คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ 3 : กลัว 100% (รีไรต์)
บทที่ 3
ตอนนี้ฉันอายุ 4 ขวบแล้ว เรื่องใกล้ตัวก็คือ ฉันได้รู้ว่าฉันกับเครซิเมอร์เป็นแฝดคนละฝา และก็ได้เรียนรู้เกี่ยวกับอาณาจักรนี้มากขึ้น อาณาจักรที่ฉันอาศัยอยู่ มีชื่อว่า อาณาจักรเมอร์ซี่ เป็นอาณาจักรที่มีผู้คนอยู่เยอะที่สุดด้วยเพราะเป็นเมืองท่า มีการค้าขายกับต่างประเทศอยู่บ่อยๆเรียกได้ว่าเป็นเมืองที่สำคัญเลยก็ว่าได้ อาณาจักรของฉันมีราชาผู้ปกครองนามว่า 'เคย์ซาร์ มอร์ริแกน เมอร์ซี่' มีราชินีชื่อ 'ควีน่า มอร์ริแกน เมอร์ซี่' และยังได้รู้อีกว่ามีอาณาจักรอื่นๆอีกเยอะแยะมากมาย ซึ่งท่านพ่อได้บอกว่าโตกว่านี้แล้วค่อยเรียน ตอนนี้รู้เกี่ยวกับประเทศตัวเองไปก่อน
อ่อ ลืมอีกอย่าง หลังจากที่ได้จับใจความมาคร่าวๆได้ ฉันก็พบว่าครอบครัวของฉันมีอำนาจอยู่พอตัวเลยละ แถมพ่อของฉันก็ยังเป็นเพื่อนสนิทกับราชาของทุกอาณาจักร เพราะสนิทกันตอนที่เรียนอยู่โรงเรียน เรียกได้ว่าเป็นแก๊งหนุ่มหล่อของยุคเลยก็ว่าได้ และยังเคยทำพิธีกรีดเลือดสาบาานเป็นพี่น้องกันอีกต่างหาก.. ทำให้เป็นที่ไว้วางใจเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ และพ่อของฉันยังมียศเป็นถึงดยุคอีกด้วย พ่อของฉันมีชื่อว่า 'ดยุคเคนดัลล์' และแม่ของฉันก็มีชื่อว่า 'ดัชเชสเลนิต้า' ทั้งสองคนนั้นเกิดในตระกูลที่มีชื่อเสียงทั้งคู่
พ่อของฉันเกิดในตระกูล มาร์เควสส์ ตระกูลอัศวินที่คอยปกป้องรับใช้เหล่าเชื้อพระวงศ์มาแล้วหลายรุ่น แต่พ่อของฉันนั้นแหวกแนว ท่านอยากเป็นขุนนาง เพราะตอนเด็กๆต้องทนเห็นชาวบ้านโดนกดขี่โดยพวกขุนนาง ตอนแรกครอบครัวก็ไม่ยินยอมหรอก ต่อต้านอีกต่างหาก แต่พ่อของฉันก็พิสูจน์ตัวเองได้ ทำให้ท่านกลายเป็นขุนนางที่โด่งดังมีแต่คนเคารพ
ส่วนแม่ของฉันมาจากตระกูลขุนนางชั้นสูง นั้นคือตระกูลอัลเบอร์ต้า ตั้งแต่เด็กแม่ของฉันถูกสอนให้เป็นกุลสตรี ค่อยดูแลสามีเท่านั้น แต่แม่ของฉันไม่คิดอย่างนั้นและออกจากบ้านพร้อมเดินทางเพื่อตามหาเส้นทางของตัวเอง จนมาพบพ่อ และด้วยพ่อของฉันมีทัศนคติที่ว่า ทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน ทำให้แม่ของฉันมาคอยช่วยดูแลงาน และก็ทำได้ดีซะด้วย จนทั้งสองแต่งงานกัน พอแม่ของฉันมีฉันกับเครซิเมอร์ถึงออกจากงาน ซึ่งพ่อของฉันก็อยากให้แม่ของฉันออกจากงานตั้งแต่ที่แต่งงานกันแล้ว...
กลับมาปัจจุบัน หลังจากที่ฉันโตขึ้นและได้ฟังเกี่ยวกับอาณาจักรนี้ มันก็ทำให้ฉันนึกถึงอะไรบางอย่าง โลกนี้มันคุ้นๆเหมือนกับเคยได้ยินหรือได้ฟังมา ฉันพยายามคิดอยู่นานแต่ก็คิดไม่ออกสักทีและด้วยความขี้เกียจนึกเลยเอาไว้ทีหลังดีกว่า
ตอนนี้ฉันสามารถเดินและพูดได้แล้ว เหมือนเด็กทั่วๆไป เพราะถึงจิตวิญญาณจะเป็นผู้ใหญ่อายุ 20 กว่าแล้ว แต่ก็ไม่สามารถฝืนธรรมชาติของเด็กทารกได้
“ ท่านพี่
นั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้หยอ “
พลันเสียงของเด็กผู้ชายก็ดังขึ้น
ฉันจึงหันไปมอง เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็เอ่ยปากพูดตอบ
“ ก็ไม่ได้ทำอะไร..
“
ฉันตอบด้วยโทนเสียงนิ่งๆ ด้วยเพราะติดเป็นนิสัยจากชาติก่อน พลางถอนหายใจเล็กน้อยเมื่อเด็กตรงหน้าทำท่าเหมือนจะร้องไห้
‘ ทำไมน้องชายฉันมันขี้แยขนาดนี้นะ...’
ฉันคิดด้วยความขมขื่นก่อนจะพูดย้ำอีกครั้ง
“ อย่าร้อง
ก็บอกว่าไม่ได้ทำอะไรจริงๆ.. “
เมื่อน้องชายได้ยินที่ฉันพูด
เขาก็พยักหน้าออกมาเบาๆ เมื่อฉันเห็นดังนั้นจึงลุกขึ้นเพื่อจะไปที่ห้องสมุด
‘ ถึงท่านพ่อจะบอกว่าโตไปค่อยเรียนเพิ่ม
แต่มันค้างคาใจนี้นา ‘
ฉันคิดก่อนจะออกเดิน
แต่ก็ต้องชะงักเมื่อน้องชายเกาะขาฉันไว้
‘ อะไรอีกเนี้ย ‘
ฉันคิดพลางกรอกตามองบน
“ ปล่อย “
ฉันพูดเสียงห้วน ด้วยเพราะชาติก่อนก็เลี้ยงเด็กไม่เคยเป็นอยู่แล้ว.. พลางมองน้องชายเป็นการกดดัน
“ ไม่เอา ท่านพี่จะทิ้งข้า “
เครซิเมอร์พูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้เพราะตอนนี้เขาซุกหน้าเข้ากับขาฉันอยู่
“ ข้าไปบอกตอนไหนว่าจะทิ้งเจ้า หืม? “
ฉันเลิกคิ้วเป็นเชิงถามพลางมองหน้าเครซิเมอร์
“ ก.. ก็ “
เครซิเมอร์ทำหน้าตาอึกอักเหมือนไม่รู้ว่าจะตอบยังไง
ฉันจึงถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ เอาน่า ข้าไม่ทิ้งเจ้าหรอก “
‘ มั้ง ‘
ฉันแอบเติมคำว่ามั้งลงไปในใจ แต่สิ่งที่ฉันพูดไปมันก็มากพอที่จะทำให้น้องชายปล่อยฉันได้
“ เด็กดี ไปเล่นซะนะ ข้าจะไปทำธุระ “
ฉันพูดก่อนจะเดินหนีทิ้งให้เครซิเมอร์อยู่ตรงนั้นเพียงคนเดียว
ฉันยอมรับว่ายังไม่ไว้ใจโลกนี้ บางทีนี้อาจจะเป็นภาพมายา ค่อยหลอกหลอนฉัน ทำให้ฉันมีความสุขก็ได้ ฉันต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับโลกนี้มากกว่านี้ ฉันแค่กลัว.. ว่าถ้าฉันมีความสุข แต่สุดท้ายสิ่งที่เห็นเป็นแค่เรื่องหลอกตาจริงๆ ฉนคง..
จนกว่าจะแน่ใจว่าฉัน ‘เกิดใหม่’ จริงๆ ฉันก็พร้อมที่จะเปิดใจให้กับทุกคน...
เมื่อฉันเดินมาถึงห้องสมุด
ฉันก็บอกให้คนรับใช้หยิบหนังสือที่ต้องการมาให้โดยเมินสีหน้าสงสัยสุดขีดของพวกคนรับใช้
ก็ไม่แปลกหรอกนะ หนังสือที่ฉันต้องการส่วนใหญ่เป็นหนังสือที่เด็กวัยนี้ไม่ค่อยอ่านนะ เป็นเรื่องเกี่ยวกับอาณาจักรต่างๆบนทวีปนี้ พออ่านจบจะได้นึกสิ่งที่ค้างคาใจอยู่ออกสักที เมื่อฉันได้หนังสือที่ต้องการเป็นที่เรียบร้อย ฉันก็มองหาที่นั่งเพื่อนั่งอ่านทันที
ผ่านไปหลายชั่วโมง
ปึก
ความเงียบที่ครอบคลุมห้องสมุดแห่งนี้ก็ได้ถูกทำลายลงเมื่อฉันปิดหนังสือที่อ่านไว้ลง
ถึงจะอ่านจบแล้ว แต่มันก็ยังนึกอะไรไม่ออกอยู่ดี
มันเป็นแค่ความรู้สึกคุ้นๆ แต่มันก็นึกไม่ออก
ฉันขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดกับความจำของตัวเอง
แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ คุณหนูคะ
ได้เวลารับประทานอาหารแล้วค่ะ “
ฉันหันไปมองตามเสียงที่ดังออกมาจากทางประตูห้องสมุด
ก่อนจะพบเข้ากันสาวรับใช้ในบ้าน
ฉันจึงเงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนอยู่บนผนัง
ก่อนจะพบว่ามันใกล้เที่ยงแล้ว จึงลุกขึ้นและเดินตามสาวใช้คนนั้นไป
เมื่อมาถึงก็พบว่าท่านพ่อ ท่านแม่
และเครซิเมอร์รออยู่ก่อนแล้ว จึงพูดขอโทษตามมารยาท
“ ขอโทษที่มาช้านะคะ “
เมื่อพูดเสร็จก็ลอบมองสีหน้าของท่านพ่อและท่านแม่ พอเห็นว่าพวกท่านไม่ได้พูดอะไร จึงเดินเข้าไปนั่งข้างๆเครซิเมอร์และเหลือบมองเครซิเมอร์เล็กน้อย แต่ก็ต้องรีบหลบสายตากลับเมื่อเครซิเมอร์หันมามองเธอพอดี
ในระหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ
ท่านพ่อก็พูดขึ้นมาว่า
“
พรุ่งนี้ตอนเช้าพ่อกับแม่จะเข้าไปพบองค์ราชา ลูกก็ไปด้วยนะ เครซิเมอร์ ออร์ล่า “
ท่านพ่อพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ฉันขานตอบไปเบาๆถึงในใจจะแอบตื่นเต้นหน่อยๆก็ตาม กลับกันเครซิเมอร์กลับพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
“ ว้าว องค์ราชากับองค์ราชินีเหรอฮะ ท่านทั้งสองเป็นคนนิสัยยังไงเหรอ ข้าได้ยินมาว่าราชากับราชินีอยู่ที่พระราชวัง แล้วพระราชวังจะใหญ่มั้ยฮะ ฯลฯ “
เครซิเมอร์พูดพล่ามด้วยความตื่นเต้นไม่หยุด
ซึ่งมันทำให้ท่านพ่อและท่านแม่หัวเราะออกมาเล็กน้อย
“ พรุ่งนี้เช้า
ลูกก็จะรู้เอง “
ท่านแม่พูดออกมายิ้มๆ ให้เครซิเมอร์
ก่อนจะหันมองมาที่ฉัน
“ แล้วลูกละ ออร์ล่า
ไม่ตื่นเต้นบ้างเลยรึ “
ฉันที่กำลังเหม่อลอยอยู่ ก็ดึงสายตาไปสบกับท่านแม่ ก่อนจะยิ้มออกมาจางๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างเสแสร้ง
“ ตื่นเต้นมากเลยค่ะ ท่านแม่... “
ความคิดเห็น