คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #77 : Gurren Lagann ลูกกระจ๊อกผู้ยิ่งใหญ่
สวัสดีครับ กลับมาอีกครั้งครับหลังจากหายไปหลายวัน เนื่องจากคอมผมเสีย ที่จริงช่วงนี้เป็นช่วงบอลโลกเนอะ ผมน่าจะเขียนเรื่องการ์ตูนเกี่ยวกับฟุตบอลสักหน่อย แต่ผมไม่เขียน เพราะไม่มีการ์ตูนแนวที่ว่าที่ผมสนใจเลยสักเรื่อง(แล้วจะพูดถึงหาป๋าเอ็งทำไมว่ะ)
ช่างเถอะ มาว่าต่อ สำหรับตอนนี้ มันการ์ตูนแนวหุ่นยนต์สายผู้กล้า ซึ่งผมไม่ถนัดในการดูการ์ตูนแนวหุ่นยนต์เท่าไหร่น่ะครับ ก็ผมชอบแนวคอมมาดี้ โมเอะ(หื่น)นี้น่า ดังนั้นอาจมีบ่นๆ ไปบ้างก็อย่าถือสาน่า(ผมดูการ์ตูนนี้รอบเดียวก็พอเลย ชื่อตัวละครไม่ค่อยจำเท่าไหร่หรอก)
Gurren Lagann
การ์ตูน
แนว ซูปเปอร์โรบ็อต, แอ็คชั่น, แฟนตาซี, ไซไฟ
27 ตอนจบ
รู้จักกันในประเทศญี่ปุ่นเป็น Tengen Toppa Gurren Lagann เป็นการ์ตูนอมิเนชั่นโดย Gainax และร่วมผลิตโดย Aniplex และ Konami เครือข่าย ทีวีโตเกียว ระหว่าง 1 เมษายน 2007 และ 30 กันยายน 2007 กำกับโดย ฮิโรยูกิ(Hiroyuki Imaishi) บทโดย นากาชิมา(Kazuki Nakashima) รับรางวัลหลายที่ Tokyo International Anime Fair และ Animation Kobe และ Japan Media Arts
เอาเถอะจะได้รับรางวัลอะไรมาก็ช่าง ขอดูเนื้อหาและสิ่งที่นำเสนอก่อนเถอะว่ามันถูกใจสำหรับคนไทย(และผม)หรือเปล่า
รู้ไหมครับว่า ตอนที่ผมเห็นการ์ตูนเรื่องนี้ครั้งแรกนั้น ผมเห็นที่ไหน โดจินโป๊ครับ พูดตามตรงเลยไม่มีปิดบัง ตอนนั้นกำลังดูว่าการ์ตูนเรื่องไหนถูกทำเป็นโดจินมากที่สุด จนกระทั้งมาเหลือบเห็นโยโกะนางเอกนางแบบหน้าปก ของการ์ตูนเรื่องนี้ที่หุ่นทรมานใจหัวใจผู้ชายเหลือเกิน
ผมมารู้ที่หลังว่าการ์ตูนเรื่องนี้เป็นแนวหุ่นยนต์ยักษ์ ซึ่งเป็นแนวที่ผมไม่ชอบดูเสียเลย หลังจากที่ผมดูเรื่องวาตารุเทพบุตรสองโลกภาค 3 (ถ้าจำไม่ผิดคงจะปี 1997)ผมก็ไม่ได้ดูการ์ตูนแนวนี้อีกเลย เพราะว่าผมชอบการ์ตูนคอมมาดี้โมเอะที่เนื้อหาที่ไม่ดราม่าหรือนางเอกบริสุทธิ์มากกว่า
สิ่งที่รู้ต่อมาคือการ์ตูนเรื่องนี้ดังพอสมควร(อย่างน้อยก็ในช่วงแรก) ถูกนำไปทำสื่อต่างๆ(และภาคพิเศษด้วย) เช่น มังงะ(4 เล่มยังไม่จบ 27 เมษายน 2007-ต่อเนื่อง), นิยายไลท์โนเวล(4 เล่ม 17 สิงหาคม 2007 - ต่อเนื่อง), เกมของค่ายโคนามิ ของเครื่องนินเทนโด DS 25 ตุลาคม 2005, มังงะภาคพิเศษในชื่อ Tengen Toppa Gurren Lagann : Gurren - hen Gakuen และภาพยนต์การ์ตูน 2 เรื่องในชื่อ Tengen Toppa Gurren Lagann : Gurren hen(6 กันยายน 2008) และ Tengen Toppa Gurren Lagann : Lagann hen(25 เมษายน 2009)
การที่ผมดูการ์ตูนเรื่องนี้ก็เพราะว่าช่วงนี้คอมเสียพอดี(ถ้าคอมไม่เสียผมคงไม่ดูหรอก) ประกอบกับการ์ตูนเรื่องนี้ผมซื้อจากคอมพิวเตอร์พลาซ่าที่เชียงใหม่มานานแล้ว พอดีตอนนั้นเงินเหลืออ่ะนะเลยถามคนขาย แถมผมพูดผิดๆ ถูกๆ ต้องสิ อ่านชื่อไทยการว่า “หุ่นรบทะลวงพวงสวรรค์” ไปเสียได้ เลยหน้าแหกกลับมาเนี้ยแหละ
เมื่อผมดูการ์ตูนนี้แล้วสิ่งแรกก็พบว่าการ์ตูนเรื่องนี้พากษ์ไทย อืม......พากษ์ดีนะครับ
หลังชื่นชมการพากษ์ไทยไปพักใหญ่ผมก็กริ๊ดๆๆๆ เพราะชิม่อนน่ารักสุดๆ อยากกอดอ่ะ ในขณะเดียวกันผมก็จดสิ่งที่ต้องการจะเขียนกระดาษ A4 เพื่อจะนำไปเขียนลงบทความไปเรียบร้อย หากแต่นานๆ เข้า เมื่อพระเอกโตเป็นหนุ่ม เอ่อ.........ไม่น่ารักแล้วง่ะ เลยเศร้าไปพักใหญ่ เอาเถอะไหนๆ ก็ดูแล้ว แถมช่วงนี้ก็ไม่รู้จะเขียนการ์ตูนเรื่องใด ขอเขียนถึงการ์ตูนเรื่องนี้สักตั้งล่ะกัน
Gurren Lagann เป็นเรื่องราวของอนาคตที่แสนไกล ที่โลกล่มสลาย มนุษย์หันมาอยู่ใต้ดิน สร้างบ้านสร้างเรือนอยู่ที่นั้นหลายหมู่บ้าน โดยพวกเขาไม่รู้เลยว่าทำไมพวกเขาอยู่ใต้ดิน และบางคนก็ไม่รู้เลยว่าโลกข้างบนนั้นเป็นอย่างไร
ในโลกแห่งนี้มี หมู่บ้านใต้ดินแห่งหนึ่ง ชื่อ หมู่บ้านจิฮา ที่นั้นมีเด็กน้อยตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่ไม่ยอมแพ้แต่โชคชะตานาม ชิม่อน เด็กชายที่เก่งแต่ขุดอย่างเดียว วันๆ เอาแต่ขุดอุโมงค์เพื่อขยายหมู่บ้าน จนกระทั้งวันหนึ่งเขาได้ขุดพบสว่านเล็กๆ โดยบังเอิญ และเขายังขุดไปเจอหน้าหุ่นยนต์ยักษ์อีกต่างหาก และบังเอิญ(หลายรอบ) ก็มีหุ่นยนต์หน้ายักษ์หล่นลงมาจากโลกข้างบน และเขาก็ได้รู้จักกับโยโกะหญิงสาวที่ถูกหุ่นยนต์ยักษ์ไล่ล่าจนตกมาพร้อมกัน และนั้นเองคือจุดเริ่มต้นการผจญภัยของชิม่อน ลูกกระจ๊อกผู้ยิ่งใหญ่นั่นเอง!!
ชิม่อน(Simon) เด็กน้อยอายุ 14 ที่สุดแสนจะน่ารัก ตาโต(ที่ผมตัดสินใจดูการ์ตูนก็เพราะพระเอกน่ารักนี้แหละ) ยอดนักขุดจากหมู่บ้านใต้ดินจิฮา ที่ทำอะไรอย่างอื่นไม่เป็นนอกจากขุดด้วยสว่าน นอกจากนี้ยังเป็นสมาชิกลูกกระจ๊อกแก๊งกุเร็นที่เป็นแก๊งเล็กๆ อารมณ์ประมาณจิ๊กโก๋กระจอกแซวสาวๆ แถวศาลาคนเศร้า ตอนแรกชิม่อนเป็นคนขี้อาย อ่อนแอ และขี้อิจฉาคามินะที่เป็นหัวหน้าของแก๊งกุเร็น แต่ก็นับถือเขาในฐานะลูกพี่เวลาเดียวกัน(จนเกือบเรียกว่า Y) แต่แล้วชีวิตของชิม่อนก็เปลี่ยนไปเมื่อวันหนึ่งเขาได้พบหุ่นลึกลับที่มีแต่หัวในขณะขุดเจาะ ประกอบกับช่วงเวลานั้นมีหุ่นยนต์ยักษ์และผู้หญิง(สวย, หุ่นเอ็กซ์) หล่นจากฟ้า ทำให้เขาใช้หุ่นที่ขุดพบนั้นต่อสู้กับหุ่นยักษ์ดังกล่าว และเขาก็กลายเป็นหนึ่งในผู้กอบกู้โลกและชะตากรรมของจักรวาล(ซะงั้น)
ปล. ตอนชิม่อนโตขาดความโมเอะเยอะ เซ็งเป็ด(แต่ก็ทนดูเพราะโยโกะน่ารักอยู่)
คามินะ(Kamina)ชายหนุ่มจากหมู่บ้านใต้ดินจิฮา ที่มีความฝันอยากออกจากบ้านและไปยังพื้นผิวโลกตั้งแต่เด็ก เขามีบุคลิกเป็นคนกล้า บ้าบิ่น ใจกว้าง และพูดเก่ง(จนเหมือนโม้) แต่การพูดของเขานั้นส่งผลกระทบต่อทุกคนที่ได้ยินเกิดความคล้อยตามได้ นอกจากนี้เขาคงถือคติว่า “ไม่มีสิ่งใดที่เราจะทำไม่ได้” ตอนแรกเป็นแค่หัวหน้าแก๊งกุเร็น แก๊งกระจอกในหมู่บ้านเล็กๆ ที่โลกใต้ดิน แต่แล้วหลังจากที่เขาออกสู้โลกภายนอกพร้อมกับชิม่อนและโยโกะ เขาก็มีส่วนในการต่อสู้กับพวกศัตรูและกลายเป็นหนึ่งในหัวหน้ากลุ่มปฏิวัติ ซึ่งแผนการรบของเขาแต่ละครั้งนั้นเรียกได้ว่าบ้าบิ่นและโง่เขลา หากแต่อาศัยลูกฮึด ความมุ่งมั่น และความเชื่อใจต่อชิม่อนทำให้ชนะศึกเรื่อยมา ซึ่งโดยปกติแล้วคามิน่ารักชิม่อนมากๆ เป็นคู่หูอมตะเลยก็ว่าได้ แต่แล้วเนื้อเรื่องการ์ตูนก็ช่างโหดร้ายนักเมื่อคามิน่าได้ตายจากเหตุการณ์รบยึดป้อมปืนใหญ่ ทิ้งชิม่อนและพรรคพวกต้องผจญกับการต่อสู้อยู่เบื้องหน้า
โยโกะ(Yoko) เด็กสาวจากหมู่บ้านใกล้เรือนเคียงจิฮา มีฝีมือเรื่องแม่นปืน และประสบการณ์มากมายในการต่อสู้กับศัตรู เธอมักสวมกางเกงขาสั้นและข้างบนใส่บิกีนี(ในตอนที่ห้าก็ได้รู้ว่าสาเหตุที่เธอใส่ก็เพราะจะได้เคลื่อนไหวการต่อสู้ได้สะดวก) เธอมีนิสัยเหมือนผู้ใหญ่ มักเตือนสติชิม่อนและคามิน่าเป็นประจำ นอกจากนี้เธอยังนางเอกมรณะที่เธอหลงรักชายคนใด ชายคนนั้นต้องมีอันเป็นทุกคน เช่นตอนแรกหลงรักคามินะ คามินะก็ตาย ตอนแรกเธอก็มีใจหลงรักชิม่อนเหมือนกัน(และผมก็เชียร์ใจจะขาดแต่แล้วก็อดสอยซะงั้น) สุดท้ายเธอก็เป็นครูโรงเรียนประถมในบ้านนอกเพราะรักเด็ก(แต่งตัวอย่างกับนางเอกจากการ์ตูนเรื่องสอนนักรักซะเลย) และเธอก็คือคนที่เป็นยาใจกับผมในการ(ทน)ดูการ์ตูนจนจบเรื่อง
อันนี้ไม่เกี่ยวกับการ์ตูนน่ะ(หรือจะเป็นเนื้อเรื่องเสริมหรือเปล่าไม่รู้) เป็นโดจินในสมัยโยโกะตอนเป็นเด็กนั้น เคยหลงรักนักรบคนหนึ่งในหมู่บ้าน และนักรบคนนี้ก็รักโยโกะ(พวกโลลิคอน) หากแต่สุดท้ายชายคนนั้นก็ตายจากการรบกับพวกบีทแมน ทิ้งโยโกะรักคุดคนเดียว(และเป็นชายคนแรกที่โดนฤทธิ์นางเอกมรณะ)
เนีย เด็กสาวลึกลับที่พบโดยชิม่อน จากการเปิดแคปซูลที่ถูกทิ้ง เธอเป็นลูกสาวของราเช็นโอที่หัวหน้าของศัตรูเพราะถูกทิ้ง(ส่วนเหตุผลที่ถูกทิ้งนั้นยิ่งใหญ่มาก) เธอเป็นเด็กสาวที่มีความอยากรู้อยากเห็น, สุภาพ และบริสุทธิ์ เนื่องจากถูกเลี้ยงดูในวังไม่ได้ออกสู่โลกภายนอก และเมื่อเธอรู้จักกับชิม่อนเธอก็หลงรักเขา และมีความสัมพันธ์ใกล้ชิด จนกระทั้งอยู่ในเหตุการณ์ถล่มวังคิง และสังหารราเช็นโอ จนกระทั้งโลกสงบสุข 7 ปีให้หลัง และชิม่อนจะแต่งงานกับเดียร์อยู่แล้ว หากแต่เนื้อเรื่องการ์ตูนเรื่องนี้ไม่อยากให้นางเอกและนางเอกรักสมหวัง เลยจัดการแยกกันซะ(เป็นปกติของการ์ตูนหุ่นผู้กล้าครับ ) โดยเนียได้กลายเป็นทูตจากดวงจันทร์ในการดำเนินโปรแกรมกวาดล้างพันธุ์มนุษย์จนชิม่อนต้องบุกจักรวาลเพื่อช่วยเนีย(โรมิโอกับจูเลียสเรอะ)
คีตตัน(Kittan) ชาวหนุ่มเลือดร้อนที่เป็นนักล่าบีทแมนที่มีฉายาว่าพี่น้องชุดดำ เนื่องจากเขามีพี่น้องเป็นสามสาว ตอนแรกเป็นคู่ปรับกับคามินะ แต่คามิตะตายก็มาเป็นสามชิกกุเร็นและพยายามสานสัมพันธ์พรรคพวกเอาไว้ เจ็ดปีให้หลังเขาก็มีตำแหน่งใหญ่โต แต่ก็แค่หัวโขน ไม่สามารถสั่งการอะไรตาย เขาเป็นชายที่คนสามที่โยโกะหลงรัก และก็ตายด้วยฤทธิ์นางเอกมรณะในบัดดล
รอสซิว เด็กหนุ่มผู้ช่วยบาทหลวง ผู้ยึดติดความเชื่อที่งมงายในหมู่บ้านใต้ดินที่แสนยากจนที่มีคนอาศัยเพียง 50 คน หลังจากที่เขาพบกับชิม่อนก็ร่วมออกเดินทาง(ไปพร้อมกับเด็กในหมู่บ้านอีก 2 คนที่ตามเขาไปด้วย) หลังคามิน่าตายเขาก็เป็นคู่ Y ใหม่กับชิม่อน(??) ภายหลังพวกบีทแมนล่มสลาย 7 ปีให้หลังเขาก็ได้เป็นใหญ่เป็นโต ดีไม่ดีเขาใหญ่กว่าชิม่อนด้วยซ้ำ บางครั้งก็ตัดสินใจของเขาอาจผิดพลาด ไม่สนพวกพ้อง และเป็นคำสั่งที่ผิดหลักมนุษย์ธรรมไปบ้าง แต่เขาจำเป็นที่จะต้องทำ เพราะสถานการณ์บังคับ
แก๊งกุเร็น(Gurren) สมาชิกกลุ่มกระจอกแห่งหมู่บ้านจิฮา ที่ตอนแรกมีแค่ชิม่อนกับคามินะเท่านั้น แต่หลังจากที่เดินทางก็ได้รู้จักกับเพื่อนและคนร่วมอุดมการณ์มากมาย จนกลายเป็นกองทัพและสู้รบชนะพวกบีทแมนในที่สุด จนกระทั้ง 7 ปีให้หลัง สมาชิกกลุ่มได้รับยศสูงกันถ้วนหน้า บางคนได้ตำแหน่งใหญ่โตทั้งๆ ที่สติปัญญาต่ำ(แค่หัวโขนเท่านั้น ส่วนลูกน้องจัดการเอง) แต่กระนั้นก็มีสมาชิกบางคนที่หนียศตำแหน่งไปหาที่สงบเหมือนกัน(เช่นโยโกะ)
วีรัส พูดง่ายๆ คือเบจิต้าเวอร์ชั่น Gurren Lagann นั้นแหละ อดีตเคยเป็นบีทแมนที่เป็นหัวหน้าหน่วยล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ ที่หยิ่งทะนงและศักดิ์ศรีอย่างรุนแรง เป็นคู่ปรับคามินะมาก่อน พอคามินะตายเลยหันมาสู้กับชิม่อนแทน แต่แพ้แบบเรียบวุธ หลังสไปรัลคิงล่มสลายก็หันมาเป็นพวกกบฏเล็กๆ แต่ก็แพ้อยู่ดี เลยจับไปขัง แล้วมากลับใจเป็นคนดี และผลสุดท้ายก็ได้รับตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดแทนชิม่อนที่ลาออกซะงั้น(เป็นดาวร้ายที่ชีวิตรุ่งเรืองเสียจริง)
ราเช็นโอ (Lordgenome) พ่อของเนีย(แต่เนียคงไม่ได้เกิดจากท้องแม่หรอก คงมาจากโคลนมากกว่า) เป็นผู้นำของพวกบีทแมน อดีตเคยเป็นนักรบต่อสู้กับศัตรูอีกเอกภพหนึ่ง แต่พ่ายแพ้เลยหันมาเป็นคนทำหน้าที่จำกัดมนุษย์บนโลกแทน เป็นคนที่ดูถูกมนุษย์อย่างรุนแรง ต่อมาก็พ่ายแพ้ต่อชิม่อน แต่กระนั้นเขาก็คืนชีพอีกใน 7 ปีให้หลัง จากเทคโนโลยีชีวภาพและกลายเป็นมิตรซะงั้น(ตามประสามุกดราก้อนบอล ศัตรูเมื่อวันวานก็คือมิตรในวันหน้า)
Beastmen สิ่งมีชีวิตครึ่งคนครึ่งสัตว์ที่เกิดจากการโคลนโดยราเช็นโอ และถูกสั่งการโดยสี่จตุเทพอีกต่อหนึ่ง(อีกแหละ ไม่มีการ์ตูนหุ่นยนต์เรื่องไหนที่ขาดพวกจตุเทพเลยหรือไงฟ่ะ) และต้องภักดีต่อราเช็นโอยิ่งกว่าชีวิต มีหน้าที่ล่าฆ่าล้างมนุษย์บนโลกโดยทุกตัวไม่รู้เหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงต้องทำ มีความสามารถในการขับขี่กันเม็ง และไม่มีความสามารถในการสืบพันธุ์ หลังจากการลุ่มสลายของราเช็นโอก็อยู่ร่วมกับมนุษย์และดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีเสียด้วยสิ(ทั้งๆ ที่อดีตจะฆ่ากันให้ตายข้างหนึ่ง)
กันเม็ง(Ganmen) ชื่อพวกหุ่นของเรื่องนี้ โดดเด่นคือมีหลายขนาดมีทั้งเล็กจนถึงใหญ่โตมโหราฬ และเด่นที่สุดคือหน้าใหญ่ตรงกลาง เหมือนโนอายเพราะเกาะฮีทเตอร์ไงชอบกล แถมมีแบ่งเป็นรุ่นๆ ด้วย ซึ่งตอนแรกมีแต่พวกบีทแมนเท่านั้นที่ขับขี่มันได้ เนื่องจากมีดีเอ็นเอเป็นรหัสเป็นตัวปลดล็อกควบคุมอยู่ หากแต่คามิยะได้เป็นคนต้นคิดในการแก้ปัญหานี้โดย “ใส่ความตั้งใจ” ส่งผลทำให้ปลดล็อกควบคุมได้ซะงั้น โดยหุ่นที่ชิม่อนขับเรียกว่าลากันน์ที่มีพลังสามารถควบคุมเครื่องจักรทั้งปวงได้ ส่วนหุ่นที่คามินะขับเรียกกุเร็น(Gurren"(หมายถึง"ดอกบัวแดงเข้ม") ส่วนกุเร็นลากันน์คือชื่อหุ่นหลังรวมร่างแล้วของชิมอนและคามินะ(ขี้เกียจเขียนไปดูเอาเองเถอะ) ส่วนเชื้อเพลิงนั้นดูเหมือนจะเป็นกำลังใจของคนขับนั้นๆ (มั้ง)
สำหรับแนวคิดหุ่นหน้าใหญ่นั้น ผมนึกถึงการ์ตูนเรื่องหนึ่งในสมัยก่อนครับ ถ้าจำไม่ผิด วาตารุ ไม่ๆ มีอีกเรื่องเก่ากว่า ผมจำไม่ค่อยได้แล้วละ ที่เป็นเด็ก 3 คน ที่มีธาตุ ดิน น้ำ ไฟ สู้กับศัตรูที่โลกดวงจันทร์ อันนี้ผมก็จำไม่ได้แล้วละ ช่างเถอะ
เกลียว เป็นศัพท์ที่ปรากฏเรื่องนี้เยอะมาก โดยมาในรูปปรัชญาชีวิตที่เกี่ยวกับสัญลักษณ์ความท้าทายการผ่านอุปสวรรคต่างๆ, วีถีชีวิตที่ซ้ำๆ ไป, ฟิสิกซ์, ชื่อเผ่าพันธุ์, ชื่อท่าไม้ตาย นอกจากนี้ยังมีความหายถึงจีโนมเกลียวของ DNA อันเป็นสัญลักษณ์ของสิ่งชีวิตและจักรวาล และยังปรากฏในสูตรคณิตศาสตร์ก้นหอยลอการริทึมที่ไม่ว่าจะหลุมอย่างไรรูปร่างก็ไม่มีวันเปลี่ยน ฯลฯ
ส่วนคำศัพท์อื่นๆ ในการ์ตูนเรื่องนี้ผมไม่ใส่ใจเท่าใดนัก(ผมไม่บ้าจำหรอก ทนดูก็เต็มกลืนแล้ว)
การ์ตูนเรื่องนี้ผมใช้เวลา 1 วันเต็มๆ กว่าจะดูจบ ยาวใช้ได้เลย แถมไม่ได้ดูบอลโลกในช่วง 6 โมงด้วย คู่ไรหว่า?? อาร์เจนติน่ากับเกาหลีใต้มั้ง ช่างเถอะ ตอนแรกผมดูแล้วฮ่าและแนวคิดที่แปลกใหม่ มาตอนสองก็เริ่มไม่ฮ่าแล้วล่ะมาเครียดแทน และตอนที่สามดราม่าและเวอร์สุดๆ นี้แหละคือความรู้สึกของผมในการดูการ์ตูนเรื่องนี้
สิ่งแรกที่ผมรู้สึกเลยคือชิม่อนตอนเป็นเด็กกับโยโกะน่ารักมากๆ โดยเฉพาะชิม่อน(ตอนเด็ก)ถูกใจป๋า เสือใบสุดๆ แต่ว่าพอโตเป็นหนุ่มแล้วกลายเป็นหน้าดาษๆ ซะงั้น เล่นเอาผมทำใจไม่ได้พักใหญ่ แต่ก็ยังดีโยโกะยังเหมือนเดิมอยู่ แถมชุดก็ โอ้ เยส!!!
นี้แหละครับคือความน่ากลัวของการเจริญเติบโต เราชอบการที่เวลาหยุดกับที่เสียมากกว่าที่จะดูการเจริญเติบโตของตัวละคร ไม่งั้นโคนันคงจบไปนานแล้วนะครับ ผ่านไป 10 ปียังอายุเท่าเดิม แฮก กฎนี้บางครั้งก็น่ากลัวเหมือนกัน
การ์ตูนเรื่องนี้ผม(ทน)ดูจนจบ(ย้ำทนดูจนจบ) สาเหตุที่ทนดูตอนจบก็คือลุ้นว่าเยโกะจะเสียความบริสุทธิ์หรือไม่(และก็ชอบใจที่เธอไม่เสียความบริสุทธิ์ให้แก่ใครเลย ยกเว้นโดจินโป๊)
โดยรวมๆการ์ตูนเรื่องนี้ไม่ได้สร้างสรรค์โสตประสาทสมองของผมมากนัก ไม่ใช่ว่าการ์ตูนเรื่องนี้ไม่สนุก แต่ว่ายังขาดความเป็นตัวของตัวเองพอสมควร ไม่เหมือนการ์ตูนหุ่นยนต์ในดวงใจผม ที่เทพอย่างบากุราโนะ เนื่องจากหลายส่วนในการ์ตูน Gurren Lagann เอามาจากมุกการ์ตูนเรื่องอื่นๆ มาใช้ประกอบ ฉากต่อสู้ทั้งหลายเหมือนเกมซูเปอร์โรบอต เนื้อบางส่วนตามฉบับการ์ตูนแนวผู้กล้า แม้กระทั้งศัตรูตอนสุดท้ายพาลให้นึกถึงเจ้าอวตาลในเรื่องฮารุฮิซะงั้น หรือฉากจักรวาลก็พานนึกถึงการ์ตูนชินเก็ตเตอร์โรบอตไงชอบกล ดังนั้นใครต้องการไอเดียที่แปลกใหม่จากการ์ตูนเรื่องนี้ ไม่ขอแนะนำครับ หากจะดูเรื่องที่มันแปลกใหม่แนวหุ่นยนต์ผมแนะนำให้ไปดูเรื่อง บากุราโนะ หรือ กัมดั้ม(ภาคแรก) หรือวาตารุ(ภาค 3)จะดีกว่า
ดังนั้นคุณไม่ต้องไปจำชื่อหุ่นหรอก เพราะมันมีโครตหลายร่าง ตามประสาการ์ตูนหุ่นผู้กล้า แต่ผมชอบหุ่นยนต์กุเร็นร่างสุดท้ายน่ะ ร่างอวตาลอะไรนี้แหละ ชอบตรงที่มันมีหลายคนมาขับ ใครไม่ขำ แต่ผมขำน่ะ เพราะคนขับทั้งหลายแหล ส่วนใหญ่เป็นพวกตัวประกอบเนี้ยสิ พวกตัวประกอบคนไหนที่บทไม่เด่นจะมาเด่นตอนนี้แหละ เท่โครตเลย ผมชอบตรงเจ้าแว่นจอมกดยิงแหลก ทั้งเรื่องกดยิงแหลกลูกเดียว
หลายคนคงสงสัยว่า “แล้วไอ้หุ่นผู้กล้าที่คนเขียนพูดถึงนี้มันห่าอะไรว่ะ” คืองี้นะครับ การ์ตูนแนวหุ่นยนต์(แบบคนขึ้นไปขับ) มันแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
อย่างแรกคือ ซูเปอร์โรบ็อต หรือภาษาปากผมคือ สายหุ่นยนต์ผู้กล้า หุ่นแนวนี้จะเน้นการออกแบบที่เกินจริง เน้นเท่ไว้ก่อน มีคนขับหลายคน และตอนแรกจะเป็นชิ้นส่วนย่อยๆ เช่นรถยนต์ 5 คัน หรือ เสื้อ สิง กระทิง แรด ก่อนที่จะรวมตัวเป็นหุ่นยนต์เป็นต้น และไม่ต้องสนใจหลักฟิสิกซ์ เช่น เชื้อเพลิงไม่ใช้น้ำมัน หากแต่ใช้พลังใจ, พลังชีวิต, จิตวิญญาณ อะไรประมาณนี้ หุ่นนี้อาวุธส่วนใหญ่จะมีเช่น ดาบยักษ์, โล่, ขวาน แถมมีท่าไม้ตายเท่ๆ ที่ยิ่งใหญ่ปิดท้าย ศัตรูพวกไม่ใช่มนุษย์และก็มีพวกจตุเทพ ฯลฯ ใครคิดภาพไม่ออกก็ลองนึกถึง หุ่นมาชินก้า, ไรจินโอ, เก็ตเตอร์โรบ็อต, กาโอไกก้า ดูน่ะครับ นั้นแหละหุ่นแนวผู้กล้า เออเกือบลืม หุ่นแนวสายผู้กล้าส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวช้า แต่ได้ความฮึด เกราะหนามาทนแทนครับ
อย่างที่สองคือเรียลโรบ็อต หรือภาษาปากของผมคือ หุ่นแนวเสมือนจริง อันนี้จะออกแบบให้สมจริงหน่อย แบบว่าหากแขนขาขาดก็จะพังไปเลยไม่มีงอกใหม่, มีเชื้อเพลิง คนขับคนเดียว(อาจมี 1-2 คน ท่าไม้ตายก็ไม่มี( เน้นอาวุธปืนเลเซอร์เป็นหลัก) ศัตรูเป็นมนุษย์ (แต่ก็ไม่วายยังขาดฟิสิกซ์อยู่ดีแหละ อย่างเสียงระเบิดในอวกาศและคนขับที่ไม่เมาทั้งๆ ที่เครื่องโครตกระแทกยิ่งกว่ารถหวานเย็นบ้านผมเสียอีกให้ได้เถอะ)เออเกือบลืม หุ่นแนวสายนี้จะเคลื่อนที่ได้ไวครับ แต่เกราะเบาและถูกทำลายง่ายไปหน่อย ใครนึกภาพไม่ออกให้นึกถึง กัมดั้มนะครับ(เฉพาะบางภาคเน้อ)
ก็แปลกดีหุ่นทั้งสองแบบนี้ไม่มีความเหมือนกันเลยสักนิด แถมเนื้อหาก็แตกต่างกัน เพราะแนวเรียลโรบ็อตเนื้อหาจะจริงๆ จังๆ กว่าซูเปอร์โรบ็อต แต่กระนั้นหุ่นทั้งสองแบบก็ถูกนำมารวมกันจนได้ในเกมส์ซูเปอร์โรบ็อต ซึ่งเป็นเกมส์แนววางแผนที่จับเอาเนื้อหาของหุ่นจากเรื่องต่างๆ มายำกัน
กลับมาที่การ์ตูนเรื่องนี้ต่อ การ์ตูนเรื่องนี้แบ่งเป็น 3 ช่วง ใน 3 ความรู้สึก(ของผม) (ขอสปอยย่อแบบสุดฤทธิ์) ดูที่พระเอกต้องสู้กับศัตรูที่เก่งกว่าไปเรื่อยๆ พร้อมกับร่างแปลงที่แปลงหลายมากพร้อมชื่อที่โครตยิ่งใหญ่เป็นเงาตามตัว นอกเหนือจากนั้นจุดเด่นการ์ตูนเรื่องนี้คือความกดดัน ยิ่งคุณมีความรับผิดชอบมากขึ้นความกดดันมากยิ่งเพิ่มขึ้น อย่างตัวชิม่อนอายุแค่ 14 แต่ต้องรับภาระหนักเกินกว่ากว่าที่เด็กคนหนึ่งจะรับได้ ยิ่งผ่านไป 7 ปี ก็เป็นถึงคนที่มีอำนาจของโลก แต่ก็ผจญกับภาระอยู่ดี สุดท้ายชิม่อนจะจัดการอย่างไรนั้นก็ติดตามเอาเอง(เถอะ)
ช่วงแรก(มัน, บ้า, ฮ่า) เปิดฉากออกมา ผมก็เริ่มเซ็งเป็ดในหนังสงครามอวกาศ ที่มีเสียงระเบิดตูมตามเต็มท้องฟ้า(อวกาศมันไม่มีออกซิเจนน่ะ เวลาระเบิดไม่มีเสียงหรอก) ได้ปรากฏบุรุษผู้หนึ่งมาดนักเลงและมาดผู้นำใส่แว่นอย่างกับจิ๊กโก๋และมีผู้ช่วยหน้าตาแปลกๆ(ตอนท้ายเรื่องถึงได้รู้ว่าผู้ช่วยคนนั้นคือใคร) ที่รายงานสถานการณ์ว่าตอนนี้เรากำลังเสียเปรียบแบบสุดๆ แต่บุรุษผู้นั้นหาได้สนใจสถานการณ์นี้ไม่ เขาได้แต่ยิ้มแล้วก็เดินกระโจมเข้าสู่สนามรบพร้อมกับสุดชุดเท่สาด
แต่ฉากต้นเรื่องเป็นเพียงอนาคตอีกหลายปีข้างหน้าครับ ไม่ต้องใส่ใจหรอก เพราะการ์ตูนเรื่องนี้ได้ย้อนอดีตมายังโลกอนาคตสมมุติโลกหนึ่งที่มนุษย์ได้ถูกบังคับให้มาอยู่อาศัยพื้นผิวโลก สร้างอารยธรรมใต้ดิน และหมู่บ้านแยกกันและไม่มีการติดต่อระหว่างกัน ทำให้ประชากรใต้ดินขาดความเจริญและไม่รู้ว่าโลกข้างบนเป็นอย่างไร
ณ ที่หมู่บ้านจิฮา ซึ่งเป็นหนึ่งในหมู่บ้านใต้ดินที่มักประสบเหตุแผ่นดินไหวประจำ ที่นี้มีเด็กชายคนหนึ่งที่ชื่อ “ชิม่อน”ที่ตอนแรกเราไม่รู้เลยว่าเขาคือพระเอก เพราะรูปร่างหน้าตาและบุคลิกของเขานั้นมันลูกกระจ๊อกชัดๆ เขาเป็นเด็กน้อยที่ขี้อาย ขี้ขลาด และกำพร้าเพราะพ่อแม่ตายเพราะเหตุแผ่นดินถล่มในเหตุแผ่นดินไหว ทำให้เขามีความรู้สึกเกลียดเมืองใต้ดินแห่งนี้แบบลึกๆ โลกที่ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน มีผนังกำแพงล้อมรอบ เขาก็อยากจะออกจากที่แห่งนี้สักวัน หากแต่เขาก็ไม่มีโอกาสสักที
แม้ว่าชิม่อนจะเคารพผู้ใหญ่บ้านที่เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของหมู่บ้านแห่งนี้ หากแต่เขาก็เคารพคามิยะมากกว่า คามิยะเป็นจิ๊กโก๋กระจอกในหมู่บ้านจิฮา ที่มีนิสัยโผงผ่าง จริงใจ พูดจาไม่ไว้หน้าใคร นึกอยากจะพูดก็พูด ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ และคามินะมีความปรารถนาจะขึ้นโลกข้างบน หากแต่ล้มเหลวทุกครั้ง เพราะหัวหน้าหมู่บ้านขัดขวาง พร้อมกับดูถูกว่าโลกข้างบนนั้นไม่มีอยู่จริง แต่คามิยะก็ไม่เคยย่อท้อและทำตัวร่าเริงตลอดเวลา ทำให้ชิม่อนรู้สึกอิจฉาในแบบคามิยะมากและเขาอยากจะเป็นแบบอย่าง
จนกระทั้งวันหนึ่งเขาได้ขุดพบสว่านเล็กๆ โดยบังเอิญ และเขายังขุดไปเจอหน้าหุ่นยนต์ยักษ์อีกต่างหาก และบังเอิญ(หลายรอบ) ก็มีหุ่นยนต์หน้ายักษ์หล่นลงมาจากโลกข้างบน และเขาก็ได้รู้จักกับโยโกะหญิงสาวที่ถูกหุ่นยนต์ยักษ์ไล่ล่าจนตกมาพร้อมกัน ชิม่อน, คามิยะและโยโกะได้ช่วยกันกำจัดหุ่นยนต์ยักษ์นั้นจนสามารถออกมาสู่โลกเบื้องบนได้สำเร็จ
ฉากที่ชิม่อนกับคามิยะขึ้นข้างบนนั้นดีมากๆ ครับ แบบว่าทำให้ผมดูแล้วก็รู้สึกยินดีกับสองคนนั้นเหลือเกิน แบบว่าอยู่ใต้ดินตั้งแต่เด็ก พอออกมาสู่โลกเบื้องบนก็พบว่า มันเป็นโลกที่งดงามมาก มีดาว มีดวงจันทร์ มีเมฆ ช่างสวยจนไม่อยากกลับโลกใต้ดินเสียจริง
แต่แล้วมันก็ไม่จบแค่นี้สิครับ เมื่อชิม่อนและคามิยะรู้สาเหตุว่า ทำไมมนุษย์ถึงต้องหลบหนีลงใต้ดิน ก็เนื่องมาจากที่โลกข้างบนนั้นเต็มไปด้วยภัยอันตรายจากพวกบีทแมนซึ่งเป็นเผ่าครึ่งคนครึ่งสัตว์ที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้าที่ล่าสังหารมนุษย์ทุกคนที่ขึ้นมาโลกข้างบนนี้ และมนุษย์บางส่วนพยายามต่อสู้เพื่อมีชีวิตรอดเป็นวันๆ และทำสงครามแบบนี้มาช้านาน
ชิม่อนและคามิยะเมื่อรู้เรื่องพวกบีทแมนจึงร่วมมือกับอาสาสมัครหมู่บ้านในการต่อสู้พวกบีทแมนที่บุกหมู่บ้าน สู้ไปสู้มา คามิยะเกิดไอเดียว่าอยากจะจบสงครามยาวนานนี้ โดยการไปกำจัดหัวหน้าใหญ่ที่ฐานทัพมันซะเลย และแล้วการเดินทางของชิม่อนและพรรคพวกก็เริ่มต้นขึ้น
จากนั้นเราก็ได้เห็นแนวการดำเนินเรื่องในช่วงแรกของการ์ตูนเรื่องนี้ครับ เป็นไปตามหลักการ์ตูนสายผู้กล้า, แฟนตาซียุคเก่า, ฮ่าเฮ ที่เดินทางไปเมืองโน้นเมืองนี้เรื่อยๆ พบกับผู้คนมากมาย สะสมเพื่อนไปเรื่อยๆ ก่อนที่เพื่อนเหล่านั้นจะมาช่วยเราในสถานการณ์ล่อแหลมต่อไป
ผมชอบช่วงนี้นะครับ ดูแล้วรำลึกถึงอดีตเก่าๆ ครั้งยังเด็กที่ดูการ์ตูนแนวนี้ ชนิดว่านั่งติดจอเลยทีเดียว ผมชอบดูการดีไซด์หุ่นฝ่ายศัตรูครับ ที่มันออกแบบพิลึกพิลั่น ชวนมองสำหรับผมตอนเด็กมากๆ
นอกจากนี้ผมชอบเพลงประกอบในฉากสงครามเรื่องนี้ครับ เปิดมาที่ไล่นี้ตื่นรเต้นโครต ฟังแล้วได้บรรยากาศสุดๆ
แต่ฉากที่ตะลึงที่สุดในการ์ตูนเรื่องนี้มากที่สุดก็คือ ฉากคามิยะลูกพี่ที่ชิม่อนรักได้ตายจากไปตั้งแต่ตอนที่ 8 ดูฉากคามิยะตายก็ขำนะเพราะว่าเอามาจากฉากสุดท้ายของการ์ตูนเรื่องโจ ซะได้
จุดเด่นของตอนนี้นอกเหนือจากฉากคามินะตายแล้ว ก็คือตอนที่ 5 ครับ ที่พวกชิม่อนไปเจอหมู่บ้านใต้ดินอีกแห่งหนึ่งที่รอสซิวหนึ่งในตัวละครหลักของการ์ตูนเรื่องนี้อาศัยอยู่ โดยหมู่บ้านนี้ถูกความเชื่อและศาสนาครอบงำ ซึ่ง ตอนนี้อธิบายคอนเซ็ปป์หลักของการ์ตูนเรื่องนี้ทั้งหมด ที่ว่าเราจะยอมเสียสละคนส่วนน้อยเพื่อส่วนรวมได้หรือไม่ แล้วแนวคิดนี้จะถูกนำไปสานต่อในช่วง 3
เกือบลืมการ์ตูนเรื่องนี้สอดแทรกเกี่ยวกับการเหยียดเชื้อชาติลงไปด้วยครับ ที่พวกบีทแมนดูถูกมนุษย์อย่างโน้นอย่างงี้และทำการสังหารหมู่ โดยไม่รู้เลยว่าตนเองนั้นไม่แตกต่างอะไรจากมนุษย์เลย นี้ถ้าการ์ตูนเรื่องนี้ไปฉายในไทยสมัยก่อนที่ปกครองโดยเผล็ดการจอมพล ป. พิบูลย์สงครามละก็ป่านนี้คงโดนแบนเป็นที่เรียบร้อย
ช่วงสอง(ดราม่า, มัน, ประทับใจ) เริ่มในตอนที่ 9 เป็นช่วงแก๊งกุเร็นต้องสูญเสียคามินะที่เป็นหัวหน้าของกลุ่มไปครับ ถ้าหากเป็นการ์ตูนดาษๆ นี้ จะมีแบบเพื่อนพระเอกแกล้งตาย มีคนหน้าเหมือนโผล่มา หรือฝ่ายศัตรูคืนชีพเพื่อนพระเอกแล้วให้มาเป็นศัตรูกลุ่มตัวเอกด้วย หากแต่นี้คือการ์ตูนไม่ดาษครับ(ยกเว้นช่วง 3 ดาษสุดๆ) ดังนั้นคามิยะตายก็คือตายเลย ไม่มีทางคืนชีพกลับมาได้อีก
หลังคามิยะตายก็ส่งผลกระทบหลายเรื่องเพราะว่าสมาชิกแก๊งกุเร็นก็เหมือนแตกสาแหรกขาดไม่มีความสามัคคีและกำลังใจเหมือนแต่ก่อน เพราะตำแหน่งหัวหน้าถูกโอนมายังลูกกระจ๊อกอย่างชิม่อนแทน แถมชิม่อนเมื่อได้รับตำแหน่ง ก็กลายเป็นด้านมืดซะงั้น จากเด็กขี้ขลาด กลับกลายเป็นเด็กจิตใจมืดมนที่สูญเสียสิ่งยึดเหนียวจิตใจไป และพยายามทำตัวเหมือนคามิยะ แบกรับปัญหาคนเดียว สู้ศัตรูก็สู้คนเดียว ไม่สนใจพวกพ้องเลยสักนิด ทำให้ตอนแรกๆ สมาชิกหลายคนคิดจะแยกย้ายสลายกลุ่มออกไปเลยก็ว่าได้ แบบว่าขื่นมีหัวหน้าแบบนี้ตายกี่รอบก็ไม่คุ้มหรอก
ในระหว่างที่ชิม่อนกำลังสับสนนั้นเอง เขาก็พบกับตัวละครใหม่ นามเนีย เจ้าหญิงของหัวหน้าของฝ่ายศัตรูถูกทิ้งที่ก้นเหว และถูกชิม่อนช่วยเอาไว้ และเนียก็ได้เข้ามาอยู่กับแก๊งกุเร็น และพยายามเป็นยาใจให้ชิม่อนอยู่เนื่องๆ เรียกได้ว่าช่วงนี้เนียเบียดโยโกะกระเด็นเลยครับ ในแง่ความโดดเด่น จนกลายเป็นนางเอกในช่วง 2 ซะงั้น
เนียนี้ตอนแรกๆ ผมก็แอบลุ้นนะครับว่า หล่อนจะมีความสามารถพิเศษอะไร ไอ้เราก็นึกว่ามีความสามารถคืนชีพคนที่ตายได้ตามประสานางเอก แต่ผลสุดท้ายปรากฏว่าเธอไม่มีความสามารถอะไรเลยครับ ฮ่าๆ นอกเสียจากอ่อนโลก, ใครเห็นก็อยากปกป้อง และมีพลังใจเยอะเฉยๆ พูดง่ายๆ โมเอะในสนามรบนั้นแหละ
และแล้วชิม่อนก็กลับมาเป็นผู้นำอีกครั้ง หลังจากที่ได้ยินคำสอนเรื่อง “เป็นตัวของตัวเอง” ที่ว่าเราไม่สามารถเลียนแบบหรือทำตัวให้เหมือนบุคคลนั้นๆ ได้ ดังนั้นเป็นตัวของตัวเองดีที่สุด ในฉากที่ชิม่อนทำเท่ตอนสู้กับกวมหนึ่งในจัตุรัสเทพนี้โครตเท่มากๆ ให้ตายเถอะ
ช่วงนี้ก็มีฉากชิม่อนอินเลิฟกับโยโกะด้วยนะครับ หากแต่มันสายไปแล้วเพ่ เพราะเนียเข้าไปอยู่หัวใจของชิม่อนเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนจีน โยโกะก็รักคุดเช่นเคย
มีหลายฉากในช่วงนี้ผมดูไปนึกถึงการ์ตูนแนวหุ่นยนต์สมัยก่อนเยอะโครต เริ่มฉาก ในฉากชิม่อนสู้กับวีรัส พล่านให้นึกเรื่องกัมดั้มภาคแรกไงไม่รู้ วีรัสนี้เป็นตัวโกงที่โครตน่าสงสารที่สุดก็ว่าได้เหมือนกับดาวหางสีแดงชาร์ไงชอบกล แบบว่ายึดติดกับความภาคภูมิใจและผลงานในอดีตของตนมากๆ แต่ดันประสาทเสียเพราะพ่ายแพ้ครั้งแรก จนผูกใจเจ็บยอมทิ้งศักดิ์ศรีเพื่อให้ล้มพระเอกให้ได้ ขนาดคามินะตายพี่แกก็สู้กับชิม่อนโดยไม่รู้ว่าคามินะตายนานแล้ว พอมารู้ความจริงก็อึ้งกิ๋นกี๋ เล่นซะเก็บกดเลยทีเดียว ยอมแม้กระทั้งฝ่าฝืนกฎธรรมชาติ ยอมเปลี่ยนตนเองให้เป็นอมตะเพื่อสู้ชิม่อนให้ชนะแต่ก็แพ้อยู่ดีแถมแพ้เร็วโครตด้วย
แต่การแพ้บ่อยๆ ของวีรัสก็ถือว่าเป็นเรื่องดีเหมือนกันนะครับ เพราะภายหลังพี่แกก็คิดได้ ว่าที่แล้วมาเราสู้เพื่ออะไรหว่า สู้เพื่อตนเองมันไม่เท่เสียเลย ในขณะที่คนที่เราสู้นั้นแบกอนาคตความหวังนั้นเต็มกระบุง มันก็แพ้เป็นธรรมดาสิ วีรัสเริ่มรับสภาพและหันมาเป็นมิตรที่เข้มแข็งกับพวกชิม่อนแทน คราวนี้วีรัสสู้โดยแบกอนาคตของโลกเอาไว้โดยไม่ใช้สู้เพื่อตนเองอีกแล้ว ดูแล้วเท่จริงๆ (สาด)
และแล้วก็มาถึงฉากศึกสุดท้าย(ในช่วง 2)จนได้ ในการ์ตูนนี้น่าจะเรียกว่าสงคราม 7 วัน ไม่รู้ไปเลียนแบบสงครามเจ็ดวันแถวตะวันออกกลางหรือเปล่า เมื่อพวกชิม่อนมาถึงฐานทัพศัตรู แล้วก็พบว่าฐานทัพศัตรูนั้นโครตยิ่งใหญ่มหึมามากๆ แถมลูกน้องมาเพียบเลยทั้งบกทั้งบนฟ้า แบบว่าเห็นแล้วไม่อยากรบอยากจะกลับบ้านไปนอนตีพุงเสียมากกว่า หากแต่ชิม่อนกับพรรคพวกก็ไม่กลัว อารมณ์ประมาณการ์ตูนนักเรียนนักเลงที่ว่า “ในเมื่อบุกสถาบัน(รัง)ศัตรูแล้วก็ขอสู้สักตั้งละกัน แพ้ไม่เป็นไรขอให้ชนะใจคนดูก็แล้วกัน”
ช่วงนี้ก็สอนในเรื่อง “อย่ายอมแพ้จนถึงวินาทีสุดท้าย” มาแบบลัทธิบูชิโดเลยนะครับ แม้ว่าสถานการณ์มันจะเลวร้าย แต่หากกัดฟันสู้บางครั้งก็เกิดปาฏิหาริย์ก็ตาม อย่างเมื่อวันก่อนผมดูบอลโลภ(จงใจเขียนผิด) ฮอลแลนด์กับญี่ปุ่น ที่ฮอลแลนด์นำประตูญี่ปุ่นไปหนึ่งลูก ถ้าเป็นไทยนี้ใจแป๋วแล้วครับ หากแต่ญี่ปุ่นยังกัดฟันบุกฮอลแลนด์แหลก แบบไม่กลัวชื่อชั้นทีมดังเลย แม้สุดท้ายญี่ปุ่นจะแพ้ แต่ญี่ปุ่นก็ชนะใจคนดูครับ
จากนั้นเราก็ได้เห็นฉากสงครามโครตมัน โครตเท่ แบบลุ้นจนเยี่ยวเหนียวติ๋งๆ ผมก็ไม่อยากเข้าห้องน้ำเพราะมันจะทำให้ขาดตอน เมื่อถึงเวลาอาหารก็กินข้าวไปกินน้ำ ดูไปด้วย ในฉากพวกชิม่อนใกล้แพ้เพราะศัตรูมีมากเกินไป ก็ปรากฏว่ามีพันธมิตรมาช่วยไว้ทันพอดีเลย(ตามสูตรการ์ตูนนักเรียนนักเลง) จนผลสงครามครั้งนี้พวกชิม่อนใกล้ชนะขาด
เห็นฉากยานแม่ของฝ่ายศัตรูโหม่งโลก แล้วชนอะไรมาไม่ชน ดันไปชนยานแม่ภาคพื้นดินของศัตรูพอดีเลยนั้น พานให้ผมนึกถึงการ์ตูนเรื่องมาชินก้า Z ครับ มีฉากแนวๆ นี้เหมือนกัน เป็นฉากสุดท้าย ที่ยานแม่ของฝ่ายศัตรูของบารอนหัวขาดที่โดนมาชินก้าสอยจนร่วงไปโดนเรือดำยักษ์ของอาชูร่าพอดีเลย ไม่รู้ว่าการ์ตูนเรื่องนี้เอาฉากที่ว่ามาใช้หรือเปล่า
แม้กระทั้งฉากปรากฏตัวของหัวหน้าฝ่ายศัตรู ก็นึกแบบหัวหน้าใหญ่มาชินก้า Z เลยครับ นั้นคือฐานศัตรูคือหุ่นรบขนาดยักษ์ รู้สึกว่าการ์ตูนแนวหุ่นยนต์ผู้กล้าจะชอบเหลือเกินสำหรับมุกแบบนี้
และแล้วก็ถึงฉากมันของการ์ตูนเรื่องนี้ครับ เมื่อชิม่อนให้เนียนั้งด้วย บุกไปอัดหัวหน้าศัตรูคิงราเช็นโอที่หุ่นยนต์เท่โครตแถมเก่งโครตอีกด้วย เพราะพี่แกเป็นอดีตนักรบนักตำนานนี้น่า แต่สุดท้ายก็แพ้ชิม่อนจนได้ ที่แพ้ไม่ได้เพราะฝีมือครับ แพ้ตรงที่ความตั้งใจ เพราะชิม่อนแบกอนาคตความหวังมากกว่าลอร์ดราเช็นโอ แต่กว่าชนะได้ก็เรียกได้ว่าสู้กันให้แหลกไปข้าง หุ่นพัง คนก็ตบกันต่อ สุดท้ายชิม่อนอาศัยลูกลักไก่แทงสว่านเข้าอก จนลอร์ดราเช็นโอตายซะงั้น
แต่.....ลอร์ดราเซ็นโอก็ไม่วายพูดคำกวมไว้ก่อนจะตายอีก โดยพูดว่า "เมื่อวานรหนึ่งล้านตัวขึ้นมาบนผิวโลก ดวงจันทร์จะกลายเป็นทูตจากนรก ทำลายดวงดาวเกลียวสว่าน" เมื่อพูดเสร็จลอร์ดราเซ็นโอก็หายไปเลย ทิ้งคำกวมให้คนเป็นเก็บไปคิดให้หนักสมองซะงั้น (ความจริงมันก็ไม่หนักสมองแหละ มันก็คือศัตรูใหม่จะปรากฏตัวในอนาคตนั้นแหละ เพียงแต่แววน้ำเน่าส่งกลิ่นหึ่งเชียว เพราะการ์ตูนแนวหุ่นยนต์ศัตรูจากดาวอังคารดวงจันทร์นี้โครตเยอะจัด จนสารยายไม่หวาดไม่ไหว....เอ่อ
ที่จริงผมควรจะเลิกตอนดูจบช่วงที่ 2 แล้วนะครับ เพราะว่าช่วง 3 นี้ผมทราบข่าวว่า เป็นช่วงหลายคนออกมาติติงกันเยอะ บางคนไม่ปลื้มด้วยซ้ำ แต่พอดีผมอยากจะลุ้นว่าโยโกะจะเสียความบริสุทธิ์หรือเปล่าผมก็จะบ้าจี้ดูต่อก็แล้วกัน โดยได้เตรียมใจและทำใจไว้ว่าเนื้อหาต้องออกทะเลแน่นอน.....
ช่วงสาม(ดราม่า+ เซ็ง) ช่วงที่สามเป็น ตอนที่17 เจ็ดปีผ่านไปไวเหมือนตอแหล(โกหกนั้นแหละ) โลกเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว วัฒนธรรมถึงขีดสุด จากตอนแรกมีแต่ทะเลทราย ไม่มีตึกสักหลัง มาบัดนี้มีแต่ตึกละฟ้า มียานบินบนฟ้าแล้ว ส่วนหุ่นกุเร็นส่วนมากถูกทำลายเพราะเป็นของเก็บเข้ากรุ โดยผลิตหุ่นรุ่นใหม่เข้ามาแทนที่ ทางด้านพวกมนุษย์และบีทแมนก็อาศัยอยู่ด้วยกันอย่างไม่มีบาดหมาง เด็กๆ ทุกคนเติบโตกันหมด โดยเฉพาะชิม่อนจากลูกกระจ๊อกผู้ขี้ขลาดกลายเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดผู้กล้าหาญที่ใหญ่ที่สุดบนโลกใบนี้ ที่ชีวิตมีแต่ขึ้นกับรุ่ง แถมเนียหญิงที่เขาหลงรักมานานก็ตอบรับการแต่งงานกับเขาซะด้วย (ทำไมพระเอกตอนโตหน้าตาไม่น่ารักเลยว่ะ)
ส่วนสมาชิกแก๊งกุเร็นคนอื่นๆ แต่ละคนมียศสูงกันทั่วหน้า แต่นิสัยยังคงเหมือนเดิม ยกเว้นโยโกะที่ทิ้งยศศักดิ์ไปเพื่อเป็นครูบ้านนอก(เน่าสุดๆ) แต่คนที่เปลี่ยนกว่าใครเขาเพื่อนคือรอสชิวที่อดีตเป็นเพียงตัวประกอบ อย่างมากก็แต่คนขับมือสองกุเร็นลากันน์ แต่ได้รับยศมีตำแหน่งเป็นรองฯ กลายมาเป็นพระรองและ Y กับชิม่อนอย่างโดดเด่น ที่อุดมการณ์สูงส่งจนหลายคนหมั่นไส้ พาลนึกถึงกิเร็นในเรื่องกัมดั้มไงไม่รู้
แต่บุคคลที่น่าตะลึงที่สุดในเรื่อง คือเจ๊กระเทยหัวเขียว(ชื่ออะไรหว่าจำไม่ได้) ตัวประกอบที่โดดเด่นกว่าใครทั้งหมด ที่อดีตเป็นเพียงผู้ดูแลคลังอาวุธหมู่บ้านของโยโกะเท่านั้น มาบัดนี้กลายเป็นคนใหญ่คนโตในกระทรวงเทคโนโลยี ที่ฝีมือการประดิษฐ์โครตนับวันที่จะพัฒนา ถึงขั้นประดิษฐ์จรวดไปสำรวจดวงจันทร์ได้ แถมกลายเป็นหนึ่งในตัวละครที่รอดชีวิตตั้งแต่ต้นจนจบอีก(ฮ่า)
แต่กระนั้นโลกนี้ใช่ว่าจะสงบสุขเสียทีเดียว เมื่อสงครามยังเกิดขึ้นเป็นระยะ จากพวกกบฏบีทแมนที่เหลือและกลุ่มพวกลัทธิหัวเก่าที่อยากอาศัยใต้ดินมากกว่าอยู่บนดิน(ที่ไม่อยากได้ความเจริญ) ทำให้มีเหตุการณ์ความไม่สงบนิดหน่อยๆพอประมาณ
แต่เหตุการณ์นี้เทียบไม่ได้กับศึกครั้งใหม่ที่สไปรัลคิงทำนายไว้ก็เป็นจริงขึ้นมา เมื่อประชากรมนุษย์ครบหนึ่งล้าน ศัตรูใหม่ก็ปรากฏตัวขึ้น เนียได้กลายเป็นนางาโตะ ยูคิ ....เฮ้ย....เป็นทูตผู้ส่งสาสน์แห่งเผ่าฮันราเซ็นหรือแอนตี้สไปรัล สิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ราวกับพระเจ้า ทำตัวเป็นผู้พิพากษาสิ่งมีชีวิตในจักรวาลทั้งปวง โดยมันไม่รู้ไปโกรธแค้นโลกแต่ใดมา เลยให้เนียกลายเป็นทูตส่งสารบอกชาวโลกไปว่าจะเริ่มแผนกวาดล้างมนุษย์ในอีกสามสัปดาห์ ดวงจันทร์จะพุ่งเข้าชนโลกและทำลายสิ่งมีชีวิตบนโลกให้เหี้ยนหมด
คนที่อึ้งกว่าใครเพื่อนคือชิม่อนนั้นเอง ที่เขาอึ้งกับความจริงว่าสิ่งที่อดีตราเช็นโอฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่แล้วมาก็เพื่อปกป้องโลกไม่ให้ถูกทำลาย โดยลดจำนวนมนุษย์เพื่อไม่ให้แอนตี้สไปรัลหาเรื่องทำลาย แต่ในเวลานี้ตนได้ทำลายกฎนั้นไปเสียแล้ว กลายเป็นว่ากอบกู้ชิม่อนได้กลายเป็นซาตานในคราบนักบุญซะงั้น แถมช็อกอีกคือสิ่งที่ลูกพี่คามิยะทำที่แล้วมามันช่างเป็นอุดมการณ์ที่ไร้สาระเหลือเกิน
และแล้วชิม่อนก็เผชิญหน้ากับความจริงที่น่ากลัวอีกสองต่อเมื่อเขาพบว่าประชาชนที่เคยรักเขา มาบัดนี้กลายเป็นเกลียดเขาไปทั่วหน้า พอรู้ว่าโลกนี้จะสูญสิ้นอีกสามสัปดาห์ข้างหน้าก็สติแตกสิ โทษโน้นโทษนี้ไปทั่ว ทั้งหมดต่างออกมาเดินขบวน ใส่ชุดเหลือง ชุดแดง ชูป้ายประท้วง ขอให้ชิม่อนออกจากตำแหน่ง แถมให้ดำเนินคดีตามกฎหมายอีก(ทักษิณเรอะ)
แถมเรื่องหนักใจของชิม่อนยังไม่หมดสิ้น เมื่อเขาโดนเพื่อนรักหักเหลี่ยม(Y) โหดอย่างรอสชิว เกิดอาการเหมือนนักการเมืองบางคนแถวบ้านเรา ประมาณว่า “เราต้องหาใครบางคน(แพะ) มารับผิดชอบกับเหตุการณ์ในครั้งนี้เพื่อให้สถานการณ์สงบขึ้น เลยเกิดการปฏิวัติ จับชิม่อนขังคุกรอโทษประหารชีวิต(จะเป็นประโยชน์อะไรในเมื่อโลกมันจะสูญสิ้นอยู่แล้ว) ชิม่อนในเวลนั้นไม่เหลือเค้าอดีตความเป็นผู้นำเสียเลย(ไอ้เด็กรอสซิว นี้เรอะคือบุญคุณชุปเลี้ยงเอ็งมา....อย่างน้อยตรูก็เคยใหญ่มาก่อนน่ะเว้ย ขังคุกที่มันดีๆ หน่อยสิ มาขังกับคุกร่วมกับนักโทษชั้นต่ำทำไมเนี้ย)
ผมได้ดูก็พานนึกถึงสำนวนจีนที่ว่า “เสร็จศึกฆ่าขุนพล” ไงก็ไม่รู้
ตอนนี้เราได้เห็นอย่างหนึ่งคือความกดดันครับกับสองตัวละครคือชิม่อนกับรอสซิว ชิมอนนั้นอายุประมาณ 21 ปี ส่วนรอสซิวอาจจะอายุต่ำกว่าซิม่อนหน่อยคงประมาณ 21-20 ปี เห็นไหมครับอายุนี้หมายถึงอะไร อายุขนาดนี้คิดจะปกครองโลกเสียแล้วนะครับ ทั้งๆ ที่ตนไม่ได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับการการปกครองมนุษย์อะไรสักอย่าง อดีตซิมอนเป็นเพียงลูกกระจ๊อกที่วันๆ เก่งแต่ขุดดิน รอสซิวตอนที่จากบ้านเกิดเขาแทบอ่านเขียนหนังสือไม่ออก หากแต่เพราะความเจริญเหล่านี้เกิดจากมนุษย์ได้ค้นพบเทคโนโลยีที่พวกบีทแมนปิดผลึกเอาไว้ ส่วนชิม่อนเป็นเพียงสัญลักษณ์ผู้กอบกู้ที่เป็นศูนย์รวมให้แก่ผู้คน โดยมีรอสซิวเป็นผู้ปกครองอยู่เบื้องหลังเท่านั้น
แต่พอผู้ปกครองที่เด็กพวกนี้เจอเหตุการณ์ประท้วงของฝูงชนสิครับ โหย ใครจะบ้ารับได้ครับ ขนาดเสื้อแดงนายกยังปวดหัวเลย แต่นี้คนทั้งโลกครับรุมประท้วงชิม่อน แถมสังเกตดูดีๆ สิครับกลุ่มคนประท้วงมีทั้งเด็กคนแก่ผู้หญิง(และพวกบีทแมน)ที่อายุอานามแก่กว่าชิม่อนและรอสซิวหลายเท่าตัว
อีกทั้งรัฐบาล(ที่ในเรื่องเรียกว่า รัฐบาลใหม่) ที่มีสมาชิกรัฐบาลแต่ละคนหน้าไม่ให้ทั้งนั้น แบบว่าอดีตเป็นสมาชิกแก๊งกุเร็นเป็นเพียงจิ๊กโก๋เก่งแต่ต่อยตี มาบัดนี้ต้องมาเป็นนายกรัฐมนตรีปกครองบ้านเมือง แบบนี้จะรอดหรือครับ สรุปคือไม่รอด ตอนเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แต่ละคนหนีหายหัวไปไหนก็ไม่รู้ (พอศัตรูปรากฏแหละถึงจะออกมาให้เห็น)
แต่คนที่ประสาทเสียกว่าใครเขาเพื่อนคือรอสซิวแหละครับ เพราะที่ผ่านมาเขาต้องรับผิดชอบทั้งหมด ชิม่อนวันๆ ก็ไม่ทำการทำงาน รอสซิวต้องเก็บกวาดให้ทุกครั้ง แถมมาเวลานี้เขาถูกกดดันหลายด้านไม่ว่าภายในภายนอก ในขณะที่ตัวเลือกก็น้อยเหลือเกิน คือจะยอมทรยศเพื่อนเพื่อส่วนรวม หรือจะเอาเพื่อนโดยไม่สนส่วนรวม คำตอบของรอสซิวคือยอมทรยศเพื่อนครับ ด้วยเหตุผลเพราะมันเป็นหลักการและกฎระเบียบเพื่อระงับอาการแตกตื่นของฝูงชน หากแต่การตัดสินใจของเขานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดไม่น้อยที่เขากำลังฆ่าผู้มีพระคุณ(คู่ Y)ที่สอนอะไรหลายๆ อย่างแก่เขา หากไม่มีชิม่อนตนเองก็ไม่ได้เป็นใหญ่เหมือนทุกวันนี้หรอก เป็นคุณล่ะทำได้ไหมยอมออกคำสั่งประหารเพื่อนทั้งๆ ที่เพื่อนคนนั้นไม่มีความผิดอะไรเลย
สุดท้ายการเมืองที่ว่า นั้นก็ไม่ต้องสน เมื่อเรื่องกลับมาเข้ากับคอนเซ็ปป์การ์ตูนเรื่องนี้ครับคือ “ไม่ว่าเอ็งจะใหญ่มาจากไหน จะเป็นพ่อเป็นแม่พระเจ้า หากเอ็งมาแหยมถิ่นกรู กรูจะต่อยเอ็งให้คว่ำ บัดนั้น”
เนื้อเรื่องในช่วงที่สามนั้นซับซ้อนละเอียดอ่อน ฉากต่อสู้โครตบ้าพลังและละเอียดอ่อนถึงขั้นแหวกกฎฟิสิกซ์ทั้งปวงเลยทีเดียว เมื่อโยโกะกลับมาช่วยชิม่อนและการรวมตัวของกลุ่มกุเร็น นำพาไปยังศึกวันอวสานของโลกและกาแล็คซี่ ผลต่อสู้นั้นก็ไม่ต้องเดา หากแต่สิ่งที่น่าคิดคือศึกครั้งนี้ชิม่อนต้องสูญเสียพรรคพวกมากมาย เพื่อนที่อดีตเคยร้องไห้และหัวเราะร่วมกับเรามาบัดนี้กลายเป็นฝุ่นผงในอวกาศ ตายห่างจากบ้านเกิดเมืองนอนไปซะแล้ว โดยเฉพาะการตายสมาชิกกลุ่มกิเร็นบางคน ผมก็อดสงสารไม่ได้คือลุงเตี้ยหัวเหน่งที่มีเมียช่างกลแว่นที่ยอมเอาตัวรับขีปอาวุธศัตรูอย่างองอาจ เมื่อเมียรู้ข่าวก็ได้แต่เงียบ ไม่มีน้ำตา เพราะหน้าที่ของตนส่งผลต่อการตัดสินของสงคราม จงอย่าใช้อารมณ์เป็นบรรทัดฐานในการทำงานส่วนรวม ก่อนที่จะตั้งหน้าตั้งตาทำงานในการเดินเครื่องพลังของเครื่องยนต์ต่อไป พร้อมกับพูด “ลาก่อนพ่อจ๋า” ฉากนี้ดูแล้วช่างเศร้าลึกเสียจริงๆ
ดูเหมือนศัตรูในการ์ตูนเรื่องนี้จะเป็นพวกดูถูกมนุษย์อย่างรุนแรง แอนตี้สไปรัลก็เป็นแบบเดียวกัน แต่คราวนี้ตัวตนของหัวหน้ามีสภาวะเหมือนพระเจ้า หากแต่สุดท้ายพระเจ้าก็ได้พ่ายแพ้กับความมุ่งมั่น ความต้องการมีชีวิตอยู่ของพวกชิม่อน(มนุษย์) จนแอนตี้สไปรัลต้องแตกสลายและยอมรับให้พวกชิม่อนสืบทอดเจตนารมณ์ของเขาในการที่จะปกป้องกาแล็คซี่แห่งนี้เอาไว้(เวรกรรม ด่าตรู แล้วโยนขี้ใส่ตรูอีก เจริญๆ จริงๆ)
ดูแล้วเซ็งศัตรูบ้าอะไรว่ะดูถูกตัวเอกตั้งแต่ต้นยันตนเองจะตาย พระเอกมาถึงตรงนี้ได้น่าจะยอมรับได้แล้วว่าเขาเก่งจริงไม่ได้บังเอิญหรือโชคดีฟลุ๊คแต่อย่างใด ก็สมน้ำหน้าแหละตายเสียเถอะ จะได้หายโง่ซะบ้าง
ช่วงสามทั้งฉากเนื้อเรื่องและต่อสู้ เป็นช่วงที่ผมไม่ชอบอย่างยิ่ง ใครจะชอบความบ้าพลังหรือฉากต่อสู้บ้าพลังถล่มโลก วันอวสานโลกอะไรก็เถอะ แต่สำหรับผมแล้วเซ็งจิต แนวคิดเรื่องโลกจะแตกก็เห็นในการ์ตูนหุ่นยนต์หลายเรื่องอยู่แล้วครับ ยิ่งจากสู้กันในอวกาศน่ะ โหยชินเก็ตเตอร์นี้เยอะมาก ถล่มซะไม่สนใจฟิสิกซ์หรือความจริงทางวิทยาศาสตร์เลยสักนิด(ก็การ์ตูนเรื่องนี้ไม่สนใจหลักความจริงนี้น่า เพ่) ยิ่งช่วงหลังๆ นี้พี่แกใส่ฟิสิกซ์เต็มพิกัดเลย(แต่สุดท้ายพระเอกแกก็สู้ไม่สนใจฟิสิกซ์อยู่ดี เพราะสว่านตรูทะลวงได้แม้แต่สวรรค์เฟ้ย ฮ่าๆๆๆ)
นอกจากช่วงนี้แหวกกฎฟิสิกซ์แล้ว หุ่นกุเร็นฯ ก็มีหลายร่างด้วยนะครับ โครตเยอะเลย จนแทบจำไม่ได้ รวมร่างกับดวงจันทร์บ้างล่ะ รวมกับดาวบ้างล่ะ ถ้าเอามาขายเป็นของเล่นนับลองคนซื้อละลายทรัพย์แน่นอน สิ่งที่ชอบมีอย่างเดียวครับ คือร่างสุดท้ายของหุ่นกุเร็นฯ ที่เป็นร่างเสมือนอวตาล แต่ผมไม่ชอบตรงรูปร่างหุ่นนะครับ ผมชอบคนบังคับมากกว่า ที่หลายคนเห็นคนขับหุ่นที่ผ่านๆ มาส่วนมากจะเป็นตัวละครสำคัญเท่านั้นใช่เปล่า แต่มาคราวนี้หุ่นกุเร็นฯ ร่างสุดท้ายนี้กลับกลายเป็นว่าเป็นการรวมตัวละครหลักและตัวละครประกอบเข้าด้วยกันครับ(หากผมนับไม่ผิดน่ะ ไม่ทราบว่าในเกมซูเปอร์โรบอตมีหุ่นแบบนี้ไหม นับรองเทพแน่) ตัวละครหลัก ชิม่อน, โยโกะ, เนีย, วีรัส, ราเช็นโอ ส่วนตัวประกอบหลักทั้งหลายที่ผมไม่รู้จักชื่อ ไม่ว่าจะเป็น ลุงนวด, เจ๊หัวเขียว, สาวแว่นผมชมพู(ที่ผมไม่แน่ใจว่าเคยปรากฏในศึก 7 วันหรือเปล่า),เจ้าแว่นที่จืดจาง. สาวแว่นปากหนา, จิ่มมี่, จามี่, เจ๊แว่นที่สามีตายหมาดๆ, กัปตันพ่อลูกอ่อน แต่เหล่าตัวประกอบนั้นผมชอบสี่ตัวนะครับ คือเจ๊แว่นช่างเครื่องที่ไม่หวั่นไหวการตายของสามี กับเจ้าแว่นปากหนาจอมกดขีปอาวุธแหลกนี้แหละกดได้มันจริงๆ ส่วนอีกตัวละครสองตัวเป็นจิ่มมี่กับจามี่เด็กชายหญิงสองคนที่เคยอยู่หมู่บ้านกับรอสซิวที่บทน้อยจัดมาก เสียดายน่าจะเพิ่มบทเสียหน่อยเพราะว่าบทบาทของทั้งคู่นั้นสำคัญในฐานะคนรุ่นใหม่แท้ๆ
การ์ตูนเรื่องนี้สอนอย่างคือความมุ่งมั่น ความหวัง ก็สามารถเอาชนะทุกสิ่งได้ ต่อให้จักรวาลมีกฎ มีเปอร์เซ็นต์ ที่คอยบั่นทอนกำลังใจของพวกชิม่อน แต่สุดท้ายพระเอกก็ชนะ
ฉากจบ เมื่อฝันร้ายของแอนตี้สไปรัลจบลงไปแล้ว และฉากที่หวานซึ้งของซิม่อนกับเนียที่แต่งงานกันท่ามกลางมิตรหายก็เริ่มขึ้น หากแต่ตอนท้ายเนียก็ได้เป็นฝุ่นและหายไป(ทิ้งไว้แต่แหวนแต่งงานที่เท้าโยโกะ) ส่วนสมาชิกแก๊งกุเร็น(ที่สมาชิกตอนนี้แทบนับคนได้)แยกตัวไปอีกครั้ง บางคนเป็นใหญ่เป็นโต บางคนต้องการอยู่อย่างสงบพออยู่พอกิน โยโกะนางเอกผู้รักคุดเป็นคุณครูในบ้านนอกเหมือนเดิม(สรุปว่าตรูลุ้นให้มันสมหวังกับชิม่อนนี้ไม่ขึ้นเลยเว้ย) ส่วนซิม่อนได้ละทิ้งทุกอย่างและฝากอนาคตกับคนรุ่นใหม่และใช้ชีวิตในช่วงเวลาที่เหลือเป็นชายพเนจรนิรนามที่มองการเปลี่ยนแปลงโลกที่ตอนนี้เจริญรุดหน้าติดต่อกับเพื่อนต่างดาวไปทั่วกาแล็คซี่ (แล้วฉากตอนต้นเท่ๆ เรื่องมันอะไรว่ะเนี้ย)
สรุปคือวิวัฒนาการพระเอกชิม่อนเป็นแบบนี้ ลูกกระจ๊อก >สมาชิกแก๊งกระจอก> หัวหน้ากลุ่มปฏิวัติ> ผู้กล้ากอบกู้โลก>ผู้บัญชาการทหารสูงสุด>ผู้กล้ากอบกู้จักรวาล>นักพเนจร คุณรับได้หรือเปล่าเมื่อชิม่อนเบื่อหน่ายต่อโลกที่ต่อสู้ไม่มีวันสิ้นสุด ยอมทิ้งอะไรทุกอย่างให้คนรุ่นใหม่สะสางต่อ แต่ผมรับไม่ได้น่ะ ถึงแม้เขาจะทิ้งงานให้คนรุ่นใหม่ก็ตาม แต่ตอนนี้โลกยังไม่สงบสุข เพราะว่าสถานการณ์ยังร้อนระอุอยู่ การเมืองยังไม่สงบ ผมว่าชิม่อนน่าจะอยู่ต่ออย่างน้อยชื่อผู้กอบกู้จักรวาลกาแล็กซียังขายได้ ศัตรูที่ได้ยินชื่อยังกลัวหัวหด แถมยังเป็นศูนย์รวมจิตใจคนของโลกด้วยและจักรวาลด้วย แต่ละทิ้งความวุ่นวายมาเป็นปราชญ์ขงจื่อชะงั้น(แล้วฉากตอนต้นเรื่องมันอะไรว่ะเนี้ย)
ผลสรุปคือ (ช่วงสาม)การ์ตูนเรื่องนี้ผมไม่ปลื้มนัก(พอๆ กับฉากจบแขนกลเลยก็ว่าได้)มิน่าที่หลายๆ คนถึงไม่ค่อยปลื้มช่วงสาม ตอนชิม่อนโตมากนัก ผมเข้าใจถึงบ้างเอ่อตรงนี้แหละ ถ้ามีการให้คะแนน(ครั้งแรกนะเนี้ยที่ผมบ่นแล้วมีการให้คะแนน ผมให้ภาคแรกเต็ม 10, ภาคสองก็เต็ม 10, ภาคสาม 0 (ด้วยเหตุผลส่วนตัวล้วนๆ ฐานะหนูชิม่อนไม่น่ารักและเครียดจนผิดหลักคอนเซ็ปป์ของการ์ตูนเรื่องนี้ แถมฉากต่อสู้เมาสุดๆ) แต่หากตัดฉากจบตอนท้ายออก(ตั้งแต่ฉากแต่งงาน) ผมให้เต็มครับ(แล้วเอ็งจะให้คะแนนทำซากไมว่ะ)
Gurren Lagann ก็เป็นหนึ่งในอีกการ์ตูนที่ได้อะไรมากกว่าหุ่นยนต์ นอกเหนือความเป็นมหากาฬย์ของลูกผู้ชาย หน้าอกของโยโกะ มันยังทอดแทรกอารมณ์ ความรู้สึกและอุดมการณ์ของมนุษย์ โดยนำเสนอในสิ่งที่เรียกว่าเกลียว พลังของมนุษย์ถูกนำมาใช้ในการอ้างอิงสัญลักษณ์ต่างๆ ซึ่งก็ถือว่าปรัชญาในระดับหนึ่ง
สุดท้ายนี้หากผมเขียนอะไรไม่ถูกใจก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ผมแค่ดูตามเท่าที่สมองประมวลผลเท่านั้นเอง(จริงๆ น่ะ)
ความคิดเห็น