คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #420 : (รีวิวนิยายแมวๆ) Wagaya no Oinari-sama เทพจิ้งจอกจอมยุ่ง (ประจำบ้าน)
สำหรับบทความนี้ก็ขอรีวิวนิยายไลท์โนเวลหน่อย แต่เนื่องด้วยตัวผู้เขียนไม่สนกระแส เลยจัดนิยายเก่าๆ ที่ไม่มีใครพูดถึงเลย อย่าง เทพจิ้งจอกจอมยุ่ง (ประจำบ้าน) หนึ่งในนิยายที่หลายคนอาจไม่รู้ว่ามันมีอยู่ใยไทยด้วย
Wagaya no Oinari-sama หรือชื่อไทย เทพจิ้งจอกจอมยุ่ง (ประจำบ้าน) เป็นนิยาย (ไลท์โนเวล) ญี่ปุ่น แต่งโดย ชิบามูระ จิน (Jin Shibamura) ภาพประกอบโดย โฮเด็น เอโซ (Eizo Hoden) เริ่มพิมพ์ฉบับแรกเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2004 (จนถึงปัจจุบันตีพิมพ์ไปแล้วถึงเล่ม 7 ซึ่งเล่มที่ 7 ออกมาเมื่อปี 2007 และไม่มีเล่มใหม่จนถึงบัดนี้) ในไทยลิขสิทธิ์โดย บลิส พับลิชชิ่ง (อยู่ในหมวด J-Light ) ซึ่งตีพิมพ์เล่มที่ 7 ก่อนที่จะสำนักพิมพ์ขะปิดตัวลงพอดี
นอกจากนี้ เทพจิ้งจอกจอมยุ่ง (ประจำบ้าน) ได้รับการทำเป็นมังงะ วาดโดย Suiren Matsukaze เริ่มตีพิมพ์เมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2007 จำนวน 11 เล่มจบ และทำเป็นภาพยนตร์การ์ตูนความยาว 24 ตอนโดยสตูดิโอ Zexcs ออกฉายในช่วง 6 เมษายน ถึง 14 กันยายน 2008
เทพจิ้งจอกจอมยุ่ง (ประจำบ้าน) เป็นเรื่องราวของทาคางามิ โนโบรุ กับน้องชายชื่อ โทโอรุ อาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆในเมืองเล็กๆ มีฐานะทางการเงินที่ไม่ดีนัก วันนึงโทโอรุฝันร้ายและพร้อมๆกันนั้น ทั้งสองก็ถูกเรียกตัวให้กลับไปยังบ้านเดิมของมารดา (ซึ่งถึงแก่กรรมตั้งแต่ทั้งสองยังเด็ก) ญาติทางฝ่ายมารดาของพวกเขาคือตระกูลมิซึจิ เป็นตระกูลที่ใหญ่มากอยู่ในชนบท มีเทพีผู้พิทักษ์ (บอดี้การ์ด) น่าตาน่ารักในชุดมิโกะ ชื่อว่า โค ตระกูลมิซึจิมีบ้านหลังใหญ่บริเวณกว้าง และได้กักขังเทพจิ้งจอกไว้
โนโบรุได้ทราบจากญาติว่า โทโอรุกำลังมีภัย และทางเดียวที่จะช่วยได้ คือต้องอัญเชิญเทพจิ้งจอกสวรรค์คูเก็นออกมา คูเก็นผู้ถูกกักขังมาเป็นเวลานาน มีอายุยืนยาว เพศไม่ทราบแน่ชัด เพราะสามารถเปลี่ยนกลับไปมาระหว่างเพศหญิง-ชาย จนหลงลืมไปแล้วว่าเพศที่แท้จริงเป็นเพศอะไร แม้ว่าจะมีพลังอาคมสูงมาก แต่มีนิสัยประหลาดเอาแต่ใจยากแก่การควบคุม
เทพจิ้งจอกคูเก็นได้ช่วยโทโอรุจากภูตผี แต่ยังจะมีภูตผีอื่นๆตามมาอีกมากมายเพื่อตามล่าโทโอรุ เทพจิ้งจอกคูเก็นกับโค (เทพีผู้พิทักษ์ของตระกูลมิซึจิ) จึงต้องตามมาคุ้มกันพี่น้องทาคางามิ ถึงในเมือง การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันสร้างรายจ่าย และปัญหาอันน่าปวดหัวให้โนโบรุ (ผู้กลายเป็นหัวหน้าครอบครัว) โคผู้มีอาคมอันแข็งแกร่งสามารถควบคุมธาตุน้ำ กลับทำกับข้าวไม่เป็นทำงานบ้านได้ผิดพลาดอยู่เสมอ แถมไม่ค่อยรู้เรื่องราวในเมือง ใส่ชุดมิโกะที่สะดุดตาผู้คน ส่วนเทพจิ้งจอกคูเก็นผู้แปลงเป็นมนุษย์ (สาวสวย-หนุ่มหล่อผมทองรูปงามสะดุดตาอีกเช่นกัน) ก็ก่อเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน แถมยังมีเหล่าปิศาจผลัดเวียนกันมาคอยจ้องตามล่าโทโอรุ
เวลาผ่านไปโนโบรุก็เริ่มค้นพบสิ่งมหัศจรรย์ต่างภายในเมือง เหล่าเทพและภูตที่ใช้ชีวิตปะปนกับมนุษย์ เจ้าที่ครองศาลเจ้ามีอาคมสูงส่งอยู่ในคราบของชายหนุ่มเจ้าของร้านสะดวกซื้อ ภูตจิ้งจอกผู้เป็นภารโรงในโรงเรียน เทพเจ้าของเมืองในคราบของสาวสวยน่ารัก ผู้ใส่ตุ๊กตาหุ่นเชิดมือรูปสัตว์ไว้ทั้งสองมือ และเด็กหนุ่มทั้งสองก็ค่อยๆทราบเรื่องราวในอดีต เกี่ยวกับความสนิทสนมระหว่างเทพจิ้งจอกคูเก็นกับมารดาของพวกเขา
ในสมัยที่คนไทยเรายังไม่รู้จักไลท์โนเวล ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีนิยายประเภทนี้อยู่ ทั้งๆ ที่ญี่ปุ่นก็เริ่มมีการ์ตูนสร้างจากนิยาย และเริ่มมีการทำนิยายที่มีรูปเล่มกะทัดรัดกันแล้ว แต่ไทยเรายังไม่มีรูปแบบนี้ แถมบางคนดูถูกด้วยซ้ำ เพราะเนื้อหาอ่านง่ายๆ สบาย สมัยก่อนนิยายจะเน้นการบรรยายละเอียด เลิศรส เล่มหนาๆ คนที่ชินจึง ไม่ค่อยชอบงานเขียนประเภทนี้ในตอนแรกๆ
ดังนั้นบริษัทบลิสได้ความกล้าหาญชาญชัย ซื้อลิขสิทธิ์ไลท์โนเวลจากญี่ปุ่นมาให้คนไทยอ่านกันเป็นเจ้าแรกๆ (ความจริง มีสำนักพิมพ์หลายเจ้าที่ทำ เช่น รักพิมพ์ หรือบงกช แต่ทั้งสองเป็นนิยายที่รุปเล่มใหญ่ แต่บลิซนี้น่าจดจำ เพราะอย่างน้อยก็ทำรูปแบบของหนังสือเล่มเล็กก่อน)
สมัยก่อนนิยายไลท์โนเวลของบริษัทบลิสก็มี ยมทูตสีขาว, การผจญภัยของคิโนะ, อนเนียวจิ, เนตรสีเพลิงชานะ, ใต้ฟ้าจันทร์ครึ่งดวง, นักสืบนีท ซึ่งมันยังเป็นของใหม่ และตอนนั้นรสนิยมการอ่านนิยายผมค่อนข้างหลากหลายอยู่ (สมัยนี้ถ้าไม่ฮาเร็ม ไม่จบฮาเร็มนี้ ผมจะไม่อ่านเลย) ผมเลยซื้อไลท์โนเวลแหลก (ส่วนใหญ่อ่านเล่มแรก แต่ไม่ค่อยมีอ่านเล่มต่อไปสักเท่าไหร่)
และ เทพจิ้งจอกจอมยุ่ง (ประจำบ้าน) ซึ่งเป็นนิยายไลท์โนเวลที่ผมซื้อครบจบถึงเล่มล่าสุด จนสำนักพิมพ์ปิดตัวไป ถ้าผมจำไม่ผิด นิยายลิขสิทธิ์ไทยเปิดตัว หลังอนิเมะญี่ปุ่นฉาย ซึ่งผมรู้สึกชอบอนิเมะ เลยซื้อนิยายมาอ่าน
ก็อย่างเห็น สมัยก่อนไลท์โนเวลมีเนื้อหาหลากหลายกว่า จริงจัง เนื้อหาก็เป็นเรื่องเป็นราว บางเรื่องดราม่า บางเรื่องก็สอนความหมายของการมีชีวิต บางเรื่องก็รักโรแมนติก บางเรื่องแอ็คชั่นแฟนตาซี บางเรื่องการผจญภัย ผิดจากสมัยนี้นิยายส่วนใหญ่ โรงเรียน IS , เอจจิ (ไม่อยากเขียนคำว่าแนว ฮาเร็ม แต่เป็นฮาเร็มผสมมากกว่า ฮาเร็มแท้ๆ หายาก) ปัจจุบันก็มี แฟนตาซี, เกิดใหม่ต่างโลกมาอีก ซึ่งเน้นความนิยมของผู้อ่าน มากกว่าจะเน้นเฉพาะกลุ่ม
อย่างที่ผมบอกเอาไว้ว่านิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกๆ ที่ผมซื้อมา อันเนื่องจากชอบเนื้อหาอนิเมะ เลยศซื้อมาเก็บ แถมเป็นนิยายเรื่องแรกๆ ด้วยมั้งที่ผมอ่านมาเกือบหมดทุกเล่ม (ยกเว้นช่วงเด็กสาวเผ่ายักษ์เท่านั้นแหละที่ผมไม่ได้อ่าน) ปกติสำนักพิมพ์บลิซผมอ่านเล่มแรรกจบก็ไม่อ่านสองต่อ
ถามว่ามันสนุกตรงไหน
อืม....มันตอบยากเหมือนกัน แต่ถ้าให้ผมอธิบาย มันเป็นไลท์โนเวลที่ค่อนข้างจะเฉพาะกลุ่ม และคนที่อ่านนี้ค่อนข้างที่จะไม่สนเรื่องกระแสด้วย เพราะมันไม่ใช่นิยายตามกระแส
ขอไล่ก่อน ปกติคนดูไลท์โนเวลเขาจะถามหาความแปลกใหม่ ความสร้างสรรค์ใช่เปล่า ผมก็ตอบว่าคุณไม่สามารถหาความแปลกใหม่จาก Wagaya no Oinari-sama แน่นอน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องราวชีวิตประจำวันระหว่างมนุษย์, เทพญี่ปุ่น, ภูตผีปีศาจ ที่อยู่ร่วมกันชิวๆ อาจมีการขัดแย้งอยู่บ้าง มีฉากต่อสู้แต่ก็ไม่มีอะไรมากมาย
ความจริงเรื่องนี้ก็มีฉากต่อสู้ เรียกได้จุดเด่นของเรื่องนี้อยู่ที่ฉากต่อสู้ด้วยซ้ำ ประมาณว่าเล่มหนึ่งมีฉากต่อสู้ 60 เปอร์เซ็นต์เห็นจะได้ แต่ฉากต่อสู้ส่วนใหญ่จะไม่ได้เน้นเลือดสาด และไม่ได้เน้นฆ่ากันให้ตาย ส่วนมากฉากต่อสู้อารมณ์การ์ตูนแนวต่อสู้เวทมนต์ คาถามากกว่า สู้กับพวกภูตผีปีศาจ สมัยก่อนมีอนิเมะการ์ตูนประเภทนี้เยอะพอสมควรด้วยซ้ำ
ตอนแรกๆ ดำเนินเรื่องได้น่าสนใจ ไล่ตั้งแต่การแนะนำตัวละครให้รู้จักกัน รู้จักกับจิ้งจอก และจิ้งจอกและมิโกะผู้พิทักษ์ก็ไปอยู่บ้านด้วย หากแต่หลังจากนั้นเนื้อเรื่องก็เนิ่บๆ ไปหน่อย เพราะนิยายเรื่องนี้ไม่ค่อยมีประเด็นอะไรให้น่าติดตามมากนัก ส่วนมาก เนื้อเรื่องจะจบในหนึ่ง หรือสองเล่ม บางเล่มก็ประกอบด้วยตอนย่อย 3-4 ตอน ใครที่อยากหาความน่าติดตามนิยายเรื่องนี้ก็ตกไป
ถ้าถามว่าฮ่าไหม เพราะเห็นชื่อดูน่าสนใจ แบบ จิ้งจอก (สามัญ) ประจำบ้าน ก็ตอบในนี้เลยว่า พอแค่ยิ้มมุมปาก แม้ชื่อเรื่องจะดูเหมือนจะรั่วก็เถอะ แต่อารมณ์ของนิยายเรื่องนี้ออกไปทางสบายๆ พักสมอง เพลินๆ อะไรมากกว่า
ส่วนเสน่ห์ของตัวละคร เรื่องนี้มันแปลกตรงที่ เรื่องนี้พระเอกไม่แน่ไม่นอน หรือก็คือ ไม่มีพระเอกเลย มีแต่ตัวเอกสามคน (หรือสองคน หนึ่งตัว) นั่นคือสองพี่น้องทาคางามิ (คนพี่ดูเหมือนจะได้ฮาเร็ม) และเทพจิ้งจอก แต่ใครคิดว่าจะได้เห็นเทพจิ้งจอกโมเอะทั้งเล่ม ก็ขอเสียใจด้วย เพราะว่าเทพจิ้งจอกตัวนี้เพราะสามารถแปลงร่างได้ทั้งชายและหญิง (แถมถ้าอยู่ในบ้านจะอยู่ในร่างจิ้งจอกปกติ แต่ส่วนใหญ่ก็เน้นร่างผู้หญิงมากกว่าก็เถอะ)
นอกจากนั้นตัวละครหลักๆ ก็มีมิโกะคูลที่น่ารักที่สุดในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามก็ยังขาดตัวละครที่สร้างสีสัน (ให้เรื่องนี้ตลก) พอสมควร แต่อย่างนั้นก็ทำให้เรื่องนีได้เพลินอยู่บ้าง แต่เนื่องด้วยเรื่องนี้ไม่มีพระเอก-นางเอก ทำให้การดำเนินเรื่อง มีการแบ่งบทไม่ได้มีใครเป็นจุดศูนย์กลางเหมือนนิยายไลท์โนเวลที่เราอ่าน ส่วนใหญ่เนื้อเรื่องจะตัดไปตัดมา ระหว่างตัวเอกหลักทั้งหลายที่กล่าวมา จนเหมือนกับเป็นอนิเมะมากกว่านิยาย แถมจนบางช่วงดูน่าเบื่อด้วยซ้ำ (ประมาณว่ากำลังเนื้อเรื่องน่าสนใจ จู่ๆ ฉากก็ตัดมาให้หมดอารมณ์อีก)
ถ้าให้พูดตามตรง เรื่องนี้ค่อนข้างมีอะไรขาดๆ เกินๆ อยู่หลายเรื่องทีเดียว
หากใครผ่านอะไรที่สุดมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นแนวคอเมดี้ แนวต่อสู้ แนวภูตผีปีศาจ หรือแม้แต่แนวฮาเร็ม มาดูเรื่องอาจเกิดความรู้สึกเฉยๆ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ
ดังนั้น การดูนิยายเรื่องนี้คือความรู้สึกเพลินๆ เท่านั้น อย่างน้อยก็ไม่มีอะไรปวดตับ และข้อคิดคือการอยู่อย่างพอเพียง ที่ครอบครัวของตัวเอกเรื่องนี้ค่อนข้างจน พี่ชายที่วุ่นๆ ทำงานบ้านทุกอย่าง การมาขอมิโกะกับเทพจิ้งจอกมาเป็นสมาชิกครอบครัวใหม่ทำให้เดือดร้อนอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็มีความสุข
ครั้งหนึ่ง เทพจิ้งจอกเคยถามโทโอรุ อยากครองโลกหรือเปล่า หากเขาตกลง เพียงแค่อำนาจของเทพจิ้งจอกก็สามารถทำได้ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ โทโอรุครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนที่จะตัดสินใจปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม เพราะในตอนนี้ เขามีความสุข ที่ไม่การอะไรอีกแล้วในชีวีต ซึ่งตรงกับคอนเซ็ปเรื่องนี้พอดี
นอกจากนี้ สิ่งหนึ่งที่น่าชื่นชม อย่างหนึค่งำหรับนิยายแปลกไทย ก็คือ นิยายเรื่องนี้ได้แปลไทย และตีพิมพ์จนครบเล่มล่าสุดของมันแล้ว (ปัจจุบันนิยายเล่มนี้ไม่จบ และเล่มล่าสุดไม่ได้ออกมานานแล้ว ไม่รู้เป็นเพราอะไร) อีกทั้งระยะการแปลก็ออกมาไม่นานนัก แสดงถึงความต่อเนื่องที่น่าชื่นชมของสำนักพิมพ์บลิส ไม่เหมือนบางสำนักพิมพ์ชอบดองนิยายแปลหลายเรื่อง บางเรื่องดองเป็นหลายปีก็ไม่แปลเล่มต่อ กลับซื้อลิขสิทธิ์ใหม่ ตีพิมพ์เล่มแรก แล้วดองอีก ซื้อลิยสิทธิ์ใหม่อีก ของเก่าก็ไม่ยอมแปลใหม่ เป็นแบบนี้เรื่อยไป จนผมแทบทนไม่ไหว (ชมรมเกมอิจิโนะเล่มใหม่ออกมาสักทีเถอะ)
สรุปคือ นิยาย Wagaya no Oinari-sama manga เป็นนิยายที่อ่านได้เพลินๆ ที่ไม่ดราม่า แต่ถ้าเพียบกับตัวเลือกนิยายไลท์โนเวลที่มีมากมายในปัจจุบันอาจดูด้อยเล็กน้อย แถมไม่มีเล่มจบอีกต่างหาก (แถมอาจหายากด้อยมั้ง เพราะสำนักพิมพ์ปิดตัวไปนานแล้ว)
ความคิดเห็น