รักไม่มีวันตายของจุ๊บ แฟนดีเจโจ้ (อ่านแล้วจะร้องไห้) T_T - รักไม่มีวันตายของจุ๊บ แฟนดีเจโจ้ (อ่านแล้วจะร้องไห้) T_T นิยาย รักไม่มีวันตายของจุ๊บ แฟนดีเจโจ้ (อ่านแล้วจะร้องไห้) T_T : Dek-D.com - Writer

    รักไม่มีวันตายของจุ๊บ แฟนดีเจโจ้ (อ่านแล้วจะร้องไห้) T_T

    เรื่องจริง ทีได้มาจากเมลล์

    ผู้เข้าชมรวม

    513

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    513

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  31 ต.ค. 49 / 14:41 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      >>ตำนานความรักที่ทรงพลังของ "นนทิยา พุทธาโภคาทรัพย์" กับ " ดีเจโจ้-อัครพล
      >>ธนะวิทวิลาส" ใกล้ดำเนินมาถึงบทที่ทั้งคู่เริ่มต้นชิตครอบครัวอย่างมีความสุข
      >>แต่เพียงไม่กี่เดือน รอยยิ้มถูกแทนที่ด้วยคราบน้ำตา งานมงคลกลายเป็นงานศพ
      >>ความฝันของผู้หญิงคนหนึ่งพังทลายลงชั่วพริบตา
      >>
      >>" แม้เวลาจะผ่านมา 9 ปีแล้วก้อตาม
      >>แต่จุ๊บยังจำวันแรกที่เจอกับพี่โจ้ได้ไม่ลืม เราเจอกันในงานคอนเสิร์ตของนาวิน
      >>– ต้าร์ เขาหันมามองจุ๊บ ยังจำดวงตาคู่นั้นได้เลยว่าสวยมาก
      >>เพื่อนแอบให้เบอร์จุ๊บกับพี่โจ้ ซึ่งสมัยนั้นเป็นเพจเจอร์
      >>เขาส่งข้อความมาหลายครั้ง
      >>กระทั่งจุ๊บยอมไปทานข้าวด้วย""แล้วจุ๊บก้อหลงรักเขาโดยไม่มีเงื่อนไขว่า
      >>แฟนฉันต้องหล่อหรือรวย
      >>เพราะจุ๊บรักทุกอย่างที่เป็นพี่โจ้ รักเสียง รักรอยยิ้ม รักดวงตาคู่นั้น
      >>เขาเรียกจุ๊บว่าหนู จุ๊บก้อเรียกเขาว่าที่รัก
      >>
      >>แม้ตอนแรก คุณพ่อคุณแม่จะไม่ชอบ
      >>แต่ความจริงใจที่เขามีให้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ประกอบกับเป็นคนมีจิตใจดี
      >>พี่โจ้จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวจุ๊บโดยปริยาย"
      >>
      >>" เราตกลงกันว่าจะเก็บเงินซื้อบ้านเป็นเรือนหอ
      >>ช่วงนั้นอะไรประหยัดได้ก้อช่วยกันประหยัด
      >>เวลาพี่โจ้มารับที่บ้านคุณแม่ทำข้าวใส่กล่องเตรียมไว้ให้
      >>ระหว่างทางจุ๊บจะป้อนข้าวพี่โจ้ หรือเสื้อผ้าพี่โจ้ก้อจะเอามาซักที่บ้านจุ๊บ
      >>จะได้ประหยัดค่าซักรีด กินข้าวนอกบ้านเรียกว่านับครั้งได้
      >>เพราะแค่ซื้อน้ำส้มสักแก้วยังคิดแล้วคิดอีก
      >>กระทั่งพี่โจ้เริ่มมีชื่อเสียงและเข้าหุ้นกับพี่เอก-กฤษณา วารินทร์
      >>เปิดบริษัท มหัศจรรย์งานโชว์ แม้รายรับมากขึ้น
      >>แต่ก้อมีปัญหาจุกจิกให้แก้ไขตลอดเวลา แต่เราจับมือสู้ไปด้วยกัน
      >>เขามักบอกให้จุ๊บชื่นใจเสมอว่า หนูเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พี่มีวันนี้"
      >>
      >>" ในที่สุดความฝันก้อเป็นจริง เราซื้อบ้านด้วยเงินสดที่พยายามอดออมกันมา
      >>ช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขกับการเลือกเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้าน
      >>ตกแต่งบ้านด้วยกัน วาดโครงการว่าปลายปี 49 แต่งานแล้วจะมีลูกทันที
      >>ตั้งชื่อไว้เสร็จสรรพ ซึ่งจุ๊บหวังว่าจะเป็นเจ้าสาวของพี่โจ้ตลอดเวลา
      >>รอคอยวันนั้นอย่างตื่นเต้น ซื้อหนังสือแต่งงานทุกฉบับ
      >>เราสองคนช่วยกันเลือกชุดเจ้าสาวเจ้าบ่าว เลือกแหวน เลือกสถานที่
      >>เตรียมงานมาเป็นระยะ"
      >>
      >>" จนเมื่อปลายปีที่แล้วเราตั้งใจไว้ว่า ทำงานเหนื่อยมาทั้งปี
      >>ไปเที่ยวฮ่องกงกันดีกว่า แต่พี่โจ้มีอาการท้องเสียไม่หยุด
      >>ร่างกายอ่อนเพลียมาก จุ๊บพาพี่โจ้ไปหาหมอ หมอคลำที่ท้อง ปรากฏว่าตับโต
      >>พออัตราซาวนด์ พบก้อนเนื้อที่ตับประมาณ 10 เซนติเมตร
      >>ถ้าเทียบกับเนื้อที่ตับที่มีอยู่ 16 เซนติเมตร ถือว่าค่อนข้างใหญ่
      >>หมอบอกว่าเป้นมะเร้งอยู่ในระยะที่ไม่มากไปไม่น้อยไป
      >>สันนิษฐานว่าเป็นมาเกือบปี แต่ไม่ถึงกับต้องให้คีโม
      >>ซึ่งพี่โจ้ไม่อยากรักษาด้วยคีโมบำบัดอยู่แล้ว
      >>ความที่เขาเป็นโรคตับอักเสบอยู่ก่อนแล้ว หมอจึงไม่กล้าเสี่ยงตัดตับให้ทันที
      >>กลัวอาการจะทรุดหนักกว่าเดิม
      >>ต้องสกัดตัวมะเร็งให้ฝ่อลงก่อนจึงค่อยตัดชิ้นเนื้อที่เสียออก"
      >>
      >>" เราทั้งสองคนยืนรับฟังประโยคนั้นด้วยกัน ใจพี่โจ้สุดยอดมาก
      >>ถามหมอเลยว่าผมจะอยู่ได้อีกกี่เดือน ถ้าอยู่ได้ไม่นาน
      >>ผมจะใช้ชีวิตอยู่กับแฟนให้เต็มที่ หมอบอกว่า " สู้ได้ครับคุณโจ้"
      >>
      >>ขณะที่จุ๊บร้องไห้ รับไม่ได้ พี่โจ้กอดจุ๊บ บอกว่าห่วงหนู
      >>จุ๊บบอกว่าไม่ต้องห่วง " เราจะอยู่ด้วยกันจนวันตาย ถ้าที่รักตาย
      >>หนูจะตายตามไปด้วย เราจะจับมือเดินไปด้วยกัน" พี่โจ้ร้องไห้ บอกว่า "
      >>ชีวิตจริงทำอย่างนั้นไม่ได้ อยู่เพื่อสานฝันให้พี่
      >>ถ้าหนูบอกว่าพี่ไม่เป็นอะไร พี่ก้อจะไม่เป็นอะไร" " พี่โจ้อยู่โรงพยาบาล 3
      >>วันจากบ้านที่เตรียมไว้เป็นเรือนหอก้อใช้เป็นที่พักฟื้นของพี่โจ้
      >>ตอนนั้นจุ๊บย้ายมาอยู่ด้วย ไม่แคร์แล้วว่าต้องแต่งก่อนไหม
      >>คุณพ่อคุณแม่พี่โจ้มาจากเชียงใหม่อยู่ดูแลด้วย
      >>เอฟเฟ็คท์จากฤทธิ์ยาทำให้พี่โจ้ผอมลง เหนื่อยง่าย ผมร่วงเล็กน้อย
      >>
      >>แม้อากู๋-ไพบูลย์ พี่ฉอด-สายทิพย์ และพี่ไก่-สมพล จะให้หยุดรักษาตัวก่อน
      >>แต่ความที่เขาทำงานมาตลอดก้อแอบไปอัดสปอตสั้นๆบ้าง
      >>อัดเกมวัดดวงบ้าง ยังขำๆฮาๆได้ ทุกคนจึงเชื่อว่าเขาต้องหาย" "
      >>ระหว่างนั้นพี่โจ้ไปตรวจเช็คอาการและทานยาตามปกติ
      >>เขาบอกว่าอย่างไรมะเร็งก้อไม่เล็กลงหรอก
      >>ขณะที่จุ๊บยังหวังว่าพี่โจ้ต้องหายอยู่ทุกเวลา ทุกนาที หมอทางเลือกที่ไหนดี
      >>จุ๊บพาไปรักษาทุกที่
      >>ขณะเดียวกันเราก้อใช้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ
      >>พระที่ไหนศักดิ์สิทธิ์ จุ๊บตามไปไหว้อีก ตระเวนทำบุญ 9 วัดเกือบทุกวัน
      >>ปล่อยปลาเยอะมาก แต่ความที่พี่โจ้เป็นมาก
      >>
      >>พอเข้าเดือนที่สอง อาการเริ่มทรุดลง แน่นท้องทานข้าวได้น้อยลง
      >>เพราะตับทำงานแย่ลง มีภาวะน้ำท่วมปอดและหัวใจร่วมด้วย
      >>ต้องไปให้หมอเจาะเอาน้ำออก เขาเริ่มเดินไม่ถนัด
      >>จากที่เคยไปทำบุญด้วยกันก้อเริ่มอยู่บ้านดูทีวี จุ๊บไม่อยากให้เขาดูทีวีมาก
      >>เพราะถ้าสมองรับคลื่นกระแสไฟฟ้ามากๆ จะไม่ดีกับคนเป็นมะเร็ง
      >>เขาก้ออ่านหนังสือ "เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน" บอกอ่านแล้วจะได้ปลง"
      >>
      >>" จุ๊บไหว้พระทุกวัน ขอให้สิ่งศักดิ์คุ้มครอง
      >>ถ้าหากถึงวันที่ที่ต้องแลกชีวิตกันจริงๆ ก้อขอให้เอาจุ๊บไปแทน
      >>เพราะถ้าพี่โจ้อยู่ยังทำอะไรให้กับคนรอบข้างอีกเยอะ
      >>จุ๊บยอมเสียสละ แขน ขา หัวใจ ตับ หรืออะไรก้อได้
      >>ขออย่างเดียวให้ได้มองหน้าพี่โจ้ ได้กอดเขาไปนานๆ
      >>พยายามม่ร้องไห้ให้พี่โจ้เห็น แต่...บางครั้งก้อห้ามใจตัวเองไม่ได้
      >>เขามักบอกว่า...ร้องไห้อีกแล้ว เดี๋ยวก้อร้องด้วยเลย
      >>จุ๊บบอกว่าร้องเพราะ...ความปลื้มปิติว่าที่รักจะหายแล้ว....ดีใจว่าสิ่งมหัศจรรย์จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้"
      >>
      >>" ไม่มีปาฏิหาริย์.....ไม่มีความมหัศจรรย์....ล่วงเข้าเดือนที่สาม
      >>พี่โจ้เริ่มทานข้าวไม่ได้ ตัวซีด เหนื่อยหอบ จุ๊บพาไปหาหมอ คิดว่าให้เลือด
      >>น้ำเกลือแล้วก้อกลับบ้าน แต่....หมอส่งตัวพี่โจ้เข้าห้องไอซียู
      >>สวนท่อเพื่อฟอกเลือด เอาของเสียออก สามวันแรกพี่โจ้ยังร่าเริง
      >>พยาบาลบอกว่าพี่โจ้สุภาพมาก ไม่เอะอะ โวยวายหรืออาละวาดดึงสายออก
      >>จากวันนั้นด้วยฤทธิ์ยา พี่โจ้มีอาการ สะลึมสะลือ พูดได้เป็นคำๆ
      >>จนกระทั่ง..ไม่รู้สึกตัวเลย จุ๊บขออนุญาตหมอเข้าไปนอนเฝ้าในห้องไอซียู
      >>จับมือเขาไว้ตลอดเวลา...กอด..หอม....สวดมนต์ให้ฟัง
      >>เพราะอย่างไรก้อมีความหวังว่าพี่โจ้ต้องหาย...ตกค่ำความดันพี่โจ้ค่อยๆตกจาก
      >>100 มาอยู่ที่
      >>68 ขณะที่ระดับของออกซิเจนในเลือดอยู่ที่ 68 ซึ่งถือว่าโคม่าแล้ว
      >>แต่หัวใจเขายังเต้นอยู่"
      >>
      >>" ขณะนั้น พวกญาติๆ เริ่มลูบหัวพี่โจ้สั่งลากัน จุ๊บทนเห็นภาพนั้นไม่ได้.. "
      >>อย่าพูดแบบนั้น...อย่าพรากคนรักไปจากจุ๊บ..." จุ๊บกอดพี่โจ้แน่น
      >>กราฟหัวใจของพี่โจ้กลับเต้นขึ้นมาใหม่ถึง 300 แต่หลังจากนั้นแป๊ปเดียว
      >>กราฟหัวใจก้อตกไปที่ศูนย์....จุ๊บกรี๊ดเหมือนคนบ้า...ไม่ยอมกลับบ้าน...ร้องไห้จะตามไปนอนกับพี่โจ้ในห้องเย็น
      >>พี่สาวบอกว่ากลับบ้านเถอะ เรียกโจ้กลับบ้านด้วย
      >>แม้ตัวไม่อยู่แต่วิญญาณเขายังอยู่ ก่อนเข้าบ้านจุดธูปบอกเจ้าที่เจ้าทาง
      >>ขอให้พี่โจ้เข้าบ้านด้วย"
      >>
      >>" วันรดน้ำศพ จุ๊บร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด ผู้ใหญ่เข้าใจถึงความรักเรา
      >>แนะนำว่าให้เอาขี้เถ้าทำตำหนิไว้ เผื่อเจอหน้ากันจะได้จำหน้าได้
      >>จุ๊บทำตามแล้วสวมแหวนให้ จับมือพี่โจ้ขึ้นพนมร่วมกัน บอกว่า "
      >>สัญญาน่ะว่าชาติหน้าเกิดมาจะรักกันอีก และอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า
      >>อย่าให้โรคภัยไข้เจ็บมาพรากเราจากกันอีก"
      >>
      >>วันเผาศพ จุ๊บร้องไห้จนตาช้ำ
      >>วินาทีที่ไปส่งพี่โจ้ไม่รู้จะมีคำพูดอะไรบรรยายความรู้สึกได้มากกว่าคำว่า
      >>" สาหัสทรมาน" พี่ฉอดกอดจุ๊บบอก "พี่เขาไปดีแล้ว"
      >>จุ๊บตะโกนไปอย่าไม่รู้ตัวว่า " อย่าให้เขาเอาพี่โจ้ของเราไป" แล้วก้อเป็นลม
      >>ถึงเวลาเก็บกระดูก
      >>เสียงพระสวดบังสุกุลตายแล้วต่อด้วยบังสุกุลเป็นดังอยู่ข้างๆ จิตใจดีขึ้น
      >>ไม่ร้องไห้ รู้สึกว่าพี่โจ้ตายไปเดี๋ยวก้อมาเกิดใหม่" "
      >>ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้
      >>ความทรงจำทุกอย่างที่มีกับพี่โจ้กำลังฆ่าจุ๊บ....เพราะทุกอย่างที่เคยมีพี่โจ้ทั้งนั้น
      >>ออกจากบ้านไปได้แค่หน้าปากซอย
      >>ยิ่งเห็นพี่สาวกับพี่เขยไปเที่ยวกันแล้วยิ่งสะเทือนใจ
      >>เพราะเมื่อก่อนพี่โจ้พาจุ๊บไปกินข้าว เสาร์อาทิตย์ไปเดินจตุจักร
      >>ทุกวันจุ๊บทำกับข้าวรอพี่โจ้กลับจากที่ทำงาน ทานข้าวเสร็จไปดูหนัง
      >>แต่ตอนนี้เหมือนรออะไรอยู่ไม่รู้ ไม่มีจุดหมาย"
      >>
      >>" ทุกคืนจุ๊บต้องกินยานอนหลับอย่างแรง แต่ทุกๆตีสามต้องตื่น
      >>มีความรู้สึกเหมือนถูกสัมผัสเบาๆที่ปลายเท้า เชื่อว่าต้องเป็นพี่โจ้แน่ๆ
      >>เพราะเขาชอบตื่นมาดูบอลแล้วก้อหอมแก้มบอกรักน่ะ
      >>ตั้งแต่นั้นความทุกข์จึงกลายเป็นความสุข...กับการตื่นตีสามและรอคอยตอนเช้า
      >>เพื่อจะได้ใส่บาตรให้พี่โจ้
      >>สิ่งเหล่านี้ช่วยเยียวยาจิตใจให้รู้ว่าพี่โจ้ยังอยู่ใกล้ๆตลอดเวลา
      >>ทุกวินาทีที่จุ๊บทำอะไรจะเรียกพพี่โจ้ตลอด
      >>มีบอลก้อเอาอัฐิมาตั้งดูทีวีด้วยกัน บางทีก้อคิดว่าทำไมต้องทำแบบนี้
      >>นั่งคุยกับรูป..กับอัฐิ... แต่นี้คือความจริงที่ต้องเผชิญ แม้ขณะนี้ญาติๆ
      >>จะมาอยู่เป็นเพื่อน แต่สักวันทุกคนต้องแยกย้ายกับไปดำเนินชีวิตตามปกติ
      >>เหลือจุ๊บที่ต้องอยู่บ้านนี้เพียงคนเดียว
      >>เพราะฉะนั้นต้องพยายามทำตัวให้ชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้
      >>แต่จะไม่พยายามทำใจเด็ดขาดว่าพี่โจ้ไม่อยู่แล้ว"
      >>
      >>" ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่โจ้ไม่คิดว่าตัวเองจะไปเร็วขนาดนี้
      >>จนไม่ทันได้เตรียมอะไรไว้ให้ มีแต่บ้านหลังนี้กับคอนโด และรถ
      >>ระหว่างเราจะเป็นความฝันที่ร่วมสร้างด้วยกันเสียส่วนมาก ซึ่งจุ๊บต้องสานต่อ
      >>พี่โจ้รักพ่อแม่มาก ตั้งใจว่าจะรับหน้าที่เลี้ยงดูพ่อแม่พี่โจ้แทน
      >>โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัท มหัศจรรย์งานโชว์
      >>แม้จุ๊บจะทำได้ไม่ดีเท่าที่ตอนที่พี่โจ้อยู่....แต่ต้องทำต่อไป..." "
      >>ไม่อยากให้พี่โจ้เป็นแค่ความทรงจำแล้วสักวันก้อจางหาย....อยากให้พี่โจ้เป็นความรู้สึกดีๆที่อยู่ใกล้ๆทุกๆคน...ตลอดไป......"
      >>
      >>
      >>
      >>
      >
      >>_________________________________________________________________

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×