ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักคุณ..หมดใจ

    ลำดับตอนที่ #1 : แรกพบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 241
      0
      6 ม.ค. 49

    พอดีเรื่องนี้เคยลงไว้ที่เวปส่วนตัว แต่มันใกล้ล่มเต็มทีเลยอยากจะมาฝากไว้ที่นี่ซักพัก

    (จริงๆฝากไว้ที่บอร์ดอีกที่นึงแต่ขี้เกียจมาเซฟทีละข้อความน่ะ (^^\'\')

    พอหาที่ลงได้แล้วจะลบออกค่ะ (กลัวโดนเวปมาสเตอร์เจอจัง หุๆ)

    อ่านกันเงียบๆอย่าคิดมากแล้วกันนะคะ ฝากคอมเมน ติชมด้วยค่ะ ขอบคุณมากเลย



    ตอนที่ 1 แรกพบ





    ..ยามค่ำคืนในเมืองกรุง…....



    แสงสีจากบรรดาคลับเธคที่เรียงรายตลอดฝั่งถนนเป็นที่ดึงดูดลูกค้านักเที่ยวกลางคืนมากมายให้ต้องแวะเข้าไปหาความหฤหรรษ์ส่วนตัว…..

    และบนถนนสายนี้ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร ต้องการอะไร ไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญนั่นคือคุณต้องการแบบไหน และคุณมีเงินเท่าไร ทั้งสองข้อนี่ต่างหากที่มีความจำเป็นสำหรับที่นี่



    ในซอกตึกอันเปลี่ยวร้างปราศจากผู้คน ร่างๆหนึ่งถูกฉุดกระชากเข้ามาพร้อมกับผู้ชายท่าทางอันธพาลอีกสามคน เสียงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือของร่างนั้นดังออกมาถึงริมถนนใหญ่แต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาหันมามองเลย ต่างคนต่างรีบเดินผ่านไปให้พ้นๆ ไม่อยากจะหาเรื่องใส่ตัว เพราะรู้ว่าอันธพาลคุมถิ่นพวกนี้ทำได้ทุกอย่างแม้กระทั่งฆ่าคนได้อย่างง่ายดาย แม้เพียงแค่เดินชนพวกมันก็ตาม



    “ไอ้บ้า!! ปล่อยฉันนะ!! พวกแกจะทำอะไร!!!”



    เสียงนั้นยังคงตวาดด่าไม่หยุด เจ้าของเสียงไม่เพียงส่งเสียงแต่ร่างยังดิ้นรนไปมา..ทั้งสะบัด!..ทั้งขัดขืน! แต่ก็ไม่สามารถหลุดออกไปจากวงล้อมของบรรดาอันธพาลคุมถิ่นเหล่านั้นได้



    หนึ่งในนั้นแสยะยิ้ม แล้วหันไปเอ่ยกับพรรคพวก…



    “หน้าตาดีจริงๆ น่าจะจับไปขายนะ แบบนี้ได้ราคาแน่ๆ”



    “เฮ้ย!! ไม่ได้ๆ พวกนี้มันฉลาด เป็นพวกมีเงิน จับไปเรียกค่าไถ่ดีกว่าว่ะ ขืนเอาไปขาย พอพวกมันหนีออกมาได้มีหวังแจ้งตำรวจจับ หนีกันหัวซุกหัวซุนพอดี” อีกคนไม่เห็นด้วย



    “จะทางไหนก็เข้าซังเตทั้งนั้นแหละว่ะ กูว่าสู้เอามันตรงนี้ดีกว่า ไม่ต้องคิดมาก เสร็จแล้วก็ไป ไม่แน่มันอาจจะไม่แจ้งตำรวจก็ได้ ไอ้คนพวกนี้มันหน้าบางจะตาย จริงไหมคุณคนสวย”



    ทั้งสองคนที่เหลือ พยักหน้าเห็นด้วย….



    พอได้ยินแบบนั้น ร่างโปร่งที่ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นเหยื่อก็รีบตะโกนร้องขอความช่วยเหลือทันทีเช่นกัน เมื่อรู้ว่าอีกไม่นานตนกำลังจะถูกทำอะไร แต่ก็ไร้ผลสิ้นดี เมื่อไม่มีใครมาแยแสสนใจเขาเลย



    ทั้งสามอันธพาลหัวเราะให้กันอย่างหื่นกระหาย มืออันหยาบกร้านของหนี่งในนั้นกระชากเสื้อเชิ้ตสีขาวจากร่างโปร่งจนขาดกระจุยมาแถบหนึ่ง เผยให้เห็นผิวละเอียดอันขาวสะอาด!



    คนที่กำลังจะตกเป็นเหยื่อเมื่อเห็นว่าไม่รอดแน่แล้ว จึงต้องหาวิธีหนีใหม่ หรือไม่ก็ต้องคอยถ่วงเวลาให้คนมาช่วย พอคิดได้แบบนี้แล้ว เสียงหวานระรื่นหูแกมยั่วเย้าก็ดังขึ้นแทนเสียงร้องขอความช่วยเหลือ มือที่เคยผลักไสกลับผ่อนแรงลงทันที



    “โธ่!! นึกว่าอะไร ทำไมไม่บอกแต่แรกล่ะว่าอยากได้แบบนี้ ไม่งั้นก็ยอมไปตั้งนานแล้ว”



    เสียงหวานไม่พอ สายตากับท่าทางยั่วๆนั่น ทำเอาสามหนุ่มมองจนตาค้าง



    “พวกพี่ไม่ต้อง เดี๋ยวผมถอดเสื้อเองนะ เดี๋ยวจะบริการให้พิเศษเลย”



    ว่าแล้วมือสวยๆนั้นก็เริ่มถอดเสื้อผ้าของตนเองจริงๆ สามอันธพาลยืนจ้องมองอย่างเคลิบเคลิ้มพลางกลืนน้ำลายของตัวเอง สายตาสามคู่โลมเลียไปยังเรืองร่างเบื้องหน้าที่กำลังจะเผยให้เห็นถึงผิวใต้ร่มผ้า



    แต่ยังไม่ทันที่เสื้อตัวบางจะถูกถอดออก! หมัดหลุนๆก็ตรงไปยังหนึ่งในอันธพาลที่อยู่ใกล้ที่สุดแบบเต็มแรง ร่างใหญ่นั้นล้มลงนอนโอดครวญ เลือดกำเดาไหลออกมาเป็นทาง!!



    “เฮ้ย!!”



    อีกสองคนที่เพิ่งได้สติก็ร้องขึ้นพร้อมกัน แต่ก็ช้าไปแล้วเพราะร่างโปร่งที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยนั้นหายไปจากสายตาแล้ว ร่างนั้นวิ่งหนีกระเซอะกระเซิงไปหน้าถนนแบบไม่เหลียวหลังมามองอีกเลย



    “ตามมันไปเร็ว จับมันให้ได้นะเว้ย!!”



    คนเลือดกำเดาไหลสั่ง มือข้างหนึ่งยังกุมอยู่ที่จมูกของตน อีกข้างหนึ่งกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ ปากก็ส่งเสียงสบถด่ายาว



    สองอันธพาลพยักหน้ารับ แล้วรีบวิ่งไล่ทันที



    ส่วนร่างโปร่งที่วิ่งแบบไม่คิดชีวิต ก็ยังคงตรงดิ่งไปเบื้องหน้าแบบไม่รู้จุดหมาย



    “ซวยชะมัดเลย หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ”



    เขาบ่นพึมพำ เมื่อนึกขึ้นว่าก่อนหน้านั้นตนต้องหนีน้องเขยของตัวเองที่พยายามลวนลาม พอหนีได้ก็นึกว่าจะพ้นแต่ดันมาเจอพวกเมายาอันธพาลเจ้าถิ่นลากมาอีก



    สมองคิดแต่ขายังคงก้าวไม่หยุด จนกระทั่งวิ่งเลี้ยวเข้ามุมตึก..พอดีปะทะกับร่างสูงใหญ่ของคนๆหนึ่งแบบไม่ทันตั้งตัว ทำให้คนตัวเล็กกว่าต้องล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง โดยคนที่ถูกชนไม่ได้สะเทือนเลยสักนิด



    “โอ๊ย!!”



    แขนเรียวบางที่ใช้รองรับน้ำหนักตัว กระแทกไถลไปกับพื้นคอนกรีตจนถลอกและมีเลือดไหลเป็นทาง แต่ก็มีมือใหญ่แข็งแรงคู่หนึ่งที่ช่วยพยุงให้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว



    “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ”



    เสียงทุ้มนุ่มนั้นอ่อนโยนจนเหลือเชื่อ ชายหนุ่มที่กะว่าจะหันไปด่าเลยต้องล้มเลิกความคิดไปและเมื่อเหลือบมองคนที่ช่วยพยุงก็ต้องตะลึงไปชั่วขณะ

    ร่างสูงใหญ่นั้นอยู่ในชุดสูทสีเข้มเน้นขับให้เห็นถึงบุคลิกอันเคร่งขรึม ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้ม ประกอบด้วยคิ้วดกหนา นัยน์ตากลมวาวเแต่เรียบเฉย จมูกโด่งสูง และริมฝีปากคมเฉียบดูเด็ดขาด ดูไปราวกับเจ้าพ่อหรือไม่ก็พวกยากูซ่าในญี่ปุ่นที่เคยเห็นในทีวี



    “คุณ..เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ร่างสูงถามซ้ำ



    เขาเพียงสั่นศีรษะเบาๆ แต่พอมือใหญ่คู่นั้นละจากแขนเรียวของตน กลับต้องยืนเซไปนิดๆ ทำให้ร่างสูงนั้นต้องรีบเข้ามาประคองใหม่ ในอ้อมกอดนั้นได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายบางๆจากผู้เป็นเจ้าของ พาให้เคลิ้มๆไปกับความอ่อนโยนที่ได้รับ



    “เฮ้ย!! มันอยู่นั่น…อย่าหนีจะโว้ย!!”



    แล้วเสียงตะโกนของอันธพาลคู่แค้นเมื่อกี้ก็ทำให้สวรรค์ของเจ้าตัวต้องพังทลายลงแบบไม่มีชิ้นดี



    “โธ่เอ้ย!! ยังตามมาอีกเหรอเนี่ย” เขาบ่นก่อนจะค่อยๆถอยออกจากอ้อมอกของร่างสูง



    “มีอะไรกับพวกนั้นหรือครับ”



    “เอ่อ.. พอดีผมมีเรื่องกับพวกนั้นนิดหน่อย คุณรีบหนีไปก่อนดีกว่าครับ” เขาตอบ



    “พวกมันทำอะไรคุณหรือครับ”



    ดูท่าคำเตือนของเขาจะไม่มีผลต่อคนตัวใหญ่สุดหล่อคนนี้เลยแม้แต่น้อย คนยังยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน



    “ว่าไงครับ พวกมันทำอะไรคุณ”



    “ไม่มีอะไรหรอกครับ ผมโดนพวกมันปล้นน่ะ พอดีหนีออกมาได้ พวกมันเลยตามมาแก้แค้น”



    จะบอกได้ไงว่าจะโดนข่มขืน น่าอายจะตายไป …..



    “อ๋อ..งั้นเหรอครับ”



    ร่างสูงรับคำเรียบๆ ใบหน้าเรียบเฉยยังคงไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ผิดกับอีกคนที่ตอนนี้ร้อนรนเต็มที



    “ก็งั้นสิครับ เรารีบหนีก่อนดีกว่า คุณไปทางนั้น ส่วนผมไปทางนู้น พวกมันคงจะตามผมแน่ ..ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ”



    ว่าแล้วเขาก็ทำท่าจะออกวิ่ง แต่มือใหญ่แข็งแรงนั้นก็รั้งไว้



    “คุณ…รีบไปเถอะครับ พวกมันมาใกล้แล้วนะ ปล่อยผม”



    “ไม่เป็นไร ..อยู่ที่นี่แหละครับ ไม่ต้องกลัว”



    เสียงนุ่มๆนั้นเอ่ยปลอบและก็พอดีกับที่อันธพาลสองคนนั้นวิ่งมาพอดี คนที่ตอนแรกทำใจกล้าจะวิ่งไปอีกทางตอนนี้กลับต้องรีบถอยไปตั้งหลักอยู่ข้างหลังร่างสูงทันที ใบหน้าสวยฉายแววตื่นกลัวจนเริ่มขาวซีด



    แล้วทั้งสองฝ่ายก็ประจันหน้ากัน เมื่อสองอันธพาลเห็นผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าก็ต้องหน้าหน้าซีดตามไปด้วยเหมือนกัน



    “บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่ามาก่อเรื่องแถวนี้ ไม่เชื่อฟังกันบ้างเลยนะ”



    ร่างสูงเริ่มประโยคที่ฟังดูยังไงก็คือคำขู่ดีๆนี่เอง



    “โธ่..คุณเมือง ไอ้พวกผมมันก็หากินอยู่แถวนี้ จะให้พวกผมไปที่ไหนได้ล่ะครับ”



    หนึ่งในนั้นทำใจกล้าเอ่ยตอบไป



    “เตือนๆนายของพวกแกบ้างว่าอย่าล้ำเส้นให้มากนัก แล้วพวกแกก็ไปได้แล้ว อย่ามายุ่มย่ามแถวนี้อีก”



    “แหม..พูดง่ายจัง ก็ได้..พวกผมไปก็ได้ แต่คุณต้องส่งผู้ชายคนนั้นมาก่อน”



    เสียงพูดโต้ตอบนั้นทำเอาคนที่ถูกเอ่ยถึงสะดุ้งขึ้น ร่างโปร่งจึงขยับชิดแผ่นหลังของร่างสูงที่ตอนนี้เป็นที่พึ่งเพียงคนเดียวให้ใกล้ยิ่งขึ้นโดยไม่รู้ตัว

    ดวงเมืองรู้สึกถึงความสั่นกลัวของคนที่อยู่เบื้องหลัง มือใหญ่จึงแนบสัมผัสเบาๆที่หลังมือของอีกฝ่าย ถ่ายเทความอบอุ่นพร้อมกับปลอบประโลมให้หายกังวล



    ความอบอุ่นอ่อนโยนแผ่ซ่านเข้าไปที่จิตใจของผู้ที่อยู่เบื้องหลังอย่างประหลาด ทำให้ใบหน้าที่ตอนแรกซีดขาวต้องแดงระเรื่อขึ้น รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวจนตนเองเหมือนจะเป็นไข้



    “ฉันส่งเขาให้พวกแกไม่ได้ บอกว่าอย่ามาก่อเรื่องแถวนี้ไง พูดไม่รู้เรื่องเหรอ”



    “นี่พวกผมก็เกรงใจคุณมากแล้วนะ คุณจะส่งหรือไม่ส่ง”



    “ไม่!!”



    “อย่าลืมว่าพวกผมมากันสองคน คุณคนเดียวจะทำอะไรได้”



    “ได้ไม่ได้..เดี๋ยวก็รู้”



    “เรื่องนี้โทษพวกผมไม่ได้นะ คุณอยากแส่หาเรื่องเอง!!”



    แล้วทั้งสองฝ่ายก็เปิดฉากตะลุมบอนกันทันที ปล่อยให้เจ้าของเรื่องตัวจริงยืนตัวสั่นเกาะเสาไฟฟ้าอยู่เพราะความกลัว



    การต่อสู้ที่ไม่ยุติธรรมดำเนินไปได้พักใหญ่ แต่ก็พอจะดูออกว่าจะจบลงที่ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายลงไปนอนหยอดข้าวต้ม เพราะหนึ่งในสองอันธพาลนอนหงายนิ่งสนิทอยู่ที่พื้นไปแล้ว ใบหน้าบูดเบี้ยวเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เลือดสดๆทะลักออกจากทั้งปากและจมูก ส่วนอีกคนก็ทุลักทุเลเต็มทีเมื่อโดนกำปั้นหนักๆซัดเข้าไปที่ปลายคาง ร่างทั้งร่างกระเด็นไปปะทะผนังอย่างแรงจนต้องล้มลงครางออกมาเสียงดัง!



    ดวงเมืองหยุดการต่อสู้เพียงเท่านั้น ตัวไร้ซึ่งร่องรอยของการบาดเจ็บเลย สายตาคู่คมรีบกวาดมองหาร่างโปร่ง เห็นร่างนั้นกอดเสาไฟแน่น จึงเดินเข้าไปหาพร้อมกับส่งยิ้มบาง



    “ไม่เป็นไรแล้วครับ พวกเราไปกันเถอะ”



    หน้าสวยๆพยักรับอย่างเหม่อลอย แต่แล้วนัยน์ตาก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเห็นอันธพาลตัวหัวหน้ากลุ่มอีกคนที่ไม่ได้วิ่งตามมาตอนแรก กลับมายืนอยู่เบื้องหลังร่างสูงพร้อมไม้หน้าสามอันยาว มันเงื้อไม้ขึ้นสูงพร้อมจะฟาดลงมาทุกเมื่อ แต่ก่อนที่จะกระทบกับศีรษะของร่างสูง มันก็ต้องหยุดกึกทันที!!



    “ระวัง!!”



    คำเตือนนั้นไม่ได้ช่วยให้ไม้หน้าสามที่กำลังฝ่าอากาศมานั้นหยุดได้ อีกเสียงหนึ่งต่างหากที่ทำให้อันธพาลหัวหน้ากลุ่มต้องหยุดนิ่งสนิท ทั้งๆที่ ไม้หน้าสามในมือตนยังค้างอยู่เหนือศีรษะ



    ‘กริ๊ก..!!’



    เป็นเสียงง้างไกปืนปืนขึ้นพร้อมยิง อันธพาลผู้โชคร้ายหน้าซีด ตัวสั่น ไม้หน้าสามในมือหลุดออกจากมือทันทีเมื่อเห็นลำกล้องปืนหยุดอยู่ที่หน้าอกของตนเอง เพียงฝ่ายตรงข้ามเหนี่ยวไก ชีวิตน้อยๆนี้ก็ถูกปลิดไปอย่างง่ายดาย



    “บอกแล้วว่าอย่าล้ำเส้น..ถ้ายังไม่อยากตายก็ลากเพื่อนของพวกมึงออกไป ก่อนที่กูจะทนไม่ไหว”



    เสียงนั้นทั้งเรียบเฉยทั้งเย็นชา ทั้งสามอันธพาลจึงรีบวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนแบบไม่เหลียวหลัง ไม่กล้าแม้กระทั่งมองหน้าฝ่ายตรงข้ามด้วยซ้ำ คงเข็ดจะที่มาแถวนี้ไปอีกนาน



    เมื่อหมดเรื่องจริงๆแล้ว ดวงเมืองจึงรีบเก็บปืนของตนทันที และเปลี่ยนท่าทีจากแข็งกร้าวเป็นอ่อนโยนลง เขาส่งยิ้มให้อีกฝ่ายที่กำลังจ้องมองเขาอย่างตื่นตะลึง



    “ปืนจดทะเบียนถูกกฎหมายครับ ไม่ต้องห่วง”



    เขากวาดสายตาสำรวจร่างโปร่งอย่างรวดเร็วเห็นเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ที่แขนก็เลือดโชก ก็รู้ว่าคนตรงหน้าเผชิญศึกหนักมาไม่น้อย



    “มากับผมก่อนดีกว่าครับ คุณต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและทำแผล”



    ใบหน้าสวยพยักรับช้าๆ ท่าทางเหนื่อยอ่อนอิดโรย แต่นัยน์ตายังคงแจ่มใส มองร่างสูงด้วยความชื่นชมและประทับใจ ก่อนจะก้าวตามชายหนุ่มร่างใหญ่ไปด้วยความยินดี



    “ขอบคุณมากครับ”



    แล้วทั้งสองก็เดินหายลับไปจากเงามืดยามราตรีแห่งเมืองกรุง………….





    TBC มีคำผิดตรงไหนบอกได้นะคะ ^^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×