คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #501 : รีวิวนิยายกวีบุ๊ค เด็กมัธยมปลายเป็นเจ้าของปราสาทต่างโลก
ยังอยู่เรื่องของกวีบุ๊ค เนื่องด้วยนิยายแปลส่วนใหญ่ในเว็บจะมีระบบปลดล็อคเมื่อจ่ายเงิน (ยกเว้นนิยายแต่งเองของคนไทย ก็มีเรื่องหนึ่งน่าสนใจเหมือนกัน แต่ผมอยากให้ทุกท่านหาเอาเองละกัน)
การจ่ายเงินทำได้หลายทาง ทั้งบัตรเครดิต บัตร Visa (อันนี้ผมลอฃแล้ง ปรากฏว่าทำไมได้ ไม่รู้เพราะอะไร) กับใช้ทรูมันนี่เติมเงิน (ซึ่งแบบทรูมันนี่ค่อนข้างขาดทุนที่สุด เพราะเติม 50 แต่ได้ 43 บาทเท่านั้น ไม่รู้เพราะอะไร) เฉลี่ยแล้วตอนหนึ่งใช้ 4 บาทในการเปิด ซึ่งเนื้อหาความยาวแต่ละตอน ยาวบ้าง สั้นบ้าง ประมาณ 2-3 A4 พอได้
เฉลี่ยแล้วหากอยากปลดล็อคหนึ่งเล่ม ต้องใช้เงิน 120-140 เทียบเท่าอ่านนิยายรูปเล่มหนังสือเลยทีเดียว (ความจริงถูกกว่านิดหน่อย เพราะสมัยนี้นิยายแปลแต่ละเล่มราคาแพงแล้ว)
แน่นอนผมคงปลดล็อคนิยายทุกเรื่องในเว็บมาอ่านไม่ได้ ดังนั้นจึงเลือกนิยายที่น่าสนใจในการอ่านแทน โดยผมเลือกสองเรื่อง คือสมานโฟน กับเรื่อง เด็กมัธยมปลายเป็นเจ้าของปราสาทต่างโลก
แม้ว่าในอนิเมะสมานโฟนจะโดนด่าว่า น่าเบื่อมากที่สุด แต่ในแง่ของนิยายแปลต่างโลกแล้ว สำหรับผมถือว่าเป็นเรื่องเก่าแก่ ผูกพันกว่าใครเพื่อน เพราะเนื่องด้วยเป็นนิยายแปลเว็บเรื่องแรกที่อ่าน ผ่านแปลยั่วลิขสิทธิ์หลายครั้ง หยุดกลางคันก็หลายครั้ง จนในที่สุดก็ได้อ่านต่อเนื่องเพราะมีลิขสิทธิ์ จนมาถึงฉากที่อยากติดตามแล้ว ดังนั้นจึงเป็นนิยายที่เสียเงินเพื่อเปิดอ่านตอนไหม เพราะดูได้เรื่อยๆ ดูว่าฮาเร็มของโทยะมีเนื้อเรื่องยังไง
ส่วนอีกเรื่อง เชื่อว่าหลายคนไม่คุ้นว่าเป็นเรื่องอะไร ก็คือ เด็กมัธยมปลายเป็นเจ้าของปราสาทต่างโลก
เด็กมัธยมปลายเป็นเจ้าของปราสาทต่างโลก หรือ Kou 1 Desu Ga Isekai De Joushu Hajimemashita เป็นนิยายที่เขียนโดย Hiroyuki Kagami และภาพประกอบโดย Goban ที่เผยแพร่โดย Hobby Japan ภายใต้ HJ Bunko ( Media Factory)เล่มแรกได้รับการปล่อยตัวในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2013 ปัจจุบันยังไม่จบ ซึ่งตอนที่เขียนบทความนี้ก็ปาไป 11-13 เล่มแล้ว
Kou 1 Desu Ga Isekai De Joushu Hajimemashita เป็นเรื่องราวของพระเอกชื่อ คิโยคาวะ ฮิโรโตะ เป็นคนธรรมดา งั้นๆ แต่มีความใฝ่ฝันอยากเป็นประธานบริษัท วันหนึ่งเขาได้เพื่อนของเขาชื่อโซอิจิโร่หรือเจ้าแว่นที่เป็นเด็กเรียนดี แต่บ้าสาวเอลฟ์ กำลังทำกิจกรรมชมรมศึกษายุคกลางอยู่นั้น พวกเขาก็ถูกแผนที่โบราณลึกลับดุดเขาไปโลกแฟนตาซี
เดี๋ยวก่อน อย่าพึ่งคิดว่าเป็นนิยายต่างโลกอีกแล้วเหรอ เพราะนี้ไม่ใช่นิยายต่างโลกประเภทเก็บเลเวล ปราบจอมมาร หรือทำสงคราม มันมีอะไรแตกต่างจากนิยายทั่วไปนิดหน่อย
ฮิโรโตะกัลป์โซอิจิโร่รู้สึกตกใจ งง ว่าพวกเขาได้มาอยู่ต่างโลก ที่เหมือนยุคกลางเสียแล้ว แต่มันแปลกสิ่งที่ต้อนรับพวกเขานั้นกลับได้รับการตอบรับที่โครตแย่ เริ่มจากเกือบโดนฆ่าโดยทหารเพราะคิดว่าพวกเขาคือขโมย ดีที่ทหารสเกลตันช่วยเอาไว้ แต่ก็โดนซ้อมอีก แล้วก็ดนเจ้าเมืองบอกให้ไปทำภารกิจฆ่าแวมไพร์ที่ก่อกวนเมือง
จากนั้นเรื่องก็เล่าเรื่องราว ที่หูเหมือนแนวแฟนตาซีทั่วไป พวกพระเอกถูกคนต่างโลกเรียกว่า “ผู้มาเยือน” ที่ถูกอัญเชิญมา เวลามีเหตุภัยพิบัติยิ่งใหญ่ จนคนทั่วไปไม่สามารถแก้ไขได้ และผู้มาเยือนจะทำการแก้ไข ช่วยเหลือ จนสามารถทำให้เมืองสงบสุขอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้พวกพระเอกถูกเรียกตัวเพื่อไปปราบแวมไพร์ ที่กำลังอาละวาดดูดเลือดชาวเมือง
ฟังดูเหมือนง่ายๆ แค่ไปปราบแวมไพร์ แล้วกลับบ้าน (แถมพระเอกตกลงกับเจ้าเมืองไว้แล้ว) อย่างไรก็ตาม ระหว่างทางพระเอกก็ได้เห็นมัมมี่ กับสเกลตันทำงาน (นี้มันโลกแฟนตาซีแบบไหนเนี้ย) ก่อนที่จะทราบว่าโลกนี้มีเผ่ามัมมี่ ซึ่งคนทั่วไปรังเกียจเผ่ามัมมี่มาก
อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่สำคัญเท่า โลกใบนี้ เมืองทั้งหมด นอกจากเจ้าเมืองเจ้าของปราสาทเป็นผู้ปกครองแล้ว ยังมีสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าเจ้าเมือง ก็คือ “จิตวิญญาณแห่งเสืยง” หรือพลังสปริริท ที่ส่องตลอดเวลา โดยพลังของแสงจะมอบน้ำให้กับชาวเมือง แต่ในขณะเดียวกันหากทำอะไรไม่ดีเกี่ยวกับโลกจะทำให้สปริริทโกรธ จนแสงจางหาย แล้วนำหายนะสู่ชาวเมือง
(อย่างไรก็ตาม ผมยังกำกวมเรื่องกฎสปิริทของโลกนี้อยู่ เพราะยังมีมนุษย์บางคนใช้ความรุนแรงต่อเผ่าพันธุ์ตนเองและเผ่าอื่น แต่ไม่ถูกลงโทษ ขณะที่บางคนทำร้ายเผ่ากระดูกเล็กน้อยกลับโดนสาป)
เนื่องด้วยกฎสปิริททำให้เจ้าเมืองเป็นอาชีพที่เสี่ยงมากในโลกแฟนตาซี แม้จะมีตำแหน่งใหญ่โตก็ตาม เพราะหากปกครองไม่ดี ขึ้นภาษี ทำร้ายประชาชนบริสุทธิ์จะโดนคำสาปให้ตายทันที ชาวเมืองมองเผ่ามัมมี่และแวมไพร์เป็นปีศาจ (รังเกียจ แต่ไม่สามารถเอามาเป็นทาสได้ เพราะกลัวโดนคำสาป)
นอกจากนี้วิทยาการต่างๆ เกี่ยวกับความเจริญ (การก่อสร้าง, สุขอนามัย, ความรู้ต่างๆ ) มนุษย์โลกนี้ไม่มีความรู้เหล่านี้เลย ในขณะที่เอลฟ์ในเรื่องเชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้ ทำให้โลกนี้เผ่าเอลฟ์เป็นเผ่าที่มีอิทธิพลมาก เมืองไหนมีเอลฟ์มาก เมืองนั้นยิ่งเจริญก้าวหน้า พ่อค้ามนุษย์ก็สนใจที่จะมาค้าขาย ลงทุน ทำให้แต่ละเมืองต้องมีวิธีเชิญชวนเอลฟ์ เอาใจเอลฟ์ทุกอย่าง เพื่อให้เอลฟ์มาเยือนในเมืองของพวกตน
เมืองที่พระเอกอยู่นั้นกำลังย่ำแย่อย่างหนัก ประชากรมัมมี่เพิ่มขึ้น คนก็ไม่ค่อยมี แถมยังโดนเผ่าแวมไพร์ออกอาละวาดอีก ทำให้พ่อค้าไม่อยากจะเข้ามาค้าขาย เอลฟ์ก็ไม่ต้องพูดถึง แทบไม่อยากมาเยือน
นี่คือโลกที่พวกพระเอกอยู่ และพวกพระเอกต้องเปลี่ยนมันให้ได้
แม้ว่าพระเอกจะเป็นผู้มาเยือน แต่พระเอกแทบไม่มีสกิลเทพใดๆ เลย แต่เขาสามารถจับสาวแวมไพร์ที่ทำร้ายชาวบ้านได้ แถมมารู้ว่าสาวแวมไพร์คนนั้นเป็นเจ้าหญิงของเผ่าแวมไพร์ ซึ่งพระเอกคิดเลยว่าหากทำร้ายเธอ พ่อของเธอไม่อยู่เฉย แล้วยกพวกมาถล่มเมืองราบคาบแน่
เพื่อแก้ปัญหา พระเอกเลยเจรจาให้เจ้าเมืองทำสัญญาตกลงกับเผ่าแวมไพร์ไม่ให้ทำร้ายชาวเมือง เพื่อแลกกับการปล่อยตัวเจ้าหญิงแวมไพร์แทน ซึ่งทั้งสองฝ่ายยอมตกลง โดยพระเอกเป็นตัวกลาง
หลังแก้ปัญหาแวมไพร์ได้ พวกพระเอกคิดว่าภารกิจสำเร็จแล้ว ได้กลับบ้านแล้ว แต่ปรากฏว่ามันกลับมีปัญหาใหญ่เข้ามาอีก เมื่อแสงสปิริทของเมืองเกิดดับสนิทแบบกะทันหัน เจ้าเมืองเชื่อว่าพวกพระเอกเป็นตัวการทำทำสัญญากับแวมไพร์ เลยลงโทษจับพวกพระเอกขังใต้ดิน
อย่างไรก็ตาม ต่อมาเจ้าเมืองเกิดเสียชีวิตกะทันหัน เชื่อว่าเป็นคำสาปสปิริท เพราะการดำเนินนโยบายผิดพลาด แถมขัฃผู้มาเยือนแบบใส่ร้าย ทำให้บัลลังก์เจ้าเมืองเกิดว่างเพราะไม่มีใครอยากจะขึ้นบัลลังก์ และเพื่อแก้ปัญหานี้ ขุขนางคนสนิทของเจ้าเมืองจึงมอบผู้เหมาะสมก็คือผู้มาเยือน นั้นคือให้ฮิโรโตะมาเป็นเจ้าเมือง เจ้าของปราสาทต่างโลก ตามชื่อเรื่องนั้นเอง (ส่วนเจ้าแว่นตัวประกอบฉาก)
หน้าที่แรกของเจ้าเมืองนอกเหนือต้องแก้ไขปัญหาไฟสปิริทดับลง ฮิโรตะปฏิเสธว่าปัญหาไม่ได้เกิดเพราะเขาทำสัญญาณกับเจ้าหญิงแวมไพร์ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเขากับเจ้าแว่นคงตายไปนานแล้ว ดังนั้นน่าจะเป็นสาเหตุอื่น
ระหว่างแก้ปัญหา สิ่งแรกๆ ที่ฮิโรตะทำ ก็คือการเลือกสาวใช้ส่วนตัว ฮิโรตะสร้างความแปลกใจต่อคนรอบข้าง ด้วยการแต่ตั้งสาวมัมมี่ที่เขาพบกลางทาง มาเป็นสาวใช้ส่วนตัว ทำให้เกิดการต่อต้านจากชาวเมือง เพราะเผ่ามัมมี่ถือว่าเป็นเผ่าต่ำต้อย มีความใกล้ชิดกับพวกปีศาจ แต่พระเอกหาได้สนใจไม่ แถมยังโชว์การเปิดตัวรอบเมืองอีกต่างหาก (อย่างน้อยก็มีพี่อัศวินกระดูกเป็นผู้สนับสนุนบ้างแหละ)
ดูเหมือนว่าสิ่งที่พระเอกทำจะดีไปเสียหมด หลังจากตั้งมัมมี่สาวเป็นสาวใช้ส่วนตัว แสงสปิริทก็เริ่มจะส่องสว่างอีกครั้ง ประกอบกับต่อมาเจ้าหญิงแวมไพร์เกิดสนใจฮิโรตะ จึงไปหาที่ปราสาท แล้วเกิดไปพบเอกสารลับของขุนนางมือขวาของเจ้าเมืองคนก่อนแทน จึงนำเอกสารนี้ไปให้ฮิโรตะอ่าน ทำให้รู้ทันทีว่าทำไมไฟสปีริทถึงหายไป เพราะเอกสารรับคือนโยบายที่คิดจะรีดเงินฤาษีประชาชนเพื่อล่อเอลฟ์มาสนใจเมือง เพื่อแก้ปัญหานี้เขาจึงทำลายเอกสารต่อหน้าขุนนางคนนั้น ทำให้ไฟสปีริทกลับมาส่องสว่างเหมือนเดิม
หลังจากนั้นเมืองพระเอกก็เริ่มดีขึ้น ขุนนางยอมรับพระเอกเป็นเจ้าเมือง และก็มีเอลฟ์คนหนึ่งมาเยือนเพราะสนใจเมือง และวนใจฮีโรตะ เป็นอันจบเล่มหนึ่ง แต่มันกลับเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
นอกจากนี่นิยายยังมีการดัดแปลงเป็นมังงะด้วย
ซึ่งผมแนะนำว่าให้ดูนิยายก่อนที่จะดูมังงะ
แม้ว่ามังงะจะมีการดำเนินเรื่องตรงกับนิยาย แต่การสื่อความรู้สึกตัวละครนั้นทำได้ดีกว่า
หากคุณดูนิยายคุณอาจบ่นๆ ว่าทำไมหญิงใจง่าย พระเอกแบนจัง บลา ฯลฯ มันก็เหมือนอนิเมะแหละที่หลายคนบ่นว่ามันไม่ถึงใจ ปกตินี้นิยายแปลญี่ปุ่น
ต่างโลก ผมจะให้เครดิตเรื่องที่ดำเนินเรื่องแตกต่างจากนิยายเรื่องอื่นๆ
ที่พล็อตยอดนิยมทั้งหลาย ประกอบด้วย สกิลโกงเก็บเลเวลไปวันๆ,
เกิดใหม่เป็นตัวอะไรไม่รู้แต่ไม่พ้นพัฒนาความแข็งแกร่ง,
สร้างเมืองพัฒนาเมืองทำสงครามเรื่อยๆ, เกิดใหม่พัฒนาความสามารถ,
เกิดใหม่คิดค้นสิ่งใหม่ๆ
ซึ่งส่วนตัวผมก็ไม่ได้ให้เครดิตนิยายพล็อตแบบนี้มากนัก
เพราะขี้เกียจดูการเก้บประสบการณ์เริ่มใหม่อีกครั้ง
หลังจากเรื่องก่อนหน้าดำเนินแบบนี้อยู่แล้ว นิยายเจ้าของปราสาทต่างโลก
ดำเนินเรื่องจากพล็อตที่ผมว่า คือ พระเอกไม่มีสกิลโกง ความฉลาดพอๆ
กับมนุษย์คนอื่นๆ (แต่สิ่งที่มันทำกับตรงใจหลายคน เช่น ในเมื่อขอให้ไปทำภารกิจเฉยๆ
นก็ต้องขออะไรบางสิ อย่าให้ฝ่ายตรงข้ามได้อย่างเดียว,
ในเมื่อสาวสวยขนาดนี้ก็เอาเป็นเมียสิ มัมมี่ แวมไพร์แล้วไง น่ารักเป็นพอ),
มาต่างโลกพร้อมกันสองคน (ปกติมาคนเดียว ไม่ก็เป็นหมู่คณะ), ไม่เน้นพัฒนาเมือง
เน้นการเจรจา แต่ความสนุกก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะ
ก็ยอมรับว่าสาเหตุที่ผมดูนิยายเรื่องนี้
ส่วนหนึ่งก็เพราะภาพประกอบที่ฮาเร็มพระเอก (ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นแนวฮาเร็ม)
ก็คือน้องแวมไพร์ กับสาวมัมมี่ นี้แหละ ที่ทำออกมาน่ารัก น่าดึงดูดมาก
ก็คงต้องชมคนวาดภาพประกอบ กับคนวาดมังงะนี้แหละ ที่ทำให้ตัวละครหญิงดูเด่น จะแบนไม่แบนไม่รู้ละ
แบบว่าผมสนใจพอสมควร
ยังมีต่อ
ความคิดเห็น