บท นิทรรศการต้องสาป
ณ ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง
...............
"ขอขอบพระคุณท่านผู้มีเกียรติทุกท่านที่ให้ความ
สนใจนิทรรศการของเรา..."
ฉึก!!!
คมมีดมันวาวแทงทะลุอกซ้ายของชายพิธีกรก่อน
จะทันได้พูดจบประโยค ....... "ท่านสุภาพบุรุษ...สุภาพสตรี และเด็กไม่ดีทุกๆท่าน "
กรี๊ด!!!!!!!
เสียงกรีดร้องดังระงมเมื่อ ร่างไร้วิญญาณขอ
งอดีตพิธีกรถูกจับโยนลงมาจากชั้น2 ที่ซึ่งปรากฏร่างปริศนา...ชายผู้สวมชุดตัวตลกสีดำ
และไม่ว่าจะมีดในมือ หรือชุดที่เต็มไปด้วยคราบเลือด
ตัวตลกนายนี้หาได้สร้างความหรรษาไม่
บรรยากาศโดยรอบล้วนเต็มไปด้วยความมืดมิด
และน่าสะพรึงกลัว "หมดเวลาของนิทร
รศการอันน่าเบื่อแล้ว จากนี้ไปจะเป็นเ
วลาของนิทรรศการต้องสาป...เอาล่ะเหล่าคนบาป
ทั้งหลาย มาสิ มาเป็นส่วนหนึ่งของเรา!!!"สิ้นเ
สียงดั่งสัญญาณ ผู้คนมากมายต่างแย่งกันหนีอลหม่
านสร้างความวุ่นวายเป็นอย่างมาก
"น่าสมเพช...นี่สินะสัญชาตญาณ
...สันดานดิบของเหล่ามนุษย์" ปิเอโร่มองภาพเบ
ื้องหน้าอย่างพึงพอใจก่อนสายตาจะไปสะดุดเข้ากับ
ชายหนุ่มในคราบนักธุรกิจมาดเข้ม...ในขณะที่โดยร
อบวุ่นวายเขากลับยื่นนิ่งคล้ายโดนมนต์สะกด "เจ้า
ไม่กลัวหรืออย่างไร" ปิเอโร่แสยะยิ้มเมื่อเห็นภาพตรง
หน้า
"....." ชายหนุ่มไม่แม้จะเงยหน้าขึ้นตอบ
คำถามของปิเอโร่
สองขาก้าวเดินไปยังบันไดเลื่อน
พริบตาที่ก้าวขึ้นบันได ชายหนุ่มเสมือนห
ลุดออกมาสู่อีกมิติ ความวุ่นวายต่างๆ
ผู้คนมากมายต่างหายไปหมด
ยังไม่ทันได้ตั้งตัว...เสียงกรีดร้องอย่างทรมาน
เสียงก่นด่าอย่างเคืองแค้น คำสาปแช่งนานับป
ระการทุกสรรพเสียงต่างพุ่งเข้าเสียดแทงโสตประสา
ทของชายหนุ่ม
กลิ่นเน่าลอยคละคลุ้งไปทั่ว สถานการณ์ตอนนี้สร้าง
ความทรมานให้กับชายหนุ่มเป็นอย่างมาก
เมื่อรู้ตัวอีกทีชายหนุ่มก็พบว่าบันไดเลื่อนที่
ตัวเองเคยยืนบัดนี้กลายเป็นบันไดสีขาวขุ่นไปเสียแล้ว
...บันไดที่สร้างจากโครงกระดูกนับพันๆชิ้น...
ในตอนนี้คำว่าใช้ชีวิตผู้อื่นเป็นบันไดคงไม่ใช่
คำกล่าวเกินจริงเลยแม้แต่น้อย เมื่อมองไปด้านห
ลังมีเพียงบันไดที่ทอดยาวออกไป ไม่มีทางให้ชายห
นุ่มหวนกลับได้อีกแล้ว...
//เหยียบย่ำคนอื่น...ให้จม
ปีนป่ายบนซากศพทับถม...ใครเล่า
น่ารังเกียจเดียดฉันท์...เหลือคณา
ตะเกียกตะกายสู่ฟ้า...เห็นค่าเพียงตน//
ชายหนุ่มแทบล้มทั้งยืน สติเริ่มเลือนลางสมองเหมือน
จะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
"สิ่งใดเล่าจะเน่าเฟะเท่ามนุษย์...ดิ้นรนเพียงเ
พื่อตัวเอง เหยียบย่ำคนอื่นเพื่อให้ตนไปสู่จุดหมาย
ของจัดแสดงชิ้นแรก 'บันไดความแค้น'
เป็นอย่างไรบ้าง "
ปิเอโร่พูดพร้อมกับเอื้อมมือเข้าไปล้วงมีดสั้นที่อยู่
ในอกเสื้อ "ให้ช่วยไหม?" มีดสั้นถูกโยนมา
กองที่เท้าของชายหนุ่มอย่างแม่นยำ เขา
ไม่รอช้าคว้ามีดที่เท้าขึ้นมากรีดไปที่แขนของตัวเอง
เป็นรอยยาว เลือดสีแดงเข้มพวยพุ่งออกมาเป็นสาย
ความเจ็บปวดช่วยเรียกสติให้กับชายหนุ่ม
"เจ้าเคยสำนึกบาปของตนหรือไม่" ปิเอโร่เอ่ยถามก
่อนจะล้วงเอาไพ่ขึ้นมาหนึ่งสำรับเขาค่อยๆสับไพ่
อย่างบรรจงก่อนจะโยนมันขึ้นไปเหนือหัว
แต่สิ่งที่ตกลงมาหาใช่ไพ่สำรับนั้นไม่
หากแต่เป็นกลีบดอกกุหลาบสีดำจำน
วนมากมายที่ล่วงหล่นลงมา......
"โลกนี้มิเคยยุติธรรม แม้ความตายยังหาพร้อมกันไม่
...เมื่อมีผู้ชนะย่อมต้องมีผู้แพ้ แล้วจะผิดอันใดเล่าถ้า
ผู้เปี่ยมไปด้วยความสามารถเยี่ยงข้าจะขอเป็น
ผู้คว้าชัย? บาปเพียงเท่านี้มิได้ทำให้ข้าหว
ั่นเกรงแม้แต่น้อย" ชายหนุ่มตอบพร้อมฝืนข่มความเจ็บ
เอาไว้
เขากระชับมีดในมือก่อนจะพยุงตัวเดินขึ้นมาจนถึง
ชั้นสอง แต่ ณ ที่นั้น
ปิเอโร่ได้หายไปเสียแล้ว...
Second floor [2]
//ทะนงตนลอยเด่น...สูงค่า
ไร้ซึ่งเมตตา...เพื่อนพ้อง
ทำตัวหยิ่งจองหอง...เกินกว่า
เทียบตัวเองเคียงฟ้า...หารู้...เดนคน//
ชายหนุ่มออกเดินสำรวจไปทั่วชั้นแต่กลับไม่พบอะไร...
เขาจึงตัดสินใจที่จะเดินขึ้นไปยังชั้นถัดไป
"ชะ...ช่วย...ด้วย...."
เสียงของใครบางคนเรียกให้เค้าชะงักค้าง
ก่อนจะหันกลับมามองเบื้องหลัง...ภาพของเด็กสาวอ
ายุน้อยในชุดชุ่มเลือดปรากฏในสายตาห่างออกไป
เขามองแค่เพียงชั่วครู่ก็ละสายตาและเตรียมจะก้า
วเดินต่อ มิได้รู้สึกสงสารเด็กสาวแม้แต่น้อย
หมับ!!!
มือเล็กเรียวคว้าเข้าที่ลำคอของชายหนุ่มเล็บยาวจิก
เข้าไปในเนื้อจนเลือดไหลซึม ด้วยความตกใจชาย
หนุ่มพยายามแกะมือของเด็กสาวออก...
น่าแปลกที่ไม่ว่าจะออกแรงแค่ไหนก็มิอาจสู้แร
งของเด็กตัวเล็กๆได้เลย... เมื่อมองเข้าไปใ
นตาของเด็กน้อย
ชายหนุ่มถึงกับชะงักขอบตาของเธอดำคล้ำ
นัยน์ตากลวงโบ๋
ไร้ซึ่งแววของชีวิต เห็นดังนั้นชายหนุ่มจึงเลิกลังเ
ลเงื้อมีดในมือขึ้นสูงเตรียมปลิดชีวิตเด็กสาว
"หึหึหึ...ใครกันนะจำกัดความว่ามนุษย์เป็นสัตว์
เลี้ยงลูกด้วยนม ฉันคิดว่าเป็น'สัตว์เลือดเย็น'เสียอีก"
ร่างของชายในคราบตัวตลกปรากฏขึ้
นที่ด้านหลังใกล้เสียจนแทบหายใจรดต้นคอ
ชายหนุ่มคล้ายกับโดนสะกด ร่างกายขยับไม่ได้ มีด
ในมือแข็งค้าง
" ของจัดแสดงชิ้นที่สอง 'รูปสลักสังเวช'ถูกใจเจ้า
หรือไม่
มนุษย์อย่างเจ้าช่างน่ารังเกรียจ...แม้นเด็กตัวน้อยก็
ยังคิดฆ่าได้ลงคอกระนั้นหรือ? " ปิเอโร่ยิ้มค้างก่อน
จะกระโดดถอยหลังไปสองสามก้าวเมื่อมีดในมือช
ายหนุ่มตวัดผ่านจุดที่ปิเอโร่เคยยืน เด็กน้อยผู้น่าส
ังเวชถูกชายหนุ่มออกแรงโยนไปไกล "
ถ้าการรักชีวิตคือการเป็นบาป...ฉันจะขอแบกรับมัน
ไว้โดยไม่อ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้าแม้แต่น้อย"
ชายหนุ่มลดมีดในมือลงก่อนจะกลับมายืนนิ่งสงบ "
หรือนิทรรศการของนายมีเพียงเท่านี้?"
ปิเอโร่ไม่ตอบสนองต่อคำถาม
ร่างกายค่อยๆจางลงจนใกล้จะหายไป
"หึๆๆ...ขอให้สนุกกับของจัดแสดงชิ้นสุดท้าย..."
Last floor [end of end]
// อำนาจวาสนา...เคยดี
บุญบารมีสะสม...มากค่า
มาวันนี้ผันตาม...ห้วงเวลา
ถึงคราวสิ้นค่า...บรรลัย//
ชายหนุ่มพุ่งตัวหมายจะคว้าร่างของปิเอโร่
แต่ช้าไปเสียแล้ว เมื่อร่างทั้งร่างจางหายไปต่อหน
้าต่อตา สิ่งที่สองมือคว้าได้มีเพียงแค่อากาศ
ชายหนุ่มสบถคำหยาบอย่างหัวเสียก่อน
จะหันไปมองด้านหลัง สิ่งที่พบมีเพียงตุ๊กตาเด็กผู้ห
ญิงนอนกองอยู่ ดูเหมือนนี่จะเป็นสิ่งที่เจ้านั่นเรียกว่า '
รูปสลักสังเวช' สินะ ชายหนุ่มเลิกสนใจและเตรียมที่จะ
ขึ้นไปสู่ชั้นถัดไป ทันทีที่ขาก้าวขึ้นบันไดเขาต้อง
ประหลาดใจเมื่อพบว่ามันเป็นเพียงขั้นบันไดธรรมดา
...ไม่มีเสียงกรีดร้อง ไม่มีแรงกดดันใดๆ ทุกอย่างเรียบร้
อยเสียจนชายหนุ่มอดหวาดระแวงไม่ได้ หรือนี่จะ
เป็นตอนที่คลื่นลมสงบก่อนที่พายุใหญ่จะมากัน
ที่ชั้น3 บรรยากาศต่างจากชั้นที่แล้วมาอย่างเห็น
ได้ชัด
แรงกดดันอัดแน่นไปทั่วทั้งชั้น
ภาพตรงหน้าทำเอาชายหนุ่มอยากจะเ
บือนหน้าหนี หากจะมีคำใดที่ใช้อธิบายภาพที่เห็น
คำว่า 'บัลลังก์บนกองศพ' คงจะใช้ได้ดีทีเดียว
กองซากศพมากมายทับถมกองกันสูงเกือบ5เมตร
ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ รวมไปถึงคนชรา ไม่ว่าจะหญิงหรื
อชายต่างกองรวมกันอยู่อย่างน่าอนาจ
โดยมีบัลลังก์สีดำตั้งอยู่บนยอด กลิ่นเน่าลอยอบอ
วลชวนสะอิดสะเอียนเป็นที่สุด นี่มันเกินกว่าท
ี่สามัญสำนึกของคนธรรมดาจะรับไหว ชายหนุ่มถึง
กับทรุดตัวลงนั่งอาเจียนออกมา
"เป็นอะไรไปล่ะราชา...ผู้มากความสามารถเยี่ยงท่
านก็เหมาะสมกับบัลลังก์อยู่แล้วนี่ แต่เป็นบัลลังก์
บาปน่ะนะ หึๆๆๆ" ที่ฐานของกองซาก
ศพปิเอโร่สีดำกำลังระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ก่อนจะหยุดกะทันหันและออกคำสั่งกับชายหนุ่มด้วย
เสียงเย็นเยียบ "เชิญสิ....บัลลังก์ของท่านพร้อมแล้ว"
ชายหนุ่มสั่นสะท้าน ร่างกายคล้ายโดนสะกดเค้า
ไม่อาจขัดขืนตัวเองได้เลย สองขาก้าวเหยียบ
ไปบนซากศพก่อนจะนั่งลงบนบัลลังก์ เรียกว่านั่งก็คง
ไม่ถูกนัก คำว่าถูกตรึงจะเหมาะเสียกว่า ราวกับว่า
เขาถูกตรึงด้วยโซ่ที่มองไม่เห็น
และเป็นโซ่ที่มิอาจตัดได้....
โซ่ตรวนที่เรียกว่าบาป!!!
"มนุษย์เราน่ะมักหลงระเริงกับอำ
นาจมากมายจนลืมคิดไปว่าหากวันใดสูญสิ้นมันไป
...สิ่งที่ตามมานั่นแหละ คือจุดจบของผู้ทรงอำนาจ"
ปิเอโร่พูดพร้อมกับยิ้มกริ่ม ช่างเป็นยิ้มที่ดูชั่วร้ายราวกั
บมัจจุราชก็มิปาน ''เอาล่ะ...ขอประทานโทษที่ทำ
ให้เสียเวลา...ขอเชิญท่านพบกับโชว์
ชุดสุดท้ายก่อนจบนิทรรศการ..." กองซากศพเริ่มสั
่นไหว
เมื่อชายหนุ่มเหลือบตาลงมองจึงได้เห็น
ซากศพที่ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าไร้ซึ่งชีวิต บัดนี้มันกำลังเ
ริ่มเคลื่อนไหว "ขอเชิญพบกับ...โชว์คร่าบัลลังก์!!!''
ปิเอโร่ตะโกนพลางกระโดดถอยหลังไปเล็กน้อย
เป็นจังหวะเดียวกับที่บัลลังก์บนกองซากศพถล่มลงมา
ชายหนุ่มตกลงกลางวงล้อม
ถูกรุมด้วยฝูงศพที่มีชีวิต เขาพยายามที่จะดิ้นให้หลุด
จากวงล้อมที่แสนสะอิดสะเอียนนี้
แต่การดิ้นรนช่างไร้ประโยชน์ ตรงกันข้ามกลับทำ
ให้แผลบนร่างเพิ่มมากขึ้น เล็บคมๆปาดเข้าท
ี่ข้างแก้มของชายหนุ่ม
เลือดสีแดงสดที่กระเด็นเซ็นซ่านช่วยเพิ่มความบ้าคลั่ง
ให้แก่เหล่าซากศพที่กระหายชีวิตได่เป็นอย่างดี "
อำนาจที่เจ้าเคยมี...เคยรู้บ้างหรือไม่
ว่ามันแลกมาด้วยการคร่าชีวิตของผู้อื่นไปมากเท่
าไร สิ่งที่เจ้าทำมันก็ไม่ต่างจากฆาตกรเลือด..."
ปิเอโร่พูดไม่ทันจบประโยคก็ต้องเอี้ยวตัวหลบเมื
่อมีดสั้นพุ่งเข้ามาหาก่อนจะผ่านจุดที่ศรีษะปิเอโร่เคย
อยู่ "การใช้ชีวิตที่ไม่เบียดเบียนใครเลย...มันทำได้
ด้วยเหรอ?" ชายหนุ่มออกแรงถีบศพที่กำลังจะบีบคอ
เขาก่อนที่จะสะบัดหลุดออกจากวงล้อม
"ทุกครั้งที่ก้าวเดิน...ฉันไม่สนหรอกว่าจะเผลอทำ
ให้ใครต้องล้มลงบ้าง ถึงแม้นมันจะเป็นบาปที่มิอาจอภั
ยแต่ฉันก็จะขอแบกรับมันไว้และก้าวเดินต่อไปบนเส
้นทางของฉัน...'' ปิเอโร่ไม่ได้มีทีท่าว่าจะขัดจั
งหวะที่ชายหนุ่มพูดแต่อย่างใด
เขายกมือขึ้นดีดนิวหนึ่งครั้งเหล่าบรรดาซากศพก็
พากันล้มลงราวกับหุ่นเชิดที่ถูกตัดสาย
ชายหนุ่มย่างเท้าเข้าไปหาปิเอโร
่ช้าๆสายตาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวเสมือนลืมไป
ว่าสภาพร่างกายตัวเองใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มทีแล้ว "
โอ้! เจ้าช่างแน่วแน่...แต่กลับไร้ซึ่งปัญญา
คิดว่าสภาพแบบนั้นจะแตะตัวข้าได้กระนั้นหรือ"
ปิเอโร่ล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อเขาหยิบเอาผ้าคลุ
มออกมาผืนหนึ่งก่อนที่จะสบัดมันไปทางชายหนุ่ม
อาวุธมากมายปลิวมาตกแทบเท้าของเขา
ทั้งมีด ปืน หรือแม้กระทั่งระเบิด
"เลือกสิ...ถือซะว่าเป็นรางวัลของเจ้าก่อนไปเข้
าเฝ้ายมบาล"ปิเอโร่พูดพลางล้วงมือเข้าไป
ในผ้าคลุมของตนก่อนจะหยิบเอาช่อดอกกุหล
าบสีดำช่อใหญ่ออกมาอย่างน่าอัศจรรย์
แต่แล้วเขาต้องประหลาดใจเมื่อชายหนุ่มไม่แม้แต่
จะก้มลงมองอาวุธตรงหน้า...เขาง้างหมัดขึ้นสูงพล
างพุ่งตัวเข้าหาปิเอโร่
"โง่เง่า..." ปิเอโร่ออกแรงเล็กน้อยเพื่อเด็ดดอกกุหลาบ
ในมือก่อนจะซัดมันไปทางชายหนุ่ม
ก้านดอกกุหลาบพุ่งตรงเข้าปักต้นแขนข้างที่เงื้อ
ของชายหนุ่มได้อย่างแม่นยำ
ความแรงของมันทำเอาชายหนุ่มเซตามแรงไป
เล็กน้อยก่อนจะตั้งหลักได ้ชายหนุ่มออกแรงเหวี่ยงหมัด
เข้าหาใบหน้าของปิเอโร่โดยไม่สนใจบา
ดแผลบนร่าง...พริบตาที่หมัดกำลัง
จะกระทบใบหน้านั้น จู่ๆปิเอโร่ก็หายไปเสียเฉยๆก่อน
จะไปปรากฏที่ด้านหลังชายหนุ่ม ''เชื่องช้าเสีย
เหลือเกิน...''
ฉึก!!!
ดอกกุหลาบก้านเรียวปักเข้าที่ต้นคอโดยที่ชายหนุ่ม
ไม่ทันได้ตั้งตัว ลมหายใจขาดห้วงไปชั่วขณะ
เขาสำลักเลือดคำโตออกมา
"หึๆๆ...ราชาที่ทรนงตนเสียเหลือเกิน แท้จริงแล้วก็เป
็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่งที่มีเลือดเนื้อเจ็บได้และตาย
เป็นนี่เองสินะ''
ปิเอโร่ยิ้มมองดูอย่างพอใจ ''ขอบคุณที่เยี่
ยมชมนิทรรศการของเรา แต่มันได้จบลงแล้ว... หลับ
ให้สบาย''พูดจบปิเอโร่ก็ยกขาออกแรงถีบจนชาย
หนุ่มถอยหลังไป2ถึง3ก้าวก่อนจะซ
ัดดอกกุหลาบตามไปติดๆอีก3ดอก
ชายหนุ่มถูกทิ่มแทงจนเลือดอาบไปทั่วร่าง
ลมหายใจรวยรินแต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ยอมล้มลง "
ลาก่อน"
ปิเอโร่หันหลังเตรียมจะเดินจากไป
"ฉ..ฉัน..ยังไม่แพ้สักหน่อย!!!!"
ชายหนุ่มตะโกนอย่างกราดเกรี้ยวก่อนจะตั้งท่าเตร
ียมพุ่งเข้าหาปิเอโร่อีกครั้ง
"ฉันน่ะไม่สนใจคนที่ตายไปแล้วหรอกนะ"
ปิเอโร่ไม่แม้จะหันกลับมามอง สองมือของเขาค่อ
ยๆประคองช่อดอกกุหลมยที่เหลืออยู่ขึ้นมาสูดดมกล
ิ่นอายของความตายก่อนที่ดอกกุหลาบทั้งช่อ
จะแตกสลายเป็นละอองระยิบระยับพร้อมๆกั
บดอกกุหลาบบนร่างของชายหนุ่ม
เมื่อไม่มีสิ่งใดขวางกั้น โลหิตสีแดงสดต่างพา
กันพวยพุ่งออกจากบาดแผลทั่วร่างของชายหนุ่มร
าวกับน้ำพเลือดก็มิปาน ความเจ็บปวดถาโถม
เข้าหาชายหนุ่มมันเป็นความทรมานที่มิอาจหา
ใดเปรียบ สิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นก่อนจะขาดใจ
มันคือใบหน้าเย้ยหยันของปีศาจร้ายที่เหยียดหยาม
ทุกสิ่งตรงหน้า....นามนั้นคือ ตัวตลกสีดำ...ปิเอโร่....
.
.
.
แสงแดดอ่อนๆบ่งบอกว่ารัตติกาลได้ผ่านไปแล้ว
ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นท่ามกลางความหวาดผวาเหงื่อเม
็ดใหญ่ผุดขึ้นบนใบหน้า บ่งบอกว่าความฝั
นเมื่อคืนคงทำให้เขาหวาดผวามิใช่น้อย
"มันก็แค่ความฝัน" วินด์พูดปลอบใจตัวเองก่อนจะลุกข
ึ้นเพื่อแต่งตัวไปทำงาน
เขาคือวินด์ วายุ อนุชาสกุล
ดาวรุ่งพุ่งแรงคนใหม่ของวงการธุรกิจ
ด้วยความรีบร้อนวินด์จึงไม่ทันได้สังเกตุว่าท่า
มกลางกองเอกสารบนโต๊ะทำงานของเข
ามีการ์ดสีดำใบหนึ่งวางอยู่ข้างๆดอกกุหลาบสีดำ
ตัวหนังสือสีขาวบนการ์ดถูกเขียนอย่างพริ้วไหวเอา
ไว้ว่า
***ยินดีด้วยสาวกแห่งลูซิเฟอร์เอ๋ย
ท่านได้รับเชิญให้เข้าร่วมเกม....***ณ ห้างสรรพสินค้าชื่อดัง
...............
"ขอขอบพระคุณท่านผู้มีเกียรติทุกท่านที่ให้ความ
สนใจนิทรรศการของเรา..."
ฉึก!!!
คมมีดมันวาวแทงทะลุอกซ้ายของชายพิธีกรก่อน
จะทันได้พูดจบประโยค ....... "ท่านสุภาพบุรุษ...
สุภาพสตรี และเด็กไม่ดีทุกๆท่าน "
กรี๊ด!!!!!!!
เสียงกรีดร้องดังระงมเมื่อ ร่างไร้วิญญาณขอ
งอดีตพิธีกรถูกจับโยนลงมาจากชั้น2 ที่ซึ่งปรากฏร่า
งปริศนา...
ชายผู้สวมชุดตัวตลกสีดำ
และไม่ว่าจะมีดในมือ หรือชุดที่เต็มไปด้วยคราบเลือด
ตัวตลกนายนี้หาได้สร้างความหรรษาไม่
บรรยากาศโดยรอบล้วนเต็มไปด้วยความมืดมิด
และน่าสะพรึงกลัว "หมดเวลาของนิทร
รศการอันน่าเบื่อแล้ว จากนี้ไปจะเป็นเ
วลาของนิทรรศการต้องสาป...เอาล่ะเหล่าคนบาป
ทั้งหลาย มาสิ มาเป็นส่วนหนึ่งของเรา!!!"สิ้นเ
สียงดั่งสัญญาณ ผู้คนมากมายต่างแย่งกันหนีอลหม่
านสร้างความวุ่นวายเป็นอย่างมาก
"น่าสมเพช...นี่สินะสัญชาตญาณ
...สันดานดิบของเหล่ามนุษย์" ปิเอโร่มองภาพเบ
ื้องหน้าอย่างพึงพอใจก่อนสายตาจะไปสะดุดเข้ากับ
ชายหนุ่มในคราบนักธุรกิจมาดเข้ม...ในขณะที่โดยร
อบวุ่นวายเขากลับยื่นนิ่งคล้ายโดนมนต์สะกด "เจ้า
ไม่กลัวหรืออย่างไร" ปิเอโร่แสยะยิ้มเมื่อเห็นภาพตรง
หน้า
"....." ชายหนุ่มไม่แม้จะเงยหน้าขึ้นตอบ
คำถามของปิเอโร่
สองขาก้าวเดินไปยังบันไดเลื่อน
พริบตาที่ก้าวขึ้นบันได ชายหนุ่มเสมือนห
ลุดออกมาสู่อีกมิติ ความวุ่นวายต่างๆ
ผู้คนมากมายต่างหายไปหมด
ยังไม่ทันได้ตั้งตัว...เสียงกรีดร้องอย่างทรมาน
เสียงก่นด่าอย่างเคืองแค้น คำสาปแช่งนานับป
ระการทุกสรรพเสียงต่างพุ่งเข้าเสียดแทงโสตประสา
ทของชายหนุ่ม
กลิ่นเน่าลอยคละคลุ้งไปทั่ว สถานการณ์ตอนนี้สร้าง
ความทรมานให้กับชายหนุ่มเป็นอย่างมาก
เมื่อรู้ตัวอีกทีชายหนุ่มก็พบว่าบันไดเลื่อนที่
ตัวเองเคยยืนบัดนี้กลายเป็นบันไดสีขาวขุ่นไปเสียแล้ว
...บันไดที่สร้างจากโครงกระดูกนับพันๆชิ้น...
ในตอนนี้คำว่าใช้ชีวิตผู้อื่นเป็นบันไดคงไม่ใช่
คำกล่าวเกินจริงเลยแม้แต่น้อย เมื่อมองไปด้านห
ลังมีเพียงบันไดที่ทอดยาวออกไป ไม่มีทางให้ชายห
นุ่มหวนกลับได้อีกแล้ว...
//เหยียบย่ำคนอื่น...ให้จม
ปีนป่ายบนซากศพทับถม...ใครเล่า
น่ารังเกียจเดียดฉันท์...เหลือคณา
ตะเกียกตะกายสู่ฟ้า...เห็นค่าเพียงตน//
ชายหนุ่มแทบล้มทั้งยืน สติเริ่มเลือนลางสมองเหมือน
จะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
"สิ่งใดเล่าจะเน่าเฟะเท่ามนุษย์...ดิ้นรนเพียงเ
พื่อตัวเอง เหยียบย่ำคนอื่นเพื่อให้ตนไปสู่จุดหมาย
ของจัดแสดงชิ้นแรก 'บันไดความแค้น'
เป็นอย่างไรบ้าง "
ปิเอโร่พูดพร้อมกับเอื้อมมือเข้าไปล้วงมีดสั้นที่อยู่
ในอกเสื้อ "ให้ช่วยไหม?" มีดสั้นถูกโยนมา
กองที่เท้าของชายหนุ่มอย่างแม่นยำ เขา
ไม่รอช้าคว้ามีดที่เท้าขึ้นมากรีดไปที่แขนของตัวเอง
เป็นรอยยาว เลือดสีแดงเข้มพวยพุ่งออกมาเป็นสาย
ความเจ็บปวดช่วยเรียกสติให้กับชายหนุ่ม
"เจ้าเคยสำนึกบาปของตนหรือไม่" ปิเอโร่เอ่ยถามก
่อนจะล้วงเอาไพ่ขึ้นมาหนึ่งสำรับเขาค่อยๆสับไพ่
อย่างบรรจงก่อนจะโยนมันขึ้นไปเหนือหัว
แต่สิ่งที่ตกลงมาหาใช่ไพ่สำรับนั้นไม่
หากแต่เป็นกลีบดอกกุหลาบสีดำจำน
วนมากมายที่ล่วงหล่นลงมา......
"โลกนี้มิเคยยุติธรรม แม้ความตายยังหาพร้อมกันไม่
...เมื่อมีผู้ชนะย่อมต้องมีผู้แพ้ แล้วจะผิดอันใดเล่าถ้า
ผู้เปี่ยมไปด้วยความสามารถเยี่ยงข้าจะขอเป็น
ผู้คว้าชัย? บาปเพียงเท่านี้มิได้ทำให้ข้าหว
ั่นเกรงแม้แต่น้อย" ชายหนุ่มตอบพร้อมฝืนข่มความเจ็บ
เอาไว้
เขากระชับมีดในมือก่อนจะพยุงตัวเดินขึ้นมาจนถึง
ชั้นสอง แต่ ณ ที่นั้น
ปิเอโร่ได้หายไปเสียแล้ว...
Second floor [2]
//ทะนงตนลอยเด่น...สูงค่า
ไร้ซึ่งเมตตา...เพื่อนพ้อง
ทำตัวหยิ่งจองหอง...เกินกว่า
เทียบตัวเองเคียงฟ้า...หารู้...เดนคน//
ชายหนุ่มออกเดินสำรวจไปทั่วชั้นแต่กลับไม่พบอะไร...
เขาจึงตัดสินใจที่จะเดินขึ้นไปยังชั้นถัดไป
"ชะ...ช่วย...ด้วย...."
เสียงของใครบางคนเรียกให้เค้าชะงักค้าง
ก่อนจะหันกลับมามองเบื้องหลัง...ภาพของเด็กสาวอ
ายุน้อยในชุดชุ่มเลือดปรากฏในสายตาห่างออกไป
เขามองแค่เพียงชั่วครู่ก็ละสายตาและเตรียมจะก้า
วเดินต่อ มิได้รู้สึกสงสารเด็กสาวแม้แต่น้อย
หมับ!!!
มือเล็กเรียวคว้าเข้าที่ลำคอของชายหนุ่มเล็บยาวจิก
เข้าไปในเนื้อจนเลือดไหลซึม ด้วยความตกใจชาย
หนุ่มพยายามแกะมือของเด็กสาวออก...
น่าแปลกที่ไม่ว่าจะออกแรงแค่ไหนก็มิอาจสู้แร
งของเด็กตัวเล็กๆได้เลย... เมื่อมองเข้าไปใ
นตาของเด็กน้อย
ชายหนุ่มถึงกับชะงักขอบตาของเธอดำคล้ำ
นัยน์ตากลวงโบ๋
ไร้ซึ่งแววของชีวิต เห็นดังนั้นชายหนุ่มจึงเลิกลังเ
ลเงื้อมีดในมือขึ้นสูงเตรียมปลิดชีวิตเด็กสาว
"หึหึหึ...ใครกันนะจำกัดความว่ามนุษย์เป็นสัตว์
เลี้ยงลูกด้วยนม ฉันคิดว่าเป็น'สัตว์เลือดเย็น'เสียอีก"
ร่างของชายในคราบตัวตลกปรากฏขึ้
นที่ด้านหลังใกล้เสียจนแทบหายใจรดต้นคอ
ชายหนุ่มคล้ายกับโดนสะกด ร่างกายขยับไม่ได้ มีด
ในมือแข็งค้าง
" ของจัดแสดงชิ้นที่สอง 'รูปสลักสังเวช'ถูกใจเจ้า
หรือไม่
มนุษย์อย่างเจ้าช่างน่ารังเกรียจ...แม้นเด็กตัวน้อยก็
ยังคิดฆ่าได้ลงคอกระนั้นหรือ? " ปิเอโร่ยิ้มค้างก่อน
จะกระโดดถอยหลังไปสองสามก้าวเมื่อมีดในมือช
ายหนุ่มตวัดผ่านจุดที่ปิเอโร่เคยยืน เด็กน้อยผู้น่าส
ังเวชถูกชายหนุ่มออกแรงโยนไปไกล "
ถ้าการรักชีวิตคือการเป็นบาป...ฉันจะขอแบกรับมัน
ไว้โดยไม่อ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้าแม้แต่น้อย"
ชายหนุ่มลดมีดในมือลงก่อนจะกลับมายืนนิ่งสงบ "
หรือนิทรรศการของนายมีเพียงเท่านี้?"
ปิเอโร่ไม่ตอบสนองต่อคำถาม
ร่างกายค่อยๆจางลงจนใกล้จะหายไป
"หึๆๆ...ขอให้สนุกกับของจัดแสดงชิ้นสุดท้าย..."
Last floor [end of end]
// อำนาจวาสนา...เคยดี
บุญบารมีสะสม...มากค่า
มาวันนี้ผันตาม...ห้วงเวลา
ถึงคราวสิ้นค่า...บรรลัย//
ชายหนุ่มพุ่งตัวหมายจะคว้าร่างของปิเอโร่
แต่ช้าไปเสียแล้ว เมื่อร่างทั้งร่างจางหายไปต่อหน
้าต่อตา สิ่งที่สองมือคว้าได้มีเพียงแค่อากาศ
ชายหนุ่มสบถคำหยาบอย่างหัวเสียก่อน
จะหันไปมองด้านหลัง สิ่งที่พบมีเพียงตุ๊กตาเด็กผู้ห
ญิงนอนกองอยู่ ดูเหมือนนี่จะเป็นสิ่งที่เจ้านั่นเรียกว่า '
รูปสลักสังเวช' สินะ ชายหนุ่มเลิกสนใจและเตรียมที่จะ
ขึ้นไปสู่ชั้นถัดไป ทันทีที่ขาก้าวขึ้นบันไดเขาต้อง
ประหลาดใจเมื่อพบว่ามันเป็นเพียงขั้นบันไดธรรมดา
...ไม่มีเสียงกรีดร้อง ไม่มีแรงกดดันใดๆ ทุกอย่างเรียบร้
อยเสียจนชายหนุ่มอดหวาดระแวงไม่ได้ หรือนี่จะ
เป็นตอนที่คลื่นลมสงบก่อนที่พายุใหญ่จะมากัน
ที่ชั้น3 บรรยากาศต่างจากชั้นที่แล้วมาอย่างเห็น
ได้ชัด
แรงกดดันอัดแน่นไปทั่วทั้งชั้น
ภาพตรงหน้าทำเอาชายหนุ่มอยากจะเ
บือนหน้าหนี หากจะมีคำใดที่ใช้อธิบายภาพที่เห็น
คำว่า 'บัลลังก์บนกองศพ' คงจะใช้ได้ดีทีเดียว
กองซากศพมากมายทับถมกองกันสูงเกือบ5เมตร
ทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ รวมไปถึงคนชรา ไม่ว่าจะหญิงหรื
อชายต่างกองรวมกันอยู่อย่างน่าอนาจ
โดยมีบัลลังก์สีดำตั้งอยู่บนยอด กลิ่นเน่าลอยอบอ
วลชวนสะอิดสะเอียนเป็นที่สุด นี่มันเกินกว่าท
ี่สามัญสำนึกของคนธรรมดาจะรับไหว ชายหนุ่มถึง
กับทรุดตัวลงนั่งอาเจียนออกมา
"เป็นอะไรไปล่ะราชา...ผู้มากความสามารถเยี่ยงท่
านก็เหมาะสมกับบัลลังก์อยู่แล้วนี่ แต่เป็นบัลลังก์
บาปน่ะนะ หึๆๆๆ" ที่ฐานของกองซาก
ศพปิเอโร่สีดำกำลังระเบิดเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
ก่อนจะหยุดกะทันหันและออกคำสั่งกับชายหนุ่มด้วย
เสียงเย็นเยียบ "เชิญสิ....บัลลังก์ของท่านพร้อมแล้ว"
ชายหนุ่มสั่นสะท้าน ร่างกายคล้ายโดนสะกดเค้า
ไม่อาจขัดขืนตัวเองได้เลย สองขาก้าวเหยียบ
ไปบนซากศพก่อนจะนั่งลงบนบัลลังก์ เรียกว่านั่งก็คง
ไม่ถูกนัก คำว่าถูกตรึงจะเหมาะเสียกว่า ราวกับว่า
เขาถูกตรึงด้วยโซ่ที่มองไม่เห็น
และเป็นโซ่ที่มิอาจตัดได้....
โซ่ตรวนที่เรียกว่าบาป!!!
"มนุษย์เราน่ะมักหลงระเริงกับอำ
นาจมากมายจนลืมคิดไปว่าหากวันใดสูญสิ้นมันไป
...สิ่งที่ตามมานั่นแหละ คือจุดจบของผู้ทรงอำนาจ"
ปิเอโร่พูดพร้อมกับยิ้มกริ่ม ช่างเป็นยิ้มที่ดูชั่วร้ายราวกั
บมัจจุราชก็มิปาน ''เอาล่ะ...ขอประทานโทษที่ทำ
ให้เสียเวลา...ขอเชิญท่านพบกับโชว์
ชุดสุดท้ายก่อนจบนิทรรศการ..." กองซากศพเริ่มสั
่นไหว
เมื่อชายหนุ่มเหลือบตาลงมองจึงได้เห็น
ซากศพที่ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าไร้ซึ่งชีวิต บัดนี้มันกำลังเ
ริ่มเคลื่อนไหว "ขอเชิญพบกับ...โชว์คร่าบัลลังก์!!!''
ปิเอโร่ตะโกนพลางกระโดดถอยหลังไปเล็กน้อย
เป็นจังหวะเดียวกับที่บัลลังก์บนกองซากศพถล่มลงมา
ชายหนุ่มตกลงกลางวงล้อม
ถูกรุมด้วยฝูงศพที่มีชีวิต เขาพยายามที่จะดิ้นให้หลุด
จากวงล้อมที่แสนสะอิดสะเอียนนี้
แต่การดิ้นรนช่างไร้ประโยชน์ ตรงกันข้ามกลับทำ
ให้แผลบนร่างเพิ่มมากขึ้น เล็บคมๆปาดเข้าท
ี่ข้างแก้มของชายหนุ่ม
เลือดสีแดงสดที่กระเด็นเซ็นซ่านช่วยเพิ่มความบ้าคลั่ง
ให้แก่เหล่าซากศพที่กระหายชีวิตได่เป็นอย่างดี "
อำนาจที่เจ้าเคยมี...เคยรู้บ้างหรือไม่
ว่ามันแลกมาด้วยการคร่าชีวิตของผู้อื่นไปมากเท่
าไร สิ่งที่เจ้าทำมันก็ไม่ต่างจากฆาตกรเลือด..."
ปิเอโร่พูดไม่ทันจบประโยคก็ต้องเอี้ยวตัวหลบเมื
่อมีดสั้นพุ่งเข้ามาหาก่อนจะผ่านจุดที่ศรีษะปิเอโร่เคย
อยู่ "การใช้ชีวิตที่ไม่เบียดเบียนใครเลย...มันทำได้
ด้วยเหรอ?" ชายหนุ่มออกแรงถีบศพที่กำลังจะบีบคอ
เขาก่อนที่จะสะบัดหลุดออกจากวงล้อม
"ทุกครั้งที่ก้าวเดิน...ฉันไม่สนหรอกว่าจะเผลอทำ
ให้ใครต้องล้มลงบ้าง ถึงแม้นมันจะเป็นบาปที่มิอาจอภั
ยแต่ฉันก็จะขอแบกรับมันไว้และก้าวเดินต่อไปบนเส
้นทางของฉัน...'' ปิเอโร่ไม่ได้มีทีท่าว่าจะขัดจั
งหวะที่ชายหนุ่มพูดแต่อย่างใด
เขายกมือขึ้นดีดนิวหนึ่งครั้งเหล่าบรรดาซากศพก็
พากันล้มลงราวกับหุ่นเชิดที่ถูกตัดสาย
ชายหนุ่มย่างเท้าเข้าไปหาปิเอโร
่ช้าๆสายตาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวเสมือนลืมไป
ว่าสภาพร่างกายตัวเองใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มทีแล้ว "
โอ้! เจ้าช่างแน่วแน่...แต่กลับไร้ซึ่งปัญญา
คิดว่าสภาพแบบนั้นจะแตะตัวข้าได้กระนั้นหรือ"
ปิเอโร่ล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อเขาหยิบเอาผ้าคลุ
มออกมาผืนหนึ่งก่อนที่จะสบัดมันไปทางชายหนุ่ม
อาวุธมากมายปลิวมาตกแทบเท้าของเขา
ทั้งมีด ปืน หรือแม้กระทั่งระเบิด
"เลือกสิ...ถือซะว่าเป็นรางวัลของเจ้าก่อนไปเข้
าเฝ้ายมบาล"ปิเอโร่พูดพลางล้วงมือเข้าไป
ในผ้าคลุมของตนก่อนจะหยิบเอาช่อดอกกุหล
าบสีดำช่อใหญ่ออกมาอย่างน่าอัศจรรย์
แต่แล้วเขาต้องประหลาดใจเมื่อชายหนุ่มไม่แม้แต่
จะก้มลงมองอาวุธตรงหน้า...เขาง้างหมัดขึ้นสูงพล
างพุ่งตัวเข้าหาปิเอโร่
"โง่เง่า..." ปิเอโร่ออกแรงเล็กน้อยเพื่อเด็ดดอกกุหลาบ
ในมือก่อนจะซัดมันไปทางชายหนุ่ม
ก้านดอกกุหลาบพุ่งตรงเข้าปักต้นแขนข้างที่เงื้อ
ของชายหนุ่มได้อย่างแม่นยำ
ความแรงของมันทำเอาชายหนุ่มเซตามแรงไป
เล็กน้อยก่อนจะตั้งหลักได ้ชายหนุ่มออกแรงเหวี่ยงหมัด
เข้าหาใบหน้าของปิเอโร่โดยไม่สนใจบา
ดแผลบนร่าง...พริบตาที่หมัดกำลัง
จะกระทบใบหน้านั้น จู่ๆปิเอโร่ก็หายไปเสียเฉยๆก่อน
จะไปปรากฏที่ด้านหลังชายหนุ่ม ''เชื่องช้าเสีย
เหลือเกิน...''
ฉึก!!!
ดอกกุหลาบก้านเรียวปักเข้าที่ต้นคอโดยที่ชายหนุ่ม
ไม่ทันได้ตั้งตัว ลมหายใจขาดห้วงไปชั่วขณะ
เขาสำลักเลือดคำโตออกมา
"หึๆๆ...ราชาที่ทรนงตนเสียเหลือเกิน แท้จริงแล้วก็เป
็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่งที่มีเลือดเนื้อเจ็บได้และตาย
เป็นนี่เองสินะ''
ปิเอโร่ยิ้มมองดูอย่างพอใจ ''ขอบคุณที่เยี่
ยมชมนิทรรศการของเรา แต่มันได้จบลงแล้ว... หลับ
ให้สบาย''พูดจบปิเอโร่ก็ยกขาออกแรงถีบจนชาย
หนุ่มถอยหลังไป2ถึง3ก้าวก่อนจะซ
ัดดอกกุหลาบตามไปติดๆอีก3ดอก
ชายหนุ่มถูกทิ่มแทงจนเลือดอาบไปทั่วร่าง
ลมหายใจรวยรินแต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ยอมล้มลง "
ลาก่อน"
ปิเอโร่หันหลังเตรียมจะเดินจากไป
"ฉ..ฉัน..ยังไม่แพ้สักหน่อย!!!!"
ชายหนุ่มตะโกนอย่างกราดเกรี้ยวก่อนจะตั้งท่าเตร
ียมพุ่งเข้าหาปิเอโร่อีกครั้ง
"ฉันน่ะไม่สนใจคนที่ตายไปแล้วหรอกนะ"
ปิเอโร่ไม่แม้จะหันกลับมามอง สองมือของเขาค่อ
ยๆประคองช่อดอกกุหลมยที่เหลืออยู่ขึ้นมาสูดดมกล
ิ่นอายของความตายก่อนที่ดอกกุหลาบทั้งช่อ
จะแตกสลายเป็นละอองระยิบระยับพร้อมๆกั
บดอกกุหลาบบนร่างของชายหนุ่ม
เมื่อไม่มีสิ่งใดขวางกั้น โลหิตสีแดงสดต่างพา
กันพวยพุ่งออกจากบาดแผลทั่วร่างของชายหนุ่มร
าวกับน้ำพเลือดก็มิปาน ความเจ็บปวดถาโถม
เข้าหาชายหนุ่มมันเป็นความทรมานที่มิอาจหา
ใดเปรียบ สิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นก่อนจะขาดใจ
มันคือใบหน้าเย้ยหยันของปีศาจร้ายที่เหยียดหยาม
ทุกสิ่งตรงหน้า....นามนั้นคือ ตัวตลกสีดำ...ปิเอโร่....
.
.
.
แสงแดดอ่อนๆบ่งบอกว่ารัตติกาลได้ผ่านไปแล้ว
ชายหนุ่มสะดุ้งตื่นท่ามกลางความหวาดผวาเหงื่อเม
็ดใหญ่ผุดขึ้นบนใบหน้า บ่งบอกว่าความฝั
นเมื่อคืนคงทำให้เขาหวาดผวามิใช่น้อย
"มันก็แค่ความฝัน" วินด์พูดปลอบใจตัวเองก่อนจะลุกข
ึ้นเพื่อแต่งตัวไปทำงาน
เขาคือวินด์ วายุ อนุชาสกุล
ดาวรุ่งพุ่งแรงคนใหม่ของวงการธุรกิจ
ด้วยความรีบร้อนวินด์จึงไม่ทันได้สังเกตุว่าท่า
มกลางกองเอกสารบนโต๊ะทำงานของเข
ามีการ์ดสีดำใบหนึ่งวางอยู่ข้างๆดอกกุหลาบสีดำ
ตัวหนังสือสีขาวบนการ์ดถูกเขียนอย่างพริ้วไหวเอา
ไว้ว่า
***ยินดีด้วยสาวกแห่งลูซิเฟอร์เอ๋ย
ท่านได้รับเชิญให้เข้าร่วมเกม....***
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น