ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    || Short Fiction TVXQ! -YUNHO- Seme & Uke ||

    ลำดับตอนที่ #8 : The Series ; คุณแฟน & ตัวร้ายกาจ Part 2 : เป็นแฟนกันนะ

    • อัปเดตล่าสุด 19 เม.ย. 55




    4235906865_59e87935a4_z_large






    The Series ; คุณแฟน & ตัวร้ายกาจ

    Part 2 ;  เป็นแฟนกันนะ ( :

    Pairing ; Siwon X Yunho

    Author ; Romance – Drama

    Rate ; PG-15

    Warning ; ฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นคู่ “วอนยุน” หรือยุนโฮ “เคะ” รับไม่ได้กดปิด :x

                   มีคำหยาบบ้างเพื่อให้ได้อารมณ์(?) 555555

    Song ; Listen to you By Kyunhyun \

    Theme ; THE★ FARRY




     

     

     

     

    ตอนนี้..ผมกำลังนั่งขัดสมาธิสบายๆอยู่บนพื้นไม้ของระเบียงที่ยื่นออกมากจากตัวบ้าน ลมเย็นๆพัดเข้ามาเอื่อยๆ มันคงจะมีความสุขมาก...

     

    ถ้าไม่มี..หัวของ “เชว ซีวอน” ทับขาผมอยู่!

     

    ช่ายยยสิ ~!! พอกูตกลงคบเป็นแฟนกับมึงก็ได้ใจใหญ่เลยนะ อิแฟนบ้า!!

     

    พวกคุณอย่าเพิ่งตกใจไป.. ฮ่าฮ่า ได้ยินไม่ผิดหรอก ตอนนี้ผมกับซีวอนเป็นแฟนกันแล้วครับ!  

     

    คือ..เรื่องมันเป็นงี้

     

     

     

     

    1 Month Ago -14 Feb 2012-

     

    “ยุนโฮ..” เสียงของเชวซีวอน เพื่อนสนิทเพื่อนรักเพื่อนตายเพื่อนที่คบกันมามากกว่าครึ่งชีวิตเอ่ยเรียกชื่อผมด้วยเสียงที่ชวนขนลุก(?)นิดๆ เสียงมันละมุน ทุ้มๆ หวานๆ แปลกๆ ฮ่า

     

    ผมหันไปทางเขา พร้อมเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งอย่างแปลกใจ

     

    “หืม? มีอะไรก็ว่ามา..แล้วอย่าเรียกชื่อกูด้วยเสียงแบบนั้นได้ไหมวะ? สะพรึง -_-*

     

    “...”

     

    เงียบครับ มันเงียบครับ ทุกคนน!

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

    “เป็นแฟนกันนะ...”

     

    “ห๊ะ???? ว้อทเดอะฟัค? เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไรนะ?” ผมขอโทษที่หยาบคายไปหน่อย แต่คือ..เมื่อกี้สิงโตแซมบ้า มันพูดอะไรออกมา รู้ตัวเหรอเปล่าเนี่ยยยย  ~

     

    “กูบอกว่า เป็นแฟนกับกูนะ!!!!” มันพูดจบก็ยื่นเอากุหลาบตูมสีแดงดอกหนึ่งให้ผม ก้มหน้าซะจนแทบชิดคาง   ทำท่ายังกะหนุ่มแรกรุ่นมีรักครั้งแรกกับสาวห้องเดียวกันอย่างนั้นแหละ

     

    “ฮ่าๆๆๆ” ผมระเบิดหัวเราะเสียงดังลั่น ซีวอนต้องกินยาไม่เขย่าขวดแน่ๆ หรือไม่ก็หยิบยาผิดแผง มันถึงได้ประสาทกลับแบบนี้  มีอย่างที่ไหนกัน ขอคนอย่างผมเป็นแฟนเนี่ยนะ!?!?!

     

    “มึงหัวเราะทำไม? มีอะไรตลก ห๊ะ!?” คราวนี้มันเงยหน้าขึ้นแล้วเริ่มขึ้นเสียงใส่ผม..

     

    ตกลงจะอารมณ์ไหนกันแน่ครับ คุณชายเชว.

     

    “ก็หัวเราะมึงไง อยู่ดีๆมาขอกูเป็นแฟน”

     

    “มันไม่ตลกเลยนะเว้ย..นี่กูจริงจัง กูรู้สึกว่า..กูชอบมึงจริงๆ”

     

    ผมหุบยิ้มเมื่อได้ยินประโยคที่หลุดออกมากจากเพื่อนรัก  ผมเชื่อแล้วล่ะว่ามันไม่ได้พูดเล่น

     

    แต่ว่า... 

     

    มันยังเร็วเกินไปไหม? กะทันหันเกินไปเหรอเปล่า?

     

     

     

     

    “ยุนโฮ..”

     

    “...?” ผมเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม ยกแก้วกาแฟที่ยังเหลืออยู่กว่าค่อนแก้วขึ้นจิบ ประสานมือขึ้นวางไว้ใต้คาง  ผมพยายามทำตัวเป็นปกติทั้งๆที่หัวใจกำลังเต้นกระหน่ำ อยากรู้ว่ามันจะพูดอะไรต่อไป มันลุ้นอ่ะ.. จริงๆนะ

     

    “กูรู้ว่ามึงคงรู้สึกแปลกๆที่อยู่ดีๆกูมาขอมึงเป็นแฟน ความสัมพันธ์ต่อไปนี้ของเราอาจจะไม่เหมือนเดิม.. แต่กูรู้สึกว่ามันไม่แฟร์กับมึงถ้ากูจะทำตัวเป็นปกติในฐานะเพื่อน ทั้งที่ในใจกูคิดกับมึงมากกว่านั้น มันมากกว่าเพื่อน กูไม่มั่นใจว่ามันคือ รักหรือเปล่า แต่..” มันหยุดพูดไป ถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่มันจะพูดต่อ ด้วยประโยคที่ทำให้ผม...ใจสั่น

     

     

    “กูรู้สึกว่า กูอยากดูแลมึง อยากจะมีเวลาอยู่กับมึงให้มากกว่านี้  อยากจะอยู่ข้างๆมึงตอนที่มึงไม่สบาย อยากจะคอยปลอบมึงตอนที่มึงมีเรื่องไม่สบายใจ อยากจะ.. อยากจะใช้ชีวิตร่วมกับมึง ในแบบที่ไม่ใช่แค่เพื่อนสนิท  เหมือนกูเพ้อเลยว่ะ แต่กูคิดแบบนั้นจริงๆ กูอยากตื่นขึ้นมาแล้วเจอมึงอยู่ข้างๆ อยากเห็นมึงยิ้ม เห็นมึงมีความสุข เพราะ...เมื่อไหร่ที่มึงยิ้มกูก็ยิ้ม เมื่อไหร่ที่มึงมีความสุขกูก็มีความสุข และเมื่อไหร่ที่มึงทุกข์กูก็ทุกข์ด้วย กูเกลียดน้ำตามึงที่สุดเลยรู้ไหม เวลากูเห็นมันทรมาน กูช่วยอะไรมึงไม่ได้เลย กู...

     

    “ที่กูพูดมาทั้งหมด กูไม่ได้เสแสร้ง ไม่ได้แกล้งปากหวานหรือโกหกมึงสักคำ เพราะฉะนั้น..ให้โอกาสกูนะ ...

    .

    .

    .

    .

    .

     

    เป็นแฟนกันนะครับ?”

     

     

     

    มันพูดจบ พร้อมกับหันมามองหน้าผม สบตากับผมตรงๆ  ผมไม่อยากจะบอกเลยว่าผมแพ้สายตาคู่นั้นแค่ไหน ผมแพ้มันตั้งแต่ได้ยินประโยคที่ว่า “กูอยากดูแลมึง”แล้วแหละ ผมแพ้มันจริงๆ แพ้มันอย่างราบคาบ  ผมยอมแล้วต่อให้มันโกหกผมก็ยินดีจะยอมเป็นไอ้โง่ให้มันหลอก ยอมยอมยอมยอมยอม!!! ยิ่งเพราะประโยคสุดท้ายนั้น ประโยคที่มันพูดลงท้ายด้วยครับกับสายตาเว้าวอนที่จ้องมองมาที่ผม  หัวใจผมก็แทบละลายไปกองแทบเท้ามันแล้วล่ะ 

     

     

     ดูใจง่ายชะมัด

     

     

    ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า มันคือ “รัก” หรือเปล่า แต่.. เหมือนปากผมจะทำงานเร็วกว่าสมอง มันถึงได้เอ่ยตกลงไปแบบนี้...

     

    “อืม..”

     

     

    ผมเห็นมันยิ้มมุมปากแบบเจ้าเล่ห์อย่างที่มันชอบทำกับสาวสวยๆที่มันถูกใจ เห็นแล้วก็อยากจะตบปากตัวเองแรงๆที่ดันไปตอบตกลงมันง่ายๆแบบนี้ ให้ตายเถอะ!!

     

     

    “เมื่อกี้มึงพูดว่าอะไรนะ กูไม่ค่อยได้ยิน”

     

     

    ผมยกมือขึ้นเกาหัวอย่างหัวเสียนิดหน่อย ก่อนจะตอบมัน

     

    “กูพูดว่า อืมกูตกลงแล้ว พอใจยัง!?” เท่านั้นมันก็ฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี หมดลุคส์คุณชายชะมัดเลยฮ่าฮ่า แต่..

     

     

     

    ฟอดด!

     

    มันลุกขึ้นอ้อมโต๊ะมาหาผม ประทับริมฝีปากลงบนแก้มผมแผ่วเบาแล้วรีบวิ่งหนีออกไปทันที ทิ้งผมไว้ พร้อมอาการช็อคขั้นแม็คซิมั่ม

     

    ผมหัวเราะค้าง ปากอ้าอย่างนั้นโดยที่หุบยิ้มไม่ทัน  

    เชว ซีวอนกล้าดียังไงมาแอบหอมแก้มผมกันห๊ะ!?!?!?

     

    “เชี่ยฉ่อยยยยย!!!!!!!!!!! ไอ้ฉวยโอกาส”

     

    “กูเกลียดมึง ไอ้$^%%*&)(_(%&%$*)(_” คอนโดหรูที่เคยเงียบสงบก็กลายเป็นสนามรบย่อยๆเมื่อผมและซีวอนวิ่งไล่กันไปทั่วห้อง พร้อมส่งเสียงโวยวายตลอดทาง แต่.. อย่างน้อยๆ พวกเราก็มีรอยยิ้มติดบนใบหน้าทั้งสองคนนะ คึ~ : )

     

     

     

     

    เรื้องทั้งหมดก็จบลงด้วยประการละฉะนี้แหละครับ.. เหมือนนิยายน้ำเน่าเลยเนอะ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว ฮ่าฮ่า

     

    “ลุกออกไปได้ยัง?” เสียงนุ่มโทนเบสเอ่ยขึ้นผ่านรอยยิ้มบางที่ฉายชัดบนใบหน้า แม้ประโยคที่เอ่ยถามออกมาจะมีแววตำหนิน้อยๆ แต่คนที่ได้ฟังกลับมีความสุขเสียกว่า

     

    “ไม่ลุก!” ซีวอนเอ่ยตอบกลับ พร้อมมุมปากที่กระตุกยิ้มกวนอย่างที่ทำเป็นนิสัย ใบหน้าคมนั้นดูมีความสุขเหลือล้นจนทำให้คนมองเบ้ปากออกอย่างหมั่นไส้

     

    “หึ.. มึงไม่ลุกกูลุกเองก็ได้”

     

    “เฮ้ย! เดี๋ยวดิวะ! ถ้ามึงลุกหัวกูก็กระแทกพื้นดิ”

     

    “รู้แล้ว ก็ลุกออกไปซะกูจะได้ไปทำกับข้าว ไม่กินหรือไง?”

     

    “ครับๆ อย่าดุมากสิ เดี๋ยวหน้าแก่ไม่สวยนะ” มันยิ้มเจ้าเล่ห์พลางยื่นหน้ามาใกล้เขา กระซิบข้างหูด้วยประโยคที่ทำให้ใบหน้าของชองยุนโฮขึ้นสีเรื่อ

     

    “เป็นแฟนกันแล้ว อย่าดุว่าที่สามีมากสิครับ :-‘)

     

    “ไอ้บ้า!” ร่างสูงลุกขึ้นจากพื้นไม้เร็วๆทำให้คนที่เคยนอนหนุนตักเขาอยู่ แทบลุกขึ้นนั่งไม่ทัน

     

     

     

     

     

               กลิ่นหอมๆของสปาเก็ตตี้ที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ลอยเตะจมูกจนคนที่นั่งๆนอนๆอยู่บนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง ต้องลุกขึ้นมาหา “คุณแฟน” ที่ยืนทำอาหารอยู่ในครัว

     

    “ทำเสร็จแล้วเหรอ?” ไม่เอ่ยถามอย่างเดียวแต่มือไม้กลับไม่ค่อยจะอยู่สุขด้วย เลื้อยไปเลื้อยมาอยู่แถวเอวของยุนโฮ จนเจ้าตัวเริ่มรำคาญ

     

    “อือ เลิกมาเกาะแกะแถวเอวกูได้แล้ว ไปนั่งรอที่โต๊ะไป๊ รำคาญ -*-

     

    “รำคาญกูเหรอ? ขอโทษ ไปก็ได้..” น้ำเสียงมันฟังดูหงอยๆนะ

     

    คบกันเป็นแฟนมาได้เดือนนึง ยุนโฮก็ได้รู้ฤทธิ์ของผู้ชายตัวโตคนนี้ว่า ขี้งอน ขี้น้อยใจ เอาแต่ใจตัวเองแค่ไหนตามประสาคุณชายที่ถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก  พาลให้เขาปวดหัวมาไม่รู้กี่นักต่อกี่นัก

     

    แต่ก็นะ.. นั้นมันแฟนเขานี่ xD

     

    ร่างสูงเดินถือจานกระเบื้องสองใบที่เต็มไปด้วยสปาเก็ตตี้หน้าตาน่าทานไปวางลงบนโต๊ะที่มีคนตัวโตนั่งอยู่  สังเกตได้ว่าใบหน้าหล่อเหลานั้นนิ่งผิดปกติ งอนอีกแล้วล่ะสิท่า..

     

    ยุนโฮนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามซีวอน ก่อนจะลงมือจัดการกับอาหารจานใหญ่ที่ส่งกลิ่นหอมเย้ายวน โดยไม่สนใจคนตรงหน้าซักนิด ส่งผลให้คนถูกเมินเกิดอาการน้อยใจ + งอนขั้นรุนแรง

     

    เหมือนกับว่า “คุณแฟน” จะรู้ทัน เลยเอ่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า

     

    “เห็นบ่นว่าอยากกินสปาเก็ตตี้กูก็เลยทำ..แต่สุดท้ายมึงก็ไม่กิน แม่งน่าน้อยใจว่ะ”

     

    “...”

     

    เงียบ...

     

    เชวซีวอนคิดจะเล่นสงครามประสาทกับเขาหรือไงกัน?

    ยุนโฮลอบถอยหายใจเบาๆ โตยังกะควาย แต่เสือกงอนเรื่องไม่เป็นเรื่อง เขาละเชื่อเลยจริงๆ

     

     

    “จะกินไม่กิน กูอุตส่าห์ทำแล้วนะ”

     

     

    “...กูก็ไม่ได้บังคับให้มึงทำให้กูกินนี่” มันพูดเอื่อยๆราวกับเป็นเรื่องธรรมดาๆ พร้อมยักคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง  อาการที่ชี้ชัดให้เห็นว่า มันเลิกงอนเขาแล้ว แต่คิดจะกวนบาทาเขามากกว่า

     

    “เออดี! งั้นกูกินเอง” คนถูกประชดประชันรีบหยิบส้อมตัวเองขึ้นมาแล้วม้วนเส้นยาวๆของสปาเก็ตตี้เข้าปาก เคี้ยวเร็วๆอย่างหงุดหงิด ไม่สนใจเลยว่าซอสมะเขือเทศเลอะทั่วขอบปากขนาดไหน ทำให้คนชอบแกล้งที่นั่งมองอยู่ยิ้มบางๆอย่างเอ็นดู

     

    .

    .

    .

    .

    .

     

    “เลอะหมดแล้ว..” มันพูดขึ้นพร้อมกับหยิบกระดาษทิชชู่ซับรอยเปื้อนของซอสให้เขาเบาๆ ยุนโฮก็คงจะเขินอยู่หรอก ถ้าตอนนี้อารมณ์ดีอยู่น่ะ เหอะ!

     

     

    “ขอบใจ!” น้ำเสียงเขาห้วนๆ ยุนโฮรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินหนีหายเข้าไปในครัวอย่างงอนๆ

     

     

    คราวนี้คงถึงตาซีวอนง้อบ้างแล้วสินะ ฮี่ฮี่

     

    ที่ยุนโฮเคยพูดไว้ว่า ซีวอนน่ะทั้งขี้งอนขี้น้อยใจเอาแต่ใจตัวเอง มันก็ถูกอยู่หรอกแต่เจ้าตัวจะรู้มั้ย..ว่าตัวเองก็ทั้งขี้งอน ขี้น้อยใจ เอาแต่ใจตัวเองเหมือนกันนั้นแหละ . ;X

     

    “งอนเค้าเหรอตัว?” สรรพนามแปลกๆที่ลอยเข้าหูเรียกรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าเรียวของยุนโฮไม่ยาก แต่มันก็เพียงชั่วครู่ เพราะไม่นานรอยยิ้มนั้นก็หายไป

     

    “โอ๋ๆ เค้าง้อตัวแล้วตัวก็เลิกงอนเค้าเหอะนะ..นะนะนะน้า” น้ำเสียงทุ้มๆถูกดัดให้เป็นเสียงเล็กแหลมแถมยังส่งสายตาละห้อยมาทางเขาอย่างน่าสงสาร

     

    เห็นแล้วมันก็จะสงสารแล้วหายงอนอยู่หรอก แต่ไอ้การที่ผู้ชายตัวโตๆอย่างซีวอนใช้วิธีนี้ในการง้อมันตลกอ่ะ.. คุณลองคิดสภาพผู้ชายอายุยี่สิบกว่าๆตัวสูง 185 กล้ามโต หน้าหล่อ ดูคุณชายโคตรแต่มาทำเสียงเล็กเสียงแหลม เรียกแทนตัวเองว่า “เค้า” แล้วเรียกอีกฝ่ายว่า “ตัว” มันน่าตลกไหมล่ะ?

     

    ยุนโฮส่ายหน้าอย่างปลงๆ “ มึงเลิกทำหน้าตาเหมือนหมาถูกทิ้งเหอะ แล้วก็เลิกเอาวิธีนี้มาง้อกูได้แล้ว  ทำยังกะเด็กอายุสามขวบงอนกัน”

     

     

    ซีวอนอมยิ้มน้อยๆก่อนจะส่งมือขึ้นขยี้ผมสีอ่อนเบาๆ

     

    “ก็มึงงอนกูก่อนทำไมล่ะ”

     

    “ใครงอนมึง? บ้า! ไม่มี! มีแต่มึงอ่ะงอนกู.!

     

    “หึ..ไม่งอนก็ไม่งอน แต่มึงรู้ตัวป่ะ? เวลามึงงอนอ่ะ โคตรน่าฟัดเลยว่ะ” มันพูดพร้อมกับส่งยิ้มเจ้าเล่ห์เล่นสายตาแพรวพราวอย่างผู้ชายเจ้าชู้เต็มที่ ถ้าผมเป็นผู้หญิงในสต็อกมันคงได้นอนตายอยู่ตรงนี้แหละ.. แต่ขอโทษ..ที่ผมไม่เหมือนผู้หญิงพวกนั้น


    เพราะว่าผมน่ะเป็น “คุณแฟนของมัน” ต่างหากล่ะ หึ X’)

    ยุนโฮหันหน้ามามองอีกฝ่าย พูดขึ้นเรียบๆอย่างไม่ใคร่สนใจเรื่องที่เอ่ยออกไปซักเท่าไรนัก แต่คนฟังต่างหากที่หน้าเสียแทน

     

    “ให้มันน้อยๆหน่อยเถอะ น่าฟงน่าฟัดบ้านเตี่ยมึงสิ กูไม่ได้เป็นเหมือนน้องฟานี่อะไรของมึงนั้นนะ จะได้น่าฟัดน่าขย้ำน่ากัดอะไรเทือกนั้น”

     

    “น้องฟานี่? ฟานี่ไหนวะ?” มันพยายามกลบเกลื่อนเต็มกำลัง แต่เหงื่อที่แตกพลั่กๆนั่นหมายถึงอะไรกันนะ คุณชายเชว..

     

    “ช่างมันเถอะ” ยุนโฮเอ่ยปัดๆก่อนจะหันมาสนใจจอเหลี่ยมๆของโทรทัศน์แทน

    ร่างสูงแอบอมยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นว่าอีกคนหน้าเสียไป คิ้วยาวของอีกฝ่ายขมวดมุ่นจนแทบจะผูกโบว์อยู่รำไรเห็นแล้วช่างน่าขันนัก

     

    “ยุนโฮ..” ซีวอนเอ่ยเรียนชื่อคนรักเสียงอ่อย พลางขยับตัวเข้ามาใกล้มากขึ้นแล้ววาดวงแขนโอบรอบเอวสอบไว้หลวมๆ ปฏิกิริยาตอบรับที่ทำให้ยุนโฮรู้ได้ทันทีว่าคนตัวโตกำลังอ้อนเขาเต็มที่   ให้ตายเหอะ!

     

    “อะไร?”

     

     “เค้าขอโทษ ตัวอย่าโกรธเค้านะ” นั้นไง มันใช้วิธีนี้ง้อเขาอีกแล้ว คิดอะไรไม่ออกก็เนี่ยแหละง่ายที่สุดและได้ผลมากที่สุด ไม่ใช่เพราะว่าเวลามันทำแล้วดูน่ารัดน่าชังชวนให้สงสารอะไรหรอกนะ แต่ที่ยอมยกโทษๆให้มันไปก็เพราะทนที่จะเห็นผู้ชายตัวควายหน้าถึกอย่างมันทำอะไรแบบนี้ไม่ไหวจริงๆ ถ้าเป็นเคะน้อยๆตัวเล็กร่างบอบบางคงจะดูเจริญตาเจริญใจกว่านี้ ...

     

    “...” ยุนโฮเลือกที่จะเงียบแล้วเพ่งความสนใจไปที่จอโทรทัศน์ตรงหน้าแทนทั้งที่มันก็ไม่ได้มีอะไรดึงดูดเขาสักนิด แต่เพราะอยากจะแกล้งไอ้คนที่นั่งข้างๆต่างหากล่ะ

     

    “อย่าเงียบแบบนี้สิ เค้าขอโทษ ตัวอย่างอนอย่าโกรธเค้านะ ขอโทษขอโทษขอโทษคร้าบ”

     

     

    “ขอโทษเรื่องอะไร?” ยุนโฮยกเท้าขึ้นไขว่ห้าง กอดอกไว้พร้อมกันหันหน้ามามองคนตัวสูงกว่าแล้วยักคิ้วกวนๆให้ทีนึง  ยิ่งเห็นว่าซีวอนหน้าบูดกว่าเก่าเขาก็ยิ่งชอบใจ

     

     

    “โธ่เอ้ย! มึงไม่ได้งอนไม่ได้โกรธกูนี่หว่า ปล่อยให้นั่งพูดเค้าตัวอยู่ตั้งนาน เสียภาพพจน์หมด”  

    มันยกมือขึ้นขยี้ผมอย่างหงุดหงิดใจ  แถมยังตบท้ายด้วยการเอานิ้วมาจิ้มๆแก้มเขาอีกต่างหาก หนักๆเข้าก็ดึงแก้มขาวๆไปมา 

     

     

    “หยุดได้แล้วโว้ย! เลิกยุ่งกับแก้มกูได้แล้ว” เขาพูดขึ้นเสียงดังแล้วยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองเบาๆ อดไม่ได้ที่จะส่งสายตาจิกกัดเล็กๆไปให้คนตัวดีอย่างหมั่นไส้ 

     

     

    “โอ๋ๆ ไม่แกล้งก็ได้แล้วครับ ดีกันนะ (:” มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขา ส่งยิ้มจางๆให้  

     

    รอยยิ้มที่ยุนโฮรู้ดีว่ามีเพียงเขาคนเดียวที่ได้ยิ้มแบบนี้จากมัน  ยิ้มที่ไม่ใช่ยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างที่มันชอบทำกับสาวๆ ยิ้มที่ไม่ใช่การกระตุกยิ้มเฝื่อนๆที่มุมปากเวลามันมีเรื่องกับใคร   และไม่ใช่ยิ้มของคุณชายเย็นชาในสายตาคนอื่น   แต่มันเป็นยิ้ม..   ยิ้มของเขา

     

     

    ยิ้มที่เชวซีวอนยิ้มให้ชองยุนโฮผู้เดียว

     

     

    “อือ  ดีกัน :’)

     

     

     

     

     

               ยามบ่ายๆของวัน พระอาทิตย์ดวงโตยังทำหน้าที่ของมันอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แดดอ่อนๆทอแสงให้ความอบอุ่น  คอนโดหรูใจกลางกรุงโซลคงจะสงบสุขและน่าอยู่ไม่น้อย ถ้าไม่มีเสียงที่จู่ๆดังลั่นขึ้นมา...

     

     

    “ซีวอน!!

     

    “หืม? ที่รัก”

     

    “ใครที่รักมึง ห๊ะ? กูบอกมึงแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้มันน้อยๆหน่อย”

     

    “ที่รักกู ก็คือ คุณแฟน คุณแฟนก็ คือ มึง ไงครับ ชองยุนโฮ” มันตอบพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างโชว์ฟันเกือบครบสามสิบสองซี่ หมดสภาพความเป็นคุณชายที่เคยมีเสียสิ้น

     

    “ประโยคซะยาวยืด เอาสั้นๆ มึงก็แค่หมายถึงกูนั้นแหละ พูดจาวกไปวนมาอยู่ได้” คนที่ถูกเรียกว่า “ที่รัก” ส่งมือขึ้นผลักหัวมันเบาๆ ก่อนจะเอ่ยต่อ

     

    “วันนี้ขับรถให้หน่อยดิ”

     

    “เห? มึงจะไปไหนวะ?”

     

    “ออกไปซื้อของ แต่ขี้เกียจขับรถเอง มึงขับให้หน่อยนะ ขอบใจ”  

     

    “อ้าว ! ถ้ามึงจะพูดอย่างนี้ โยนกุญแจรถให้กู ลากไปนั่งในรถสตาร์ทเครื่องแล้วให้กูเป็นคนขับไปเลย ไม่ต้องมาบอกกูก่อนหรอก ไม่ได้ต่างกันสักนิด เหอะ”

     

    “อย่าทำเป็นหงุดหงิดนักเลยน่า แค่นี้ทำให้กูไม่ได้ ก็ไม่ต้องพูดกันอีก” ชองยุนโฮทิ้งระเบิดลูกย่อมๆให้ซีวอนหัวเสียเล่น แล้วเดินกระหยิ่มยิ้มย้องเข้าไปในห้องน้ำด้านในอย่างอารมณ์ดี

    เมื่อก่อนอยากแกล้งเขาไว้ดีนัก   เพราะฉะนั้นตอนนี้ได้เวลาที่เขาจะเอาคืนแล้วล่ะ หึ!

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

    บานประตูห้องน้ำถูกผลักออกมาเบาๆ พร้อมกับร่างสูงที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนใหญ่ผืนเดียวพันอยู่รอบเอวก้าวออกมา ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มเจื่อนเมื่อเห็นว่าภายในห้องนอนหรูของตัวเองมีใครอีกคนนั่งกอดอกอยู่

     

     

    “ไม่ต้องมาดักรอกูถึงในห้องก็ได้..” ยุนโฮเปรยขึ้นเบาๆ  ก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าที่ตั้งอยู่ข้างหน้าต่าง แต่เดินไปได้ยังไม่ถึงดีก็โดนซีวอนขัดขึ้นมาซะก่อน

     

     

    “กูเตรียมเสื้อผ้าให้แล้ว ไม่ต้องไปเอาในตู้หรอก” ริมฝีปากได้รูปกระตุกยิ้มบางๆ มันลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ค่อยๆเดินมาหาเขาพร้อมกับสีหน้าที่ดูเจ้าเล่ห์พิกล ซีวอนจับมือเขาแล้วพาเดินไปที่เตียงกว้าง

     

     

    “ใส่ซะ กูจะออกไปรอข้างนอก” ยุนโฮเบนสายตาไปที่เสื้อผ้าที่วางอยู่บนเตียง ก่อนจะหันมามองหน้าคนตัวดีที่สั่งนู้นสั่งนี่ตั้งแต่เขาเดินออกมา

     

     

    “อะไรของมึงเนี่ย กูออกมาจากห้องน้ำก็สั่งเอาสั่งเอา แล้วนี่ยังไง ทำไมกูต้องใส่เสื้อผ้าที่มึงเตรียมไว้ให้ดูด้วย บอกเหตุผลมาดิ” เขาพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะพลางหันมาจ้องหน้ามันอย่างต้องการคำตอบ

     

     แต่คำตอบที่ได้ กลับทำให้คนถามเริ่มหน้าบูดเล็กๆ

     

    “ก็แลกเปลี่ยนกันไง กูขับรถให้มึง มึงก็ตอบแทนกูหน่อยด้วยการใส่เสื้อผ้าพวกนี้ ถือว่าให้กูเห็นเป็นบุญตาหน่อยแล้วกัน   แต่ถ้ามึงไม่ใส่.... ” มันยิ้มกริ่มพร้อมกับพลิกตัวประกบหลังยุนโฮไว้ เลื่อนมือไปที่ปมผ้าที่ถูกขมวดไว้หลวมๆ ก่อนกระซิบเสียงแผ่ว

     

    “กูกระตุกผ้าหลุดแน่  หึ!

     

     

    ยุนโฮอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง ไม่คิดว่ามันจะกล้าพูดอะไรที่สองแง่สองง่ามได้ขนาดนี้

     

     

    “เออ! ใส่แล้วๆ ออกไปรอข้างนอกเลยไป๊”  เขาได้ยินเสียงมันหัวเราะหึๆในลำคอ ก่อนซีวอนจะค่อยๆเดินออกไปที่หน้าประตูห้องนอน ยุนโฮลอบถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก แต่ก็ต้องนิ่วหน้าอย่างขัดใจอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงของบางคน..

     

     

    จะเดินออกไปดีๆไม่ได้ ต้องทิ้งลูกระเบิดไว้ให้เขาหงุดหงิดเล่นๆอีก

     

     

     

     

    “รออยู่นะครับ.. คุณแฟนของผม’ ”

     

     

    เลิกเรียกเขาว่า คุณแฟนซะทีเหอะ! สยิวเว้ย!!

     

     

     

     

     

    ผมคงจะไม่โวยวายใส่ไอ้ซีวอนนักหรอก ถ้าเสื้อผ้าที่มันกองเอาใว้ให้ผม ไม่ใช่ ..

    เสื้อไหมพรมเนื้อนิ่มสีน้ำตาลอ่อนที่ยาวลงมาจนเกือบคลุมสะโพก และประเด็นที่ทำให้ผมหงุดหงิดมันก็อยู่ที่คอเสื้อเนี่ยแหละเพราะ.. คอมันกว้างมาก! กว้างถึงขนาดที่มองเห็นกระดูกไหปลาร้าผมชัดเจน   ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเสื้อสมัยนี้ถึงชอบทำให้คอกว้างๆด้วย?! - * - จะโชว์อะไรหนักหนา เหอะ! ยิ่งผมเหลือบตาไปมองกางเกงที่วางอยู่ข้างกันยิ่งกลุ้มใจ มันเป็นกางเกงสกินนี่สีซีดเข้ารูป พอคิดสภาพเวลาตัวเองใส่เข้าไปมันคงรัดตึงน่าดู  ยังไม่จบเท่านี้ครับ! แต่ที่พื้นข้างเตียงกลับมีร้องเท้าบู้ตส้นเตี้ยวางอยู่ด้วย   ไหนจะสร้อยเส้นยาวลายน่ารักเข้าชุดกับเสื้ออีกเส้น ...

     

    ตกลงผมจะต้องใส่มันเข้าไปจริงๆใช่ไหม? โอ้ม๊ายก็อดซัน !

     

    เสียสถาบันความแมนที่อุตส่าห์สั่งสมหมด เพลย์บอยอันดับต้นๆของเกาหลีต้องยอมมาใส่เสื้อผ้าที่คิดเอาเองว่าเหมาะกับเหล่าเคะๆน้อยเป็นที่สุด เหมาะกับเด็กพวกนั้น ไม่ใช่ ..

    “ชองยุนโฮ”ซะหน่อย!! 

     

     

    แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ต้องกลั้นใจ(?)หยิบเอาเสื้อผ้าที่วางอยู่ขึ้นมาสวม แม้จะไม่เต็มใจก็ตามเพราะเขายังห่วงในสวัสดิภาพตัวเองอยู่  ยังไม่อยากที่จะ...

     

    “กูกระตุกผ้าหลุดแน่”  คิดถึงคำพูดของเจ้าคนตัวดีเมื่อกี้นี้ ยิ่งทำให้มือที่สวมกางเกงอยู่รีบเร่งขึ้นอีก ใบหน้าได้รูปขึ้นสีน้อยๆเมื่อ หันหน้าไปมองที่กระจก ไม่เคยคาดคิดเหมือนกันว่าอยู่ดีๆจะต้องมาใส่เสื้อแบบนี้ไปเดินต่อหน้าประชาชีชาวเกาหลี   ยังไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเกิดมีคนจำเขาได้ขึ้นมาจะอับอายเพียงไหน โฮวว.. T____T เชวซีวอนตัวร้ายกาจ!!

     

     

    ยุนโฮถอนหายใจน้อยๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบบู้ทคู่สวยขึ้นมาใส่  แล้วยืดตัวขึ้นตรวจดูความเรียบร้อยจนแน่ใจแล้วค่อยๆเดินออกจากห้องไป..

     

     

     

     

     

     

     

              เสียงปิดประตูเบาๆเรียกให้คนที่กำลังนั่งไขว่ห้างผิวปากสบายๆอยู่บนโซฟาตัวใหญ่หันกลับมามองทางต้นเสียงได้ไม่ยาก  และภาพที่ได้เห็นนั้นก็ทำให้ดวงตาคมๆเบิกขึ้นอย่างตกใจ ริมฝีปากหยักได้รูปเผยอขึ้นจนเกือบเป็นรูปตัวโอ  ท่าทางที่ทำให้ยุนโฮยิ้มบางๆอย่างขบขัน 

     

    ทำหน้าทำตายังกะเห็นผีไปได้..

     

    “โห่ ถ้ากูรู้ว่ามึงแต่งตัวแบบนี้แล้วจะน่ารักน่าฟัดขนาดนี้ กูบังคับให้มึงแต่งไปนานแล้ว” มันลุกขึ้นจากโซฟา ก้าวเร็วๆมาหาแล้วจับตัวเขาหมุนไปมาราวกับต้องการจะสำรวจให้ครบทุกซอกทุกมุม(?)

    “สร้อยเส้นนี้ กูเลือกเองกับมือเลยนะ เข้ากับมึงชะมัด..” ซีวอนพูดอย่างอารมณ์ดี ก่อนมันจะพูดต่อโดยไม่สนใจคนที่ยืนเป็นหุ่นให้หมุนไปหมุนมาจนเวียนหัวไปหมดสักนิด

     

    “ไม่สิ ต้องบอกว่าทั้งเสื้อกางเกงรองเท้าทั้งหมดที่มึงใส่อยู่กูเลือกเองทั้งนั้นแหละ ฮ่าๆ” เท่านั้นยังไม่พอมันยังหัวเราะเสียงดังเป็นการตบท้ายอีกต่างหาก

     

    อะไรมันจะอารมณ์ดีมีความสุขปานนั้น เหอะ!

     

     

    “จะไปกันได้ยัง?” ชองยุนโฮก้นหน้างุดในขณะที่เอ่ยปากถาม มันทั้งหมั่นไส้บวกเขินไอ้คนตัวดีแปลกๆ เดินออกมาจากห้องก็โดนแซวไม่หยุด  อยากจะถามเหลือเกินว่า...

     

     

     

    เขาน่ารักมากเลยเหรอ?..

     

    แต่ก็นั้นแหละ ขืนถามออกไปมีหวังมันคงได้ใจใหญ่ คงทั้งล้อทั้งแซวเขาไม่หยุดแน่ เพราะฉะนั้นเงียบๆไว้ดีกว่า.. สินะ?

     

    “หึ.. ไปก็ไป” คนตัวโตยื่นมือไปกุมฝ่ามือของอีกคนไว้หลวมๆก่อนจะพากันเดินออกไป

     

     

     

    ท่ามกลางความเงียบงัน.. ยังมีคนสองคนที่รับรู้ถึงความรู้สึกของกันและกันโดยไม่ต้องอาศัยคำพูดใดๆ

     

    ยุนโฮยิ้ม..เช่นเดียวกับซีวอน.. : )

     

     

     

     

     

     

     

    ใช้เวลาไม่นานนัก รถสปอร์ตคันหรูก็มาจอดเทียบภายในอาคารจอดรถของห้างสรรพสินค้าชั้นนำใจกลางเมือง  ซีวอกยกยิ้มน้อยๆอย่างเอ็นดูปนขบขำก่อนจะส่งมือไปเขย่าตัวคนที่นอนหลับพริ้มอยู่บนเบาะข้างคนขับเบาๆ

     

    “อือ..” เสียงครางงึมงำดังลอดจากริมฝีปากอิ่ม พร้อมกับแขนเรียวที่ส่งขึ้นไปปัดป่ายไปมากลางอากาศ เหมือนพยายามที่จะไล่คนที่มาขัดขวางการนอนอันแสนสบาย ยุนโฮซุกตัวเข้าหาเบาะนุ่มมากกว่าเก่า  การพลิกตัวไปมาเพื่อหามุมสบายๆส่งผลให้เสื้อไหมพรมนิ่มที่เขาสวมอยู่ร่นลงมาจนเห็นผิวเนียนๆบริเวณไหล่ชัดเจน 

     

    ซีวอนกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ผิวเนียนๆที่โผล่พ้นสาปเสื้อกำลังทำให้เขาใจสั่น พลันความคิดชั่วร้ายก็แล่นเข้ามาในหัว มุมปากสวยกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะ...

     

    ใบหน้าคมเลื่อนเข้าไปหาร่างที่หลับพริ้ม แขนยาวขยับไปวางค้ำบนเบาะนุ่มก่อนริมฝีปากหยักจะบรรจงประทับลงบนไหล่เนียนแผ่วเบา เชื่องช้าและพลิ้วไหว ลมหายใจอุ่นๆที่ปะทะใกล้เข้ามาจนเกือบถึงซอกคอทำให้ยุนโฮอดไม่ได้ที่จะขยับตัวเพื่อหลีกให้พ้นจากสิ่งที่รบกวนการนอนของเขา แต่ดูเหมือนยิ่งขยับเท่าไหร่ยิ่งสัมผัสได้ถึงลมอุ่นๆนั้นมากขึ้นกว่าเก่า

     

    เรียวปากอิ่มเบ้ออกน้อยๆทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่ ยุนโฮส่งเสียงครางงึมงำในลำคอ ท่าทางน่ารักๆเรียกรอยยิ้มจางๆจากคนขี้แกล้งได้เป็นอย่างดี  แต่เมื่อวิธีแรกไม่ได้ผลซีวอนก็เปลี่ยนเป้าหมายไปที่ใบหูขาวแทน เสียงทุ้มเอ่ยแผ่วเบาด้วยถ้อยคำหวานหู

     

    “ตื่นได้แล้วครับ.. ที่รัก” ก่อนจะก้มลงจูบหนักๆที่ข้างขมับขาวอีกที.. และนั้นก็ได้ผลคนขี้เซารีบเบิกตากว้างขึ้นทักทีเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆจนแทบจะร้อนที่รินรดอยู่แถวใบหู

     

    “เฮ้ย!!

     

     

    นัยน์ตาเรียวยาวเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาพบว่าใบหน้าของคนคุ้นเคยอยู่ห่างจากเขาเพียงแค่คืบ มือเรียวผลักอกกว้างออกไปเต็มรัก  ท่าทางตกใจเกินเหตุยิ่งทำให้คนขี้แกล้งยิ้มกว้างกว่าเดิม

     

    “กว่าจะตื่นได้นะ..คุณแฟนขี้เซา” มันพูดกลั้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีผิดกับอีกคนที่ตอนนี้หน้าแดงหูแดงด้วยความเขินอาย

     

    “ปลุกกูดีๆก็ได้ ไม่เห็นต้องทำแบบนี้..”

     

    “ทำแบบนี้..? แบบไหนล่ะ?” คำถามที่ย้อนถามเขา ยิ่งทำให้ยุนโฮงุ่นงานใจ ริมฝีปากอิ่มยู่เข้าหากันอย่างขัดใจ ก่อนจะสะบัดหน้าหันไปอีกทาง

     

    “ก..ก็ทำแบบเมื่อกี้ไง จะจูบกูอยู่รอมร่ออยู่แล้ว!” เห็นได้ชัดเลยคนพูดน่ะ หน้าแดงแค่ไหน > <

     

    “มึงไม่ยอมตื่นเองนี่ กูปลุกดีๆแล้วนะ ก็..เลยใช้วิธีนี้แล้วมันก็ได้ผลซะด้วยสิ” มันพูดพร้อมยิ้มเจ้าเล่ห์ พลางหันมาส่งสายตากรุ้มกริ่มใส่เขา ทำให้คนที่เขินหน้าแดงอยู่แล้วยิ่งอาการหนักขึ้นอีก ใบหน้าเรียวขึ้นสีระเรื่องราวเลือดถูกสูบฉีดไปเลี้ยงบริเวณนั้นเป็นพิเศษ

     

    “ออกไปข้างนอกดีกว่า ข้างในร้อนจะตาย” พยายามตัดบทไปเรื่องอื่นแล้วรีบเปิดประตูลงจากรถทันที ก้าวฉับๆไปข้างหน้าโดยไม่สนใจเลยสักนิดว่าคนที่นั่งอยู่ในรถยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างสุขใจแค่ไหน..

     

    ตอนยุนโฮเขิน.. น่ารักเป็นบ้า!!

     

     

    ยุนโฮหันกลับมาเมื่อรู้สึกว่าแขนของตนถูกใครบางคนคว้าเอาไว้  และเมื่อพบว่าใคร..ใบหน้าเรียวนั้นก็เริ่มขึ้นสีอีกรอบ ในเมื่อคนๆนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือ

     

    เชวซีวอน

     

     

    “จะรีบเดินไปไหน.. หืม?” มือหนาเลื่อนมาเป็นกุมฝ่ามือเย็นเฉียบของอีกฝ่ายแทน บีบกระชับเบาๆเมื่อรู้สึกว่ามือคู่นี้เย็นจนเกินไป

     

    “หนาวเหรอเปล่า? ทำไมมือเย็นจัง” ริมฝีปากขยับถามอย่างห่วงใย

     

    “ปะ..เปล่า” ยุนโฮเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก ยิ่งหันไปรอบๆพบว่ามีสายตาหลายคู่มองมาที่เขากับซีวอนอย่างสนใจ ยุนโฮก็พยายามขืนมืออกจากการกอบกุมของอีกฝ่าย แต่ดูเหมือนยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ผลที่ได้คือ ซีวอนกระชับมือเขาแน่นขึ้นทุกที

     

    “ปล่อยมือกูเหอะ...คนมองเยอะแยะนะ” คนตัวโตดูจะไม่สะทกสะท้านกับสายตาที่มองมาแม้แต่น้อย ริมฝีปากหยักยังคงคลี่ยิ้มจางอย่างสบายใจ

     

    “ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ คนจะมองก็เรื่องของเขา หึ..”

     

    ยุนโฮถอนหายใจน้อยๆอย่างเหนื่อยใจ  ถ้าเขากับซีวอนไม่ใช่คนดังในแวดวงสังคม เป็นที่รู้จักล่ะก็ เขาจะไม่ทักท้วงอะไรเลย แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นนะสิ.. ซีวอนเป็นถึงรองประธานบริษัทอุตสาหกรรมใหญ่ของเกาหลี  ในขณะที่เขาก็เป็นรองประธานบริษัทเจ้าของเครือโรงแรมหรูทั่วประเทศ ถือว่าเป็นลูกหลานเศรษฐี และมีหน้ามีตาในวงสังคมไม่น้อย

     

    ถ้าหากมีคนจำได้ขึ้นมา..จะทำยังไง?

     

    “มึงอย่าลืมสิว่ากูเป็นใครและมึงเป็นใคร เราไม่ใช่คนธรรมดาที่เดินไปเดินมาได้อย่างสบายใจนะซีวอน คนรู้จักเราเยอะแยะ ถ้าเกิดมีคนจำได้ขึ้นมาล่ะ..อะไรจะเกิดขึ้น?”  

     

    ซีวอนหัวเราะน้อยๆกับท่าทางกังวลจนเกินไปของ .. คนรัก

     

    “กูรู้น่า ไม่ลืมหรอก กูก็คือเชวซีวอนผู้ชายที่รัก คุณแฟน มากที่สุดในโลก และ คุณแฟน คนนั้นก็คือมึงไง  ยุนโฮ..”

     

    “คนจะจำได้ก็ช่างมัน...”

     

     

    “ซีวอน.. คนอื่นจะมองว่ายังไง? เราเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่นะ..” ปลายประโยคคนฟังจับได้ถึงน้ำเสียงที่สั่นเครือน้อยๆ  ฝ่ามืออุ่นกระชับอุ้งมือของคนรักแน่นขึ้น

     

    “แล้วผู้ชายรักกันไม่ได้หรือไง..? มึงไม่ต้องกลัวหรอกว่าคนอื่นจะมองยังไง คนอื่นก็คือคนนอก ไม่เห็นต้องไปสนใจอะไรนี่.. สิ่งที่กูอยากให้มึงสนใจและให้ความสำคัญมีเพียงแค่..

    .

    .

    .

    .

     

     

    มึงเป็นคุณแฟนของกูนะ.. เป็นคนที่กูรัก แค่นั้นเอง.. ( :

     

    ยุนโฮยิ้ม ยิ้มกว้างอย่างน่ารัก.. ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้คนฟังยิ้ม..ยิ้มกว้างกว่าคนพูดเสียอีก

     

    .

    .

    .

    “กูก็รักมึงเหมือนกัน ตัวร้ายกาจของกู :-)

     

     

     

     

    To Be Con...

     *ระเบิดตัวเอง* คุณแฟนน่ารวั้กแท้นิ .//////.

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×