ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #5 : คลังสยองขวัญลงหลุม เรื่องสั้นของจุนจิ อิโต้ (ตอนที่ 2)

    • อัปเดตล่าสุด 12 มี.ค. 53



                    พูดตรงๆ แหละไม่มีตอนไหนของจุนจิ อิโต้ที่ทำให้ผมรู้สึกกลัวสยองขวัญจนไม่กล้าเข้าห้องน้ำเลยสักตอนเพราะแต่ละตอนนั้นค่อนข้างไม่มีโอกาสจริง มันพิสดารเหนือธรรมชาติเกินไป ผิดกับสารคดีบันทึกผี ตำนานลี้ลับของผมแม้ไม่มีฉากแหวะแต่มันก็ทำให้ผมไม่กล้าเข้าห้องน้ำตอนตลกแวบหนึ่ง

                    ผมว่าการ์ตูนของอิโต้ จุนจินั้น เป็นการนำเสนอความแปลกพิสดารหรือการจับสิ่งที่พบเห็นประจำวันมาเล่นให้พิสดารพันลึกมากกว่า และนอกจากนี้ยังแฝงบทเรียนต่างๆ ในชีวิตประจำวันอีกด้วย เช่นในตอนรถไอศกรีมสอนว่าอย่าไว้ใจคนแปลกหน้า, ตอนลูกโป่งแขวนคอก็เสนอให้เรามีสติรู้จักพิเคราะห์อันตรายอยู่รอบด้าน, ตอนชายหนุ่มที่สี่แยกก็สอนว่าอย่าหลงเชื่อคนอื่นมาก ฯลฯ

                   

                    โซอิจิ(Souichi)

                    โซอิจิเป็นซีรีย์ที่ห้า ที่จุนจิ อิโต้เขียน และเป็นซีรีย์ที่ผมชอบมากที่สุด มากกว่าโทมิโอะด้วยซ้ำ แม้มันจะไม่สยองเท่าของโทมิโอะ แต่โซอิจิกลับได้จุดเด่นและนำเสนอเรื่องราวข้อคิดและมุกอมยิ้มได้เป็นอย่างดี

                    โซอิจิหรือใครๆ ก็เรียกว่าเด็กตะปูถูกทำเป็น 2 ซีรีย์คือ

    o   ไดอารีสนุกของโซอิจิ (Souichi's Diary of Delights) มี 6 ตอนจบ

    o   ไดอารีคำสาปแช่งของโซอิจิ (Souichi's Diary of Curses) มี 4 ตอนจบ

                    และยังไม่รวมตอนย่อยพิเศษอีกหลายตอนที่ลงในเรื่องสั้นในซีรีย์ต่างๆ อีกหลายตอน

                   

                    จุนจิ อิโต้เปิดเรื่องโซอิจิในตอน ช่วงปิดเทอมหน้าร้อนแสนสนุก(Fun Summer Vacation)โดยเริ่มต้นขึ้นเมื่อสองพี่น้องฮิโรเซะได้ท่องเที่ยวปิดเทอมฤดูร้อนและได้เดินทางมาบ้านนอกเพื่อไปพักบ้านญาติ  ทั้งสองได้รู้จักครอบครัวสึจิอิ ซึ่งเป็นครอบครัวปกติ สมาชิกอบอุ่นและเป็นต้อนรับอย่างเป็นกันเองกับสองพี่น้องฮิโรอย่างดี และเอาใจใส่....จนกระทั้งสองพี่น้องก็พบเด็กประหลาดคนหนึ่งชื่อโซอิจิ  โดยโคอิจิบุตรคนโตคนตระกูลสึจิอิได้อธิบายให้สองพี่น้องฟังว่าโซอิจิเป็นหนุ่มน้อยชั้นประถม6ห้องและเป็นแกะดำในครอบครัว ซึ่งมีความตรงกันข้ามกับพี่ชายและพี่สาวสึอิจิที่ร่างกายแข็งแรง หล่อสวย และฉลาด มีมนุษย์สัมพันธ์ ซึ่งโซอิจินั้นตรงกันข้าม นอกจากนี้ก็มีโซอิจิยังมีความคิดแปลกประหลาดคือคิดว่าตนเองป่วยด้วยโรคประหลาด ขาดธาตุเหล็กทำให้เขาต้องอมตะปูเหล็กและเคี้ยวในปากตลอดเวลา

                    และเขาชอบสาปแช่งคน

                    ดูเหมือนโซอิจิจะไม่ต้อนรับสองพี่น้องฮิโรเซะเท่าไหร่นัก และโดยเฉพาะคนน้องมิจินะ ฮิโรเซะ ซึ่งโซอิจิชอบแกล้งเป็นพิเศษ และการแกล้งนั้นก็ยิ่งทวีความพิเรนทร์มากขึ้น จนกระทั้งใช้คำสาปไม่ว่าจะเป็นตอกตะปูบนตัวตุ๊กตา จับตุ๊กตาโดนตู้ปลาซึ่งส่งผลใน ยูสึเกะ(พี่ชายของมิจินะ)โดนผีผลักจนเกือบจมน้ำตาย และเรื่องก็จบลงเมื่อโซอิจิแกล้งทำเป็นผีดูดเลือดแกล้งมิจิมะ  จนโดนตบส่งผลให้ตะปูทิ่มแก้มโซอิจิจนบาดเจ็บเป็นพักใหญ่ เป็นอันจบฤดูร้อนปิดแสนสนุกของสองพี่น้องฮิโรเซะไว้แค่นั้น

                    ในตอนนี้จุนจิ อิโต้ได้ใส่เรื่องจริงอย่างหนึ่งไว้ในตอนนี้ด้วย คือโรคอุปทานเกินเหตุ หรือโรคอุปทานว่าตนเองเป็นโรค hypochondria หรือว่า อาการโรคจิตกลัวความเจ็บป่วย (Fear of Ill Health) โดยเชื่อว่าตนเองเป็นโรคประหลาด และร่างกายจะเกิดอาการป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุไม่สามารถรักษาด้วยยา และผู้ป่วยมักมีความเชื่อผิดๆ ในการรักษาโรคนั้น บางครั้งมีอาการหนักในความเชื่อการรักษา เช่น เชื่อว่ากินฉี่ของตนเองตอนเช้าจะรักษาอาการโรคของตนได้

                    นอกจากนี้ฆาตกรต่อเนื่องก็ชอบเป็นโรคอุปทานเกิดเหตุเช่นกัน มีหลายคนเชื่อว่าฆ่าคนแล้วจะช่วยรักษาอาการป่วยของตนได้ หนึ่งในนั้นคือ ริชาร์ด เทรนตัน เชส (Richard Trenton Chase) 1950-1980  ที่ออกอาละวาดฆ่าคนในซาคาเมนโตส ที่สหรัฐฯ ในช่วงปี โดยเขาป่วยเป็นโรคอุปทานเกินเหตุ เขาคิดว่าสักวันเลือดในตัวของเขาจะหมดลงกลายเป็นผง บ่อยๆ ครั้งเขามักเอาผลส้มมาวางบนหัว เนื่องงจากเขาคิดเองว่ามันจะช่วยให้สมองของเขาได้รับวิตามินซีเร็วขึ้น  

                    แน่นอนโรคอุปทานเกินเหตุนั้นไม่ได้เกิดแบบปัจจุบันทางด่วน ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดูด้วย ซึ่งเรื่องของโซอิจินั้นยังไม่ได้เล่าถึงว่าทำไมเขามีพฤติกรรมแบบนี้

                    แต่นั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นของคู่กัดอีกคู่หนึ่งที่ผมชอบที่สุดในชีวิตที่หักเหลี่ยมและลงตัวมากๆ

                   

                Chapter 02: ช่วงปิดเทอมหน้าหนาวแสนสนุก (Fun Winter Vacation) เป็นตอนที่ผมชอบมากตอนหนึ่ง ผมอ่านหลายรอบมาก โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นในฤดูหนาว หลายเดือนหลังจากที่มิจิมะและยูสึเกะกลับไปโตเกียวระหว่างนั้นก็มีเหยื่อรายใหม่ชื่อฟูคายะ ยูทิโกะเป็นเด็กสาวที่กำลังเดินทางย้อมแผลใจตนเองเพราะผิดหวัง ระหว่างที่เธอเดินหาที่พักเพื่อหลบหิมะที่กำลังตกหนักอยู่นั้นเธอก็เห็นโซอิจิ และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นความพิศวงที่ฮ่าๆ ของซีรีย์นี้

                    ในตอนนี้จุดที่ผมสนใจคือตุ๊กตาที่โซอิจิตอกต้นไม้นั้นคืออะไร ผมก็ลองไปหาหลายๆ ที่ดูจนทราบว่ามันคือ อุชิโนะโคะคุไมริ (ตีหนึ่งมาเยือน) เป็นพิธีสาปแช่งอย่างหนึ่งของญี่ปุ่น โดยในเวลาตีหนึ่งของทุกคืน จะต้องนำเอาตุ๊กตาฟางมาตอกด้วยตะปูห้านิ้วเข้ากับต้นไม้ศักดิ์สิทธิของศาลเจ้าซึ่งตุ๊กตาฟางนั้นก็คือ ตัวแทนของคนที่เราต้องการสาปแช่งนั่นเองว่ากันว่าหากทำพิธีนี้โดยที่ไม่มีใครเห็นได้ติดต่อกันครบเจ็ดวัน คำขอที่ตั้งมั่นไว้จะบรรลุผลสำเร็จ

                   

                    Chapter 03: ไดอารีแสนสนุกของโซอิจิ (Souichi's Diary of Delights) และแล้วก็ถึงฤดูร้อนอีกครั้ง มิจิมะและยูสึเกะกลับเที่ยวในครอบครัวของโซอิจิอีกครั้ง  แน่นอนมิจิเมะนางเอกของเราก็ต้องพบการแกล้งที่สุดแสนพิลึกของโซอิจิอีกตามเคย                     

                    เออ.....ตอนนี้ผมอ่านเฉยๆ นะครับ ไม่รู้จะเขียนอะไรดี ข้ามไปเลยดีกว่า

                     

                    Chapter 04: เยี่ยมบ้านโซอิจิ (Souichi's Home Tutor Chapter ) เป็นตอนเกี่ยวเนื่องกัน โดยประเด็นสำคัญของตอนนี้คือการให้คนอ่านรู้ว่าโซอิจิในชั้นเรียนเป็นยังไง โดยเรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อ ครูหนุ่มไฟแรงยานางิดะคิดจะอบรมนิสัยโซอิจิให้เป็นเด็ธรรมดาบ้าง เพราะในโรงเรียนโซอิจิเอาแต่ขาดเรียนบ่อยๆ ชอบบ่นอะไรพึงพำคนเดียว และชอบแกล้งเพื่อนอีก แต่แล้วแทนที่จะเปลี่ยนนิสัยโซอิจิได้ อาจารย์หนุ่มไฟแรงนั้นดันโดนเปลี่ยนนิสัยเสียเอง

                   

                    Chapter 05: คุณครูยัดนุ่น (Mannequin Teachers) เป็นตอนต่อเนื่องจากเยี่ยมบ้านโซอิจิ เป็นตอนที่โซอิจิเปลี่ยนครูเป็นตุ๊กตายัดนุ่นแล้วก็เริ่มแกล้งเพื่อนร่วมห้องโดยเฉพาะ วาคายะ โคเซ็ทสึ หัวหน้าร่วมห้องของโซอิจิโดนหนักกว่าใครเพื่อน(ดูเหมือนว่าโซอิจิจะเกลียดคนหล่อกว่าตนเองและฉลาดกว่าตน) เลยแกล้งสารพัด จนโซอิจิเห็นว่าน่าจะมีคุณครูยัดนุ่มเพิ่มอีกตัว.......และอาจารย์คนไหนจะเป็นเหยื่อ(ไปหาดูเอาเอง)

                

                Chapter 06: วันเกิดโซอิจิ (Souichi's Birthday) พี่น้องฮิโรเซะกลับมาเยี่ยมครอบครัวของโซอิจิอีกครั้งในช่วงโกลเด้นวีค วันที่ 3 พฤษภาคม พอดีช่วงนั้นเป็นวันเกิดมิจิมะคนน้องพอดี แต่ไม่ทันได้เป่าเค้กวันเกิด โซอิจิก็ป่วนจนงานเกือบเหลว เนื่องจากงอนเพราะคนอื่นลืมวันเกิดของตน(เพราะครอบครัวเข้าใจผิดว่าโซอิจิเกิดวันที่ 6 เดือน 6 6 นาฬิกา 6 นาที 6.66 นาที)

                    (มุก 666 เป็นการล้ออะไรหลายๆ อย่าง 666ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียงทำนองความหมายไม่ดีนัก นอกจากนี้ 666 ยังเป็นเลขชองซาตาน โดยเลขนี้ปรากฏในพระคัมภีร์วิวรณ์ ซึ่งเป็นบทสุดท้ายในพระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่ พระคัมภีร์วิวรณ์เล่าถึงวันสิ้นโลก (Armageddon) ซึ่งเกิดมหาสงครามขึ้นระหว่างความดีและสิ่งชั่วร้าย โดยในที่สุดความดีหรือพระเจ้าจะเป็นผู้ได้รับชัยชนะ ทั้งนี้ในคัมภีร์นี้เรียกซาตานว่าเป็นผู้ต่อต้านพระคริสต์)

                    กลับมาที่โซอิจิต่อ จากนั้นก็มีการเล่าเรื่องสาเหตุที่โซอิจิเป็นเด็กเสียคนแบบนี้ เนื่องจากคุณย่าตามใจโซอิจิมากเกินไป และมีคุณย่าก็มีอาการทางประสาทคือ “มีนิสัยชอบพยากรณ์(ส่วนมากมักผิด) เธอพยากรณ์แม่ของโซอิจิว่าจะเกิดเป็นเด็กแฝด แต่มาถึงวันคลอดจริงกลับได้ลูกคนเดียว แต่ด้วยนิสัยไม่อยากเสียหน้าของคุณย่าเธอเลยสร้างทารกในจินตนการขึ้นโดยสมมุติว่าเป็นน้องของโซอิจิ(โซอิจิแปลว่าแฝดคนแรก ส่วนโซจิคือแฝดคนน้อง) และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของการเลี้ยงโซอิจิให้เป็นเด็กเสียคน

                   

                    ผมไม่ขอพูดเล่มที่ 2 เพราะไม่สำคัญมากนักเพราะเล่มสองของซีรีย์จะเน้นการแกล้งพิสดารของโซอิจิมากกว่า เพียงแต่มาสนใจตอนที่ปู่แท้ๆ ของโซอิจิตายแต่แทนที่โซอิจิจะเสียใจกับการตายของปู่เขากลับเสียใจเรื่องอื่น และตอนสุดท้ายของซีรีย์ คนเขียนได้เอาตัวนิยมอย่างนางแบบสยองนามฟุจิ(บึง)นางแบบสาวพราวเสน่ห์หน้าตาชวนหลอนที่เกิดไปเจอโซอิจิเข้า และเธอก็คว้าตัวจับตัวโซอิจิและหายลับเข้าป่า

                    เธอจับตัวเขาไปเพื่อ..................

                   

                    ปริศนาในบ้านผีสิง (O-bake Yashiki no Nazo) ผมยังเสียดายที่ว่าไม่น่าจบในสองตอนเลย น่าจะเพิ่มอะไรหลายๆ อย่าง เพราะผมชอบตอนโซอิจิตอนโตตอนนี้มากที่สุด(มีหลายคนบอกว่าไม่ชอบตอนนี้)

                    เรื่องเริ่มขึ้นที่หมู่บ้านชนบทแห่งหนึ่ง ได้มีคณะบ้านผีสิงมาโปรโมตให้ผู้ชมย่านชานเมืองได้ชมการแสดงของพวกเขา แต่เมื่อลูกค้าไปบริการก็พบว่าค่าเข้านั้นแพงแสนแพงเหลือเกินข้างในบ้านนั้นอะไรกันแน่นะทำไมถึงแพงเหล่านี้ นอกจากนี้ยังมีข่าวลือต่างๆ นาๆ อีกว่าใครที่เขาไปแล้วส่วนใหญ่จะหายสาบสูญไม่ก็เป็นบ้า จนสติ ด้วยคำร่ำลือถึงความน่าสยดสยองในบ้านหลังนั้น ทำให้เด็กหนุ่มคนหนึ่งได้ชักชวนเพื่อนของเขาเข้าไปชมบ้านผีสิง

                    ที่นั่นเขาได้พบกับเรื่องราวชวนหลอนมากมาย ทั้งครอบครัวประหลาดที่ชมลูกชายซึ่งเป็นเจ้าของบ้านผีสิงอย่างไม่ขาดปาก และเมื่อเขาทั้งสองมาภายในลึกสุดของบ้านผีสิงพิลึก สุดสยอง...เด็กน้อยทั้งสองจึงได้เจอกับเจ้าของบ้านผีสิงเข้า

                    แท้จริงแล้ว เจ้าของบ้านผีสิงท่าทางเจ้าเล่ห์งกเงินเห็นแก่ได้คนนี้ที่จริงเป็นหนุ่มน้อย โซอิจิ นั่นเองแม้ว่าเขาจะหันมาคาบซิการ์แท่งโตก็ตาม เจ้าตัวก็ยังนิยมใช้อมตะปูมาเรียงๆกันเป็นฟันในปากเหมือนเดิม

                    นอกจากนี้ในบ้านผีสิง เด็กน้อยทั้งสองได้พบตัวละครหน้าใหม่ ลูกชายของโซอิจิและฟุจินั้นเอง

                   

                    เด็กน้อยทั้งสองจึงหนีกันให้จ้าละหวั่น แต่หนึ่งในเด็กนั้นหนีไปทันจนกลายเป็นเหยื่อของคมเขี้ยวของลูกชายโซอิจิไป

                    ส่วนเด็กอีกคนหนีพ้นจากบ้านผีสิง โดยมีโซอิจิไล่ตามติดๆ แต่ทว่า โซอิจิก็ต้องตะลึงพรึงพรืดสะท้านเมื่อเขาพบฟุจิเมียของโซอิจินางแบบสุดสยองที่สยองกว่าเดิม มาตามผัวกลับบ้านแถมที่ขู่กำชับว่า ถ้าหนีไปอีกตาย!! และแล้วบ้านผีสิงเลยปิดกิจการนับแต่นั้นพร้อมกับการหายตัวไปของครอบครัวโซอิจิ

                    1-bake Yashiki no Nazo ปริศนาในบ้านผีสิง(ตอนจบ) และตอนนี้ก็ถือว่าเป็นตอนที่ผมชอบเหมือนกัน เพราะมันเหมือนการตัดสินสุดท้ายของโซอิจิและมิจินะยังไงอย่างงั้น โดยมาตอนนี้เริ่มออกเวอร์นิดๆ เพราะโซอิจิแอบหนีเมียมาสร้างความวุ่นวายโลกภายนอกอีกครั้งและญี่ปุ่นหลายพื้นที่ก็อยู่ภายใต้อำนาจของโซอิจิ(เด็กเกือบทั้งประเทศมีพฤติกรรมอมตะปู) ส่วนทางด้านมิจินะก็ออกตามหาครอบครัวสึจิอิที่หายสาปหายไป และจากการวิเคราะห์ตามรายทางเรื่อยๆ เธอก็พบครอบครัวครอบครัวสึจิอิ อีกครั้ง พร้อมกับโซอิจิและลูกชายนรกที่พร้อมจะสร้างความสยอง(ป่วน) และตอนจบที่หลายคนพูดเสียงเดียวกันว่า “กวนดีเนอะ”

                    น่าสังเกตที่ว่าแท้ที่จริงแล้วโซอิจินั้นมีคำสาปจริงหรือไม่เพราะ แต่ละตอนผมไม่เห็นโซอิจิปล่อยเวทมนต์หรืออะไรสักอย่าง เรื่องดำเนินเหมือนกับว่ามีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้นรอบๆ โซอิจิเท่านั้น หรือคำสาปแต่ละอย่างก็ไม่ได้พิสดารอะไรมากนัก แบบว่าปัจจุบันเราก็สามารถทำเช่นนี้ได้โดยไม่ใช้คำสาปว่างั้นเถอะ แม้ตอนโซอิจิโตเป็นผู้ใหญ่ผมก็ไม่เห็นจะใช้เวทมนต์ตรงไหน ขนาดวิ่งไล่จับเด็กก็ต้องวิ่งไล่จับเลยแทนที่จะใช้มนต์ และเวทมนต์ที่ผมเห็นก็มีเพียงเวทย์มนต์เดียวละมั้งคือ เวทย์มนต์ควบคุมครอบครัว

                   

                    เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้เป็นโซอิจิ

                    ทำไมโซอิจิถึงกลายเป็นเด็กแบบนี้ คงไม่ได้เป็นเพราะตั้งแต่เกิดแน่ๆ คนหน้าแบบนี้นิสัยดีก็มีเยอะไป คำตอบเหล่านี้อยู่ที่ครอบครัว

                    ครอบครัวมีส่วนในการป้องกันไม่ให้เด็กทำผิดหรือมีปัญหาต่อสังคม ครอบครัวมีหน้าที่ปลูกฝังนิสัยการเรียนรู้สังคมของเด็ก และพัฒนาบุคลิกภาพของเด็ก สร้างนิสัยรักการอ่าน ค่านิยม ความเชื่อมั่น และทัศนคติที่ดีกับเด็ก

                    แต่ครอบครัวของโซอิจิบกพร่อมเรื่องเหล่านี้มาก

                    เริ่มจากความรักอบอุ่นในครอบครัว จะเห็นว่าโซอิจิไม่ได้รัยความรักของครอบครัวสักนิด เขาถูกทอดทิ้งโดดเดี่ยวจากบรรดาพี่ๆ พ่อแม่แม้จะเอาใจใส่แต่ก็ไม่ได้ควบคุมให้อยู่กรอบระเบียบ ทำให้โซอิจิมีการพัฒนาบุคลิกภาพไปในทางลบ เช่นแกล้งคนในครอบครัวเพื่อได้รับความสนใจ เก็บตัว บ่นพึงพำกับตนเอง สร้างโลกส่วนตัว อิจฉาคนอื่นฯลฯ

                    สองคือการอบรมการเลี้ยงดู จะเห็นได้ว่าโซอิจิถูกเลี้ยงดูจากย่าที่มีอาการโรคประสาทตั้งแต่เด็ก ทำให้เด็กถูกเอาแต่ใจขาดความพอดี จนไม่สามารถแยกได้ว่าสิ่งไหนดีหรือไม่ดี จนไร้ซึ่งกฎระเบียบวินัย แม้โซอิจิจากขาดย่า(ย่าหายสาบสูญ) แต่พ่อแม่ก็ยังเลี้ยงดูโซอิจิแบบตามใจอยู่ดี เนื่องจากเป็นลูกคนเล็กของครอบครัว ซึ่งกลายเป็นตัวส่งเสริมให้โซอิจิกเลยกลายเป็นคนขาดเหตุขาดผล อยากได้อะไรก็ต้องได้  และ เมื่อเด็กโตมาจะกลายเป็นคนขาดความเชื่อมั่น และเริ่มก้าวร้าวต่อครอบครัวในที่สุด

                    ในอดีตมีคดีที่ ลูกที่ลุกขึ้นมาใช้กำลังความรุนแรงกับครอบครัว ก็มีหลายคดีมาก หนึ่งในนั้นคือคดีของบรูซ แบล็กแมน

                    วันที่ 18 มกราคม 1978 ประมาณตีห้า ในคอดวิทแลม บริดิชโคลัมเบีย บรูซ แบล็กแมน วัย 22 ปี ยิงและตีพ่อแม่ของตัวเอง พี่ชาย น้องสาวอีกสอง และน้องเขยจนตาย มีคนเห็นพ่อแม่เขาคุกเข่าร้องอ้อนวอนขอชีวิตที่สนามหญ้าก่อนถูกยิง(เลวชาติจริงๆ) แบล็กแมนรับสารภาพว่าเป็นฆาตกร แต่แสดงกริยาท่าทางให้ตำรวจเห็นว่า สภาพจิตของเขาไม่ได้อยู่ในสภาวะปกป้องตัวเองได้ "เชื่อผมเถอะ ผมเป็นคนบ้า" เขาพยายามขัดขื่นการจับกุม และหลังจับกุมเขาบอกกับนักจิตวิทยาที่ร่วมสอบสวนว่า "ผมไม่คิดว่าผมฆ่าพวกเขา ผมแค่พยายามปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระ ผมหวังว่าพวกเขาเป็นอิสระแล้วตอนนี้"

                    การสัมภาษณ์หลังๆ ยังพบว่าเขาจริงจังกับเรื่องนี้มาก เขาอ้างว่าได้ยินเสียงหมาหอนและปีศาจวนเวียนในหัว

                    "ในเดือนธันวาคม(หนึ่งเดือนก่อนการฆาตกรรม) เสียงในหัวผมดังขึ้นเรื่อยๆ" เขาบอกกับนักข่าว "มันเริ่มตอนที่ผมกำลังดูหนัง The Magic Christian ที่นำแสดงโดย ริงโก สตาร์และปีเตอร์ เซลเลอร์ส ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากทีวี เป็นเสียงผู้ชาย เสียงหมาเหา เสียงผู้หญิง และเสียงเพลงและมีคำพูดดังออกมาจากเพลงราวกับว่ามันจะจัดเรียงข้อมูลในสมองผมเสียใหม่ มันเกิดขึ้นในวันที 3 ธันวาคม วันแห่งพลัง ผมไม่อาจขัดขื่น มันเข้ามาครอบครองร่างผมโดยสิ้นเชิง ยิ่งกว่านั้น ยังมีเสียงผู้หญิง เธอมาเพื่อรับตัวผมไป หณิงสาวผิวขาวตาลุกเป็นไฟ ขาวหมดทั้งตัว ขาวจั๊วะ มีไฟพุ่งออกมาจากตา เธอบอกว่าที่จริงผมเป็นพระเจ้า ผมคือปีศาจและเป็นผู้ต่อต้านพระคริสต์ และเป็นเซอุสด้วย เพราะชื่อผมคือบรูซ ผมจึงเป็นเซอุส และผมเป็นรีเบส เพราะผมดื่มเบียร์ ถ้าคุณเขียนคำว่า "เบียร์" กลับหลังมันจะกลายเป็นรีบ ผมจะไม่สามารถร้องไห้หลังวันที่ 3 ธันวาคม เพราะผมไม่มีอารมณ์"

                    พ่อของบรูซเป็นวิศวกรในสำนักงานควบคุมเพลิงแห่งแวนคูเวอร์และแม่เป็นสมุห์บัญชีในสำนักพิมพ์แวนคูเวอร์ พวกเขาเพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านสวยงามราคาแพง บรูซ แบล็กแมนทำงานเป็นพนักงานเก็บขยะนอกเวลา เขาลาออกไม่กี่วันก่อนจะเกิดเหตุฆาตกรรม เราแทบไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับความตึงเครียดของครอบครัวเขามากนัก แต่คนรอบข้างบอกว่า "ก็เป็นครอบครัวที่อบอุ่นนี้" เขามักไปข้างนอกเพื่อล่าสัตว์กับพ่อบ่อยๆ

                    การตัดสินของศาลลงความเห็นว่า บรูซ แบล็กแมนจิตวิปราสโดยไม่ต้องสงสัย และเขาถูกพิพากษาให้พ้นผิดเนื่องจากเป็นคนบ้าสอดคล้องกับคำให้การของบรูซที่ว่าครอบครัวของเขาถูกวิญญาณครอบครอง เขาจึงต้องปลดปล่อยเพื่อให้ครอบครัวพ้นจาก "บิ๊กแบง" ซึ่งบรูซหมายถึง "วาระสุดท้ายของมนุษย์ชาติ เมื่อมีดาวใหญ่พุ่งเข้าชน

                    สรุปอย่าโทษเด็กเลย โทษครอบครัวของเด็กดีกว่าครับ..........

                    ผมคงเล่าเรื่องของโซอิจิไว้แค่นี้ที่เหลือไปลองหาคลังสยองลงหลุมซีรีย์ของโซอิจิมาอ่านเอาเอง มีหลายๆ คนบอกว่าโซอิจิน่ารัก ผมก็ดูหลายรอบแล้วก็พบว่าโซอิจิมันน่ารักตรงไหนฟ่ะ นิสัยก็แย่สุดๆ แต่เรื่องคำสาปนี้ผมก็อยากมีเหมือนกันนะ อิอิๆ

     

    (ยังมีต่อ+ +)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×