ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #434 : บทสรุป To Love-Ru Darkness ภาคนี้ก็ยังคงค้างคา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.02K
      45
      14 มี.ค. 60

    ช่วงนี้การ์ตูนที่ผมติดตามอยู่ก็ทยอยจบไปแล้ว (ยามาดะคุงกับแม่มดทั้ง 7 จบน่าเบื่อครับท่าน ไม่ได้ตามหรอก แต่อยากบ่น)  และหนึ่งการ์ตูนที่ติดตามอย่างยาวนานก็มี To Love-Ru Darkness รวมอยู่ด้วย ซึ่งในฐานะที่การ์ตูนที่ผมชอบ ก็ขอพูดถึงสิ่งที่น่าประทับใจต่อการ์ตูนเรื่องนี้ ในบทความนี้กัน

     

     

    To Love-Ru Darkness

     

    To Love-Ru ก็ยังคงเป็นการ์ตูนแนวฮาเร็มที่หลายคนรู้จัก หลังจากที่ภาคแรกจบลงเมื่อปี 2009  (ส่วนตัวถือว่าเป็นหนึ่งในตอนจบโครตช็อกตั้งแต่อ่านจัมป์มา) ที่กะทันหัน และค้างคาใจหลายคน ต่อมาปี 2010 ผู้แต่งซากิ ฮาเซมิ (Saki Hasemi)  และผู้วาดเคนทาโร่ ยาบุกิ (Kentaro Yabuki)  ก็ได้เข็นภาคใหม่ที่ต่อจากภาคแรกออกมาในชื่อ To Love-Ru Darkness  

    การกลับมาของ To Love-Ru ในภาคใหม่นี้ คนแต่งคนวาดได้พยายามทำอะไรหลายอย่าง  ไม่ว่าจะเป็นการ เพิ่มปม  เพิ่มธง (ตัวละครไหนที่ยังไม่ได้ปักธงในภาคก่อน ภาคนี้ก็มีรูท ) เพิ่มเนื้อเรื่องให้ดูน่าติดตามมากขึ้น รวมไปถึงการเพิ่มตัวละครใหม่ที่กลายเป็นตัวหลักสามคน (เทียร์, เมอา และเมเนซีส)  

    และที่แปลกคือในภาคนี้ลาล่าไม่ได้เป็นนางเอกตัวหลักเหมือนภาคก่อน (ความจริง ภาคก่อนลาล่าก็บทน้อยในช่วงหลัง) โดยเนื้อหาในภาคนี้ เน้นตัวหลักสามคน ก็คือ ยามิ และโมโมะเป็นหลัก

                    To Love-Ru Darkness   เริ่มเกริ่นเนื้อเรื่องต่อภาคแรกที่ริโตะล้มเหลวในการสภาพฮารุนะในสระว่ายน้ำ และโมโมะน้องสาวของลาล่ารู้สึกตัวว่าเธอนั้นชอบเขา แต่เธอไม่สามารถแย่งริโตะจากพี่ ดังนั้นโมโมะจึงมีความคิดสร้างฮาเร็มแก่ริโตะ  โมเมะเรียกแผนนี้ว่า  โปรเจ็ตฮาเร็มแผนนี้ริโตะจะต้องแต่งงานกับลาล่า และพวกสาวๆ จะต้องยอมรับรักริโตะด้วย เพื่อที่ให้ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข แต่ปัญหาคือโมโมะไม่รู้ว่าสาวรอบตัวริโตะมีใครบ้างที่ชอบ ดังนั้นเพื่อให้แฟนการสำเร็จโมโมะกับนานะได้เข้าไปเรียนชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนเดียวกับริโตะ เพื่อจับตาดูริโตะ

                    ขณะเดียวกันยามิสาวนักฆ่าจากต่างดาวที่ตอนแรกถูกจ้างวานเพื่อฆ่าริโตะ แต่ด้วยเหตุการณ์หลายๆ อย่างทำให้เธอเลิกล้มฆ่าริโตะและอาศัยอยู่บนโลก  นานวันเข้ายามิก็มีเพื่อน มีเรื่องสนุกอะไรทำมากมาย แม้ว่าเธอจะมีความสุขแต่กระนั้นในใจยังสับสนว่าที่นี้เป็นที่ของเธอสมควรที่จะอยู่จริงหรือไม่?

    ในเวลาเดียวกัน ที่ชั้นมัธยมต้นที่โมโมะกับนานะเข้ามาเรียนวันแรก ก็มีนักเรียนใหม่ลึกลับที่พึ่งเข้ามาเรียนอยู่ด้วย เป็นเด็กสาวที่ชื่อ “เมอา” และวันแรกที่โมโมะเข้าเรียน จู่ๆ ริโตะก็ถูกกลุ่มคนลึกลับเข้าโจมตี และพยายามดึงยามิกลับไปยังที่ของตน ด้วยการให้ยามิฆ่าริโตะซึ่งเป็นเป้าหมายไปให้พ้นๆ

    แน่นอนว่าคนที่รู้เรื่องนี้นอกเหนือจากยามิกับริโตะแล้ว ยังมีโมโมะน้องสาวของลาล่า ที่เป็นคนฉลาดเจ้าแผนการ ซึ่งเธอก็พยายามคุ้มครองริโตะให้พ้นอันตรายอยู่ห่างๆ

    ส่วนยามิจะปฏิเสธที่จะฆ่าริโตะ ก็พบเรื่องราวที่น่าตกใจ เมื่อเธอพบเรื่องน่าตกใจ เมื่อเธอพบว่าเมอาที่พึ่งย้ายมาเรียนนั้น แท้จริงแล้วเป็นน้องสาวของยามิ เธอเป็นผลงาน “อาวุธมีชีวิต” ที่เกิดหลังยามิ

    เมอาเริ่มสนใจริโตะ ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมีหลายคนสนใจมากนัก เมอาใช้ความสามารถพิเศษเข้าไปในจิตใจของริโตะ จนรู้ว่าริโตะนั้น “แอบหื่น” พร้อมกับทราบแผนการ “ฮาเร็ม” ของโมโมะที่คิดจะเอายามิเข้าไปอยู่ฮาเร็มริโตะ และนั่นทำให้เมอาเข้ามาในชีวิตริโตะ  ทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายตามมา.......

     

     

    เป็นเวลากว่า 5-6 ปี ที่ To Love-Ru Darkness ปล่อยสายตาของคนอ่าน และจบลงเมื่อปี 2016 แบบค้างคา โดยก่อนหน้านั้นภาคดาร์กเนสนมีเหตุการณ์หลักน่าสนใจ หลายเหตุการณ์ หากให้ไล่เลี่ยงกัน ส่วนมากจะเป็นเรื่องราวของริโตะกับรูทสาวๆ ในแต่ลตอนของยามิ ซึ่งก็มีดังต่อไปนี้ (ไม่นับรูทย่อยที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลัก)

     

    -ตัวละครใหม่ “อาเซนด้า” (เกรด C) นักฆ่ามาเอาชีวิตยามิและริโตะกับมิคัง ยามิแสดงความอ่อนแอครั้งแรกเพราะเธอไม่สามารถทำร้ายมิคังที่ถูกควบคุมอยู่ สุดท้ายโมโมะก็มาช่วยเหลือ ทำให้ยามิเชื่อใจโมโมะ (นิดหน่อย) พร้อมบอกความจริงว่าเมอาเป็นน้องสาวของตน และเริ่มชอบริโตะ

    -เมอาสนับสนุนฮาเร็มริโตะ (แต่ยังไม่ยอมให้ยามิอยู่ในฮาเร็มริโตะ)

    -รูทรุนแยกร่างกับเรน สิ้นสุดสายสลับเพศ (ผมค่อนข้างช็อกฉากนี้เลย จุดขายรุนแท้ๆ)

    -เมอาเผยความจริงว่าเป็น “อาวุธมีชีวิต” ต่อหน้านานะ ทำให้ผิดใจกัน หากแต่ริโตะเข้ามาปลอบใจนานะพร้อมกับกอด (นานะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ริโตะกอดในตอนนี้) ต่อมานานะก็สามารถคืนดีกับเมอาได้สำเร็จ

    -อาจารย์เทียร์ ตัวละครใหม่ปรากฏตัว!?  พร้อมเปิดเผยเรื่องราวความเป็นมาของยามิ

    -เนเมซีสเผยร่างจริง แท้จริงแล้วเธอเป็นโลลิ (เทียม) ที่มีความสามารถแบบยามิ ก่อนที่จะเจอฤทธิ์เทพสะดุดล้มของริโตะ  จนเนเมซีสสนใจริโตะ  

    -รูทรุ่นพี่หางม้า ริโตะช่วยรุ่นพี่ ปักธงอีกนาง

    -เมอาเปิดเผยว่าเป็นน้องสาวของยามิต่อคนทั้งโรงเรียนเพื่อช่วยเหลือทุกคน

    -รูทยามิ ในชั่วโมงว่ายน้ำเหมือนทุกวัน จู่ๆ ยามิกลายร่างเป็นดาร์กเนส สาวหื่นแบบยัน รักริโตะจนอยากฆ่าริโตะ ดาร์กเนสสู้กับลาล่า ลาล่ากลายเป็นเด็ก ริโตะใช้วิชาหื่นขยี้ร่างจนดาร์กเนสกลับมาเป็นยามิปกติ ขณะเดียวกันเมเนซีสเปิดเผยตนว่าความจริงตนเป็นเพียงความมืดสิ่งที่เหลือจากการทดลอง “อาวูธมีชีวิต” เท่านั้น และมีชีวิตอยู่ได้โดยอยู่ภายในสิ่งมีชีวิตอื่น

    -รูทเนเมซีส หลังเหตุการณ์ดาร์กเนส เนเมซีสได้แยกร่างจากเมอา และถูกโดนไล่ล่า สุดท้ายพ่ายแพ้กับราชาเดวิดรูค แต่ริโตะไม่ยอมให้เมเนซีสหายไป จึงให้เมเนซีสอยู่ในร่างของตนชั่วคราว และนั้นทำให้เมเนซีสเริ่มสนใจ (รัก) ริโตะ

     -รูทรุนสารภาพรักริโตะอีกครั้ง แต่ริโตะไม่ตอบรับ แต่ก็ไม่ได้หักธงรุน พร้อมสารภาพว่าในใจของเขายังคงลังเลรักสาวสองคนคือลาล่าและฮารุนะ เมื่อรุนได้ยิน เธอก็ยังคงบอกริโตะว่า เธอจะทำทุกอย่างให้เขามาชอบเธออีกคนให้ได้

    -รูทยามิ นักฆ่าอาเซนด้าจ้างวานคุโระให้เก็บริโตะ แต่ถูกเมอาและเมเนซีสมาขัดขวาง และคุโระก็ถูกปราบโดยดาร์กเนสยามิ  ท้ายสุดยามิได้สารภาพรักริโตะ จนริโตะหน้าแดงทำอะไรไม่ถูก

    -เนเมซีสขึ้นเป็นประธานนักเรียนโรงเรียนไซนันเพื่อแผนการฮาเร็มของริโตะ ขณะเดียวกันฮารุนะได้สารภาพว่าชอบริโตะมานานแล้ว

    -ตอนสุดท้าย ริโตะสารภาพต่อฮารุนะว่าเขาเองก็ชอบเธอเป็นยาวนาน แต่ไม่กล้าบอก ยิ่งตอนนี้มีสาวรอบตัวต่างมาสารภาพตนไม่ว่าจะเป็น ลาล่า, รุน, ยามิ ซึ่งเขาไม่สามารถหักธงได้

    - ริโตะมีความคิดจะหักธง เขาจะหักธงลาล่า หากแต่เมื่อคิดความประทับใจระหว่างเขากับลาล่า เขาก็ไม่สามารถหักธงลาล่าได้ ทำให้ริโตะร้องไห้ ฮารุนะไม่โกรธริโตะ พร้อมกับให้ริโตะตัดสินใจว่าจะทำยังไงต่อไป

    -โมโมะสารภาพรักริโตะ สุดท้ายแม้ในใจริโตะจะชอบฮารุนะ แต่เขาก็ไม่กล้าหักธงใครเลย และชีวิตประจำและความรักของริโตะก็ยังคงวุ่นวายเหมือนเดิม เป็นอันจบภาคดาร์กเนสเอาไว้เพียงเท่านี้

     

    แม้ว่าจะดำเนินมายาวนานหลายปี แต่เอาเข้าจริงในเรื่องนั้น เนื้อหาเกิดขึ้นไม่ถึงปี ไม่ถึงสามเดือนด้วยซ้ำ (สังเกตว่าตัวละครยังคงใส่ชุดหน้าร้อน ไม่มีรูททัศนศึกษา, ไม่มีรูทงานโรงเรียน หรือเทศกาลประจำปีอะไรเลย อย่างมากก็มีเพียงเทศกาลศาลเจ้า ดอกไม้ไฟที่ริโตะกับพวกสาวๆ ไปดูมาแล้วเป็นครั้งที่สอง หากนับภาคแรกด้วย เท่านั้น)

    ที่น่าสังเกตคือภาคดาร์กเนสนั้น ไม่ค่อยมีฉากรวมตัวของพวกสาวๆ มากนัก ภาคที่แล้วมีหลายฉากที่สาวรวมตัวกัน เช่น ติดอยู่ในวีดีโอเกม, ไปเที่ยวทะเล, เล่นเกมปีใหม่,  ไปเที่ยวสวมน้ำในตอนสุดท้ายพวกสาวๆ ต่างอยู่รวมกันพร้อมหน้า แต่ภาคนี้อาจเป็นเพราะคนวาดขี้เกียจวาดตัวละครหญิงในตอนเดียวเยอะละมั้ง จึงไม่ค่อยมีฉากเหล่านี้มากนัก

     

    To Love-Ru Darkness มียอดขายที่ดีมากถึงดีมาก ฉบับรวมเล่มสามารถขายมากกว่า 10 ล้านเล่ม มีทั้งอนิเมะ (มีสองภาค แม้ภาคสองจะน้อยกว่าภาคแรก แต่ถ้ายอดขายหมื่นกว่าถือว่าประสบความสำเร็จ)  น่าจะเรียกว่าเป็นการ์ตูนสายฮาเร็ม (แท้) ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในยุคนี้ก็ว่าแล้ว

    แม้ว่าเนื้อเรื่องภาคดาร์กเนสนั้นอาจจะดูธรรมดาสำหรับหลายคน แต่ถึงอย่างนั้น สำหรับผู้ที่ยังคงติดตามภาคแรกอย่างเหนียวแน่น ก็พบว่าภาคนี้อย่างน้อยก็มีเนื้อเรื่องให้น่าติดตาม คือมันมีประเด็นอะไรมากมายให้เล่น ให้ได้สนุกกัน รวมไปถึงคุณภาพลายเส้น (ขนาดโดจินที่ว่าแน่ในเรื่องลายเส้น ไม่มีใครวาดสวยเท่ายาบุกิเลย)  ตัวละครน่าจดจำ (ไม่ว่าจะเป็นเกรดใดก็ตาม) รวมไปถึงฉากเซอร์วิสที่พัฒนาจากภาคแรกอย่างมาก   มากจนบางภาพเกือบเรตด้วยซ้ำ

    นอกจากนี้ซีรีย์ To Love-Ru เป็นซีรีย์ฮาเร็มแท้ๆ ที่หายากในยุคนี้ ในขณะที่เดี๋ยวนี้ฮาเร็มหลายเรื่องส่วนใหญ่จะเป็นแบบกลายพันธุ์คือเน้นแอ็คชั่นมากกว่า ขณะที่ To Love-Ru แม้จะมีแอ็คชั่นบ้างแต่มันไม่ใช่จุดขายของเรื่อง

    ซีรีย์ To Love-Ru  ยังคงเน้นความวุ่นวายเรื่องรักๆ และแนวชีวิตประจำวันสงบสุข  ทำให้ไม่มีเรื่องดราม่าปวดใจอะไรเลย หรือไม่มี ทำให้คนอ่านสบายใจ  ได้เห็นรูทพระเอกกับสาวในเรื่อง ที่ต้องยอมรับว่าคาแร็คเตอร์สาวในเรื่องนี้เป็นจุดแข็งมาก

    แน่นอนว่าในภาคนี้มีประเด็นมากมายให้เขียนถึงเยอะ ดังนั้นจึงขอแยกเป็นหัวข้อ ถัดไป

     

    ยูกิ ริโตะไม่โตขึ้นเลย

    ส่วนตัวแล้วภาคดาร์กเนสนี้ริโตะเสียเครติด “ราชาแห่งฮาเร็ม” ค่อนข้างเยอะ ถึงเยอะมาก จนผมมองว่าคนแต่งทำผิดแล้ว ที่เลือกจะให้กระบวนการคิดของริโตะกลับมาอยู่ที่เติม โดยไม่เปลี่ยนแปลง

                 ลองคิดดู หลังจากภาคแรกที่สวนน้ำ ริโตะเริ่มรู้สึกตัวว่าเขานั้นรักผู้หญิงสองคนคือ “ลาล่า” และ “ฮารุนะ” ไม่สามารถเลือกคนใดคนหนึ่งได้ ลาล่าเป็นผู้หญิงที่มาทีหลังหากแต่เมื่อนานๆ เข้าริโตะก็เริ่มรับรู้ว่าลาล่าเป็นผู้หญิงที่เขาอยู่ด้วยแล้ว “สบายใจ” ที่สุด แต่ในขณะเดียวกันฮารุนะก็เป็นผู้หญิงที่เขาชอบมาอย่างยาวนาน และไม่สามารถตัดใจได้

                 แม้ว่าตอนท้ายของภาคแรก ริโตะจะล้มเหลวสารภาพฮารุนะ แต่นั้นก็บ่บอกว่าในใจของริโตะนั้นชอบผู้หญิงสองคนคือลาล่าและฮารุนะ และยังคงเป็นปัญหาของความรักต่อไป

                  สรุปริโตะต้องการอะไรกันแน่!?

                  ริโตะควรมีความคิด “ฉันจะฮาเร็ม” ได้แล้ว!

    เชื่อเถอะครับหาก To Love-Ru ริโตะเลือกวิน แบบราคุจากนิโค่ย เรื่องนี้จะล้มเหลวสิ้นเชิง นิโค่ยไม่ต้องพูดถึงมันไม่ดัง จบยังก็ไปเถอะ (แม้ยอดขายรวมเล่มจะดีก็ตาม) แต่ To Love-Ru ที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน ไม่มีใครเด่นใครด้วยด้อยกว่ากัน ริโตะมีความคิดชอบสองคน เนื้อเรื่องก็หยอดว่าฮาเร็มไปเถอะ มันไม่น่าเกลียดหรอก แถมมีการออกหนังสือพิเศษ [Yabuki Kentaro] To Love-Ru -Trouble- Darkness Artbook Harem Gold ไม่นับโดจินมากมายทีรูทมากมาย (ไม่นับสาย แย่งแฟน, เทนตาเคิล, แมลง) ดังนั้นเรื่องนี้ถ้าจะให้จบแบบอวสานไม่ค้างคาจริงๆ ก็คือ จบฮาเร็ม เท่านั้นสถานเดียว

    หรือ หากค้างคา ผมก็อยากให้ริโตะมีกระบวนการคิดที่ดีกว่าภาคแรก ประมาณว่านอกจากลาล่าและฮารุนะแล้ว เขาก็มีผู้หญิงคนอื่นที่ชอบด้วย ผมไม่อยากให้พวกเขาเสียใจ ผมต้องทำให้ได้ ประมาณนี้ มันไม่น่าเกลียดหรอก ที่ริโตะจะคิดแบบนี้ เพราะเนื้อเรื่องมันปูไปในทางนี้แล้ว

                นั้นในภาคดาร์กเนส ผมก็หวังจะเห็นการพัฒนากระบวนความคิดของริโตะบ้าง เพราะอย่างน้อยภาคนี้มีผู้หญิงสารภาพรักริโตะเพิ่มอีกสาม-สี่คนคือยามิ, เนเมซีส,  รุน, โมโมะ  นี้ยังไม่นับผู้หญิงที่ปักธงเพิ่มอีกต่างหาก  แต่ภาคนี้ริโตะกลับกลายเป็นคนน่ารำคาญ โลเล ด้วยความคิดที่ว่า “ฉันไม่เอาฮาเร็ม” ไล่ตั้งแต่ปฏิเสธจูบลาล่า (แต่เอ็งลูบๆ คล้ำๆ ลาล่าซะ) ประกาศว่าฮาเร็มไม่เอา แต่ในขณะเดียวกันริโตะก็ไม่หักธงผู้หญิงที่มาสารภาพเลย

    แม้ว่าเนเมซิสจะบอกย้ำว่าริโตะเอ็งจะเลือกคนเดียวจริงหรือ ในเมื่อนายเทพสะดุดล้มผู้หญิงรอบตัว จนผู้หญิงหลายคนขายไม่ออกแล้ว นายต้องรับผิดชอบนะ ผมเชื่อเลยคนทั่วโลกที่ติดตามต่างตบมือกับคำพูดของเนเมซิส (กลายเป็นว่าภาคนี้ เนเมซีส เป็นหนึ่งในตัวละครที่ผมโครตชอบที่สุดไปแล้ว)

    ดังนั้น มันค่อนข้างแย่มาก ที่ตอนท้ายริโความคิดจะหักธง หลังจากที่ฮารุนะสารภาพรักริโตะ ริโตะยังคงคิดแบบธรรมดาของมนุษย์โลกที่เราเดียวใจเดียว (ทั้งๆ ที่มนุษย์แท้จริงแล้ว) และแย่ยิ่งกว่าคือเขาคิดจะหักธงลาล่า ริโตะกล้าทำลงได้ยังไง ทั้งๆ ที่ลาล่าอยู่กับริโตะเป็นเวลานาน จนจะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว ริโตะก็คิดมาตลอดว่าเขาไม่สามารถลืมลาล่าไปได้ ทำไมริโตะถึงกล้าจะหักธง แม้ว่าสุดท้ายริโตะไม่สามารถทำได้ จนร้องไห้ออกมา แต่นั้นก็ไม่ช่วยให้ริโตะดีในสายตาของคนอ่านหลายคนเลย

    ในขณะนี้การ์ตูนแนวฮาเร็มเรื่องอื่นๆ ที่ผมติดตาม ฮาเร็มมันเกิดขึ้นได้ หรือแม้แต่แนวฮาเร็มที่ค้างคาอย่างน้อยว่าพระเอกก็ทำสิ่งที่ทำให้หลายคนชื่นชอบ สามารถทำให้เรื่องจบมีความสุขได้ แต่ของริโตะนั้นผมกลับให้อารมณ์ว่า ยังอยู่กับที่ เหมือนภาคแรกไม่มีผิด ทั้งๆ ที่ผมอยากเห็นความคิดที่พัฒนา

                   คือ ริโตะน่าจะคิดได้แล้ว พัฒนาได้แล้ว

                    ผลคือ ริโตะทำให้คนดูหลายคนหงุดหงิด คนทั่วโลกบ่นระงม เมื่อไหร่มิ่งเลิกคิดแบบมนุษย์โลกเสียที

                    คือ ไหนๆ จะจบภาคแล้ว ผมอยากจะเห็นอะไรเปลี่ยนแปลงของริโตะหน่อย ก็ไม่จำเป็นต้องจบแบบฮาเร็มผู้หญิงรักริโตะหมดก็ได้ แค่อยากให้ริโตะเปลี่ยนความคิดที่พัฒนามาจากภาคแรกหน่อย ทำให้ตอนจบของภาคนี้ผมไม่ประทับใจในตัวของริโตะมากนัก

                   เอาเถอะอย่างน้อยริโตะก็ยังไม่ทำให้สาวร้องไห้ ริโตะไม่หักธงใคร ยังคงเป็นพระเอกแนวฮาเร็มแท้ๆ ที่ได้รับฉายามหาเทพสะดุดล้ม มีรูทปักธงดีๆ   และยังคงหวังว่าคำพูดของเนเมซีสที่บอกให้รนิโตะรับผิดชอบสาวๆ ที่มาบอกรักตน จะทำให้ริโตะเปลี่ยนความคิดในอนาคตข้างหน้า หากจะมีภาคใหม่

                   

                    เนเมซีสสุดยอด!!

                   

                   แม้ว่าริโตะจะน่าผิดหวังในตอนท้ายบ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่า To Love-Ru Darkness ยังคงเป็นการ์ตูนฮาเร็มที่มีจุดเด่นอยู่ที่ตัวละครหญิงที่โครตโดดเด่น แม้ว่าซีรีย์นี้จะมีตัวละครหญิงเยอะ แต่น่าจดจำ ด้วยลายเส้น เซอร์วิส ที่มีเอกลักษณ์ ยากจะหาใครเหมือน ขนาดโดจินที่ว่าลายเส้นสวยงดงาม มาเจอผลงานการ์ตูนเรื่องนี้ต้องมีอันต้องพับออกไป  เรียกว่าคุ้มค่าในการดูหนึ่งตอน ต่อเดือน ลุ้นว่าสาวคนไหนจะมีบทบาท แถมแต่ละคนล้วนมีเอกลักษณ์โดดเด่นยาก

                    แม้ปกติซีรีย์นี้จะมีตัวละครหญิงมากมาย แต่ในภาค To Love-Ru Darkness ก็ยังคงมีตัวละครหญิงใหม่ (เกรด A) ออกมาสามคน  คือ เมอา, เทียร์ และเมเนซีส แม้ว่าตัวละครหญิงที่กล่าวมานั้น ต่างมีเอกลักษณ์น่าอวย จนมีโดจินอวยพวกเธอกันถ้วนหน้า (แต่หนักหน่อย ก็คงเป็นเทียร์) แต่ถ้าในแง่เรื่องรูทธงกับริโตะแล้ว เมอาXริโตะนั้นน้อยไปนิด เพราะเนื้อหาเน้นเรื่องความสุมพันธ์ความเป็นเพื่อนระหว่างเมอาและนานะมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นเมอาก็ชอบริโตะ (แม้จะไม่มีรูทปักธงก็ตาม), ส่วนเทียร์Xริโตะนั้นออกไปทางเป็นเหยื่อเซอร์วิสริโตะมากกว่าไม่มีรูทอะไรมากมาย (มาเด่นตรงโดจินมากกว่า)

                    ดังนั้น ตัวละครใหม่ที่ดูดีมีภาษีมากที่สุดในเรื่องนี้ คงจะเป็นเนเมซีส (หรือเนเม-จัง) ที่สอบผ่านว่าที่ฮาเร็มใหม่ของริโตะ เป็นตัวละครสำคัญในเรื่องนี้อย่างไร้ข้อกังขา   แม้ว่าตอนต้นเรื่อง เมอาดูเหมือนจะเป็นตัวละครสำคัญของเรื่องมากที่สุด แต่อนิจจาที่ไม่มีรูทปักธงกับริโตะ ทำให้เมอากลายเป็นตัวละครที่ดูไม่มีพลังมากนัก (อย่าลืมว่านี้คือการ์ตูนแนวฮาเร็ม ไม่ใช่แนวมิตรภาพ)

                    เมเนซีส เป็นตัวละครสำคัญของเรื่องอย่างแท้จริง       ชื่อของเนเมซีสมาจากชื่อของเทพธิดาของกรีก ซึ่งเป็นเทพแห่งการล้างแค้นและการลงโทษ ด้วยชื่อ และบทบาทในเรื่องทำให้พูดเต็มปากว่าเมเนซีสเป็นลาสต์บอสก็ว่าได้

                    เมเนซีสเริ่มปรากฏตัวตั้งแต่ตอนต้นเรื่อง (ประมาณตอนสาม) หากแต่ตอนแรกเมเนซีสนั้นไม่ได้เผยตัวจริง หากแต่มาในรูปเสียงที่เมอาได้ยินคนเดียว หรือไม่ก็มาในรูปของอีกา หลังๆ ก็เหมือนจะเป็นเงาที่รูปร่างเหมือนยามิ (ทั้งนี้ เพราะเมเนซีสอาศัยอยู่ในตัวเมอา และสามารถเปลี่ยนรูปร่าง เป็นอะไรก็ตาม) ถือว่าเป็นเสน่ห์จริงๆ เพราะนั้นทำให้เมเนซีสกลายเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์ในด้านลึกลับ ไร้ที่มาที่ไป ทำไมถึงเกี่ยวข้องกับเมอา หรือยามิ รวมไปถึงหลายคนคาดเดาต่างๆ นาๆ ว่าเมเนซีสรูปร่างหน้าตายังไง

                    เชื่อเถอะครับ การได้ลุ้นว่าเมเนซีสรูปร่างหน้าตายังไงนั้น เป็นความตื่นเต้นของ  To Love-Ru Darkness มากๆ ว่าตอนไหนเนเมซีสจะปรากฏ ขึ้นชื่อคนวาดแล้ว จะต้องเป็นตัวละครที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์แน่นอน

                    ตอนแรกๆ นี้เนเมซีสนี้มาแบบลาสต์บอสเลย ทั้งลึกลับ อยู่เบื้องหลัง อยากให้ยามิฆ่าริโตะ เรียกได้ว่าเป็นตัวร้ายก็ว่าได้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเนเมซีสปรากฏตัวครั้งแรกนี้ ทำให้หัวใจเพียงโต เพราะเนเมซีสปรากฏในรูปของเด็กสาวผิวแทน ที่โครตน่ารักมาก (แม้ว่าเนเมซีสสามารถเปลี่ยนร่างเป็นพี่สาวได้ก็เถอะ) แถมมาหักมุมด้วยการให้ริโตะเทพสะดุดล้มเนเมซีส (อย่างโหด) ชนิดว่าสิ้นลายลาสต์บอส เลยทีเดียว

                    อย่างไรก็ตามกว่าที่เนเมซีสจะก้าวมาอยู่ในฮาเร็มริโตะ ก็ต้องรอช่วงตอนที่ 61 เราจะเห็นว่าเหตุผลเนเมซีสว่าทำไมเธอถึงอยากให้ยามิฆ่าริโตะนักในตอนแรก บางทีเนเมซีสอาจจะรู้สึกอิจฉายามิ เพราะยามินั้นมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ

                    เนเมซีสเป็นเพียงความสสารมืด (เรื่องนี้สสารมืดมีตัวตน ขณะที่ทางวิทยาศาสตร์จริงๆ นั้นสสารมืดไม่สามารถมองเห็นได้ตาเปล่า) เป็นเพียงของล้มเหลวจากการทดลองโครงการ “เนเมซีส” ขององค์กรก่อการร้าย ก่อนที่จะสร้างอาวุธมีชีวิตอย่างยามิและมีอา แต่ถึงอย่างนั้น เนเมซีสกลายเป็นรูปร่างเป็นผู้หญิงเหมือนยามิ อาจเป็นเพราะเธอแอบเฝ้าดูยามิในที่ลับๆ เธอเห็นเทียร์เลี้ยงยามิแบบมนุษย์มากกว่ามองในฐานะอาวุธมีชีวิต และนั้นทำให้เธออาจอิจฉายามิอยู่

                    ต่อมา องค์กรที่ยามิก็ล้มสลาย ยามิกลายเป็นนักฆ่าในโลกมือ เนเมซีสรู้สึกชอบยามิในลักษณะนั้น เพราะยามิกลับมาเป็นอาวุธมีชีวิตในแบบที่เธอควรเป็น ดังนั้นเนเมซีสจึงรับไม่ได้ที่ยามิมีชีวิตสงบสุขและสมบูรณ์แบบ (มีเพื่อน ไม่ต้องฆ่าฟัน) เมื่ออยู่บนโลก

                    หรือไม่ก็เนเมซีสทำทั้งหมดเพียงแค่อยาก “สนุก” เท่านั้นก็เป็นไปได้

                    แม้ว่าเนเมซีสจะมีนิสัยซาดิสม์ (แต่หลายคนดัดชอบ) แต่ถึงอย่างนั้นธอก็ชอบมองโลกในแง่ดี  หลังจากที่เนเมซีสแพ้ราชาเดวิลลูค  เนเมซีสไม่รู้สึกเสียใจที่ตนเองต้องตาย ซ้ำรู้สึกสนุกสนาน และโล่งใจที่เธอจะได้หายไปด้วยซ้ำ

    ความจริงเนเมซีสก็คงจะต้องหายไป หากแต่ริโตะไม่ยอมให้เนเมซีสตาย เขายอมให้เนเมซีสอาศัยร่างกายริโตะชั่วคราว และนั้นทำให้เนเมซีสเริ่มชอบริโตะ

                    มันมีเหตุผลอะไรหลายอย่างที่เนเมซีสชอบริโตะ เพราะที่ผ่านมาเนเมซีสนั้นเป็นเพียงของเหลือจากทดลอง ไม่มีใครต้องการ การที่จะพบใครสักคนที่มองตนสำคัญ มองในฐานะเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง มีชีวิตเท่าเทียมกัน อย่างริโตะ

                    ราชาเดวิดรูทได้ถามริโตะว่าทำไมถึงต้องช่วยเนเมซีส  ริโตะตอบด้วยเสียงที่หนักแน่นว่า “ถ้าผมไม่ช่วยเธอ ในฐานะลูกผู้ชาย ผมคงเสียใจไปตลอดชีวิตแน่!” เรียกได้ว่าเป็นไม่กี่ครั้งที่ริโตะทำหน้าตาจริงจัง และพูดหล่อมาก

    จากที่ผ่านมาริโตะไม่เคยมองผู้หญิง อายทุกคนเวลาอยู่กับผู้หญิง มาตอนนี้ริโตะกลายเป็นผู้ชายที่เริ่มเข้าใจผู้หญิง มองข้อดีของผู้หญิง และไม่เคยทำให้ผู้หญิงคนไหนต้องร้องไห้ หรือทำท่าทางไม่ชอบผู้หญิงด้วย ขนาด ตอนเนเมซีสอาศัยอยู่ในร่างริโตะ แม้ว่าเนเมซีสจะใช้ร่างของริโตะก่อความวุ่นวาย ริโตะไม่เคยว่าอะไรเนเมซีสเลย แต่เป็นเนเมซีสนั้นแหละที่รู้ตัวและสัญญาริโตะว่าไม่ก่อความเดือดร้อนอีก

                    ก็รู้สึกเสียดายที่ช่วงเวลาเนเมซีสอยู่ในร่างริโตะน้อยไปหน่อย รวมไปถึงเนเมซีสขึ้นเป็นประธานนักเรียน (เงา) ไซนันด้วย ซึ่งเนเมซีสโครตเหมาะจะเป็นประธานนักเรียนในแนวฮาเร็มแบบนี้ (แถมความฟิน เนเมซีสประกอบว่าชอบริโตะต่อหน้าคนทั้งโรงเรียน สนับสนุนฮาเร็มเต็มรูปแบบ ซึ่งไม่กี่เรื่องหรอกที่ประธานนักเรียนที่นิสัยแบบนี้จะชอบพระเอก)  ความจริงมันมีอะไรให้เล่นอีกเยอะ แต่เนื่องด้วยการเร่งจบภาคไปเสียก่อน ทำให้อดดูเนเมซีสปล่อยอย่างน่าเสียดาย (แต่ก็ดีใจที่โผล่มาปิดเรื่อง) ก็หวังว่าภาคมีภาคต่อเนเมซีสน่าจะมีบทบาทมากกว่านี้

    เรียกได้ว่าเนเมซีสมาถูกจังหวะจริงๆ เพราะที่ผ่านมา To Love-Ru ขาดตัวละครนี้พอดี ีอกทั้งการที่เมเนซีสเตือนริโตะว่า "ต้องรับผิดชอบผู้หญิงทุกคนที่นายไปเซอร์วิสไว้ด้วย" ก็ทำให้การมาของเนเมซีสทำให้เติมช่องว่างพวกสาวๆ ในเรื่องนี้ให้มีครบทุกแบบเลยจริงๆ

     

    จากตัวละครเกรด C กลายเป็นตัวละครน่าอวย

    จุดเด่นของ To Love-Ru ที่ไม่เหมือนการ์ตูนแนวฮาเร็มเรื่องใดๆ ก็คือการอวยตัวละครหญิง ซึ่งมีหลายแบบ หลายสไตล์ และที่สำคัญตัวละครหญิงหลายคนที่อวย ตอนแรกมีบทบาทเป็นตัวละครเกรด C   แต่ก็สามารถกลายเป็นตัวละครที่น่าอวยสำหรับหลายคนได้

    คำถามต่อมา ตัวละครเกรด C คืออะไร

    ตัวละครเกรด C คือตัวละครประกอบ พูดง่ายๆ เป็นตัวละครเกรดรองจาก ตัวละครเกรด A (ตัวละครหลักของเรื่อง) และเกรด B (นางรอง)  พูดง่ายๆ เป็นตัวละครที่ไม่ได้สำคัญในเรื่องมากนัก มีบทบาทเพียงสร้างสีสัน เติมเต็ม เสริมให้ตัวละครโดดเด่นขึ้น เป็นตัวละครที่ไม่มีใครสนใจมากนัก มีหรือไม่มีก็ไม่เป็นไร

    สำหรับ To Love-Ru มีตัวละครเกรด C (ไปจนถึง C+ ) หลายคน เป็นต้นว่า  มิคัง, รุน (C+), เทนโจ วอิน  ซากิ (กับผู้ติดตามสองคน), มิโคโดะ เรียวโกะ, มุราซาเมะ โอซิซุ (ยัยผี), ริสะ&ริโอะ,เซรีน และคิริซากิ เคียวโกะ (รวมไปถึง ยัยนักฆ่าอีกคน)

    อย่างไรก็ตาม หากเป็นการ์ตูนฮาเร็มเรื่องอื่นๆ ตัวละครเกรด C  เหล่านี้จะถูกปล่อยปะละเลย ถูกทิ้งขว้างไม่ใส่ใจไปแล้ว เพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้มีอยู่ในฮาเร็มพระเอก หรือมีส่วนสำคัญกับเรื่องด้วย ส่วนมากโผล่ไม่กี่ตอนก็หายไปเลย มาเป็นเพียงตัวละครรับเชิญเฉยๆ แต่สำหรับ To Love-Ru ไม่ได้ทิ้งตัวละครเกรด C  ไปเสียทุกคน เพราะบางคนยังมีบทบาทอยู่บ้าง

    ความจริงในภาคแรก ตัวละครเกรด C เหล่านี้ก็เริ่มมีบทบาทน่าอวยมากแล้ว อย่างเช่น ริสะ กับมิคัง เพียงแต่ในภาค To Love-Ru Darkness ได้เพิ่มบทบาทให้น่าอวยมากขึ้น และที่น่าสนใจคือบางคนก็เริ่มเข้ามาอยู่ในฮาเร็มริโตะด้วย โดยเฉพาะรุ่นพี่หางม้า จากตอนแรกไม่มีวี่แววที่จะชอบริโตะแต่อย่างใด ก็เริ่มสนใจริโตะมากขึ้นในภาค Darkness

    หลายคนคงเถียงว่ามิคังทำไมเกรด C เพราะตอนแรกการ์ตูนเรื่องนี้ตั้งใจมากที่จะให้มิคังเกรด C หรือก็คือแม้ว่าจะเป็นน้องสาวพระเอกแต่ก็ไม่ได้น่าสนใจ หรือมีบทมากนัก ตามประสาการ์ตูนรักสามเศร้าของจัมป์ เห็นได้จากลายเส้นมิคังตอนแรกไม่มีเสน่ห์อะไรเลย  จนดูเหมือนตัวประกอบด้วยซ้ำ เนื่องจากความตั้งใจที่จะให้ To Love-Ru เป็นเรื่องราวของริโตะ, ลาล่า และฮารุนะมากกว่า ส่วนตัวละครที่เหลือเป็นเพียงตัวประกอบหมด

    จนกระทั่งการ์ตูนเริ่มเพิ่มตัวละครหญิงมากขึ้น และเริ่มให้มิคังมีบทมากขึ้น เริ่มดึงความเป็นน้องสาวของมิคังมากขึ้น ยิ่งในช่วงภาค Darkness มิคังมีน้ำมีนวลมากขึ้น (หมายถึงหุ่น จากภาคแรกนี้ธรรมดามาก) รงมไปถึงจะเริ่มมีฉากเปลือย เซอร์วิสมากขึ้น (ทั้งๆ ที่ภาคแรก มิคังยังไม่ค่อยมีฉากเซอร์วิสเลย) แถมฉากเวอร์วิสแต่ละอย่างก็หวาดเสียวจนเกือบโป๊ทีเดียว ยิ่งฉากหยดน้ำ, เงาสะท้อนก็อตน้ำ,  แปลงสีฟัน เรียกได้ว่าหยองจริงๆ ไม่แปลกเลยว่ามิคังได้กลายเป็นนางเอกโดจินมากที่สุด เป็นที่เรียบร้อย

    ยังมีอีกหนึ่งฉากที่หลายคนอาจไม่ให้ความสำคัญ อย่างฉากสารภาพของรุนที่บอกรักริโตะอย่างเป็นทางการ แม้ว่าที่ผ่านมารุนเป็นตัวละครไม่กี่คนบอกว่าชอบริโตะ และริโตะรู้  ซึ่งในภาคสองรุนก็สารภาพรักริโตะ หากเป็นฮาเร็มเรื่องอื่นๆ พระเอกก็คงหักธงไปแล้ว หากแต่ในภาค Darkness ริโตะไม่ได้หักธงรุน เพียงแต่บอกว่าตอนนี้ในใจของเขามีทั้งลาล่าและฮารุนะเท่านั้น

    แม้ฉากนี้จะเห็นว่าริโตะจะเป็นผู้ชายที่ขี้โลเล ไม่กล้าหักธง แต่หากมองอีกแง่หนึ่งที่ริโตะโลเลนั้นก็เพราะไม่อยากให้ผู้หญิงเสียใจร้องไห้  ริโตะไม่ใช่ราคุ ที่บอกมารินะว่าเป็นเพื่อนคนสำคัญ แต่ริโตะไม่ได้มองผู้หญิง (รุน) ว่าเป็นเพื่อน แต่เป็นผู้หญิงที่รักเขา ยอมทำทุกอย่างเพื่อเขา และเขาไม่สามารถปฎิเสธความมุ่งมั่นของผู้หญิงที่มีต่อเขาได้

    นอกจากนี้ก็ยังมีตัวละครใหม่เสริมอื่นๆ อีก อย่างแม่ของลาล่าก็ช่วยให้คนอ่านคลายความสงสัยสักที ว่าแม่ลาล่าเป็นคนยังไง  ส่วนเทียร์ก็โผล่มาเพื่ออธิบายเรื่องราวของยามิให้ดีมากึ้น ถือว่าภาคนี้ได้เพิ่มตัวละครประกอบเพื่อคลี่คลายประเด็นที่หลานคนสงสัย และทำออกมาดูดี และที่สำคัญตัวละครใหม่เสริมที่ว่ามีโดจิน!? อีกต่างหาก  แสดงให้เห็นว่าแม้จะเป็นตัวละครเกรด C แต่ก็โดดเด่นไม่แพ้ตัวละครหลักเลย

                    อีกตัวละครเกรด C ที่ผมแปลกประหลาดใจมาก ก็คือริเสะ หลายคนอาจ งง ว่าเธอคือใคร เธอคือเพื่อนของฮารุนะ ที่มักอยู่กับยัยแว่นทวินเทล (คนนี้ก็เกรด C) ที่แทบไม่มีบทอะไรเลย อย่างมากมักโผล่มาขย้ำหน้าอกลาล่า, ฮารุน, ยุย เสียด้วยซ้ำ  คือเป็นตัวละครที่ไม่มีบทบาทสำคัญมากนัก แต่เนื่องด้วยคาแร็คเตอร์ เป็นสาวสายลุย ทำให้กลายเป็นว่าช่วงหลังๆ ริสะกลายเป็นตัวละครที่ได้รับความนิยมเหลือเชื่อ เริ่มจากภาคแรกที่มีฉากอวยเธอ และตามมาภาคสองก็ยังมีอวยอีก แม้จะบทไม่กี่ตอน แต่เธอก็ได้รับความนิยม (จากการจัดความนิยมล่าสุด ริเสะอยู่อันดับ 2 เอาชนะฮารุนะด้วยซ้ำ)  จนเป็นอีกคนที่มีโดจินด้วย ซึ่งไม่มีใครคาดคิดเลยว่าตัวละครตัวประกอบที่ไม่มีใครสนใจในตอนแรก กลับกลายเป็นตัวละครที่โดดเด่นไม่แพ้ตัวละครหลักในเรื่องเลย

                    อย่างไรก็ตาม ตัวละครเกรด C (ลบ) อีกคนที่ผมค่อนข้างชอบ และมีพัฒนาการการปักธงมากที่สุด ผมคงยกให้คิริซากิ  เคียวโกะ ส่วนตัวผมว่าเป็นตัวละครที่ค่อนข้างจะเซอร์ไพร์พอสมควร เพราะผมคิดว่าเรียวโกะอาจไม่ได้รักริโตะ และชอบพี่แบล็คเสียอีก (เหมือนต้นแบบบของเธอจากแบล็คแคท) จากภาคแรกที่ไม่ได้คิดอะไรเลย พอมาภาคใหม่ริโตะก็ปักธงเคียวโกะในท่าอุ้มเจ้าหญิง และย้ำธงตอนในท่าอุ้มจ้าหญิงอีก ก็ยิ่งทำให้เคียวโกะชอบริโตะไปในที่สุด ซึ่งผมยังยกการปักธงเคียวโกะเป็นการปักธงเรียบง่าย แต่มีโครตซาบซ่าแห่งปี 2013 ทีเดียว

                    จะเห็นได้ว่า To Love-Ru ได้เพิ่มความสำคัญ การอวยตัวละครเกรด C ได้อย่างน่าอวยมากขึ้น และประสบความสำเร็จด้วย เหมือนอย่างมิคังกับริสะ ยิ่งมีรูทปักธงรุ่นพี่หางม้ารินเข้าไปอีก ก็ทำให้ซีรีย์นี้มีจุดเด่นมากขึ้น ว่าทุกคนสามารถเป็นนางเอกได้  ไม่ใช่อวยตัวละครแค่ไม่กี่คนเหมือนบางเรื่อง และนี่คือคำตอบว่าเราติดตามเรื่องนี้ได้ยังไง 5 ปีโดยไม่รู้สึกเบื่อเลย เพราะเราต้องมาคาดเดาว่าเรื่องไหนใครจะเป็นตัวเอก  ริโตะจะปักธงแบบไหน และเชื่อว่าภาคซีรีย์นี้มีภาคใหม่อาจจะมีเซอร์ไพร์ตัวละครหญิงคนอื่นๆ แบบไม่คาดคิดก็ได้

     

                    การ์ดยังคงแข็ง

                   

                    อย่างไรก็ตาม แม้ว่า To Love-Ru ภาคนี้จะมีรูทสาวๆ น่าอวยมากขึ้นหลายคน แต่ถึงอย่างนั้นก็มีสาวหลายคนที่ยังไม่ได้โดนริโตะปักธง และยังคงรอว่าเมื่อไหร่คุณเธอจะเข้ามาอยู่ในฮาเร็มริโตะ โดยตัวละครที่ผมยังคงรอว่าเมื่อไหร่ริโตะจะปักธงมีดังต่อไปนี้

                    เซรีน -ความจริงไม่จำเป็นก็ได้ เพราะเซรีนนั้นรักริโตะแบบพ่อมากกว่า แม้จะไม่มีฉากเซอร์วิส แต่การได้เห็นเซรีนโตเป็นสาว ในตอนพิเศษหนึ่งตอน ก็ถือว่าคุ้มแล้วสำหรับบทเซรีนในภาคนี้

                    เทนโจวอิน ซากิ -คุณหนูหัวสว่าน น่าจะเป็นตัวละครคนเดียวในเรื่อง ที่รักตัวอื่นที่ไม่ใช่ริโตะ แต่เนื่องด้วยเป็นหนึ่งตัวละครที่โดนริโตะเซอร์วิสมาก คุณเธอน่าจะอยู่ฮาเร็มริโตะได้แล้ว ซึ่งผมก็ยอมรับว่าอยากเห็รูทริโตะปักธงคุณหนูหัวสว่านมากๆ ด้วยซ้ำ

                    มุราซาเมะ โอซิซุ -อีกหนึ่งตัวละครที่ผมโครตอยากเห็นริโตะปักธงมาก และหากใครไม่สังเกต ยัยผีนี้เป็นตัวละครเดียวในเรื่องที่ไม่มีฉากเซอร์วิสอะไรกับริโตะเลยแม้แต่ครั้งเดียว (แม้จะมีฉากเซอร์วิส แต่กับเทนตาเคิลมากกว่า)

                    ส่วนตัวละครเกรด C อย่าง อาจารย์มิโคโตะก็คงไม่จำเป็นสักเท่าไหร่ อย่างน้อยก็มีฉากเซอร์วิสแล้ว และมีบทบ้าง จึงไม่ขอกล่าวถึง


    จากตัวละครหลักกลายเป็นตัวละครรอง


    จากตัวละครเกรด C ไปแล้ว คราวนี้ก็มาถึงตัวละครรอง เกรด B ซึ่งประกอบไปด้วย ลาล่า, ฮารุนะ, ยุย, และนานะ ซึ่งตัวละครทั้ง 4 นี้มีบทบาทมาจากภาคแรก ลาล่าเป็นนางเอก ฮารุนะเป็นนางรอง ส่วนยุยกับนานะเป็นตัวละครที่มีบทบาทอวยในภาคหลัง ซึ่งทำให้ลาล่าและฮารุนะบทน้อยลงด้วย

    สำหรับภาค Darkness ทั้งลาล่าและฮารุนะยิ่งบทน้อยกว่าเดิม จนบางคนมองว่าไม่สำคัญอีก อย่างไรก็ตาม สำหรับผมแล้ว แม้ว่าลาล่าและฮารุนะบทจะน้อย แต่ถึงอย่างนั้นทั้งสองก็ยังคงมีความสำคัญต่อเนื้อเรื่อง เกี่ยวกับเรื่องราวความรักของริโตะอยู่

    ลาล่า แม้ว่าลาล่าจะบทน้อยในภาคนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับว่า ภาค Darkness ลาล่าเติบโตขึ้นมาก (ส่วนอื่นๆ ของร่างกายก็เติบโตด้วย) จากภาคแรกยัยจอมป่วน ไปไหนก็สร้างความวุ่นวาย ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย มาภาคใหม่นี้ ลาล่าแทบไม่มีนิสัยน่าหงุดหงิดอะไรเลย  ทั้งนิสัยบริสุทธิ์ มองโลกในแง่ดี ปกป้องจากริโตะ รวมไปถึงการทำหน้าที่ของพี่สาว  ไม่มีอะไรเกินเลยริโตะ  (นอกเสียจากสิงประดิษฐ์ของเธอทำป่วน จนกลายเป็นมุกปกติของเรื่องนี้ไปแล้ว)

    ส่วนตัวแล้ว หากเรื่องนี้จะจบดี จบสมบูรณ์ริโตะจะต้องแต่งงานกับลาล่า ไม่ควรหักธงเด็ดขาด และริโตะต้องไม่หักธงลาล่าได้เด็ดขาด ลาล่าเป็นผุ้หญิงที่นิสัยดีมาก เธอกับน้องสาวอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน แถมริโตะก็ยังรู้จักพ่อแม่ของลาล่าอีกต่างหาก เรียกได้ว่าครอบครัวของริโตะเกี่ยวดองกับครอบครัวของลาล่า จนเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วก็ว่าได้ แบบนี้ริโตะยังจะกล้าหักธงอีกเหรอ

    และอย่างที่หลายคนรู้ว่าริโตะนั้นเป็นผู้ชายที่เริ่มต้นว่าเป็นคนรักเดียวใจเดียวชอบฮารุนะมาตลอด การที่จะมีผู้หญิงคนอื่นเข้ามาในใจของริโตะนั้นมันไม่ง่ายแน่ๆ แต่ลาล่าสามารถทำได้

    ดังนั้นบทของลาล่านั้น แม้บทจะน้อย แต่ก็น่าจะเป็นตัวละครที่สำคัญในเรื่องว่า ริโตะนั้นจะสามารถเลือกคนใดคนหนึ่งได้เหรอ ในตอนสุดท้ายริโตะถึงกับหลั่งน้ำตา

    ฮารุนะ นอกจากลาล่าแล้ว ฮารุนะก็เป็นตัวละครที่บทหายอย่างน่าใจหาย ทั้งๆ ที่ภาคแรก เธอคือนางรอง หากเทียบกับนิโค่ยแล้ว เธอก็คือสาวผมดำที่หลายคนอวยนั้นแหละ แต่สำหรับ To Love-Ru แล้วประเด็นรักสามเศร้า สงครามอวย ดูเหมือนไม่เกิดขึ้น และไม่ดราม่ามากนัก

    แม้ว่าบทน้อย จนกลายเป็นนางจืดจาง   แถมเป็นต้นเหตุข่าวลือตัดจบของคนแต่งอีกต่างหาก แต่ถึงอย่างนั้นฮารุนะก็ยังคงมีความสำคัญ ในภาค Darkness เกี่ยวกับทิศทางฮาเร็มของริโตะ

    จากภาคแรก เริ่มต้นที่ริโตะนั้นชอบฮารุนะมากๆ แม้จะมีผู้หญิงรอบด้าน ริโตะก็ยังคงชอบฮารุนะไม่เปลี่ยน หากแต่ต่อมริโตะก็เริ่มโลเลว่าเขาเองก็ชอบลาล่า แต่ก็ไม่สามารถสลัดความรักต่อฮารุนะได้ ในขณะเดียวกันฮารุนะสารภาพลาล่าว่าเธอชอบริโตะ แต่ลาล่าก็ไม่ได้ว่าอะไรเลย ซ้ำยังสนับสนุนความรักของฮารุนะด้วยซ้ำ

    แม้ว่าฮารุนะจะเป็นตัวละครที่จืดจาง แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นธงที่ริโตะไม่สมควรที่จะหัก 

    ภาคแรกจะจบไปที่ริโตะล้มเหลวฮารุนะ และบทของฮารุนะก็ไม่ใช่ตัวละครเด่นอีกใน Darkness แต่ถึงอย่างนั้นบทของฮารุนะก็ยังคงความสำคัญอยู่ดี (หากไม่นับฉากเซอร์วิสที่โหดขึ้นกว่าภาคแรก) ไม่ว่าจะเป็นฉากที่ฮารุนะลังเลว่าเธอกับลาล่าจะสามารถฮาเร็มกับริโตะไห้หมด, ฉากฮารุนะได้จูบแรกของริโตะ (แม้จะเป็นอุบัติเหตุก็ตาม), ฉากริโปฏิเสธจูบลาล่าพร้อมยังยึดมั่นว่าฮาเร็มมันเป็นไปไม่ได้ รวมไปถึงฉากที่รอคอยสำหรับใครหลายคน ที่ฮารุนะสารภาพว่าชอบริโตะสักที และริโตะเองก็สารภาพว่าเขาก็ชอบเธอมาอย่างยาวนาน พร้อมกับสารภาพว่านอกจากลาล่าแล้วยังมีสาวคนอื่นสารภาพรักเขาเหมือนกัน แถมไม่กล้าหักธงด้วย

    ดังนั้นฮารุนะก็เป็นตัวละครที่มีบทบาทอย่างมาก เกี่ยวกับการตัดสินใจของริโตะว่าจะฮาเร็มหรือไม่ฮาเร็ม ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าฮารุนะเองก็ลังเลพอๆ กับริโตะเหมือนกันว่าเธอจะยอมรับฮาเร็มได้หรือไม่ ดังนั้นริโตะได้แต่เพียงให้ริโตะตัดสินใจเองว่ายังทำยังไงต่อไป

    ส่วนยุยกับนานะนั้น เริ่มจากยุยแม้ว่าเธอจะโดดเด่นมากในภาคแรก และหลายคนชื่นชอบความสัมพันธ์ระหว่างยุยที่เริ่มต้นแบบช้าๆ ทำให้หลายคนอวยยุยมาก ไม่แปลกแต่อย่างใดที่มีโดจินมากมาย จนเธอจะกลายเป็นนางเอกของเรื่องนี้ไปแล้ว

    ภาค Darkness น่าเสียดายที่ยุยไม่ค่อยมีบทบาทสำคัญเหมือนภาคก่อนๆ  แถมส่วนมากบทของยุยมักจะในตอนพิเศษมากกว่า ในเนื้อเรื่องหลัก ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างริโตะจะมากขึ้น จนเริ่มเข้าใจในตัวริโตะ แต่น่าเสียดายที่ภาคนี้เราไม่ได้ยินคำสารภาพรักจากยุย  (ผมก็แอบผิดหวังเหมือนกันที่ไม่ได้เห็นรูทนี้) ทำให้เป็นตัวละครที่ยังคงความสัมพันธ์เดิมๆ ไม่แตกต่างจากภาคแรกมากนัก

    ส่วนทางด้านนานะเอง ภาคที่แล้วก็เป็นหนึ่งในตัวละครที่ผมชอบ (มาก)  เพราะตี้ย แบน ซึน ซึนเดเระมากๆ  เช่นเดียวกับยุย ที่เป็นตัวละครที่พัฒนาความสัมพันธ์ช้าๆ จากไม่ชอบริโตะ แล้วเริ่มชอบ   ทำให้ผมหวังมากๆ ว่าภาค Darkness จะมีรูทปักธงนานะให้แน่นกว่านี้ แต่กลายเป็นว่าหลังรูทริโตะกอดนานะแล้ว นานะก็ไม่มีบทสำคัญเกี่ยวกับริโตะอีก (นอกจากเซอร์วิสเป็นระยะ) แถมยังเน้นเรื่องมิตรภาพระหว่างเมอามากกว่าความรักกับริโตะด้วยซ้ำ ทำให้การได้ลุ้นการปักธงแน่นของนานะก็ต้องรอต่อไป ราวการ์ตูนเรื่องนี้ไม่มีพื้นที่ให้กับตัวละครซึนเดเระมากนัก  


    โมโมะกับยามิ

    เข้านี้ก็มาถึงตัวละครหลักของภาคนี้กัน นั้นคือโมโมะกับยามิ ซึ่งภาคนี้ทั้งสองมีบทเด่นมาก อีกทั้งการดำเนินเรื่องของทั่งสองก็แตกต่างกันไปด้วย เพราะโดยนิสัยแล้ว ทั้งโมโมะกับยามินั้นแตกต่างกัน

    โมโมะน้องสาวของลาล่า แม้จะเป็นตัวละครที่ปรากฏตัวที่หลัง แต่ก็กลายเป็นตัวละครหลักในตอนหลัง สำหรับภาคนี้ ก็มีบทค่อนข้างเยอะ และเป็นตัวละครเปิดเรื่อง และปิดเรื่องด้วย

    แม้จะเป็นตัวหลัก แต่ในขณะเดียวกัน โมโมะเป็นตัวละครที่ค่อนข้างแปลก คือมีทั้งคนที่ชอบ และไม่ชอบ (ที่ไม่ชอบ อาจเป็นเพราะเธอสายรุกมากเกินไป)

    การตีความของโมโมะนั้นก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไร คือโมโมะนั้นชอบริโตะตั้งแต่แรกๆ อาจเป็นเพราะริโตะนั้นเป็นของตี เป็นผู้ชายที่เธอไม่เคยเห็น อย่าลืมว่าโมโมะนั้นเป็นผู้หญิงและฉลาด เห็นอะไรมาเยอะ กีเป็นเจ้าหญิงทำให้เห็นอะไรหลายอย่าง โดยเฉพาะผู้ชายที่เข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์ตัวเอง และนั้นทำให้โมโมะไม่ชอบผู้ชายประเภทนั้น

    ดังนั้นริโตะจึงเป็นผู้ชายที่โมโมะไม่เคยเห็น แต่ในขณะเดียวกันริโตะก็เป็นผู้ชายที่เธออย่างแกล้งด้วย (ตามนิสัยซาดิสต์นิดๆ ของเธอ) จากความรักพัฒนาความรักจนกลายเป็นโรคจิต หลงใหล อยากใกล้ชิด แต่ริโตะแทบไม่รู้สักรังเกียจอะไรเบน

    แม้ว่าโมโมะจะชอบริโตะ แต่เธอไม่สามารถแย่งริโตะจากพี่สาวของเธอได้ ดังนั้นเป้าหมายของโมโมะก็เพียงขอให้ในใจริโตะมีเธอสักนิดก็ยังดี ขอเป็นที่สอง ที่สามก็ได้ ขอให้ริโตะหันมามองสักครั้ง  แม้จะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่โมโมะจะรู้สึกจะลังเล ว่าเธอ อยากจะฮาเร็ม หรือจะครองริโตะคนเดียว ยิ่งริโตะแทบไม่มีโมโมะเป็นคนรักอยู่ในใจเลย โมโมะถึงกลับซ้ำจนน้ำตาจะไหล

    อย่างไรก็ตาม ตัวละครประเภทขอเป็นที่สองก็ยังดี ไม่มีทางแพ้ในเรื่องพวกนี้แน่ ผลสุดท้ายโมโมะยังไม่เลิกล้มแผนฮาเร็ม พร้อมกับสารภาพรักริโตะในตอนท้าย  โมโมะยังคงสู้เพื่อความรักตามแบบฉบับของเธอต่อไป

    ยามิ/ความมืดสีทอง จะว่าไปยามิถือว่าเป็นตัวละครที่ได้รับความนิยม และบทออกมาเรื่อยๆ ไม่ได้หายไปเหมือนลาล่า กับฮารุนะ แถมใน  Darkness ยามิก็กลายเป็นตัวหลักของภาคนี้อย่างแท้จริง

    ยามิถือว่าเป็นตัวละครที่มีพัฒนาการความรู้สึก-ความรักกับริโตะที่เป็นเรื่องเป็นราวมากที่สุด รวมไปถึงการสอดแทรกเรื่องราวความเป็นมาของยามิ ซึ่งหากเทียบตัวละครอื่นๆ ยามิเป็นตัวละครคนเดียวที่มีบทดราม่า (เพราะเกิดจากการทดลองพันธุกรรมและถูกใช้เป็นอาวุธ)

    ในตอนแรกๆ ยามิปรากฏตัวแบบลึกลับ มาดสาวคูล และเป็นนักฆ่าที่คิดจะฆ่าริโตะตอนแรก หากแต่ได้เปลี่ยนใจอยู่บนโลก แต่เชื่อเถอะว่าการปรากฏตัวของยามิตอนแรกนั้นได้รับความนิยมมาก

    ยามิตอนแรกๆ นั้นไม่เข้าใจว่าทำไมลาล่าต้องปกป้องริโตะ จนกระทั่งนานวันเขาก็เริ่มเข้าใจว่าริโตะนั้นเป็นคนดี (แม้ว่าจะชอบเซอร์วิสเธอก็เถอะ) อย่างไรก็ตามในจิตใจของเธอก็มักคิดว่าโลกไม่ใช่สถานที่ที่เธออยู่ เพราะต้นกำเนิดของเธอนั้นเป็น “อาวุธชีวิภาพ” ที่ตั้งใจที่จะเป็นนักฆ่า ไม่ใช่ให้เป็นสาวน้อยธรรมดา ใช้ชีวิตคนเดียวและโดดเดี่ยวมาโดยตลอด

    อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ยามิรู้จักมิคัง รวมไปถึงรู้จักริโตะมากขึ้น ยามิก็เริ่มรู้สึกสนใจริโตะมากขึ้น เริ่มทำตัวเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดามากขึ้น

    ในภาค  Darkness ยามิเป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องอย่างแท้จริง แม้ว่าจะมีการสอดแทรกธงตัวละครอื่นเป็นระยะ แต่บทสำคัญของยามิก็ยังคงทรงพลัง ให้น่าติดตาม ไม่ว่าจะเป็นการเปิดตัวเมอาที่เป็นน้องสาวของยามิ ความเกี่ยวของกับเนเมซีส รวมไปถึงสิ่งที่เรียกว่า “ดาร์กเนส” ที่ซ่อนตัวของยามิมันคืออะไร เกี่ยวข้องอะไรกับการที่ยามิต้องฆ่าริโตะ

    นอกจากนี้ ในภาค Darkness ก็เริ่มใส่เรื่องราวของยามิให้มากขึ้น จากภาคแรกเราไม่ทราบประวัติความเป็นมาของยามิมากนัก  โดยเปิดเผยว่าก่อนหน้าที่ยามิจะเป็นนักฆ่านั้น เธอถือกำเนิดจากเซลล์ (โคลน) ของด็อกเตอร์เทียร์จู และตั้งชื่อว่า “อีฟ” (ชื่อเดียวกับอีฟจากแบล็คแคท) ตอนแรกๆ ยามิถูกวางว่าจะถูกใช้เป็นอาวุธ หากแต่เมื่อเทียร์จูเลี้ยงดูอีฟ จนรู้สึกว่าเธอรักและผูกพัน ทำให้เทียร์จูตั้งใจจะพาอีฟหนีไป หากแต่อผนของเธอถูกจับได้ก่อน ทำให้มีเพียงแค่เทียร์จูหนีไป ส่วนอีฟก็ถูกฝึกฝนจนเป็นนักฆ่า แต่ไม่ทันที่จำใช้งานจริง องค์กรก็ถูกนักฆ่าชื่อคุโระทำลายลงเสียก่อน

    หลังองค์กรที่เธออยู่ล่มสลาย อีฟก็ผจญภัยโดดเดี่ยวในอากาศและเปลี่ยนชื่อเป็น โกลเดน ดาร์กเนส หรือยามิ ในเวลาเดียวกันเทียร์จูที่ได้หนีตามล่า ได้ซ่อนตัวอยู่ดาวที่ห่างไกล ก็ได้ยินข่าวเกี่ยวกับนักฆ่าที่มีผลสีทองทำให้รู้ว่าเป็นอีฟ แม้เธอจะออกค้นหาอีฟ แต่ไม่พบ จนกระทั่งพวกเธอก็ได้พบกันอีกครั้ง เมื่อเพื่อนของเธอด็อกเตอร์มิโคโตะได้มาบอกข่าวกับเธอ และพาเธอกลับมายังโลก จนทั้งคู่พบกันอีกครั้ง

    เนเมซีสต้องการให้ยามิฆ่าริโตะ และเริ่มพูดถึงร่าง “มืด” (ดาร์กเนส) ซึ่งครั้งหนึ่งยามิเคยอยู่ในร่างนี้ แต่เป็นระยะเวลาเพียงสองสามวินาที และเกิดขึ้นเพราะความโกรธ แม้ว่ายามิไม่เคยมีความทรงจำเกี่ยวกับประสบการณ์นี้ แต่เนเมซีสรู้ และเธอก็รู้ว่าเธอจะเปลี่ยนร่างนี้ โดยไม่จำเป็นต้องโกรธ แต่จะมีอะไรบางอย่างมา “กระตุ้น”

    เนเมซีสบอกว่าอีกไม่นานยามิจะเข้าโหมดดาร์กเนส และมันก็เกิดขึ้นจริง เมื่อยามิเข้าสู่โหมดดาร์กเนส  แต่ไม่ได้เกิดจากความโกรธ หากแต่เกิดจากที่ยามิมีความสุขเมื่อเธอคิดถึงมิคังกับริโตะ และ “จิตใจที่ใฝ่หาความสงบ” ซึ่งเป็นสิ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ปลูกฝังให้ยามิเป็นอาวุธนักฆ่าโดยสมบุณรณ์

    ในที่สุดยามิก็ได้กลายร่างเป็นดาร์กเนส มันเป็นร่างโหมดหนึ่งของยามิ ที่เก็บซ่อนมาโดยตลอด ยามิกลายเป็นสาวที่นุ่มน้อยห่มน้อย (เหลือกางเกงในตัวเดียว) มีเขา มีปีก และมือกรงเล็บขนาดใหญ่ จนดูเหมือนปีศาจระดับบอส

     อีกทั้งยามิโหมดดาร์กเนสยังเปลี่ยนบุคลิกของยามิตรงกันข้ามทุกอย่าง (หรืออาจเป็นตัวตนที่แท้จริงของยามิก็เป็นไปได้) ยามิได้กลายเป็นสาวยัน (ยันคิเระ) ชื่นชอบเรื่องหื่นๆ (แถมชอบทำเรื่องหื่นๆ กับคนอื่น) ซ้ำยังยอมรับว่าเธอชอบริโตะ และอยากฆ่าริโตะเพื่อความสุข (เรียกได้ว่ายามิร่างมืดนี้ หลายคนเดาทางไม่ถูกเลย เพราะปกติสาวคูล เวลาจะมีร่างลับสุดยอดแบบบอสๆ นี้ ตัวตนจะคูล หรือไร้ความรู้สึกส่วนใหญ่ แต่การกลายร่าง ด้วยนิสัยต่างข้ามนี้มีไม่บ่อยนัก )

    นอกจากรูปร่าง หน้าตา และบุคลิกเปลี่ยนแล้ว ยามิโหมดดาร์กเนสยังมีพลังร้ายกาจกว่าร่างปกติมากมาย เนื่องจากสามารถใช้พลังแห่งความมืดได้ สามารถควบคุมมิติเวลา (รูหนอน) สร้างพลังทำลายล้างสูง พลังเหล่านี้สามารถทำลายจักรวาลเป็นฝุ่นผงได้อย่างง่ายดาย

    ยามิต้องการฆ่าริโตะเพื่อความสุขสุดยอด แต่ก็ถูกขัดขวางจากสามพี่น้องเดวิดลูค ลาล่า โมโมะและนานะ  แต่อย่างไรก็ตาม คนที่เรียกยามิกลับเข้าสู่โหมดปกติได้ มีเพียงริโตะที่ใช้วิชาขย้ำ เซอร์วิสใส่ ทำให้สติของยามิกลับมา แล้วเข้าสู่โหมดปกติอีกครั้ง

    แม้ว่ายามิจะเป็นปกติ เธอยังคงปฏิเสธความรู้สึกในใจที่ชอบริโตะ จนกระทั่งมาถึงตอนที่ 70 เมื่อริโตะถูกคุโระไล่ล่าหมายเอาชีวิต ยามิได้มาขัดขวางพร้อมเข้าสู่โหมดาร์กเนส ที่เธอสามารถควบคุมพลังได้แล้ว และเธอใช้ร่างนี้ปราบคุโระได้อย่างง่ายดาย (คุโระจะเอาอะไรมาสู่ละ ขนาดโหมดยามิปกติยังแค่เสมอ แล้วมาเจอโหมดดาร์กเนสอัฟเก่งขึ้นหลายเท่าจะเหลือเหรอ)

    หลังการต่อสู้สิ้นสุดลง ริโตะสงสัยว่ายามิสามารถเปลี่ยนร่างดรากเนสได้ยังไง โดยไม่คลุ้มคลั่ง และแล้วยามิก็ได้ทำสิ่งที่คนดูรอคอยอย่างยาวนานด้วยการสารภาพว่าที่เธอกลายร่างและมีสติได้ก็เพราะ “ริโตะเป็นเป้าหมายความรักของฉันยังไงละ!

    ริโตะหน้าแดง ทำอะไรไม่ถูก ส่วนยามิก็ไม่ต้องการคำตอบของริโตะว่าเขาจะยอมรับหรือปฏิเสธความรักนั้น และนั้นทำให้ความรักของยามิและริโตะยังคงค้างคา และทั้งหมดคือเนื้อหาสาระสำคัญของภาคนี้



    รูทยามิมีทั้งดราม่า มีการปักธง แถมการสารภาพรักยามิ น่าจะเป็นสิ่งที่รอคอยด้วย ถือว่าเป็นภาคที่อวยยามิก็ไม่ผิดนัก แถมทำออกมาดีด้วยซ้ำ


     


    ส่วนตัวแล้วผมรับได้ไหมที่ To Love-Ru ดาร์กเนส จบลงเพียงเท่านี้ ผมก็ตอบได้ว่ารับได้ อย่างน้อยก็เป็นจบค้างคา จบภาค ยังไม่จบสมบูรณ์


    นอกจากนี้คอนเซ็ปต์ของ To Love-Ru ก็คือปัญหาของความรัก ยังมีหลายประเด็นที่ยังค้างคาง ไม่ว่าจะเป็นรูทค้างคา ไม่ว่าจะเป็นรูทยุย กับนานะ ที่ยังไม่ได้บอกรักริโตะ รวมไปถึงสิ่งที่ค้างคาใจหลายคนว่ามิคังนั้นเป็นพี่น้องสาวเลือดเดียวกันกับริโตะหรือไม่


    โดยส่วนตัวแล้ว ผมว่าภาคนี้ถือว่าเป็นอีกภาคที่คนแต่งพยายามเอาใจคนอ่านพอสมควร ไม่ว่าการให้ยามิสารภาพ มีรูทริสะเกิดขึ้นอีกครั้ง (ริสะมีการ) แถมบางตอนเหมือนจงใตอบโต้โดจิน อย่างเช่นโดจินมีผ.อ. (หรือครูใหญ่หว่า ลืมไปละ) ลวมลามฮาเร็มของริโตะ ยาบุกิเลยวาดริโตะปลอมเป็นผ.อ.


    และแน่นอน ผมก็ชอบภาคนี้ แม้ว่าตอนจบจะผิดหวังไปนิด แบบว่าอยากให้ริโตะเกิดความคิดฮาเร็มบ้าง หรือไม่ก็การรวมตัวละครทั้งหมดที่สวนน้ำเหมือนภาคแรก อีกครั้ง (ภาคแรกมีอีเวนส์รวมตัวพวกสาวๆ เยอะ แต่ภาคดาร์กเนสนั้นกลับไม่ค่อยมีฉากที่ว่าเลย) แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่ทดแทนคือรูทของยามิ, กอดนานะ, อุ้มเตียวโกะแบบเจ้าหญิง, รูทของริสะ และเซอร์วิสแบบต่างๆ ถือว่าก็คุ้มแล้ว


    คำถามที่หลายคนคงคาใจว่า To Love-Ru จะมีภาคต่อไหม? ผมเชื่อว่าคงจะมีภาคต่อแน่นอน เพราะซีรีย์ดาร์กเนสมียอดขายดีมาก และตัวยาบุกิผู้วาดนั้นได้แสดงให้เห็นว่ามีความตั้งใจวาดเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เห็นได้จากลายเส้นที่สวย ละเอียด งดงามมาก แทบไม่มีเผาเลยสักตอน ยิ่งที่ใครได้ดูคลิปยาบุกิวาดการ์ตูนจะเห็นว่ามีความตั้งใจ และใส่ใจมาก ทำให้เชื่อว่า  To Love-Ru ไม่จบลงเพียงเท่านี้แน่นอน


    ต่อจากนี้ To Love-Ru ก็คงมีตอนพิเศษแทรกบ้าง  ส่วนยาบุกิจะพักเป็นเดือน หรือเป็นปี ผมก็ไม่ว่า เพราะผมอยากให้ภาคใหม่ (หากมี) น่าจะเป็นภาคที่สมบูรณ์ และต้องจบฮาเร็ม ตามความต้องการของเหล่าแฟนทั่วโลก เช่นกัน


     


    บทสรุปความรักของริก็ยังคงต้องรอต่อไป






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×