ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #392 : Ai Mai Mi การ์ตูนเมากาวทะลุจักรวาล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.23K
      6
      6 พ.ค. 59

    ห่างหายจากการแนะนำการ์ตูนไปพอสมควร ดังนั้นขอแนะนำการ์ตูน 3 บทความละกัน  แม้จะเป็นการ์ตูนเก่าๆ เพราะช่วงนี้ยังไม่มีการ์ตูนใหม่ๆ ที่น่าสนใจสักเท่าไหร่ ก็ไม่ว่ากันนะครับ

     

    สำหรับบทความนี้ ผมจะแนะนำการ์ตูนมังงะ Ai Mai Mi ภายนอกเหมือนการ์ตูนโมเอะธรรมดา หากแต่ความจริงแล้วมันไม่ธรรมดา และมันก็น่าจะจัดอยู่ในประเภท “การ์ตูนแปลก” ด้วยซ้ำ

     

    ศัพท์แสลง หมายถึงคำคะนอง ที่ผู้ใช้เข้าใจเฉพาะกลุ่ม ส่วนมากเป็นภาษาไม่สุภาพ เน้นคะนอง และระยะเวลาใช้คำเหล่านี้ไม่นานก็หายไป มีเปลี่ยนไป หรือเกิดใหม่ตลอดเวลา  หลายคนคงได้ยินศัพท์แสลงมากมาย รุ่นพ่อก็คำว่าจ๊าบ ปัจจุบันก็มีคำว่า ชิล,  ฟิน เพิ่มเข้ามาให้รู้จักเฉพาะกลุ่ม

    นอกจากนี้ ศัพท์แสลงบางคำก็มีที่มาจากการ์ตูนด้วย ที่รู้จักกันดีก็คือ “บั่นทอนปัญญา” ซึ่งมีที่มาจากคุโรมาตี้ ซึ่งเป็นการ์ตูนตลกเล่นมุก ประเภทว่ามาตอนแรกๆ พูดอย่างมีหลักการ มีงานเป็นการ แต่พอเอาเข้าจริง บทสนทนามันไร้สาระมาก  แถมตอนท้ายกลับกลายเป็นมุกตลกที่ทำให้หลักการที่ว่าไร้สาระไปเลย จนเป็นที่มาของบั่นทอนปัญญา ซึ่งลุกลาม (Meme) ไปล้อเลียนที่อื่นๆ อันหมายถึง  “ไร้สมอง” ซึ่งเป็นการนิยามตัวละครคุโรไมตี้ไม่ค่อยฉลาดแต่ชอบมีหลักมีการ (ที่ไร้สาระ)นั้นเอง

    ปัจจุบัน “บั่นทอนปัญญา” ยังคงถูกนำไปใช่อยู่ ส่วนมากเอามานิยาม การ์ตูนตลกปัญญา การ์ตูน บั่นทอนปัญญา ที่ยังไม่จบ ก็คงจะเป็นกินทามะ (ช่วงตลก) ที่เวลาเล่นมุกนี้ตลก บ้าบอ (แต่พอช่วงจัมป์เมื่อไหร่โครตน่าเบื่อเลย) ซึ่งสื่อถึงตัวตัวละครไร้สมอง ทำตัวไร้สาระได้เป็นอย่างดี

    และปัจจุบันอีก ก็มีศัพท์หนึ่งเหนือกว่า “บั่นทอนปัญญา” นั่นคือ “เมากาว” (ที่มาไม่ทราบ แต่น่าจะมาจากเพจการ์ตูนแก๊กเพจหนึ่ง ชอบเล่นมุกล้ำๆ จนลูกเพจบอกว่าเมากาว) หมายถึงการเล่นมุกที่ล้ำความคิดของคนธรรมดา  แต่ส่วนมากออกไปในเชิงด้านลบ อารมณ์แบบว่า กล้าเล่น กล้าทำ  คิดได้ไง (ฟ่ะ) และดูไม่รู้เรื่อง ต้องคิดอยู่นานกว่าจะเข้าใจแก๊ก (หรือคิดไม่ออกเลย) ยิ่งกว่าบั่นทอนปัญญา  เสียอีก

    ใช่แล้วครับ ผมกำลังพูดถึงการ์ตูน Ai Mai Mi การ์ตูนมุกเมากาว ที่ดูไม่รู้เรื่องที่สุดในเวลานี้

     

      

    จากซ้ายไปขส รุ่นพี่โปโนกะ, ไอ, มี่ และไม

     

    Ai Mai Mi (I My Me) เป็นการ์ตูนอ่านฟรีในเว็บ Choboraunyopomi ที่เว็บไซต์ Manga Life Win ของสำนักพิมพ์ Takeshobo (ถ้าอ่านญี่ปุ่นได้นะ) และมีรวมเล่มออกมา 2011 ปัจจุบัน (ตามที่เขียนบทความนี้) ก็ยังไม่จบ และมีตัวอนิเมะฉายออก 2 ซีซั่น (เป็นการ์ตูนสั้น ตอนละ 3 นาทีกว่า) ปัจจุบันการ์ตูนลิขสิทธิ์โดยเซ็นซู

    Ai Mai Mi เนื้อหาเป็นเรื่องราวของชมรมมังงะในโรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่ง (ที่ทั้งเรื่องไม่เห็นมีอะไรเกี่ยวกับการวาดมังงะเลย หรือถ้ามีก็น้อยมาก จนไม่ใช่การ์ตูนเกี่ยวกับโอตากุสักนิด) โดยมีสมาชิกในกลุ่มประกอบด้วย ไอ, ไม, มี่ และรุ่นพี่โปโนกะ อย่างไรก็ตามทั้งชมรม มีเพียงแค่ ไอ เท่านั้นที่สนใจมังงะ ส่วนที่เหลือนั้นนอกจากไม่สนใจมังงะแล้ว ยังก่อกวนไอไม่ให้วาดมังงะอีก จนบางครั้งก็แกล้งหนักไปเลยก็มี

      ถ้าจะพูดถึงแนวโมเอะ 4 ช่องจบ เราจะนึกถึงสูตรสำเร็จเติมๆ คือ เป็นเรื่องของชีวิตประจำวันเรียบๆ สงบสุข ของกลุ่มนักเรียนหญิงกลุ่มหนึ่ง ที่โมเอะและน่ารัก สมาชิกในกลุ่ม (อย่างน้อย 3 คน) คนหนึ่งน่ารักเรียบๆ ธรรมดา (เพื่อเป็นตัวตบมุก) อีกคนก็ตัวสร้างสีสัน (ตัวฮ่า ชอบทำอะไรเปิ่นๆ)

    ปกติแล้ว การ์ตูนแก๊กโมเอะ 4 ช่องจบ ไม่ได้เล่นมุกตลกที่ฮ่าก๊ากแต่อย่างใด ส่วนใหญ่เป็นการ์ตูนแก๊กแบบอมยิ้ม ขำหึๆ ยิ้มมุมปากนิดๆ ที่เห็นตัวละครสาวในเรื่องทำตัวเปิ่นๆ หรือทำตัวน่ารัก น่าทะนุถนอม ส่วนใหญ่เป็นเรื่องพวกสาวๆ  ทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น กิจกรรมชมรม (เช่น ชมรมดนตรี, วาดมังงะ, ทำฟิคเกอร์, สภานักเรียน), กลับบ้าน (แวะเดินห้าง, แวะกินขนม, แวะไปสวนสาธารณะ), กิจกรรมวันหยุด ฯลฯ

    น่าแปลกคือ การ์ตูนประเภทนี้ กลุ่มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือผู้ชาย ทั้งในเรื่องไม่ได้มีฉากแอ็คชั่น ต่อยตีอะไรเลย แถมตัวละครก็ไม่ได้มีผู้ชาย มีแต่ผู้หญิง

    อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วการ์ตูนแก๊ก 4 ช่อง ส่วนมากก็จะโทนเดียวกัน ดำเนินเรื่องคล้ายๆ กัน มุกก็ระดับเดียวกัน จนบางคนบอกว่าน่าเบื่อด้วยซ้ำ ซึ่งแท้จริงแล้ว สำหรับการ์ตูนญี่ปุ่นแนวตลกคอเมตี้โมเอะ 4 ช่องนั้นก็มีประเภทที่หลากหลาย นอกเหนือจากแนวชีวิตประจำวันในโรงเรียน ก็มีทั้งจิกกัดในวงการ ( วงการสร้างเกมโป๊, วงการดารานักร้อง เป็นต้น)

    คำถามต่อมาคือ มันแตกต่างตรงไหน

    หากมาดูตอนแรกๆ หลายคนคิดว่า เป็นการ์ตูนแนวโมเอะ 4 ช่องจบที่เหมือนการ์ตูนเรื่องอื่นๆ คือเป็นเรื่องสาวๆ ในชมรมมังงะ ทำตัวโมเอะ น่ารัก ไปวันๆ แต่ผมขอบอกว่า......... หลายคิดคิดผิดครับ

    มันผิดตรงไหน คือ มันแนวโมเอะก็จริง แต่ขอบอกว่ามุกตลกในเรื่องนั้น มันโครตเมากาว ไม่ใช่แนวตลกน่ารักขำๆ เหมือนการ์ตูนโมเอะ 4 ช่องจบทั่วไปนี้สิ

    หลายคนอาจบ่นว่า การ์ตูนเล่มนี้แพงจัง 60 บาท เล่มบางนิดเดียว แต่ขอโทษครับ เนื้อหาข้างในนั้น ทำให้คนอ่านสมองตัน อิ่ม จนบางคนดูไม่จบด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่เล่มบางนิดเดียว

    ตอนแรกๆ เนื้อหาของการ์ตูนเหมือนแนวโมเอะที่เห็นทั่วไป โดยนักเรียนมัธยมปีที่ 2 ชื่อ “ไอ” สังเกตชมรมวาดการ์ตูน มีอนาคตเป็นนักวาดการ์ตูน (แต่เนื้อหาเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับวาดการ์ตูน) กำลังปวดหัว ต้องรับมือกับสองคู่หูสุดป่วน ไม และ มี่ ที่ชอบมาป่วน ก่อกวน ทำให้ไอไม่มีสมาธิวาดการ์ตูนเป็นเรื่องสักที

    หากเป็นการ์ตูนเรื่องอื่นๆ ก็คงแบบตลกน่ารัก โมเอะ แต่ไม่ใช่การ์ตูนเรื่องนี้ ไอบอกให้ไมและมี่ที่กำลังพูดเรื่องการ์ตูนแนวเทนคาเคิลXสาวดุ้นแบบออกรสออกชาติ (!?) ให้ลดเสียงดัง เพราะไม่มีสมาธิวาดการ์ตูน ไมและมี่จึงแกล้งด้วยการดึงกระโปรงไอลง ไอเลยโมโหจัดการอัดทั้งสองคนจนน่วม….

    เมื่อไอทำให้ทั้งสองเงียบ  แต่แทนที่จะเงียบ ไมก็แกล้งด้วยการพ่นน้ำลายใส่ไออีก และเมื่อไอโมโห แทนที่ไมจะง้อ ไมและมี่ก็เล่นมุกตลกออกทะเล ไอจึงบอกไมว่ามันไม่ใช่เวลาที่ทำแบบนี้นะ จนไมต้องตอบโต้ว่า “อย่ามาขวางน่ายัยแมลงขี้ควาย!!!” พร้อมกับตบปากไออย่างแรง (แน่ใจนะว่านี้คือการ์ตูนโมเอะ)

    ไอโมโหเลืดขึ้นหน้า เลยเอาไม้เบสบอลทุบไมและมี่ จนเละเป็นโจ๊ก (เป็นโจ๊กจริงๆ) ทำให้รุ่นพี่โปโนกะให้เอาซากของสองสาวมาใสไห จึงจะกลับมาเป็นคนในเช้าวันรุ่งขึ้น

    (ปล. หากใครอ่าน งง มึนๆ สิ่งที่ผมเล่าเรื่องย่อตอนแรก ก็ขออภัยครับ มันเป็นแบบนี้จริงๆ มันไม่ใช่การ์ตูนที่เล่าเป็นฉากๆ ให้เข้าใจได้ และขอบอกว่ายิ่งช่วงหลังๆ มึน งง มากกว่านี้อีก)

     

     

    เรื่องนี้แกล้งกันแรง

     

    ใช่แล้วครับ การ์ตูนเรื่องนี้เนื้อหาส่วนใหญ่จะเกี่ยวการ “ไอ” ที่ต้องรับมือกับการป่วนของไมและมี่ ซึ่งบางครั้งก็แรงเกินไป จนผมให้ความเห็นว่า “ไอ” ต้องอดทนมากๆ ถ้าเป็นคนอื่นเป็นไอคงเลิกคบกับยัยคู่หูนรกแตกนี้แล้ว คือบางอย่างก็แกล้งแรง (และ แผลงๆ)  มากเกินไป เป็นต้นว่า ต่อยไอ, ไมเอามีดปลอมมาแทงไอ (เป็นมีดปลอมแต่หลอกเป็นมีดจริง), เห็นไอนอนหลับเลยเอาสาหร่ายยัดใส่ปากและจับยัดทะเลสาหร่าย (!!) จนบางครั้งก็ตลกไม่ออกเหมือนกัน

    นอกเหนือจากการแกล้งไอของไมและมี่แล้ว การ์ตูนในเรื่องยังมีอะไรแปลกประหลาดพิลึกโผล่มาบ่อยครั้ง บ่อยจนคนอ่านเมา ว่าจะใส่มาเพื่ออะไร เอามาเล่นเพื่ออะไร

    แม้ว่าบางคนจะบอกว่าแนวการ์ตูนแก๊กโมเอะ 4 ช่องจบจะน่าเบื่อ แต่มันก็ยังคงเป็นที่นิยม และอนิเมะก็ยังคงเอาการ์ตูนแนวๆ นี้มาทำอยู่ดี แต่สำหรับ ไอ ไม มี่ กลับสร้างความแตกต่าง ทำลายภาพลักษณ์ความน่ารักของตัวละคร และบางอย่างเข้าใจยากว่าพวกเธอกำลังเล่นอะไร

    แม้ว่า จะเป็นการ์ตูนตลก แต่การแสดงที่ทำให้ตลกนั้นมีหลากหลาย ไอ ไม มี่ได้นำสิ่งที่รุนแรงเอามาทำให้คนอ่านเกิดความรู้สึกตลก (หรือเปล่า) เช่น การแกล้งเพื่อนแรงๆ, การรังแกสัตว์, ปล้นธนาคาร ฯลณ เรียกได้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เด็กมัธยมปลายหญิงเขาทำกัน นี่ยังไม่นับฉากเลือดสาด ฉากแรงๆ หลายฉากที่มั่นใจว่าเด็กไม่สมควรที่จะดูนัก

    นอกจากนี้ การ์ตูนเรื่องนี้ยังเมากาว เมื่อคนแต่งใส่อะไรบ้าๆ บอๆ ลงในการ์ตูนเรื่องนี้ ไม่ว่าอยู่ดีๆ ก็มีสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์มีปรากฏตัว, อยู่ดีๆ ก็กลายเป็นม้า, อยู่ดีๆ ไอกลายเป็นหุ่นยนตร์โรบอต, อยู่ดีๆ ก็มีมนุษย์ต่างดาวมาขอความช่วยเหลือ, อยู่ดีๆ ก็มีประลองยุทธ์ต่อสู้กัน, อยู่ดีๆ โลกก็แตกแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย  เรียกได้ว่าคนวาดนึกอะไรก็เอามาใส่ โดยไม่สนว่าจะทำให้เนื้อหาการ์ตูนเละหรือไม่ โดยไม่มีที่มา ที่ไป  ไม่เกรงใจคนอ่านที่สมองดัน ว่าเจ้านี้มาไม่ได้ยังไง

    แม้ว่าเล่มแรกๆ จะไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่เล่มหลังๆ จะเริ่มหนักขึ้น มุกเหนือมิติมากขึ้น จนเล่มล่าสุด (ที่แปลไทย) มันก็กลายเป็นการ์ตูนที่อ่านไม่เข้าใจ ไม่เก็ต และหลุดโลกไปด้วยสมบูรณ์แบบ

     

     

     

    แน่นอนว่าไอ ไม มี่ ไม่ใช่การ์ตูนเรื่องแรกที่มีมุกเมากาวที่คนไทยคุ้นเคย ก่อนหน้านั้นเนชั่นมีการ์ตูนที่ภถายนอกเหมือนการ์ตูนเด็กประถม อย่าง “เพนกวิน เบ็แฮม” เคยเอามาทำระดับฮ่าก๊ากแบบเมากาวมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการเล่นมุก “ทำลายจิตสามัญสำนึก” ว่าเพนกวินที่ไหนเดินได้ พูดได้ มาโรงเรียนเหมือนคนปกติ คนรอบข้างก็ไม่นึกเอะใจอะไรเลย ไม่เพียงเท่านั้น การหักมุมก็มีเป็นระยะ และมุกแต่ละอย่างก็เกิดระดับปกติธรรมดาทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมที่ขัดแย้งเหนือเหตุผล (เช่น แก้ผ้าแล้วเดินไปข้างนอก)

    มุกตลกสายเมากาว ก็คือมุกตลกบั่นทอนปัญญาอีกรูปแบบหนึ่ง คือไร้สาระ ไร้แก่นสาระ ขัดแย้งกับสามัญสำนึก แม้จุดประสงค์เหมือนเบาสมอง แต่เอาเข้าจริงมันก็ทำให้คนอ่านสมองตันเสียมากกว่า เพราะมันเต็มไปด้วยคำถามในหัวว่า “ทำไมถึงเป็นแบบนี้?” และ “แล้วความต่อเนื่องมันอยู่ตรงไหน” เสียมากกว่า (เพราะเวลาเล่นมุกนี้เราก็ต้องมีการหยุดคิดไม่มากก็ไม่น้อย)

    ดังนั้นผลลัพท์ของมุกตลกเหล่านี้คือ เราเข้าใจมุก, เราไม่เข้าใจ, เรามึนงง, คิดจนสมองตัน ความไม่สมเหตุสมผลกระหน่ำเข้าไป ยิ่งในเล่มที่ 3 มีอะไรบ้าๆ เยอะ โดยเฉพาะศัพท์เฉพาะท่าไม้ตายของตัวละครในฉากแนะนำตัวละคร (ซึ่งเป็นข้อมูลขยะ ที่คนธรรมดาอย่างเราไม่เข้าใจ แต่นักเล่นเกมจะรู้เรื่อง) ก็เอามาใช้ไม่เกรงใจคนอ่าน หรือฉากต่อสู้ก็ติ๊งต๊องไร้สาระสุดบรรยาย (อ๊วกทั้งหน้า)

     

    ส่วนมันจะขำ ตลก ชอบใจหรือไม่นั้นก็แล้วแต่ละคน





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×