พ่ายรักนายหัวใจกุ๊กกิ๊ก
นักธุรกิจหนุ่มต่างแดน เกิดอาการปิ๊งสาวไทยที่ได้พบกันโดยบังเอิญ เขาพยายามหาทุกวิถึทางเพื่อจะพิชิตหัวใจเธอให้ได้ไม่ว่าด้วยเล่ห์ก็ต้อเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วเล่ห์กลก็ต้องด้วนมนต์คาถากันละทีนี้ ถือคติที่ว่า ตืื้อเท่านั้นที่ครองโลก
ผู้เข้าชมรวม
82
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทที่ 1 แรกพบ
“แกจะลาพักร้อนไปไหน ทำไมไม่ชวนชั้น”
พริ้งเพราวางแฟ้มงานกองผะเนินที่เพิ่งเอาออกมาจากห้องรองประธาน บริษัท ที่ลงนามในแฟ้มเป็นที่เรียบร้อย ลงบนโต๊ะโครมใหญ่ เพราะเกิดอารมณ์ขุ่นเขืองเล็กน้อยหลังจากที่เปิดแฟ้มเพื่อตรวจเอกสารว่ารองประธานบริษัทลงนามครบถ้วนเรียบร้อยดีแล้วหรือยัง จึงพบใบลาพักร้อนของ “ไอรดา” เพื่อนร่วมงานและเพื่อนสมัยเรียนในมหาวิทยาลัย
“พริ้ง ถึงฉันจะชวนแก แกก็จะบอกว่าเดี๋ยวค่อยไป เพราะว่าแกยังเคลียร์งานไม่เสร็จ ชั้นขี้เกียจรอ ดูสิกว่าชั้นจะจองตั๋วเครื่องบินราคาโปรโมชั่นได้ ชั้นต้องอดตาหลับ ขับตานอนเลยนะ” ไอรดาร่ายยาว ก่อนจะหันมาช่วยเพื่อนคัดแยกเอกสารในแฟ้ม
“แกก็ดูสิ ไอ แกจะให้ชั้นหาเวลาพักร้อนได้ยังไง” พริ้งเพราชี้นิ้วให้ไอรดา ดูบรรดาแฟ้มเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะ พริ้งเพราไม่ได้เป็นสาวสวยมากนัก แต่การแต่งกายที่ทันสมัยด้วยเสื้อผ้าแบรนด์เนม และการดูแลตัวเองให้เนียบตลอดเวลา พร้อมเครื่องหน้าที่ถูกบรรจงด้วยเครื่องสำอางค์อ่อน ๆ อย่างเป็นธรรมชาติ ก็ทำให้เพื่อนสมัยเรียนของไอรดาคนนี้ ดูเป็นผู้หญิงกว่าเมื่อสมัยเรียน ซึ่งไอรดาเองก็คิดไม่ถึงว่าเพื่อนคนนี้จะเปลี่ยนแปลงจากคนที่ไม่เคยสนใจเรื่องความสวยงามจะหันมาดูแลตัวเองหลังจากจบแล้วมาทำงานที่บริษัท พัฒนากิจ จำกัดมหาชนนี้ได้ซึ่งก็ไม่ได้ดูแตกต่างไปจากไอรดาเช่นกัน บรรดาเสื้อผ้าอาภรณ์แบรนด์เนมของทั้งสองก็ไม่ได้มีราคาสูงมากมายอะไรนัก ช่วงไหนลดราคาน๊อคเอาเซลล์เมื่อไหร่ ก็เจียดเงินไปซื้อมากักตุนไว้นิด ๆ หน่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้บ่อยนัก
“เอาน่า เที่ยวนี้ชั้นขอไปพักผ่อนคนเดียวจริง ๆ สักครั้งเหอะ คนไร้ญาติอย่างฉันไปไหนมาไหน ไม่ต้องห่วงใครอยู่แล้ว” ไอรดา พูดพร้อมยักไหล่เล็กน้อย ไอรดา เป็นผู้หญิงร่างเล็กบอบบาง ผิวขาวเหลืองธรรมดา ๆ คนหนึ่ง แต่มีความเข้มแข็ง อดทน ทำงานส่งเสียตนเองเรียนจนจบมหาวิทยาลัยได้
“เออ งั้นก็อย่าลืมของฝากด้วยก็แล้วกัน ไม่มีติดไม้ติดมือมาฝากกันละก็มีเคือง” พริ้งเพราพูดพร้อมกับเอานิ้วชี้จิ้มลงไปตรงกลางหน้าผากของเพื่อนรักเบา ๆ ก่อนที่จะหัวเราะเบา ๆ พร้อมกัน
“ไปเก็บงานเสร็จหมดแล้วกลับบ้านกันเหอะ หิวแล้วด้วย” พริ้งเพราเอามือลูบหน้าท้องวนไปวนมา ไอรดา ส่ายศรีษะเล็กน้อยกับการกระทำของเพื่อน พร้อมกับก้มตัวเล็กน้อยเปิดลิ้นชักใต้โต๊ะหยิบกระเป๋าสะพานขึ้นไว้บนบ่า ก่อนจะล๊อคกุญแจปิดลิ้นชักนั้น
ไอรดา ย่นคิ้วเมื่อเห็นว่าร้านอาหารตามสั่งเจ้าประจำของทั้งสองนั้นคลาคล่ำไปด้วยผู้คน คงจะเพราะวันนี้เป็นวันศุกร์หรือเปล่านะ ตั้งแต่วันจันทร์ถึงวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ยังไม่มีคนนั่งกินมากมายขนาดนี้เลย ส่วนพริ้งเพราเบ้ที่มุมปากเล็กน้อย ก่อนที่ทั้งสองจะหันมามองหน้าซึ่งกันและกัน “เอาไงดี จะกินที่นี่หรือว่าหาที่ใหม่” พริ้งเพราเอ่ยก่อน
“งั้นเราไปกินที่ห้างแล้วกัน วันนี้จะไปซื้อของใช้ส่วนตัวด้วย” ไอรดาเอ่ยชวน พร้อมกับแจงเหตุผลก่อนจะหันหลังเพื่อที่จะเดินไปยังห้างที่กล่าวถึง แต่แค่เพียงเอี้ยวตัวจะหันไป ก็ชนเข้ากับร่างใหญ่ ถึงกับเซถอยหลังเล็กน้อย พริ้งเพรากำลังก้าวขาตามต้องชนกึกเข้าที่หลังของไอรดา
“โอ๊ย” ทั้งไอรดาและพริ้งเพราอุทานออกมาพร้อม ๆ กัน ก่อนที่จะมองไปยังบุรุษเบื้องหน้า
“ขอโทษคะ ไม่ทันได้ดู เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ไอรดารีบกล่าวคำขอโทษคนที่ตนเองเพิ่งจะหันไปชนเมื่อสักครู่ “แต่ให้ตายสิคนอะไรหล่อเป็นบ้าเลย เสียอย่างเดียวเป็นคนต่างชาติ เออแล้วเมื่อกี้พูดขอโทษไปจะเข้าใจเรามั้ยนะ” ไอรดาคิดในใจ แต่สายตาก็ยังไม่ละไปจากไปหน้าคมคายนั้น นัยน์ตาสีฟ้าอ่อน ดูสวยดี ไอรดาคิดต่อ
“อ้าวตะลึงเลยเพื่อน” พริ้งเพรายื่นหน้าพูดกระซิบที่ข้าง ๆ หูเพื่อนสาว
“ม่ายเจ็บครับ” เขาพูดสำเนียงเพี้ยนตอบกลับมาตามแบบฉบับคนต่างชาติพูดภาษาไทยทั่วไปนั่นแหละ
“ขอโทษจริง ๆ คะไม่ได้ตั้งใจ” ไอรดาเอ่ยขอโทษอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าเค้าฟังภาษาไทยรู้เรื่อง
“ไม่เป็นไรก็ดีแล้วคะ งั้นขอตัวก่อนนะคะ” พริ้งเพรารีบตัดบทเพราะเห็นว่าเสียเวลามามากแล้ว และอีกอย่างรู้สึกแสบท้องจี๊ด ๆ เพราะหิวนั่นเอง
มาร์ค มาครูซ แล่นรถมาจอดเทียบหน้ามุขของบ้านก่อนที่จะก้าวลงจากรถโยนกุญแจให้กับคนขับรถประจำตัวซึ่งวันนี้ไม่ได้เรียกใช้ให้ทำหน้าที่ที่ควรจะทำ เพราะเขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าการขับรถบนถนนในเมืองไทยจะเป็นอย่างไร ซึ่งก็ไม่ได้ยากอย่างที่เขากังวล อาจจะแค่เพียงทิศทางของการขับรถบนถนนที่ไม่เหมือนกันก็แค่นั้นเอง เขาซื้อบ้านที่เมืองไทยเอาไว้เพื่อใช้พักผ่อนเวลาที่มาติดต่อธุรกิจ แม้อายุเขาปาเช้าไป 40 กว่าแล้วแต่หน้าของเขาเองก็ยังคงดูหนุ่มกว่าวัย ซึ่งหาไม่ได้ง่ายนักกับชาวต่างชาติ หรืออาจจะเพราะเค้าชอบอาหารไทย ชอบกินอาหารรสจัด ๆ เรียกว่าเผ็ดเรียกพี่ได้อย่างนี้กระมัง จึงเปรียบเสมือนยาอายุวัฒนะทำให้เค้าดูไม่แก่ไปตามวัยนั่นเอง
“วันนี้ฉันไม่กินมื้อเย็นนะ เพราะเรียบร้อยมาแล้วก่อนกลับบ้าน” เขาหันมาบอกกับมณีแม่บ้านที่เดินสวนออกมา ที่ต้องหุบปากกลางคันเพราะยังไม่ทันได้ถามอะไร เจ้านายของตนก็เอ่ยออกมาซะก่อน ซึ่งพฤษคนขับรถที่มีอายุน้อยกว่าเขามากทีเดียว ก็เช่นกันรู้สักแปลกกับสิ่งที่ตนเองไม่เคยเห็นเจ้านายของตนเป็นเช่นนี้เหมือนกัน
เขาทิ้งตัวลงนอนทั้ง ๆ ที่ยังสวมชุดเดิมสายตาเลื่อยลอยมองไปยังเพดานห้อง ภาพใบหน้าขาวนวลนั้นยังคงลอยวนเวียนไปมา แม้จะสลัดความคิดนั้นออกไปก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลบเลือนไปจากความทรงจำนี้ได้ “ทำไมนะ” เขาพึมพรำเบา ๆ เพราะรู้ตัวเองดีว่าไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน “แล้วจะพบอีกมั้ยนะ สาวน้อยของชั้น” พูดจบก็ลุกเดินผิวปากเข้าไปในห้องอาบน้ำอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทำให้คนทั้งสองที่แอบเดินย่องตามมาเอียงหูแนบกับประตูเพื่อฟังสิ่งผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้นกับเจ้านายของตนเอง ย่นคิ้วมองหน้ากันไปมา
ส่วนไอรดาหลับตาพริ้ม หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จก็ล้มตัวลงบนที่นอนอันแสนนุ่มนั้น “วันอาทิตย์พบกันนะอันดามันที่ฉันรอคอย” ไอรดารำพึง รำพันอยู่ในใจก่อนจะผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย ไอรดาตั้งใจไปพักร้อนที่ภูเก็ตก่อนสักสองคืนก่อนจะจองทัวร์นั่งไปเรือต่อไปที่เกาะสิมิลันอีกสามวันสองคืน แล้วจึงย้อนกลับมาพักที่ภูเก็ตอีกหนึ่งคืนก่อนเดินทางกลับไปทำงานเช่นเดิม
แม้แสงแดดที่ภูเก็ตจะแรงแต่ก็รู้สึกสดชื่น ไอรดาสูดอากาศลงลึกเข้าไปเต็มปอด ก่อนจะพ่นลมออกมาทางปากแทน “ฮ้า.....สดชื่นจังเลย” แต่เอ....ทำไมสถานที่ที่กำลังยืนอยู่นี้ดูรกครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ มีหญ้าขึ้นมาปกคลุมจนดูรกอย่างนี้นะ” ไอรดาคิดในใจ พร้อมกับก้าวเดินไปตามทางเดินเล็ก ๆ นั่น ซึ่งดูเหมือนจะมีคนใช้เส้นทางนี้เป็นเส้นทางเดินลัดเลาะไปที่ไหนสักแห่ง ไหนลองเดินไปสิมันจะพาเราไปไหนกันนะ เอ๊ะ! เหมือนได้ยินเสียงคลื่นนะ จริงด้วย “ว๊าววววว สวยจัง” ไอรดาเดินมาหยุดยืนนิ่งบนหาดทรายสีขาวเนื้อละเอียดนุ่มละมุลเมื่อเท้าได้สัมผัสกับมัน “ฟ่อ ฟ่อ.....” เอ๊ะ! เสียงอะไรนะ ไอรดาคิดในใจทั้ง ๆ ที่กำลังหลับตาพริ้มเชิดหน้ารับลมเย็นจากทะเลที่ผัดมากระทบตัว “ฟ่อ ฟ่อ.....” เสียงอะไรนะ ไอรดาคิด ลืมตาขึ้นพร้อมกับหันไปมองยังทิศทางของเสียงที่ได้ยิน ไอรดาเบิกตากว้างก่อนจะอุทานออกมาเบา ๆ กับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า “งะ งะ งู งู ชั๊วะ ชั๊ว ช่วยยยยย ด้วยยยย” แต่ในความรู้สึกของไอรดาเหมือนว่ากำลังตะเบ็งสุดเสียง ขาก็ก้าวไม่ออก งูอะไรทำไมตัวใหญ่อย่างนั้น แล้วทำไมไอรดาจึงรู้สึกคุ้น ๆ กับสายตาสีฟ้าอ่อนคู่นั้นจัง ก่อนที่จะคิดอะไรไปได้มากกว่านั้น งูนั่นก็พุ่งกระโจนเข้าใส่ “กรี๊ดดดดด” ไอรดาร้องลั่น งูรัดร่างที่ยืนแข็งเกร็งอยู่เพราะหมดหนทางที่จะต่อสู้ รัดร่างพันเลื้อยขึ้นมา จนใบหน้าทั้งงูและคนอยู่ในระดับเดียวกัน ตาจ้องตา “กรี๊ดดดดดด” ไอรดาสะดุ้งตื่นขึ้นมา เหงื่อผุดเต็มใบหน้า “โอ๊ย นี่เราฝันไปหรือนี่” ไอรดาพึมพำออกมา ก่อนจะถอนหายใจยาว ลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาปาดเหงื่อออกจากใบหน้าของตนเอง เมื่อสติกลับมาสู่ที่เดิม ไอรดาเหลือบมองไปยังนาฬิกาที่ติดอยู่กับผนังด้านบนประตูห้อง โหยตีห้าแล้ว ไม่นอนแล้ว อาบน้ำเตรียมตัวเดินทางไปสนามบินเลยดีกว่า
“ท่านประธาน น่าจะโทรมาก่อนนะคะ ดิฉันจะได้ให้คนไปรับที่สนามบิน” ผู้จัดการโรงแรมเซนโตร่า โรงแรมระดับห้าดาว ที่ราคาห้องพักไม่ได้แพงมากนัก จนทำให้ใคร ๆ ก็ต้องแย่งกันเข้ามาพัก รีบกล่าวเมื่อหันมาเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าของเธอนั้นคือท่านประธานมาร์ค มาครูซ ซึ่งไม่ค่อยได้ลงมาที่โรงแรมนี้บ่อยนัก
“ไม่เป็นไร ที่นี่โรงแรมของผม ผมจะมาตอนไหน เมื่อไหร่ ก็อย่าให้มันเป็นเรื่องวุ่นวายนักเลย” ในระหว่างที่พูดสายตาของเขาก็มองไปรอบ ๆ เพื่อสำรวจตรวจตราโรงแรมที่เขาสร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงจากเงินมรดกที่ได้รับหลังจากบิดาเสียชีวิตเมื่อ 5 ปีก่อน เขาหลงใหลเมืองไทยเมื่อครั้งที่เคยเดินทางมาท่องเที่ยวกับเพื่อน ๆ เมื่อ 7 ปีที่แล้ว อากาศที่ร้อนจัดแต่กลับรู้สึกสบาย ผิดจากประเทศที่เขาอยู่ มันหนาวตลอดปี เอาแน่ เอานอนไม่ได้ เดี๋ยวหนาว เดี๋ยวฝน สลับกันภายในวันเดียว เขายอมทิ้งธุรกิจของบิดาโดยปล่อยให้พี่ชายลูกพี่ลูกน้องเป็นคนดูแลแทนเพราะเค้าเบื่อกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั่นมันดูจะไม่เหมาะกับเขาเท่าไหร่ เท่าที่ช่วยบิดาดูแลมาก็เพราะมันเป็นธุรกิจที่บิดาของเขาสร้างขึ้นมา จริง ๆ แล้วเขาเองก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ตกหนักไปทางพี่ชายลูกพี่ลูกน้องนั่นซะมากกว่า ส่วนเขานำส่วนมรดกที่เขาได้รับหอบมาลงทุนสร้างโรงแรมที่ภูเก็ตนี่แทน และแทบจะไม่ได้กลับไปประเทศของเขาเลยหลังจากนั้น
“ผมจะขึ้นไปพัก ไม่ต้องให้ใครไปดูแลนะ” เขาเอ่ยบอกและกำชับผู้จัดการให้รู้ในสิ่งที่เขาต้องการ หันหลังกลับจนไม่รู้เลยว่าใครคนนั้นที่เขายังคงคิดถึงและจดจำใบหน้านั้นได้อย่างติดตาตรึงใจกำลังเดินสวนผ่านเลยเขาไปยัง................นั่นเอง
“ว๊าววววว.......น่าอยู่จังเลย โอ๊ยเสียดายนะเนี่ยชั้นต้องอยู่กับแกแค่สองคืนเอง” ไอรดาเอ่ยออกมาหลังจากเดินตามพนักงานยกกระเป๋าที่เปิดประตูพร้อมกับเสียบคีย์การ์ดที่ผนังข้างประตู ก่อนจะเดินนำหน้าเข้าไป เปิดตู้วางกระเป๋าเสื้อผ้าเก็บไว้ให้เรียบร้อย
“ในห้องน้ำจะมีสบู่ ยาสระผม ครีมนวดผม และอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้ให้ในห้องน้ำนะครับ สำหรับสิ่งของมีค่าเรามีตู้เซฟไว้ให้ สามารถตั้งรหัสเองได้ครับ ไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนครับ ขอให้สนุกกับการพักผ่อนครับ” พนักงานแนะนำอย่างรวดเร็ว ไอรดาพนักหน้ารับก่อนจะเดินตามไปปิดประตูห้องช้า ๆ ทั้ง ๆ ที่สายตายังคงกวาดตามองไปทั่วห้องเพราะรู้สึกพึงพอใจกับห้องพักจริง ๆ
ผลงานอื่นๆ ของ Kanitta D?pont ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Kanitta D?pont
ความคิดเห็น