ฝนตก เท้าเปล่า กับของของเราคนเดียว - ฝนตก เท้าเปล่า กับของของเราคนเดียว นิยาย ฝนตก เท้าเปล่า กับของของเราคนเดียว : Dek-D.com - Writer

    ฝนตก เท้าเปล่า กับของของเราคนเดียว

    เรื่องสั้นที่ไม่ว่าใครอ่านก็จะให้ความสุขที่ไม่เหมือนกัน จะเป็นเรื่องราวที่มีเพียงคุณที่รู้ ความรู้สึกที่มีแต่คุณที่ได้สัมผัส และความสุขที่เป็นของคุณแค่คนเดียวครับ^^

    ผู้เข้าชมรวม

    3,256

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    14

    ผู้เข้าชมรวม


    3.25K

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    9
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 มี.ค. 55 / 22:42 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    เรื่องสั้นที่ไม่มีต้น มีแต่ปลาย เรื่องราวที่เปิดช่องว่างให้คุณใช้จินตนาการของคุณเติมเต็มส่วนต่อของเรื่องราวที่สมบูรณ์ ส่วนต้นที่จะเชื่อมมายังความสุขสุดท้ายปลายทางที่จะมีแค่คุณที่รู้ มีแค่คุณที่รู้สึก เป็นความสุขแค่เพียงของคุณเท่านั้น^^
    นิยายเรื่องนี้ไม่หวงนะครับ ใครอยากก็อปไปแต่งเติมยังไงก็ตามใจชอบเลย เพราะผมไม่ได้ใส่ชื่อตัวละครเอาไว้ จะเอาไปดัดแปลงต้มยำทำแกงยังไงก็ตามสบาย ถือซะว่าผมให้ต้นโครงไว้ละกัน ใช้จินตนาการและความรู้สึกของคุณต่อเติมเลยครับ แต่เอาลิ้งค์มาแปะแบ่งปันกันด้วยนะ ไรเตอร์อยากอ่าน ฮ่าๆๆๆๆ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      ...ผมรู้วิธีที่จะได้สิ่งต่างๆมาครอง แต่เมื่อผมรู้ตัวว่าต้องการมัน ผมก็หมดโอกาสจะไขว่คว้าเสียแล้ว
       
      ฝ่าเท้านุ่มเนื่องด้วยระยะหลังไม่ได้สัมผัสพื้นดินโดยตรง เหยียบย่ำไปบนดินแต่ไม่เจ็บปวดแม้แต่น้อย เพราะพื้นดินอ่อนร่วนนุ่มปกคลุมไปด้วยต้นหญ้าที่เพิ่งงอกใหม่ๆเพราะสายฝนตามฤดูกาล ยามที่ฝ่าเท้าเหยียบย่ำลงไปให้ความรู้สึกจั๊กจี้เล็กๆปนเย็นชื่น สายฝนที่ตกลงมาพรำๆหอบเอากลิ่นอายของท้องนาที่เปี่ยมไปด้วยไอดินกลิ่นดอกไม้ป่าที่ไร้การปรุงแต่ง ผมสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอด รับรู้ถึงละอองฝนชื้นที่ทำให้ทั่วทั้งร่างรู้สึกเหมือนถูกแทรกซึมด้วยไอเย็นใสสะอาดจนอดไม่ได้ต้องผ่อนลมหายใจออกมาช้าๆอย่างผ่อนคลาย
      เมฆฝนเบาบางทำให้ช่วงเวลาบ่ายคล้อยไม่มีลำแดดโผล่ให้เห็น แต่กลั่นกรองแสงแดดให้กลายเป็นความสว่างนุ่มละมุนที่ราวกับทั้งโลกเรืองรองขึ้นมาด้วยตัวเอง กวาดตามองไปเบื้องหน้าเห็นท้องนากว้างสุดสายตาแล้วก็อดยิ้มกว้างไม่ได้ เพราะภาพที่เห็นนั้นติดตาตรึงใจเขามากจริงๆ
      ผมก้มลงมองร่างบางในอ้อมแขนเรือนร่างบอบบางนั้นห่อตัวเข้าหาผมด้วยความหนาวเย็นจากอากาศ ใบหน้าซุกกับหน้าอกของผมเพื่อหลีกเลี่ยงสายฝนหรือเพราะหลบสายตาของผมก็ไม่รู้แน่ แต่สิ่งที่แน่นอนคือแม้จะมีเสื้อผ้ากั้น แต่ความเปียกแฉะก็ทำให้รู้สึกราวกับสัมผัสเนื้อในโดยตรง ท่อนแขนซ้ายที่โอบเธอไว้ทั้งตัว ท่อนขวาที่ช้อนข้อพับขาเธอเอาไว้ รวมถึงบริเวณท้องที่สะโพกของเธอแนบชิดอยู่ บริเวณหน้าอกที่เนินนูนอวบอิ่มสองข้างบดเบียดเข้าหา และลำคอด้านซ้ายที่เธอแนบหน้าผากเข้ามา ล้วนแต่อุ่นวาบอ่อนละมุน เพราะแม้สายฝนจะเย็นเยียบแต่ก็เป็นสื่อกลางให้เราสองแบ่งปันไออุ่นในร่างให้แก่กันได้แนบชิดยิ่งขึ้นเช่นกัน สองขาของผมก้าวไปข้างหน้าทีละก้าวๆอย่างมั่นคง แม้อากาศจะหนาวเย็นเสียดกาย แต่ไออุ่นในอ้อมแขนที่ระเหยขึ้นมาพร้อมกลิ่นหอมอ่อนๆของหญิงสาวก็ทำให้ผมยินดีจะเดินอยู่อย่างนี้ไปอีกนานแสนนาน
      “คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงดูมีความสุขมากกว่าคนอื่น” ผมถามลอยๆขึ้นมา ร่างบางในอ้อมแขนนิ่งเงียบ ผมยิ้มละไมแล้วตอบออกมาเอง “เพราะผมไม่มีความสุขที่เป็นของตัวเองเลยน่ะสิ ผมรู้วิธีที่จะได้สิ่งต่างๆมาครอง แต่เมื่อผมรู้ตัวว่าต้องการมัน ผมก็หมดโอกาสจะไขว่คว้าซะแล้ว ผมเลยต้องหาความสุขจากสิ่งที่ผู้อื่นมองข้ามไปมาทดแทน และมันก็มากจนดูเหมือนผมมีความสุขกับทุกอย่างรอบตัว”
      ผมพูดสิ่งที่ผมไม่เคยรู้ตัวมานานแสนนาน แต่เพิ่งจะรับรู้ความในใจของตัวเองเมื่อครู่นี้เอง ทางออกหนึ่งของคนที่ไม่มีความสุขของตัวเองคือไขว่คว้าความสุขที่ผู้อื่นมองไม่เห็นอย่างสุดชีวิต แต่แม้ผมจะได้มันมาเท่าไหร่ ผมก็รู้ดีว่ามันเป็นเพียงความสุขที่ใครๆก็มีได้ ไม่ใช่ความสุขที่เป็นของผมแค่คนเดียว
      “ไม่ว่าจะหามาทดแทนแค่ไหนมันก็แทนกันไม่ได้หรอกนะ เพราะมันมีความรู้สึกบางอย่างที่เป็นของเราเท่านั้นอยู่ มีแค่เราที่หัวเราะกับมัน ร้องไห้กับมัน และผมก็ไม่มีสิ่งที่คนอื่นต่างมีนี้เลย” ผมพูดพลางระลึกถึงความรู้สึกที่แทรกซึมอยู่ในใจของผมตลอดเวลาจนไม่ทันสังเกตถึงมัน ความสิ้นหวัง ท้อแท้ ริษยา และความปวดร้าวเจือจางที่ค่อยๆเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆจนครอบคลุมทั้งใจผมจนไม่ทันสังเกต
      “ถึงผมจะครุ่นคิดจนได้วิธีไขว่คว้าความสุขที่ทุกคนคาดไม่ถึงมาได้ แต่เมื่อผมยื่นมือจะไขว่คว้าความสุขของตัวเองมาก็พบว่าความสุขนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมจะไขว่คว้าได้อีก ความรู้สึกบางอย่างไม่ใช่สิ่งที่ใครหลายคนจะเสพได้พร้อมกัน และผมช้าไปก้าวหนึ่งเสมอมา”
      คำพูดแผ่วเบาเนิบช้าท่ามกลางสายฝนและท้องนากว้างที่ไม่มีใครได้ยิน นอกจากผมที่เสียงนั้นดังก้องในใจ กับหญิงสาวที่แนบแก้มลงบนหน้าอกของผมและรับรู้คำพูดนั้นผ่านเสียงเต้นของหัวใจผมไปพร้อมๆกัน
      “ผมเคยคิดนะว่าผมพยายามไม่มากพอ เพราะเมื่อได้เห็นความสุขนั้นชัดๆผมก็ไม่ได้กระวนกระวายจะครอบครองเหมือนเมื่อตอนแรกและปล่อยให้มันหลุดลอยไป ผมเคยคิดว่าผมยังไม่เจอสิ่งที่ผมอยากจะครอบครองจริงๆ ผมเลยไม่ได้ดิ้นรนแย่งชิงมันมา แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมคิดผิด”
      ผมยิ้มกว้าง ความเจ็บปวดเมื่อวันวานกลายเป็นอดีต ผมเจ็บปวดเหมือนคนอื่น แต่ผมไม่เคยจมอยู่กับมันแบบคนอื่นๆ ผมรู้ และเธอรู้ ผมมีความสุขเต็มเปี่ยม และมันคงเอ่อล้นออกมา เพราะผมรู้สึกได้ว่าเธอรู้สึกถึงมัน
      “เพราะมันไม่ใช่ของผม ความสุขบางครั้งถ้ามันไม่ใช่ของเรา ไม่ว่าจะดิ้นรนแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะได้มา ผมเองก็อาจจะรู้ แต่ไม่ยอมรับเพราะทำใจไม่ได้ที่ต้องรอให้มันมาหา ไม่ใช่ได้มันมาครองด้วยมือของตัวเอง จนกระทั่งเมื่อสิ่งนั้นตกลงมาในอ้อมแขนของผมเอง”
      ผมโอบเธอแน่นขึ้น และรู้สึกว่าเธอกอดผมแน่นขึ้นเช่นกัน ผมไม่รู้ว่าเธอคิดยังไง แต่ความรู้สึกบอกผมว่าเธอเองก็มีความสุขเหมือนกัน ผมมองตรงไปข้างหน้าแล้วก้าวเดินไปทีละก้าวอย่างมั่นคง แม้ใบหน้าของผมจะขาวซีดไร้เลือดเพราะความหนาว แต่ไม่เป็นไร เพราะหน้าอกของผมอบอุ่น และนั่นก็มากพอแล้วจริงๆ
       
      “ไม่พอหรอกค่ะ...”
      ผ่านไปเนิ่นนานร่างในอ้อมแขนของผมก็เอ่ยปากขึ้น ผมเลิกคิ้วและก้มลงมองอย่างประหลาดใจ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองตาผมด้วยใบหน้าแดงเรื่อด้วยเลือดฝาด
      “ถ้าคุณรอให้สิ่งที่คุณต้องการหล่นลงมาในมือคุณอย่างเดียวคุณก็คงไม่ได้มันมา” ดวงตาของเธอประสานกับผมตรงๆ เพราะไร้แว่นตาปกปิดอย่างเคยทั้งคู่ แต่มันไม่เป็นปัญหานัก เพราะระยะใกล้จนรับรู้ลมหายใจของกันและกันนั้น ผมสามารถมองเห็นความรู้สึกที่อยู่ภายในของเธอได้อย่างชัดเจน
      “เพราะได้เห็นความพยายามที่จะไขว่คว้าสิ่งที่ตัวเองไม่มีด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า” ความอ่อนหวานอันเด็ดเดี่ยว ความเขินอายอันอ่อนละมุน และความสุขเปี่ยมความเข้าใจฉายชัดอยู่ในดวงตา “ความสุขนั้นถึงยอมเดินเข้ามาในอ้อมแขนของคุณเอง”
      แม้แก้มของเธอจะไม่ได้แนบกับอกผมแล้ว แต่ใบหน้าของเธอกลับแดงเรื่ออย่างน่ารักที่สุด และหน้าผมก็ร้อนวูบวาบอย่างที่รู้ตัวว่าคงแดงเถือกแน่ๆ
      เพราะที่หน้าอกของผมตอนนี้ที่เย็นลงเพราะไม่มีแก้มของเธอแนบอยู่ แต่กลับอุ่นวาบเพราะหัวใจที่พองโตร้อนวาบด้วยไออุ่นอีกแบบที่ถ่ายทอดจากใจสู่ใจ
      ผมเงยหน้าหัวเราะเต็มเสียงอย่างที่จำครั้งสุดท้ายไม่ได้แล้ว สองหูผมอัดแน่นไปด้วยเสียงหัวเราะ และใจผมอัดแน่นไปด้วยความสุข... ความสุขที่เป็นของผมแค่คนเดียว
      “ฮ่าๆๆ คุณนี่...” ผมพูดทั้งๆที่ยังหัวเราะอยู่แล้วส่ายหน้าด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ อีกครั้งที่เธอจงใจทำลายสิ่งที่ผมเชื่อลงเป็นครั้งที่เท่าไหร่ไม่รู้ แต่ครั้งนี้ผมยกโทษให้ เพราะมันทำให้ผมได้เชื่อในสิ่งที่ดีกว่าเดิม ผมยิ้มในแบบที่ผมไม่รู้หรอกว่ามันออกมายังไง เพราะผมไม่เคยทำมันหน้ากระจกเพื่อฝึกซ้อมสำหรับยิ้มให้ใครเห็น
      “ไม่เคยเปลี่ยนเลยจริงๆ”
      เพราะมันเป็นรอยยิ้มแค่สำหรับเธอคนเดียว
      เธอหน้าแดงหรุบตาลง ผมหัวเราะต่ำในลำคออย่างพึงพอใจ... ดูเหมือนมันจะได้ผลนะ
      สองเท้าของผมหยุดลง... แล้วโน้มใบหน้าลงไปประทับจูบอ่อนหวานแนบแน่นบนริมฝีปากแดงอย่างที่ใจอยากจะทำมานานแสนนาน ไม่ว่าก่อนหน้านี้ผมจะเคยเจ็บปวดเพราะดิ้นรนหาความสุขมากเท่าไหร่มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป
      ฝนยังคงตก อากาศยังหนาวเย็น และผมยังเดินไปไม่ถึงที่หมาย แต่แล้วไงล่ะ?
      ผมสนใจแค่ตอนนี้ วินาทีนี้ ช่วงเวลาสั้นๆที่จะเป็นนิรันด์ของผมไปตลอดกาล
       
       
      นี่เป็นเรื่องสั้นจากจินตนาการของผมเองครับ เป็นส่วนที่หลงเหลือจากความฝันที่ยังจำได้เลือนราง มันเลยไม่มีจุดเริ่ม มีแต่จุดจบ ก็ดีเหมือนกันนะครับ เพราะผมไม่เขียนชื่อตัวละคร เพราะคุณจะได้จินตนาการถึงเรื่องราวก่อนหน้านี้ในแบบของคุณเอง เป็นเรื่องราวที่มีแต่คุณที่รู้ เป็นความรู้สึกที่มีแต่คุณที่ได้สัมผัส เป็นความสุขในแบบที่เป็นของคุณแค่คนเดียวอย่าลืมแชร์ส่วนต้นในแบบของคุณกันนะครับ^^

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×