ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    || Short Fiction TVXQ! -YUNHO- Seme & Uke ||

    ลำดับตอนที่ #5 : Seme & Uke ; Saranghaeyo : 'รัก' มากกว่าคุ้นเคย -END-

    • อัปเดตล่าสุด 19 เม.ย. 55




    5107323544_28316e8088_z_large






    SF ; Saranghaeyo รัก : มากกว่าคุ้นเคย -END-

    Pairing ; Yunho X Changmin , Changmin X Yunho

    Genre ; Romance

    Rate ; PG

    Note ; ซารางเฮโย.. รัก :-)

    Song ; Love Light By CN Blue
    Theme ; THE★ FARRY







     

    มากกว่าคุ้นเคย...แต่มันคือรักต่างหากล่ะ.

     

     

     

    อือ..กลับมาแล้ว เสียงทุ้มที่ติดจะยานคางนิดๆเพราะความง่วงนอนดังขึ้นที่หน้าห้องพัก ยุนโฮดันแผ่นหลังกับประตู้ไม้เพื่อให้มันปิดสนิท ก่อนจะก้มลงถอดรองเท้าผ้าใบวางไว้แล้วสวมสลิปเปอร์แทน

     

     

    กว่าพี่จะกลับมาได้นะชางมินเงยหน้าขึ้นจากหนังสือที่ยังอ่านไม่จบ ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มมุมปากเล็กๆเมื่อเห็นสภาพของพี่ชาย มือหนาพับเก็บหนังสือเข้าที่ก่อนขายาวจะหยัดลุกขึ้นไปหาคนที่ยืนรินน้ำอยู่ในครัว

     

     

    รินน้ำทั้งที่ตาจะปิดอยู่แล้วเนี่ยนะ เดี๋ยวก็หกหมดหรอก ว่าแล้วก็ฉวยเอาแก้วใบเล็กกับเหยือกน้ำไปรินแทนเอง จนอีกคนที่แทบจะเปิดตาไม่ขึ้นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว

     

     

    อื้ออ ง่วงอ่ะชางมินจู่ๆยุนโฮก็พูดขึ้นมา ทั้งที่ในมือยังถือแก้วใบเดิมอยู่เลย ตาคมปรือปรอยจนแทบจะมองไม่เห็นนัยน์ตาดำข้างใน

     

     

    อ้าว เฮ่ย!!” ร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อ อยู่ดีๆชางมินก็ฉวยข้อมือเค้าแล้วกระชากให้เดินตามเฉย

     

     

    ไม่รู้เหรอไงว่าตัวเองแรงควายแค่ไหน มันเจ็บนะเว้ยยย ไอ้น้องบ้า!!

     

     

    แต่ก็ได้แค่เถียงอยู่ในใจนั้นแหละ ขืนพูดออกไปตอนนี้คงไม่พ้นโดนตวาดจนหูชาอีก

    สรุปแล้วใครมันเป็นลีดเดอร์กันแน่วะ?

     

     

    อ่ะ ถึงแล้วรีบอาบน้ำซะ จะได้นอน ชองยุนโฮเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆกับคำพูดของน้องชาย กะอีแค่ให้เค้ามาอาบน้ำเนี่ย ทำไมต้องชุดกระชากลากถูกันมาด้วยวะ(?)

     

     

    อืม..แต่สิ่งที่พูดออกไปก็เป็นเพียงคำตอบรับเบาๆเท่านั้น ในเมื่อตอนนี้ร่างกายที่ถูกใช้งานมาอย่างหนักทั้งวันเรียกร้องที่จะให้เค้าพักผ่อนซักที

     

     

     

     

     

    ผ่านไปได้ไม่นานร่างสูงของยุนโฮก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ตาตี่ๆเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าร่างของน้องชายกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงเค้า

     

    อาบเสร็จแล้วเหรอ?” พูดจบปุ๊ปก็กระโดดลงจากเตียง ดึงข้อมือของคนที่ยืนนิ่งให้มานั่งบนเก้าอี้หน้ากระจกบานใหญ่ มือหนาหยิบเอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่วางอยู่บนศีรษะของพี่ชาย มาเช็ดผมให้เบาๆจนมันแห้งสนิทดี แถมยังจัดการค้นตู้เสื้อผ้าคว้าเอากางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดมายื่นให้อีก

     

     

    ใส่ซะ เดี๋ยวก็เป็นปอดบวมตายพอดี ว่าพลางก้าวฉับๆไปยังเก้าอี้เล็กๆข้างเตียงแล้วทรุดตัวนั่งลง 

     

     

    ยุนโฮรับเอาชุดนอนมาถือในมืออย่างงๆ วันนี้ชางมินเป็นอะไร ทำไมเผด็จการกับเค้าจัง สั่งนู่นสั่งนี่ตั้งแต่เดินเข้ามาในห้องแล้ว

     

     

    ขาเรียวเดินไปที่เตียงนุ่มของตัวเอง ล้มตัวลงนอนตั้งใจจะหยิบผ้าห่มที่อยู่ปลายเตียงขึ้นคลุมแต่ก็โดน คนเป็นน้องชิงหยิบขึ้นมาก่อน มือหนาคลี่ผ้าออกก่อนจะห่มให้อย่างเบามือ

     

    นอนสิครับ ไหนบอกว่าง่วงไง?” เอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคนที่สมควรจะหลับได้แล้วนั่งจ้องเค้าตาแป๋ว

     

     

    ฮ่ะๆ วันนี้นายเป็นอะไรเหรอเปล่า ชางมิน?” ยุนโฮหัวเราะเบาๆก่อนจะถามสิ่งที่จนสงสัยออกไป

     

     

    ผมเหรอ? ก็ไม่ได้เป็นอะไรนิพูดเรียบๆ พร้อมกับพิงหลังกับเก้าอี้ตัวเล็กและหยิบเอาหนังสือที่หัวเตียงขึ้นมาอ่าน

     

     

    หึ นายโกหกไม่เก่งเลยนะ

     

     

    พี่ก็โกหกไม่เก่งเหมือนกันนั้นแหละ ปลายเสียงเริ่มจะหงุดหงิดเล็กๆก่อนจะพยายามทำเป็นไม่สนใจแล้วตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือในมือแทน

     

     

    “...”

     

     

    นอกจากจะโกหกไม่เก่งแล้ว ยังเก็บความรู้สึกไม่เก่งด้วยนะ!

    ฉึก! แทงใจดำอ่ะ

     

     

    ยุนโฮยิ้มอย่างผู้มีชัยเมื่อเห็นว่าชางมินเถียงต่อไม่ออก ก็ในเมื่อมันเป็นอย่างนั้นจริงๆนิ นอกจากเค้าจะโกหกคนอื่นไม่เก่งแล้ว ยังเก็บความรู้สึกไม่เก่งอย่างนั้นจริงๆ ต่างกับอีกคนที่เก็บเก่งซะจนแทบมองไม่เห็น

     

     

    นี่คือหนึ่งในความแตกต่างระหว่างเค้ากับยุนโฮ

     

     

     

    เวลามองรูปใบหนึ่งที่มีเค้ากับยุนโฮอยู่ด้วยกัน จะเห็นว่าพวกเค้ากำลังยิ้มอย่างมีความสุขเพื่อทำให้แฟนคลับยิ้มตามแต่...ถ้ามองดีๆแล้วล่ะก็ จะเห็นว่าในแววตาของชิมชางมินไม่ยิ้มตามไปด้วยเลยสักนิด เพียงแค่ลองมองดีเท่านั้นเอง...



    ไม่เหมือนกับอีกคน ไม่เหมือนกับยุนโฮ คนๆนี้เก็บความเจ็บปวดไว้ลึกเกินกว่าที่ทุกคนจะมองเห็น ไม่มีใครรู้ว่าภายในแววตาที่แสนสดใสนั้นซ่อนความเศร้าสร้อยไว้มากมายเพียงใด มองไม่ออกเลย...

     

     

     

    ชองยุนโฮเป็นคนที่เก็บงำความรู้สึกได้มากกว่าใครและดีกว่าใคร

    ในขณะที่ชิมชางมิน แค่มองตาก็รู้แล้วว่าคิดอะไร

     

     

    จนบางครั้ง.. บางครั้งที่ชางมินก็ไม่อาจรู้เลยว่า คนๆนี้ คนข้างๆเค้าคนนี้

    มีความสุขหรือทุกข์กันแน่...!

     

     

     

    บางครั้ง..ผมก็มองพี่ไม่ออกเหมือนกันนะ  ไม่สิ ต้องบอกว่าบ่อยๆมากกว่าที่มองพี่ไม่ออกเลย

     

    หืมม?” ยุนโฮหันหน้ามาทางชางมิน คิ้วเรียวขมวดชนกันอย่างไม่เข้าใจ

     

     

    พี่เก็บความรู้สึกเก่งเกินไป  เมื่อไหร่ที่ผมมองตาพี่มันเหมือนกับว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น..แต่..ผมก็มองไม่ออกว่ามันคืออะไร   ในขณะที่เรานั่งกันอยู่ในรถสองคน ผมมองเห็นว่าพี่ซ่อนความเสียใจไว้ในแววตาแต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องขึ้นแสดง สิ่งนั้นมันก็หายไป.. จนผมไม่เข้าใจว่าพี่.. รู้สึกยังไงกันแน่

     

     

    มันก็เหมือนกัน... บางทีฉันก็ไม่เข้าใจนายเหมือนกัน

     

     

     “.....”

     

     

    บนคอนเอสเอ็มทาวน์..ในขณะที่นายกำลังยิ้มกว้างเล่นอย่างสนุกสนานดูมีความสุขอยู่กับมินโฮ.. มันเหมือนกับว่าฉันถูกทิ้ง มองไปทางไหนเหมือนไม่มีใครสนใจ ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงจะให้ไปเล่นเหมือนเป็นเด็กๆก็ไม่ได้ หึ พูดง่ายๆ มันเป็นความน้อยใจ อิจฉาไม่เข้าเรื่องของฉันเอง

     

     

    พี่....

     



    บางครั้งระหว่างที่เราสองคนนั่งข้างกันนายก็เงียบเฉย ไม่ปริปากพูดอะไรแต่เพียงมีคยูฮยอนหรือมินโฮเข้ามานายก็เปิดปากพูดขึ้นทันที ใบหน้าที่เรียบนิ่งก็มีรอยยิ้ม  ทั้งๆที่ฉันก็นั่งอยู่ตรงนั้นแต่ทำไมถึงได้รู้สึกเหมือนไม่ตัวตนก็ไม่รู้  แต่ในวันนั้นวันที่กลับมาจากงานอีเว้นท์ที่ญี่ปุ่น ถ้าฉันไม่เข้าข้างตัวเองเกินไป ฉันสังเกตุเห็นว่าในแววตาของนายดูเหมือนเป็นห่วงฉันอยู่ รู้ไหม  ว่าฉันวางตัวไม่ถูกนะ เด็กแสบ!” นิ้วยาวจิ้มเบาๆที่แก้มเนียนของน้องชายอย่างหยอกล้อ

     

     

    “...”

     

     

    ไม่ใช่นายคนเดียวหรอกที่มองฉันไม่ออก เพราะบางครั้งฉันก็ยังไม่เข้าใจตัวเองด้วยซ้ำ จะน้อยใจไปทำไม เสียใจไปเพื่ออะไร ในเมื่อเราเป็นอะไรกันก็น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจ จริงไหม?”

     

     

    ริมฝีปากหยักระบายยิ้มอ่อน ก่อนจะกระชับผ้าห่มที่คลุมอยู่ ร่างสูงซุกตัวหาผ้าห่มมากขึ้น

     

     

    อื้อ แค่กๆ

     

     

    หนาวเหรอ? ให้หรี่แอร์ไหม?”

     

     

    อืม

     

     

    มือหนาดึงผ้าห่มให้ขึ้นคลุมร่างยุนโฮจนถึงลำคอ นิ้วเรียวเกี่ยวเส้นผมที่ลงมาปรกใบหน้าได้รูปออกเบาๆ ยุนโฮขยับตัวไปมาอยู่สองสามทีก่อนเปลือกตาจะค่อยๆปิดลงสนิท

     

     

     

    ฝันดีนะครับ

     

     

     

    แทนคำพูดใดๆ ใบหน้ายุนโฮเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มบางทั้งที่หลับสนิท เรียกให้อีกคนที่มองอยู่ยิ้มตาม

     

     

     

      

     



    อืมมร่างสูงพลิกกายขึ้นมานอนหงาย นัยน์ตาสีเข้มทอดมองเพดานห้องอย่างครุ่นคิด ทั้งที่ๆมันก็ดึกมากแล้วแต่ยุนโฮกลับนอนไม่หลับ ทั้งๆที่ควรจะพักผ่อนให้พอกลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน แต่ร่างกายกลับทรยศซะนี่ ชายหนุ่มยันตัวลุกขึ้นจากที่นอนนุ่ม ก่อนจะก้าวลงจากเตียงเดินไปที่ระเบียงห้องแทน

     

    มือเรียวเลื่อนบานประตูออก ความรู้สึกแรกที่สัมผัสคือลมหนาวที่กระทบกับผิวกาย สองแขนยาวยกขึ้นกอดอกไว้หลวมๆ พลางมองลงไปด้านล่าง

     

     

    แสงไฟระยิบระยับส่องสว่างอยู่ทั่วกรุงโซล แม้จะเป็นเวลาที่ทุกคนควรจะปิดไฟเข้านอนกันได้ แต่กับกรุงโซลมันไม่เป็นเช่นนั้น ในเมื่อโซลเป็นเมืองหลวงของเกาหลีใต้ เป็นเมืองแห่งการช้อปปิ้ง เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจเพราะฉะนั้นคงจะไม่แปลกที่ในเวลาตีสามกว่าๆจะเห็นเหล่าร้านค้า โรงแรม ร้านอาหารชื่อดัง เปิดไฟสว่างจ้าราวกับเป็นตอนกลางวันแบบนี้

     

     

     

    ใจตรงกันนะครับ นอนไม่หลับเลยมามองวิวโซลตอนนี้ ยุนโฮหันหน้ามองไปทางต้นเสียงที่มาโดยเค้าไม่รู้ตัว และก็พบกับชางมินที่ยืนท้าวขอบระเบียงอยู่

     

     

    ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมเค้าถึงได้ยินเสียงชางมิน ก็ในเมื่อห้องนอนอยู่ติดกัน แล้วตรงระเบียงก็มีแค่ประตูกระจกบางๆกั้นไว้เท่านั้น จึงไม่แปลกที่เค้าจะได้ยินแถมในยามดึกสงัดแบบนี้ยิ่งชัดเจน

     

     

    พี่... ไม่หนาวเหรอไง?” ชางมินเอ่ยถามขึ้น ทั้งที่ตัวเองก็มีสภาพไม่ต่างจากอีกคนสักเท่าไหร่ คือยกแขนขึ้นโอบกอดร่างตัวเองเอาไว้ แต่เพราะรู้ว่ายุนโฮไม่ค่อยสบายอยู่ถึงได้เป็นห่วงขึ้นมา

     

     

    หนาวสิ..แล้วนายล่ะจับขอบระเบียงแบบนั้นมือไม่เย็นเหรอไง?

     

    ตอนแรกมันก็เย็น แต่พอจับไปนานๆมันก็คุ้นมือไปเองแล้วก็อุ่นขึ้นด้วย รอยยิ้มละมุนถูกส่งมา ผ่านกระจกที่กั้นอยู่แต่สำหรับชองยุนโฮแล้วมันชัดเจนเสมอ รอยยิ้มของคนๆนี้อบอุ่นและสดใส

     

     

    งั้นเหรอ.. ถ้าเป็นอย่างที่นายบอกถ้าได้เจอกันนานๆ ได้เห็นหน้ากันทุกวัน ได้สัมผัสได้ใกล้ชิด..มันจะอุ่นขึ้นด้วยเหรอเปล่า หรือว่ามันจะยังหนาวเหมือนเดิม หัวใจน่ะมันจะอุ่นขึ้นไหม? หรือว่า หัวใจกับฝ่ามือมันไม่เหมือนกัน?” เอ่ยถามกลับไปพร้อมรอยยิ้ม ในขณะที่อีกคนก็ตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้มดังเดิม

     

     

     

    ฝ่ามือเมื่อเพิ่งสัมผัสกับความหนาวเย็น มันก็ต้องเย็นไปด้วยเป็นธรรมดาแต่เมื่อลองสัมผัสไปนานๆแล้วก็เกิดความคุ้นชิน เหมือนกับคนสองคนที่ได้เจอกัน เห็นหน้ากัน อยู่ด้วยกัน รับรู้ถึงความรู้สึกของกันแล้วกันมันก็กลายเป็น ความคุ้นเคย...

     

     

     

    ถ้าอย่างนั้นเราก็คงคุ้นเคยกันจริงๆแล้วล่ะนะ ชางมิน นายว่าไหม?”

     

     

     

    มองดูกระจกให้ดีๆนะ แทนที่จะได้คำตอบแต่ยุนโฮกลับได้ประโยคซึ่งฟังดูเหมือนคำสั่งมากกว่า

     

     

    ชางมินขยับตัวเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าประตูกระจกบานใหญ่ เพราะอากาศที่หนาวเย็นทำให้เกิดฝ้าบางๆขึ้นไม่ยาก และนั้นคือสิ่งที่เค้าต้องการ ชายหนุ่มลากปลายนิ้วบนแผ่นกระจกกลายเป็นตัวอักษร และไม่นานมันก็เกิดเป็นคำขึ้นมา

     

    사랑해

     

    ตัวอักษรสี่ตัวสั้นๆ แต่ความหมายของมันกลับมีค่ามากกว่านั้น

     

    ซารางเฮโย...รัก

     

    ยุนโฮยิ้มและรอยยิ้มก็ยิ่งกว้างขึ้นไปอีกกว้างขึ้นเรื่อยๆ จนถ้าเป็นไปได้ปากอาจจะฉีกถึงรูหูไปแล้วก็ได้

     

     

     

    นี้แหละคือคำตอบของผม.. มากกว่าคุ้นเคยแต่...มันคือรักต่างหากล่ะ 

     

     

     

    ฉันก็รักนาย ชิมชางมิน

     

     

    -THE END-

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×