คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #388 : 9 เหตุผล ที่ Gokukoku no Brynhildr (ครึ่งหลัง) จบแบบเมากาว!??
สิ่งที่เราต้องทำใจในการอ่านการ์ตูนในแต่ละเรื่องคือ การที่จุดหนึ่งการ์ตูนได้ดำเนินเรื่องออกทะเล ดำเนินเรื่องไม่ถูกใจ ดำเนินเรื่องขัดใจคนอ่าน รวมไปถึงการดำเนินเรื่องแบบเร่งๆ (โดนตัดจบแบบฟ้าผ่า) นำไปสู่ตอนจบ งง หรือที่เรียกกันว่า “เมากาว” (ทั้งคนแต่ง กับคนดูเมากาวกันถ้วนหน้า)
“เมากาว” คำนี้เรามักเห็นในเฟสบุ๊ค ซึ่งผมเองก็ไม่ได้ทราบความหมายที่แท้จริงแต่อย่างใด แต่ถ้าให้เดาแบบกว้างๆ ก็คือ “หลุดโลก” ก็เหมือนอาการของคนเมากาวที่เห็นภาพหลอน เป็นเรื่องเป็นราว เหมือนเกิดขึ้นจริง บางทีก็เชื่อ แม้จะสว่างเมาก็ยังคงเชื่อ (หากดมกาวติดต่อกัน) และเฟ้ออะไรแปลกๆ ที่คนธรรมดาเข้าใจยาก
ที่ผ่านมา “เมากาว” ถูกนำไปล้อเลียน หรือเป็นมุกเล่นๆ กัน พบมากในเฟสบุ๊ค พวกเล่นมุก หรือไม่ก็วาดการ์ตูนแก๊ก ที่มีมุกหลุดโลก ชนิดว่าคิดได้ยังไง ไม่ก็กล้าเล่น นอกจากนี้ยังถูกนำไปใช้ในการ์ตูนบางเรื่องที่ดำเนินเรื่องแบบเมากาว คือดูไม่รู้เรื่อง กล้าเล่น ประเด็นต่างๆ ถูกเฉลยมาแบบมึน (ไม่เคลียร์ หรือมันง่ายไป) บางทีก็เฉลยไม่สมเหตุสมผล การดำเนินเรื่องขัดใจ แต่งตามใจคนเขียน ฯลฯ และสุดท้ายก็มาถึงตอนจบที่เหมือนจะไม่จบดี หรือให้อารมณ์ว่า “แน่ใจเหรอว่านี่คือตอนจบ?” (ไม่รับพวกตอนจบ ตอนพิเศษ ไม่กี่หน้า)
ใช่แล้ว ผมกำลังพูดถึง Gokukoku no Brynhildr การ์ตูนที่ผมติดตามมาอย่างยาวนาน ก็จบลงแบบเมากาวนั่นเอง....
นี่เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ที่ผมเขียนถึงการ์ตูนเรื่องนี้แต่ก็ขอทบทวนอีกครั้ง Gokukoku no Brynhildr ) เป็นการ์ตูนฮาเร็ม ไฟไซ ดราม่า โลกแสนโหดร้ายผลงานของันเบะ มาโมรุ ผู้แต่งเรื่องหูแมวโหด Elfen Lied อันโด่งดัง โดยเป็นเรื่องของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อ“มุราคามิ” ได้สูญเสียเพื่อนสมัยเด็กที่เขาชอบคือ “คุโรเนโกะ” จากอุบัติเหตุที่เขาทำให้เธอตาย และด้วยความเสียใจและตราบาป ทำให้เขาตั้งใจเรียนหนังสือเพื่อให้สักวันเขาจะได้ไปทำงานนาซ่า เพื่อพิสูจน์ว่ามนุษย์ต่างดาวมีจริง อันเป็นสัญญาที่เขากับเธอทำไว้ตั้งแต่วัยเด็ก
10 ปีต่อมา มุราคามิถึงวัยเรียนชั้นมัธยมปลาย ในโรงเรียนชั้นนำ เขากลายเป็นเด็กฉลาด ชื่นชอบเรื่องดาราศาสตร์ ชอบส่องดูดวงดาวบนท้องฟ้าเพื่อค้นหาเอเลี่ยน แน่นอนว่าเขาไม่สามารถลืมเพื่อนสมัยเด็ก เขาอยากพบเธออีกสักครั้ง แม้หลายคนบอกว่าเธอตายไปแล้วก็ตาม
จนกระทั่งวันหนึ่ง ที่ห้องของเขา มีเด็กสาวย้ายโรงเรียนมาใหม่ชื่อ “คุโรฮะ เนโกะ” และเมื่อเขาพบกับเธอขณะแนะนำตัวในห้องเรียน เขาก็ต้องตกใจเมื่อเด็กสาวคนนี้หน้าตาเหมือนเพื่อนสมัยเด็กที่ตายแล้วไม่มีผิด หากแต่ปรากฏว่าเด็กสาวคนดังกล่าวปฏิเสธว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็กของเขา และบอกว่าพวกเราเพิ่งเจอกันครั้งแรกเท่านั้น
การพบครั้งแรกของมุราคามิและเนโกะเลวร้ายมาก แต่อย่างไรก็ตามเมื่อทั้งคู่รู้จักกัน มุราคามิก็เริ่มพบว่าเนโกะเป็นคนแปลกๆ โดยเฉพาะความรู้พื้นฐานของการดำรงชีวิต ที่แทบไม่รู้อะไรเลย และเย็นวันนั้นเธอก็มาเตือนเขาว่าห้ามตกรถเด็ดขาด ไม่งั้นจะเกิดสิ่งน่ากลัวเกิดขึ้นกับเขา
ปรากฏว่าเย็นวันนั้นมุราคามิตกรถจริงๆ ตามคำบอกของเนโกะ และระหว่างทางกลับบ้านนั้น เขาก็ได้เจอดินถล่ม และในขณะที่เขากำลังถูกหินขนาดยักษ์หล่นมาใส่นี้เอง เขาก็ถูกเนโกะเข้ามาช่วยเหลือด้วยการใช้พลังเหนือธรรมชาติทำลายหินขนาดยักษ์ ทำให้เขารอดชีวิตมาได้
“ชั้นเป็นผู้ใช้เวทมนต์ค่ะ” เนโกะแนะนำตัวจริงของเธอ แก่มุราคามิ แม้ว่าเรื่องเวทมนต์จะเป็นเรื่องเหลือเชื่อยิ่งกว่าเอเลี่ยน แต่เขาได้เห็นกลับตาตนเอง ก็เริ่มเชื่อแล้วว่ามันคือของจริง
จากนั้นมุราคามิก็เริ่มรู้เรื่องของเนโกะ นอกจากเธอแล้วยังมี “ผู้ใช้เวทมนต์” คนอื่นๆ” อีกหลายคน ซึ่งพวกเธอถูกจับมาทดลองในศูนย์วิจัยลับจนไม่สามารถรู้เรื่องราวของโลกภายนอก จนกระทั่งวันหนึ่งเธอกับเพื่อนๆ ได้หนีจากศูนย์วิจัย และต้องใช้ชีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ และห้ามยิ่งเกี่ยวกับมนุษย์ธรรมดา เพราะหากพวกเธอถูกจับเมื่อไหร่พวกเธอจะถูกฆ่าทันที ส่วนมนุษย์ธรรมดาที่รู้เรื่องราวของพวกเธอก็จะถูกฆ่าด้วย
ต่อมาพระเอกก็ยิ่งพบเรื่องน่าตกใจเมื่อเขาพบว่าชีวิตของเนโกะและพรรคพวกนั้นเป็นชีวิตที่แสนสั้น พวกเธอมีชีวิตอยู่ได้ด้วยยาต่อชีวิตที่ได้จากศูนย์วิจัยที่แอบหลบหนีมาที่มีอยู่น้อยนิด หากไม่ได้รับยา “ผู้ใช้เวทมนต์ก็จะตาย” หรือหากกดปุ่มที่ติดอยู่กลางหลังคอพวกเธอก็จะตายอย่างโหดร้ายเช่นกัน นั้นเองทำให้เขาไม่สามารถทอดทิ้งพวกเธอเผชิญโลกเพียงลำพังได้ เขาจึงตัดสินใจต้องทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือพวกเธอ
Gokukoku no Brynhildr เป็นการ์ตูนที่ผมติดตามมายาวนาน (ตั้งแต่ตีพิมพ์รายสัปดาห์มาระยะหนึ่ง) แม้ตัวคนแต่งเรื่องนี้จะมีประวัติแนวปวดตับค่อนข้างมาก อย่างหูแมวโหดที่ผมตาม (มังงะ) เองก็ดราม่า ปวดตับ และจบอย่างมึนๆ (เพราะเนื้อเรื่องไม่บอกที่มาที่ไปถึงจบแบบนั้นแม้แต่น้อย) แต่ผมก็ยังตาม เพราะส่วนชอบการเล่าเรื่องของคนเขียนค่อนข้างน่าติดตาม ปมต่างๆ ในเรื่อง รวมไปถึงอารมณ์ของเรื่องมีเรื่องบีบคั้นหัวใจ ดราม่าปวดตับ (การตายของตัวละคร) ที่ทำซึ้งพอสมควร (อาจไม่มาก แต่ก็พอมีอารมณ์อยู่บ้าง) แถมมีอีเวนส์ให้พักหายใจ ให้ตลก ผ่อนคลาย
ที่สำคัญ ลึกๆ อยู่ว่า Gokukoku no Brynhildr น่าจะจบดี แอปปี้แอนดิ้ง พระเอกได้มีความสุขสักที ไม่น่าจะตามรอยหูแมวโหดที่พระเอกโครตเจ็บปวดมายาวนานหลายปี
แต่ปรากฏว่าตอนจบ Gokukoku no Brynhildr ดันตามรอยหูแมวโหดซะงั้น แถมมึนกว่าเดิมอีก!!
ความจริง Gokukoku no Brynhildr ช่วงครึ่งแรก (บทโคโตริ) ทำออกมาได้ดี สมกับเป็นคนวาดหูแมวโหดมากๆ คือยังคงอารมณ์ของสาวกลายพันธุ์ที่ตรึงอารมณ์ของคนดูได้อย่างเหนียวแน่น มีอารมณ์ร่วม เริ่มจาก พระเอกคนธรรมดาได้ไปเจอสาวกลายพันธุ์ “คุโรฮะ เนโกะ” และเพื่อนของเธออีกหลายคน ” ประกอบด้วย คานะ, คาซูมิ รวมถึง โคโตริ และ ฮารุฮิมาที่มา (ซึ่งจนถึงที่สุดแล้ว เรื่องก็ไม่เฉลยเลยว่า พวกเธอเป็นใคร มาจากไหน แต่เนื้อหาพยายามอธิบายว่า พวกเธอนั้นเป็นเด็กสาวที่ถูกจับตัวมาทดลอง และอีกพวกหนึ่งก็เป็นพวกโคลนซึ่งมีต้นฉบับอยู่) และพยายามหนีจากองค์กรลับที่มองสาวกลายพันธุ์เป็นเพียงเครื่องมือ หากใช้งานไม่ได้ก็ถูกจำกัด
พระเอกช่วยเหลือพวกเธอ เพื่อให้พวกเธอใช้ชีวิตในโลกใบนี้เหมือนคนธรรมดา ต้องผ่านปัญหาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การแก้ปัญหาเรื่องยาที่เธอจำเป็นต้องกินยาไม่งั้นต้องตาย, ต้องรับมือจากนักฆ่าที่ส่งมาฆ่าพวกเธอ ซึ่งพระเอกต้องเสี่ยงอันตรายหลายครั้ง แต่มันก็คุ้มค่าที่ทำให้เขาสามารถอยู่กับพวกเธออย่างมีความสุข
อย่างไรก็ตาม ความสงบสุขนั้นแสนสั้น และมันก็สิ้นสุดลง จากการปรากฏตัวของวายร้ายผมขาวจิซาโตะ อิชิจิคุ และ วัลคีรี่ (ชื่อจริง มาโกะ ฟุจิซากิ) ที่ลักพาตัวโคโทริ แม้ว่าพวกพระเอกจะพยายามบุกไปช่วยเหลือ แต่สุดท้ายพระเอกจำเป็นต้องกดปุ่มที่หลังคอของโคโตริเพราะความจำใจ และพระเอกน้ำตานองหนาเดูโคโตริละลาย หายไปต่อหน้าตา และเรื่องราวก็กลับมาสู่ชีวิตประจำวันที่สงบสุขอีกครั้ง เป็นอันจบครึ่งแรก
แน่นอนครับ ครึ่งแรกนี้ทำออกมาดีมาก ก็ย่อมหวังครึ่งหลัง (และตอนจบของเรื่องนี้) ว่ามันจะทำออกมาสุดยอดขนาดไหน
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ผมดูช่วงครึ่งหลัง และตอนจบที่พึ่งออกมาเมื่อไม่นานมานี้ (ไม่รู้ว่าจะมีตอนพิเศษเพิ่มเข้ามา หรือมีภาคต่อหรือเปล่า) ปรากฏว่าผมออกมาค่อนข้างน่าผิดหวังมาก จนไม่เชื่อว่าเป็นผลงานของคนแต่งที่มีประสบการณ์ และสร้างหูแมวโหด
ความจริงแล้ว การดำเนินเรื่องครึ่งหลังในช่วงแรกๆ ยังน่าติดตามอยู่ หากแต่มันเริ่มเป๋ในช่วงปรากฏตัวของตัวละครใหม่ (เพื่อนพระเอก) และด้วยเหตุผลที่ไม่ทราบสาเหตุ ช่วงใกล้จบของเรื่องทำออกมาแบบขัดใจคนดู เต็มไปด้วยคำถาม การดำเนินเรื่องที่เหมือนตัดจบ........ ตัดจบจริงๆ คือ ดำเนินเรื่องของมันอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็เร่งเรื่อง ประเด็นที่ค้างคาก็เฉลยแบบลวกๆ รวมไปถึงการตัดบทตัวละครที่น่าจะสำคัญไปดื้อๆ จนขาดอารมณ์ร่วม สิ่งเหล่านี้ทำให้คนอ่านเซ็ง เมากาวไปตามๆ กัน
และต่อไปนี่ คือการจัดอันดับ 10 อันดับ ไล่เรียงมาเลยว่าทำไมการ์ตูนเรื่องนี้ถึงได้เมากาว
เมากาว 9. บทของคานะ
ครึ่งหลังของ Gokukoku no Brynhildr เริ่มต้นด้วยการเปิดตัวตัวโกงใหม่ “ยัยป้า” หรือ โอโนเดระ แห่งสถาบันวิจัย รวมไปถึงบททาจิบานะ คานะ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่ดีที่สุดของช่วงครึ่งหลัง (หลังบทคานะนี้เละ)
ฮานะถือว่าเป็นตัวละครที่ปรากฏตัวตั้งแต่ต้นเรื่อง สาวที่มีพลังมองเห็นอนาคต และด้วยพลังนี้ทำให้พวกพระเอกอยู่รอดจนปลอดภัย ซึ่งการที่พระเอกพยายามแก้ไขอนาคตเป็นอะไรที่สนุกมาก สำหรับบทของคานะ ช่วงครึ่งหลังก็มี บทที่ตัวเองสูญเสียพลังทำนาย เป็นเพื่อนกับ “ยัยทวินเทล” ก่อนที่จะได้รับพลังใหม่ที่ดีกว่าเดิม จากนั้นก็ได้พบพี่สาวแท้ๆ ที่หายไปนาน หากแต่ยังไม่ทันที่จะรู้จักกันดี พี่สาวก็ถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา พร้อมกับพระเอกก็ตายตามด้วย ซึ่งฮัตสึเนะผู้มีพลังคืนชีพสามารถคืนชีพได้คนเดียวเท่านั้น ซึ่งตอนแรกคานะได้บังคับให้ฮัตสึเนะคืนชีพพี่สาวของเธอ หากแต่ฮัตสึเนะปฏิเสธโดยบอกว่าพระเอกนั้นทำทุกอย่างเพื่อช่วยพวกเรา ดังนั้นเธอต้องช่วยเขา ไม่อย่างงั้นพวกเธอขอตายตามดีกว่า และนั้นทำให้ฮานะจำใจให้ฮัตสึเนะช่วยพระเอกก่อน เป็นอันจบบทฮานะที่ดีที่สุดไว้เพียงเท่านั้น เพราะหลังจากนั้นคานะก็ไม่มีบทสำคัญอะไรอีก (แม้จะมีบทไปช่วยพวกพระเอกก็เถอะ)
คานะถือว่าเป็นตัวละครสำคัญในเรื่องที่อยู่รอดจนถึงตอนจบ อีกทั้งเป็นตัวละครที่น่ารัก ตลก และดราม่า ความพยายามที่ตนเองอยากมีประโยชน์เพื่อช่วยเหลือเพื่อนๆ ทำให้บางคนรู้สึกชอบเธอไม่น้อย
น่าเสียดายบทบาทคานะในตอนท้ายเรื่อง ไม่ค่อยดีมากนัก ส่วนหนึ่งคือช่วงครึ่งหลังนั้นไม่ได้เน้นเรื่องการแก้ไขอนาคตเลวร้ายสักเท่าไหร่ อีกทั้งฉากปฏิสัมพันธ์กับพระเอกก็ ทั้งๆ ที่ช่วงครึ่งแรกนี้พระเอกก็มีปฏิสัมพันธ์กับคานะที่ช่วยกันแก้ไขอนาคตที่เกิดขึ้นแบบร้ายๆ รวมไปถึงฉากเข้าห้องน้ำที่เรียกคะแนนมากโขก็ทำออกมาดี หากแต่สิ่งเหล่านี้ไม่ค่อยพบในช่วงครึ่งหลังนี้ ทำให้การส่งท้ายของการ์ตูนเรื่องนี้ขนาดพลังอย่างไม่น่าให้อภัย
เมากาว 8.การปรากฏตัวของทาเคยะ
ผมยังคงยืนยันว่าการปรากฏตัวของทาเคยะมีส่วนทำให้ Gokukoku no Brynhildr ออกมาแย่ ถือว่าเป็นการตัดสินใจผิดพลาดของคนแต่งมากๆ
โอเคผมเข้าใจคนแต่งที่อยากให้มีคู่อื่นๆ นอกจากพระเอกฮาเร็มคนอื่นบ้าง แต่ปัญหาคือ คู่ที่ว่ามันเหมาะไหมกับเนื้อเรื่องที่พระเอกทำทุกอย่างเพื่อช่วยพวกสาวๆ ซึ่งพระเอกต้องเสี่ยงชีวิต เกือบตายหลายครั้ง และมันเจ็บปวดที่หนึ่งในฮาเร็มพระเอก จำต้องออกไป เพื่อไปหาชายคนหนึ่งที่ไม่ใช่พระเอกที่ผมมองว่ามันปักธงห่วยแตกมาก
Gokukoku no Brynhildr ช่วงตอน 116-126 เป็นช่วงของรูท “ฮัทสึนะ” และการปรากฏตัวของละครชายคนใหม่ “ทาเคยะ” ซึ่งเป็นเด็กเกเร แต่ก็เป็นเพื่อนกับพระเอก และเกิดไปปิ๊งกับฮัทสึนะเข้า เลยตื้อ แม้จะรู้ความจริงว่าฮัตสึนะเป็นผู้ใช้เวทมนต์ (ที่สำคัญเธอยังบอกว่าเธอชอบพระเอกมากกว่าด้วย) ก็ยังคงชอบยังรัก จนฮันสึนะใจอ่อน
พูดตามตรงว่าทาเคยะเป็นตัวละครที่รกหูรกตามาก คือคาแร็คเตอร์แสนโบราณ เถื่อน ต่อยตีเก่ง แต่ก็เป็นคนดี และบทของทาเคยะคือมาแย่งฮาเร็มของพระเอก แย่งฮัทสึนะไปจากพระเอก พร้อมปักธงห่วยๆ ไม่ทำให้ผมเกิดอารมณ์ฟินแม้แต่น้อย จนถึงช่วงท้ายรูทผมก็อุตส่าห์ดีใจที่ตายทั้งคู่ แต่ฮัทสึนะคืนชีพซะงั้น แล้วทาเคยะไม่ตาย ทั้งคู่ก็คบเป็นแฟนจนได้แบบเซ็งๆ โ(ชคดีที่ทาเคยะมีทัศนะคติที่ห่วยแตก ทำให้ฮัทสึนะก็ไม่ได้ตกลงที่จะรับทาเคยะเป็นแฟนมากนัก แค)
หากเทียบพระเอกแล้วการปักธงของพระเอกนั้นมีพลัง มีมิติมากกว่า พระเอกร่วมทุกข์ร่วมสุขกับสาวๆ ยินดีจะตายแทนพวกเธอด้วยซ้ำ แต่ทาเคยะไม่ได้ช่วยอะไรเลยแม้แต่น้อย ยิ่งตอนที่เทเคยะพูดจะอิ๊บฮันสึนะเพราะเธอเป็นแฟนฉันแล้วนี้ มันทัศนะของพวกผู้ชายห่วยๆ ชัดๆ จนผมรับไม่ได้ที่สุด (ถ้าเป็นมุกนี้ถือว่าต่ำมาก)
ที่สำคัญบทของทาเคยะก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย ในช่วงท้ายตอนก็ไม่รู้จะปรากฏมาเพื่ออะไร พูดง่ายๆ เป็นตัวละครที่รกหูรกตาอย่างแท้จริง
เมากาว 7 จุดจับผิดเล็กๆ น้อยๆ ไรเตอร์คิก และการปรับเปลี่ยนอารมณ์ไม่ทัน
หากเราได้ไปอ่านมังงะ Gokukoku no Brynhildr เรามักเห็นอะไรแปลกๆ เสมอ นั้นคือจุดผิดพลาดของการ์ตูนเล็กๆ น้อย ที่ไม่เชื่อว่าว่าเป็นผลงานของคนแต่งการ์ตูนที่วาดการ์ตูนหลายปี
ความผิดพลาดจนกลายเป็นจุดจับผิดแบบขำๆ ก็เป็นต้นว่า ตอนที่ 110 มีผู้ใช้เวทมนต์ที่มีความสามารถหายตัวได้ หากแต่เวลาใช้เวทมนต์ตัวหาย แต่เสื้อผ้าไม่หาย แต่ที่แปลกคือแว่นของเธอนั้นกลับหายไป (ทั้งๆ ที่แว่นก็ไม่ใช้อวัยวะเลยแม้แต่น้อย) หรือจะเป็นฉากที่คานะแอบกำแพง สองช่องแรกหันขวาเข้ากำแพง แต่สองช่องต่อมาหันซ้ายเข้ากำแพง และนี่คือตัวอย่างเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เพราะหลายตอนก็พบจุดผิดพลาดบ่อยครั้ง เช่น ลืมลงสี (ช่องแรกสีดำ ช่องต่อมาสีขาวเป็นต้น) ซึ่งความผิดพลาดเหล่านี้ไม่น่าปรากฏในการ์ตูนที่มีเนื้อหาจริงๆ จังๆ เลย
ความจริงจุดผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ นี้อาจเป็นความผิดพลาดของลูกมือที่ลืมถมดำ หรือไม่ก็กระบวนการผิดพลาดในการผลิต อะไรก็แล้วแต่ มันก็อดไม่ได้ที่จะมีหลายคนรู้สึกขบขันกับความผิดพลาดแบบง่ายๆ ในมังงะเรื่องนี้ (บางอย่างคนแต่งก็ไขตอนรวมเล่ม หากแต่ก็มีบางอย่างก็ไม่แก้ไขเหมือนกัน)
นอกจากจุดผิดพลาดแล้ว สิ่งที่ฮ่าสุดๆ คือท่าถีบไรเดอร์คิกของพระเอก ที่พระเอกจะต้องถีบพวกวายร้ายในเรื่อง ที่ฮ่าคือ ท่าทีมของพระเอกนั้นมันแหวกกฎฟิสิกซ์อย่างมาก จนบางคนแอบคิดว่าพระเอกไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน (ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ด้วย)
นอกจากนี้ตัวการ์ตูนยังอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ตลอด อย่างเริ่มตอนมาแนวโครตสิ้นหวัง ตอนต่อมาก็ปลอบใจ ตอนต่อมาก็เลิฟคอเมดี้ จากนั้นก็มาตอนต่อมาก็ตลก สรุปแล้วอารมณ์แต่ละตอนมาขึ้นๆ ลงๆ มาโดยตลอด และพอมาตอนท้ายมาเร่ง จู่ๆ ก็มาแอ็คชั่น ตื่นเต้น ดราม่า จบแบบโรแมนติก ผสมกับ งง ๆ เลยปรับตัวไม่ทัน
6.เหล่าตัวละครประกอบบทหาย!??
ที่น่าตำหนิที่สุดคือ ตัวละครประกอบทั้งหลายแหล่ที่ปรากฏออกมาในช่วงครึ่งแรก ที่บางคนก็สร้างความประทับใจ (ช่วงครึ่งแรก) และบางคนเนื้อหาก็โปรยแล้วว่าอาจจะมีบทสำคัญในช่วงครึ่งหลัง หากแต่กลายเป็นว่าเพราะเนื้อหาที่พยายามเร่ง (ตัดจบ) ทำให้ตัวละครเหล่านี้ถูกลืมอย่างไม่น่าให้อภัย
ถ้าจะไล่ก็มีดังต่อไปนี้
Hexenjagd -องค์กรต่อต้านวินกาล์ฟที่มีบทสำคัญในช่วงท้ายครึ่งแรก แต่ช่วงครึ่งหลังบทหาย และช่วงโลกิอาละวาดก็มานั่งกินข้าวแบบซิวๆ สรุปคือไม่มีบทสำคัญอะไรเลย
โคโกโร่ -อาของพระเอก ผมยัง งง สรุปว่าอาพระเอกนั้นเป็นคนดี หรือไม่ดี แต่ถ้าให้เดาตั้งแต่ต้นจนจบ อาพระเอกนั้นเห็นหน้าตาแบบนี้ น่าจะเป็นคนดี เพียงแต่เกลียดสิ่งที่เหนือวิทยาศาสตร์ และสิ่งที่ท้าทายอำนาจเหนือธรรมชาติ (พระเจ้า) ซึ่งอาได้ช่วยเหลือพระเอก รวมไปถึงบอกที่ตั้งขององค์กรด้วย ว่าแต่อาฆ่าเพื่อนร่วมงานเพื่ออะไร?
แม่พระเอก - ผู้ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นลูกชายทำอะไรไว้ สามีก็บ้าวิจัย ลูกชายคนเล็กก็เกรียม (เหมือนแม่พระเอกน่าจะรู้เรื่องเกิดขึ้นทั้งหมด แต่เนื้อหาไม่ได้อธิบายอะไรเลย)
คุโระฟูกะ-อุดส่าห์รอดตายแล้วฟื้นจากสภาพผัก แต่พอเข้าองค์กรต่อต้าน Hexenjagd บทหายสนิท (ตายไปก็ดีแล้วแท้ๆ)
นามามิ-นักฆ่าขนมหวาน ที่น่าเศร้า ในช่วงครึ่งหลังแม้จะปรากฏตัวเป็นช่วงๆ แต่สำหรับผมแล้วถือว่าบทของเธอสอบผ่าน ดีที่สุดในบรรดาตัวประกอบทั้งหลายแหล
ริสะ-เพื่อนร่วมห้องของพระเอกที่ปรากฏตอนแรกๆ ที่ผมลุ้นสุดๆ ว่าเธอน่าจะเป็นตัวละครสำคัญ หรือน่าจะมีอีเวนท์เกี่ยวกับเธอบ้าง เพราะอุตส่าห์ปูว่าเธอแอบรู้ความลับที่เนโกะมีพลังวิเศษ และได้รับการช่วยเหลือจากพวกพระเอก แต่ปรากฏว่าบทเธอหายไปดื้อๆ
คัทสึกะ -ทวินเทลรุ่นน้อง หนึ่งในตัวละครประกอบที่โครตน่าสงสาร ที่เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นตัวประกอบสำคัญ เห็นได้จากบทเธอที่พยายามเข้าถึงพระเอกบ่อยครั้ง แต่ตอนท้ายหายไปสนิท
โคโตริ-ตายในชวงครึ่งแรก จากลาอย่างประทับใจไปแล้ว แต่ช่วงครึ่งหลังเธอก็ปรากฏตัวอีกครั้ง (โคลน?) ทำเอาคนดูอึ้งแด๊ก แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่มีบทสำคัญอะไรเลย และไม่รู้ว่าเธอมีหน้าที่อะไรในองค์กร
เฟรย่า-บทถือว่าสอบผ่าน ในฐานะผู้แพ้สองครั้ง
ตัวอ่อนมนุษย์ต่างดาว-อุตส่าห์นึกว่าจะกลายเป็นมนุษย์ครึ่งหลัง (อุตส่าห์ปูสำคัญมากๆ ในช่วงครึ่งแรก) แต่กลายเป็นว่าหายไปเลย
เมากาว 5 ตัวละครใหม่ครึ่งหลังสอบตกเกือบหมด
ไม่เพียงตัวละครเก่าจากครึ่งแรกเท่านั้น ตัวละครใหม่ในช่วงครึ่งหลังก็ถือว่าบทแย่มาก จากตอนแรกๆ ปรากฏตัวเหมือนตัวละครสำคัญ แต่บทสรุปออกมาตกม้าตาย ยิ่งกว่าตัวประกอบอีก (บทหาย, ไม่บอกเรื่องราวว่าตอนนี้ทำอะไรในตอนจบ ไปจนถึงตายโง่)
ส่วนตัวละครใหม่ในช่วงครึ่งหลัง
ทาเคยะ- ไม่ต้องสารยายมาก นอกจากพูดแค่ว่าคนแต่งตัดสินใจพลาดที่สุดที่เอาตัวละครนี้มาใส่เลยก็ว่าได้
ทาจิบานะ มินะ -พี่สาวของคานะ ถือว่าเป็นตัวละครใหม่ครึ่งหลังที่ดีสุดแล้ว เมื่อเทียบตัวละครอื่นๆ อย่างน้อยก็มีฉากได้เจอคานะอีกครั้ง และตายเพื่อคานะ มันเป็นอะไรที่เศร้ามากๆ
โอโนเดระ-ยัยป้า อุตส่าห์วางบทเป็นมหาวายร้ายให้คนเกลียด แต่เอาเข้าจริงกลายเป็นตัวละครที่ร้ายไม่สุดในตอนจบ ในตอนท้ายอุตส่าห์มายืนเชียร์กับพวกพระเอก สุดท้ายก็ไม่บอกว่าหายไปไหน สรุปแบบ งง
ทาคาชิโฮะ-พ่อของพระเอก และเป็นผู้นำใหญ่ขององค์กร ที่จริงแค่เสียเวลาสักหน่อย อธิบายเหตุผลพระเอก เรื่องมันก็จบแล้ว แต่มันดันลีลาเยอะ เรื่องเลยยาวซะงั้น
มากินะ -หนึ่งตัวละครที่ตอนแรกคิดว่าจะบอสใหญ่ เพราะสร้างความเจ็บปวดทางจิตใจกับพวกพระเอก แถมแย่งเนโกะไปจากพระเอกอีก มาตอนท้ายตายแบบโง่ๆ โดยการถูกโลกิกิน ตายสมเป็นเด็กเกรียมดี และมาตะลึงตอนท้ายที่แท้เขาคือน้องชายพระเอก (ละครไทยยังไม่เน่าเท่านี้เลย) ตอนแรกๆ คิดว่าตายหลอกๆ หรือมีพลังคืนชีพ แต่ปรากฏว่าตายจริงซะงั้น ไปแล้วไปลับไม่กลับมาอีกเลย
โลกิ-บอสใหญ่ของเรื่อง ที่ผมยัง งง ที่มาที่ไปของมัน โผล่มาเขมือบขวางทุกอย่างที่ขวางหน้าอย่างเดียว และบอสที่โผล่มาตายแบบธรรมดา ไม่มีความสะใจ หรืออารมณ์ร่วมอะไรเลย
ฟริสต์-เป็นตัวละครที่โครตเมากาวที่สุดในที่นี้ คืออุตส่าห์ปูบทเธอให้เป็นวาลคิเรียคนใหม่ที่มีการพัฒนาจิตใจไปสู่ด้านมืด ตอนแรกๆ ก็เป็นคนดี หากแต่ตอนยัยป้าติวเข้ม ทำให้ชีวิตของเธอเลวร้าย จนคนดูรู้สึกสงสาร จนกลายเป็นนักฆ่าล่าสังหาร จนผมคิดว่าคนนี้น่าจะเป็นฮาเร็มคนใหม่ของพระเอก พระเอกน่าจะปักธงเธอให้พ้นจากด้านมืด แต่กลายเป็นว่าคนแต่งเมากาว ในตอนท้ายเธอโดนโลกิกินตายอนาถ จบชีวิตของเธออย่างมึนๆ
เมากาว 4 ฮัทสึนะ
สิ่งที่ผมไม่ค่อยชอบ Gokukoku no Brynhildr มากๆ นั่นคือฮัทสึนะออกจากฮาเร็มพระเอก และตกลงกับทาเคยะเป็นแฟน มันเป็นอะไรที่ผมรับไม่ได้สุดๆ ด้วยซ้ำ (ผมเชื่อว่าบางคนในที่นี้ไม่พอใจด้วยซ้ำ)
จะว่าไปฮัทสึนะถือว่าเป็นตัวละครสำคัญมากในเรื่อง แม้ว่าฮันสึนะจะปรากฏในช่วงใกล้จบครึ่งแรก แต่เธอก็มีอิทธิพลกับกลุ่มมาก เนื่องจากเป็นผู้ใช้เวทมนต์ที่มีพลังฟื้นตัวเอง แถมยังสามารถรักษา หรือชุปชีวิตคนอื่นได้ แม้ว่าการ์ตูนจะผ่านช่วงเวลาปวดตับ เจ็บปวดไปบ้าง แต่เพราะฮันสึนะนี้แหละที่ทำให้รู้สึกโล่งใจหายปวดตับไปบ้าง เพราะสามารถคืนชีพตัวละครหลักจากความตายหลายต่อหลายครั้ง
ในช่วงตอนแรกนั้นฮัทสึนะชอบพระเอกมาก เพราะว่าเธอมองพระเอกเป็นคนเชื่อใจ สามารถสละชีวิตเพื่อช่วยเหลือเธอได้โดยไม่ลังเล ไปจนถึงฉากที่เธอตัดสินใจเสี่ยงชีวิตตนเองเพื่อช่วยเหลือพระเอก ซึ่งถือว่าช่วงครึ่งหลังสอบผ่านอย่างงดงามเลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งหลัง บทของฮัทสึนะก็ไม่ค่อยมีอะไรน่าจดจำ แถมเธอก็เป็นหนึ่งในตัวละครที่ทำให้หลายคนเมากาวอีกด้วย โดยเฉพาะตอนเข้าบทของเธอ และมาถึงช่วงที่สัตว์ประหลาดที่ฝังในปุ่มต้นคอฮัทสึนะได้ฟักตัวออกมา ซึ่งมันเป็นสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ดราม่าสุดๆ ก่อนที่สัตว์ประหลาดฮันสึนะจะถูกปราบในตอนท้าย (แถมตอนตาย แทนที่ฮันสึนะจะพูดถึงพระเอก กลับไปพูดถึงทาเคยะแทน มันเป็นอะไรที่เลวร้ายสุดๆ ทั้งๆ ที่พระเอกทำทุกอย่างให้ เธอกลับคิดเรื่องทาเคยะก่อนซะงั้น)
และที่เมากาวสุดๆ แทนที่บทฮัทสึนะจะไปแล้วไปลับ แบบซึ้งๆ ไปแล้ว แต่เธอกลับฟื้นคืนชีพซะงั้น แถมวิธีฟื้นคืนชีพทำเอาหลายคนโครตเมากาว (ว่าเป็นไม่ได้ยังไงเนี้ย) เรียกได้ว่าจุดเริ่มต้นของเมากาวก็ไม่ผิดนัก
3. เนโกะนางเอกที่จืดจาง
ท่ามกลางตัวละครที่มากมาย ยังมีตัวละครหญิง 2 คนที่โดดเด่นที่สุดในเรื่อง นั้นคือเนโกะ กับคาซึมิ หรือนางเอก และนางรอง ตามภาษาปากบ้านเรา และหากถามว่าสองตัวละครหญิงสอบถามหรือไม่ ผมก็ตอบว่าเนโกะนั้นสอบไม่ผ่าน
เอาง่ายๆ Elfen Lied ค่อนข้างมีเนื้อเรื่องที่ทรงพลังกว่ามาก นางเอกลูซี่นั้นเป็นนางเอกที่ค่อนข้างแรง ไม่ว่าจะเป็นนิสัยทอมบอย ดิบเถื่อน โหด มีชีวิตที่เลวร้าย แต่เธอกลับรู้สึกอ่อนแอเมื่อพบพระเอก ได้อยู่กับพระเอก และเธอทั้งสองนั้นต่างมีชะตากรรมที่ตัดกันไม่ขาด
ส่วนทางด้าน เนโกะ Gokukoku no Brynhildr กลับไม่ได้ทรงพลังเหมือนลูซี่เลย แม้จะมีประเด็นว่าเป็นเพื่อนสมัยเด็ก ทำให้พระเอกรู้สึกผิด รอคอยยาวนาน กว่าจะพบอีกครั้ง หากแต่บทของเธอนั้นก็ไม่ได้สร้างความปวดตับ หรือทำให้เกิดอะไรที่น่าจดจำมากนัก อีกทั้งคาแร็คเตอร์นิสัยเธอค่อนข้างจืดไปนิด เพราะแค่จิตใจดี เชื่อว่าทุกคนคือเพื่อน แต่นั้นก็เป็นบุคลิกที่พบเห็นในนางเอกทั่วไป สิ่งเดียวที่ทำให้ตัวเนโกะดูดีขึ้นก็มีฉากที่ทำให้พระเอกดีใจ ไปจนถึงฉากที่เธอโดนมีดแทงพระเอกน้ำตานองหน้า และฉากที่เธอทำให้พระเอกมีความสุขที่เธอจำเรื่องราวของเขาเท่านั้น พูดง่ายๆ เพราะบทของเธอจะมีค่าหากมีพระเอกมาร่วมด้วย และส่วนใหญ่เป็นครึ่งแรกทั้งสิ้น ยิ่งในช่วงหลังๆ เราแทบไม่รู้สึกเห็นรัศมีนางเอกเลยแม้แต่น้อย เพราะบทของเธอน้อย ฉากโรแมนติกกับพระเอกก็ไม่มี ฉากที่ต้องใช้พลังเธอเพื่อแก้ปัญหา พันผ่าอนาคตที่เลวร้ายก็ไม่มี แม้จะมาเร่งบทในช่วงครึ่งหลัง แต่มันก็สายไปแล้ว ที่ทำให้เนโกะกลายเป็นนางเอก
และนั่นเอง ทำให้คาซึมิกลายเป็นตัวขโมยซีนไปอย่างงดงาม
เมากาว 2.ปริศนาที่ค้างคา
แม้ว่า Gokukoku no Brynhildr จะจบ แต่มันก็มีอะไรหลายอย่างที่ยังไม่เปิดเผย แม้แต่ตอนจบเราก็ยัง คง งง กับมันอยู่ เป็นต้นว่า
-เกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวพระเอก ทำไมพระเอกถึงอยู่กับแม่ ส่วนน้องชายถึงอยู่กับพ่อ (ถ้าให้เดา แม่ของพระเอกน่าจะเป็นคนในองค์กรเหมือนกัน และไม่พอใจสิ่งที่พ่อพระเอกทำ จึงออกจากองค์กร และโกหกพระเอกว่า พ่อพระเอกตาย)
-เกิดอะไรขึ้นในวันที่พระเอกกับเนโกะตกจากเขื่อน เนโกะบอกว่าเจอศพมนุษย์ต่างดาว แต่ทำไมต้องพาพระเอกเสี่ยงไต่ขอบเขื่อน (ไปทางลับเข้าสถาบันวิจัย?) และหลายวันที่พระเอกสลบไปเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทำไมเนโกะถึงกลายเป็นตัวทดลอง
-ทำไมทวินเทลรุ่นน้องพระเอกถึงรับเลือกเป็นอีฟ และสรุปแล้วอีฟมีหน้าที่อะไรกันอะไรแน่ รวมไปถึงวัลคีเรียมีหน้าที่จริงๆ ทำอะไร
-สรุปแล้วเหล่าผู้ใช้เวทมนต์เกิดจากอะไร ทำไมถึงถูกจำกัดสิทธิ หรือถูกมองว่าเป็นแค่เครื่องมือทดลอง
ปกติเรื่องเหล่านี้จะถูกเลยด้วยบทย้อนอดีตของตัวละครแต่ละคนมีความเป็นมายังไง เพื่อให้เรื่องกระจ่างเข้าใจขึ้น แต่ที่น่าเศร้าคือการ์ตูนเรื่องนี้มีบทย้อนอดีตไม่กี่ฉาก และครึ่งหลัง บทย้อนอดีตมีเพียงไม่กี่ฉาก และไม่มีฉากย้อนอดีตเพื่อเฉลยปริศนาที่ตาใจเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย ทำให้การ์ตูนเรื่องนี้จบอย่าง งง
เมากาว 1 โลลิปริศนาปรากฏท้ายเรื่อง
ตอนจบของคล้ายๆ กับหมูแมวโหด Elfen Lied โดยเฉพาะหน้าสุดท้าย ตรงที่พระเอกต้องรอคอยเหมือนกัน เพียงแต่เรื่องนี้พระเอกไม่ได้รอคอยทรมานอะไรมากมาย เพราะรอแค่สามเดือนกว่าๆ เขาก็ได้เจอเนโกะอีกครั้ง และโผกอดกัน ทั้งคู่สัญญากันว่าจะไม่จากไปไหนอีก หากแต่ระหว่างเลิฟๆ กันอยู่นั้นจู่ๆ ก็มีตัวละครโลลิปริศนาไม่มีที่ไป ตะโกนต่อหน้าทั้งคู่ว่า “ฉันก็อยู่ที่นี้อีกคนนะ!!” ก่อนที่พระเอกกับเนโกะอึ้งแด๊กพร้อมกับพูดว่า “ใครอะ?” และเรื่องก็จบลงเพียงเท่านี้
มุกตัวละครปริศนาปรากฏตอนท้ายเรื่องไม่ใช่ของใหม่แต่อย่างใด อย่างผลงานเดิม Elfen Lied ก็จบเหมือนกัน ตรงที่ระหว่างพระเอกรอคอยการกลับมาของนางเอกอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีตัวละครโลลิปริศนาสองคนที่ไม่มีที่มาที่ไป ปรากฏตัวต่อหน้าพระเอก พร้อมกับพูดประโยคชวน งง ให้คนอ่านตีความเล่น และเรื่องก็จบลงเพียงเท่านี้เหมือนกัน
พูดง่ายๆ เอามุกเก่ามาหากินอีกครั้ง
ถ้าถามว่าตัวละครใหม่นี้คือใคร คำตอบง่ายๆ ก็คือ “คาซึมิ” นั้นเอง โดยสาเหตุที่เชื่อว่าเป็นคาซึมิก็เนื่องจากที่ในหน้าเปิดเรื่องตอนสุดท้ายที่พระเอกจับมือกับเนโกะนั้นสังเกตดีๆ ว่าตรงกลางนั้นมีเงาของใครบางคนอยู่ ซึ่งไม่ต้องเดาเลยว่าเงานี้คือคาซึมินั้นเอง อีกทั้งที่คาดผมของโลลิปริศนานั้นก็เป็นที่คาดผมของคาซึมินั่นเอง
ส่วนสาเหตุที่คาซึมิโลลิปริศนา ก็น่าจะเป็นหลังจากที่คาซึมิทำการแฮ็คเอ็ดด้า ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์ที่ใช้ควบคุมโลกิในขั้วโลกเหนือ (รวมไปถึงยังเป็นที่เก็บความทรงจำของพระเอกด้วย) แน่นอนว่าการจะแฮ็คได้นั้นจะต้องใช้พลังมหาศาล คาซึมิได้ตัดสินใจที่ช่วยด้วยการ อีเจ็กท์ปุ่มที่ 3 ของตนเอง (ซึ่งทำให้พลังมากขึ้น แต่สิ่งที่แลกมาคือทำให้ร่างกายรับภาระหนักและตัวละลายไป) อย่างไรก็ตามคาซึมิได้ทำการแฮ็คเฮ็ดด้าได้สำเร็จ และไม่ได้ลบความทรงจำของพระเอกด้วย และนอกจากนั้นเชื่อว่าเธอน่าจะใส่ความทรงจำของเธอเข้าไปในเอ็ดด้าเข้าไป (เหมือนกับกรณีของนามามิ แต่เหนือกว่าตรงที่คนอื่นๆ สามารถเห็นเธอได้) ทำให้เกิดตัวตนใหม่ขึ้นมา จนกลายเป็นโลลิปริศนาที่ปรากฏตอนท้ายเรื่องนั้นเอง
สรุปเลยว่า การปิดเรื่องด้วยการเปิดตัวละครปริศนาใหม่ที่ไม่อธิบายที่มาที่ไป ก็คือว่าเอามุกเก่ามาหินอีกครั้ง และมันก็ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้นเลย แม้ว่า Elfen Lied มุกนี้จะทำออกมาดี (หรือเปล่า) เพราะเนื้อหาสิ่งต่างๆ ได้เฉลยออกมาหมดแล้ว แต่ไม่ใช่สำหรับ Gokukoku no Brynhildr ที่เนื้อเรื่องเร่ง พลิกไปพลิกมา จนหาจุดลงตัวไม่ค่อยได้ สิ่งที่เป็นปริศนาเฉลยออกมาก็ธรรมดา ทำให้การใช้มุกตัวละครปริศนาใหม่ยิ่งทำให้คนที่ติดตามมารู้สึกหงุดหงิดแทนที่จะ เต็มอิ่มในตอนจบ (แค่มาเจอการดำเนินเนื้อเรื่องเมากาว มาเจอฉากเปิดเรื่องอีก เมาหนัก หลอนเมากาวเข้าไปใหญ่)
ข้อดีมีอย่างเดียว คือ จบแบบฮาเร็ม (!!???)
Gokukoku no Brynhildr เป็นตัวอย่างที่ดี สำหรับความเสี่ยงการติดตามการ์ตูนสักเรื่อง แม้ว่าการ์ตูนนี้จะดังระดับหนึ่ง คนแต่งมีชื่อ ได้ทำเป็นอนิเมะ และเนื้อหาตอต้นน่าติดตามากๆ แต่มันก็ใช่ว่ามันจะประทับใจจนถึงตอนจบเรื่อง เพราะมันอาจเจอเหตุการณ์สยองอย่าง “ตัดจบ ปาหมอน และเมากาว” จนคนอ่านถึงกับเซ็ง ที่หลายคนยังตามอยู่ก็เพราะบุฯเก่า และความอยากรู้ว่าตอนจบมันจะออกมาสมเหตุสมผลหรือไม่
สิ่งที่ดีที่สุดของ Gokukoku no Brynhildr น่าจะเป็นบทของคาซึมิ นางรองที่เล่นดีกว่านางเอกเนโกะด้วยซ้ำ ในแง่ตัวละครที่มีเสน่ห์ มีสีสันของเรื่อง รวมไปถึงความรักที่สู้ไม่ถ้อย แม้ทั้งรู้ว่าใจของพระเอกนั้นรักเนโกะคนเดียว แต่เธอก็พยายามจนถึงการเสียสละหลายครั้ง
สรุปคือ Gokukoku no Brynhildr ครึ่งหลัง น่าผิดหวังมากครับ
ความคิดเห็น