คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #73 : Umineko no Naku Koro ni เมื่อแม่มดคิดจะลองดูกับมนุษย์ (ภาค 2 หลังดูอนิเมชั่นจบ)
ช่วงนี้ไม่ว่างครับ ขอผ่านนัตสึมะก่อนนะครับ แล้วนิวโรด้วย รอให้อะไรหลายๆ อย่างเข้าที่ก่อนค่อยมาg-upoทีหลัง
Umineko no Naku Koro ni
อ่านมังงะได้ที่ http://www.anity.net/umineko
(บทความนี้บ่นเฉพาะอนิเมชั่นอย่างเดียวนะครับ)
หลังได้ดูตอนจบของการ์ตูนอนิเมชั่นเรื่องนี้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดถึง
ก่อนที่จะพูดถึงผมขอบอกว่าไม่ได้อ่านมังงะ(ซึ่งมีหลายภาคเหลือเกิน)และผมไม่ได้เป็นแฟนพันธุ์แท้เรื่องนี้สักเท่าไหร่นัก ดังนั้นสิ่งที่ผมจะพูดถึงก็คืออมิเนชั่นเท่านั้นอย่างอื่นไม่เกี่ยว
หลังจากที่ผมได้เขียน Umineko no Naku Koro ni ในตอนที่ 44 ผมได้ดูถึงตอนที่ 20 และเมื่อมีโอกาสดู 6 ตอนสุดท้ายสิ่งที่ผมคาดไว้ก็ไม่ได้ผิดจากที่ผมคิดไว้นัก คือตัวละครหน้าใหม่ยังอุตส่าห์ปรากฏตัวเพียบเหมือนเดิม(ทั้งๆ ที่เรื่องมันใกล้จบแท้ๆ) ปริศนาหลายอย่างไม่เคลียร์กลับให้คนดูเก็บไว้คิดเป็นการบ้าน(และไม่มีวันรู้คำตอบ) หรือฆาตกรตัวจริงที่บอกกลายๆ ว่าเป็นพระเอกอุชิโรมิยะ แบทเลอร์เป็นฆาตกรที่แท้จริงของคดีนี้ โดยมีอดีตอันซับซ้อนว่าแม่มดทองคำเบอาตรีเชคือแม่ที่แท้จริง(ผมเข้าใจว่าอย่างงั้น)
ผมสาบานเลยว่าผมมีความรู้สึกว่าพระเอกแบทเลอร์ของเราเป็นฆาตกรของคดีนี้มานานแล้ว ตั้งแต่บทบาทที่ 3 ที่ตัวละครในเกาะตายไปที่ละคน ไม่ซ้ำหน้าตากัน แต่มีคนใดคนหนึ่งที่ในกลุ่มที่ไม่ตายหรือไม่ได้รับอันตรายหรือนั้นก็คือแบทเลอร์
ในฉากที่ไขคดีฆาตกรก็ยังมีข้อสงสัยเล็กๆ น้อยๆ ผมติดใจกับคดีฆาตกรรมบทที่ 2 ตอนแรก ที่ครอบครัวของพระเอกตายโดนกระเพาะถูกควักและเอาลูกอมยัดใส่เข้าไปแทน แบทเลอร์เฉลยว่าทั้งหมดตายเพราะกินระเบิดขนาดเล็ก ที่ระเบิดในห้องปิดตายพอดี แล้วข้อสงสัยผมคือคนร้ายมันเอาเวลาไหนไปยัดลูกกวาดใส่ท้องผู้ตายในขณะที่ห้องนั้นเป็นห้องปิดตาย(คนร้ายอยู่ข้างนอก) แล้วบนโลกนี้มันมีระเบิดขนาดเล็กที่มีอนุภาพที่ไหนที่ทำให้ท้องผู้ตายแตกระเบิดเละถึงขนาดนี้ได้ มันคงมีขนาดใหญ่พอสมควร และหากมันผสมในอาหารจริงคนกินจะไม่มีความรู้สึกใดๆ เลยเหรอ แล้วมันกะเวลาระเบิดได้ขนาดไหน อีกทั้งหมอที่ทำการตรวจสอบไม่รู้เลยว่าสมาชิกในตระกูลตายเพราะระเบิดในท้อง มันน่าจะมีคราบเขม่าติดอยู่ที่ไหนในท้องบ้างสิ(นอกจากหมอจะรับสินบนให้ตรวจสอบเท็จ)
แม้ฉากจบผมก็คาดไว้แต่แรกคือมันไม่แอปปี้แน่ๆ เพราะว่ามันถอดมาแบบคดีฆ่ายกเกาะนิยายของอกาธาคริสตี้ที่เหลือผู้รอดตายคนสุดท้ายบนเกาะนั้นก็คือฆาตกร ความเงียบ วังเวง และถอยคำพิพากษาเสมือนหนึ่งคนเป็นศาลเตี้ยที่ตัดสินแทนกระบวนยุติธรรมเสียเอง โดยโทษที่พวกเขาได้รับคือ ประหารชีวิต สถานเดียว แต่เมื่อคนร้ายบรรลุจุดประสงค์แล้ว สิ่งแรกที่เขาคิดคือ “ต่อไปนี้จะทำอะไรต่อดีว่ะ?”
ปกติการ์ตูนนักสืบทั่วๆ ไปควรจบแบบแอปปี้มากกว่าจบแบบดาร์ก เมื่อปริศนาคลี่คล้ายความสัมพันธ์ครั้งใหม่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น แต่ในการ์ตูนเรื่องนี้แบทเลอร์อยู่ตัวคนเดียว บนเกาะที่มืดเสมือนกับเป็นอีกมิติหนึ่ง เสมือนหนึ่งว่าเขาเป็นฆาตกรโหดในคดีฆ่ายกเกาะ แล้วในเมื่อเป็นฆาตกรทำไมเขาจึงเล่นเกมส์บ้าๆ ที่ไขคดีที่เขาเป็นคนสร้างขึ้นด้วยเล่า มันเหมือนกับคนสร้างเกมส์เล่นเกมส์ของตนเองสร้างแล้วรู้ทุกจุดทุกมุมโดยไม่มีใครสอน แล้วฉันจะเล่นทำไมหว่า?
สิ่งที่คิดอธิบายเรื่องเหล่านี้คือ
1.แบทเลอร์สูญเสียความทรงจำ
2.แม่มดทองคำคือตัวตนจินตนาการที่เขาสร้างขึ้นมา
3.ด้านมืดด้านสว่าง
4.ทั้งหมดนี้คือจิตใจของคนบ้า
ดูเหมือนการ์ตูนเรื่องใหม่ของ Ryukishi 07 ที่เป็นเรื่อง Higanbana สยองขวัญในโรงเรียนก็ยังคงเดินเรื่องขัดใจผมเหมือนเคย เมื่อเด็กประถมเด็กหญิงแว่นการกลั่นแกล้งสุดโหดจากเพื่อนร่วมห้องและอาจารย์ในโรงเรียน ทำไมเด็กหญิงแว่นถึงไม่แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือปรึกษาใครบางคน เพราะการกระทำของพวกเขามันเกินขอบเขตการกลั่นแกล้ง เขาเรียกว่าทำร้ายร่างกายเสียมากกว่า ขนาดประเทศไทยครูเอาไม้เรียวตีเด็กถึงกับฟ้องศาลเลยก็มี หากเด็กหญิงแว่นนั้นฉลาดพอก็น่าจะแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ โดยไม่ต้องพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิพระอินทร์ พระพรหมใดๆ ทั้งนั้น
ผมขอโทษสำหรับคนที่ชอบการ์ตูนสองเรื่องนี้ หากตัดจุดที่ผมขัดใจก็ถือว่าการ์ตูนสองเรื่องนี้สนุกมากและน่าติดตามอย่างยิ่ง ดังนั้นคนที่ชอบก็ไม่ต้องสนใจคำบ่นของผมก็ได้(อยากให้ผมอ่านเองนี้น่า)
กลับมาเรื่องการ์ตูน Umineko no Naku Koro ni ต่อ สิ่งที่ผมติดตามการ์ตูนเรื่องนี้(บวกกับทน) นอกเหนือการขายโรคจิตและความน่ากลัวแบบบ้าพลังแล้ว สิ่งที่ผมติดใจคือเพลงประกอบสุดยิ่งใหญ่อลังการที่ติดหู ภาพแม่มดผีเสื้อทองคำ หมากรุกที่เปรียบเสมือนมันเป็นแค่เกมส์นั้นช่างดึงดูดใจเสียจริง
แต่ความสนุกนี้หายไปในบทแรก(สำหรับผม) บทที่สองการปรากฏตัวของแม่มดทองคำที่ดูยิ่งใหญ่และสวยงาม ที่เล่นเกมส์ย้อนอดีตกลับกลายเป็นการฉีกเรื่องทำให้การ์ตูนแนวสืบสวนกลายเป็นการ์ตูนเหนือธรรมชาติ มหาสงครามอะไรสักอย่างที่ดูยิ่งใหญ่สวยงาม แต่มันช่างรบกวนจิตใจผมเหลือเกินว่าแก่นแท้ของเรื่องมันอยู่ตรงไหนกันแน่
สาเหตุที่มีฉากต่อสู้แฟนตาซีก็อย่างที่ผมบอกข้างต้น เพราะจุดประสงค์ของมันคือทำให้เราจิตใจสับสนเหมือนแบทเลอร์ จนเราถึงออกปากว่าคดีนี้มันเกิดจากเรื่องเหนือธรรมชาติน่ะตัวเอง ไม่ใช้ฝีมือของมนุษย์ ตัวละครใหม่ๆ ใส่ชุดสุดโมเอะออกมาเรื่อยๆ จนเราแทบไม่สนใจคดีฆาตกรรมตรงไหนเลย(ว้าวๆ ชาบูๆ ชุดรัดรูป) ยิ่งเข้าทางแม่มดทองคำเข้าไปใหญ่
แม่มดทองคำกำลังเล่าเรื่องที่ไม่น่าเชื่อถือให้แบทเลอร์ฟัง ภาษาอังกฤษเรียกว่า Unreliable narrator ซึ่งเป็นรากศัพท์ที่ปรากฏในวรรณกรรมภาพยนตร์หรือละครที่มีจุดประสงค์เพื่อหลอกลวงผู้ชม แต่คนชมก็รู้ตัสวดีว่าผู้เล่านั้นเราเรื่องแบบขาดความเชื่อถือขาดเหตุผลที่เป็นกลาง สร้างความเคลือบแคลงแก่ผู้อ่าน โดยโดยการสร้างภาพพจน์ของผู้บรรยายเรื่องในทางที่เป็นผู้ไม่น่าไว้วางใจ ความไม่น่าเชื่อถืออาจจะมามีสาเหตุจากความเจ็บป่วยทางจิตของผู้บรรยายเรื่อง, ความลำเอียงของผู้บรรยายเรื่อง, ความขาดความรู้ของผู้บรรยายเรื่อง หรืออาจจะมาจากความจงใจ โดยมากจะเล่าผ่านบุคคลที่หนึ่งเพราะว่าเป็นมุมมองแคบๆ ง่ายต่อการไม่เชื่อถือ ยกตัวอย่างเช่น ฮัมเบิร์ตตัวละครเอกในเรื่อง “โลลิตา” โดยวลาดิเมียร์ นาโบคอฟ ผู้หลงรักลูกเลี้ยงสาวอายุ 12 ปี ที่มักจะบรรยายเรื่องที่เป็นการสนับสนุนการกระทำของตนเองว่าไม่เป็นการผิดจริยธรรมในเรื่องเฒ่าหัวงู เป็นต้น
การเล่นเกมส์ของแม่มดทองคำพลาดหลายจุด เธอจงใจปิดบังซ่อนเร้นมากกว่าที่จะเปิดเผย ใช้มายากลในการปิดบังข้อเท็จจริง ของวิเศษต่างๆ นาๆ เครื่องเรือนเครื่องใช้กายเป็นสัญลักษณ์ทางบกายภาพ เพราะงี้แหละแหละต่อให้แม่มดทองคำเล่าเรื่องสักกี่ครั้ง กี่บทแบทเลอร์ก็ไม่เชื่ออยู่ดี
ดูเหมือนการ์ตูนเรื่องนี้ไม่ได้เน้นการสืบสวนเลย เนื้อหาออกมาไม่สมบูรณ์(คงจะเป็นความตั้งใจของคนทำ) แม้ว่าคนทำจะพยายามใส่ทฤษฎีนามธรรมมากกว่าหลักฐานจริง อย่างตรรกะคณิตศาสตร์, การพิสูจน์ปีศาจ หรืออะไรก็ตามแต่ แต่หลักการที่ว่านั้นผมแทบไม่รู้เลยว่ามันมีอยู่จริงด้วย(ผมเรียนสายศิลปะ และเข้ามหาลัยสายวิทย์) จนกระทั้งมารู้ในการ์ตูนนี้เอง
ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเกมส์ด้วยใช้กฎอักษรสีแดง สีฟ้า แทนการสอบสวน แต่มันก็เป็นกระบวนการวิเคราะห์ ที่เหมือนจะเป็นกับดักของแม่มดทองคำมากกว่า ที่เธอโต้กับตัวอักษรที่พิสูจน์เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าเป็นเรื่องจริง ยิ่งหลอกให้เราเชื่อว่าคดีนี้เป็นเรื่องเหนือธรรมชาติมากกว่าการฆาตกรรมธรรมดา แต่กระนั้นหากมองดีๆ จะพบว่าการเล่นเกมส์ของแม่มดทองคำครั้งนี้เสมือนลมเพลมพัดที่พระเอกรู้อยู่แล้วว่าจะมาไม้นี้จึงไม่ได้แปลกใจเท่าใดนัก เช่น ที่เกิดเหตุw,jมีห้องลับแน่นอนนิยายแนวนักสืบทุกเรื่องมันน่าจะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว หรือฆาตกรเป็นบุคคลที่สามบนเกาะก็เช่นกันไม่มีนิยายนักสืบเรื่องไหนเคยมีมุกบุคคลที่สามบนเกาะในโลกปิดเลยสักเรื่อง(ถึงมีแต่บุคคลที่สามก็ไม่ใช่ฆาตกรแน่นอน)
การสืบคดีของพระเอกแบทเลอร์แทบจะขัดกฎนิยายนักสืบทั้งโลก เพราะว่าในเรื่องไม่มีการแสดงหลักฐาน หรือการตรวจสอบใด ๆ เลย(ถ้าให้เดาก็เพราะแบทเลอร์เป็นฆาตกร แล้วฆาตกรจะสนใจกับการสืบคดีนี้ทำไมล่ะ)
ดูเหมือนแต่ละบทจะสอดแทรกเรื่องราวความรักลงไปด้วย เช่นบทที่ 2 กล่าวถึงความรักลูกของมาเรีย, บทที่ 3 กล่าวถึงความรักระหว่างพี่น้องและความรักต่างฐานะ, และบทที่ 4 คือความรักทั้งหลายที่กล่าวรวมกัน แต่ความรักนั้นไม่สมหวังสักราย หรือช่วยให้ผ่านพ้นต่อเรื่องร้ายๆ ได้เลย มันไม่ได้แค่หักความหวังคนดู มันได้ทำร้ายความรู้สึกของคนดูด้วย
สุดท้ายโลกของ Ryukishi 07 ที่แบทเลอร์ที่กำลังเผชิญเป็นโลกอะไรกันแน่ ในขณะอีกโลกของแองจี้เป็นดูเหมือนจะเป็นโลกแห่งความจริงมากกว่า หรือว่าการ์ตูนเรื่องนี้มีโลกคู่ขนานมิติอื่น หรือจะเป็นอาการทางจิตของพระเอก หรือในบทสุดท้ายการต่อสู้กับแบทเลอร์กับแม่มดองคำเสมือนหนึ่งเทวากับซาตาน หรือฉากจบที่ดูขัดๆ ไม่ทำให้ผู้ชมรู้สึกอิ่มเอิบใจคืออะไรกันแน่ นั้นทำให้ผมรู้สึกขัดใจเหมือนกัน
จบแล้วกับคำบ่นฉบับย่อ เพราะช่วงนี้ไม่ว่างดูอมิเนชั่นหรือดูการ์ตูนเท่าไหร่ ตอนหน้าผมขอโม้การ์ตูน R เทพๆ เรื่องหนึ่ง ที่ผมดูแล้วโครตอึ้ง!!! ยิ่งกว่านานะกับคาโอรุเสียอีก
ความคิดเห็น