ความรู้สึกดี....ที่เรียกว่ารัก
ซึ่งความห่างไกลมันสามารถพิสูจน์ความรักได้ ยิ่งเราห่างกันนานเท่าไรก็ยิ่งทำให้เรารู้ว่าเรารักกันมาแค่ไหน ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่ดี.....ที่เรียกว่า รัก และมันก็น่าจดจำมากครั้งหนึ่งในชีวิต
ผู้เข้าชมรวม
175
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เรื่อง ความรู้สึกดี..ที่เรียกว่ารัก
สำหรับตัวฉันแล้วฉันคิดว่าการที่เราต้องเจอกับคนอื่นทุกวันคนที่เราไม่รู้จักกัน แต่เดินสวนทางกับเราผ่านไปมาในเส้นทางเดียวกันและเราก็ไม่ รู้อีกว่าทำไมคนเหล่านั้นจะต้องเดินทางมาทางเดียวกับเราทำให้เราต้องเจอ ต้องพบ ต้องเห็นโดยที่เราไม่ได้สนใจเค้าคนนั้นเลยด้วยซ้ำแต่ก็เหมือนมีบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เราต้องรู้จัก ต้องพูดคุยกับเค้าจนได้ และเมื่อเรารู้จักเค้ามากขึ้น บางครั้งมันก็ทำให้เราหลงรักเค้าโดยที่เราก็ไม่อาจรู้ตัว มันอาจเป็นอะไรบางอย่าง พรหมลิขิตหรือโชคชะตาแต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามสิ่งเหล่านั้นก็ทำให้ฉันได้รู้จักกับคำว่า “ รัก ” ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่ดีและน่าจดจำมาก
ในขณะที่ฤดูฝนกำลังมาเยือนมีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งได้ไปเจอสถานที่หนึ่งซึ่งเป็นเหมือนศูนย์รวมวัยรุ่น ในสถานที่นี้มีการสอนความสามารถพิเศษหลายอย่างทั้ง ร้องเพลง การแสดง เต้น ภาษาจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ และในสถานที่นี้ก็เป็นต้นเหตุของเรื่องนี้
ในตอนเย็นหลังเลิกเรียนเขาทั้งสามได้ชวนกันไปเรียนการแสดงที่ศูนย์รวมวัยรุ่นเขาสามคนเป็นเพื่อนสนิทกันคนแรกชื่อ “ ปรายฟ้า ” เธอเป็นคนมีเหตุผล ตรงไปตรงมา รักอิสระ คนที่สองชื่อ “ มีนา ” เธอเป็นคนมองโลกในแง่ดี รักสนุก ขี้เล่น ส่วนคนสุดท้ายชื่อ “ แทนไท ” เค้าเป็นคนมีความรับผิดชอบ ใจดี แต่กินจุ พวกเค้าเรียนดีกันทั้ง 3 คนและในวันนั้นที่เขาทั้งสามไปเรียนครูที่สอนได้ให้ออกไปทำกิจกรรมกลุ่มละ 10 คน กลุ่มแรกก็มีปรายฟ้า มีนา แทนไทและคนอื่นๆอีก แต่พอกลับเข้ามานั่ง ปรายฟ้าก็หันไปถามผู้ชายข้างๆด้วยความเป็นมิตรว่า “ไม่ออกไปหรอค่ะ” ผู้ชายคนนั้นหันมายิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า "ออกก็ได้ครับ” หลังจากเลิกเรียนปรายฟ้าก็ได้ถามผู้ชายคนนั้นว่า “ชื่อไรหรอค่ะ”เค้าตอบกลับมาว่า “คิมหันต์ครับที่แปลว่าฤดูร้อน” “อ๋อค่ะ งั้นกลับก่อนนะค่ะ บายค่ะ”ปรายฟ้ากล่าวพร้อมกับโบกมือลา หลังจากนั้น มีนาและปรายฟ้าก็ได้แยกกับแทนไทเพื่อกลับบ้านระหว่างทางกลับบ้าน มีนาทำหน้าสงสัยและพูดขึ้นว่า “ อีตาคิมหันต์อะไรนั่นมองเธอแปลกๆนะปรายฟ้า ฉันว่าเค้าต้องชอบเธอแน่ๆ” “ไม่หรอกน่า !”ปรายฟ้าตอบพรางแอบยิ้มนิดๆและในเย็นวันศุกร์หลังเลิกเรียนพวกเขาก็ชวนกันไปเรียนเหมือนทุกครั้งแต่ในวันนี้เรียนร้องเพลง แต่ก่อนจะไปเรียนร้องเพลงทุกๆครั้งพวกเค้าทั้งสามจะไป ซ้อมเสียงโดย การร้องคาราโอเกะแต่ในวันนี้ไม่เหมือนทุกครั้งเพราะว่าคิมหันต์ไปร้องด้วยและในขณะที่คิมหันต์ได้ร้องเพลง “สุดที่รัก” เค้าก็หันมามองตาปรายฟ้าอย่างไม่กระพริบและปรายฟ้าก็มองตาคิมหันต์เช่นกัน พอถึงเวลาเรียนร้องเพลงพวกเค้าก็ไปเรียนเหมือนเดิมหลังจากกลับถึงบ้านปรายฟ้าก็นั่งคิดถึงคำพูดของมีนาที่คิดว่าคิมหันต์ชอบปรายฟ้าและเหตุการณ์ในวันนี้ มันยิ่งทำให้ปรายฟ้าคิดมาก
ในปรายฤดูฝนหลังเลิกเรียนเค้าทั้ง 3 คนก็ชวนกันไปเรียนร้องเพลงเหมือนเดิม และเมื่อไปถึงพวกเค้า 3 คนก็ได้เจอกับคิมหันต์ อีกและก็ชวนกันไปซ้อมร้องเพลงเหมือนเดิมซึ่งมันทำให้ปรายฟ้าได้รู้จักและพูดคุยกับคิมหันต์มากขึ้น หลังเลิกเรียนร้องเพลงขณะพวกเค้า 3 คนกำลังจะกลับบ้าน ก็ได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งตะโกนมาว่า “อย่าพึ่งกลับครับ” คิมหันต์พูดแล้วรีบวิ่งมา “มีอะไรรึเปล่า” แทนไทถาม คิมหันต์ยิ้มและพูดขึ้นว่า “ผมขอเบอร์โทรติดต่อพวกคุณ 3 คนได้ไหมครับ เผื่อมีอะไรจะได้ติดต่อได้ ” ปรายฟ้า มีนา แทนไท ก็ได้ให้เบอร์โทรติดไปกับคิมหันต์และแยกกันกลับบ้านตามปกติ เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเค้าทั้ง 3 คนก็ไปเจอกันที่โรงเรียนตามปกติ ในตอนเย็นหลังเลิกเรียนพวกเค้า 3 คนจะนั่งปรึกษาการบ้านกันจนเสร็จแล้วจึงกลับบ้าน ในระหว่างทางกลับบ้านมีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น “สวัสดีค่ะ” มีนารับโทรศัพท์ในขณะที่มีนาคุยโทรศัพท์เค้าทำหน้าบู้บี้ หลังจากวางโทรศัพท์ปรายฟ้าถามมีนาว่า “ใครโทรมาหรอดูไม่ค่อยดีเลย” “อ๋อป้า โทรมาสั่งให้ซื้อของ” มีนาตอบแล้วเค้าก็เดินกลับบ้านต่อ และก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นอีกครั้ง “สวัสดีค่ะ” ปรายฟ้ารับโทรศัพท์ ขณะปรายฟ้าคุยโทรศัพท์มีนาทำหน้าตาสงสัยพรางทำปากขมุบขมิบหลังจากปรายฟ้าคุยเสร็จ มีนาพูดขึ้นว่า “ใครโทรมา ดูท่าทางแปลกๆนะ” ปรายฟ้ายิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “คิมหันต์” “โทรมามีอะไรล่ะ” มีนาพูดขึ้นทันที ปรายฟ้าจึงเล่าให้มีนาฟังว่า “คิมหันต์โทรมาถามว่าวันศุกร์ที่จะถึงพวกเรา 3 คนจะไปเรียนร้องเพลงรึเปล่า ก็แค่นี้แหละไม่มีอะไรหรอกอย่าคิดมาก”ปรายฟ้าพูดกับมีนา และพอถึงวันศุกร์พวกเค้าก็ไปเรียนร้องเพลงเหมือนปกติแต่วันนี้มีนาไม่ได้ไปด้วยเหมือนเคยเพราะมีนาต้องไปธุระกับแม่ ก็จึงเหลือแค่แทนไทกับปรายฟ้าเมื่อถึงเวลาเรียนร้องเพลงปรายฟ้าก็ได้พบกับคิมหันต์เช่นเคยเมื่อเรียนร้องเพลงจบ ขณะที่แทนไทและปรายฟ้ากำลังจะกลับบ้านคิมหันต์ก็เดินมาที่เค้าทั้ง 2 คน พร้อมพูดขึ้นว่า “วันนี้มีนาไม่มาหรอครับ” “อ๋อ พอดีเค้าไปธุระกับแม่” แทนไทตอบ “อ้าว แล้ววันนี้ปรายฟ้ากลับบ้านกับใครหรอครับ” คิมหันต์พูดขึ้น “อืม....ก็กลับคนเดียวค่ะ” ปรายฟ้าตอบ คิมหันต์ยิ้มอย่างเป็นมิตรพร้อมพูดขึ้นว่า“ให้ผมกลับเป็นเพื่อนดีกว่าครับ เพราะยังไงผมก็ผ่านทางนั้นอยู่แล้ว” “ไม่เป็นไรค่ะ”ปรายฟ้าตอบ “ไม่เป็นไรจริงๆครับ ผมเป็นห่วง”คิมหันต์รีบพูดขึ้น ปรายฟ้าจึงตอบ ตกลง และคิมหันต์ก็ไปส่งปรายฟ้าถึงหน้าบ้าน พอเวลาผ่านไปสัก 20 นาที ปรายฟ้าจึงโทรไปขอบคุณคิมหันต์ เช้าวันรุ่งปรายฟ้าได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้มีนาฟัง “ฉันว่านะ อีกไม่นานเธอได้เป็นแฟนกับคิมหันต์แน่ๆ " หลังจากวันนั้นที่คิมหันต์ไปส่งปรายฟ้าที่บ้าน และเค้าก็ได้โทรมาหาปรายฟ้าทุกวัน เค้าทั้งสองคนได้พูดคุยและรู้จักนิสัยของกันและกันมาขึ้น จนวันหนึ่งหนึ่งคิมหันต์ได้โทรมาหาปรายฟ้าเหมือนปกติแต่น้ำเสียงเค้าแปลกๆ “ผมมีบางอย่างยากจะบอกคุณ” “มีอะไรหรอ” ปรายฟ้าพูดขึ้น “อืม......ผม....ผม....” น้ำเสียงของคิมหันต์เริ่มสั่น “ผมรักคุณนะปรายฟ้า เป็นแฟนกับผมนะครับ” ปรายฟ้าคิดในใจ ดีใจจังเลยมีคนมาบอกรัก ปรายฟ้าเงียบไปสักครู่และพูดขึ้นว่า “ค่ะ ฉันก็รักคุณเหมือนกัน เพราะคุณเป็นคนที่เข้าใจฉัน” “คุณเป็นคนที่คอยช่วยให้ผมสบายใจเวลารู้สึกไม่ดี ผมดีใจมากที่คุณตกลงเป็นแฟนกับผม” คิมหันต์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดีใจ พวกเค้าทั้งสองเป็นแฟนได้ 6 เดือน ซึ่งทำให้เค้าทั้งสองผูกพันกันมากขึ้นจนกระทั่งวันหนึ่ง ปรายฟ้าสอบชิงทุนได้ไปเรียนต่างประเทศเป็นเวลา 3 เดือนที่ประเทศออสเตรเลีย ครอบครัวของเธอดีใจมากเมื่อรู้ข่าว เธอจึงตัดสินใจที่จะไปบอกคิมหันต์ เช้าวันรุ่งขึ้นเธอได้นัดคิมหันต์มาดูภาพยนตร์ และตัดสินใจบอกเรื่องที่เธอจะไปเรียนต่อ “คิมหันต์ปรายฟ้ามีบางอย่างจะบอก คือว่าปรายฟ้าสอบชิงทุนไปเรียนต่อต่างประเทศได้ และพ่อกับแม่ก็อยากให้ปรายฟ้าไปมาก” “นานขนาดไหน” คิมหันต์พูดขึ้นพร้อมกับใบหน้าที่เศร้า “3 เดือนค่ะ”ปรายฟ้าตอบ “ตั้ง 3 เดือน ผมไม่อยากให้คุณไปเลย ผมเป็นห่วงคุณและผมก็ไม่อยากจากกับคุณด้วย”คิมหันต์พูด “ปรายฟ้าก็คิดอย่างนั้น แต่ปรายฟ้าก็ไม่อยากทำให้คุณพ่อคุณแม่เสียใจ” “ครับผมเข้าใจ ผมจะรอคุณอยู่ที่นี่ แต่คุณสัญญานะว่าคุณจะไม่ขาดการติดต่อกับผม” คิมหันต์พูดด้วยความรักและเป็นห่วง “ค่ะ ฉันสัญญา”ปรายฟ้าตอบ “ผมต้องคิดถึงคุณมากแน่ๆ ผมขอกอดคุณได้ไหม” คิมหันต์เอ่ย “ได้ค่ะ” และเค้าทั้งสองก็กอดกันด้วยความอาลัย 1 สัปดาห์ผ่านไป เช้าวันรุ่งขึ้นครอบครัวของปรายฟ้าและคิมหันต์ไปส่งเธอที่สนานบิน หลังจากที่เธอถึงประเทศออสเตรเลียเธอก็โทรบอกพ่อแม่และคิมหันต์ทันที ทุกวันถ้าเธอมีเวลาว่างเธอก็โทรหาพ่อแม่และคิมหันต์ตลอดเหมือนกับที่เธอสัญญากับเค้าไว้อีก 1 วันก็จะเป็นวันที่เธอกลับบ้านเมื่อเธอถึงสนานบินพ่อแม่และคิมหันต์ก็มาต้อนรับเธอกลับบ้าน คิมหันต์นัดปรายฟ้าไปเลี้ยงฉลองในเช้าวันรุ่งขึ้นโดยการพาไปเที่ยวทะเล เช้าวันรุ่งเค้าทั้งสองเจอกัน เค้าทั้งคู่ก็กอดกันเพื่อคลายความคิดถึง และคิมหันต์ก็พูดขึ้น “ผมรอจะให้ถึงวันนี้นานมากคุณไปเรียนต่อ 3 เดือน เหมือนกับไปเป็นปี ผมได้แต่เฝ้ารอวันที่คุณจะกลับมาหาผม ต่อไปนี้เราจะไม่จากกันไปไหนไกลๆอีกนะครับ” “ค่ะ ฉันก็คิดถึงคุณมากตอนอยู่ที่โน่นและก็เฝ้ารอให้ถึงวันนี้ และเราก็จะไม่จากกันไปไหนไกลอีก” ปรายฟ้าเอ่ย เมื่อตกเย็นคิมหันต์ได้พาปรายฟ้าไปนั่งดูพระอาทิตย์ตก เมื่อฟ้าเริ่มมืดลงเค้าทั้งสองก็นอนดูดาวกันอย่างมีความสุข
ซึ่งความห่างไกลมันสามารถพิสูจน์ความรักได้ ยิ่งเราห่างกันนานเท่าไรก็ยิ่งทำให้เรารู้ว่าเรารักกันมาแค่ไหน ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่ดี.....ที่เรียกว่า “รัก” และมันก็น่าจดจำมากครั้งหนึ่งในชีวิต
ผลงานอื่นๆ ของ queue ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ queue
ความคิดเห็น