คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #506 : รีวิวอนิเมะซีซั่น Fall 2018 ก็ฉันดูแบบผ่านๆ
https://wiki.anime-os.com/chart/fall-2018/
อนิเมะซีซั่น Fall 2018 เอาตรงๆ ผมมองไปซีซั่นหน้าของหน้ามากกว่า คืออยากดู Dororo และ Ueno-san มากกว่า ส่วนอนิเมะซีซั่น Fall 2018 แค่ทางผ่าน
คิอซีซั่นที่แล้วมีอนิเมะที่ผมอยากดูเยอะ แม้โอเวอร์ลอร์ดจะห่วยแต่ก็ทำให้ผมติดตามจนถึงตอนจบ (แม้ว่าจะกดข้ามพวกตัวประกอบทั้งหลายแหล่ออกก็ตาม) ส่วนจอมมารเดียโบลก็ทำให้แนวฮาเร็มกับแนวต่างโลกกลับมาอีกครั้ง ส่วนเม็ดเลือดขาวพันธุ์เดือดก็กลายเป็นอนิเมะที่สมควรมีไว้ในโรงพยาบาลและได้รับเสียงชื่นชอบจากนายแพทย์ที่ดูอนิเมะเรื่องนี้เรียบร้อย
ชมซีซั่นที่แล้ว หันมาดูซีซั่นนี้ ...
เอาตรงๆ
นะซีซั่นนี้ แค่ดูชื่อเรื่อง ผมก็ไม่อยากดูแล้วละ ....
ปกติผมไม่ได้อนิเมะตามกระแสสักเท่าไหร่ พวกดังๆ ข้ามไปเลย
แล้วผมก็ข้ามก็อปลินสเลเยอร์ไปให้พ้นๆ หูพ้นๆ ตาๆ
หวังว่าจะไม่เกิดกรณีมีตัวอวยอีกละ ส่วนแนวต่างโลก Tensei Shitara Slime
Datta Ken (เกิดใหม่เป็นสไลม์เทพ) ก็คงจะดู แต่เอาจริงๆ
อยากดูฉากปรากฏจอมมารโลลิเท่านั้นแหละ แค่นี้ก็คุ้มแล้วมั้ง
และอีกเรื่องที่อยากดูจริงๆ ก็คือ Golden Kamuy 2nd Season แต่ทำใจเรื่องซับไทย (เพราะไม่รู้จะมาหรือเปล่า)
ปกติ เวลาขึ้นซีซั่นใหม่ ผมจะมองหาออริจอนอลก่อน ซีซั่นนี้ ) SSSS.Gridman มั้ง แบบว่าให้อารมณ์อุลตร้าแมนอิบหาย ดูก่อนถ้าเนื้อเดรื่งอสดใสก็จะดูนะ (พึ่งเห็นคำว่า Gridman คุ้นๆ อยู่)
สรุป อนิเมะที่จะลองดูมีดังต่อไปนี้ (สีแดงคือเรื่องที่ผมจะดู)
Double Decker! Doug & Kirill
Akanesasu Shoujo
Tensei Shitara Slime Datta Ken- อนิเมะที่ผมอ่านนิยายแล้ว มีทั้งชอบไม่ชอบ ซึ่งมีถึง 24 ตอนจุใจ
Souten no Ken: Regenesis 2nd Season
Uchuu Senkan Tiramisu II (Zwei)
Jingai-san no Yome
Kaze ga Tsuyoku Fuiteiru-เรื่องราวมิตรภาพระหว่าง 2 หนุ่มนักกีฬาในชมรมวิ่งมาราธอนระยะไกลของมหาวิทยาลัย
Hora, Mimi ga Mieteru yo!-เรื่องราวของหนุ่ม ที่อาศัยในห้องกับแมวตัวผู้ของเขา
Sora to Umi no Aida-เรื่องราวของสาวหกคนที่ตั้งใจจะเป็นนักตกปลาอวกาศ
RErideD: Kokukoe no Derrida-เพื่อตามหาแฟนสาวที่หายไป เขาตัดสินใจใช้ไทม์ลีปเพื่อกลับไปหาเธอ
Seishun Buta Yarou wa Bunny Girl Senpai no Yume wo Minai-รุ่นพี่ ในชุดกระต่าย
Gakuen Basara-เฮฮาของ Sengoku Basara
Bakumatsu-จากเกมมือถือของทาง Furyu
Zombieland Saga-ไอดอลซอมบี้
Tonari no Kyuuketsuki-san-เด็กสาวมัธยมปลายหญิงหลงป่า ได้รับการช่วยเหลือจาก แวมไพร์หญิง
Yagate Kimi ni Naru-สุดท้ายก็คือเธอ (ยูริ)
Hinomaru Zumou-ฮิโนะมารุ ซูโม่กะเปี๊ยกฟัดโลก
Toaru Majutsu no Index Season 3-ภาคใหม่ของ อินเดกซ์ คัมภีร์คาถาต้องห้าม
Kitsune no Koe-หนุ่มที่มีชื่อเสียงจากอัพเพลงบนเน็ต จนได้เข้าวงการไอดอล แต่กลับทำให้ได้พบเรื่องที่ต่างจากที่หวัง
Gurazeni Season 2-แนวเบสบอล
Uchi no Maid ga Uzasugiru!-อดีตทหารหญิง ชอบของน่ารัก ได้มาดูแล โลลิผมทอง ที่เอาแต่ใจ
Dakaretai Otoko 1-i ni Odosarete Imasu-ไอดอลหนุ่มน่ากอดสุดในวงการ ถูกแบล็คเมล์โดยไอดอลหนุ่มไฟแรง
Jojo no Kimyou na Bouken: Kogane no Kaze-โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ภาค 5
Kishuku Gakkou no Juliet-รักลับๆ ข้ามหอ ของนายหมากับน้องแมว
Iroduku Sekai no Ashitakara-ฮิโตมิ หลานแม่มดที่ไร้ความรู้สึก ยายได้ส่งเธอกลับไปยุค 2018
Gyakuten Saiban: Sono “Shinjitsu”, Igi Ari! Season 2-ภาคใหม่ของ Phoenix Wright
Radiant-กลุ่มผู้ใช้เวทมนตร์ ผู้ต่อกรกับเนเมซิสเหล่าปีศาจปริศนาที่มาจากฟากฟ้า แต่เนื่องจากพลังที่เหนือกว่ามนุษย์ทำให้ถูกล่าโดยทางการเช่นกัน
Sword Art Online: Alicization-ซอร์ดอาร์ตออนไลน์ ภาค 3
Goblin Slayer-เพจไหนที่เอาเรื่องนี้มาพูด ผมจะเลิกติดตามมันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
SSSS.GRIDMAN-นักสู้คอมพิวเตอร์ กริดแมน 2018Release the Spyce-หน่วยลับปกป้องเมือง (สมาชิกหญิงล้วนๆ)
Fairy Tail: Final Season-ภาคอวสาน
Ulysses: Jeanne d’Arc to Renkin no Kishi-แจนน์ ดาร์ค โลลิ (ไม่มั่นใจว่าจะดูหรือเปล่า)
Anima Yell!-ชมรมเชียร์ลีดเดอร์สาว ๆ ในมัธยมปลาย
Gaikotsu Shotenin Honda-san-พนักงานกระดูกในร้านหนังสือ
Himote House-อนิเมะสั้นของห้าสาวกับแมวหนึ่งตัว
Shuudengo, Capsule Hotel de, Joushi ni Binetsu Utawaru Yoru-แนวเรตมั้ง
Golden Kamuy Season 2-สึกิโมโต้ ไซจิ นายทหารกับไอนุโลลิ
Tokyo Ghoul:re Season 2
Conception: Ore no Kodomo o Undekure! –เกมปั๊มลูกกู้โลกภาคอนิเมะ (จบวินกรูจะด่าแน่ )
Ore ga Suki nano wa Imouto dakedo Imouto ja nai -หนุ่มมัธยมปลาย ต้องมาออกสื่อ เป็นนักเขียนไลท์โนเวลแทนน้องสาว และน้องสาวแต่งนิยายรักน้องสาวxพี่ชาย (น้องสาวซึนเดเระ)
Beelzebub-jou no Okinimesu mama-เบลเซบัฟโลลิ
Karakuri Circus-หุ่นเชิดสังหาร ตั้ง 36 ตอน
Merc Storia-การผจญภัยของเด็กหนุ่ม และสาวในขวดแก้ว
Senran Kagura: Shinovi Master -Tokyo Youma-hen--
Tsurune: Kazemai Koukou Kyuudou-bu- ชมรมยิงธนูหนุ่มๆ
Ingress-อนิเมะจากเกมต้นแบบของ Pokemon Go (??)
Han-Gyaku-Sei Million Arthur-อนิเมะจากเกมมือถือ
สรุปคืออนิเมะที่อยากดูซีซั่นนีมีเพียง 7-8 เรื่องเท่านั้น ที่อยากดูจนจบทั้งเรื่องจริงๆ ก็มีเพียง Golden Kamuy Season 2 เท่านั้น แต่กลับซับไทยไม่มานี้แหละ
คือทำใจ ว่าอนิเมะช่วงนี้ แนวเฉพาะกลุ่มเยอะ ไม่แนวหญิงล้วน ก็ชายล้วนไปเลย แนวฮาเร็มแท้ๆ ก็มีเพียงเรื่องเดียวคือ Conception: Ore no Kodomo o Undekure! ซึ่งก็รู้ดีกว่าอนิเมะจากเกมมันมีแต่ทรงกับแย่ (ถ้าทำแบบ เพอร์โซน่า 4 หรือ Devil Survivor 2ผมรับได้นะ) ไม่รู้จะออกมาดีหรือเปล่า ต้องดูจำนวนตอนว่ามีกี่ตอน การดำเนินเรื่องมุ่งเน้นไปที่ผู้หญิงคนเดียวหรือเปล่า (กลัวคนทำชิบหาย เกิดมันบ้าจี้จบแบบแนวเกมจีบสาวเกรดต่ำมีแต่พัง) ใครว่าอนิเมะสมัยนี้มีแต่ฮาเร็มแก็ช่วยแหกตาดูหน่อย
ต่อไปก็ถึงการรีวิวอนิเมะ 7 เรื่องที่ผมดูซีซั่นนี้แล้วละ
JoJo's Bizare Adventure Part 5: Golden Wind
โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ ภาค 5 : สายลมทองคำ (JoJo's Bizare Adventure Part 5: Golden Wind) เเป็นอนิเมะดัดแปลงจากมังงะของฮิโรฮิโกะ อารากิ ซึ่งเป็นภาคที่ 5 ของซีรีย์
เรื่องราวเกิดขึ้นที่ประเทศอิตาลี ในปี 2001 โจรูโน่ โจบาน่า เด็กหนุ่มอายุ 15 ทายาทของดิโอผู้มีสายเลือดของตระกูลโจสตาร์ไหลเวียนอยู่ในกาย (จากภาค 3 ดีโอได้ต่อศีรษะของตนเข้ากับร่างของโจนาธาน โจสตาร์ ตัวเอกจากภาคแรก) มีความใฝ่ฝันอยากจะเป็นหัวหน้าแก๊งค์มาเฟียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอิตาลี เนื่องจากมีความหลังฝังใจตอนเด็กๆ และเพื่อความต้องการที่จะยกเลิกเครือข่ายการค้ายาเสพติด โจรูโน่จึงพยายามหาทางเข้าร่วมองค์กร พาสซิโอเน่ ซึ่งเป็นมาเฟียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอิตาลี โดยผ่านทางโบรโน่ บูจาราตี้ หัวหน้าหน่วยเล็กๆหน่วยหนึ่ง ทั้งคู่จึงวางแผนที่จะแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าเพื่อปฏิรูปแนวทางขององค์กรเสียใหม่ โดยการจะไปถึงจุดนั้นต้องผ่านการทดสอบหลายอย่างจากชายที่เรียกตนเองว่าบอสเสียก่อน
ก่อนอื่นขอบอกเลยว่าผมไม่ได้ดูอนิเมะโจโจ้เลยสักภาค เพราะทั้ง 4 ภาคที่ผ่านมา ผมไม่ได้สนใจโจโจ้เลย เ การดูภาคที่ 5 นี้ก็เพราะเป็นภาคที่ผมชอบ (นอกจากนี้ยังชอบ ภาค 6 และภาคแข่งม้า (และภาคล่าสุดด้วย) ดังนั้นภาคที่ 5 เป็นอนิเมะภาคแรกที่ผมดูซีรีย์โจโจ้
โจโจ้แต่ละภาคจะมีธีมเรื่องแตกต่างกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคืออารมณ์การไล่ล่าระหว่างพระเอกกับเหล่าร้าย (ที่ไม่รู้ว่าใครล่าใครกันแน่) และมิตรภาพพวกพ้องที่ต้องฟันผ่า (จะมีภาคล่าสุดนี้แหละที่เปลี่ยนเรื่องมิตรภาพที่เน้นมาทุกภาค มานี้เรื่องของครอบครัว)
ใช่ ภาคนี้โจโจ้ยังเน้นเรื่องมิตรภาพตัสละคร คือแก๊งพระเอกเหมือนเดิม และเป็นภาคกลับมาสู่การเดินทางเหมือนภาค 3 อีกครั้ง แม้ว่าการเดินทางจะเน้นทั่วอิตาลี เน้นการต่อสู้ มากกว่าจะเดินทางนอกประเทศไกลๆ และไม่มีมีฉากความยากลำบากผจญภัยนอกเหนือการต่อสู้ตาม แต่ความเข้มข้น ความสนุกยังคงมีครบ และทำในแบบตัวเอง
โจโจ้ภาค 5 พิเศษอยู่อย่างคือเป็นภาคแรกที่สแตนท์เริ่มมีสถานะค่าความสามารถ ความเก่ง และเป็นภาคที่จริงจัง ผิดจากภาค 4 ที่เน้นตลก (แต่ภาค 5 ก็ยังมีกลิ่นอายตลกอยู่ ยอมรับว่าตอนแกรผมฮ่านะ ขนาดในเรื่องไม่ได้ปล่อยมุกตลกเลย)
โจโจ้ต้นฉบับมังงะนั้นนอกเหนือจุดเด่นเรื่องการออกแบบตัวละคร ลายเส้น การแต่งตัวที่โครตล้ำแล้ว จุดเด่นที่พอๆ กันก็คือมุมกล้อง และการแบ่งช่อง ที่แตกต่างจากมังงะทั่วไปที่แบ่งชุดแบบมาตรฐาน แต่ของโจโจ้นี้แบ่งช่องทำเอาปวดตับมาก เพราะไม่เคยพบเคยเจอการแบ่งช่องแนวๆ แบบนี้มาก่อน
ผมก็นึกสงสัยเหมือนกันว่าหากเอาโจโจ้มาทำเป็นอนิเมะเป็นยังไง ความจริงทั้งสี่ภาคที่ผ่านมา ล้วนได้รับคำชมล้นพ้นมาโดยตลอด พอมาถึงภาคห้า ไม่รู้นะว่ามีคนชมหรือเปล่า แต่ผมชมครับ
คือ
ยอมรับเลยว่า อนิเมะดำเนินเนื้อเรื่องไม่ตัดทอนเนื้อหาเลย
แถมมีการเพิ่มอะไรหลายอย่างให้ดูใหลลื่นด้วยซ้ำ ที่สำคัญ คือ
ในความโจโจ้ต้นฉบับใส่เข้าไปด้วย มังงะมีจุดเด่นเรื่องการแบ่งช่องเหรอ
มาอนิเมะทำมุมกล้องโครตล้ำ ธรรมดาไม่มี การเคลื่อนไหวตัวละคร การตัดฉาก ให้ได้เถอะ
อินดี้มากๆ คือดูเลยก็รู้เลยว่านี่คือโจโจ้
ส่วนเรื่องอื่นๆ เรื่องเสียงพากย์ก็ตกใจนิดหน่อยตรงพระเอกเสียงเด็กกว่าที่คิด จนลืมดู ก็แบบหน้าตาโครตเข้ม จนลืมดูอายุจริงไป ส่วนฉากเด่นๆ อย่างฉากเลียทำได้น่าขนลุกมากๆ จนผมหลอนพอๆ กับพระเอกในเรื่องเลย
เอาเป็นว่าผมติดตามนะ
Conception: Ore no Kodomo o Undekure!
Conception: Ore no Kodomo o Undekure! เป็นอนิเมะจากเกม RPG กึ่งจีบสาว โดยเป็นเรื่องราวของ ยูเกะ อิตสึกิ นักเรียนหนุ่มที่เสียครอบครัวและอาศัยกับลูกพี่ลูกน้อง มาฮิรุ วันหนึ่งเธอเรียกเขามา เพื่อบอกว่าเธอกำลังตั้งท้อง ระหว่างนั้น ทั้งสองถูกส่งมาในโลก Granvania ที่พวกมอนสเตอร์ที่มี มลทิน ก่อความเดือดร้อน แม้ว่าอิตสึกิจะวามารถต่อสู้กับพวกนั้นได้ แต่เขาจะต้อฃมีพลัง ด้วยการหว่านเสน่ห์กับมิโกะแห่งดวงดารา 12 คน เพื่อสร้างเด็กแห่งดวงดาว โดยผสมพลังงานของชายหญิงเข้าด้วยกัน ใช้ในการต่อสู้กับพวกศัตรู และเป็นหนทางเดียวที่เขาจะกลับสู่โลกเดิมได้
เกม Conception: Ore no Kodomo o Undekure! (Conception: Please Give Birth to My Child!) พัฒนาโดย Spike Chunsoft (Danganronpa) เริ่มวางจำหน่ายเวอร์ชั่นญี่ปุ่นเดือน เมษายน 2012 บนเครื่อง PSP และลง PlayStation 4 มีภาคต่อในชื่อ Conception II: Children of the Seven Stars ในปี 2013 ลงทั้ง PS Vita, 3DS และ PC ในไทยเรียกกันเล่นๆ อีกชื่อว่า “เกมปั๊มลูกกู้โลก”
ทางด้านทีวีอนิเมะ Conception: Ore no Kodomo o Undekure! ผลิตโดยบริษัท Gonzo
เอาตรงๆ นะ คุณภาพเทียบเท่าอนิเมะสายมืด (ประชดครับไม่ได้ชม)
อนิเมะจากแนวเกม ที่เห็นคนแถวๆ นี้อวยกัน แต่พอดูจำนวนนางเอกที่ปรากฏออกมา มีโครตเยอะ กลัวมากว่าอนิเมะจะยัดบทยังไงให้ลงตัว ผมออกมาก็เป็นแบบนั้นจริงๆ (ไม่ทราบจำนวนตอน แต่ต่อให้มากกว่า 20 มันก็ไม่สามารถยัดได้อยู่ดี
ปรากฏว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพียงแค่ตอนแรกผมก็เหนื่อยใจแล้วละ
คือมันมีอะไรให้ติตั้งแต่ต้นจนจบตอนที่ 1 จริงๆ เริ่มจากตั้งแต่เปิดเรื่อง อย่างกับอนิเมะสายมืดเดรด B จากนั้นก็ไปต่างโลก ทั้งสองปรับตัวกันเร็วมาก พระเอกมาถึงก็ใช้ดาบเวทย์ฟันมอนสเตอร์ตัวใหญ่ยักษ์อย่างง่ายดาย เจอหมีขอ (หรือแร็คคูนหว่า) เล่นมุกใต้สะดือ (ที่ฝืดสิ้นดี) พระเอกเรียนรู้ไว้ง่าต้องปั๊มลูก พร้อมเผยหน้าฮาเร็มพระเอกหมดเลย (น่าจะคลุมเงาหน่อย คนไม่เคยดูจะได้ลุ้น) และก็ฉากบนเตียง (เห็นว่าในเกมจริงๆ ไม่ได้ปั๊มลูกแบบมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช่เหรอ) เหมือนการ์ตูนสายมืดเกรดต่ำ ที่สร้างอารมณ์ไปมา ยังไม่ได้ทำกัน ก็จบตอน....
ดูไปส่ายหัวไป เอาง่ายๆ คืออนิเมะเร่งจังหวะไวมาก ลายเส้นดูบ้าง เผาบ้าง การเคลื่อนไหวไม่ลื่นไหล
สิ่งที่ชอบมีอย่างเดียวคือฉากพระเอกมาที่ด่านฟ้า มาเจอเพื่อนสมัยเด็กงามๆ และบอกว่าท้องนี้ หากใครไม่เล่นเกมนี้ มีอันจิตตกเลยแหละ เอาเป็นว่าเป็นฉากที่ดี มีบรรยากาศ แต่อย่างว่าแหละ คือเนื้อเรื่องไปไวมากเกินไป ดำเนินเนื้อเรื่องมีความเป็นเกมมากไป จนการปรุงจืดจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นอนิเมะที่ผมติดตามซีวั่นนี้อีกเรื่องหนึ่ง แต่ดูเอาขำๆ ไม่ได้อินอะไรมาก
Golden Kamuy 2
อนิเมะ Golden Kamuy จากมังงะ Noda Satoru (Kokkoku) ก็มาถึงซีซั่น 2 แล้ว หลังจากที่ซีซั่นก่อนได้รับคำชมพอสมควร จนได้ไฟเขียวซีซั่น 2 ต่อ (แม้ว่ามังงะตอนนี้จะไปไกลก็ตาม
เนื้อเรื่องกล่าวถึงสึกิโมโต้ ไซจิ นายทหารยอดฝีมือที่เคยรอดชีวิตจากสงครามญี่ปุ่น-รัสเซียในปี 1904 ที่ต้องการหาเงินจำนวนมากมาช่วยเหลือเมียเพื่อนสนิทที่เป็นทหารที่ตายในสงคราม (สาเหตุที่ช่วยเมียเพื่อนมีเล่าไว้แล้ว) แต่ต้องมาพัวพันกับการค้นหาทองคำที่ถูกปล้นไปของชาวไอนุในฮอคไกแถมยังต้องพวกพันกับกลุ่มกองทัพญี่ปุ่นและกลุ่มกองโจรปริศนา และเขาได้พบ อาซิร์ปา เด็กสาวชาวไอนุ ที่ช่วยชีวิตเขเอาาไว้ จึงได้ออกเดินทางไปด้วยกัน
คือไม่จำเป็นต้องเขียนอะไรมาก เพราะคุณภาพยังคงดีเหมือนภาคแรก ตอนแรกก็คงสไตล์อินุเชิญชิม ตัวละครใหม่โครตโรคจิตที่มีแรงบันดาลใจมาจากเอ็ด กีน และเรื่องราวหลังจากนี้ก็เริ่มเข้มข้นขึ้น
Otona no Bouguya-san
เกือบลืมอนิเมะเรื่องนี้ไปแล้ว อนิเมะจากมังงะของAyamiya Fumi โดยมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับโลกแฟนตาซีโลกหนึ่ง ชาวบ้านคนไหนชื่อเคาตซ์ ( Kautsu) กำลังหางานทำในเมือง จนมาพบร้านขายเสื้อเกราะกำลังรับสมัครพอดี และเมื่อเขาเข้าไปในร้าน กลับพบว่าเป็นร้านขายชุดเกาะบิกินี่ลามกของผู้หญิงนักผจญภัย ที่เจ้าของร้านโครตอินดี้ จนร้านจะเจ๊ง เพราะไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าใส่เกราะ (แม้เกราะมันจะเทพก็ตาม) แต่พอดีหนักงานหญิงร้านนี้น่ารัก ใสซื่อ ชาวบ้านเลยตอบรับทำงาน
เป็นอนิเมะสั้นๆ 4 นาทีกว่าๆ (รวมเพลงเปิด เพลงปิด) ที่คุณภาพดี (แต่ดำเนินเรื่องแตกต่างจากมังงะนิดหน่อย เพราะอนิเมะมันสั้นเลยตัดเนื้อหาออก) แม้จะไม่กาวมาก แต่สาวๆ ในเรื่องน่ารัก ไม่มีดราม่า (ว่าแต่ทำไมซีซั่นนี้หลายเรื่องดราม่าเยอะจังฟ่ะ)
Gyakuten Saiban: Sono "Shinjitsu", Igi Ari! Season 2
อนิเมะจากเกม Gyakuten Saiban ชื่อดังของ Capcom เรื่องราวของทนายใหม่ไฟแรง ต้องมารับบทบาททนายแก้ต่างเพื่อปกป้องผู้บริสุทธิ์ที่อับจนหนทางเคยทำเป็นภาพยนตร์คนแสดง แต่แป๊ก เพราะถอดแบบมาจากเกมเป๊ะมากเกินไป จนทำให้ดูไม่เหมือนภาพยนตร์
โดยภาคนี้เป็นภาคที่สอง หลังจากที่อนิเมะภาคแรกฉายไปเมื่อ Spring 2016 จากนั้นก็ผ่านไปสองปี จนหลายคนคิดว่าคงไม่ทำต่อแล้ว แต่เนื่องด้วยช่วงนี้เป็นความพีคของ Capcom เลยทำภาคสองตามมา ในชื่อ Gyakuten Saiban: Sono “Shinjitsu”, Igi Ari! Season 2 ผลิตโดยบริษัท A-1 Pictures
เนื่องจากผมไม่ได้เล่นเกม แต่ผมดูภาคแรกจนครบ 24 ตอนเลยครับ คือมัห่วยจริงๆ นะ และเอาตรงๆ ว่ามันห่วยมากๆ ทั้งการดำเนินเรื่อง ลายเส้นเผา ส่วนคดีที่ว่าชั้นศาลก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก (แถมมันก็เปิดเผยคนทำผิดตั้งแต่ช่วงแรกๆ ด้วย) มันเลยไม่ได้เข้มข้นมากนักในชั้นศาล ออกไปทางตลกแป๊กเสียมากกว่า
แต่เรื่องนี้ นางเอกน่ารักนะ
แม้ว่าภาคแรกจะแป๊ก ผมหลายคนร้องยี้ ภาคสองจะมาแบบเดิมๆ ภาพเหมือนเดิม ยังคงรวมคดี (น่าจะเป็นคดีของภาคสามในเกม) ที่ เร่งเหมือนเดิม แต่ผมก็ยังคงตามอยู่นะ คือ มันฮ่าดี มันฮ่าตรง คดีบางคดี บ่บอกว่ามันผิดหลักธรรมชาติ เช่นตอนแรก คนตายเขียนชื่อคนร้ายโต้งๆ ดูยังไงมันก็ของ กับปลอม กับตัวละครติ๊งต๊องได้ใจดี ดังนั้นใครที่ชอยแนวทนายจริงๆ จังๆ ก็อย่าไปหวังเรื่องนี้มากนัก
Uchi no Maid ga Uzasugiru!
Uchi no Maid ga Uzasugiru! เป็นเรื่องราวของสาวกล้าม คาโม่ย สึบาเมะ - อดีตนักบินขับไล่จากกองทัพป้องกันตนเองของญี่ปุ่น (JDSF) ที่กำลังตกงาน ได้เดินผ่านบ้านที่มีเด็กสาวน่ารักที่เคยพบเมื่อเกือบ 2 ปีก่อน จนมีความฝันว่าอยากจะพี่เลี้ยงเด็กคนนี้เอามากๆ
และความฝันก็เป็นจริงเมื่อสึบาเมะเดินผ่านมาเห็นประกาศ "รับเมด" ที่หน้าบ้านเด็กสาวน่ารักเข้า สึบาเมะก็รีบไป มาสมัครเป็นเมดทันใด จนได้ทราบว่าบ้านนี้เป็นบ้านตระกูลทาคานาชิ มีลูกสาวเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น-รัสเซียชื่อ ทาคานาชิ มีชา (มิชะ) เพิ่งเสียแม่ไป ไม่ยอมออกจากห้องบ่อยนัก อีกทั้งแกล้งจนคนรับใช้ลาออกไปหลายคน ด้านสึบาเมะไม่มีปัญหา แถมยิ่งมิซะแกล้งยิ่งชอบ
วันแรกที่ทำงาน สึบาเมะยังทำงานได้ดี มีฝีมือด้านทำอาหาร แต่ มิชะไม่ชอบสึบาเมะ ที่เป็นพวกคลั่งโลลิ มากเกินไป แถมมีซิกแพ็คอย่างโหดด้วย และนั้นทำให้การอยู่ร่วมกันของทั้งคู่เป็นอะไรที่ชวนปวดหัวสิ้นด
Uchi no Maid ga Uzasugiru! (UzaMaid) ดัดแปลงจากมังงะของ Kanko Nakamura ผลิตโดยบริษัท Doga Kobo เริ่มฉายทางโทรทัศน์ในประเทศญี่ปุ่นเดือน ตุลาคม 2018 โดยเนื้อหาเป็นแนวตลกคอเมดี้ และฉากโรแมนติกนิดหน่อย
เนื้อเรื่องก็ไม่ได้มีอะไรมาก คือ แนวน้องเมดกล้ามที่พยายามเล่น-เอาใจโลลิทุกอย่าง แต่มักจบลงโดยโลลิไม่ชอบซะงั้น (เอาง่ายๆ พอๆ กับเซนะกับโคบาโตะ ไร้เพื่อนนั้นแหละ) ดังนั้นจุดเด่นของเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องชวนหัว และเต็มอิ่มกับความน่ารักของโลลิมากกว่า แม้น้องเกล็ดเลือดจะน่ารักกว่าก็เถอะ พอดีผมชอบในมังงะมาแล้ว (คือชอบเมดกล้าสมจริงๆ นะ) เลยติดตามเรื่องนี้
นอกจากนี้เห็นคะแนนฝรั่งกดคะแนนตอนเรื่องนี้ต่ำเหลือเกิน ก็อย่าไปสนอะไรมาก เพราะเขาดูตรงเนื้อเรื่อง ก็อย่างที่บอกบางครั้งแนวการ์ตูนบางเรื่องมันไม่จำเป็นต้องขายเนื้อเรื่อง เขาขายตัวละคร เล่นกับตัวละครมากกว่าต่างหาก
Zombieland Saga
เชื่่อเถอะครับใครดูอนิเมะเรื่องนี้ ก็อปลินสเลเยอร์, เรื่องเป็นกระแสทั้งหลาย ลงกระป๋องแน่นอน มันโครตกาว
Zombieland Saga เป็นอนิเมะที่หลายคน งง ว่าเป็นแนวอะไร เพราะเป็นออริจินอลที่ไม่ระบุรายละเอียดเลย รู้แต่ว่าแนวซอมบี้ ขนาดวีดีโอตัวอย่างนึกว่าแนวสยองขวัญ สาวๆ เอาตัวรอดจากซอมบี้ หรือแนวต่อสู้ และเมื่อดูเท่านั้นแหละ นี่คืออนิเมะกาวซีซั่นนี้เลยทีเดียว
เรื่องนี้จำเป็นคือ ห้ามอ่านสปอยก่อนดู ไม่งั้นอาจเสียอรรถรสได้ แต่ถ้าอยากดูสปอยก็จะเล่าให้ อยู่บรรทัดล่าง หากใครไม่สนใจก็ข้ามไปเลย
เป็นเรื่องราวของ มินาโมโตะ ซากุระ สาวที่ฝันจะได้เป็นไอดอลและจะไปยื่นใบสมัคร ใช่ตอนแรกหลายคิดว่าเป็นแนวไอดอล หากแต่ตอนออกจากบ้านก็ถูกรถบรรทุกชนหน้าบ้านตนเอง กลายเป็นฉากเปิดเรื่องที่เรียกเสียงกรีดร้องต่อคนชมเลยว่า “เรื่องเชี่Xอะไรเนี้ย”
จากนั้นเมื่อซากุระตื่นอีกที ก็พบว่าตนอยู่คฤหาสน์เหมือนบ้านผีสิง แล้วจู่ๆ ก็โดนซอมบี้หญิงไล่กัดเข้า จึงหนีออกไปข้างนอก และเมื่อพบตำรวจ ตำรวจก็ตกใจแล้วเอาปืนยิงใส่เธอกลางหน้าอก หากแต่ซากุระไม่ตาย และพบว่าเธอคือซอมบี้นั่นเอง
ต่อมาก็มีชายลึกลับ สวมแว่นดำมาบอกว่า เธอ ตายไปสิบปีแล้ว !??? แกลับมาในฐานะซอมบี้หมายเลข 1 ต้องการให้เธอเป็นไอดอล !??? โดยสมาชิกที่เป็นซอมบี้สาวๆ ที่เธอพบครั้งแรกนั่นเอง แถมซึ่งเคยเป็นสาวมีชื่อเสียงระดับตำนานในยุคสมัยต่างๆ มาก่อน (แต่ปัญหาคือ แต่ละคนไม่ได้เป็นไอดอล เช่น สุดยอดนักเลงสาว, สุดยอดดาราเด็กยุคเก่าจัด, สุดยอดเกซิอา เป็นต้น) หากแต่พวกเธอตอนนี้ไม่มีสติเหมือนมนุษย์อยู่เลย มีเพียงซากุระเท่านั้นที่มีสติของมนุษย์ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น
ไม่พูดมากเจ็บคอ ว่าแล้วพี่แว่นดำ ก็พาซากุระ พรรคพวกไปเปิดแสดงครั้งแรก แต่เวทีกลับเป็นดนตรีร็อคซะงั้น ไม่ใช่ไอดอลสักนิด ซากุระนิดว่าจะบรรลัยแล้ว แต่ปรากฏว่ามันกลับออกมาดีแบบไม่น่าเชื่อด้วยซ้ำ เมื่อซอมบี้ฟังเพลงโยกตัว คนดูก็นึกว่าท่าเต้นแบบใหม่
แม้ว่าจะผ่านช่วงวิกฤตใหม่มาได้ แต่ปัญหาใหม่ก็เริ่มขึ้นเมื่อสาวๆ ซอมบี้เกิดได้สติมนุษย์กลับคืนมา มันเป็นหน้าที่ของซากุระที่จะต้องให้เพื่อนๆ เข้าใจสถานการณ์ที่แปลกประหลาดนี้.....
สรุปการ์ตุนเรื่องนี้คือ ไอดอล X ซอมบี้ X ตลกกาวๆ
ทีวีอนิเมะออริจินอล Zombieland Saga ผลิตโดยสตูดิโอ MAPPA แม้ว่าเป็นสตูดิโอที่ทีผลงานออกมาไม่มากนัก แต่หลายเรื่องที่ออกล้วนรับคำชมเป็นบวกทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น ผลงานเด่นที่เป็นที่รู้จัก เช่น Shingeki no Bahamut: Genesis, Zankyou no Terror, Sakamichi no Apollon, Yuri!!! on Ice แค่นี้ก็รู้แล้วว่าผลงานจะดีขนาดไหน
ตอนแรกๆ ก็อ่านสปอยมาบ้าง บอกว่าเป็นแนวซอมบี้ไอดอล แค่คำว่าไอดอลก็อคติแล้ว เพราะอย่างที่รู้กันว่าแนวไอดอลมันก็มุกเดิมๆ ขายเพลง สาวๆ ตามล่าฝัน มิตรภาพ ธีมเดิมๆ พอดีมีคำว่าซอมบี้มาเกี่ยวด้วย เลยสนใจว่าถ้าใส่แล้วไอดอลจำเจหรือเปล่า ปรากฏว่าคิดผิด กลายเป็นว่าผ่านไปสองตอนแล้วเราไม่ได้เห็นรูปแบบเพลงจริงๆ จังๆ ของวงไอดอลซอมบี้นี่เลยสักเพลง (ฮ่า) ไม่นับเพลงเปิด เพลงปิดนะ
คือมันเป็นแนวตลกมากกว่า ที่จะเน้นไอดอล โดยมีซอมบี้ทำให้เรื่องน่าสนใจมากขึ้น แถมลงตัวอีกต่างหาก เนื้อเรื่องเดาทางไม่ออกเลยว่ามันมารูปแบบไหน ไหลไปเรื่อยๆ แถมยังมีลุ้นตรงฉากพวกนางเอกขึ้นเวที แบบเม่งไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรเลย แต่ต้องมาแสดงให้คนดูให้ชม มันจะไปรอดไหมว่ะ (กลับวงบ้าๆ บอๆ แบบนี้) ปรากฏว่าวิธีเอาตัวรอดการแดสงสดของพวกเธอนี้แทบฮ่าลั่น แล้วก็จบตอนแบบไม่รู้ตัวเลย ให้ตายเถอะ
ส่วนตัวละครนี้ แม้ว่าจะเห็นในแนวไอดอลบ่อยๆ แต่พอมาเรื่องนี้ ใส่นิยามคำว่าซอมบี้ ทำให้ตัวละครเหล่านี้ดูมีคุณค่า มีมิติมากขึ้น ตัวมีเสน่ห์ขึ้นซะงั้น กลายเป็นว่าตัวละครน่ารักไปเสียได้ไม่ว่าจะเป็นร่างซอมบี้ (หน้าสด) หรือร่างแต่ง (เสริมสวยเครื่องสำอาง) แม้สาวๆ ในวงจะเยอะ แต่ขอบอกว่าจำง่ายมากนะ แถมน่าอวยหลายคนด้วย ส่วนคู่ไหนจิ้นคู่ไหน มีแน่
แต่ส่วนที่ผมว่ามีแน่ๆ คือดราม่าก่อนที่ทุกคนในวงนี้แหละ ว่าก่อนเป็นซอมบี้ พวกเธอนั้นตายยังไง เพราะการเป็นซอมบี้แบบนี้ได้ ก็ต้องมีห่วงทางโลกอยู่นั่นเอง ก็คงมีฆ่าตัวตาย กับฆาตกรรมบ้างแหละ คงไม่ใช่แบบนางเอกโดนทรัคซังเสยหรอก
นี่แหละคือการ์ตูนม้ามืดซีซั่นนี้ ที่สมควรที่ชม คือการทำแนวไอดอลที่น่าเบื่อ ให้ดูน่าสนใจ ดูแล้วไม่จำเจ ใส่อะไรใหม่ๆ มุกใหม่ๆ สดๆ ใส่ความเป็นซอมบี้ที่ดูตอนแรกออกไปทางน่าขยะแขยง แต่เมื่อชินแล้วน่ารักซะงั้น
สรุปเป็นการ์ตูนที่ตลกได้อย่างสร้างสรรค์ แม้ว่าซีซั่นนี้จะมีอนิเมะกระแสเยอะ แต่ถ้ามาเจอเรื่องนี้ เชื่อเถอะ หลายคนลืมเรื่องอื่น แล้วถามว่าเมื่อไหร่ตอนใหม่จะมาหว่า
ปล. ตำรวจเรื่องนี้เม่งโหด ยิงก่อนถามด้วย
Tensei shitara Slime Datta Ken
Tensei shitara Slime Datta Ken (หรือชื่อไทยเกิดใหม่ทั้งทีก็เป็นสไลม์ไปซะแล้ว) เป็นอนิเมะดัดแปลงจากนิยายที่เคยเป็นนิยายเน็ต แต่งเรื่องโดย: Fuse ภาพ: Mitz Vah ทีวีอนิเมะ Tensei Shitara Slime Datta Ken ผลิตโดยบริษัท 8bit มี 24 ตอนจบ
เนื้อเรื่องกล่าวถึงมิคามิ ซาโตรุ หนุ่มโสด ไม่เคยมีแฟน วัย 37 ปี ถูกแทงตายเพราะช่วยเพื่อนจากคนร้าย เขาได้เกิดใหม่ในต่างโลกด้วยร่างของสไลม์ ได้พบมังกร เวรุโดร่า ผู้ถูกผนึกมาร่วม 3 ร้อยปีและรู้ว่าเขามาจากต่างโลก ด้วยความเบื่อหน่ายในชีวิตจึงยอมเป็นเพื่อนกับสไลม์ ตั้งชื่อให้เขา “ริมุรุ” และให้เขากลืนตนเข้าไปในร่าง ด้วย2 ความสามารถ “นักล่า” ที่ทำให้เขาสามารถชิงความสามารถของผู้ถูกกลืน และ “ปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่” ทำให้เขาเข้าใจเรื่องราวในโลกใหม่ ส่งผลให้เขาพัฒนาเป็นสไลม์ที่น่าเกรงขามต่อเหล่ามอนสเตอร์ทั่วไป จนกลายเป็นปีศาจที่ยิ่งใหญ่ในภายหลัง
ไลท์โนเวลแนวแฟนตาซี Tensei shitara Slime Datta Ken (เกิดใหม่ทั้งทีก็เป็นสไลม์ไปซะแล้ว) เคยเป็นหนึ่งในเรื่องที่ตีพิมพในเว็บไซต์ Shousetsuka ni Narou (เว็บไซต์เขียนนิยายออนไลน์ที่เปิดโอกาสให้นักเขียนอิสระมาลงผลงานของตน) ช่วงปี 2013-2016 ผลงานการแต่งของ Fuse วาดภาพประกอบโดย Mitz Vah
เกิดใหม่เป็นสไลม์ถือว่าเป็นนิยายเน็ตต่างโลกที่บ้านเราคุ้นมากที่สุด โดยเฉพาะบอร์ดตรุกี เพราะสมัยก่อนเป็นนิยายที่พูดถึงกันแรกๆ พร้อมกับเกิดใหม่เป็นก็อบลิน, กับดันเจี้ยนคู่ขนาน เนื่องจากความแปลกใหม่ที่เกิดใหม่เป็นสไลม์สิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอในแฟนตาซีและเทพขึ้นมาซะอย่างงั้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับผมแล้ว ผมไม่ได้มีความรู้สึกชอบนิยายเน็ตเรื่องนี้มากนัก ดีที่มีจอมมารโลลิ (เทียม) ถ้าไม่มีนี้ผมคงเลิกสนใจเรื่องนี้แล้ว (และผมจะดูแค่ฉากเธอปรากฏตัวเท่านั้น ตอนอื่น ผมไม่ดูด้วย)
คือมันเป็นนิยายที่ผมไม่ชอบแนวคิดในเรื่อง เหตุผลหลักมีหลายข้อ คืออุตส่าห์ได้เป็นสไลม์ทั้งที แต่เนื้อเรื่องไม่ได้ใช้ลักษณะพิเศษของสไลม์มากนัก ขาดเรื่องสัญชาตญาณ ขาดการเอาตัวรอดแบบสไลม์ คือมาถึงก็เทพเลย ไปเจอมังกรซึน ได้พลังสกิลเทพมาใช้ ทำให้ขาดความเป็นสไลม์ไปถนัดตา การต่อสู้ก็ไม่ค่อยเป็นสไลม์ แบบแท้ๆ หนักไปทางกลืนกิน
และเจ้าสกิลนี้ เป็นหนึ่งที่ผมไม่ชอบสักเท่าไหร่ คือมีสกิลก็ทำอะไรสะดวกไปหมด ดีที่อย่างน้อยสกิลในเรื่อง มีคุณค่า มีส่วนการดำเนินเนื้อเรื่องมาก ไม่ได้เหมือนบางเรื่องอธิบายความสามารถสกิลเป็นหน้าๆ แต่พอใช้จริงๆ สกิลที่เล่าก็แทบไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรเลย
ด้านลายเส้น พยายามทำภาพอนิเมะให้เหมือนภาพประกอบ อันนี้เข้าใจ แต่ปัญหาคือผมไม่ค่อยชอบภาพประกอบในนิยายสักเท่าไหร่ มันดูลายเส้นไม่คม
และอีกสิ่งหนึ่งที่ผมไม่เชิงว่าไม่ชอบ แต่มันไม่ได้มีแรงจูงใจให้ดูสักเท่าไหร่ ก็คือเนื้อเรื่องภาพรวม เน้นไปในการพัฒนาประเทศ กับการต่อสู้ การต่อสู้มันอลังการ สนุกก็จริง แต่ในเรื่องความน่าติดตามแล้ว ผมไม่ได้มีความผูกพันมากนัก เพราะเนื้อเรื่องนิยายก็ไม่ได้เน้นเรื่องการผูกพันตัวละคร ไม่หมือนจอมมารเดียโบ (ที่แต่ละภารกิจเกี่ยวข้องกับคนในปาร์ตี้ มากกว่าเน้นภาพรวมของโลก) แต่จอมมารสไลม์เน้นภาพรวมมากกว่า
อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยจำนวนตอน 24 ตอน ทำให้เนื้อหาเกือบครบถ้วนในนิยาย คงไม่มีใครบ่นว่าเรื่องตัดทอนมาก และเนื่องด้วยจุดขายการต่อสู้ ที่พระเอกแม้จะเก่งโกงง แต่คู่ต่อสู้เองเท่าเทียมกัน ทำให้ดูแล้วน่าสนใจบ้าง
สรุป ก็อนิเมะนิยายเน็ต
Ore ga Suki nano wa Imouto dakedo Imouto ja nai
อนิเมะจากไลท์โนเวลแนวเลิฟคอเมอดี้ Ore ga Suki nano wa Imouto
dakedo Imouto ja nai (~ ผมชอบน้องสาว แต่ไม่ใช่น้องสาวผม) ผลงานของ
Ebisu Seiji (ถือว่าเป็นหน้าใหม่ในวงการ) และวาดโดย
Gintarou จัดจำหน่ายโดย Fujimi Shobo เมื่อปี 2016 ไม่กี่ปีก็ได้เป็นอนิเมะ
โดยอนิเมะผลิตโดยบริษัท NAZ และ Magia Doraglier
เนื้อเรื่องกล่าวถึงนากามิ ยู หนุ่มมัธยมปลาย เขามีฝันอยากจะเป็นนักเขียนนิยายจริงจังตั้งแต่มัธยมต้น แต่ไม่มีฝีมือนัก เวลาส่งประกวดไม่เคยผ่านรอบแรกด้วยซ้ำ
นอกจากนี้ยูมีน้องสาวมัธยมต้นปี 3 นากามิ สึซึกะ น้องสาวที่สมบูรณ์แบบเป็นทั้งสาวสวย นักเรียนดีเด่น ประธานนักเรียน ภายนอกเหมือนเย็นชาต่อพี่ชายตนเอง แต่ความจริงแล้วเธอคลั่งพี่ชายสุดๆ และเอาความคลั่งนี้ใส่ลงนิยาย แล้วเอาไปประกวด ปรากฏว่าเธอได้ชนะการประกวดไลท์โนเวล เดบิวด้วยผลงานแนวน้องสาวชอบพี่ชาย
อย่างไรก็ตามด้วยความกังวลว่าจะถูกวิจารณ์ในฐานะนักเขียนหญิงที่เขียนแนวบราคอน จึงให้พี่ชายเป็นตัวแทนออกสื่อแทนตนในชื่อนามปากกา โทวาโนะ จิไค ผู้ที่ชอบตัวละครน้องสาว แต่เนื่องจากมีน้องสาวในโลกจริงอยู่แล้ว จนกลายเป็นเรื่องวุ่นวายตามมา
จะว่าไงดีละ เป็นอนิเมะที่หลายคนบ่นสุดๆ ในด้านเนื้อเรื่องและคุณภาพ ผมเชื่อว่าใครที่อ่านพล็อตเรื่องนี้ คงเอาเรื่องน้องสาวไม่น่ารัก น้องสาวอาจารย์เอโรมังกะแน่นอน ทั้งๆ ที่เนื้อหาไม่ได้เหมือนกันสักหน่อย แค่แนวน้องสาวเหมือนกัน
ขอเนื้อเรื่องก่อนที่จะพูดตัวอนิเมะก่อน ถ้าจะให้แนวเรื่องนี้ประสบความสำเร็จ มันอยู่ที่คาแร็คเตอร์ โดยเฉพาะน้องสาว กับเหล่าผู้หญิงรอบข้างพระเอกที่ต้องมีสเน่ห์ กับบุคลิคที่เสียของ
สเน่ห์ที่ว่าก็ขึ้นอยู่กับคนวาดภาพประกอบนั้นแหละ ว่าทำออกมาน่าอวยหรือเปล่า ทำออกมามีพลังให้คนดูเห็นแล้วตกหลุมรัก อยากจะอวยเหรือเปล่า แม้ว่าน้องสาวจากน้องสาวไม่น่ารักเลย คิริโนะคาแร็คเตอร์ที่ออกแบบได้น่ารัก มีเสน่ห์ นิสัยแม้มีหลายคนไม่ชอบ แต่เชื่อเอในใจก็ชอบบ้างแหละ รวมไปถึงตัวละครสาวๆ รอบข่าฃอย่างน้องแมวดำก็ฮิตพอๆ กัน รวมไปถึงการใส่นิสัยเสียของเข้าไปด้วย
แม้แต่เรื่องน้องสาวเอโรมังกะเอง ก็น้องสาวสไตล์อีกแบบที่อารมณ์โลกส่วนตัวสูง ตัวเล็กน่ารัก คนรอบข้างก็น่ารักพอๆ กัน แต่ก็ไม่รวมนิสัยที่เสีย ให้ดูตลกด้วย
แต่ Ore ga Suki nano wa Imouto dakedo Imouto ja nai ขาดพลังด้านนี้ การออกแบบตัวละครออกไปทางสูตรสำเร็จมากกว่า สาวๆ รอบข้างก็ไม่ได้มีพลังเสียของ หรือมีเอกลักษณ์มากมายนัก แม้ว่าสาวแว่นจะมีพลังจิ้นอีโรติก แต่พลังความน่ารัก ดันไม่มี และพลังที่ทำให้หลายคนจะอวยนอกจากน้องสาวก็ยังไม่มากพอด้วย
เอาง่ายๆ ยังขาดตัวละครระดับแมวดำ และอีฟ
ส่วนเรื่องเนื้อหาหลักๆ นั้น ส่วนตัวผมว่าน่าสนใจนะ ไม่งั้นไม่คิดดูอนิเมะหรอก คืแน้องสาวสองเรื่องก่อน มันเน้นกว่าจะให้น้องสาวชอบพี่ชาย มันต้องใช้เวลาใช่เปล่า แต่เรื่องนี้น้องสาวชอบพี่ชายตั้งแต่แรก และไม่ยอมบอกความรู้สึกนี้ ผมว่าเป็นอีกรสที่น่าสนใจ
ตอนที่ผมเขียนผมยังไม่ได้ดูเลย (เจ๋งเปล่ารีวิวอนิเมะทั้งที่ไม่ได้ดูอนิเมะ) พอดีไปดูการให้คะแนนของเว็บ https://myanimelist.net/ (เซ้บที่คนรีวิวการ์ตูนบางเจ้าเอามาใช้ประกอบการรีวิวการ์ตูน) เขาให้คะแนนอนิเมะเรื่องนี้หลังฉายมา 2-3 ตอน ให้คะแนนเพียง 5.80 ถือว่าต่ำเมื่อเทียบกับอนิเมะเรื่องอื่นๆ ในซีซั่นนี้ (อนิเมะดีจะต้องคะแนน 7.00 ขึ้นไป) นั้นก็คืออนิเมะเรื่องนี้คนดูเริ่มไม่รู้สึกชอบแล้ว
จะว่าไปผมก็เห็นคนข้างๆ บ่นเหมือนกันว่าเรื่องนี้ ว่าเนื้อเรื่องไม่สนุกแล้ส ยังเผาอีก แรงไปไหมหว่า
หลังจากไปค้นดู ปรากฏว่าตอนที่ดราม่าที่สุดคือ ตอนที่สอง คือมันเผาอย่างชัดเจน คนเรียกกว่าเผานี้ว่า Sakuga Houkai (แปลว่า อนิเมวิบัติ) ที่หมายถึงอนิเมะงานห่วยหรือเผาเสียจนน่าเกลียด เผาทั้งตอน จนหมดอารมณ์ที่จะดู ทำให้เกิดดราม่า ด่าค่ายที่ทำ
ทางด้านเนื้อเรื่องก็แล้วแต่รสนิยมของคนละกัน แต่ส่วนตัวผมอยากให้มันหวือหวากว่านี้หน่อย
SSSS.GRIDMAN
SSSS.GRIDMAN (กริดแมน) เป็นอนิเมะญี่ปุ่นที่นำผลงานของซึบุรายะโปรดักชันส์ เด็นโคโจจินกริดแมน ที่ฉายในปี 1993 - 1994 มาทำใหม่ จากทีมผู้สร้างอนิเม เด็นโคโจจินกริดแมน boys invent great hero จากงาน Japan Animator Expo อนิเมชันโดยสตูดิโอ TRIGGER
ฮิบิกิ ยูตะ เสียความทรงจำและมองเห็นในสิ่งที่คนทั่วไปมองไม่เห็น เขาได้พบกับ กริดแมน จากคอมพิวเตอร์ของ ทาคาราดะ ริกกะ เพื่อนของเขา ที่เหมือนจะรู้จักเขา จนมีมอนสเตอร์เข้าโจมตีโรงเรียน คอมพิวเตอร์นั้นได้เปลี่ยนร่างยูตะ ให้กลายเป็น กริดแมน
ก่อนจะพูดถึงตัวอนิเมะ ขอระลึกชาติก่อน ความจริงไม่ได้ดูต้นฉบับญี่ปุ่นจริงๆ หรอก (หรือเคยดูก็ไม่รู้ ที่ฉายช่อง 7 มั้งจำไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ เคยฉายทางช่อง 3 แต่เป็นเวอร์ชั่นนักแสดงฝรั่ง (เหมือนกรณีพาวเวอร์เรนเจอร์) ออกไปทางตลกมากกว่า เพราะดูไม่ค่อยสมจริง แถมโทนเรื่องตลกด้วย
ไม่รู้เหมือนกันต้นฉบับจริงๆ ดราม่าหรือเปล่า ตัวอนิเมะเองก็มีหลายคนวิเคราะห์ว่ามันอาจจะดราม่าในอนาคต
เดี๋ยวผมไปดูเวอร์ชั่นต้นฉบับก่อน
(ต้นฉบับ เด็นโคโจจินกริดแมน ) เป็นละครโทรทัศน์โทคุซัทสึ ออกอากาศเมื่อวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 1993 - 8 มกรา ค.ศ. 1994 มีจำนวนตอนทั้งหมด 39 ตอน ผลิตโดยสึบุรายะโปรดักชันส์ เนื้อหาของญี่ปุ่นกับอเมริกาคล้ายกัน คือ เป็นแนวนักสู้คอมพิวเตอร์ ที่ต่อสู้ในโลกคอมพิวเตอร์ระหว่างกริดแมนกับจอมปิศาจคาร์น ดิจิเฟอร์ ยคาร์ลดิจิเฟอร์ได้ร่วมมือกับโทโดะ ทาเคชิ เด็กนักเรียนมัธยมต้นที่ทำตัวเป็นเด็กมีปัญหา ได้สร้าง ไวรัสปิศาจขึ้นมาเพื่อที่จะทำลายโลกระบบคอมพิวเตอร์ กริดแมนจึงต้องร่วมมือกับโช นาโอโตะ เด็กนักเรียนมัธยมต้น เพื่อรวมร่างกันเข้าไปสู้กับไวรัสปิศาจที่ทาเคชิสร้างขึ้น )
ใช่ มันแตกต่างอย่างมาก
ระหว่างอนิเมะใหม่กับแบบต้นฉบับ เพราะโลกต้นฉบับเป็นโลกคอมพิวเตอร์
ตัวเอกเป็นแอนตี้ไวรัส
แต่อนะเมะใหม่มาเป็นแนวอุลตร้าแมนแปรงร่างเลย (นอกเสียจากมีหักมุมโลกพระเอกอยู่แท้จริงเป็นโลกคอมพิวตอร์ก็ได้)
เห็นว่ากริดแมนฉบับเดิมมีจุดเด่นอยู่ที่เป็น อุลตร้าแมน+ หุ่นเซ็นไต เพราะมีการรวมร่างยานๆต่างๆ ให้กริดแมนเก่งขึ้น
จนออกมาเป็นหุ่นยนต์แบบเซ็นไต พอเป็นอนิเมะ ทำโดยสตูดิโอบ้าพลังหุ่นยนต์ ทำให้มีรสชาติซุปเปอร์โรบอทเข้ามาเด่นด้วย ทั้งๆ
ที่เป็นแนวยอดมนุษย์อุลตร้าแมน
เอาต่างๆ
รู้สึกเข็ดขยาดกับแนวแบบนี้อะ ด้วยเหตุผลสองเรื่อง คือเปิดเหมือนอลังตอนหลังห่วย,
ไม่ก็จบไม่ประทับใจไม่ฮาเร็ม แนวแบบนี้ช่วงหลังๆ จาพยัดเยียดดราม่า
จนรู้สึกเข็ดขยาดแนวนี้
อยากดูจำพวกจบแบบมีความสุข
ดราม่ามีก็ได้ แต่ต้องแบบรับได้ ให้ดูหักมุม ตอนหลังให้แสดงความหวัง
จบแบบมทีความสุข ไม่ใช่แบบสังเวยตัวละครเรียกดราม่าโง่ๆ
แบบนี้ไม่เอา
ไปดูคะแนนเว็บไซต์ต่างประเทศก็รีวิวแบบตรงไปตรงมาว่า
ไม่ได้หวือหวานัก คะแนนโดนกดออกไปต่ำ ไม่ก็กลางๆ หลังได้ดูตอนที่หนึ่ง
(เห็นบอกว่าเนื้อหาจะเริ่มสนใจมากขึ้นในตอนถัดไป ) แต่ผมว่าฉากต่อสู้สนุกอยู่นะ แต่ไม่น่าจดจำเท่านั้น
แม้ไม่ได้ดูกริดแมน
แต่เรื่องก็พยายามใส่ความเป็นกรีดแมนด้วย
พวกสัตว์ประหลาดนี้เห็นว่าดัดแปลงจากของต้นฉบับ แต่ปัญหาคือแนวเส้นของเรื่อง
ที่บ่บอกชัดเจนว่ามันจะดราม่าแน่ๆ จับตาดูตัวละครของเรื่องให้ดี เอามีอะไรมันๆ ในอนาคต
ส่วนตัวยอมรับว่าตัวละครเรื่องนี้น่ารักดี (ตัวละครหญิง) แต่อย่างบอกแหละ
ปล.เห็นกระทู้หลายกระทู้มีการตั้งทฤษฏีแล้วละ
ส่วนตัวไม่อยากจะตั้งทฤษฏีแล้ว
อนิเมะเรื่องก่อนตั้งทฤษฏีตั้งเยอะดันทำลายการมโนของผม ด้วยสูตรสำเร็จซะงั้น
เซ็ง....
ก็จบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ หลักๆ แล้ว ผมดู Conception: Ore no Kodomo o Undekure! เต็มตอน, Golden Kamuy 2 เต็มตอน, ไอดอลซอมบี้ก็ดูก่อนว่าตอนหลังๆ จะมาแบบไอดอลสูตรสำเร็จหรือเปล่า, โจโข้ดูบางช่วงที่ชอบ, สไลม์ดูตอนมังกรโลลิออก นอกนั้นค่อยพิจารณาอีกที จากเสียงคนที่ดูมาแล้ว (เผื่อว่าอนิเมะเรื่องไหนเกิดชอบดี ค่อยไปดูอีกที) นอกจากผมก็จะกลับไปดูอนิเมะของซีซั่นก่อนอีกหลายเรื่องด้วย
ขอให้สนุกในการดูอนิเมะครับ และก็อย่าไปเชื่อผมมากนักนะ สนุกไปไม่สนุกแล้วแต่รสนิยมของแต่ละคน
ความคิดเห็น