ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO's fiction] the illusion of MASK ,, { krislay }

    ลำดับตอนที่ #13 : ▌MASK : chapter 12

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ย. 56


    the illusion of

    MASK

    Chapter 12

     

     

    ร่างบอบบางนั่งอยู่ดาดฟ้าของเรืออย่างสงบ ลมเอื่อยๆ พัดผ่านผิวกายขาวอยู่ตลอดนั้นทำให้อากาศไม่ร้อนเท่าที่ควร นัยน์ตาหวานเหม่อมองไปยังผืนน้ำที่ไม่เคยสงบ ปล่อยความคิดให้ไหลไปเรื่อยๆ เหมือนคลื่นในทะเล..

     

     

    .

    .

     

     

    “เราจะไปจีนกัน”

     

     

    สิ้นประโยคนั้นแล้วอู๋อี้ฟานก็ใช้อำนาจเท่าที่มีเพื่อจะเดินทางให้เร็วที่สุด แต่พวกเขาจะไปทางเครื่องบินไม่ได้ มันอันตรายเกินไปที่จะกลับไปอย่างเอิกเกริก ที่สุดแล้วเรือสำราญจึงเป็นทางเลือกที่สะดวกสบายที่สุดรองลงมาจากเครื่องบิน แม้จะกินเวลานานกว่ากันมากหน่อยก็ตามที

     

    ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงดีนับจากที่ตกลงเรื่องการเดินทาง พวกเขาทั้งหมดก็มาพร้อมอยู่ที่ท่าเรือ คนอื่นๆ ขึ้นไปตรวจตราความเรียบร้อยและจัดการเรื่องต่างๆ เพราะปัญหาที่พวกเขามาแทรกแซงระบบที่นี่ ทำให้คนที่ควรจะต้องได้ขึ้นเรือรอบนี้ต้องมีปัญหา ..เหลือแค่คริสกับอี้ชิงเท่านั้นบนรถที่ยังติดเครื่องอยู่

     

     

    “อี้ชิง” คริสสูดลมหายใจลึกก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับคนตัวเล็ก มือใหญ่เอื้อมไปจับมือนิ่มเอาไว้ ออกแรงนิดเหนื่อยเพื่อยื้อไม่ให้มือคู่เล็กนั้นถูกดึงกลับไป

     

    “ไม่ว่านายจะเชื่อที่พี่พูดไปหรือไม่ พี่ก็ยังอยากจะขอร้อง” มือใหญ่ข้างหนึ่งละจากมือนุ่มนิ่มขึ้นปัดผมที่ปรกใบหน้าน่ารักออกอย่างแผ่วเบา “พี่ไม่รู้ว่าหลังจากที่ถึงจีนแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ว่าพี่จะยกเลิกการหมั้นได้หรือพี่ต้องชดใช้มันด้วยชีวิต..”

     

    “เพราะงั้นแล้วตลอดการเดินเรือสามวันนี้ ..ขอมีแค่พี่กับอี้ชิงได้มั้ย” อี้ชิงปฏิเสธไม่ได้ว่าสัมผัสของมืออุ่นที่แนบอยู่ข้างแก้มนั้นแสนนุ่มนวล ทว่าสุ้มเสียงทุ้มนั้นกลับนุ่มเสียยิ่งกว่า..

     

    “ไม่มีอู๋อี้ฟาน ไม่มีซงเฉียน ไม่มีการหมั้น ไม่มีแก๊งค์ชิงหลงบ้าบออะไรนี่..”

     

    “...”

     

    “มีแค่พี่คริสของอี้ชิง”

     

     

    “ได้มั้ยครับ”

     

     

    .

    .

     

     

     

    อี้ชิงแค่พยักหน้ารับ พี่คริสก็ยิ้มกว้างแล้วดึงร่างบางเข้าไปกอดไว้แน่นๆ อยู่นาน ก่อนจะจับจูงมายังเรือสำราญลำใหญ่ และระหว่างที่พี่คริสไปหาเครื่องดื่ม เขาก็เดินขึ้นมาบนดาดฟ้าเรือนี้

     

    ..เขาไม่มีเหตุผลที่จะเชื่อฟังคริส แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องคัดค้านเช่นกัน..อย่างน้อยการไปจีนก็หมายถึงบ้าน อย่างน้อยเขาก็จะได้กลับบ้านไปหาป๊ากับม้า เขาจะใช้เวลาสามวันนี้คิด ว่าจะเอาเรื่องทั้งหมดไปปรึกษาป๊ากับม้ายังไง..

     

    “คิดอะไรอยู่ครับ” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมกับความอบอุ่นที่โถมเข้ามาจากข้างหลัง คริสโอบรอบเอาบางไว้หลวมๆ ก่อนจะโน้มใบหน้าหล่อเหลาวางเกยอยู่บนลาดไหล่เล็กน่าถนอม

     

    “เรื่อยเปื่อยครับ”

     

    “พี่เอาพั้นช์มาให้แหน่ะ”

     

    “ขอบคุณครับ” อี้ชิ้งยิ้มให้บางๆ พร้อมทั้งขืนตัวออกจากกอดเบาๆ นั้นเพื่อเดินไปหยิบน้ำที่วางอยู่ไม่ไกลมาให้

     

    “ทำไมมายืนตากแดดบนนี้ล่ะ เดี๋ยวก็เป็นไข้หรอก” ร่างสูงถามก่อนจะยกมือใหญ่ๆ ขึ้นบังแสงอาทิตย์ให้คนตัวเล็กในกว่าตอนที่ช้อนใบหน้าน่ารักขึ้นมาถามด้วยกลัวว่าแสงจะแยงตาอีกฝ่ายเข้า

     

    “มันเงียบดีน่ะครับ”

     

    “ในห้องก็เงียบเหมือนกันแหละ เอาไว้เย็นๆ ค่อยขึ้นมาดีกว่านะ”

     

    “แต่ว่ามันอากาศดีนี่ครับ”

     

    “หน่า อี้ชิงอย่าดื้อเลยนะครับพี่เป็นห่วง”

     

    “...ก็ได้ครับ” อี้ชิงยอมพยักหน้าพร้อมทั้งเอื้อมมือไปจับกับมือใหญ่ที่รออยู่แล้วเดินลงไปยังห้องอาหารที่เย็นฉ่ำของเรือลำหรูเพื่อผ่านไปยังห้องพักของตัวเอง

     

     

    “พี่คริสใครจัดกระเป๋าให้ผมเหรอครับ ไม่มีเสื้อกล้ามเลย” อี้ชิงร้องถามหลังจากที่เขาคิดอยากสวมใส่เสื้อผ้าที่สบายกว่าที่เป็นอยู่เสียหน่อย แต่มาค้นกระเป๋าที่ไม่ได้เป็นคนจัดเองแล้วก็ไม่มีไอ้ที่อยากจะใส่

     

    “ก็พี่ไม่อยากให้ใส่เลยไม่ได้หยิบมา” คริสบอก แม้ว่าเสื้อผ้าของอี้ชิงจะมีเสื้อกล้ามหลายๆ ตัวอยู่ในตู้ แต่เขาก็ไม่ได้ชายตามองเลยแม้แต่น้อย

     

    “พี่เป็นคนจัดของเหรอ?” อี้ชิงถามย้ำ เพราะว่าก่อนหน้านี้เขาดื้อไม่ยอมมา ก็ได้ยินว่าพี่คริสสั่งให้แบคฮยอนช่วยจัดกระเป๋าให้ อี้ชิงก็คิดว่าคงจะเป็นแบคฮยอนเช่นกันที่จัดของพวกนี้มา

     

    “ครับ ทำไมเหรอ?”

     

    “ป..เปล่าครับ” เป็นเมื่อก่อนอี้ชิงก็คงแค่เขิน เพราะความอ่อนโยนและเอาใจใส่ของคริสน่ะเขารู้จักมันดี แต่พอมีความจริงที่ว่าคริสเป็นถึงหัวหน้าของแก๊งมาเฟียที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งของเกาหลีแล้ว.. การที่อีกฝ่ายมาจัดข้าวของเครื่องใช้พวกนี้ก็ดูไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเลย

     

    “ไหนดูซิ ที่นี่มีอะไรให้ทำบ้างนะ” คริสหยิบนิตยสารเล่มเล็กๆ ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับส่วนต่างๆ และกิจกรรมบนเรือขึ้นมาเปิดดู อู๋อี้ฟานนั่งเหยียดยาวอยู่บนพื้นโดยพิงหลังอยู่กับเตียงที่อี้ชิงนั่งอยู่

     

    “อี้ชิงอยากทำอะไรรึเปล่า”

     

    “อือ..” คนตัวขาวขยับเข้ามาใกล้แล้วทอดตัวนอนลงบนเตียงหลังกว้าง วางใบหน้าน่ารักลงบนไหล่เพื่อดูรายการต่างๆ บนนิตยสารในมือใหญ่

     

    คริสหันไปหาคนน่ารักที่ครางอืออยู่ในลำคอเพราะกำลังใช้ความคิด ..แน่ล่ะว่ามันไม่ใช่ความบังเอิญ คริสกะเอาไว้อย่างถี่ถ้วนแล้วว่าจะหันไปขโมยหอมกับแก้มนุ่มๆ นั่น และก็ไม่ผิดไปจากที่หวัง..

     

    “พ..พี่คริส”

     

    “หอมจัง” ยกยิ้มให้ความสำเร็จเล็กๆ ของตัวเองแล้วก็ตีมึนชวนคนตัวเล็กดูอะไรๆ ในนิตยสารต่อ

     

     

     

    ..

    ..

     

     

    “งั้นลงไปดูชุดกันดีกว่า” คริสสรุปความเมื่อตัดสินใจได้ว่าคืนนี้พวกเขาจะไปร่วมงานเต้นรำที่จัดขึ้นที่ห้องโถงใหญ่ และแน่นอนว่าเรือสำราญขนาดมหึมานี้ย่อมมีทุกอย่างให้เลือกซื้อแม้จะอยู่ในราคาที่สูงลิ่วก็ตาม

     

     

    “ทำไมผมต้องใส่สีขาวด้วยล่ะครับ” อี้ชิงเอียงคอถามขณะที่คริสหยิบสูทตัวเล็กกว่าตัวเองหลายไซส์มาทาบลงบนคนน่ารักของเขา

     

    “เพราะพี่ใส่สีดำไง”

     

    “แล้วมัน..”

     

    “ถ้าใส่สีดำเหมือนกันเดี๋ยวเขาไม่รู้ว่าเรามาด้วยกัน” เหตุผลของคริสดูจะไม่ใช่เหตุผลเท่าไหร่ แต่อี้ชิงก็ไม่ได้นึกจะเถียงอะไร เขาอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อหันไปเจอกับจงอินและแบคฮยอนที่ตีกันเพราะอยากได้สูทตัวเดียวกันอยู่ตรงนั้น

     

    “ถ้าฉันไปบอกพี่อี้ฟานนายตายแน่จงอิน!

     

    “โตป่านนี้แล้วจะฟ้องอีก?” ได้ยินแบบนั้นแบคฮยอนก็ได้แต่หัวเสียกว่าเดิม คริสที่มองตามสายตาคนน่ารักไปเจอกับภาพนั้นเข้าก็หัวเราะออกมาด้วย

     

    “แบคฮยอน ใส่ตัวนี้ดีกว่า มานี่มา” คริสเรียกเสียงนุ่ม เพียงเท่านั้นเจ้าของชื่อก็วิ่งมาหาแล้วรับเอาสูทสีดำมากอดไว้ แต่ก็ไม่วายจะหันไปแลบลิ้นปลิ้นตาใส่มือซ้ายของแก๊งเสียที

     

    “พี่คริสเวลาอยู่กับแบคฮยอนเหมือนพ่อเลย” อี้ชิงบอกด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่มันจะจางหายไปเมื่อนึกถึงพ่อแท้ๆ ของเด็กคนนั้น ..คริสเข้าใจความหมายของสีหน้านั้นดีจึงรวบคนตัวขาวมากอดเอาไว้แน่น

     

    “อย่าเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาตอนนี้เลยนะ”

     

    “........”

     

    “พี่ขอแค่สามวันเท่านั้นเอง..”

     

     

    ..

    ..

     

     

    หลังจากมีชุดสำหรับเข้างานกันพร้อมแล้ว ตุ้ยจางก็ปล่อยให้ทุกคนได้มีอิสระอีกครั้ง เขาตั้งใจมอบสามวันนี้ให้เป็นการพักผ่อนของทุกคนเหมือนกัน

     

    “เสร็จรึยังครับ” ร่างสูงเดินไปหาคนที่ยืนอยู่หน้ากระจก เขามองคนตัวเล็กกว่าผ่านเงาสะท้อนของกระจกบานใหญ่นั้น

     

    “เสร็จแล้วครับ”

     

    “พี่ผูกไทด์ให้นะ” คลี่ยิ้มจางๆ ให้ก่อนจะหยิบไทด์เส้นยาวมาวางลงบนลำคอระหงส์ คริสไม่ได้มองเนคไทด์ในมือเท่าไหร่นัก ตลอดเวลาเขายังคงมองอี้ชิงผ่านกระจกเงา

     

    “ผมทำเองก็ได้นะ” ร่างเล็กว่า เพราะคริสยังซ้อนตัวอยู่ด้านหลังเขา มันดูไม่ใช่ตำแหน่งที่ถูกต้องในการจะผูกไทด์ให้กัน

     

    “พี่อยากทำให้” มือใหญ่ดึงเนคไทด์ลงให้ตึงเป็นขั้นตอนสุดท้าย ก่อนจะฝากรอยจูบไว้ที่ข้างขมับแลกกับการถูกค้อนหนึ่งที แต่คริสไม่ได้สนใจและผายมือออกเผื่อรอให้อีกคนจับมันเอาไว้ แล้วเดินยังงานเลี้ยงเต้นรำพร้อมๆ กัน

     

     

    ห้องกว้างที่เดินผ่านเมื่อกลางวันดูแคบลงถนัดตาเมื่อคราคร่ำไปด้วยผู้คนและโต๊ะสำหรับจัดวางเมนูค็อกเทล อี้ชิงรู้สึกประหม่านิดหน่อยที่เดินควงคู่มากับผู้ชายที่เป็นจุดสนใจของหลายคนในงานเต้นรำนั้น

     

    “ดูสิ คนมองอี้ชิงของพี่ใหญ่เลย”

     

    “เขามองผมที่ไหนกันเล่า..” คริสหัวเราะแต่ไม่ได้ใส่ใจกับมันมากนัก เขาหันไปหยิบเครื่องดื่มจากบริกรมาสองแก้ว ชวนกันดื่มจนหมดก็พอเหมาะกับตอนที่ดนตรีบรรเลงขึ้นมา

     

    “เต้นรำกับพี่สักเพลงนะ”

     

    “จะเต้นได้ยังไงล่ะฮะ” อี้ชิงปฏิเสธ ไม่ใช่ว่าเขาเต้นไม่เป็นหรอกนะ แต่เขาเป็นผู้ชาย พี่คริสก็เป็นผู้ชาย อี้ชิงไม่ได้เรียนรู้จังหวะของผู้หญิงมาหรอก จะเต้นคู่กันได้ยังไงล่ะ

     

    “ถ้าอย่างงั้นเราจะมางานเต้นรำทำไมกัน” คริสส่ายหน้าหงุดหงิดก่อนจะวางแก้วใบใส่ลงบนถาดของพนักงานที่เดินผ่านมา ก่อนจะจับจูงมือนิ่มให้เดินออกจากงานมาด้วยกัน

     

    “อ้าว จะไปไหนล่ะครับ” อี้ชิงขมวดคิ้วสงสัยแต่ก็ยอมเดินตามร่างสูงไปแต่โดยดี จวบจนมาถึงดาดฟ้าที่เขาขึ้นมาใช้เวลาอยู่บนนี้เมื่อกลางวัน แต่ตอนนี้มันทั้งเงียบและมืดจนน่ากลัว

     

    “รอแป๊บนะครับ” คริสยิ้มให้คนตัวเล็กก่อนจะโทรศัพท์อยู่สักพัก จื่อเทาและคุณหมอก็ขึ้นพร้อมกับเทียนเล่มน้อยที่นำมาวางตามจุดต่างๆ ให้พอมีแสงสว่าง เพียงเท่านั้นก็จากไป

     

    “เรามาเต้นรำกันนะ” มือใหญ่รูดเนคไทด์ที่ปลิวเกะกะเพราะสายลมออก  ก่อนจะก้มลมกระซิบเบาๆ ที่ใบหูขาวจัด “ถอดรองเท้าสิครับ”

     

    สุดท้ายแล้วทั้งคู่ก็เหลือเพียงเท้าเปล่าเปลือย กางเกงสแลค และเสื้อเชิ้ตติดกายเพียงตัวเดียวเท่านั้น

     

    “มาสิ” คริสผายมือกว้างออกให้ร่างบางได้เอื้อมจับ ออกแรงดึงแค่นิดหน่อยจางอี้ชิงก็เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนเขาอย่างง่ายดาย

     

    คนตัวเล็กก้าวขึ้นไปเหยียบทับบนฝ่าเท้าใหญ่อย่างกลัวๆ กล้าๆ มือเรียวข้างหนึ่งยกขึ้นวางบนไหล่ของคนตัวสูงกว่าเอาไว้ ในขณะที่ดวงตากลมก็ยังจ้องนัยน์ตาคมเข้มอยู่

     

    “ไม่มีเพลงนี่ฮะ” อี้ชิงบอก แต่แล้วก็ถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งประคองให้ศีรษะของตนมาแนบอยู่กับร่างกายของตัวเอง

     

    “ฟังสิครับ.. เสียงเพลงในสายลมน่ะ” กดจมูกลงบนเรือนผมนุ่ม ก่อนจะลองยกเท้าไปตามจังหวะที่ใจได้ยิน

     

    ไม่ต้องเรียนรู้ว่าต้องก้าวขาไปทางไหนจึงจะเต้นคู่กันได้ อี้ชิงไม่ต้องใช้ความคิดว่าจะต้องทำท่าอย่างไร เพียงแค่ไว้ใจให้อู๋อี้ฟานนำไปในท่วงทำนองที่เงียบงัน

     

     

    ..ท่ามกลางสายลมที่พัดโชย หัวใจสองดวงกำลังเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน..

     

     

     

     

     

    To be cont.

     

    ..

     

     

     

     

    # talk corner *

    โฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ หายไปตั้งสองเดือนแหน่ะ TAT ขอโทษด้วยนะคะ มาต่อให้แล้วฮือออ ขอบคุณที่ยังแวะเวียนมาถามและเชียร์กันอยู่ บทนี้คือดี #คิดเองเออเอง ตอนนี้หมดเทศกาลงานอลังการแล้ว จะเรียนเทอม 2 อย่างจริงจังแล้ว น่าจะว่าง (เอ๊ะ 5555)

     

    คิสสสสถึง :)

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×