ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #68 : Hohzuki Island เพราะข้อมูลที่คลุมเครือ

    • อัปเดตล่าสุด 17 เม.ย. 55



                    ผมต้องเร่งเขียนตอนนี้เพราะในวันศุกร์ผมต้องไปเชียงใหม่(อีกแล้ว) จะเร่งให้จบภายในวันศุกร์ และขึ้นตอนใหม่ค้างไว้(คาดว่าจะเป็นซายะกินแมวที่ผมบ่นบ่อยๆว่าจะเขียน แต่อย่าหวังอะไรผมมาก เพราะผมมันค่อนข้างชอบโลเล)

     

    การ์ตูนเรื่องนี้ผมไปรู้จักมันเข้าเนื่องมาจาก “ข้อมูลที่คลุมเครือ” เรื่องของเรื่องมีคนมาถามผมว่า “Hohzuki เป็นกุโระหรือเปล่า” ผมลองพิมพ์คำนี้ลงกูเกิ้ล ผมพบการ์ตูนเรื่อง “Hohzuki IslandE เมื่ออ่านเนื้อหาแล้วออกแนวเกาะกระหายเลือด(เรื่องเกาะกระหายไว้วันหลังจะเขียนให้อ่าน) แต่ความจริงผมเข้าใจผิด เขาหมายถึง Hohzuki ที่เป็นเกาหลีต่างหาก

    ผมไม่ผิด สาเหตุเพราะคนมาหานั้น ถามด้วย“ข้อมูลที่คลุมเครือ” เขาควรจะเพิ่มชื่อคนแต่ง เพิ่มเนื้อหา หรือสำนักพิมพ์ลงไปด้วย ผมจะได้เข้าใจชัดเจน

                    เออ......ก็เอาเถอะ เพราะ “ข้อมูลที่คลุมเครือ” นี้เองที่ทำให้ผมรู้จักการ์ตูนที่สนุกอีกเรื่องหนึ่ง

     

      

    Hohzuki Island หรือ Hoozuki Shima no

    ทะลึง(นิดเดียว), ผู้ใหญ่, สยองขวัญ, ลึกลับ, เอาตัวรอด, จิตวิทยา, เซเน็น

     (ยังไม่มีลิขสิทธิ์ แต่ควรจะเข้าไทยอย่างยิ่ง)

    ภาษาไทย http://www.anity.net/hohzuki-island

    ภาษาอังกฤษ http://www.mangareader.net/950-38127-1/hohzuki-island/chapter-1.html

     

                    มาคิดๆ ดู เพราะ “ข้อมูลที่คลุมเครือ” แท้ๆ ที่ทำให้ผมรู้จักการ์ตูนที่สนุกเหาะเรื่องนี้ อีกทั้งเนื้อหาของมันก็เป็นการเล่น “ข้อมูลที่คลุมเครือ” ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดโศกนาฏกรรมในเรื่องนี้อีก

    Hohzuki Island เป็นการ์ตูนแนวสยองขวัญ เขียนโดย Kei Sanba ตีพิมพ์ต่อเนื่องใน Young Gangan 2008-2009 มี 27 บท  ตีพิมพ์ 4 เล่มจบ และได้รับลิขสิทธิ์แปลไทยโดยสยามในชื่อ "เกาะมรณะ"

    Kei Sanbe เป็นนักเขียนการ์ตูนที่ไม่ดังมากนัก ผลงานของเขามักจบใน 1- 5 เล่มเป็นอย่างต่ำ เนื้อหาส่วนใหญ่มักเกี่ยวกับแอ็คชั่นไซไฟ โดยมีจุดเด่นคือเหล่าสาวๆ แต่ละเรื่อง สวยน่ารัก หนองโพและโชว์เนื้อหนังมังสาถูกใจพระเดชพระคุณชายโสดอย่างผมมาก โดยเรื่องแรกคือ Testarotho(2001), Robot(2004), Kamiyadori(2004) Naked Self(2006), Puzzle(2007), Kamiyadori no Nagi(2007), Mouryou no Yurikago(2010)  แต่ผลงานของเขาไม่เข้าไทยมากนัก เข้าแค่เรื่องเดียวคือ Kamiyadori ในชื่อไทยว่า เชื้ออสูรพันธุ์อำมหิต 5 เล่มจบ จัดจำหน่ายโดยบงกต ซึ่งผมก็ไม่ได้ดูฉบับแปลไทย แต่เท่าที่ดูเนื้อหาไม่ฉีกแนวเท่าไหร่นัก นอกจากตัวละครผู้หญิงในเรื่องน่ารักจริงๆส่วนอีกเรื่องก็ผมได้มีโอกาสได้อ่านคือ เทสทาโรโธ (Testarotho) 4 เล่มจบ การ์ตูนแอ็คชั่นธรรมดาที่โดนตัดจบ


              Hoozuki no Shima
    เป็นการ์ตูนแนวสยองขวัญ ที่ยังขายความสวยงามของสรีระของผุ้หญิงเช่นเคย ส่วนเนื้อเรื่องการ์ตูนเรื่องนี้เป็นการดำเนินเรื่องในมุมมองของตัวเอกชื่อ ซูซูฮาระ โคะโคะโระ และน้องสาวของเขาตาบอด ที่มีเหตุจำเป็นต้องย้ายมาดำรงชีพที่เกาะ โฮซุกิ เพื่อเรียนหนังสือในเกาะแห่งนี้  และเมื่อเขาไปถึงเกาะเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าเกาะแห่งนี้มีครูอยู่เพียงแค่ 4 คน และ นักเรียนทั้งหมดรวมพวกเขาแล้วแค่ 6 คนเท่านั้น

    และเมื่อเวลาผ่านไปโคะโคะโระ เริ่มสังเกตสิ่งที่ไม่มาชอบกลในเกาะแห่งนี้ เหมือนว่าผู้ใหญ่ทั้งหลายจะห้ามไปทุกเรื่อง ความอึดอัดระหว่างผู้ใหญ่กับเด็ก และดูเหมือนพวกผู้ใหญ่ปกปิดความจริงอะไรบางอย่างอยู่ โคะโคะโระได้ถูกเพื่อนเตือนว่าผู้ใหญ่ในเกาะแห่งนี้ไว้ใจไม่ได้ พวกเขาทุกคนมีเงินวงประกัน หากพวกเราบางคนตาย พวกเขาจะได้เงินมหาศาล ที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อนำเรามาฆ่าเพื่อเอาเงินประกัน  โลกภายนอกไม่สนใจพวกเราจะเป็นหรือตาย ดังนั้นพวกเราทุกคนต้องร่วมมือกันเพื่อรอดชีวิตจากเกาะแห่งนี้

    และแล้วเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างเด็กและผู้ใหญ่ภายใต้เวทีเกาะร้างที่ปิดตายจากโลกภายนอก จึงเริ่มต้นขึ้น ผลจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ติดตามและลุ้นเรื่องนี้ว่าจะมีลิขสิทธิ์(เอาเองเถอะ)

     

    ซูซูฮาระ โคะโคะโระ(Suzuhara Kokoro) เด็กชายที่แม่ทิ้งเพราะไปมีแฟนใหม่ จนเกือบอดตายในบ้าน โชคดีมีคนช่วยไว้ทัน และต่อมาก็มีคนมารับเลี้ยงดู โดยเขาถูกส่งตัวมายังที่เกาะร้างแห่งนี้ มีนิสัยเข้ากับได้คนง่าย และเรียนรู้ได้ไว ทำให้กลายเป็นคนที่คนอื่นชอบมอบหมายงานบ่อยๆ รักน้องสาวมากๆ และทำทุกอย่างเพื่อปกป้องน้องสาว  ตอนแรกเขาเข้ามาเกาะแห่งนี้โดยหวังว่าจะเป็นเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเขาก็พบข้อมูลอีกมากมายที่ทำให้เขาเชื่อว่าผู้ใหญ่บนเกาะคิดจะฆ่าพวกเด็กเพื่อเอาเงินประกัน ทำให้เขากลายเป็นคนหวาดระแวงและหวาดกลัวผู้ใหญ่ และบางครั้งก็มีเหตุการณ์บีบบังคับที่เขาจำเป็นต้องเลือกระหว่างความถูกต้องและไม่ถูกต้องด้วย

     

    ซูซูฮาระ ยูเมะ(Suzuhara Yume) น้องสาวตัวเล็กของโคะโคะ อายุ 5 ขวบ ตาบอดตั้งแต่เกิด ทำให้ต้องใช้ไม้เท้าเพื่อช่วยในการเดินเสมอ อ่อนแอ แต่รักพี่ชาย และไม่อยากเป็นตัวถ่วงพี่ชาย เธอมีหูที่ยินเสียงได้ดีกว่าคนอื่น สามารถได้ยินเสียงสิ่งลึกลับบนเกาะได้อีกด้วย น่ารักได้ใจ จนหลายๆ คนต้องเอ็นดู และเธอแทบไม่ตกใจกลัวอะไรกับสถานการณ์รอบข้างอะไรเลย(เธอช่างถูกใจคนเขียนบทความนี้เป็นที่สุด)

     

    ซูอิจิโร่(Shuichiro) เด็กอายุ 10 ปี เด็กฉลาดไอคิว 150 อดีตเป็นเด็กรอดตายจากการฆ่าตัวตายพร้อมแม่ ทำให้เป็นเด็กกำพร้าและจิตใจปิดกั้นไม่เชื่อใจผู้ใหญ่ มองผู้ใหญ่เป็นศัตรูตลอด และถูกส่งมาเพื่อเป็นนักเรียนในเกาะโดดเดี่ยวแห่งนี้ เวลาว่างชอบอ่านหนังสือ เขาเกลียดการกินอาหารประเภทเนื้อไก่เพราะมีอดีตฝังใจเกี่ยวกับอาหารประเภทนี้ ที่เขากินก่อนที่แม่จะพาเขาไปฆ่าตัวตาย ภายหลังการหายตัวไปของริกิยะ เขาจึงเป็นผู้นำ เป็นมันสมองของทีมในการช่วยเพื่อนๆ ต่อสู้และเอาตัวรอดกับความบ้าคลั่งของผู้ใหญ่ ภายนอกเหมือนเยือกเย็นและจิตใจเย็นชา แต่ความจริงแล้วเขาเป็นผู้นำที่ดีมีการตัดสินใจที่ดี และมีความเสียสละ

     

    มิยาซาว่า ฮัทสุเนะ(Hatsne) เด็กป.5 อายุ 11 ปี เป็นเด็กเงียบไม่พูดไม่จา(หรือไม่พูดอะไรเลยจนเกือบเป็นใบ้) เพราะบาดแผลทางใจจากครอบครัวเก่าที่ใช้ความรุนแรง จนถูกส่งตัวมาเรียนในเกาะร้างแห่งนี้ ด้วยหุ่นที่ทรมานใจ ทำให้เธอตกเป็นเหยื่อของครูหื่นประจำเกาะ ทำให้พวกคะโคะโระต้องปกป้อง มองภายนอกเหมือนเด็กไม่เข้าสังคม แต่ความจริงเธอเหงาอยากมีเพื่อนที่เป็นผู้หญิงบ้าง ทำให้น้องสาวโคะโคะโระเป็นเพื่อนของเธอโดยปริยาย  ภายหลังเหตุการณ์บ้าคลั่งของเกาะเธอก็กลับมาพูดได้ปกติร่าเริงแจ่มใสเฉดเช่นเด็กสาวธรรมดา และเธอก็แอบชอบโคะโคะโระ น่ารักถูกใจคนเขียนบทความนี้อีกคน เวลาว่างเธอมักเปลี่ยนชุดว่ายน้ำงมหาหอยในทะเล(ซึ่งคนเขียนชอบมากๆ แหล่มๆ)

     

    ซูโด้ ริกิยะ(Sudo Rikiya) เด็กป.6 อดีตเป็นเด็กกำพร้าอยู่ตัวคนเดียวและคนอื่นมักรังเกียจไม่อยากเข้าใกล้ จนถูกส่งตัวมาเรียนบนเกาะแห่งนี้ ภายนอกเหมือนเด็กหัวโจ๊กเกเรเอาเรื่องแต่ความจริงรักเพื่อนพ้อง เป็นผู้นำที่ดี เขาเป็นคนแรกที่บอกโคะโคะโระว่าเกาะนี้มีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่และหากอยากรอดจงร่วมมือกับเขาและพวกเพื่อช่วยเหลือกันและกัน ชอบเขกหัวโคะโคะโระประจำ(เพราะรักจึงต้องเขก) ภายหลังเขาอาสาจะไปสืบความลับของเกาะ แต่สิ่งที่ออกมาพวกโคะโคะโระกับเห็นพวกผู้ใหญ่กำลังหามศพของเขา เป็นเหตุให้พวกโคะโคะโระตัดสินใจวางแผนวิธีเอาตัวรอดจากผู้ใหญ่เพื่อไม่ให้ทุกคนตกเป็นเหยื่อ

     

    ฟุโตชิ(Hakkai Futoshi) เด็ก ป.4 อายุ 10 ปี อ้วนเป็นหมูตอน เอาแต่กินท่าเดียวโดยไม่มีหยุดและห่วงของกิน เหตุเพราะมีปัญหาทางใจ เป็นตัวถ่วงและขี้ขลาด แต่เพื่อนๆ ก็ทิ้งเขาไม่ลง เขาเป็นคนแรกที่สงสัยการกระทำของพวกผู้ใหญ่ในเกาะแห่งนี้ และคิดว่าพวกผู้ใหญ่จะฆ่าพวกเขาเพื่อเอาเงินประกัน

     

    ไค ยูคิโนะ(Kai Yukino) ครูสาวประจำเกาะ อกใหญ่ ใจดี ที่พึ่งมาทำงานบนเกาะไม่นานนี้เอง เป็นคนช่วยเหลือและดูแลเด็ก หลังจากเกิดเหตุการณ์บ้าคลั่งของเกาะเธอก็พยายามตามหาเด็ก เก่งเรื่องดาบไม้ เหตุการณ์ประทับใจคนเขียนบทความนี้คือฉากที่เธอเปลือยถือดาบไม้ยามค่ำคืน

     

    อุซุย ครูประจำเกาะ รูปร่างใหญ่โตจนน่ากลัว ภายหลังเขาตายจากอุบัติเหตุจากงานซ่อมโรงเลี้ยงกระต่าย ทำให้ฝ่ายผู้ใหญ่และฝ่ายเด็กเข้าใจผิดต่างๆ นาๆ ว่าเป็นการฆาตกรรม

     

    คุวาตาเตะ(Kuwasaka) ครูแว่น ตัวโกงของเรื่อง แถมนิสัยหื่นเอาเรื่อง ชอบสวนลามผู้หญิงบนเกาะ แต่สาวเจ้าไม่เล่นด้วย จนเจ้าตัวต้องเจ็บตัวทุกครั้ง เขามีนิสัยเกลียดเด็ก ภายหลังการหลบหนีของเด็ก เขาเลยเป็นฝ่ายออกตามล่า โดยถือมีดอีโต้ ไม่รู้เลียนแบบเรนะในแว่วเสียงเรไรหรือเปล่า?

     

    ครูใหญ่ เหมือนมีเรื่องอะไรสักอย่างที่เก็บไว้ในเกาะ และเป็นเจ้าของเกาะแห่งนี้ และน่าจะอยู่เกาะแห่งนี้มานานมาก หน้าตาเคร่งเครียดตลอดเวลา

     

    วิญญาณอาฆาต(??) วิญญาณที่ช่วยเหลือพวกเด็กอย่างลับๆ โดยการชี้จุดปลอดภัยหรือจุดหลบซ่อนแก่พวกเด็กๆ ในหนีความบ้าคลั่งของผู้ใหญ่ ไม่รู้มาดีหรือมาร้ายกันแน่ ส่วนประวัติยังน่าสงสัย ข้อมูลเท่าที่โคะโคะโระรู้คือ เธอเป็นคนเขียนอักษรน่ากลัวในสถานที่ที่ผู้ใหญ่สั่งห้ามไม่ให้เข้าใกล้

              สิ่งที่ผมชอบเรื่องนี้อยู่ที่ตอนจบของเรื่องครับ โครตอึ้งเลย แรกๆ นึกว่าเป็นการ์ตูนหนีเอาตัวรอดบ้าพลังธรรมดา เด็กตายทีละคนสองคน แต่ภายหลังกลับพบว่า.......อึ้ง....ครับอึ้ง....ลุ้นตัวละครหลายตัวให้รอด แต่ปรากฏว่าไม่จำเป็นต้องลุ้นเลยเพราะ.......มันหลอกผมได้อย่างอยู่หมัดจริงๆ สมแล้วที่เป็นการ์ตูนจิตวิทยา สุดยอดมากๆ  หลอกทั้งตัวละครในเรื่อง หลอกทั้งคนอ่าน หักมุมได้อย่างเจ็บแสบทรวง กลายเป็นการ์ตูนที่ผมหยิบยกขึ้นมาให้ทุกคนได้อ่านกัน.....(โดยฉากจบผมเชื่อหลายคนแทบปาหนังสือ พร้อมตะโกนด้วยคำหยาบว่า “เม่งมันหลอกกรู”)

    เพราะอะไรการ์ตูนนี้ถึงหลอกเราได้อย่างอยู่หมัด

    คำตอบอยู่ในบทความนี้แล้ว!!

     

    ก่อนจะเล่าเรื่องย่อ เรื่องราวของเด็กที่ถูกเอาเปรียบโดยผู้ใหญ่นั้นมีอยู่ทุกยุคสมัย โดยเฉพาะพวกฆ่าเด็กกำพร้าเพื่อเอาเงินประกัน เราเรียกพวกเด็กเหล่านี้ว่า “นักทำฟาร์มเด็ก (Baby Farmer)” ฆาตกรเหล่านี้เกิดขึ้นในยุคช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ปลายยุคของวิกตอเรีย ของประเทศอังกฤษ พวกเขาใช้ธุรกิจ เบบี้ ฟาร์มิง(Family Farming) คือการรับเลี้ยงเด็กนอกสมรสโดยให้มาอยู่กินด้วย โดยเจ้าของจะทำการดัดแปลงบ้านให้เหมาะแก่การรับเลี้ยงเด็ก และเก็บเงินค่าธรรมเนียมหรือค่ารับเลี้ยงจากลูกค้าที่มีอยู่หลายประเภท เช่น โสเภณีที่มีลูก หญิงยากจนเข็ญใจ ภรรยาที่ถูกทิ้ง ซึ่งหญิงพวกนี้เมื่อมีลูกจะไม่สามารถทำแท้งได้ เพราะการทำแท้งผิดกฎหมาย

                    ด้วยเหตุนี้ สถานรับเลี้ยงเด็กเล็ก จึงกลายเป็นธุรกิจทำเงินมหาศาล และเป็นธุรกิจที่มีการเจริญเติบโตอย่างมากและผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด โดยอัตราค่าบริการที่อังกฤษคิดเป็นจำนวน 10 ปอนด์ แบบเรียกเก็บทีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นเงินก้อนใหญ่มากในสมัยนั้น และเขาจะเลี้ยงดูเด็กจนเติบโตให้อยู่วัยอันควรก็จะให้แม่เด็กพากลับบ้าน(ในระหว่างนั้นแม่เด็กสามารถมาเยี่ยมเป็นระยะๆ ได้ )

                    ส่วนใหญ่แล้ว ธุรกิจดูแลเด็กในอังกฤษมักจะบริหารโดยสตรีที่ซื่อสัตย์ รวมทั้งมีผู้ช่วยพยาบาลพี่เลี้ยงเด็กที่รักและเมตตาเด็กอย่างแท้จริง ราวกับเป็นมารดาแท้ๆ แต่มีสถานเลี้ยงเด็กเล็กอีกจำนวนหนึ่งที่ไร้ยางอาย เห็นช่องว่างทำกำไรจากคราวเคราะห์ของผู้อื่น ด้วยการเอาเงินจากแม่เด็กมาเข้ากระเป๋า จากนั้นก็ขายเด็กให้คู่สมรสที่ไม่มีบุตร จากนั้นผู้บริหารสถานเลี้ยงเด็กก็จะย้ายออกไปเพื่อนซ่อนตัว เพื่อตัดการติดต่อจากแม่แท้ๆ ของเด็ก เมื่อเรื่องเงียบหายก็กลับมาหาเงินอีก ร้ายหน่อยก็เลี้ยงดูเด็กที่ปราศจากความดูแลเอาใจใส่ ปล่อยเนื้อตัวให้สกปรกมอมแมม เจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคภัยต่างๆ สุดท้ายก็เสียชีวิตเพราะขาดสารอาหาร แต่ที่ร้ายกว่านั้นเมื่อมีคนจำพวกหนึ่งที่จะสร้างกำไรจากเด็ก โดยการฆาตกรรมเด็กที่ไม่มีทางสู้ เพื่อลดภาระการเลี้ยงดู และตักตวงผลกำไรมากที่สุด

    ในประวัติศาสตร์ฆาตกรที่ฆ่าเด็กเพื่อลดภาระที่โด่งดังคือ อมีเลีย ไดเยอร์ (Amelia Dyer) ถือได้ว่าเป็นนักทำฟาร์มเด็กที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์ของโลก ในฐานะฆาตกรที่ฆ่าเด็กทารกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่อยู่ในช่วง 1896  ว่ากันว่าเหยื่อของเธอที่เธอฆ่ามีถึง 50 คน ส่วนมากเป็นเด็กทารกที่ไม่เป็นที่ต้องการสำหรับแม่ของเด็กและทันทีที่เด็กอยู่ในมือของอมีเลีย ชีวิตของเด็กนั้นชะตาขาดทันที เด็กอาจจบชีวิตในหนึ่งวันหรือสามวัน แล้วแต่ ส่วนวิธีการฆ่าไดเยอร์มักจะใช้ผ้าเทปสีขาวรัดคอเด็ก และห่อศพด้วยกระดาษหรือไม่ก็ถุง ก่อนที่จะนำไปถ่วงน้ำ

    จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อชีวิตเด็กมีค่าเท่ากับเงินไม่กี่บาท

     

    คำเตือน ต่อไปนี้จะเป็นการสปอยเนื้อหาการ์ตูนตั้งแต่ต้นจนจบ แนะนำให้ไปอ่านก่อนค่อยมาอ่านสปอย ระวังประโยคที่เป็นสีแดงให้ดี เพราะมันจะทำให้คุณรู้ตอนจบของการ์ตูนเรื่องนี้

     

    สิ่งที่คิดได้เห็นได้อ่านต่อไปนี้ จงอย่าไปเชื่อในทุกเรื่อง ภาพที่คุณเห็น สิ่งที่คุณได้ยิน อาจเป็นกับดัก ภาพลวงตาที่ทำให้คุณโดนหลอกได้

     

    สาเหตุที่ผมจะเล่าสปอยเนื้อเรื่องย่อทั้งหมดตั้งแต่ต้นจนจบ เพื่อให้คนอ่านทุกคนได้เห็นว่า “เพราะข้อมูลคลุมเครือ” นั้นมีผลกระทบอย่างไรกับการ์ตูนเรื่องนี้

     

    ตอนที่ 1-10 เรื่องราวเปิดฉากด้วย ณ เกาะแห่งหนึ่ง ท่ามกลางความมืด โคโคโระและน้องสาวของเขาที่ตาบอดกำลังหนีอย่างเอาเป็นเอาตาย จากการตามล่าของเงาของชายคนหนึ่งที่ดูแล้วอันตรายและน่ากลัว โคโคเระเริ่มอดโรยเพราะเขาต้องแบกน้องสาวและเงาเริ่มใกล้เขามา เขาจำเป็นต้องหาที่ซ่อน

     

    ระหว่างที่เขากำลังตัดสินใจจะหนีหรือซ่อนนั้นระหว่างนั้นเองเขาก็ได้พบกับวิญญาณผู้หญิงลึกลับคนหนึ่งที่ปรากฏกายต่อหน้าเขา  เธอชี้ไปที่รากไม้เพื่อให้เขาและน้องสาวได้ซ่อนตัวปลอดภัย ระหว่างที่เงาลึกลับเริ่มใกล้เข้ามายังที่เขาและน้องสาวซ่อนตัว จากนั้นเจ้าของเงาก็ปรากฏโฉมให้เห็น นั้นคือคุวาตาเตะหนึ่งในครูของเกาะแห่งนี้นั้นเอง

     

    โคโคโระกลั้นหายใจสุดชีวิต เขากอดน้องสาวแน่น สำหรับเขาน้องสาวคือสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตของเขา  เพราะว่าเขามีหน้าที่จะต้องปกป้องน้องสาว ในขณะที่จิตใจของเขาเกิดความหวาดกลัวสุดขีด

     “ถ้า...ถ้า....ถ้ามันจับเราได้เราคงต้องเจอจุดจบเหมือนผู้หญิงคนนั้น...!!

    โคโคโระพูดกำลังใจให้แก่ตนเอง เพราะอะไรหนอที่ทำให้ซะตากรรมของเขาถึงต้องมาผจญกับเรื่องโหดร้ายเช่นนี้.......

     

    ย้อนกลับไปหลายวันก่อน ด้วยเหตุผลจำเป็นอย่างหนึ่งทำให้โคโคโระและน้องสาวจำเป็นต้องมาใช้ชีวิตอยู่บนเกาะร้าง ครั้งแรกที่โคโคโระเห็นที่ช่างน่าประทับใจเหลือเกิน มันเป็นเกาะใหญ่ที่ดูเงียบสงบ เกาะแห่งนี้มีเด็กกำพร้ารวมเขากับน้องสาวแค่ 6 คน ครูอีก 4 คน

     

    สิ่งแรกที่โคโคโระประทับใจเมื่อเหยียบขึ้นเกาะคือเขาได้รู้จักครูสาวที่แสนจะใจดีร่าเริง(และอกใหญ่)นาม “ไค ยูคินะ” ที่ต้อนรับโคโคโระเป็นอย่างดี เธออธิบายเรื่องราวของเกาะว่าเกาะแห่งนี้มีชื่อว่า เกาะโฮซุกิ(Hohzuki) ตั้งตามชื่อผลไม้ที่พบมาในเกาะแห่งนี้ (Hohzuki เป็นผลไม้เปลือกสีแดงคล้ายเชอรี่หรือโคมไฟจีน นิยมปลูกเพื่อใช้เป็นอาหารหรือเป็นยา พบมากในเอเชียที่ญี่ปุ่น ถูกเรียกว่าโคมไฟแห่งยุโรปสำหรับนางฟ้า)

     

    ระหว่างที่โคโคโระกับน้องสาวถูกพาตัวเข้าห้องพักอยู่นั้น(น้องสาวโคโคโระเป็นคนตาบอดทำให้พี่ชายต้องดูแลอย่างใกล้ชิด) เขาก็ถูกคุณครูยูคินะเตือนว่าห้ามไปในสถานที่ที่พวกเขากำหนดไว้ ตอนนั้นโคโคโระยังไม่แปลกใจ และเมื่อเขากำลังจัดเข้าของนั้นเขาก็พบว่าลิ้นชักโต๊ะทำงานของเขาถูกล็อก

     

    ในระหว่างอาหารเย็นโคโคโระร่วมโต๊ะกินอาหารกับเพื่อนๆ น้องสาวบอกพี่ชายว่า “ที่นี่ดีจัง” ทำให้โคโคโระย้อนความหลังชีวิตก่อนมาเกาะแห่งนี้ว่า ตอนที่เขาอยู่แผ่นดินใหญ่นั้นเขาไม่เคยกินอาหารดีๆ มาก่อน อีกทั้งยังถูกแม่ทิ้งพวกเขาไปเพื่อไปมีแฟนใหม่ ทำให้เขาและน้องสาวจนเกือบอดอาหารตาย โชคดีที่มีคนช่วยไว้ทัน โคโคโระจึงคิดว่าเรื่องร้ายๆ มันผ่านพ้นแล้ว และนี้คือบ้านใหม่ของเขาที่จะต้องอยู่เพื่ออนาคตวันข้างหน้า

     

    เมื่อโคโคโระรับประทานอาหารเสร็จ เขาก็ทักทายกับเพื่อนๆ แต่ปรากฏว่าพวกเพื่อนของเขาทั้ง 4 บนเกาะนี้ท่าทางเย็นยาจนน่ากลัว เขาถูกเพื่อนๆ เตือนถึงสิ่งที่ไม่ชอบกลบนเกาะแห่งนี้ พวกอาตจารย์ทั้งหลายกำลังปกปิดบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญต่อพวกเราอยู่ เพราะงั้นอย่าไปเชื่อพวกเขา จึงทำตามไม่งั้นนายจะตายได้

     

    โคโคโระกลับเข้าห้อง เขารู้สึกกังวลต่อคำพูดของเพื่อน จากนั้นเขาก็เริ่มสังเกตว่าโต๊ะที่ลิ้นชักเปิดไม่ได้เป็นของเด็กคนหนึ่งที่เพื่อนบอกว่าหายสาบสูญไปเมื่อไม่นานก่อนที่เขาจะมาถึงเกาะแห่งนี้ โคโคโระลองพยายามเปิดลิ้นชักอีกครั้ง เขาก็พบว่าที่ลิ้นชักนี้มีมีดพับและรอยเลือดจำนวนมากเปื้อนเต็มไปหมด........

     

      นับจากวันที่โคโคโระพบมีดพับที่เต็มไปด้วยเลือด เขาก็อยู่อย่างกังวลใจ เขาพบว่ามีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำให้เขากังวลอย่างบอกไม่ถูก วันต่อมาเขาถูกเปื้อนโต๊ะทำงานตัวใหม่ ส่วนโต๊ะตัวเก่าที่เต็มไปด้วยเลือดนั้นหายไป(สังเกตดีๆ โต๊ะที่ว่านั้นถูกใช้เป็นฟืนที่โรงเลี้ยงกระต่าย)

     

    โคโรโระเดินชมรอบเกาะก็พบว่าที่นี่เต็มไปด้วยรั้วลวดหนามและป้ายห้ามเข้าอย่างน่าขนหัวลุก โคโคโระตัดสินใจที่จะเลิกกังวลและพยายามทำตัวให้สนุกบนเกาะแห่งนี้มากที่สุด แต่ไม่ทันไรที่เขาจะลืมเรื่องกังวลใจ เขากลับถูกเพื่อนลากมาคุยในที่ลับ และเล่าปริศนาและความลับของเกาะแห่งนี้ให้เขาฟัง ว่าเกาะแห่งนี้มีเหตุการณ์เด็กคนหนึ่งหายไปอย่างไร้ร่องรอยแต่พวกคุณครูบอกว่าเด็กคนนั้นป่วยและถูกส่งกลับไปยังโรงพยาบาลและจะกลับมาทันที แต่เขาก็ไม่ได้กลับมาอีกเลยทำให้พวกเขาเชื่อว่าเด็กคนนั้นได้ความรู้บนเกาะแห่งนี้เลยถูกทำให้หาบไป และก็ยังมีวิญญาณอาฆาตของเด็กผู้หญิงลึกลับในชุดสีขาวสาวคนหนึ่งที่คาดว่าจะเป็นอดีตนักเรียนที่นี่ที่เธอมักปรากฏตัวออกมาเพื่อบอกอะไรบางอย่างกับพวกเขาอยู่ จากรนั้นเพื่อนก็บังคับโคโคโระให้สาบานเป็นเพื่อนกันโดยไม่บอกเรื่องนี้แก่พวกผู้ใหญ่ โคโคโระสัญญาและขอร่วงวงในการค้นหาความจริงบนเกาะแห่งนี้

     

    ตัวแปรสำคัญที่ทำให้โคโคโระเริ่มรู้ว่าเกาะแห่งนี้มีสิ่งที่กำลังคุกคามพวกเขาอยู่ นั้นคือครูหื่นคุวาตาเตะ โคโคโระเห็นฉากวาตาเตะพยายามคุกคามทางเพศกับครูยูคิโนะ และต่อมาเขาก็เห็นครูคุวาตาเตะพยายามคุกคามทางเพศฮัทสุเนะอีกราย โชคดีด้วยความช่วยเหลือซูอิจิโร่ทำให้เขาช่วยเหลือเธอได้ทันเวลา

     

    เช้าวันต่อมาซูอิจิโร่ชวนเพื่อนทั้งหมด ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งเป็นห้องลับที่ที่พวกครูจงใจปกปิดและไม่ให้เด็กเข้าไป  พวกโคโคโระตามซูอิจิโร่พบว่าห้องนี้นำพาพวกเขามายังชั้นสอง เมื่อซูอิจิโร่พาพวกโคโคโระมายังห้องลีบปิดตายที่มืดมิดห้องหนึ่ง เขาจึงเริ่มพูดคุยสิ่งที่เขารู้ข้อมูลมา

    “นายรู้ไหมว่า พวกเราทั้งหมดมีประกัน หากเด็กป่วย อุบัติเหตุ หรือเป็นอะไรก็ตามโดยเฉพาะตายยิ่งได้เงินก้อนใหญ่เลยแหละ”

    โคโคโระเริ่มกังวลสิ่งที่ซูอิจิโร่พูด

    “พวกเราเป็นเด็กกำพร้า เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเราบนเกาะแห่งนี้ พวกภายนอกจะไม่รู้เลยสักคน”

    จากนั้นซูอิจิโร่ก็พูดกับโคโคโระ “นายได้ฟังเรื่องผีในชุดขาวมาแล้วใช่ไหม? ตอนแรกฉันไม่เชื่อเรื่องนี้ในทันทีหรอก แต่หลังจากเห็นห้องนี้ฉันก็เริ่มคิดว่ามันมีจริง” ซูอิจิโร่จุดไฟให้สว่างขึ้น

     

    และแล้วโคโคโระก็ได้เห็นสภาพห้องทั้งหมดในนี้ ห้องนี้เหมือนห้องต้องคำสาป เพราะเต็มไปด้วยมีเครื่องหมายและอักษรที่เขียนหวัดอยู่เต็มห้อง บ่บอกผุ้เขียนนั้นมีจิตใจที่อาฆาต มันเขียนว่า “ฉันไม่อยากตาย”, “อย่าฆ่าฉัน”, “ใครก็ได้ช่วยด้วย......”

    ซูอิจิโร่พูดสรุป “ฉันคิดว่าจุดประสงค์ครูใหญ่ต้องการเลี้ยงเด็กกำพร้าอย่างพวกเราเพราะว่าเขาหวังจะฆ่าเราเพื่อเอาเงินประกันก้อนโต โรงเรียนเกาะแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อฆ่าเด็กพวกเรา”

     

    ซูอิจิโร่บอกให้พวกโคโคโระว่าอย่าบอกเรื่องนี้แก่พวกผู้ใหญ่ และหลีกเลี่ยงการออกนอกห้องตามลำพัง เพื่อไม่ให้เป็นเหยื่อของพวกผู้ใหญ่เหมือนโนบุ(เพื่อนคนที่หายไป) เย็นวันเดียวกัน เรือขนส่งเสบียงได้จอดเทียบท่าเกาะเพื่อขนส่งอาหารสำหรับฟุโตชิโดยเฉพาะ(เพราะกินอยู่ตลอดเวลา) และครูใหญ่ในหมวกฟางจ้องมองกระดาษแผ่นแล้วพูดขึ้นว่า “เวลาใกล้มาถึงแล้ว”

     

    ระหว่างที่โคโคโระกำลังสำรวจแมลงอยู่นั้น บังเอิญเขาได้เห็นฟุโตชิกำลังให้อาหารสุนัขอยู่ แต่แล้วจู่ๆ ฟุโตชิก็ตกใจสุดขีดเขาเห็นวิญญาณโนบุเขาอุทานว่า “โนบุ ขอโทษ ฉันเสียใจ.....”

     จากนั้นโคโคโระก็ได้ฟังริกิยะที่กลับมาจากการสำรวจเกาะ เขาบอกว่าอดีตเกาะแห่งนี้เคยฉากหน้าเหมืองแร่ทองคำและเป็นโรงเรียนสำหรับคนที่ทำงานที่นี้ และเมื่อแร่ทองคำหมดไปเกาะนี้ก็เสื่อมโทรมลง พวกเขาต้องการหาวิธีที่ได้เงินจำนวนมากเพื่อดำรงชีวิตอยู่ พวกเขาจึงรับเลี้ยงดูเด็กเพื่อฆ่าเอาประกัน แต่โนบุได้รู้ความลับนี้จึงถูกฆ่า ริกิยะเชื่อว่าเกาะนี้ยังมีทองคำเหลืออยู่ และเขาอยากจะค้นหามันพบ เพื่อที่จะได้พาพวกเพื่อนหนี เพราะเงินเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับโลกภายนอก

     

    เมื่อถึงเวลาอาบน้ำโคโคโระเห็นฟุโตชิอีกครั้ง ฟุโตชิไดเล่าความจริงให้โคโคโระฟังว่า เขาได้เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นในวันที่โนบุหายตัวไป เขาเห็นโนบุที่เต็มไปด้วยเลือดโดยมีครูคุวาตาเตะประคองร่างที่ไร้เรี่ยวแรงของโนบุอยู่

     

    นับวันโคโคโระยิ่งกังวลถึงอันตรายรอบตัวมากขึ้นเรื่อยๆ มีหลายเรื่องที่เขาพบเจอ ไม่ว่ามีดพกเปื้อนเลือด, ห้องที่เต็มไปด้วยอักษรที่น่ากลัว, เรื่องราวของโนบุ เขาเริ่มไม่ไว้ใจผู้ใหญ่ ครูยูคิโนะสังเกตอาการผิดปกติของโคโคโระ แต่เขาปฏิเสธว่าไม่มีเรื่องทุกข์ใจทั้งสิ้น

     

    ในขณะที่ โคโคโระกับยูมะกับเข้าห้อง เขาถูกริกิยะเรียกเขาเข้ามาห้องของเขา โคโคโระเห็นริกิยะทำตัวปลอมเขาใส่ไว้ในเตียงนอน ริกิยะประกาศว่าเขาจะไปที่ภูเขาเพื่อค้นหาทอง เพื่อจะช่วยเพื่อนๆ ออกไปจากเกาะโดยเร็ว ริกิยะบอกโคโคโระว่าหากใครมาถามถึงเขาให้ตอบว่าเขาอยู่ในห้องเพราะปวดท้อง และเขาสัญญาว่าเขาจะเรียบกลับมาก่อนที่คนอื่นจะสงสัยว่าเขาหายตัวไป  โคโคโระส่งริกิยะไปยังเขตภูเขา เขารู้สึกสังหรณ์ใจว่าเขาจะไม่เห็นริกิยะอีกแล้ว

     

    และสิ่งที่โคโคโระกังวลก็มาถึง เมื่อถึงเวลากลางคืนท่ามฝนที่ตกหนัก โคโคโระออกมากับยูมะเพื่อเข้าห้องน้ำ และที่นั้นโคโคโระและเพื่อนก็บังเอิญได้เห็นพวกผู้ใหญ่กำลังแบกศพริกิยะที่เต็มไปด้วยเลือดอยู่........

     

    เช้าวันต่อมาคุณครูยูคิโนะออกมาแจ้งข่าวว่าริกิยะประสบอุบัติเหตุตกภูเขาบาดเจ็บหนักจนต้อง ถูกนำส่งตัวไปรักษาพยาบาล แน่นอนพวกโคโคโระในตอนนี้ไม่เชื่อคำพูดของผู้ใหญ่อีกต่อไป เพราะเขาเชื่อในสิ่งที่เห็นมากกว่าในที่ได้ยิน

    เมื่อริกิยะตายไป คนที่พึ่งพาได้ในกลุ่มเด็กจึงมีเพียงโคโคโระและซูอิจิโร่ โคโคโระและซูอิจิโร่เริ่มทำให้การสำรวจจุดที่อาจารย์บอกว่าริกิยะประสบอุบัติเหตุตกจากภูเขา ซูอิจิโร่สรุปว่าสิ่งที่เราเห็นไม่ใช้อุบัติเหตุ ริกิยะตายเพราะถูกพวกผู้ใหญ่ฆ่าแน่นอน โคโคโระพูดขึ้นว่างั้นหากเราไม่รีบหนีเราก็ต้องตกเหยื่อแบบริกิยะสิ ซูอิจิโร่ยังมีเวลาวางแผน เราจะต้องร่วมมือกัน และวางแผนให้รัดกุม 


              ในขณะที่ทั้งสองกำลังเดินเล่นและกำลังจะกลับไปโรงเรียนอยู่นั้น โคโคโระสังเกตเห็นโรงเลี้ยงกระต่ายมีสิ่งผิดปกติ ทั้งสองเดินเข้าไปใกล้ๆ และแล้วพวกเขาก็พบครูอุซุยนอนตายคาโรงเลี้ยงกระต่าย จากสภาพแวดล้อมโคโคโระคิดว่าอาจารย์อุซุยกำลังใช้บันไดลิงปีนขึ้นไปเพื่อซ่อมหลังคาโรงเลี้ยง แต่ปรากฏว่าบันไดลิงเกิดหักขึ้นมา ครูอุซุยเลยหล่นบนพื้นและคอหักตาย

    โคโคโรตั้งใจเรียกคนมาช่วย แต่ซูอิจิโร่ เขาบอกว่าครูอุซุยสมควรตายฐานเป็นคนฆ่าริกิยะ ปล่อยไว้แบบนี้แหละ ระหว่างที่ทั้งสองกำลังสำรวจอยู่นั้นโคโคโระเห็นมีดพกที่เขาเห็นตอนต้นเรื่องตกอยู่ข้างศพ แต่ซูอิจิบอกว่าไม่จำเป็นต้องเก็บ ให้ปล่อยทิ้งเอาไว้แบบนี้แหละ

     

    ในเวลาต่อมาเมื่อพวกผู้ใหญ่รู้ข่าวการตายของอุซุย พวกผู้ใหญ่นำศพของอุซุยลงเรือแล้วออกจากเกะ ครูใหญ่บอกให้ครูยูคิโนะให้อยู่เฝ้าดูแลเด็กคนเดียวในเกาะสักระยะ และเมื่อเรือจากไปครูยูคิโนเริ่มสำรวจจุดที่ครูอุซุยตกลงมาคอหักตาย เธอพบมีดพกของโนบุและเธอสักเกิดว่าเชือกที่มัดบันไดลิงถูกใครบางคนใช้มีดพกนี้ตัดขาด และแล้วครูยูคิโนะเริ่มรู้สึกว่าบางทีอุบัติเหตุนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา แต่อาจเป็นแผนการฆาตกรรมของใครบางคน

     

    เมื่อถึงช่วงเวลาอาหารค่ำพวกเด็กกินข้าวเย็นไม่ลง ครูยูคิโนะเริ่มพูดน่าเศร้า ว่าครูฮุซุยบาดเจ็บสาหัส ต้องถูกส่งตัวไปพักรักษาตัวโรงพยาบาล และยังมีริกิยะอีกทำไมเกาะนี้ถึงเกิดเรื่องแบบนี้กันน่ะ

    หลังครูยูคิโนะออกจากห้องไป ยูเมะได้เล่าถึงท่าทีที่แปลกไปของครูยูคิโนะ ว่าครูกำลังพูดโกหกอยู่ เนื่องจากเธอจับได้ไว้น้ำเสียงที่แสดงโกหก จากนั้นเด็กทั้งหมดก็วางแผนการหลบหนีโดยต้องเดินทางไปอีกด้านภูเขาเพื่อไปท่าเรือร้างอีกแห่งหนึ่ง

     

    เมื่อถึงเวลานอน โคโคโระนอนไม่หลับเพราะความกังวลใจ ระหว่างนั้นเขาได้ยินเสียงเดินของซูอิจิโร่เดินอยู่บนระเบียง โคโคโระแอบดูจากช่องที่ประตู และแล้วเขาก็เห็นครูยูคิโนะถือดาบไม้ตามหลังซูอิจิโร่อยู่........

    เวลานั้นเป็นเวลาเที่ยงคืน 12 นาที

    โคโคโระตกใจและหวาดกลัวสุดขีดพยายามหาวิธีแก้ไขสถานการณ์นี้ ระหว่างเขาคิดอย่างสับสนอยู่นั้นเวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั้งเข็มนาฬิกาชี้ไป เวลาเที่ยงคืน 28 นาที


              จู่ๆ เขาก็ตกใจสุดขีดอีกครั้ง เมื่อเขาพบว่าครูยูคิโนะอยู่หน้าห้องเขา ในสภาพที่เขาแปลกใจคือเธอเปลือยกายถือดาบไม้

    “นี่ฉันอยากบอกเรื่องสำคัญกับเธอบางอย่าง ขอฉันเข้าห้องได้ไหม” ครูยูคิโนะพูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัว

    โคโคโระพยายามบ่ายเบี่ยง เพราะน้ำเสียงของครูยูคิโนะน่ากลัวเหลือเกิน กลัวว่าถ้าเธอเข้าห้องของเขา เธออาจฆ่าเขาและน้องสาวของก็ได้ ในระหว่างที่โคโคโระพูดปฏิเสธ ครูยูคิโนะก็บิดลูกประตูส่งเสียงแกร็กๆ อย่างน่ากลัว

    “โคโคโระเปิดประตูเถอะ โคโคโระเปิดประตูเถอะ โคโคโระได้โปรดเปิดประตูเถอะ”ครูยูคิโนะพูดย้ำไปมาพร้อมเสียงบิดประตูแกร็กๆ

    โคโคโระร้องไห้ เขาขอร้องครูยูคิโนะ “ขอร้องหยุดเถอะรับครู เดี๋ยวยูเมะตื่น”

    เสียงเงียบไป ดูเหมือนอาจารย์ยูคิโนะจากไปแล้ว

    “โคโคโระ เธอ....... ต้องรู้...แน่นอน?” ครูยูคิโนะพูดประโยคกำกวมแล้วเดินจากไปในสภาพเปลือยหายไปในความมืด

     

    เช้าวันต่อมาพวกโคโคโระเข้าห้องเรียน วันนี้ไม่มีการเรียนการสอน โคโคโระพูดซูอิจิโร่ว่าเราต้องหนีจากโรงเรียนแห่งนี้ให้เร็วที่สุดเพราะว่าดูเหมือนอาจารย์จะรู้เรื่องความลับของพวกเรา แต่หากครูยูคิโนะจะฆ่าพวกเราด้วยดาบไม้ละก็ เธอสามารถฆ่าพวกเราได้อย่างง่ายดายเพราะว่าเธอเป็นผู้เชี่ยวชาญเคนโด้ถึง 2 ขั้น

    จากนั้นซูอิจิโร่ก็เสนอแผนการให้พวกเด็กรอดจากเกาะแห่งนี้ แผนของซูอิจิโร่คือเราต้องหนีพวกผุ้ใหญ่ไปภูเขา ปัญหาการหนีบนเกาะแห่งนี้คืออาหาร เพราะว่าต้องใช้เวลา 2 ถึง 3 วันในการข้ามภูเขา อีกทั้งเรายังมียูเมะซึ่งตาบอดไปกับพวกเราด้วย เราจำเป็นต้องให้ตุนอาหารจากเรือขนส่งให้ได้มากที่สุดเพื่อเป็นสัมภาระในการเดินทาง เรามีเวลาทั้งหมด 14 วันเพื่อวางแผนนี้

     

    ซูอิจิโร่แจกแจงหน้าที่ของแต่ละคนทำ พวกเด็กทั้งหมดร่วมมือร่วมแรงในการตุนอาหารและรวบรวมเครื่องมือที่จำเป็น และเมื่อถึงเวลาครบ 14 วัน พวกผู้ใหญ่ทั้งหมดออกไปจากเกาะ พวกเด็กเริ่มวางแผน ซูอิจิโร่ให้พวกโคโคโระผสมยาพิษที่มีฤทธิ์ทำให้หลับลงในอาหารเย็นเพี่อให้พวกผู้ใหญ่ 3 คนกิน และเมื่อถึงเวลาค่ำพวกโคโคโระได้รวมกลุ่มเพื่อทำการหลบหนี พวกเขารอให้พวกผู้หญิงกินอาหารและยาออกฤทธิ์ทำให้สลบจะค่อยปฏิบัติการตามแผน โคโคโระและซูอิจิโร่เริ่มออกจากห้องไปที่ห้องพักครูและตัดสายโทรศัพท์ ส่วนเด็กคนอื่นให้ไปรอปากทางเข้าภูเขา

     

    แต่แผนการของซูอิจิโร่ก็ผิดพลาดจนได้ เมื่อครูยูคิโนะไม่ได้กินอาหารที่มีพิษผสมอยู่ และเมื่อเธอเห็นครูสองคนล้มพับลง เธอรีบทำการค้นหาเด็ก และตอนนั้นเธอก็วิ่งมาทางพวกโคโคโระอยู่พอดี โคโคโระและซูอิจิโร่จึงรีบหลบซ่อนในห้องน้ำ


             ด้วยความช่วยเหลือของวิญญาณ ที่ชี้จุดหลบหนีให้โคโคโระและซูอิจิโร่ออกจากห้องน้ำมาได้ จากนั้นทั้งสองก็ไปรวมกลุ่มกับพวกเด็กที่เหลือและออกเดินทางเพื่อขึ้นภูเขา

     

    ทางด้านครูยูคิโนะที่ไม่ได้กินอาหาร เธอรีบไปห้องของพวกเด็ก เพื่อดูว่าเด็กยังปลอดภัยดีหรือไม่ แต่ปรากฏว่าเมื่อเธอเข้าห้องของโคโคโระเธอก็เกือบตายเพราะโคโคโระได้วางกับดักเอาไว้ และในตอนนั้นเองเธอก็เหลือบไปเห็นแสงไฟฉายที่ภูเขา เธอก็รู้เลยว่าตอนนี้พวกเด็กเป็นตัวการคดีอาหารพิษและตอนนี้ทั้งหมดกำลับหลบหนีไปที่ภูเขาแล้ว.......

     

    ในขณะที่พวกเด็กเริ่มหลบหนีไปที่ภูเขาในระหว่างนั้นพวกเด็กได้ช่วยเหลือสุนัข(ตัวเดียวที่ฟุโตชิให้อาหารมันในตอนแรกๆ) ที่กำลังได้รับบาดเจ็บและเมื่อรักษาเสร็จพวกปล่อยทิ้งสุนัขตัวนั้นไว้ข้างทาง

     

    ทางด้านครูยูคิโนะกำลังปฐมพยาบาลครูใหญ่และครูคุวาตาเตะ ระหว่างนั้นครูทั้งสามก็ปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรกับเด็กทั้งหมดที่หนีไป ครูใหญ่ให้ความเห็นว่าเรา 3 คนต้องออกตามล่าเด็กเพื่อนำเหล่าเด็กๆ กลับมา เพราะเหล่าเด็กคือของสำคัญสำหรับพวกเขา หากพวกเขาหายไป มันจะกลายเป็นปัญหาสำหรับเรา

    ครูคุวาตาเตะเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งกับครูใหญ่ แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แต่ระหว่างที่เขากำลังใส่รองเท้านั้นเอง เขาก็โดนตะปูตำเท้าเข้า รองเท้าของคุวาตาเตะก็โดนโคโคโระวางกับดักเช่นเดียวกัน ครูคุวาตาเตะทั้งเจ็บกายและเจ็บใจแค้นเหล่าเด็กเข้าไปใหญ่

     

    การเดินทางของพวกโคโคโระเต็มไปด้วยความล่าช้า สาเหตุจากฟุโตชิอ้วนเดินช้าและเหนื่อยง่าย ระหว่างโคโคโระได้เปลี่ยนจิตใจฟุโตชิให้รู้จักแบ่งปันอาหารแก่คนอื่น จนทำให้ฟุโตชิซาบซึ้งจนร้องไห้ “นี้เป็นครั้งแรก ที่ฉันอยากขอบคุณใครสักคนหนึ่งจริงๆ”

     

    ยังไม่ทันที่ฉากซึ้งจะผ่านพ้นไป ในระหว่างนั้นทาง ทางด้านพวกผู้ใหญ่ก็เริ่มไล่ตามพวกเด็กมาติดๆ โดยเฉพาะครูคุวาตาเตะที่ตอนนี้เขาพกความแค้นเต็มกระเป๋า  เกมแมวจับหนูกำลังได้เริ่มขึ้นแล้ว!!

     

    ซูอิจิโร่ขอล่วงหน้าเพื่อไปที่หาที่ซ่อนสำหรับพวกเด็กๆ ระหว่างทางยูเมะบอกกับพวกพี่ชายว่าได้ยินเสียงใครบางคนพูด พวกโคโคโระรู้ทันทีว่าพวกผู้ใหญ่เริ่มไล่ตามพวกเขามาแล้ว จึงต้องเร่งฝีเท้าให้เดินเร็วขึ้น โคโคโระบอกให้ฮัทสุเนะไปล่วงหน้า ฮัทสุเนะแยกทางจากพวกโคโคโระ และระหว่างทางที่เธอเดินทางล่วงหน้านั้นเอง เธอก็ตกหลุม.......

     

    ทางด้านพวกโคโคโระได้เดินทางต่อ จนมาถึงที่จุดซูอิจิโร่รออยู่ แต่ปรากฏว่าพวกโคโคโระไม่พบตัวฮัทสุเนะที่เดินทางมาล่วงหน้าเพื่อสมทบกับซูอิจิโร่ก่อนหน้า โคโคโระเริ่มกังวลและคาดว่าจะเกิดเหตุร้ายกับเธอ

    พวกโคโคโระย้อนกลับไปทางเดิมที่ฮัทสุเนะผ่าน พวกเขาเห็นพบว่าฮัทสุเนะตกลงไปจนสลบอยู่ในหลุมโพลงใหญ่หลุมหนึ่ง ที่เป็นหลุมที่เชื่อมติดโรงงานร้างที่กว้างใหญ่แห่งหนึ่ง ซูอิจิโร่ตามร่องรอยจนพบทางเข้าของโรงงาน  ซูอิจิโร่บอกให้ฟุโตชิคอยดูแลยูเมะอยู่ข้างนอก ส่วนเขาจะตามหาฮัทสุเนะกับโคโคโระกันสองคน และเมื่อพวกเด็กแบ่งเป็นสองกลุ่ม ระหว่างทางที่โคโคโระและซูอิจิโร่กำลังเดินทางไปตามทางที่จะไปหาฮัทสุเนะอยู่นั้น พวกเขาก็ได้เห็นครูคุวาตาเตะกำลังลวนลามฮัทสุเนะเข้าพอดี........

     

    ซูอิจิโร่วางแผนให้โคโคโระเบี่ยงเบนความสนใจของครูคุวาตาเตะ ให้ออกห่างจากฮัทสุเนะ เพื่อจะให้เขาสามารถช่วยเธอได้สะดวก โคโคโระทำตามแผนซูอิจิโร่ เขาปาก้อนอิฐใส่หน้าครูคุวาตาเตะจนหน้าแตกเลือดอาบอย่างเจ็บแสบ  ครูคุวาตาเตะโกรธจนเลือดขึ้นหน้าและไล่ล่าฆ่าโคโคโระโดยไม่สนใจสภาพรอบข้าง  ทำให้เขาต้องแยกทางจากซูอิจิโร่กับฮัทสุเนะ โคโคโระรีบวิ่งไปสมคบกับฟุโตชิและยูเมะข้างนอก แต่ครูคุวาตาเตะไล่กวดทัน จนทำให้เหล่าเด็กต้องหนีแตกกระเจิงเข้าป่าเพื่อเอาตัวรอด

     

    และนี้คือที่มาของฉากต้นเรื่องนั้นเอง......

     

    ทางด้านซูอิจิโร่ที่ต้องแบกฮัทสุเนะตอนนี้เขากำลังอยู่ในเหมือง ระหว่างทางเขาก็พบครูใหญ่ที่ถือมีดพอดี ซูอิจิโร่วางแผนเพื่อให้ครูใหญ่ติดกับ ส่งผลครูใหญ่บาดเจ็บสาหัส ก่อนที่ซูอิจิโร่จะหนีไป ครูใหญ่ได้พูดประโยชน์หนึ่งว่า

    “นายน่าจะหยุดฟังฉันพูดก่อน แสดงว่านายพร้อมที่จะเสียแขนขาสักข้างสองข้างใช่ไหม”

     

    ซูอิจิโร่พาฮัทสุเนะหนีมายังข้างนอกโรงงาน แต่เขาก็พบฟุโตชิที่แยกกับโคโคโระก่อนหน้า เขาเอาแต่ร้องไห้และโทษตนเองว่าเขาไม่น่าทิ้งโคโคโระ เขาเอาแต่ซ่อนตัว แต่ซูอิจิโร่ได้ปลอบใจและให้กำลังใจฟูโตซิว่าโคโคโระและน้องสาวของเขาอาจยังมีชีวิตอยู่ เราควรรอที่จุดนัดพบเพื่อรอเขา

    สิ้นสุดค่ำคืนแห่งการไล่ล่า......หนึ่งคืน

     

    เช้าวันต่อมา.....โคโคโระและน้องสาวที่แยกตัวออกจากเพื่อนๆ กำลังเดินอยู่ในป่านั้นโคโคโระได้ใช้ความรู้แมลงสร้างกับดักเอาไว้และทิ้งร่องรอยตามที่วิญญาณบอกให้พวกซูอิจิโร่ตามมา จนในที่สุดพวกซูอิจิโร่สามารถตามรอยจนพบโคโคโระในอาคารร้างกลางป่าเพื่อวางแผนหลบหนีต่อไป....

     

    พวกโคโคโระเดินทางจนถึงโรงงานร้างแห่งหนึ่ง พวกซูอิจิโร่ทิ้งฟูโตซิและยูเมะไว้ข้างนอก พวกที่เหลือได้เข้าไปสำรวจโรงงานและระหว่างนั้นเองครูใหญ่ก็ได้ตามมาติดๆ....(ระหว่างนั้นครูคุวาตาเตะโดนกับดักของโคโคโระจนโดนต่อหัวเสือต่อยจนแขนข้างหนึ่งบวมอย่างเจ็บแสบ)

            

    พวกซูอิจิโร่เข้าโรงงานและรู้ว่าครูใหญ่กำลังไล่ตามพวกเขาอยู่ ซูอิจิโร่วางแผนรับมือครูใหญ่คนเดียว ส่วนโคโคโระและฮัทสุเนะให้หนีไปข้างนอกรอเขาก่อน และเมื่อครูใหญ่เข้ามาเขาก็เผชิญหน้ากับซูอิจิโร่ในขณะที่ซูอิจิโร่กำลังถือแป๊ปเหล็กเตรียมต่อสู้กับครูใหญ่อยู่นั้น จู่ๆ วิญญาณได้จับแป๊ปเหล็กของซูอิจิโร่เอาไว้แน่น เหมือนกับมันบอกว่าห้ามทำร้ายครูใหญ่ และจู่ๆ ครูใหญ่โดนอะไรสักอย่างกระแทกจนตกด้านล่างลงในถังน้ำของโรงงาน ซูอิจิโร่รู้ทันทีว่าหากเขาสู้กับครูใหญ่เขาอาจโดนกระแทกจนตกลงพร้อมครูใหญ่จนตายพร้อมกันแน่

              

                    ครูยูคิโนะตามครูใหญ่มาติดๆ แต่แล้วเธอก็พบว่าครูใหญ่ตายคาถังน้ำเรียบร้อยแล้ว

             

    จากนั้นพวกโคโคโระเริ่มพบปริศนาอย่างหนึ่ง พวกเขาพบว่าวิญญาณผู้หญิงที่คอยช่วยเหลือพวกเขานั้น มีลักษณะแตกต่างกันออกไป ดูเหมือนแต่ละคนจะมีวิญญาณผู้หญิงคอยช่วยเหลือแตกต่างกันออกไป ทำไมวิญญาณเหล่านั้นถึงช่วยเหลือพวกเขา พวกเขามีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่?? และทำไมวิญญาณผู้หญิงเหล่านี้ถึงมีจำนวนมาก พวกเธอถูกฆ่าเพื่อเอาประกันจริงหรือ??

    ซูอิจิโร่ได้ให้ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับผีไว้ว่า ผีที่พวกเราเห็นน่าจะเกิดสภาวะจิตใจอ่อนแอของพวกเราที่สร้างตัวตนของมันขึ้นมาเอง เราได้ยินว่ามีผู้หญิงเสื้อขาวอยู่บนเกาะเราก็จินตนาการต่างๆ นาๆ จนพวกเธอมีตัวตน และรูปร่างลักษณะจะแตกต่างกันออกไปตามพลังจินตนาการของแต่ละคน และจะออกมาเมื่อพวกเราเกิดสภาวะอันตราย เช่น มีภัย, หรือต้องการหาของกินจะมีหนทางที่จะต้องเลือดหลายเส้นทาง วิญญาณจะปรากฏออกมาเพื่อตัดตัวเลือกเหล่านั้น  แท้จริงแล้วสิ่งเหล่านั้นคือความตั้งใจของเราทั้งสิ้น แต่สิ่งที่แน่ๆ คือผู้หญิงในห้องที่เต็มด้วยตัวอักษรนั้นมีอยู่จริง....

     

    ระหว่างที่โคโคโระหลับพักผ่อน เขาเริ่มรู้สึกถึงปัญหาครั้งใหม่ เมื่อเขาสงสัยคำพูดของซูอิจิโร่ในเรื่องการตายของครูฮุซุยและครูใหญ่ เขาเริ่มหวาดระแวงว่าความจริงแล้ว ซูอิจิโร่น่าจะมีคนฆ่าสองคนนั้นกับมือ แต่โคโคโระได้ตัดความกังวลเหล่านี้ไป เพราะว่าพวกเขายังต้องหาหนทางออกจากเกาะแห่งนี้ให้ได้เสียก่อนก่อน

     

    เช้าวันต่อมา พวกเด็กเดินทางต่อ พวกเขาได้ไปอีกด้านหนึ่งของเกาะ ซูอิจิโร่สันนิษฐานว่าเกาะแห่งนี้น่าจะมีท่าจอดเรือมากกว่าหนึ่งแห่ง นอกเหนือจากด้านหน้าของโรงเรียนนของเกาะ และทันใดนั้นพวกเขาก็ได้พบท่าเรือร้าง อีกทั้งยังพบว่าเกาะที่พวกเขาอยู่นั้นไม่ไกลจากแผ่นดินใหญ่เลย ดังนั้นเป็นเรื่องง่ายที่จะหนีจากเกาะ หากขอให้มีเรือที่ใช้ได้สักลำ

    พวกโคโคโระทำการสำรวจโรงเรือแต่พบว่าเรือที่จะหนีออกจากเกาะถูกทำลาย ซูอิจิโร่ต้องวางแผนใหม่คือต้องขโมยเรือขนส่งที่จะมาถึงในไม่กี่วันนี้ ในขณะที่ทั้งหมดกำลังจะกลับไปจุดเดิม ซูอิจิโร่อาสาจะเป็นคนดูต้นทางและพบว่าครูยูคิโนะกำลังมั่งหน้าตรงมายังที่พวกเด็กอยู่....

     

    ซูอิจิโร่ตัดสินใจขัดขวางครูยูคิโนะไม่ให้มุ่งไปข้างหน้า

    เมื่อครูยูคิโนะเห็นซูอิจิโร่เธอทำหน้าตาน่ากลัวและพูดกับเขาว่า “ซูอิจิโร่ เธอฆ่าพวกเขาเหรอ?” ความจริงและครูยูคิโนะมีข้อสันนิษฐานเหมือนโคโคโระในเรื่องที่ครูฮูซุยและครูใหญ่ตายโดยต้นเหตุมาจากซูอิจิโร่และดีไม่ดีซูอิจจิโร่อาจเป็นฆาตกรฆ่าพวกเขาก็ได้

    ซูอิจิโร่ตอบปฏิเสธ “ผมไม่ได้ฆ่าพวกเขา ผมไม่อยากเป็นเหมือนพวกคุณหรอก...ครูยูคิโนะ....คุณอาจจะตายก็ได้นะ หากไม่ทิ้งอาวุธของคุณ”

     

    ตัดฉากไปที่พวกโคโคโระกำลังรอซูอิจิโร่ ระหว่างนั้นโคโระก็เล่าให้ฮัทสุเนะฟังถึงความเชื่อใจระหว่างเขากับ ซูอิจิโร่ ซึ่งเขาพึ่งพาจริงๆ แต่ระหว่างที่พวกเด็กพักกันอยู่นั้นพวกเขาก็พบเหตุไม่คาดฝันขึ้น เมื่อซูอิจิโร่ตกเหน้าผาสูง(พร้อมกับดาบไม้) โดยมีครูยูคิโนะที่ดูเหมือนทำท่าจะผลักเขาอยู่

     

    ซูอิจิโร่ตกหน้าผาตาย

     

    และโคโคโระได้เห็นการตายของซูอิจิโร่ เขาก็เกิดความมืดในจิตใจ และหวนกลับถึงอดีตของเขาอีกครั้ง การหลอกลวงของผู้ใหญ่ การตั้งใจของเขาในการปกป้องน้อง และในตอนนี้กลุ่มเด็กๆ คนที่พึ่งได้มีแต่เขาเท่านั้น ดังนั้นเขาจะต้องตัดสินใจอะไรสักอย่าง...

    โคโคโระตัดสินใจจะแยกกลุ่มเพื่อตัดสินกับครูยูคิโนะ เขาบอกให้ฟุโตชิดูแลพวกผู้หญิง จากนั้นเขาก็เดินทางมุ่งหน้าจุดที่ครูยูคิโนะอยู่

     

    โคโคโระพยายามหลอกล่อให้ครูยูคิโนะออกห่างจากพวกเด็ก ระหว่างนั้นยูคิโนะไล่ตามโคโคโระเพื่อหยุดฟังเธอพูดก่อน แต่โคโคโระไม่ฟังและเขาก็วิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เขาหลอกล่อให้ครูยูคิโนะเข้าไปโรงงานร้างพร้อมกับเขา และพบว่าจุดที่เขาเข้าไปนั้นเป็นจุดเดียวกับครูใหญ่ตายพอดี


              และแล้วครูยูคิโนะก็ไล่ตามโคโคโระทันจนได้

                    “ครูยูคิโนะ คุณทำอะไรกับซู..!?

    “ฉันพบเขาตกเหวไปเอง...? มันเป็นอุบัติเหตุ แต่ซูยังไม่ตายนะ ฉันจำเป็นต้องใช้เรือเพื่อช่วยชู กลับไปโรงเรียนเถอะโคโคโระ”

    “อุบัติเหตุเหรอ พูดบ้าๆ น่า พวกผู้ใหญ่ชอบพูดแบบเสนอแหละ” โคโคโระไม่เชื่อสิ่งที่ยูคิโนะพูด


             “ใครจะไปกลับกับคุณ
    ?!” โคโคโระวิ่งหนีครูยูคิโนะ ครูยูคิโนะรีบวิ่งตามโคโคโระจนจับเขาไว้ได้ แต่เนื่องจากระเบียงที่ทั้งสองยืนอยู่มันเก่าและผุทำให้พวกเขาตกลงในถังน้ำเบื้องล่าง......

     

    จบตอนที่ 20 และเป็นเนื้อหาหลักภาษาอังกฤษซึ่งเขาจบในตอนนี้โดยไม่มีตอนต่อแต่อย่างใด ซึ่ง ส่วน 21-27 นั้นเป็นภาคเฉลยเสียด้วย ทำให้ผมเกิดอารมณ์ค้างอย่างมาก กำลังลุ้นอย่างเมามัน ทำให้ผมต้องหาส่วน 21-27 อย่างบ้าคลั่งในเว็บกูเกิ้ล ในที่สุดก็เจอส่วนที่ว่าจนได้

     แต่มันเป็นภาษาญี่ปุ่น!!

    ตอนที่ผมเขียนถึงการ์ตูนเรื่องนี้ผมดูซับอังกฤษและญี่ปุ่นครับ เนื่องด้วยอ่านสองภาษา ทำให้ผมไม่รู้เนื้อหารายละเอียดส่วนเฉลยเท่าไหร่(หรือไม่รู้อะไรเลย) ดังนั้นสิ่งที่ผมเขียนต่อไปนี้มาจากการวิเคราะห์(เดา)ดูภาพก็พอเข้าใจเนื้อหาหลักๆ ของมันได้ และขอบอกว่าฉากจบของมันช่างน่าตกตะลึงเสียจริง!!

     

    เนื้อหาต่อไปนี้เป็นการสรุปเองของผู้เขียนบทความ ผิดพลาดตรงไหนขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

    ภาษาญี่ปุ่น http://mangahelpers.com/m/hoozuki-no-shima/chapters/

     

    หลังจากที่โคโคโระและครูยูคิโนะตกลงถังน้ำ ทั้งคู่ไม่สามารถปีนขึ้นไปได้ นอกจากนี้ฝาถังยังปิดทับลง อีกทั้งน้ำก็เริ่มไหลสูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ทั้งสองต่างดูเชิงจะฆ่าจะแกงนั้น ครูยูคิโนะได้เสนอว่า ให้โคโคโระเกาะหลังครูเพื่อปีนออกจากถังน้ำ และช่วยดึงครูออกมา หากไม่ทำแบบนั้นเราทั้งคู่มีหวังจมน้ำตายแน่


              แต่โคโคโระไม่เชื่อใจผู้ใหญ่ หากเขาช่วยครูยูคิโนะ มีหวังเธอจะฆ่าเขาเหมือนซูอิจิโร่แน่ๆ

    “ผมเห็นคุณค่าซูอิจิโร่ คุณผลักเขาตกจากหน้าผา!?”โคโคโระ

    ครูยูคิโนะตอบโคโคโระว่านั้นเป็นอุบัติเหตุ ในเวลานั้นซูอิจิโร่เขาตั้งใจจะแย่งดาบไม้ เมื่อเขาแย่งมาได้ เขากลับพลาดตกหน้าผาไปเอง ส่วนตัวครูพยายามช่วยเขา แต่ช่วยไว้ไม่ทัน เขาเลยจกลงไป

    โคโคโระเริ่มเกิดความคิดเชื่อหรือไม่เชื่อสิ่งที่ครูยูคิโนะเล่า ต่อไปนี้เราจะได้เห็นเฉลยบางส่วน


              แล้วตอนที่คุณเปลือยกายถือดาบไม้พยายามฆ่าซูอิจิโร่ล่ะ
    ? อะไรกันแน่  เรื่องนี้ครูบอกว่า หลังจากตายของครูอุซุยเธอคิดมาตลอดว่าใครเป็นฆาตกร เพราะมีเชื่อกที่มัดผูกบันไดลิงถูกตัดออก จนกระทั้ง ครูกำลังอาบน้ำและได้เห็นเงาคนหนึ่ง และเมื่อเธอโผล่ไปก็พบซูอิจิโร่ และครูก็เชื่อว่าคนที่ฆาตกรรมครูอุซุยคือซูอิจิโร่ และเธอก็รู้ว่าซูอิจิโร่นั้นแอบจัดตาดูครูมาโดยตลอด (สังเกตว่าฉากที่ครูคุวาตาเตะจะข่มขืนครูยูคิโนะ ซูอิจิโร่ก็แอบดูอยู่ด้วย) จากนั้นฉากก็เผยว่า ความจริงแล้วสาเหตุที่ฉากครูเปลือยถือดาบไม้พยายามเข้าห้องโคโคโระก็เพราะโคโคโระเป็นคนขโมยชุดครูยูคิโนะหลังจากอาบน้ำนั้นเอง เพราะเขารู้ว่าครูแอบสะกดรอยซูอิจิโร่อยู่ จนเป็นเหตุทำให้ครูไม่มีเสื้อผ้าใส่ ต้องบุกมาหาโคโคโระที่ห้องเพื่อถามถึงเสื้อ ไม่ได้มาฆ่าโคโระแต่อย่างใด โคโคโระ เธอ....... ต้องรู้...แน่นอน?” ครูยูคิโนะพูดประโยคนี้เพราะเธอรู้ว่าโคโคโระขโมยเสื้อครู

    ซูอิจิโร่นั้นแหละที่คิดจะฆ่าผู้ใหญ่ อย่าลืมสิว่าเขามีประวัติถูกผู้ใหญ่หักหลังน่ะโคโคโระ เขาแหละเป็นคนฆ่าครูอุซุยและครูใหญ่น่ะ

    โคโคโระหวนคิดถึงความหลัง ในตอนที่ซูอิจิโร่พูดคุยก่อนที่เขาจะตกหน้าผานั้น เขารับสารภาพเว่าเป็นคนตัดเชือกบันไดลิงเพื่อทำการฆาตกรรมครูอุซุย

     

    โคโคโระทำตามที่ครูยูคิโนะสั่ง เขาปีนหลังคือและออกจากถังน้ำมาได้ เขาเอาเศษไม้มาดามฝาถัง

    ครูยูคิโนะบอกให้โคโคโระหาอะไรมาช่วยให้เธอออกจากถังน้ำ และแล้วเราก็ได้เห็นโคโคโระด้านมืด เขาเริ่มเอาไม้กระทั้งไม้ที่ดามฝาถัง จากนั้นโคโคโระก็บอกว่าเขาไม่เชื่อใจผู้ใหญ่ เพราะว่ามีปริศนาที่เขายังไม่ได้คำตอบ การตายของริกิยะ, การตายของโนบุ, การฆ่าพวกเขาเพื่อเอาเงินประกัน สิ่งเหล่านี้เขายังไม่ได้คำตอบจากครูยูคิโนะ

     

    ฉากโคโคโระด้านมืดเอาเท้ากระทุ้งไม้เพื่อให้ปาถังปิดทับ โดยสีหน้าครูยูคิโนะทำหน้าสิ้นหวังนี้ ช่างบีบหัวใจผมเหลือเกิน

                    เดี๋ยว โคโคโระพูดอะไร ประกันอะไร  ครูไม่รู้เรื่อง แล้วเรื่องโนบุและริกิยะนั้น....ครูยูคิโนะกำลังพูดประโยคสำคัญ

                    หุบปากโคโคโระออกคำสั่ง จากนั้นโคโคโระก็ร่ายยาว ว่าเกาะนี้ถูกสร้างมาเพื่อฆ่าเขา ไม่ว่าสถานที่ที่น่าสงสัย เขตห้ามเข้าที่ปกปิดอย่างหนาแน่น พวกผู้ใหญ่ที่ปกปิดอะไรบางอย่าง และสำคัญสถานที่ที่ครูห้ามเขาไม่ให้เข้าไปที่เป็นบันไดขึ้นสู่ห้องผู้หญิงที่เต็มไปด้วยตัวอักษรสิ้นหวัง สิ่งเหล่านี้ครูตอบผมได้ไหม!! โคโคโระตะโกนลั่น

                    โคโคโระฟังครูก่อนสิ!!”

                    หุบปากๆๆๆ หุบปากๆๆ โคโคโระตะโกนลั่น เพราะตอนนี้เขารู้ดีว่าตอนนี้ยังมีคนที่ต้องการเอาชีวิตพวกเขาอยู่คือครูคุวาตาเตะ พวกผู้ใหญ่เชื่อใจไม่ได้ พวกผู้ใหญ่สมควรตาย!!

    และแล้วโคโคโระก็กระทุ้งจนไม้ดันฝาถังปิดลง ทิ้งครูยูคิโนะจมน้ำให้ตายอย่างช้าๆ


              คุณโกหก ซูอิจิโร่เป็นคนบอกผมเอง ว่าครูใหญ่ไม่ได้ตายเพราะเขา ความจริงแล้วครูใหญ่สะดุดสุนัขต่างหาก (ตัวเดียวกันที่โคโคโระทำแผล สังเกตว่าบริเวณที่ครูใหญ่ตายมีซากนก ซึ่งเป็นซากที่สุนัขตัวนี้กิน)

    โคโคโระวิ่งไปสมทบพวกเด็กที่เหลือ โดยความคิดที่สับสน แบบนี้มันถูกแล้วเหรอ?? และสิ่งที่ครูยูคิโนะกำลังจะพูดบอกเขามันเรื่องอะไรกันแน่? มันสำคัญที่ทำให้เปลี่ยนใจเขาได้เหรอ??

     

    โคโคโระกลับไปหาพวกเด็กที่เหลือที่ซากปรักหักพังแห่งหนึ่ง และแล้วเขาก็พบฟุโตชิอาบเลือด เนื่องจากช่วงที่โคโคโระไม่อยู่นั้นครูคุวาตาเตะตามพวกเด็กที่เหลือได้ทัน(ในสภาพทุลักทุเล) พอดีพบฟุโตชิที่แยกกลุ่มผู้หญิงเพื่อหาอาหาร เขาเลยจับตัวฟุโตชิเพื่อเค้นให้เขาบอกที่อยู่พวกเด็กที่เหลือ ก่อนที่จะทำร้ายเขาจนสลบ

    โคโคโระตรวจสภาพฟูโตชิปรากฏว่าเขาไม่ตาย เขายังปลอดภัยอยู่ เขาแค่ถูกทำร้ายจนบาดเจ็บเท่านั้น เป้าหมายของครูฟุคุวาตาเตะคือเด็กผู้หญิงและก็เขาเท่านั้น และตอนนี้ครูคุวาตาเตะกำลังมุ่งหน้าที่ซ่อนของพวกเด็กผู้หญิงแล้ว

     ทางด้านครูคุวาตาเตะไล่ตามพวกเด็กผู้หญิงเข้าไปในป่า และเขาหยุดลงที่หน้าผา(คงเป็นที่เดิมที่ซูอิจิโร่ตกลงไป) เด็กผู้หญิงซ่อนตัวอยู่พุ่งไม้ใกล้ตัวเขาแค่ปลายจมูก

     

    ส่วนโคโคโระตามหาเด็กผู้หญิงมาติดๆ และครูคุวาตาเตะก็รู้ว่าโคโคโระกำลังมุ่งหน้ามาที่นี้ เขาซ่อนตัวเพื่อดักฆ่าเขาแอบไปข้างหลังของโคโคโระอย่างช้าๆ เพื่อไม่ให้เขารู้สึกตัว

     

    ฮัทสุเนะเห็นโคโคโระว่ากำลังมีอันตราย เธอพยายามจะส่งเสียงเพื่อบอกให้เขารู้ตัว แต่เธอส่งเสียงออกมาไม่ได้ และแล้วเธอก็ได้เห็นอะไรบางอย่างก่อนที่จะตะโกนออกมาครั้งแรก

    “โคโคโระข้างหลังอันตราย!!

     โคโคโระหลับมีดของครูคุวาตาเตะพ้น และแล้วโคโคโระเผชิญหน้ากับครูคุวาตาเตะที่เดือดแค้น เขาร่ายยาวผลงานเด็กเปรตที่ทำให้เขาเป็นอย่างงี้ ทั้งเอาอิฐปาหน้า โดนต่อต่อย ที่สำคัญแกใช่ไหมที่ขัดขวางฉันตอนกำลังจะลวนลามฮัทสุเนะน่ะ

    จากนั้นโคโคโระก็รู้ความจริงจากปากครูคุวาตาเตะ

    จากนั้นครูคุวาตาเตะก็บอกความจริงกับโคโคโระอีกว่า “ฉันจะบอกอะไรดีๆ ให้ คนที่ฆ่าอุซุยน่ะ ไม่ใช้ซูอิจิโร่ ฉันนี้แหละเป็นคนฆ่าเขา พอดีวันที่ครูอุซุยตาย ฉันเห็นซูอิจิโร่กำลังตัดเชือกบันไดลิงอยู่ ฉันเห็นว่ามันเป็นตำแหน่งไม่ให้คนตายได้เลยน่ะ ฉันเลยช่วยผสมโรงให้มันเป็นงานง่ายขึ้นหน่อยแค่นี้เองแหละ”

     

    “แล้วนายฆ่าครูอุซุยทำไม เขาไม่ใช้พวกเดียวกับนายเรอะ” ครูคุวาตาเตะเฉลยว่า เขาไม่ใช่พวกเดียวกับครูอุซุย ความจริงแล้วครูอุซุยนั้นเป็นครูที่ดีคนหนึ่ง ก่อนวันที่เขาจะตายนั้น เขาได้เห็นเขาลวนลามครูยูคิโนะ และครูอุซุยได้บังคับให้เขาลาออก เรื่องอะไรล่ะขื่นลาออกหน้าที่กลางงานตรูก็จบสิ มันต้องฆ่าปิดปาก

    เมื่อครูคุวาตาเตะพูดจับ เขาก็ถือมีดพร้าเตรียมฆ่าโคโคโระ โคโคโระตั้งใจถ่วงเวลาเพื่อหาจังหวะ เขาจึงตะโกนถามไปว่า “แกต้องการฆ่าพวกเราเพื่อเอาเงินประกันเหรอ?

    “นี่แกพูดเรื่องอะไรว่ะ?” ครูคุวาตาเตะสงสัย

     

    ระหว่างที่ครูคุวาตาดตะกำลังพุ่งเข้ามาทำร้ายโคโคโระ จากนั้นเราก็เห็นฉากที่เหมือนกรณีครูใหญ่อีกครั้ง เมื่อหมาตัวเดิมพุ่งชนกระแทกเขาตกหน้าผา แต่ไม่ได้ตกไปทันที เพราะหลังเขาไปกระแกโดนท่องไม้ที่ยื่นจากหน้าผา และศีรษะกระแทกกับท่อนไม้อีกที หมดสิทธิคืนสภาพ


             โคโคโระปลอดภัย เขายินดีกับฮัทสุเนะที่สามารถกลับมาพูดอีกครั้ง ระหว่างที่เขาดีใจนั้นเองโคโคโระเริ่มมาคิดเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น

            

                    โคโคโระกลับไปช่วยครูยูคิโนะขึ้นจากถังน้ำ สุดท้ายโคโคโระก็ทำไม่ลง เพราะหากเขาฆ่าคนเขาก็ไม่แตกต่างจากผู้ใหญ่ที่จิตใจสกปรก

                   

                    โคโคโระกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อน และเขาก็ล้มลงนอนหมดแรง ในตอนเช้าพวกเด็กใช้รถรางเพื่อกลับไปโรงเรียนที่พวกเขาอยู่อีกครั้ง เมื่อมาถึงโรงเรียน ระหว่างโคโคโระเข้าห้องครูใหญ่ ฮัทสุเนะได้เห็นรูปผู้หญิงคนหนึ่งใส่ชุดสีขาวถ่ายรูปรวมกับพวกเด็กและครูใหญ่ดูเหมือนเธอทำสีหน้าตกใจเป็นอันมาก

     

    โคโคโระเห็นเรือขนส่งเสบียงมาพอดี และเขากำลังจะแอบขโมยเรือสเบียงเพื่อหลบหนี แต่แล้วเขาก็หยุดชะงักลง เมื่อเขาเห็นครูคุวาตาเตะที่กำลังมีชีวิตอยู่หมายฆ่าโคโคโระ

    “เม่งแกตายซะ”(มันรอดมาได้ไงว่ะเนี้ย)

     

    มีดพร้าครูคุวาตาเตะของเริ่มฟาดที่คอของโคโคโระ แต่แล้วก็มีสิ่งหนึ่งปัดมีดพร้าไว้ โคโคโระรอดตายอย่างหงุดหงิด และแล้วก็ครูคุวาตาเตะก็โดนฟาดด้วยดาบไม้ ครูคุวาตาเตะหมดสิทธิคืนสภาพ(แบบสมบูรณ์แบบ)


              “ฉันไม่ให้นายแตะต้องตัวนักเรียนของฉันหรอก ครูคุวาตาเตะ”  ที่แท้ครูยูคิโนะได้กลับมาโรงเรียนและช่วยโคโคโระได้ทันเวลา

     

    แต่นั้นไม่ใช่สิ่งที่โคโคโระตกตะลึง หากแต่เป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเขา ริกิยะและโนบุ เด็กที่พวกเขาคิดว่าตายแล้ว กลับมีชีวิตอยู่ ไม่ได้ถูกพวกผู้ใหญ่ฆ่าแต่อย่างใด....นี้หรือสิ่งที่ครูยูคิโนะกำลังจะบอกเขา ริกิยะและโนบุยังไม่ตายนี้เอง

     

    และฉากสุดท้ายพวกเด็กโคโคโระได้รวมกลุ่มกัน เขาออกตามหาซูอิจิโร่ที่ตกหน้าผา และพบว่าเขายังมีชีวิตอยู่

    ความจริงเป็นอย่างไรกันแน่??

     

    บทเฉลย

     

    หลายปีต่อมา พวกโคโคโระทุกคนเติบโตเป็นเด็กมัธยมปลาย ต่างคนต่างแยกย้ายกันอยู่ สร้างสังคมของตนขึ้นมา พวกเขาได้กลับมารวมตัวเพื่อมาเกาะแห่งนี้อีกครั้ง ซึ่งตอนนี้เกาะแห่งนี้ถูกปล่อยให้ร้าง จนไม่มีใครอยู่อาศัย  แต่สำหรับพวกโคโคโระแล้วที่นี้อัดแน่นด้วยทรงจำในวัยเด็ก

    จากนั้นเราก็ได้รู้การเฉลยปริศนาที่เหลือในเรื่องทั้งหมด ในระหว่างพวกเด็กสำรวจเกาะเพื่อรำรึกความหลัง

    ความจริงแล้วเรื่องผู้ใหญ่บนเกาะรวมหัวกันฆ่าเด็กเพื่อเอาเงินประกันไม่เป็นความจริง เป็นความเข้าใจผิดของพวกเด็กไปเอง

     

    สิ่งที่โคโคโระเห็นทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งหมด เริ่มจาก มีดพกที่เต็มไปด้วยเลือดบนโต๊ะโนบุนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องร้ายแรงอะไรเลย โนบุแค่กระอักเลือดบนมีดพกเพราะเขาป่วยเป็นโรคร้ายแรงเท่านั้น แต่กระนั้นเขาไม่อยากให้อาจารย์และคนอื่นๆ รู้เรื่องเลยแอบกระอักเลือดที่ลิ้นชัก

    เรื่องของโนบุรักษาอาการป่วยในโรงพยาบาลเป็นเรื่องจริง ทำให้เขาออกจากเกาะก่อนที่โคโคโระมา เวลานั้นพวกเด็กเข้าใจผิดเป็นที่เรียบร้อย โดยฟุโตชิ ซึ่งเขาเห็นครูคุวาตาเตะเหมือนกำลังฆ่าโนบุอยู่ ความจริงแล้วครูคุวาตาเตะเพียงแค่พยุงตัวเขาที่กระอักเลือดจนหมดสติไปเท่านั้นเอง

     

                    มีดพกที่ตกในเรือนกระต่าย มาจากโต๊ะเก่าของโนบุที่ครูอุซุยยกไปเปลี่ยนและทำตกไว้ เพราะมันเก่ามากแล้ว(หรือไม่ก็คราบเลือด)  ไม่ใช้ผีโนบุแก้แค้นแต่อย่างใด ส่วนที่เต็มไปด้วยตัวอักษรที่พวกเด็กเห็นนั้นเป็นฝีมือของซูที่เขียนระบายถึงอุบัติเหตุที่แม่หลอกลวงเขาต่างหาก

                   

                    ส่วนกรณีของริกิยะสาเหตุที่เขาตกเนินเขาเป็นเพราะเขาตกใจสุนัข(สรุปคือเรื่องนี้สุนัขเป็นเหตุ?) ที่จู่ๆ พุ่งเขามาหาเขาจนได้รับอุบัติเหตุ แต่เวลานั้นเขายังไม่ได้ตาย พวกผู้ใหญ่จึงรีบส่งตัวเขาไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเกาะใหญ่เท่านั้นเอง(และบาดแผลที่ขาสุนัขนั้นเกิดจากมีดของครูฮุซุยฟัน ทำให้มีดเปื้อนเลือด)

              ส่วนสาเหตุที่พวกโคโคโระรู้ว่าซูอิจิโร่ยังไม่ตายเพราะยูเมะที่หูดีกว่าใครได้ยินเสียงเขาดังจากพื้นล่างของหน้าผา

             

    และปริศนาสุดท้ายคือความจริงเกาะแห่งนี้ไม่ใช้เกาะฆ่าเด็กเอาตัวประกัน เรื่องผู้ใหญ่เลวไม่มีอยู่จริง เกาะแห่งนี้เป็นเกาะธรรมดาและโรงเรียนธรรมดาเท่านั้น ส่วนเธอสาวปริศนานั้นก็คือเด็กนักเรียนอีกคนในโรงเรียนที่มีเงินประกันเช่นกัน แต่เธอได้รับประสบอุบัติเหตุจากหน้าผาถล่มที่เหมือง ครูใหญ่พยายามรักษาเธอ เธอทนพิษบาดแผลไม่ไหวเลยบอกให้ครูใหญ่นำเงินประกันมาช่วยพยุงสภาพโรงเรียนแห่งนี้เอาไว้ และไม่ใช้เด็กเท่านั้นที่มีประกันพวกครูก็มีเช่นกัน สาเหตุที่ครูยูคิโนไม่รู้เรื่องนี้เพราะเธอพึ่งเข้ามาทำงานประจำเกาะไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง

     

    แม้เกาะ จะเป็นเกาะที่ครั้งหนึ่งจะเป็นสถานที่น่ากลัวและเอาชีวิตไปทิ้งสำหรับพวกเด็ก แต่กระนั้นก็ขอบคุณเกาะแห่งนี้ที่ได้ให้ประสบการณ์ล้ำค่าที่ไม่มีอยู่ในห้องเรียนแก่แก่พวกเขา ประสบการณ์, ความสามัคคี, ความเสียสละ ความกล้า และที่สำคัญที่สุดอย่าตัดสินสิ่งที่เราได้พบเห็นโดยไม่มีการพิสูจน์ สิ่งเหล่านี้ได้หลอมรวมพวกเขาจนเป็นคนดีของสังคมโดยสมบูรณ์

     

    ในฉากสุดท้าย เหล่าเด็กทุกคนที่เติบโตเป็นเด็กมัธยมปลายได้ออกจากเกาะ ณ วินาที นั้น  ฮัทสุเนะรู้ความจริงบางอย่างความจริงแล้วเกาะนี้มีวิญญาณอยู่จริง และวิญญาณที่เธอเห็นคือเด็กที่ตายเพราะอุบัติเหตุนั้นเองและเธอยังช่วยฮัทสุเนะบอกให้โคโระระวังตัวข้างหลังตอนครูแว่นจะเดินมาฆ่า  และจนบัดนี้เธอไม่ได้ไปเกิด หรือไม่ได้ไปไหน เธอยังคงอยู่ที่นี้ เสมือนหนึ่งเกาะเป็นบ้านของเธอ และยังคงอยู่ช่วยเหล่าเด็กๆ ที่กำลังสิ้นหวังและต้องการเอาชีวิตรอดอยู่เสมอ

                   

    ยูเมะโบกมือลาขณะเรือขับออกห่างจากเกาะไป....ห่างไป และห่างไป

    จบบริบูรณ์............

    เหนื่อยครับ เหนื่อย ตอนนี้เขียนยากเป็นบ้า  การเล่าเรื่องย่อการ์ตูนนี้ยากจริงๆ นะครับ โดยเฉพาะช่วงหลังเป็นภาษาญี่ปุ่น ผมก็เดาจากภาพแหละครับ ตัดรายละเอียด และส่วนสำคัญไปบ้าง หากผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย คงต้องหวังว่าจะมีแปลไทยออกมา เพื่อที่จะได้กลับไปแก้ไขเสียใหม่ให้มันถูกต้องยิ่งขึ้น

    ผมอ่านเม้นไปหัวเราะไป ตอนแรกผมก็มีความรู้สึกเหมือนคนอื่นๆ แหละครับ ว่าเรื่องนี้จิตจริงๆ แหมเด็กก็น่ารักกำลังถูกฆ่านี้น่า เป็นใครก็อยากเอาใจช่วย แต่แล้วเรื่องจบผมโครตอึ้งเลย เด็กมันอยู่กับครบเลยอ่ะ โหยไม่ตายสักคน คนที่ซวยในเรื่องกับกลายเป็นผู้ใหญ่แทน เออ....นี้กลายเป็นว่าคนที่โรคจิตในเรื่องกับกลายเป็นพวกเด็กสิ ที่พวกเขาไม่เชื่อใจผู้ใหญ่ และทำร้ายผู้ใหญ่ จนเกือบเหตุโศกนาฏกรรมในหลายเหตุการณ์ในเรื่อง เช่นฉากซูอิจิโร่ทำร้ายครูใหญ่  เมื่อโคโคโระตัดสินใจจะทำอย่างไรกับครูยูคิโนะในขณะที่เธอกำลังจะจมน้ำตายอย่างช้าๆ(โคโคโระน่ากลัวเป็นบ้า) ฉากนี้เรียกได้ว่าเร้าใจสำหรับคนอ่านเป็นอย่างมาก ที่ลุ้นว่าสุดท้ายโคโคโระจะตัดสินใจอย่างไร

    จะโทษเด็กก็ไม่ได้เพราะ เด็กทุกคนมีปัญหาชีวิตไม่ได้เยียวยาจิตใจ ถูกสังคมรังเกลียด, หลอกลวง โดยเฉพาะโดยผู้ใหญ่ และถูกส่งมาเรียนยังเกาะโดยไม่รักษาจิตใจ บรรยากาศโลกที่ปิดตาย และเหตุการณ์ข้อมูลต่างๆ นาๆ ที่คลุมเครือได้นำพาให้พวกโคโคโระ(และคนอ่าน)เข้าใจผิดไปเอง แบบว่าเห็นร่างเด็กเปื้อนด้วยเลือด เอ้ย...มันตายชัวร์ นั้นพวกผู้ใหญ่ถือมีดด้วยนี้ จะมาฆ่าเด็กเรอะ เห็นห้องเต็มด้วยตัวอักษร ข้อความไม่อยากตาย ก็นึกว่าพวกมันจับเด็กมาขังไว้และฆ่าอย่างทุกข์ทรมาน จากนั้นพวกเด็กก็คาดเดาต่างๆ นาๆ จนเลยเถิดอย่างที่เห็น

    ข้อมูลคลุมเครือสับสนในมาซึ่งความเข้าใจผิด คือสิ่งหลอกลวงที่ทำให้คนรับข้อมูลไม่สามารถเข้าใจตรงประเด็นได้  ไม่ชัดเจน หรือทำให้เข้าใจผิด และอาจทำให้เข้าใจผิดไปเป็นอย่างอื่น ในเรื่องโคโคโระได้ข่าวสารเท็จอยู่ตลอดเวลา ไม่มีเวลาที่จะวิเคราะห์หาแหล่งที่มาของข้อมูลแสดงความเห็นที่เชื่อถือได้ชัดเจน จนก่อให้เกิดข้อกังขาต่อถ้อยคำนั้น ทำให้เกิดความเอนเอียงไม่เป็นกลาง(ที่โคโคโระเชื่อใช้เด็กวัยเดียวกันมากกว่าผู้ใหญ่ การไม่ได้รับข้อมูล ถ้อยคำคลุมเครือไม่ได้เป็นข้อมูลที่เป็นกลางจริง ๆ แค่เป็นข่าวลือ คำครหา จนทำให้เขาปฏิเสธข่าวที่เป็นจริง(จริงคือเท็จ เท็จคือจริง)

    การ์ตูนเรื่องเกาะแห่งโทงเทงเป็นการ์ตูนที่ได้ข้อคิดอะไรหลายๆ อย่างมากกว่าการ์ตูนแนวต้องรอดบนเกาะร้าง เราได้เห็นปัญหาของเด็กที่ถูกพวกผู้ใหญ่หักหลัง จนเกิดความคลางแคลงใจในการสงสัยตัวผู้ใหญ่ แม้ผู้ใหญ่เหล่านั้นจะมีความหวังดีแค่ไหนก็ตาม นอกจากนี้ยังเน้นกับสภาพจิตใจเด็ก ที่พวกเขาเป็นเพียงแค่เด็กที่การรับรู้เรื่องโลกภายนอกน้อยกว่าวัยรุ่น ความอ่อนแอของพวกเขาได้กลายเป็นความชั่วร้ายภายในจิตใจของเด็ก อย่างไรก็ตามการ์ตูนไม่ได้ทำร้ายจิตใจของผู้ดู (เหมือนเรื่องก่อนหน้าของคนเขียน) เพราะสุดท้ายแล้วเด็กทั้งหมดก็กลับมาสู่ด้านสว่างก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป

    ดูการ์ตูนเรื่องนี้จบแล้วนึกถึง สถานการณ์ประเทศไทยตอนนี้ครับ ที่ประชาชนชาวไทยได้รับข่าวสารเท็จ จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง อย่างมีคนตายจากการสลายชุมนุม หลายฝ่ายก็เชื่อไปต่างๆ นาๆ บ้างก็ว่าเป็นฝีมือของพวกก่อการร้าย, รัฐบาล, พวกเดียวกัน, มือที่สาม จากนั้นเรื่องก็ลุลามเป็นเรื่องใหญ่ ใช้อารมณ์เป็นที่ตั้ง ขาดการวิเคราะห์ข้อมูล บางทีผู้ใหญ่ก็มีความคิดอ่านเหมือนเด็กเหมือนกัน


               ด้วยเนื้อหาหักมุม ที่เนื้อหาออกมาได้ถูกอกถูกใจคนอ่านเป็นอย่างมาก ทำให้มีการตอบรับเป็นอย่างดี จนคนเขียนกลับมาเล่นแนวสยองขวัญโหตามล่าอีกครั้ง ในชื่อ
    Mouryou no Yurikago ซึ่งภาคนี้น้องสาวของโคะโคะโระเป็นเด็กมัธยมปลายที่พบเหตุการณ์โหดที่เกิดขึ้นในเรือสำราญในตอนไปทัศนศึกษาลำหนึ่งที่ประสบอุบัติเหตุกลางทะเล และที่นั้นเธอได้พบสิ่งมีชีวิตลึกลับที่ไม่ใช้คน ที่รูปร่างคล้ายซอมบี้ ที่พวกมันก็บุกทำร้ายพวกเขา เรื่องราวการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดของน้องสาวโคะโคะโระและพ้องเพื่อนจึงได้เริ่มต้นขึ้น ผลจะเป็นอย่างไร และมันจะหักมุกชนิดต้องปาหนังสือหรือไม่ นั้นก็ลุ้นๆ กันต่อไป

     + +
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×