีขึ้นเอง”
ดวงเมืองพยักหน้ารับ ร่างสูงเดินอย่างรวดเร็วเข้ามาหาคนเจ็บ แววตาแสดงความห่วงใยจนเด่นชัด
“รู้สึกยังไงบ้างครับ”
คนเจ็บยิ้มกว้าง นัยน์ตาคู่สวยเป็นประกายขึ้นเมื่อได้ยินคำถาม
“ไม่เป็นไรครับ ไม่เจ็บแล้ว คุณดลมือเบามากเลย”
“ก็คุณดลเป็นศัลยแพทย์มือดีนี่ครับ”
ภูวดลยิ้มรับ “แล้วนี่คุณเจไปยังไงมายังไงถึงโดนไอ้พวกนั้นลากไปได้ล่ะครับ”
“เอ่อ..ก็ พอดีผมออกมาจากคลับฝั่งนู้นน่ะครับ รีบร้อนไปหน่อยก็เลยวิ่งไปชนพวกมันเข้า..”
ร่างโปร่งเล่าเสียงอ่อย วันนี้เป็นวันสุดโชคร้ายของเขาเพราะเจอคนเฮงซวยตลอดวัน แต่ก็สุดโชคดีเหมือนกันที่มีคนมาช่วย แถมคนช่วยยังเท่ห์สุดๆไปเลย คนอาไร้หล่อก็หล่อชื่อก็เพราะ..คิดแล้วหัวใจเขาก็เต้นระรัวไปหมด ความประทับใจแรกพบเกินร้อย
“คุณเจไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เดี๋ยวผมจะให้ไอ้วุตมันช่วยตามให้ จับพวกมันเข้าตารางซักอาทิตย์สองอาทิตย์ พวกมันจะได้ไม่กล้าก่อเรื่องอีก”
“เฮ้ย..ทำงั้นไม่ได้โว้ย ขังพวกมันอย่างมากก็ได้แค่สามวัน มึงก็รู้เบื้องหลังพวกมันใหญ่แค่ไหน ขนาดหัวหน้ายังเกรงมันเลย”
วรวุต นายตำรวจใหญ่คู่หูเก่าของดวงเมืองตอบด้วยความเคร่งเครียด ชายหนุ่มเป็นคนร่างสูงใหญ่พอๆกับดวงเมืองแต่มีใบหน้าคล้ำแดดและสีผิวเข้มกว่า
“ช่างมันเถะครับ ผมไม่ได้ติดใจเอาเรื่องอะไร ยังไงก็ต้องขอบคุณคุณทั้งสามมากเลยครับโดยเฉพาะคุณเมืองที่ช่วยผมไว้”
เจหรือเจตราตอบ พลางส่งสายตาหวานเยิ้มไปที่ดวงเมือง แต่อีกฝ่ายคล้ายรู้ตัวเพราะเห็นรีบละสายตาไปหาเพื่อนคู่หูทันที
“ยังไงมึงก็ช่วยตามเรื่องให้หน่อยแล้วกัน กูไม่อยากลงมือเอง”
“เออ..กูรู้ มึงลืมไปหรือเปล่าว่ากูก็เป็นตำรวจนะโว้ย ตอนนี้ยศสูงกว่ามึงด้วย อะไรวะ..ทำอย่างกะกูเป็นลูกน้อง” วุตบ่น
“พูดมากจริงมึง..นี่ก็ดึกแล้ว กลับไปได้แล้ว มีอะไรคืบหน้าก็โทรมาบอกกูด้วยแล้วกัน”
“หมดประโยชน์แล้วไล่กูเลยนะมึง..ไปก็ได้วะ” ว่าแล้วตำรวจหนุ่มก็รีบส่งเสียงหวานเรียกคุณหมอคนสวย ร่างสูงแทบจะถลาเข้าไปหา
“ไปหรือยังครับ ดล..”
เจยิ้มขำกับท่าทีของนายตำรวจ เขาพอจะดูออกอยู่บ้างถึงความสัมพันธ์ (ที่ดูท่าจะลึกซึ้ง) ของทั้งสองคน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรคงเพราะเขาเองก็กำลังจะหลงรักผู้ชายด้วยเหมือนกัน ว่าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะส่งสายตาหวานเยิ้มไปหาคนรักแรก แต่ดูท่าดวงเมืองจะรู้ตัวแล้ว เพราะชายหนุ่มพยายามเลี่ยงไม่เข้ามาสนทนากับเขาอีก เห็นแล้วชักเริ่มท้อใจนิดๆแฮะ
“ถ้างั้นคุณเจกลับด้วยกันนะครับ เดี๋ยวผมให้วุตไปส่ง” หมอคนสวยเอ่ยชวน
“ขอบคุณมากครับ แล้วผมขอเลี้ยงข้าวตอบแทนพวกคุณทีหลังแล้วกัน”
“โธ่..เรื่องแค่นี้ ไม่ต้องตอบแทนอะไรหรอกครับ”
ร่างโปร่งเพียงส่งยิ้มขอบคุณให้อีกฝ่าย ทั้งสี่คนจึงพากันเดินมาที่ลานจอดรถหลังคลับ เห็นดวงเมืองหันไปพูดอะไรกับเพื่อนตำรวจท่าทางเคร่งเครียดอีก ก็คงไม่พ้นเรื่องของเขาแน่ สายตาจึงจับจ้องไปที่ร่างสูงไม่วางตาทำให้ร่างเล็กข้างๆต้องสะกิดแซวเหมือนรู้ทัน
“คุณเจชอบเมืองหรือครับ”
คำถามปักเข้ากลางดวงใจน้อยๆของเจทันที โอ้..คุณหมอที่คำพูดตรงข้ามกับหน้าตาอย่างแรง “เอ่อ..” แล้วใบหน้าขาวๆใสๆก็เริ่มแดงด้วยความเขินสุดๆ
“ไม่ปฏิเสธก็แสดงว่าใช่สินะครับ”
“ทำไมรู้ล่ะครับ”
“ก็หน้าของคุณ สายตาของคุณ เขียนคำว่า “รักเมือง..ชอบเมือง” เวลาที่คุณมองเพื่อนผมน่ะสิครับ”
ผู้มีประสบการณ์พูดตรงเผงเลย แล้วแบบนี้คนที่อยากให้รู้ว่าชอบเนี่ยจะรู้ตัวไหมน้า .
“พยายามเข้านะครับ แต่กับเมืองจะยากซักหน่อยเพราะเขาเป็นคนไร้เซ้นท์แล้วก็ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับเรื่องรักๆใคร่ๆมากนัก แต่ยังไงผมก็เอาใจช่วยคุณนะ”
“ขอบคุณครับคุณดล ผมจะพยายามเต็มที่เลย”
แล้วคนที่ต้องพยายามก็ส่งยิ้มแห้งๆให้ ทำเอาอีกฝ่ายหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู
“เรียกดลเฉยๆก็ได้ครับ”
“งั้นก็เรียกผมว่าเจนะครับ”
ทั้งสองส่งยิ้มให้กันที่ได้เพื่อนใหม่
“อ้อ..ว่าจะถามเจตั้งแต่อยู่ในห้องแล้วว่า เจใช่ ‘เจตรา อนันตราช’นักธุรกิจชื่อดังคนนั้นหรือเปล่า”
“อืม..แต่ว่าไม่ได้ดังอะไรหรอก รู้จักด้วยเหรอครับ”
หมอหนุ่มพยักหน้ารับยิ้มๆ “ก็วันนี้อ่านนิตยสารของพวกนางพยาบาลน่ะ เห็นมีบทสัมภาษณ์คุณอยู่ ‘เจตรา อนันตราช นักธุรกิจใหญ่ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย หนุ่มโสดไฮโซอนาคตไกลอันดับหนึ่งที่เป็นที่หมายปองของบรรดาสาวๆ (และหนุ่มๆ) ทั่วกรุง’ ” เขาทวนความจำ
“อย่าพูดอย่างงั้นเลย ผมเขินแย่ นักข่าวเขาใส่ไฟผมน่ะ”
“แล้วนี่เมืองเขารู้หรือเปล่าว่าเจเป็นคนดังขนาดนี้”
เจสั่นศีรษะ “อย่าบอกเขานะ แค่นี้เขาก็เริ่มทำท่าจะไม่ชอบผมแล้ว..ขืนบอกไปแม้แต่หน้าผมเขาคงไม่มองแน่เลย เฮ้อ..ทีตอนช่วยผมยังดูอ่อนโยนเป็นมิตรอยู่แท้ๆ”
ดลหัวเราะ “ก็เล่นส่งสายตาบอกรักให้แบบนั้นนี่นา”
“อย่าพูดเรื่องผมเลย เรื่องดลดีกว่า ผมรู้นะ..ดลกับคุณวุตน่ะ ” แล้วเจ้าตัวก็หัวเราะคิกคักทำเอาคุณหมออายหน้าแดงไปเหมือนกัน
“เฮอะ..มาแซวคนอื่น ถึงคราวตัวเองบ้างเดี๋ยวก็รู้”
“ของผมน่ะอีกยาวไกล..ไม่รู้ว่าจะมีวันนั้นด้วยหรือเปล่า”
เจอดรู้สึกกังวลไม่ได้ เขาไม่เคยจีบใครก่อนเลย มีแต่คนจีบเขาก่อนทั้งนั้น ไม่รู้ว่ารักของเขาครั้งนี้จะสมหวังหรือเปล่า ก็ดันไปหลงรักคนทึ่มไร้เซ้นท์ซะนี่ แถมเป็นผู้ชายอีก คิดแล้วก็กลุ้มใจ
“เอาน่า..ผมจะช่วย ไม่ต้องห่วง”
ดลเอ่ยปลอบ เจเพียงพยักหน้ารับหงอยๆ แล้วทั้งสองก็หยุดสนทนากันเพียงเท่านั้นเพราะคนที่กำลังเป็นหัวข้อของทั้งสองกำลังเดินตรงมาแล้ว
“กลับกันได้แล้วครับ เดี๋ยวผมให้ไอ้วุตมันไปส่งคุณเจก่อน แล้วค่อยไปส่งคุณดล”
ทั้งสองรับคำเบาๆ เห็นรถโฟรวิลคันใหญ่เข้ามาจอดเทียบข้างทาง ดลจึงเอ่ยลาดวงเมืองแล้วก้าวขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว เปิดโอกาสให้เพื่อนใหม่ได้เอ่ยลาตามลำพังกับคนที่แอบชอบ
“เอ่อ..คุณจะรังเกียจไหม ถ้าผมจะแวะมาที่คลับของคุณอีก” เจเอ่ยเสียงหวาน ใบหน้าแดงระเรื่อ โอ๊ย..ไม่เคยพูดง้อใครแบบนี้มาก่อน เขิลลเป็นบ้า
ดวงเมืองนิ่งไป เห็นท่าทางของคนที่ตนช่วยไว้ก็พอจะเข้าใจอะไรอยู่บ้าง
“จะมาก็มาได้ครับ แต่ผมไม่รู้ว่าจะอยู่ที่ร้านหรือเปล่า” ตอนแรกชายหนุ่มว่าจะพูดด้วยดีๆ แต่พอรู้จุดประสงค์ของอีกฝ่ายก็ทำให้น้ำเสียงแข็งกระด้างออกมาไม่รู้ตัว
เจหน้าเจื่อนไปทันที “งั้นเหรอครับ ไม่เป็นไร..” เสียงตอบกลับมาแผ่วเบาจนน่าใจหาย “แต่ยังไงผมก็จะมาแน่ครับ”
“คุณรีบกลับเถอะ ดึกมากแล้ว”
ดวงเมืองพูดตัดบท แล้วรีบดันหลังร่างโปร่งให้เข้าไปในรถทันที เจทำท่าจะเอ่ยอะไรออกมาแต่ก็เงียบไว้ ร่างสูงจึงรีบปิดประตูรถทันที
หลังจากออกจากคลับมาได้สักครู่ หมอหนุ่มได้ทีจึงสะกิดร่างที่กำลังเหม่อลอยเบาๆ เห็นเจสะดุ้งเล็กน้อย
“เป็นไง ท่าทางไม่ดีเลยนะครับ”
“ยังไม่ทันจีบก็โดนหักอกแล้วอ่ะครับ ผมรู้สึกหน้าชาๆหัวใจเต้นอ่อนลงยังไงไม่รู้สิ” เจส่งยิ้มแห้งๆ
“แค่วันแรกเองอย่าเพิ่งท้อครับ ผมเอาใจช่วย”
“ขอบคุณ ผมจะเลิกคิดมาก ไว้พรุ่งนี้ผมจะมาหาเขาใหม่”
ดลตบไหล่เบาๆเป็นเชิงปลอบ แล้วไม่นาน..ร่างโปร่งก็กลับไปนั่งเหม่อลอยคิดถึงใครบางคนตามเดิม
+++
“นี่หรือครับ บ้านคุณเจ..โอ้โห!!..”
นัยน์ตาคู่คมของคนขับรถจำเป็นเบิกกว้างอย่างทึ่งๆ เมื่อรถโฟรวิลคันใหญ่เลี้ยวเข้ามาอยู่ในลานจอดรถกว้างที่มีทั้งเฟอร์รารี่สปอร์ตสีแดงแปร๊ด ปอร์เช่สีเงินคันหรู และเบนซ์รุ่นใหม่อีกหลายคัน ซึ่งจอดนิ่งอยู่ข้างตัวคฤหาสน์สีขาวงามสง่า จากห้องโถงกว้างเห็นแสงไฟสีทองลอดออกมาจนถึงชานบันไดทำให้รู้ว่ายังมีคนรอคอยร่างโปร่งอยู่แม้จะเป็นเวลาตีสองกว่าแล้วก็ตาม
“ขอบคุณมากครับที่มาส่ง” เจรีบเปิดประตูลงจากรถ “เข้าไปพักทานน้ำก่อนนะครับ” เขาเอ่ยชวน
“อย่าเลยครับดึกมากแล้ว” วุตตอบลอดกระจกออกมา เจจึงส่งยิ้มให้
“เอ๊ะ!!..แล้วนั่นใคร..ท่าทางโกรธมาเชียว”
ทั้งสามหันไปมองผู้มาใหม่ เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงพอๆกับวรวุต มีใบหน้าหล่อคม แต่ผิวขาวจัดและท่าทางสำอาง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแสดงถึงอารมณ์ของผู้เป็นเจ้าของที่รู้ว่าไม่ดีสุดๆ สายตาเครียดขรึมจ้องมองตรงไปยังคนในรถ
“นั่นน้องเขยผมเอง ชื่อภูมิ พวกคุณรีบกลับดีกว่าครับ ท่าทางเขาอารมณ์ไม่ดีมากๆ จะทำอะไรเสียมารยาทกับพวกคุณเปล่าๆ” เจบอกด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากรู้จักเขาอยู่เหมือนกัน”
วุตตอบเพราะรู้สึกถึงสายตากราดเกรี้ยวของชายหนุ่มที่ชื่อภูมิที่มองมาทางเขา ดลพยักหน้าเห็นด้วยกับความเห็นของคนรัก เพราะรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนคนใหม่อยู่บ้าง
“ทำไมกลับดึกขนาดนี้ รู้ไหมว่าผมเป็นห่วงแค่ไหน โทรไปก็ไม่รับ”
ภูมิส่งเสียงตะคอกดังลั่นแล้ววิ่งเข้ามากระชากแขนของพี่เขยตนเองที่เพิ่งลงมาจากรถด้วยความโกรธ เขาไม่พอใจอย่างมากที่ร่างโปร่งกลับมากับผู้ชายอื่นที่เขาไม่รู้จัก แถมเสื้อผ้าก็หลุดลุ่ยมา
“โอ๊ย!!..”
เจต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อภูมิบีบแขนข้างที่เจ็บเข้าอย่างแรง ภูมิตกใจจนเผลอปล่อยมือ แล้วแขนเสื้อเชิ้ตของเจก็ถูกชายหนุ่มเลิกขึ้นอย่างถือวิสาสะ เห็นแขนเรียวนั้นมีผ้าพันแผลเป็นแนวยาว
“ไปโดนอะไรมา ทำไมไม่โทรบอกผม!!”
ทั้งวุตและดลเห็นท่าไม่ดีจึงรีบลงจากรถแล้วอธิบายให้ชายหนุ่มฟังอยู่เป็นนาน เมื่อได้ฟังแล้วภูมิจึงมีท่าทีอ่อนลง แต่ยังคงมีนัยน์ตาแข็งกร้าว
เจถอนหายใจเบาๆด้วยความระอา “เรื่องแค่นี้ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากนักหรอก นายไปนอนได้แล้วเดี๋ยวยัยจอยตื่นขึ้นมาไม่เห็นนายก็มาโวยวายใส่ฉันอีก”
เจไม่สนใจชายหนุ่มอีก รีบหันมาขอโทษวุตกับดลที่น้องเขยตนเสียมารยาท แต่ทั้งสองบอกว่าไม่เป็นไรแล้วจึงขอตัวกลับ แต่หมอหนุ่มยังไม่ค่อยวางใจ จึงถ่วงเวลาอิดออดอยู่ครู่แล้วค่อยยอมกลับไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ปล่อยให้พี่เมียน้องเขยอยู่ตกลงกันเองตามลำพัง
“นายเสียมารยาทมาก พวกเขาเป็นเพื่อนของฉัน” เจเอ่ยอย่างหัวเสีย
“ก็ตอนแรกผมไม่รู้ คิดว่าพี่ไปเที่ยวกับคนพวกนั้นมา”
“ถึงฉันจะไปเที่ยวกับพวกเขาก็ไม่ได้เกี่ยวกับนายเลย เรื่องของฉันนายไม่ต้องมายุ่ง” นัยน์ตาคู่สวยจ้องมองน้องเขยตนด้วยความเย็นชา
“ไม่!!..เรื่องของพี่ก็คือเรื่องของผม และถ้าวันหลังพี่จะไปไหนคนเดียวก็ต้องบอกผม!!”
“มันจะมากเกินไปแล้วนะภูมิ!! ฉันเป็นพี่ของเมียนาย นายควรไปใส่ใจเรื่องของน้องฉันมากกว่าจะมายุ่งกับฉัน เอาล่ะ..ฉันไม่อยากทะเลาะด้วยเดี๋ยวได้ปลุกคนทั้งบ้านขึ้นมาหมด..ฉันเหนื่อย ขอตัวก่อน”
เจพูดจบก็รีบก้าวยาวๆขึ้นบันไดหนีชายหนุ่มทันที ทิ้งให้คนฟังต้องยืนกำหมัดแน่นด้วยความโกรธเต็มที่
“ผมไม่ยอมปล่อยพี่ไปไหนแน่..ซักวัน..ซักวันพี่ต้องเป็นของผม!! รอดูต่อไปเถอะ!! ”
+++++++++++++++++++++++++++++++++
TBC ถ้าใครเคยอ่านแล้วและอยากติชมเพิ่มเติมก็เขียนบอกได้เลยนะคะ ขอบคุณมากๆ
‘ดวงเมือง เดชานนท์’
อดีตนายตำรวจใหญ่ที่ออกจากราชการแบบปัจจุบันทันด่วนและในปัจจุบันผันตัวเองมาทำธุรกิจส่วนตัว ความที่เป็นตำรวจเก่าในสายปราบปรามอาชญากรรมทำให้เจ้าถิ่นและเหล่าอันธพาลน้อยใหญ่ที่หากินอยู่แถวนี้ไม่กล้าที่จะเข้ามาก่อเรื่องราว แต่ก็มีพวกบ้าๆที่ไม่เจียมตัวลอบเข้ามากระตุกหนวดเสือที่ชื่อดวงเมืองอยู่บ่อยๆ ซึ่งชายหนุ่มไม่เคยปล่อยให้พวกมันลอยนวลไปได้ง่ายๆ และครั้งนี้ก็เช่นกัน .
หลังคลับใหญ่บนถนนสายกว้าง ภายในห้องพักสุดหรู ร่างโปร่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ มีสีหน้าซีดเซียว ข้างๆมีชายหนุ่มหน้าหวานอีกคนกำลังพันผ้าพันแผลรอบแขนให้อย่างเบามือ ส่วนที่โต๊ะทำงานใหญ่มีชายหนุ่มร่างสูงอีกสองคนกำลังนั่งคุยกันด้วยความเคร่งเครียด หนึ่งในนั้นละจากการสนทนาส่วนตัว หันมาเอ่ยถามคนร่างเล็กทั้งสองด้วยความห่วงใย
“คุณดล อาการคุณเจเป็นยังไงบ้างครับ”
ชายหน้าหวาน ท่าทางอ่อนโยน ส่งยิ้มบาง “ไม่เป็นอะไรมากครับ ผมทำแผลให้แล้ว กินยาแก้อักเสบกับแก้ไข้ และพักผ่อนมากๆ ก็จะดีขึ้นเอง”
ดวงเมืองพยักหน้ารับ ร่างสูงเดินอย่างรวดเร็วเข้ามาหาคนเจ็บ แววตาแสดงความห่วงใยจนเด่นชัด
“รู้สึกยังไงบ้างครับ”
คนเจ็บยิ้มกว้าง นัยน์ตาคู่สวยเป็นประกายขึ้นเมื่อได้ยินคำถาม
“ไม่เป็นไรครับ ไม่เจ็บแล้ว คุณดลมือเบามากเลย”
“ก็คุณดลเป็นศัลยแพทย์มือดีนี่ครับ”
ภูวดลยิ้มรับ “แล้วนี่คุณเจไปยังไงมายังไงถึงโดนไอ้พวกนั้นลากไปได้ล่ะครับ”
“เอ่อ..ก็ พอดีผมออกมาจากคลับฝั่งนู้นน่ะครับ รีบร้อนไปหน่อยก็เลยวิ่งไปชนพวกมันเข้า..”
ร่างโปร่งเล่าเสียงอ่อย วันนี้เป็นวันสุดโชคร้ายของเขาเพราะเจอคนเฮงซวยตลอดวัน แต่ก็สุดโชคดีเหมือนกันที่มีคนมาช่วย แถมคนช่วยยังเท่ห์สุดๆไปเลย คนอาไร้หล่อก็หล่อชื่อก็เพราะ..คิดแล้วหัวใจเขาก็เต้นระรัวไปหมด ความประทับใจแรกพบเกินร้อย
“คุณเจไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เดี๋ยวผมจะให้ไอ้วุตมันช่วยตามให้ จับพวกมันเข้าตารางซักอาทิตย์สองอาทิตย์ พวกมันจะได้ไม่กล้าก่อเรื่องอีก”
“เฮ้ย..ทำงั้นไม่ได้โว้ย ขังพวกมันอย่างมากก็ได้แค่สามวัน มึงก็รู้เบื้องหลังพวกมันใหญ่แค่ไหน ขนาดหัวหน้ายังเกรงมันเลย”
วรวุต นายตำรวจใหญ่คู่หูเก่าของดวงเมืองตอบด้วยความเคร่งเครียด ชายหนุ่มเป็นคนร่างสูงใหญ่พอๆกับดวงเมืองแต่มีใบหน้าคล้ำแดดและสีผิวเข้มกว่า
“ช่างมันเถะครับ ผมไม่ได้ติดใจเอาเรื่องอะไร ยังไงก็ต้องขอบคุณคุณทั้งสามมากเลยครับโดยเฉพาะคุณเมืองที่ช่วยผมไว้”
เจหรือเจตราตอบ พลางส่งสายตาหวานเยิ้มไปที่ดวงเมือง แต่อีกฝ่ายคล้ายรู้ตัวเพราะเห็นรีบละสายตาไปหาเพื่อนคู่หูทันที
“ยังไงมึงก็ช่วยตามเรื่องให้หน่อยแล้วกัน กูไม่อยากลงมือเอง”
“เออ..กูรู้ มึงลืมไปหรือเปล่าว่ากูก็เป็นตำรวจนะโว้ย ตอนนี้ยศสูงกว่ามึงด้วย อะไรวะ..ทำอย่างกะกูเป็นลูกน้อง” วุตบ่น
“พูดมากจริงมึง..นี่ก็ดึกแล้ว กลับไปได้แล้ว มีอะไรคืบหน้าก็โทรมาบอกกูด้วยแล้วกัน”
“หมดประโยชน์แล้วไล่กูเลยนะมึง..ไปก็ได้วะ” ว่าแล้วตำรวจหนุ่มก็รีบส่งเสียงหวานเรียกคุณหมอคนสวย ร่างสูงแทบจะถลาเข้าไปหา
“ไปหรือยังครับ ดล..”
เจยิ้มขำกับท่าทีของนายตำรวจ เขาพอจะดูออกอยู่บ้างถึงความสัมพันธ์ (ที่ดูท่าจะลึกซึ้ง) ของทั้งสองคน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรคงเพราะเขาเองก็กำลังจะหลงรักผู้ชายด้วยเหมือนกัน ว่าแล้วก็อดไม่ได้ที่จะส่งสายตาหวานเยิ้มไปหาคนรักแรก แต่ดูท่าดวงเมืองจะรู้ตัวแล้ว เพราะชายหนุ่มพยายามเลี่ยงไม่เข้ามาสนทนากับเขาอีก เห็นแล้วชักเริ่มท้อใจนิดๆแฮะ
“ถ้างั้นคุณเจกลับด้วยกันนะครับ เดี๋ยวผมให้วุตไปส่ง” หมอคนสวยเอ่ยชวน
“ขอบคุณมากครับ แล้วผมขอเลี้ยงข้าวตอบแทนพวกคุณทีหลังแล้วกัน”
“โธ่..เรื่องแค่นี้ ไม่ต้องตอบแทนอะไรหรอกครับ”
ร่างโปร่งเพียงส่งยิ้มขอบคุณให้อีกฝ่าย ทั้งสี่คนจึงพากันเดินมาที่ลานจอดรถหลังคลับ เห็นดวงเมืองหันไปพูดอะไรกับเพื่อนตำรวจท่าทางเคร่งเครียดอีก ก็คงไม่พ้นเรื่องของเขาแน่ สายตาจึงจับจ้องไปที่ร่างสูงไม่วางตาทำให้ร่างเล็กข้างๆต้องสะกิดแซวเหมือนรู้ทัน
“คุณเจชอบเมืองหรือครับ”
คำถามปักเข้ากลางดวงใจน้อยๆของเจทันที โอ้..คุณหมอที่คำพูดตรงข้ามกับหน้าตาอย่างแรง “เอ่อ..” แล้วใบหน้าขาวๆใสๆก็เริ่มแดงด้วยความเขินสุดๆ
“ไม่ปฏิเสธก็แสดงว่าใช่สินะครับ”
“ทำไมรู้ล่ะครับ”
“ก็หน้าของคุณ สายตาของคุณ เขียนคำว่า “รักเมือง..ชอบเมือง” เวลาที่คุณมองเพื่อนผมน่ะสิครับ”
ผู้มีประสบการณ์พูดตรงเผงเลย แล้วแบบนี้คนที่อยากให้รู้ว่าชอบเนี่ยจะรู้ตัวไหมน้า .
“พยายามเข้านะครับ แต่กับเมืองจะยากซักหน่อยเพราะเขาเป็นคนไร้เซ้นท์แล้วก็ไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับเรื่องรักๆใคร่ๆมากนัก แต่ยังไงผมก็เอาใจช่วยคุณนะ”
“ขอบคุณครับคุณดล ผมจะพยายามเต็มที่เลย”
แล้วคนที่ต้องพยายามก็ส่งยิ้มแห้งๆให้ ทำเอาอีกฝ่ายหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู
“เรียกดลเฉยๆก็ได้ครับ”
“งั้นก็เรียกผมว่าเจนะครับ”
ทั้งสองส่งยิ้มให้กันที่ได้เพื่อนใหม่
“อ้อ..ว่าจะถามเจตั้งแต่อยู่ในห้องแล้วว่า เจใช่ ‘เจตรา อนันตราช’นักธุรกิจชื่อดังคนนั้นหรือเปล่า”
“อืม..แต่ว่าไม่ได้ดังอะไรหรอก รู้จักด้วยเหรอครับ”
หมอหนุ่มพยักหน้ารับยิ้มๆ “ก็วันนี้อ่านนิตยสารของพวกนางพยาบาลน่ะ เห็นมีบทสัมภาษณ์คุณอยู่ ‘เจตรา อนันตราช นักธุรกิจใหญ่ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย หนุ่มโสดไฮโซอนาคตไกลอันดับหนึ่งที่เป็นที่หมายปองของบรรดาสาวๆ (และหนุ่มๆ) ทั่วกรุง’ ” เขาทวนความจำ
“อย่าพูดอย่างงั้นเลย ผมเขินแย่ นักข่าวเขาใส่ไฟผมน่ะ”
“แล้วนี่เมืองเขารู้หรือเปล่าว่าเจเป็นคนดังขนาดนี้”
เจสั่นศีรษะ “อย่าบอกเขานะ แค่นี้เขาก็เริ่มทำท่าจะไม่ชอบผมแล้ว..ขืนบอกไปแม้แต่หน้าผมเขาคงไม่มองแน่เลย เฮ้อ..ทีตอนช่วยผมยังดูอ่อนโยนเป็นมิตรอยู่แท้ๆ”
ดลหัวเราะ “ก็เล่นส่งสายตาบอกรักให้แบบนั้นนี่นา”
“อย่าพูดเรื่องผมเลย เรื่องดลดีกว่า ผมรู้นะ..ดลกับคุณวุตน่ะ ” แล้วเจ้าตัวก็หัวเราะคิกคักทำเอาคุณหมออายหน้าแดงไปเหมือนกัน
“เฮอะ..มาแซวคนอื่น ถึงคราวตัวเองบ้างเดี๋ยวก็รู้”
“ของผมน่ะอีกยาวไกล..ไม่รู้ว่าจะมีวันนั้นด้วยหรือเปล่า”
เจอดรู้สึกกังวลไม่ได้ เขาไม่เคยจีบใครก่อนเลย มีแต่คนจีบเขาก่อนทั้งนั้น ไม่รู้ว่ารักของเขาครั้งนี้จะสมหวังหรือเปล่า ก็ดันไปหลงรักคนทึ่มไร้เซ้นท์ซะนี่ แถมเป็นผู้ชายอีก คิดแล้วก็กลุ้มใจ
“เอาน่า..ผมจะช่วย ไม่ต้องห่วง”
ดลเอ่ยปลอบ เจเพียงพยักหน้ารับหงอยๆ แล้วทั้งสองก็หยุดสนทนากันเพียงเท่านั้นเพราะคนที่กำลังเป็นหัวข้อของทั้งสองกำลังเดินตรงมาแล้ว
“กลับกันได้แล้วครับ เดี๋ยวผมให้ไอ้วุตมันไปส่งคุณเจก่อน แล้วค่อยไปส่งคุณดล”
ทั้งสองรับคำเบาๆ เห็นรถโฟรวิลคันใหญ่เข้ามาจอดเทียบข้างทาง ดลจึงเอ่ยลาดวงเมืองแล้วก้าวขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว เปิดโอกาสให้เพื่อนใหม่ได้เอ่ยลาตามลำพังกับคนที่แอบชอบ
“เอ่อ..คุณจะรังเกียจไหม ถ้าผมจะแวะมาที่คลับของคุณอีก” เจเอ่ยเสียงหวาน ใบหน้าแดงระเรื่อ โอ๊ย..ไม่เคยพูดง้อใครแบบนี้มาก่อน เขิลลเป็นบ้า
ดวงเมืองนิ่งไป เห็นท่าทางของคนที่ตนช่วยไว้ก็พอจะเข้าใจอะไรอยู่บ้าง
“จะมาก็มาได้ครับ แต่ผมไม่รู้ว่าจะอยู่ที่ร้านหรือเปล่า” ตอนแรกชายหนุ่มว่าจะพูดด้วยดีๆ แต่พอรู้จุดประสงค์ของอีกฝ่ายก็ทำให้น้ำเสียงแข็งกระด้างออกมาไม่รู้ตัว
เจหน้าเจื่อนไปทันที “งั้นเหรอครับ ไม่เป็นไร..” เสียงตอบกลับมาแผ่วเบาจนน่าใจหาย “แต่ยังไงผมก็จะมาแน่ครับ”
“คุณรีบกลับเถอะ ดึกมากแล้ว”
ดวงเมืองพูดตัดบท แล้วรีบดันหลังร่างโปร่งให้เข้าไปในรถทันที เจทำท่าจะเอ่ยอะไรออกมาแต่ก็เงียบไว้ ร่างสูงจึงรีบปิดประตูรถทันที
หลังจากออกจากคลับมาได้สักครู่ หมอหนุ่มได้ทีจึงสะกิดร่างที่กำลังเหม่อลอยเบาๆ เห็นเจสะดุ้งเล็กน้อย
“เป็นไง ท่าทางไม่ดีเลยนะครับ”
“ยังไม่ทันจีบก็โดนหักอกแล้วอ่ะครับ ผมรู้สึกหน้าชาๆหัวใจเต้นอ่อนลงยังไงไม่รู้สิ” เจส่งยิ้มแห้งๆ
“แค่วันแรกเองอย่าเพิ่งท้อครับ ผมเอาใจช่วย”
“ขอบคุณ ผมจะเลิกคิดมาก ไว้พรุ่งนี้ผมจะมาหาเขาใหม่”
ดลตบไหล่เบาๆเป็นเชิงปลอบ แล้วไม่นาน..ร่างโปร่งก็กลับไปนั่งเหม่อลอยคิดถึงใครบางคนตามเดิม
+++
“นี่หรือครับ บ้านคุณเจ..โอ้โห!!..”
นัยน์ตาคู่คมของคนขับรถจำเป็นเบิกกว้างอย่างทึ่งๆ เมื่อรถโฟรวิลคันใหญ่เลี้ยวเข้ามาอยู่ในลานจอดรถกว้างที่มีทั้งเฟอร์รารี่สปอร์ตสีแดงแปร๊ด ปอร์เช่สีเงินคันหรู และเบนซ์รุ่นใหม่อีกหลายคัน ซึ่งจอดนิ่งอยู่ข้างตัวคฤหาสน์สีขาวงามสง่า จากห้องโถงกว้างเห็นแสงไฟสีทองลอดออกมาจนถึงชานบันไดทำให้รู้ว่ายังมีคนรอคอยร่างโปร่งอยู่แม้จะเป็นเวลาตีสองกว่าแล้วก็ตาม
“ขอบคุณมากครับที่มาส่ง” เจรีบเปิดประตูลงจากรถ “เข้าไปพักทานน้ำก่อนนะครับ” เขาเอ่ยชวน
“อย่าเลยครับดึกมากแล้ว” วุตตอบลอดกระจกออกมา เจจึงส่งยิ้มให้
“เอ๊ะ!!..แล้วนั่นใคร..ท่าทางโกรธมาเชียว”
ทั้งสามหันไปมองผู้มาใหม่ เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงพอๆกับวรวุต มีใบหน้าหล่อคม แต่ผิวขาวจัดและท่าทางสำอาง คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแสดงถึงอารมณ์ของผู้เป็นเจ้าของที่รู้ว่าไม่ดีสุดๆ สายตาเครียดขรึมจ้องมองตรงไปยังคนในรถ
“นั่นน้องเขยผมเอง ชื่อภูมิ พวกคุณรีบกลับดีกว่าครับ ท่าทางเขาอารมณ์ไม่ดีมากๆ จะทำอะไรเสียมารยาทกับพวกคุณเปล่าๆ” เจบอกด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากรู้จักเขาอยู่เหมือนกัน”
วุตตอบเพราะรู้สึกถึงสายตากราดเกรี้ยวของชายหนุ่มที่ชื่อภูมิที่มองมาทางเขา ดลพยักหน้าเห็นด้วยกับความเห็นของคนรัก เพราะรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนคนใหม่อยู่บ้าง
“ทำไมกลับดึกขนาดนี้ รู้ไหมว่าผมเป็นห่วงแค่ไหน โทรไปก็ไม่รับ”
ภูมิส่งเสียงตะคอกดังลั่นแล้ววิ่งเข้ามากระชากแขนของพี่เขยตนเองที่เพิ่งลงมาจากรถด้วยความโกรธ เขาไม่พอใจอย่างมากที่ร่างโปร่งกลับมากับผู้ชายอื่นที่เขาไม่รู้จัก แถมเสื้อผ้าก็หลุดลุ่ยมา
“โอ๊ย!!..”
เจต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อภูมิบีบแขนข้างที่เจ็บเข้าอย่างแรง ภูมิตกใจจนเผลอปล่อยมือ แล้วแขนเสื้อเชิ้ตของเจก็ถูกชายหนุ่มเลิกขึ้นอย่างถือวิสาสะ เห็นแขนเรียวนั้นมีผ้าพันแผลเป็นแนวยาว
“ไปโดนอะไรมา ทำไมไม่โทรบอกผม!!”
ทั้งวุตและดลเห็นท่าไม่ดีจึงรีบลงจากรถแล้วอธิบายให้ชายหนุ่มฟังอยู่เป็นนาน เมื่อได้ฟังแล้วภูมิจึงมีท่าทีอ่อนลง แต่ยังคงมีนัยน์ตาแข็งกร้าว
เจถอนหายใจเบาๆด้วยความระอา “เรื่องแค่นี้ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ ฉันไม่ได้เป็นอะไรมากนักหรอก นายไปนอนได้แล้วเดี๋ยวยัยจอยตื่นขึ้นมาไม่เห็นนายก็มาโวยวายใส่ฉันอีก”
เจไม่สนใจชายหนุ่มอีก รีบหันมาขอโทษวุตกับดลที่น้องเขยตนเสียมารยาท แต่ทั้งสองบอกว่าไม่เป็นไรแล้วจึงขอตัวกลับ แต่หมอหนุ่มยังไม่ค่อยวางใจ จึงถ่วงเวลาอิดออดอยู่ครู่แล้วค่อยยอมกลับไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ปล่อยให้พี่เมียน้องเขยอยู่ตกลงกันเองตามลำพัง
“นายเสียมารยาทมาก พวกเขาเป็นเพื่อนของฉัน” เจเอ่ยอย่างหัวเสีย
“ก็ตอนแรกผมไม่รู้ คิดว่าพี่ไปเที่ยวกับคนพวกนั้นมา”
“ถึงฉันจะไปเที่ยวกับพวกเขาก็ไม่ได้เกี่ยวกับนายเลย เรื่องของฉันนายไม่ต้องมายุ่ง” นัยน์ตาคู่สวยจ้องมองน้องเขยตนด้วยความเย็นชา
“ไม่!!..เรื่องของพี่ก็คือเรื่องของผม และถ้าวันหลังพี่จะไปไหนคนเดียวก็ต้องบอกผม!!”
“มันจะมากเกินไปแล้วนะภูมิ!! ฉันเป็นพี่ของเมียนาย นายควรไปใส่ใจเรื่องของน้องฉันมากกว่าจะมายุ่งกับฉัน เอาล่ะ..ฉันไม่อยากทะเลาะด้วยเดี๋ยวได้ปลุกคนทั้งบ้านขึ้นมาหมด..ฉันเหนื่อย ขอตัวก่อน”
เจพูดจบก็รีบก้าวยาวๆขึ้นบันไดหนีชายหนุ่มทันที ทิ้งให้คนฟังต้องยืนกำหมัดแน่นด้วยความโกรธเต็มที่
“ผมไม่ยอมปล่อยพี่ไปไหนแน่..ซักวัน..ซักวันพี่ต้องเป็นของผม!! รอดูต่อไปเถอะ!! ”
+++++++++++++++++++++++++++++++++
TBC ถ้าใครเคยอ่านแล้วและอยากติชมเพิ่มเติมก็เขียนบอกได้เลยนะคะ ขอบคุณมากๆ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น