ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #471 : อีก 5 ปี อุตสาหกรรมอนิเมะจะตามญี่ปุ่นทันจริงหรือ? (ลองไปอ่านต่างโลกจีน, อนิเมะจีน, มังงะจีนดู)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.67K
      11
      18 ม.ค. 61

         มีเรื่องหนึ่งที่น่าคิด  น่าจะเขียนถึงสักหน่อย โดยเรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2017 ที่ผ่านมา คุณ Fukuhara Yoshitada โปรดิวเซอร์ที่รับผิดชอบอนิเมะ  Kemono Friends ที่โด่งดังในปี 2017 ได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นในวงการอนิเมะช่วงเวลานี้ บนทวิตเตอร์ส่วนตัวของเขา ไว้ว่า

    แม้อุตสาหกรรมอนิเมะของจีนจะเพิ่งเริ่มต้นขึ้นก็ตาม แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่าพวกเขาต้องตามเรื่องการผลิตทันใน 3 ปี และเรื่องฝีมือในอีก 3 ถึง 5 ปีแน่นอน ถึงจะพูดยาก แต่ก็คิดว่าจะถูกจีนตามทันในอีกไม่กี่ปี จากนั้นจีนเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องร่วมงานกับญี่ปุ่นอีกแล้ว

    ก่อนหน้านั้นฟุกุฮาระ ได้ปั้นอนิเมะ  Kemono Friends ซึ่งเป็นอนิเมะที่เกมเจ๊ง และหลายคนดูถูกว่าไปไม่รอดหรอก กลับมาเป็นอนิเมะที่ดีเรื่องหนึ่งในปี 2017 ได้ ด้วยเนื้อหาสามารถดูได้ทุกเพศทุกวัย และไม่ได้ตลาดจ๋า

    แน่นอนว่าการที่คุณฟุกุฮาระเสนอความคิดเห็นนี้ ไม่ได้เป็นการเดาส่งเดช มันมีเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้คิดเช่นนั้น เป็นต้นว่า เวลานี้อนิเมะจีนเริ่มมีคุณภาพดี มีเทคนิคการทำแอนิเมชัน 2D และ 3D ที่อยู่ในระดับเป็นที่ยอมรับได้

    ในขณะเดียวกันนิเมะของญี่ปุ่นนั้นถูกสร้างมาเพื่อตอบสนองกับความต้องการของผู้ใหญ่มากกว่าเยาวชน (หรือเป็นแนวเฉพาะกลุ่มใหญ่ ไม่ได้เน้นการ์ตูนที่ผู้ใหญ่ดูได้เด็กดูดี หรือไม่มีเนื้อหาที่ดูสากลมากนัก)

    รวมถึงเวลานี้เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังถดถอยลง อุตสาหกรรมรถยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้าเริ่มที่สั่นคลอน อุตสาหกรรมวีดีโอเกมเองก็ไม่ได้ดังเปรี้ยงเหมือนเมื่อก่อน สิ่งเดียวที่ญี่ปุ่นยังพอมีบทบาทได้ก็คือการ์ตูนและอาหารญี่ปุ่น

    อย่างไรก็ตาม การ์ตูนญี่ปุ่นใช้ว่าจะประสบความสำเร็จไปเสียหมด ค่ายสำนักพิมพ์ญี่ปุ่นก็ปิดตัวกันเยอะ  หนังสือการ์ตูนก็เริ่มมีการซื้อลดลง ตัวอนิเมะเองหลายเรื่องก็เจ๊งไม่เป็นท่า ฟุกุฮาระยังกล่าวไว้อีกว่าอุตสาหกรรมญี่ปุ่นยังอาศัยกินบุญเก่า พร้อมกับบอกว่าญี่ปุ่นควรทบทมวนจุดยืนของตัวเองในระดับโลกอย่างเร่งด่วน อย่างน้อยก็ในเรื่องของอนิเมะ ตามด้วยการส่งเสริมเหล่าผู้สร้างสรรค์ผลงาน เพื่อให้พวกเขาสามารถสร้างผลงานของตนเองออกมาได้โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยการลอกเลียนแบบใคร....

    อ้างอิงจาก http://akibatan.com/2017/12/kemono-friends-producer-china-will-overtake-japan-in-anime-within-a-decade/

     

    หัวข้อนี้ชี้ชัดยาก เพราะเราไม่สามารถคาดเดาอนาคตไม่ได้ แน่นอนหลายคนอาจมีหลายความคิดเห็นว่ามันเป็นไปได้ เพราะต้องยอมรับว่าช่วงนี้จีนกำลังสนใจอุตสาหกรรมอนิเมะ ต่อให้ขายต่างประเทศไม่ได้ แต่ในประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกต้องสนใจแน่นอน ซึ่งที่ผ่านมาคนจีนจะสนใจภาพยนตร์ของประเทศตนเองมากกว่าของต่างประเทศ

    ในขณะที่บางคน บ่น เรื่องอนิเมะเสียๆ หาย (แน่นอนฮาเร็มก็โดนอีก) ว่าอนิเมะญี่ปุ่นช่วงหลังๆ ทำออกมาน่าเบื่อ ตลาดเกินไป  ขายเฉพาะกลุ่มมากเกินไป (จะบ่นทำไม ในเมื่อเราดูฟรี ) ไม่มีความหลากหลายเมื่อก่อน  (อยากจะให้ไล่ไปดูว่าอนิเมะปี 2016 เรื่องที่เขาชอบรับว่าดี มันมีแนวอะไรบ้าง มันหลากหลายไหม)

     

                    ก่อนอื่น ขอบอกก่อนเลยว่าบทความนี้เป็นเป็นความคิดเห็นผมล้วนๆ ในฐานะดูการ์ตูนฮ่องกง, การ์ตูนจีน อ่านนิยายวีรยุทธ์มาบ้าง ไม่ได้ดูอะไรมากมาย ข้อมูลอาจไม่แน่น เพราะไม่ได้ค้นอะไรมากมาย

     

    ขอเริ่มจากนิยายก่อนละกัน  หากพูดถึงจีนแล้ว จีนถือว่าเป็นประเทศที่คนรู้จักไปทั่วโลก เป็นผู้ทรงอิทธิพลของโลก ทั้งด้านการทหาร, เศรษฐกิจ, การต่างประเทศ คนจีนหลายล้านคนกระจัดกระจายไปทั่วโลก ฝังด้านวัฒนธรรมเข้าไปในวิถีชีวิตของคนประเทศต่างๆ แม้แต่ไทย

    เราได้รับรู้เรื่องจีนมากมาย นอกเหนือจากอาหาร เราก็ต้องหนึ่งถึงวรรณกรรมที่มีชื่อเสียง (ไซอิ๋ว, 108 ผู้กล้า, สามก๊ก, เลียดก๊ก) ที่ญี่ปุ่นเอามาสร้างเป็นเกมและการ์ตูนจนมีที่น่าจดจำ รวมไปถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างจิ๋นซีฮ่องเต้ ที่เอามาสร้างเป็นภาพยนตร์ ละคร หรือล่าสุดก็การ์ตูน Kingdom ที่สู้กันอย่างดุเดือดปัจจุบัน

    โอเค แม้ว่าวรรณกรรมจีนส่วนใหญ่ที่เอามาสร้างเป็นการ์ตูน ญี่ปุ่นจะเป็นคนสร่าง แต่ช่วงหลังๆ เองก็มีการ์ตูนจากประเทศฮ่องกงที่ สำนักพิมพ์บูรพัฒน์ได้ซื้อลิขสิทธิ์มาให้คนไทยได้ลองกัน

    คงต้องแยกก่อน เพราะหากพูดถึงวรรณกรรมที่เกิดขึ้นในประเทศจีนเรา เราต้องพูดถึงวรยุทธ์ กำลังภายใน จอมยุทธ จนกลายเป็นแนวกำลังภายในที่เราเห็นทุกวันนี้

     แม้เรื่องเกิดที่จีน (แม้จะมีในวรรณกรรมจีนบางเรื่องมานานอยู่แล้ว)  แต่คนที่ทำให้ฮิต เป็นนักแต่งนิยายฮ่องกง, ไต้หวัน ไม่ว่าจะเป็นกิมย้ง, หวงอี้  และโกวเล้ง ซึ่งสร้างผลงานที่คนไทยรุ่นเก่าๆ รู้จักกันดี อย่าง มังกรหยก, ชอลิ้วเฮียง, เจาะเวลาหาจิ๋นซี  แม้ว่าจะนิยายจากฮ่องกงและไต้หวัน

    ในขณะเดียวกัน นิยายกำลังภายในที่มาจากจีนแท้ๆ ไม่ค่อยมี อาจเป็นเพราะเรื่องกฎหมาย (เห็นว่า จีนไม่ค่อยชอบ หากสื่อบันเทิงแต่งนิยายแล้วอิงประวัติศาสตร์ไม่ตรงความจริง, หรือสอดแทรกเรื่องการวิพากษวิจารณ์รัฐบาล ช่วงหลังๆ จีนออกกฎหมายห้ามทำแนวย้อนเวลาเพราะมันลบหลุ่ประวัติศาสตร์ เอาง่ายๆ หนักกว่าไทยอีก แถมยังยกสี่วรรณกรรมจีนเป็นของสูง ห้ามแตะต้อง  ไม่ว่าจะเป็น สามก๊ก, ซ้องกั๋ง, ไซอิ๋ว และ ความฝันในหอแดง  ในขณะเดียวกันจีนสนับสนุนผลิตผลงานที่ว่าด้วยประวัติศาสตร์การปฏิวัติ การรวมชาติ และการปฏิรูป เป็นสำคัญ (และอย่างที่รู้กันว่าภาพยนตร์จีนแนวนี้น่าเบื่อมาก)

    และนั้นทำให้นิยายกำลังภายในมาจากฮ่องกง ไต้หวัน ที่ไม่ได้เรื่องมาก ส่วนซีรีย์กำลังภายในหลายเรื่องก็ไม่ได้ทำในจีน (แต่ก็มีนักเขียนนิยายจีนดังๆ เช่น เนี่ยอู้เซ็ง)  แต่ถึงอย่างนั้น คนไทยอย่างเราก็เรียกว่า นิยายจีนอยู่ดี

    นิยายเหล่านี้ได้วางรากฐาน ยุทธ์ภพ กำลังภายใน ก่อให้เกิดสำนักกำลังภายในต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เส้าหลิน บู๊ลิ้ม ง่อไบ๊ พรรคกระยาจก

    แม้เนื้อหาแนวกำลังภายใน จะวงเวียนเรื่องการแก้แค้น ต่อสู้ เนื้อหาซ้ำซาก แต่ก็สอดแทรกประวัติศาสตร์ของราชวงศ์จีน รวมไปถึงแฝงเนื้อหาทางการเมืองบางอย่างไว้ โดยเฉพาะการวิจารณ์ระบบกษัตริย์ พรรคคอมมิวนิสต์ และลัทธิเชื้อชาติฮั่นเป็นใหญ่   

                    ช่วงหลังๆ นิยายกำลังภายในไม่ได้ดังเหมือนเมื่อก่อน แม้จะมีนักเขียนรุ่นใหม่ๆ ทำนิยายกำลังภายใน อยู่บ้าง แต่มักได้รับเสียงบ่นว่า นิยายกำลังภายในรุ่นใหม่มันยาวไป หลายเล่มไป บางเรื่อง 8-20 อัฟ ยาวจนเนื้อเรื่องยืด ออกทะเล (ความจริงก็ไม่แตกต่างจากนิยายกำลังภายในรุ่นเก่าหรอก) ไม่รู้ว่ามันกลายเป็นจุดเด่นนิยายแนวนี้หรือเปล่า ที่นิยายกำลังภายในเรื่องต้องยาว

    ปัจจุบันอินเตอร์เน็ทสามารถทำให้นักเขียนหน้าใหม่แจ้งเกิดได้ง่ายกว่าเดิม สำนักพิมพ์ไม่จำเป็นต้องง้อนักเขียนเหมือนยุคเก่าอีกแล้ว (สมัยก่อนนักเขียนนิยายกำลุงภายในเล่นตัวมาก นักเขียนเหล่านี้จะเขียนนิยายลงเป็นตอนๆ ในนิตยสารรายปักษ์ รายสัปดาห์และรายเดือน ค่าตัวแพงมาก แต่ในขณะเดียวกันนักเขียนเหล่านี้มักทิ้งงานกลางคันก็มี) และมันยังรวมถึงการสร้างแนวใหม่ๆ เช่น แนวต่างโลก, แนวสกิลโกง (คือโลกปัจจุบันแต่ตัวเอกมีพลังวิเศษ)

     


    ยอมรับเลยว่าผมเป็นคนไม่ค่อยได้อ่านนิยายกำลังภายในจีนมากนัก สามก๊กเองก็อาศัยในการดูหนัง ดูมังงะ ดูเรื่องย่อเอา (หากใครอ่านสามก๊กเล่มแปลเก่าๆ ขอบอกว่า อ่านโครตยาก) ส่วนหนึ่งที่ไม่ได้อ่านนิยายกำลังภายในจีน เพราะ การเล่นภาษาสละสวย มันสวยเกิน ในขณะเดียวกันชื่อตัวละครจำยากมาก แถมบางเรื่องมีตัวละครเยอะอีกต่างหาก

    ก็แปลกดีที่หลายคนชอบอ่านนิยายกำลังภายใน เห้นได้ว่ามีอยู่วงหนึ่งที่นิยายกำลังภายใน ในเว็บเด็กดีเฟืองฟูมาก ซึ่งผมก็ไม่ได้อ่าน จึงไม่รู้ว่านิยายเหล่านี้มีเนื้อหาอะไรที่ทำให้คนสนใจ ก่อนที่จะถูกบดบังจากนิยายโรงเรียนแฟนตาซี (ตอนแฮรี่ พ็อตเตอร์ดัง) ต่อด้วยเกมออนไลน์ ก่อนที่ปัจจุบัน นิยายกำลังภายในกลับมาอีกครั้ง จากการมาของการแปลนิยาย ที่มีนิยายจีน (ซึ่งก็สงสัยว่าคนแต่งนั้น เป็นคนจีน หรือคนฮ่องกง ใต้หวันหรือเปล่า แต่ผมว่า คงรวมๆ สามประเทศนี้แหละมั้ง)

    ที่น่าสนใจคือนิยายแปลจีน (ขอเรียกแบบนั้น) นอกเหนือจากยุทธภพอะไรแล้ว พวกนิยายเหล่านี้ ใส่แนวกระแสสมัยใหม่ เข้าไปด้วย เช่น เกิดใหม่ต่างโลก, แนวไซไฟ, ออนไลน์ ไปจนถึงแนวซอมบี้ระบาด สกิลโกง ฯลฯ

    แต่..............

    เมื่อไม่นานมานี้ ผมก็อ่านนิยายแปลจีนหลายเรื่องืทีเดียว คือเนื้อหาก็บ่บอก แนวนะ ว่าไม่ใช่กำลังภายใน และน่าจะเป็นพล็อตที่มีความเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นสูง ไม่ว่าจะเป็นพ่อตาข้าคือลิโป้ (My Father in Law is Lu Bu), ปล่อยแม่มดนั่นซะ (Release That Witch), แฟนสาวของผมเธอเป็นผีดิบครับ!, เชือดซอมบี้พิชิตฮาเร็ม นิยายแปล (god and devil world)

    ปล. มีนิยายจีนอีกเรื่องที่ผมดู แต่เห็นแปลตอนเดียว และอยากอ่านต่อ คือ ที่พระเอกเกิดใหม่เป็นเล่าปี่สามก๊ก และเตียวหุยกับกวนอูเป็นผู้หญิง

    ผลสรุปคือ ผมไม่ค่อยประทับใจมากนัก 

      ทำไมผมไม่ประทับใจ ...ผมอาจเปรียบเทียบกับไลท์โนเวล หรือนิยายเน็ตญี่ปุ่นฮาเร็มบ้าง แตในขณะเดียวกัน ไลท์โนเวลของญี่ปุ่นคือการปรับตัวที่เข้ากับยุคสมัย  อย่างที่หลายคนรู้ประวัติไลท์โนเวล คือการปรับสำนวน ที่สมัยก่อนนิยาย วรรณกรรมญี่ปุ่น สำนวนอ่านยาก (ไม่นับเรื่องภาษาคันจิ) เนื้อเรื่องละเอียดละเอ่อ ไลท์โนเวทำให้เกิดพล็อตเหมือนการ์ตูน สำนวนอ่านง่ายขึ้น จากนั้นก็เริ่มนิยายเน็ตขึ้นมา สร้างพล็อตที่ย่อยง่าย บางเรื่องอาจไม่ถึงขั้นสนุก แต่มันก็อ่านเรื่อยๆ พออ่านได้บ้างแม้พล็อตน่าเบื่อก็ตาม

    ดังนั้น ผมหวังว่า นิยายแปลจีน จะมีการพัฒนาอะไรบ้าง มีความเป็นสากลมากขึ้น แต่ปรากฏว่านิยายเหล่านี้กลับไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ เลย

    แต่.....สิ่งที่ผมเห็นคือนิยาย 4 เรื่องที่ผมอ่านนั้น  สำนวนการเขียนยังคงใช้ลูกนิยายภายในอยู่เลย ทั้งๆ ที่เรื่องเกิดในยุคปัจจุบัน แฟนตาซียุคกลาง แต่สำนวนการเขียน ให้อารมณ์กำลังภายในมาก ผมก็อธิบายยากเหมือนกัน คือมันเป็นประโยคที่นิยายทั่วไปไม่ได้เขียนกัน ออกไปทาง “หรูหรา” มันไม่คุ้นเคย คมคาย ละเอียดละเออ แต่ในขณะเดียวกัน มันย่อยยาก อ่านยาก เข้าใจยาก   ไม่รู้มันเกี่ยวข้องกับลีลาหรือฝีมือคนแปล หรือมันแปลตามแปลไวยากรณ์ภาษาจีน ที่แน่ๆ มันไม่คุ้นเคยแน่นอน สำหรับคนที่ไม่เคยอ่านนิยายแปลจีนมากก่อน ต้องทำความเข้าใจ และปรับตัวพอสมควร

    ผมก็แปลกใจเหมือนกันที่หลายคนอ่านได้ ยิ่งเป็นคนรุ่นใหม่ เห็นอ่านหลายคน ผมคงเข้าใจผิดมาตลอดว่าวัยรุ่นสมัยนี้ไม่ค่อยอ่านนิยายที่มีสำนวนยากๆ เท่าไหร่นัก

    อีกเรื่อง คือสิ่งที่ผมไม่เข้าใจ คือในเมื่อ นิยายที่ผมตาม เป็นแนว ผีดิบ ซอมบี้ สู้เพื่อเอาชีวิตรอด แทนที่สำนวนน่าจะเรียล ธรรมดามากกว่า  แต่ทำไมถึงโครงเรื่องถึงมีสำนวนบรรยายเหมือนนิยายกำลังภายในเข้ามา อย่างเรื่อง “เชือดซอมบี้พิชิตฮาเร็ม” ตอนแรกก็นึกว่าหนีตายซอมบี้ พอมีคำว่า “สกิล” “ต่อสู้” เท่านั้นแหละ พระเอกมีพลังต่อสู้เฉยเลย ถ้าเป็นนิยายญี่ปุ่นคงจะฮ่า โกง เข้าใจง่ายไปแล้ง แต่นิยายจีนจะต้องเป็นกำลังภายใน บู๊ แบบค่อยเป็นค่อยไป คือจากเก่ง ไปจนเก่งมาก แถมบรรยายละเอียดด้วยว่าสกิลมีความสามารถอะไร ใช้ยังไง มีการพัฒนายังไง เปลี่ยนแปลงยังไงหากเลเวลอัฟ เป็นต้นว่า นิยาย “เชือดซอมบี้พิชิตฮาเร็ม”พระเอกมีสกิลเรียก “กระดูกขาว” มาเป็นปีศาจอัญเชิญ สามารถพัฒนากระดูกขาวให้เก่งขึ้นมาได้ แต่กว่าจะเก่งพระเอกต้องเรียนรู้สกิลตัวเอง ใช้สกิลให้คล่อง บลาๆ   

    พูดถึงค่อยเป็นค่อยไป หลายเรื่องดำเนินเรื่องในลักษณะนี้ คือค่อยเป็นค่อยไป ย้ำว่าค่อยเป็นค่อยไปจริงๆ  คือ เนื้อเรื่องหลักไม่เท่าไหร่ ไปเน้นน้ำ แถมบรรยายละเอียดยิบ อย่าง “ปล่อยแม่มดนั่นซะ” จะเป็นแนวบริหารเมืองควบคู่มีความสัมพันธ์กับพวกแม่มด แต่การบริหารเมืองจะหนักกว่า คือพระเอกในเรื่องเกิดใหม่เป็นบุตรพระราชาคนที่สี่ที่พัฒนาเมืองชายแดนที่ล้าหลังให้ทันสมัย พระเอกอดีตเคยอยู่สายช่างอุตสาหกรรม เลยสามารถคิดค้นอะไรใหม่ ๆ มาใช้ตลอด แต่ประเด็นคือกว่าจะสร้างแต่ละอย่างก็ปาไปสิบตอน เนื้อเรื่องแทบไม่ไปถึงไหน ข้อมูลสร้างเมืองอาจจะแน่น แต่อาจทำให้หายคนเบื่อได้ เพราะมัวแต่พัฒนาโน้นนี้ เรื่องไม่เดินสักที (ถ้าเป็นนิยายเน็ตยุ่น สร้างเมือง จะไม่ได้ละเอียดมากกว่านี้) หลายคนที่มาเห็นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมเรื่องหนึ่งถึงมีเป็น 200 ตอน เพราะเนื้อหาไม่ไปถึงไหน (นิยายเน็ตญี่ปุ่นบางเรื่องก็เหมือนกัน)

    ส่วนอีกเรื่องคือตัวพระเอกนิยายแปลจีนนี้ จะออกโทนไปเทาๆ ไม่ขาว ไม่ดำ คือบางอย่างก็คิดแบบคนธรรมดาที่คิดกัน ไม่รู้ว่าต้องการให้เราเข้าถึงตัวละครนี้หรือเปล่า อย่าง “แฟนสาวผมเป็นผีดิบ” พระเอกในเรื่องก็เป็นมนุษย์ที่ค่อนข้างที่ห่วงเรื่องของตนเองและห่วงน้องสาวที่เป็นผีดิบ เวลาเจอคนเดือดร้อน ตอนแรกก็ไม่คิดจะช่วย จนต้องมีการขอร้อง ขอผลตอบแทน เขาถึงจะพอสนใจบ้าง (ก่อนที่ช่วงหลังๆ ก็เริ่มห่วงคนอื่นบ้างแล้ว)

     

     

     

    ในขณะเดียวกันพัฒนาการ (หรือ วิวัฒนาการ) พระเอกก็รู้สึกแปลกๆ ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าอย่าง “พ่อตาผมคือลิโป้” คือพระเอกเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย (ซึ่งแทบไม่เล่าที่มาที่ไปอะไรเลย) มีตราหยกสามารถย้อนอดีตไปยุคสามก๊ก (ซึ่งตอนแรกๆ ก็ไม่เล่าที่มาที่ไปสักอย่างว่า พระเอกมีตราหยกได้ยังไง)  แล้วด้วยสถานการณ์พาไปพระเอกได้ไปช่วยลิโป้ขณะที่จะโดยจับส่งโจโฉ ประเด็นคือแค่มาถึงตอนแรก   ทั้งๆ ที่ไม่ได้เก่งวรยุทธ์อะไรสักอย่าง พระเอกก็สามารถก็สามารถฆ่าคนได้ แม้คนโดนฆ่าจะเป็นทหารเลวแต่ก็น่าจะมีฝีมืออยู่บ้าง ประเด็นคือพระเอกไม่เคยฆ่าคนมาก่อน แต่พระเอกไม่เกิดความรู้สึกแย่ๆ ในการฆ่าคนเลย มันทำให้ผมรู้สึกขัดแย้งแบบแปลกๆ ไม่สมจริงอย่างบอกไม่ถูก

    พูดถึงไร้ที่มาที่ไป มันแปลก นิยายแปลจีนนี้อุตสาห์บรรยายอะไรหลายอย่างละเอียด ดำเนินเนื้อเรื่องไปข้างหน้า แต่สิ่งหนึ่งที่ละเลย คือการเล่าชีวิตพระเอก ไม่เล่าชีวิตครอบครัว หรือมีปมอะไรเลย ทำให้พระเอกหลายเรื่องดูแบน ไร้มิติไป รวมไปถึงปฏิความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกกับพวกผู้หญิงพระเอกก็ไม่ค่อยมี ไปเน้นการขับเคลื่อนเนื้อเรื่องเรื่อยๆ ไป  (ความจริง นิยายเน็ตต่างโลกก็ละเลยจุดนี้ไม่แพ้กัน)

    ผมไม่รู้ว่านิยาย 4 เรื่องที่ผมอ่านนั้น เป็นที่สุดนิยายแปลจีนในตอนนี้หรือเล่า และนิยายที่ดังๆ ที่ผมไม่ได้อ่านนั้นมีการเขียน ผมไม่แน่ใจเหมือนกัน พอดีเห็นชื่อเรื่อง น่าสนใจ เลยไปอ่านดูเท่านั้น

    คำถามต่อมา ทำไมผมถึงกล่าวถึงนิยายแปลจีน (ซึ่งไม่แน่ใจว่าคนจีนเขาแต่งหรือเปล่า) ทั้งที่บทความพูดถึงอนิเมะจีน ประเด็นคือนอกเหนือจากวรรณกรรมจีนแล้ว นิยายเป็นวัตถุชั้นดีในการเอามาสร้างเป็นภาพยนตร์ การ์ตูน และอนิเมะตามมา หากนิยายดี นิยายดัง โอกาสเกิดภาพยนตร์และการ์ตูนก็ง่าย

    ที่ผ่านมานิยายจีนหลายเรื่องถูกดัดแปลงเป็นการ์ตูนค่อนข้างมาก จากยุคแรกๆ ที่เป็นวรรณกรรมจีน อย่างนาจา, สามก๊ก มาถึงยุคนิยายกำลังภายใน อย่างมังกรหยก, แปดเทพอสูรมังกรฟ้า, อุยเสียวป้อ ฯลฯ

    (หากใครไม่รู้ ครั้งหนี่งเคยมีอนิเมชั่น นาจา ด้วยนะเอ่อ)

    ส่วนนิยายแปลจีน ที่ทำอนิเมะในตอนนี้ เท่าที่ทราบก็มี King Of Avatar (นิยายLCโดยสยาม อินเตอร์ ชื่อเต็มว่า Groly เทพยุทธ์เซียน) มีเนื้อหาเกี่ยวกับอีสปอต เกมออนไลน์ ที่กำลังจะเป็นพล็อตที่ได้รับความนิยม และทันต่อโลกยุคปัจจุบันเวลานี้ดี

    ประเด็นคือ ในตอนนี้อนิเมะจากนิยายแปลจีนที่ผมรู้จัก ที่ทำเท่าเทียมกับญี่ปุ่น คือส่วนใหญ่เป็นแนวแอ็คชั่น เนื้อหาบ้าพลัง ผมยังมองไม่ออกว่านิยายแปลจีนจะมีเรื่องไหนบ้าง ที่สร้างอนิเมะดีๆ สักเรื่อง ที่ไม่มีกำลังภายใน

    อนิเมะดัดแปลงจากนิยาย ก็เป็นสิ่งที่ยากพอสมควร เพราะจะทำยังไงที่จะสร้างอนิเมะโดยสามารถเก็บรายละเอียดนิยายโดยไม่ตกหลุม หรือทำออกมาให้คนดูรับได้ คำตอบคือยากมาก เพราะอย่างที่รู้คือนิยายแปลค่อนข้างยาว มีรายละเอียด ฉากเยอะมาก อย่าง  King Of Avatar เองก็มีคนติว่า ตัวอนิเมะนั้นตัดรายละเอียดเยอะมาก 

    และโดบส่วนตัวผมนั้นละเลยวัยที่ไม่ได้ดูอนิเมะบ้าพลังแล้ว ผมอยู่ในวัยที่เสพเนื้อเรื่อง ดูคาแร็คเตอร์ของตัวละคร  ความลึกของตัวละคร ซึ่งจะให้ดูตัวละครปล่อยพลังลูกเดียว ไร้ซึ่งพัฒนาการที่ดี (พัฒนาด้านเลวลง อันนี้ผมก็ใช่ว่าจะชอบ)

    อนิเมะที่ดี จะเป็นอุตสาหกรรมได้ เนื้อหาจะต้องหลากหลาย  ไม่เพียงแอ็คชั่นเท่านั้น อาจจะมีแนวชีวิตประจำวัน (โมเอะ), ไอดอลเต้นล่าฝัน ไปจนถึงกีฬา (ก็น่าแปลกใจ จีน เป็นประเทศที่เป้นเจ้าแห่งกีฬา แต่ไม่เห็นอนิเมะกีฬาออกมาเลย) อาจจะต้องสากล เข้าถึงทุกเพศทุกวัยก่อรน แต่ถ้าจะเน้นกำลังภายในอย่างเดียว

                  มันไม่เหมือนนิยายไลท์โนเวลของญี่ปุ่น รายนั้นเนื้อหาเพื่อเหมาะในการทำเป็นอนิเมะอยู่แล้ว เพราะการบรรยายเข้าใจง่าย ลักษณะของตัวละคร เนื้อเรื่องที่น่าติดตาม ทำให้อนิเมะจากไลท์โนเวลก็ยังคงขายได้   ซึ่งไม่รู้ว่าจะนิยายจีนเรื่องไหนเหมาะในการทำเป็นอนิเมะบ้าง

    จากนิยายแปลจีนทึ่ไม่รู้จะมีเรื่องไหนเหมาะในการทำอนิเมะไปแล้ว อีกหนึ่งวัตถุดิบที่นำไปทำเป็นอนิเมะก็คือ การ์ตูนพู่กันจีน- การ์ตูนเน็ต –และมังงะจีน (ไม่รู้จะเรียกอะไร ขอเรียกมังงะละกัน มันสากลดี)

    เริ่มจากการ์ตูนพู่กันจีน ก็เป็นการ์ตูนฮ่องกงที่คนไทยคุ้นเคยไม่น้อย เพราะสำนักพิมพ์บูรพัฒน์ก็ซื้อลิขสิทธิ์หลายเรื่องเอามาวางแผงให้คนไทยได้อ่าน เรื่องดังๆ ก็ส่วนใหญ่จากนิยายกำลังวภายในที่มีชื่อเสียง อย่าง มังกรหยก, แปดเทพสูตรมังกรฟ้า, วีรบุรุษไร้น้ำตา (ไม่มีน้ำตาในวีรบุรุษ), เซียวฮื่อยี้, เจาะเวลาหาจิ๋นซี ฯลฯ ยังรวมไปถึงการเอาวีดีโอเกมไฟติ้งมาดัดแปลง อย่าง คิงออฟไฟเตอร์ และสตรีทไฟเตอร์ และออริจินอลการ์ตูนฮ่องกงบางเรื่อง

    การ์ตูนพู่กันนั้นส่วนใหญ่นำเสนอความการตวัดเส้นของพู่กันจีน ฉากอลังการ การต่อสู้ ปล่อยพลังบางเรื่องยังมีส่วนผสมแฟนตาซีหน่อยๆ  ตัวละครหล่อ เท่ สาวสวย จนบางคนติดกันงอมแงม สมัยก่อน เคยมีคนวาดตัวละครชื่อ “อู๋ผิง” (ซึ่งก็ไม่รู้ว่ามาจากเรื่องใด ติดเสื้อพละโชว์เท่อีกต่างหาก (แต่จะผิดกฎโรงเรียนหรือไม่ก็ไม่รู้)

    อย่างไรก็ตาม  ก็มีหลายคนบ่นเรื่องการ์ตูนพู่กันจีนเหมือนกัน  เช่น ฉากดูยาก อลังการเกินไป และหงุดหงิดกับกรอบที่บรรยายความคิดของตัวละคร ไม่รู้จะใส่ไปทำไม  ส่วนตัวการ์ตูนพู่กันจีนหลายเรื่องทำเอาฝันร้ายมาแล้ว เพราะดำเนินเนื้อเรื่องออกทะเลได้ใจมาก (ไม่ตรงต้นฉบับ แถมดัดแปลงเละด้วย)  เป็นต้นว่า วีรบุรุษไร้น้ำตา, สตรีทไฟเตอร์นี้ก็ไม่เบากลายเป็นแนวจอมยุทธ์ภพแฟตาซีไปเฉย ใครมาคงปวดหัวไม่น้อย (ไม่แปลกเลย พวกแฟนสตรีทไฟเตอร์ไม่อยากจะนึกถึงมันด้วยซ้ำ)

                    ส่วนตอนนี้มีอนิเมะจากการ์ตูนพู่กันจีนหรือไม่ อันนี้ผมก็ไม่แน่ใจมากนัก แต่สามก๊กมีแน่ๆ (แต่จำไม่ได้ว่าเป็นของเวอร์ชั่นไหน)


     


    อีกการ์ตูนที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นวัตถุชั้นดีในการทำอนิเมะตอนนี้ ก็คือการ์ตูนจากเว็บบอร์ด และในรูปแบบมังงะ ซึ่งช่วงนี้ก็เริ่มมีหลายเรื่องถูกดัดแปลงมาเป็นอนิเมะด้วยซ้ำ

    การ์ตูนจีนที่ผมเห็นบ่อยๆ นอกจากจะเห็นวาดในเฟคบุ๊ค (แต่ประเด็นคืนจีนไม่มีเพจบุ๊ค ดังนั้นน่าจะเป็นประเทศอื่นมากกว่าที่วาด) ก็มีการ์ตูนที่เป็นภาพสีทั้งเรื่อง หนึ่งตอนมีไม่กี่หน้า และส่วนใหญ่เป็นแฟนตาซี

    เท่าที่ทราบว่า การ์ตูนประเภทนี้มีเยอะ ปัจจุบันก็ยังเห็นในเว็บจีนอยู่หลายเรื่อง และนอกเหนือจากแฟนตาซี ผมก็ยังเห็นแนวอื่นๆ ด้วย นอกเหนือจากกำลังภายใน ไม่ว่าจะเป็น แนวตลกชีวิตประจำวัน เข้ามาบ้าง จึงน่าจะเป็นมิตรหมายที่ดีที่จะได้เห็นการ์ตูนจีนที่เนื้อเรื่องหลากหลายบ้าง

    ผมก็เขียนถึงนิยายแปลจีน และการ์ตูนจีน ในแง่การ์ตูนกำลังภายในทั้งหลายแหล่ ส่วนตัวแล้วมันไม่เหมาะกับการทำอนิเมะในตอนนี้ แม้แต่มังกรหยกก็ไม่เหมาะ นอกเสียจากจะตัดแปลงให้มันน่าสนใจ เช่น พระถังพลัง K ที่ดัดแปลงตำนานไซอิ๋วให้ออกมาตลกชวนหัว เอาพวกก๊วนพระถังเป็นผู้หญิงหมด ส่วนพระถังกล้ามโตๆ มันเป็นอะไรที่แปลกใหม่ เหมาะสำหรับทำเป็นอนิเมะมาก  

    คราวนี้มาถึงคุณภาพอนิเมะจีน (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าทำที่จีนจริงๆ หรือเปล่า เพราะผมไม่ได้เชี่ยวด้านนี้) รวมถึงอนาคตอนิเมะจีนจะเป็นยังไง

                    ช่วงหลังๆ วงการอนิเมะญี่ปุ่นกำลังซบเซ้า คือมันไม่ใช่ธุรกิจที่ทำเงินเหมือนอดีต เรื่องไหนดีก็ดีไป เรื่องไหนทำเจ๊ง สตูดิโอบางเจ้าถึงขั้นเจ๊งตามไปด้วยก็มี ส่วนแรงงานก็หายากขึ้น เพราะงานหนัก ค่าแรงถูก คนทำอนิเมะจะต้องอึดมีใจรักมากๆ (ถึงมาก) เพราะแทบจะไม่ได้เงินตอบแทนเลย

                    น่าแปลกคือในขณะที่วงการอนิเมะญี่ปุ่นซบเซา อนิเมะจีนกำลังจะบูม

                    ทำไมจีนถึงเริ่มสนใจทำอนิเมะ ความจริงประเทศจีนเป็นจอมทุ่มเงิน ทำธุรกิจหลายอย่างอยู่ก่อนหน้านานแล้ว ไม่ว่าจะเป็น สื่อบันเทิงอย่างภาพยนตร์ของฮอลลีวูด สื่อบันเทิงต่างๆ ที่จีนเป็นคนเอาเงินมาลงทุน ด้วยความหวังในการทำภาพยนตร์เกี่ยวกับประเทศของตน หรือเป็นเจ้าของภาพยนตร์บางเรื่อง เอามาฉายในจีน และทำกำไรจากการฉายให้คนจีนที่มีจำนวนมากมาย

                    แน่นอนว่าจีน ก็เหมือนไทยนั้นแหละ ที่เรื่องอนิเมะนั้นเป็นของใหม่สำหรับพวกเขา ที่ไม่สามารถทำคุณภาพดีได้ แต่ถึงอย่างนั้นจีนเป็นประเทศที่ใหญ่ และมีทรัพยกรเยอะ ไม่ต้องถึงมือรัฐบาล บริษัทจีนใหญ่ๆ มีแผนในการทำอนิเมะตีตลาดจีนด้วยกัย จีนได้แก้ปัญหาคุณภาพอนิเมะ ด้วยการตั้งบริษัทร่วมมือกับบริษัททำอนิเมะจากญี่ปุ่น ด้วยการออกเงินลงทุนให้ ทั้งลงทุนทำอนิเมะจากต้นฉบับญี่ปุ่น, ออริจินอลที่มีเนื้อหาแบบจีนๆ , หรือต้นฉบับจากมังงะของจีนเอง (ในขณะที่บ้านเรา 9 ศาสตรา นั้นเราร่วมมือกับทีมงานสร้างอนิเมชั่นจากตะวันตก) ผลคือพวกเขาได้อนิเมะที่มีคุณภาพเทียบกับอนิเมะญี่ปุ่นหลายเรื่องเลย เป็นต้นว่า

    Bloodivores (ดัดแปลงการ์ตูนออนไลน์จากเว็บไซต์ Tencent บริษัทใหญ่ยักษ์ในจีน จัดทำอนิเมชั่นโดย Creators in Pack),

    Soul Buster (ดัดแปลงจากการ์ตูนจีน ทำอนิเมชั่นโดย Studio Pierrot ของญี่ปุ่นโดยมี Youku Tudou บริษัทบันเทิงขนาดใหญ่จากประเทศจีนร่วมผลิต)

     Hitori no Shita the outcast (เนื้อเรื่องมาจากการ์ตูนออนไลน์ภาษาจีน บนเว็บไซต์ของ Tencent อีกหนึ่งเรื่อง ส่วนการผลิตเป็นการร่วมผลิตของ Emon Animation Company บริษัทอนิเมชั่นจากจีนที่มีสาขาในญี่ปุ่น กับ NAMU Animation บริษัทอนิเมชขั่นเกาหลีที่มีสาขาในญี่ปุ่น)

     RoboMasters: The Animated Series (บริษัท Da-Jiang Innovation ผู้ผลิตสินค้าจำพวกโดรนและหุ่นยนต์ร่วมผลิตกับ Dandelion Animation ของประเทศญี่ปุ่น)\

     วันวุ่นๆ ของคุณเซนทอร์ (ตัวการ์ตูนต้นฉบับเป็นของญี่ปุ่นแต่บริษัทจัดทำอนิเมะคือ Emon Animation Company)

    School Shock (Haoliners Animation League)

    และก็มีเรื่องอื่นหลายเรื่อง ซึ่งปัจจุบันทุกซีซั่นจะมีอนิเมะที่มีผลงานจากจีน (อาจจะร่วมผลิตเล็กน้อย หรือร่วมลงทุน ไปจนถึงผลิตเองร้อยเปอร์เซ็นต์) ออกมาฉายเรื่องสองเรื่อง  

     จะว่าไปสตูดิโอ Haoliners Animation League  เป็นบริษัทที่ทำอนิเมะซึ่งก็อยู่เบื้องหลังอนิเมะหลายเรื่อง บริษัทนี้ที่ตั้งอยู่ใน เซี่ยงไฮ้, ประเทศจีน ก่อตั้งในปี 2013 และมีสาขาย่อยในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น (Animation Company Emon)

    สาเหตุหนึ่งที่จีนร่วมลงทุนทำอนิเมะกับญี่ปุ่น เพื่อให้คนของตนเองได้เรียนรู้เทคนิค เทคโนโลยีในการสร้างอนิเมะมาจากคนญี่ปุ่นนั้นเอง และเมื่อคนของตนเองมีฝีมือ ปีกแข็ง จนสามารถสร้างอนิเมะของตนเองได้โดยไม่ต้องพึ่งญี่ปุ่นแล้ว พวกเขาก็เลิกใช้บริการของญี่ปุ่น และผลิตอนิเมะเป็นของตนเองเสียเลย

     


     

                    เหมือนจะดูอนิเมะจากประเทศจีนจะอะไรเป็นใจหมด วงการอนิเมะญี่ปุ่นซบเซ้า จีนเงินหน้า บุคลาการมีคุณภาพ อนิเมะหลายเรื่องเริ่มออกมารั่วๆ ก็ไม่แปลกที่มีบางคนบอกว่าอีก 5 ปี อนิเมะจีนจะครองตลาดวงการอนิเมะ ส่วนอนิเมะญี่ปุ่นตกขอบ อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวผมแล้ว 5 ปีถือว่ายังน้อยไป ที่จะอวยอนิเมะจีนถึงจุดนั้น ด้วยเหตุผลมากมายที่อาจไม่ได้เป็นอย่างหวัง เป็นต้นว่า

                    เสียงพากย์จีน ชื่อจีน – ก่อนอื่นขอบอกว่าคนจีนนั้นก็ชอบอนิเมะญี่ปุ่นจำนวนมาก และแน่นอนว่ารสนิยมของคนจีนก็แตกต่างกัน ทำให้อนิเมะจีนจึงทำอนิเมะแนวที่คนจีนอยากดู และมีความคิดที่จะทำอนิเมะส่งออกเป็นอุตสาหกรรม แต่ปัญหาคืออุปสรรคทางภาษา

                    แม้ว่านิยายจีนจะมีการบรรยายที่สละสลวย แต่เอาเข้าจริงหากให้เราฟังพากย์จีน มันไม่ช่างไม่เข้าหูเสียเลย คือโดยส่วนตัว ไม่รู้ว่าคนไทยส่วนใหญ่หรือเปล่า การมาฟังตัวละครพูดภาษาจีนมันเป็นอะไรที่เลวร้ายมาก คือ พูดเร็ว ฟังแล้วเมา  (อีกเสียงที่  ผมแทบไม่อยากฟังเลย คือเสียงพากย์เกาหลีใต้ เอาตรงๆ นะไม่ชินสักนิด) แม้ว่าเราจะคุ้นเคยละครกำลังภายในมานาน แต่นั้นเพราะตัวละคระพากย์ไทย ทีมงานพากย์ช่อง 7 ช่อง 3 ทำให้ดูละครเรื่องนั้นสนุก ในขณะที่พากย์จีนเราฟังน้อยมาก แถมฟังแล้วไม่เข้าหู (ใครเคยมีประสบการณ์กินอาหารในร้าน แล้วรำคาญ ทัวร์จีน พูดเสียงดังแบบไม่เกรงใจคนรอบข้างหรือเปล่าครับ ขอบอกว่า โครตนรก แทนที่ผมจะได้กินอาหารเงียบๆ สบายๆ มาเจอแบบนี้ โครตเซ็ง))

    ผิดกับภาษาญี่ปุ่น เป็นภาษาที่เราคุ้นชินกว่า ฟังแล้วสบายหูกว่า ได้อารมณ์ ดูน่ารัก ดูเป็นอนิเมะ แถมนักพากย์ญี่ปุ่นนั้นมืออาชีพ (แม้ผมจะไม่ค่อยให้ความสำคัญเรื่องใครพากย์ก็เถอะ) ส่วนเสียงพากย์จีน ขนาดพยายามทำเสียงตัวละครน่ารัก ยังขัดหูเลย

    ก็ไม่แปลกที่อนิเมะจีนหลายเรื่องที่เราดูตอนนี้ มักใช้เสียงพากย์ญี่ปุ่น มากกว่าภาษาจีน (รวมถึงเกมจีนด้วย) รวมถึงการตั้งชื่อตัวละครที่พยายามตั้งชื่อให้ติดหู ฟังแล้วคล้ายๆ ภาษาญีปุ่น เพราะเราก็รู้ดีว่า ชื่อตัวละครจีนนั้นจำยากมาก (ไม่รู้เป็น ภาษาจีนกลาง หรือกลางตุ้ง) จีนยังต้องพึ่งญี่ปุ่นอีกเยอะ หากจะต้องการทำผลงานขายนอกประเทศ

    ยังไม่มีวัตถุดิบที่ดีในประเทศ-ในขณะที่ญี่ปุ่นมีวัตถุดิบมากมาย ไม่ว่าจะเป็นออริจินอล, การ์ดเกม, บอร์ดเกม, มังงะ, นิยาย ฯลฯ สามารถทำมาสร้างอนิเมะมากมาย แต่จีนยังไม่มีวัตถุดิบดัดแปลง แม้ว่าจีนจะมีเกมออนไลน์, เกมมือถือ แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีโครงการทำอนิเมะเลย (หรือผมตกข่าวก็ไม่ทราบ) ส่วนนิยายจีน แม้จะมีเนื้อหาเริ่มก้าวทันโลกขึ้น แต่ด้วยเนื้อหา ความยาวของนิยาย มันไม่เหมาะที่จะดัดแปลงเป็นอนิเมะดีๆ สักเรื่อง

    ปล. นอกจากจะมีเรือรบโมเอะ จีน ก็น่าจะทำเป็นอนิเมะได้ แต่ปัญหาคือจีน จะทำไหมเท่านั้น

    ดังนั้นจีนจีนยังต้องพึ่งญี่ปุ่นอีกเยอะ – นอกเหนือจากงานพากย์แล้ว ก็ยังมีหลายเรื่องที่จีนต้องพึ่งญี่ปุ่น ทั้งการออกแบบตัวละคร การกำหนดเนื้อเรื่อง  ซึ่งหลายคนคงทราบว่าการทำออริจินอลนั้นทำยากเพียงใด

    ในขณะเดียวกันการดัดแปลงประวัติศาสตร์จีนยังอ่อนกว่าญี่ปุ่น-คือต้องยอมรับ ว่ายกนี้จีน (รวมไปถึงฮ่องกง เกาหลี) แพ้ญี่ปุ่นในด้าน การนำประวัติศาสตร์จีนมาดัดแปลงมาเป็นการ์ตูนแบบไม่เห็นฝุ่น ไม่ว่าจะเป็นสามก๊ก, จิ๋นซีฮ่องเต้,ฌ้อปาอ๋อง หากจีนดัดแปลงเรื่องพวกนี้จะเน้นการเชิดชูความเป็นวีรบุรุษของตัวละคร การดำเนินเรื่องที่ค่อนข้างโอเวอร์มากเกินไป จะดีหน่อย คือหงสาจอมราชันย์ที่ได้รับคำชมกัน แต่ถ้าเทียบญี่ปุ่นแล้วมันไม่เพียงพอ

    ในขณะญี่ปุ่นแม้ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ของจีน  ไม่ใช่ประเทศของตน แต่พวกเขาก็ดัดแปลงเรื่องราวประวัติศาสตร์เหล่านั้นได้อย่างสนุกน่าสนใจ  นำเสนอสิ่งใหม่ๆ ตัวละครมีความเป็นมนุษย์ ไม่ได้โอเวอร์ เป็นวีรบุรุษเก่งเทพ อย่าง การทำนำขงเบ้ง หรือ ฌ้อปาอ๋อง มาทำเป็นอนิเมะก็นำเสนออีกด้านของตัวละครที่ไม่ได้เก่งกาจ แต่มีความเป็นมนุษย์ ที่มีทั้งความผิดพลาด ความแค้น การปรับตัว ฯลฯ หรือการนำตัวละครที่หลายคนไม่เคยสนใจอย่าง หลี่ฉิง มาสร้างเป็นคิงดอม นำเสนอภาพลักษณ์จิ๋นซีฮ่องเต้แตกต่างกันไป ก็ทำให้การ์ตูนเรื่องนั้นน่าสนใจไม่น้อย ขนาดคนจีนเองยังบันเทิงเรื่องพวกนี้เลย (เห็นจากการแปลในเว็บจีน เยอะมาก)

    แนวเรื่องยังไม่หลากหลาย  (โดยเฉพาะไม่มีแนวฮาเร็ม) – แม้ว่าจีนจะพยายามสร้างอนิเมะให้ตรงกับรสนิยมคนดูที่เป็นคนจีน แต่เอาเข้าจริง แนวเรื่องของจีน ตอนนี้ยังไม่ได้หลากหลาย เพราะอนิเมะจีนในตอนนี้มีเพียงแอ็คชั่น ต่อสู้กัน (กำลังภายในนิดๆ) แม้จะมีแฟนตาซี ไซไฟ แต่ก็ไม่พ้นแอ็คชั่นอยู่ดี  ทำให้ไม่ได้หลากหลาย ในขณะที่อนิเมะสร้างรายได้ ส่วนใหญ่จะเป็นอนิเมะเฉพาะกลุ่ม อนิเมะที่หลายคนดูถูก อย่างแนวโมเอะ, แนวไอดอล, ยูริ-ยาโอย, แนวชีวิตประวันในโรงเรียนของลูกผู้หญิง ที่เราก็รู้ว่าเป็นแนวที่คนเปย์หนักมาก   ส่วนอนิเมะแนวอื่นๆ อย่างแนวขับหุ่นยนตร์, รวมไปถึงแนวตลก, ส่วนออริจินอลก็มีอะไรน่าสนใจออกมาเรื่อยๆ  อนิเมะจีนไม่มี

    นอกจากนี้จีนยังไม่มีแฟรนไซต์ที่ขายได้ ที่ญี่ปุ่นมีแฟรนไซต์อย่าง Fate ที่ทำออกมาเมื่อไหร่ก็ขายได้ แม้ว่าภาคล่าสุด Fate/Apocrypha จะขายได้ต่ำกว่าภาคอื่นๆ แต่ช่อซีรีย์ยังขายได้ รวมไปถึงสินค้าจากซีรีย์ การอวยตัวละคร ทำให้ซีรีย์ไม่ขาดทุน

    อีกหนึ่งแนวที่ไม่รู้จีนจะสนใจหรือเปล่า คือแนวฮาเร็ม (อันนี้สำคัญ) อย่าดูถูกแนวฮาเร็ม เพราะแนวฮาเร็มในตำนานก็มี หลายเรื่องจดจำ หากไม่มีแนวฮาเร็ม คุณก็ไม่มีวันเข้าใจความน่ารักตัวละคร ไม่มีการอวยตัวละคร ตัวละครหญิงที่น่ารักที่หลายคนชอบมาจากแนวฮาเร็มทั้งนั้น หากไม่มีแนวฮาเร็ม เราไม่ได้เห็นอีเวนส์ ไม่มีฉากเซอร์วิสให้กระชุ่มกระชวย อย่างที่เราเห็นว่า แม้อนิเมะนั้นจะไม่ได้เป็นแนวฮาเร็มจ๋า แต่ตัวอนิเมะก็ทำให้เราจิ้น คอเมดี้ รูท ให้ได้เห็นพระเอกมีปฎิสัมพันธ์กับผู้หญิงบ้าง แต่จีนไม่ได้สนใจในเรื่องนี้ และไม่รู้ชาตินี้จะมีแนวฮาเร็มหรือเปล่า

    แถมตรรกะมองฮาเร็มของจีน ก็เหมือนกับไทยอีกต่างหาก คือพระเอกมีผู้หญิงเยอะๆ=ฮาเร็ม ทั้งๆ จริงๆ แล้วความสำคัญของฮาเร็มคือการอีเวนส์ของเหล่าพระเอกกับผู้หญิงต่างหาก

    นอกจากนี้จีนยังเป็นประเทศที่คนทั่วไปดูถูกว่าเป็นพระเอกขี้ก็อป อนิเมะบางเรื่องเหมือนจะก็อปผลงานซีรีย์ดังๆ อย่าง Soul Buster  ก็เหมือนจะก็อป Fate มา อนิเมะจีนยังขาดความเป็นตัวของตัวเอก ขาดจุดดึงดูด ขาดความเป็นเอกลักษณ์ และในขณะเดียวกันก็ยังไม่สามารถพ้นแอ็คชั่นกำลังภายในนัก

    ตัวละครยังไม่ดึงดูด - จะว่าไป ประเทศญี่ปุ่นมักให้ความสำคัญตัวเอกที่เป็นผู้ใหญ่มากกว่า วัยรุ่น แต่ช่วงหลังๆ ก็เริ่มมีตัวละครวัยรุ่นอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างนั้น ตัวละครยังขาดมิติ  หรือออกไปทางสายเรียลเกินไป ทำให้ตอนนี้เรายังไม่เห็นตัวละครจากอนิเมะจีนที่น่าจดจำ

    โดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ชอบค่อยชอบตัวละครที่ออกแบบหล่อคมสัก ขายความเท่มากสักเท่าไหร่ ผมชอบตัวละครที่ออกแบบธรรมดา มีความมนุษย์มากกว่า เพราะมันเข้าถึงกล่าว มันสายเรียลมากกว่า ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าอนิเมะที่จีนทำร้อยเปอร์เซ็นต์จะมีตัวละครประเภทนี้หรือเปล่า

    ตอนนี้ยังไม่มีอนิเมะที่เป็นที่กล่าวถึง-สิ่งที่จีนยังขาดตอนนี้ (ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้มีหรือเปล่า) คือคนเขียนบท, ผู้กำกับ, ไดเร็กเตอร์ ต่อให้จีนจะมีเทคโนโลยี มีทีมงาน แต่สิ่งที่ขาดคือคนเขียนบท ให้อนิเมะออกมาสนุก น่าติดตาม รวมไปถึงการใส่สิ่งที่น่าตื่นตา ใส่เอกลักษณ์ลงไป อย่างจอมมาเก็นหลายคนก็จดจำในฐาน  อีกทั้งจุดที่อนิเมะจะไปได้ หรือการสร้างเรื่องที่กล้าจะแหวกโค้ง อินดี้ แม้ว่าอนิเมะเหล่านี้คนตามน้อย แต่สำหรับผมแล้วมันโครตมีค่ามาก หากจะให้จัดอันดับอนิเมะที่ผมชอบ ส่วนใหญ่จะเป็นอนิเมะนอกสายตาทั้งนั้น แถมอนิเมะดังๆ ส่วนใหญ่เป็นอนิเมะนอกสายตาด้วยซ้ำ แต่จีนไม่สามารถไม่สามารถทำได้ เลือกที่จะดำเนินเรื่องเป็นเส้นตรง  เน้นไปทางตลาดต้องการมากกว่า

    คุณภาพมันไม่ใช่สิ่งที่สำคัญ แต่มันอยู่ที่เนื้อเรื่อง การนำเสนอต่างหาก

                    อย่าดูถูกอนิเมะญี่ปุ่น- ผมเห็นเว็บหนึ่งเอาหัวข้อนี้ตั้งกระทู้ ใสถกกัน แต่ส่วนใหญ่ ดูถูกอนิเมะญี่ปุ่น หาว่าอนิเมะซ้ำซาก (บ่นแบบเดิมๆ) อนิเมะญี่ปุ่นเสื่อมความนิยมลง บลาฯลฯ ไม่รู้ว่าจะแขวะอนิเมะญี่ปุ่นไปเพื่ออะไร (ราวกับว่าขอแขวะไม่ก่อน เหมือนเปรียบเทียบประเทศไทยเรากับประเทศอื่น จบด้วยการแขวะประมาณนั้น)  ทั้งๆ ที่มากับอนิเมะญี่ปุ่นมีอายุยาวนาน เราเติบโตมาด้วยอนิเมะญี่ปุ่น ได้ดูอนิเมะญี่ปุ่นหลายเรื่อง  อนิเมะญี่ปุ่นก็คงไม่เสื่อมถอยลงเพราะอนิเมะจีนมาแทนที่หรอก

                    ความจริง มันไม่ได้เป็นครั้งแรกที่มีคนออกมาบ่นอนิเมะญี่ปุ่นในลักษณะ  เพราะนานมาแล้ว สมัยการ์ตูน CN พาวเวอร์พัฟฟ์เกิลส์กำลังฉายใหม่ๆ จนโด่งดังด้วยเนื้อหาจิกกัดประเด็นสังคมอเมริกัน และมีเนื้อหาแปลกใหม่  ฮิตจนกลบกระแสอนิเมะญี่ปุ่นไปช่วงหนึ่ง แล้วมีคนมาว่าอนิเมะญี่ปุ่นขาดความคิดสร้างสรรค์ ทำให้มีบางคนบอกว่าการ์ตูนอเมริกาจะมาแทนที่การ์ตูนญี่ปุ่นแล้วแน่นอน หากแต่....... อย่างที่เห็นปัจจุบันอนิเมะญี่ปุ่นก็ยังเข้มแข็งเหมือนเดิม

                    แม้ว่าอุตสาหกรรมอนิเมะญี่ปุ่นจะเสื่อมลงไปบ้าง แต่ผมยังคิดว่าธุรกิจนี้ก็ยังสร้างกำไรอยู่  เพราะบางครั้งจุดประสงค์การสร้างอนิเมะก็เพื่อโปรโมตมังงะ นิยาย และเกมมือถือ แล้วก็หากำไรจะสินค้าที่ระลึก และหากมีเรื่องออริจินอลเรื่องไหนดัง

                    ต้องเข้าใจว่าซีซั่นหนึ่ง มีอนิเมะญี่ปุ่นหลายเรื่อง  ก็มีเรื่องดีบ้าง ไม่ดีบ้าง คุณภาพต่ำบ้าง  แต่ถึงอย่างนั้นบางเรื่องคุณภาพต่อแต่เนื้อหาก็สร้างสรรค์ก็ควรชื่นชม ขนาดผมอายุมากกว่า 30 แล้ว ผมก็ไม่ได้ดูอนิเมะมากนัก ส่วนหนึ่งก็เพราะไม่มีเรื่องตรงกับรสนิยมของผมเท่านั้นเอง

    และอย่าลืมว่าอนิเมะญี่ปุ่น พื้นฐานเขาสร้างให้คนญี่ปุ่นดู ไม่ได้สร้างเอาใจคนไทย ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งเหมือนกัน เพราะอนิเมะที่สร้างคนญี่ปุ่นดู เพราะถึงยังไงจำนวนคนญี่ปุ่นที่ชอบอนิเมะพร้อมจะทุ่มซื้อก็มีเยอะกว่า และมันก็ทำให้เนื้อหาอนิเมะเป็นธรรมชาติมากกว่า อย่างน้อยพวกเขาก็ได้กำไรในประเทศ ส่วนการส่งออกเป็นเรื่องรอง

                    ผมว่าสมัยนี้น่าอิจฉาด้วยซ้ำ เพราะคนดูมีหลายทางเลือกในการเสพอนิเมะ ไม่เหมือนสมัยก่อน ตัวเลือกไม่ค่อยมี มีอนิเมะไม่กี่เรื่องที่เสพ มาเรื่องโครตน่าเบื่อ แต่ก็ทนดู เพราะมันเป็นบันเทิงไม่กี่อย่าง แต่ในขณะเดียวกัน ทางเลือกการดูอนิเมะญี่ปุ่นใหม่ๆ ที่ว่า มันเป็นการดูแบบปลิงๆ  ดีไม่ดี ตัวเรานี้แหละที่ทำให้อนิเมะญี่ปุ่นเสื่อมลง เพราะพวกเขาไม่มีกำไรในการพัฒนางานชิ้นต่อไป

     


                    ก็จบลงเพียงเท่านี้ สำหรับการพูดถึงนิยาย มังงะ และอนิเมะของจีน ซึ่งหัวข้อว่าอนิเมะจีนจะมาแทนที่ในอีก 5 ปีหรือไม่นั้น ผมว่าเป็นไปไม่ได้ แต่การร่วมทุนกันสร้างนั้นก็คงเป็นไปได้ อนิเมะจีนก็คงมีหลายอย่างที่ต้องปรับปรุง ซึ่งก็คงใช้เวลายาวนานสักพักถึงจะได้เป็นเป็นรูปธรรม






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×