ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #37 : Nana to kaoru สอนเธอให้รู้จัก SM (มองสังคมญี่ปุ่นผ่านการ์ตูน R)

    • อัปเดตล่าสุด 14 ต.ค. 53



                     
    ข้อดีของการ์ตูนอีกอย่างคือการทำให้สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ เช่นแนวเลิฟคอมมาดี้ จะมีผู้หญิงสวยสักกี่คนบนโลกที่แอบหลงรักผู้ชายหน้าตาอัปลักษณ์ ไม่มีอะไรดีเด่น โง่ เตี้ย ฯลฯ แต่การ์ตูนสามารถทำเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นได้ แต่ถ้าทำแบบนี้คนธรรมดาอาจไม่อยากอ่าน(ก็แน่สิ) ดังนั้นจึงได้เสริมความสัมพันธ์ประหลาดให้แก่ตัวละครทั้งสองให้เรื่องน่าดูขึ้น.......



    นานะกับคาโอรุ(
    Nana to kaoru)

     

                    ตอนนี้เป็นอีกตอนที่ผมคิดหนักอยู่เหมือนกัน อันเนื่องจากความตัดสินใจที่ไม่รู้จะลงเรื่องไหนดี  ระหว่าง กันซึ หรือจะเป็นเรื่องนานะกับคาโอรุ

                    สุดท้ายผมจึงเลือก Nana to Kaoru อันเนื่องมาจากหนังสือที่ผมจะมาใช้เป็นข้อมูลนั้นผมต้องไปคืนห้องสมุด ขอ R อีกครั้งจะเป็นไรไป

                    นานะกับคาโอรุ (nana to kaoru) เป็นการ์ตูนที่คอหื่นบ้านเรารู้จักดี มีการกล่าวขวัญในเว็บไซต์หลายๆ ที่ ถึงความแปลกใหม่และซาบซึ้ง(??) เป็นการ์ตูนประเภทเลิฟคอมมาดี้(??) ผลงานของนักเขียนชื่อ Amazume Ryuta  ก่อนหน้านั้นเขาเขียนการ์ตูน Happy Negative Marriage เรื่องราวของพนักงานหนุ่มไฟแรงที่โดนสาวยั่ว(มันคิดลึกไปเอง) หรือจะเป็น Toshiue no Hito ที่เป็นเรื่องผู้ใหญ่ในร่างเด็กประถม(ที่จริงมีหลายเรื่องแต่ผมไม่อยากเล่าถึงนัก) วางจำหน่ายในนิตยสาร Young Animal Arashi เป็นนิตยสารที่วางจำหน่ายวันศุกร์แรกของเดือน ซึ่งในนิตยสารนั้นมีการ์ตูนที่เราชาวไทยคุ้นหูหรือเคยเห็นเหมือนกัน คือ Futari Ecchi, Ore Tama (My Balls)  ซึ่งทั้งทุกเรื่องที่กล่าวมาล้วนเป็นการ์ตูน R ที่ไม่มีทางได้ตีพิมพ์ในไทยแน่นอน

                    ผมดูการ์ตูนผลงานในนิตยสารเรื่องดังกล่าว ผ่านกูเกิ้ล พบว่าในจำนวนนั้นผมมีการ์ตูนที่ผมได้อ่านมาแล้วคือ Ore Tama (My Balls) ผลงานของ Takahiro Seguchi เป็นเรื่องราวของหนุ่มโชคร้าย(มั้ง)นามเซโตะที่จู่ๆ เขาก็กุมชะตากรรมโลกโดยไม่รู้ตัว เมื่อเจ้าโลก(??)ของเขาได้ผลึกมารร้ายที่น่ากลัวในประวัติศาสตร์เอาไว้ และการที่จะปลดปล่อยมันได้คือห้ามXXX ใน 1 เดือน แต่เรื่องไม่ง่ายอย่างที่คิดเพราะมารร้ายตัวนั้นยังมีลูกสมุนที่ซื่อสัตย์นามเอริเซ่(มารร้ายในร่างเด็กโลลิ)ที่ทำทุกวิธีทางเพื่อให้เซโตะปลดปล่อยเจ้านายของตนให้ได้ และเรื่องวุ่นๆ ก็ตามมาอีกมากมาย(ใครอยากดูก็ส่งข้อความลับมาหาผมเอง)

                    
                     Ore Tama (My Balls) ซึ่งเป็นการ์ตูนที่โด่งดังในญี่ปุ่นมากครับ โดยเฉพาะเอริเซ่นั้นดังถึงขนาดเป็นมาสคอสในอุปกรณ์ทางเพศ(??) แค่นี้ก็เดาได้แล้วใช่เปล่าครับว่านิตยสาร Young Animal Arashi เป็นนิตยสารอะไร(แม้ไม่มีฉากอย่างว่าก็เถอะ)

                    การ์ตูน Ore Tama (My Balls)  นั้นอ่านไม่ค่อยได้ความรู้เท่าไหร่(นอกจากอารมณ์หื่น) แต่เรื่อง Nana to kaoru นั้นมีแน่ครับ

                    หลายคนยังสงสัยอาจว่าผมว่าการ์ตูน R  มันได้ความรู้ได้ไงฟ่ะ มีแต่ฉากสัปดน ผมก็ยอมรับแหละครับว่าตอนแรกที่ผมโหลดการ์ตูน นานะกับคาโอรุ มาอ่านนั้นหวังเอาหื่นอย่างเดียว แต่เมื่ออ่านนานๆ เข้าความหื่นนั้นกลับกลายเป็นความเครียด ความน่ากลัว และกลายเป็นการ์ตูนอีกเรื่องที่ผมคิดมากอย่างไม่น่าเชื่อ

                    มันมีอะไรนอกเหนือจากความหื่น!!

                    เนื่องจากเป็นการ์ตูน R ดังนั้นถ้าผมเล่าอะไรไปไม่ดีกับเด็กนั้นก็ขอโทษด้วยครับ อย่างที่ผมบอกอ่านเพื่อเอาความรู้ ไม่ต้องไปดูการ์ตูนเรื่องนี้ก็ได้ครับ ฟังผมเล่าเรื่องย่อดีกว่า

                    ก่อนอื่นขอบอกว่าการ์ตูนเรื่อง Nana to kaoru นั้นไม่ใช้การ์ตูนโป๊นะครับ เป็นการ์ตูนระดับ R แต่ไม่มีประเด็นทางเพศเข้ามาเกี่ยวข้องทั้งสิ้น แม้เรื่องนี้จะมีเรื่องซาดิสต์เข้ามาเกี่ยวข้องก็ตาม แต่ไม่มีฉากรุนแรง หรือดูถูกผู้หญิงอะไรทั้งสิ้น

                    Nana to kaoru ตอนแรก ฉากเปิดเรื่องออกมา ก็พบฉากที่เราพบเห็นแนวการ์ตูนคอมมาดี้ทั่วๆ ไป คือฉากที่พระเอกของเรานามคาโอรุกำลังฝันหวานกับผู้หญิงในฝันของเขา นั้นคือนานะนางเอกของเรื่อง ในฝันนั้นเขาได้เล่นซาดิสต์กับนานะอย่างสนุกเมามัน.......

                    
                    แต่ฝันก็คือฝัน คาโอรุตื่นขึ้นมาจากฝัน แล้วก็พบโลกแห่งความเป็นจริง สภาพห้องของคาโอรุนั้นรกรุงรัง หนังสือ,ซีดีตกอยู่เต็มห้อง ที่น่าสนใจคือบนเตียงของคาโอรุนั้นมีหนังสือแคตตาล็อกขายอุปกรณ์ซาดิสต์

                    จากนั้นเรื่องก็เฉลยว่าคาโอรุนั้นเป็นคนมีงานอดิเรก แต่งานอดิเรกของเขานั้นต่างจากคนอื่นๆ นิดๆ หน่อยๆ ตรงที่เขาเป็นคนชอบอุปกรณ์ซาดิสต์(SM) เขาสะสมทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ SM ไม่ว่าจะเป็นชุดรัดของผู้หญิง เชือก แส้ ที่แต่ละอันนั้นราคาหมื่นเยนขึ้นไป........

                    (สิ่งที่ผมคิด คาโอรุนั้นเป็นตัวแทนของคนญี่ปุ่นที่ส่วนใหญ่(เกือบทั้งหมด) ที่เอาใจใส่และเห่องานอดิเรกของตนมาก แต่ละคนมักมีงานอดิเรกอย่างใดอย่างหนึ่งเสมอเพราะถือว่ามีความจำเป็นเพราะจะทำให้เขารู้สึกภาคภูมิใจ หากไม่มีงานอดิเรกจะถูกมองว่าเป็นคนที่ขาดความสมบูรณ์จิตใจในสังคมญี่ปุ่นทันที เช่นภาพการ์ตูนญี่ปุ่นที่เราได้ดูกันจะเห็นพวกนักธุรกิจใหญ่ชอบเอาลูกน้องมาเล่นกอลฟ์ในวันหยุด จนครอบครัวของลูกน้องขาดความอบอุ่นและเวลาจะเล่นนั้นจะตะบี้ตะบันเล่นถึงวันละ 8 ชั่วโมงขึ้นไป นอกจากนี้คนญี่ปุ่นจะเห่อพร่ำพูดเรื่องงานอดิเรกอย่างไม่รู้จบจักสิ้น และพอใจอย่างมากหากใช้งานอดิเรกอย่างนี้กับคนอื่นๆ)

                    จากนั้นเรื่องก็ดำเนินเหมือนเลิฟคอมมาดี้ทั่วไปอีกครั้ง คาโอรุลุกขึ้นออกจากบ้านก็พบกับนานะหญิงสาวที่เขาเห็นในฝัน ในโลกแห่งความจริงนั้นเขาก็สนิทกับเธอพอสมควร เพราะเขาและนานะอยู่ห้องในแมนชั่นใกล้ๆ กันอีกทั้งยังสนิทสนมตั้งแต่เด็ก แต่สำหรับคาโอรุกับนานะแล้วเสมือนเป็นหมาวัดกับดอกฟ้า ที่ทั้งคู่ดูยังไงไม่เหมาะสมกันเลย นานะเป็นผู้หญิงสวยและฉลาด อยู่ชมรมกรีฑา สภานักเรียน มีความรับผิดชอบสูง รักความยุติธรรม อยู่ห้อง A ห้องที่มีแต่คนสวยและฉลาด ส่วนคาโอรุนั้นทั้งตัวเตี้ย ตาโต หน้าเหมือนเต่าง่วงนอน แถมยังโง่อีก ทำให้อยู่คนละห้องกับนานะ เป็นห้อง F ถือว่าเป็นห้องระดับต่ำที่รวมแต่พวกโง่ทึบที่สุดในโรงเรียน

                    นานะกับคาโอรุทั้งคู่จะสนิทเฉพาะในแมนชั่นและเดินมาโรงเรียนด้วยกันเท่านั้น และเมื่อมาถึงโรงเรียนคาโอรุก็เห็นความจริงเบื้องหน้า เมื่อเขาพบประธานนักเรียนหนุ่มหล่อรวยและฉลาดมาทักกับนานะ และทำตัวสนิทกับนานะทันที ทำให้คาโอรุต้องถอย พร้อมกับรำพันให้นานะได้ยินว่า “ฉันไม่คู่ควรกับพวกห้อง A หรอก”

                    (สิ่งที่ผมคิด ชาวญี่ปุ่นนั้นถือว่า ความแตกต่างในยศฐาบรรดาศักดิ์ของแต่ละบุคคลนั้นเป็นธรรมชาติที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในสังคมญี่ปุ่น

                    การแบ่งยศของญี่ปุ่นยังมีให้เห็นในปัจจุบัน เช่นกลุ่มในโรงเรียน กลุ่มพนักงานบริษัท ทั้งนี้ความแตกต่างลำดับชั้นมาจากระบบการปกครองของญี่ปุ่นโบราณโดยแบ่งตามชาติกำเนิด ซามูไรกับชาวนาและมีการแข่งขันในการเลื่อนยศอยู่ตลอดเวลา แม้ระบบนี้จะล่มสลายในปัจจุบันแล้วก็ตาม แต่ญี่ปุ่นทุกวันนี้ยังคงมีการแบ่งชนชั้นกันอย่างชัดเจนเหมือนกับอดีต เช่น เด็กที่พ่อแม่ที่ได้รับการศึกษาดีมักได้เปรียบในการศึกษาและการสอบ ธุรกิจที่มีการสืบทอดให้แก่ลูกมากกว่าสืบทอดแก่คนที่มีความสามารถ โดยเฉพาะธุรกิจยักษ์ใหญ่ ลูกของแพทย์มักมีอาชีพตามพ่อ นอกจากนี้ก็ยังมีคนเรียนเด่นกว่ามักเดินนำหน้า คนฉลาดกว่าจะได้นั่งในมุมที่ดีกว่าในเวลาเรียน)

                    จากนั้นคาโอรุก็รวมกลุ่มกับพวกห้อง F ตอนแรกผมก็คิดว่าเขาจะเป็นเด็กประเภทถูกเด็กในห้องพากันกลั่นแกล้งเสียอีกเพราะรูปร่างแบบนี้น่าจะเป็นโดยไม่ยาก(ทั้งเตี้ย ทั้งอ่อนแอ)  แต่ปรากฏว่าไม่ใช้  คาโอรุนั้นเป็นเด็กธรรมดาทั่ว ตามภาษาเด็กนักเรียนญี่ปุ่นคือมีเพื่อนสนิทสองคน  ชนิดที่เรียกว่าผีย่อมเห็นผีด้วยกัน พูดง่ายๆ ชีวิตของคาโอรุนั้นสบายๆ เรื่อยเปื่อยเป็นวัน ๆ

                    
                    จากนั้นฉากก็ตัดมาที่นานะ นานะกำลังปรึกษากับอาจารย์ที่ปรึกษาอยู่ เรื่องเรียนต่อ ครูที่ปรึกษาของนานะบอกว่าเกรดของเธอนั้นไม่ดีเสียเลย อาจทำให้เธอไม่สามารถเข้าเรียนตามที่เธอต้องการได้ นานะเริ่มกังกลเรื่องเกรด อาจารย์เลยบอกวิธีแก้ไขโดยบอกว่า “นานะเธอมีความเครียดสะสมมากเกินไปนะ ลองเติมรสชาติของชีวิตลงบ้าง ลองปล่อยวาง เช่นหางานอดิเรกทำ งานอดิเรกอะไรก็ได้ที่ทำให้ผ่อนคลาย........”

                    (สิ่งที่ผมคิด ชาวญี่ปุ่นนั้นได้รับภาระหนักเหลือเกิน เนื่องจากสังคมรอบข้างนั้นมีแต่ความกดดัน ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว กลุ่ม และสังคม ที่แสดงให้เห็นว่าต้องปฏิบัติตามหน้าที่ ภาพที่คุณเห็นข้างบนคือสีหน้าของนานะที่อยู่เบื้องหลัง ภาพที่เธอแสดงออกเมื่ออยู่กับกลุ่มเพื่อนๆ จะดูร่าเริงแจ่มใส แต่พอลับหลังเธอทุกข์ เพราะต่างคนต่างใช้เธอรับผิดชอบงานต่างๆ ที่เข้ามาแบบชนิดเลยว่า โยนงานให้เธอคนเดียว ทำให้เธอกดดัน แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะว่าวิถีคนญี่ปุ่นคือห้ามปฏิเสธและจะต้องรักษาความปึกแผ่นของกลุ่ม)

                    ฉากตัดมาถึงตอนเย็น นานะกลับบ้านคนเดียว ในใจก็กังวลถึงงานอดิเรก ดูเหมือนว่าชีวิตของเธอมีแต่เรื่องเรียน โดยไม่สนใจเรื่องงานอดิเรก ทำให้เธอไม่รู้ว่าจะทำอะไรเพื่อคลายเครียด ระหว่างที่กลับห้องนั้นเองเธอก็พบกับแม่ของคาโอรุ เลยหยุดคุยกัน และแม่ของคาโอรุก็ไหว้วานนานะช่วยซ่อนถุงที่ใส่ของสะสม SM ของลูกชายเธอไว้หนึ่งคืนเนื่องจากเอื่อมระอาที่ลูกชายเอาแต่หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องแบบนี้จนเสียการเรียน

                    
                   นานะรับปาก จากนั้นก็เข้าห้องของตัวเอง และจู่ๆ เธอก็นึกสนุกว่าของที่คาโอรุสะสมนั้นคืออะไร เธอเลยเปิดถุงดูปรากฏว่าเป็นชุดหนังซาดิสต์ที่ขนาดพอดีกับตัวเธอ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นนานะ เธอเลยลองใส่ชุดนั้นดู และเมื่อเธอใส่แล้วปรากฏว่า....ชุดมันล็อก

                    และนี้เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด......  

                   ทางด้านคาโอรุตอนนั้นกำลังหัวฟัดหัวเหวี่ยง เรื่องชุด SM สุดที่รักหายไป ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงกดกริ๊งหน้าบ้าน โอ๊ะนานะนี้น่ามีอะไรเรอะ แล้วทำไมหน้าแดงละนี้??

                    ทั้งสองอยู่ที่ห้องของคาโอรุ นานะเปิดเสื้อโค๊ตอย่างเนียงอาย คาโอรุอึ้งนี้เมื่อนานะหญิงในฝันของเขาใส่ชุด SM ของเขา(ที่ตั้งใจให้นานะใส่)และกำลังให้เขาดู  โอ้พระเจ้า......จอร์ดมันยอดมาก.....จริงหรือนี้ แต่ดีใจออกหน้าออกตาไม่ได้ เดี๋ยวหาว่าเราโรคจิต มันต้องเล่นตัว ตีสีหน้าสักหน่อย

                    “แล้ว.....เธอถือวิสาสะยังไงมาสวมชุดคนอื่นเล่า!!” คาโอรุตะโกนเสียงลั่นทำท่าโกรธ

                    นานะได้ยินก็ร้องไห้แบบผู้หญิงที่ต้องการขอความช่วยเหลือ  ก็ชุดในล็อกอ่ะ ดูสิกุญแจมันล็อกตรงเข็มขัดพอดีเลย ไม่มีกุญแจจะไขอ่ะ เธออยากให้คาโอรุช่วยเอาชุดนี้ออกหน่อยไม่งั้นไปโรงเรียนไม่ได้แน่  ระหว่างที่นานะกำลังบ่นพึงพำนั้นเอง คาโอรุมองดูนานะ เธอช่างสวยเหลือเกิน ตอนเด็กๆ เล่นหัว อาบน้ำด้วยกันแท้ๆ พอโตมาก็ไม่ได้คุยกันเลย ไหนๆ ก็โอกาสแบบนี้ นานๆ จะมีสักครั้ง เอาละว่ะ เสี่ยงเป็นเสี่ยง

                    
                    ด้วยความคิดตื้นๆ ที่ไม่ได้หวังผลอะไรของคาโอรุ เขาโชว์กุญแจ ให้นานะดู นานะดีใจ แต่คาโอรุยังไม่เอากุญแจไขชุดทันที เขาอยากจะเสี่ยงๆ อะไรนิดหน่อย ตอนนี้เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบนี้น่า เขาจึงเริ่มใช้จิตวิทยากดดันนานะ

                    “ก่อนอื่น” คาโอรุเอ่ย “ทำไมเธอถึงสวมชุดนี้หา” คาโอรุทำท่าดุ

                    “ก็แม่ของเธอ ขอร้องให้ฉันช่วยหน่อย....ก็เลย” นานะแก้ตัว

                    “นี้หาว่าแม่ฉันเป็นคนผิดเรอะ หรือเป็นเพราะฉันเธอเลยสวมชุด SM แล้วโดนล็อกรึไง”คาโอรุตอบโต้

                    “ก็........”

                    จากนั้นคาโอรุก็เริ่มเอาเรื่องสวนตัวมาพูด “ฉันพูดถูกใช่รึเปล่า เธอละเมิดสิทธิส่วนตัวของฉันรู้ตัวไหม เธอทำตามใจแบบนี้ได้ไง” คาโอรุยิ้มทำหน้าหื่น เพราะว่าเขาเริ่มรู้ตัวว่าจิตวิทยาของเขาได้ผลแล้ว

                    “ฉันขอโทษ....”

                    ประโยคต่อไปคาโอรุผสมเรื่องที่แค้นในตอนเช้าวันนี้เข้าไปด้วย“ใช่สิ สำหรับฉันแล้ว ฉันมันน่าขยะแขยงในสายตาเธอนี้ เธอคิดใช่ไหมนานะ”

                    “ไม่ใช่นะ คาโอรุ นอกจากคาโอรุแล้ว...ไม่มีใครเชื่อใจอีกแล้ว....” นานะทำหน้าอายสุดขีด และทำตาขอร้อง “ขอกุญแจให้ฉันเถอะนะ....”

                    คาโอรุได้ยินประโยคนี้ก็รู้ได้เลยว่าเขากำลังได้ชัย ก่อนที่จะกดดันประโยคเด็ด

                    “เธอต้องรับผิดชอบสิ่งที่เกิดขึ้นนะ เราต้องแลกเปลี่ยนกันหน่อย ฉันจะปลดล็อกชุด SM ให้ แต่ไหนๆ เธอก็ใส่ชุดของฉันแล้ว เธอโชว์ตัวให้ฉันดูหน่อยสิ(เหอๆ)”

                    ปรากฏว่านานะยอมทำตามที่คาโอรุขอ นานะถอดเสื้อคลุมออก จากนั้นเราก็ได้เห็นนานะในชุด SM ที่ถูกอกถูกใจกับพวกขาหื่นทั้งหลาย แรกๆ นานะทำท่าอาย ปิดหน้าอกไว้ แต่ตอนนี้คาโอรุได้ชัย เขาบอกให้นานะโชว์แบบไม่ให้ปิดบัง หมุนตัว ทำท่าทำทางตามที่เขาต้องการหน่อย

                    
                  ช่องการ์ตูนหน้าถัดมาก็จะเป็นเสียงและท่าทางของตัวละครทั้งสอง คาโอรุทำท่าหื่นกระหาย ยิ้มราวกับเต่าที่พอใจกับอาหารที่อยู่ข้างหน้า ในจิตก็โอ้...ว้าว อาหารตา ขาวอวบ ขาวอวบ

                    ส่วนนานะระหว่างที่อวดโชว์รูปร่างของตนภายใต้สุด SM ในใจก็บ่นว่าอายสุดๆ ด่าคาโอรุว่าเจ้าบ้ากาม อีตาบ้า จากนั้น นานะก็เริ่มรู้สึกว่าร่างกายมีอะไรแปลกๆ ไป

                    “เขากำลังเล้าโลมร่างกายของฉันด้วยสายตา ร่างกายของฉันกำลังถูกเลียไล่ด้วยสายตาของเขา เขากำลังจ้องชุดที่ฉันสวม จ้องมา...ซ้ำแล้ว....ซ้ำเล่า...อา...ความรู้สึกตอนนี้มันคืออะไร.....”นานะคิดในใจ

                    ระหว่างที่นานะคิด คาโอรุก็เริ่มคิดฟุ้งซ่าน เขารุกโดยเอามือจับก้นนานะ(แค่สัมผัสนิดหน่อยๆ) ก่อนที่จะมีเรื่องเกินเลยกว่านั้น การ์ตูนก็ยกเลิกฉากเกินเลยนี้ โดยให้นานะตกใจและถีบคาโอรุจนกุญแจไขชุด SM ที่คาโอรุถืออยู่ปิดงอ คาโอรุเริ่มรู้สึกตัวว่าตนเองได้ทำเรื่องเกินเลยไปหลายๆ อย่าง เขาขอโทษนานะ และใช้กรรไกรและตะไบตัดชุด SM ที่นานะสวมอยู่ออก

                    สรุปคือเหตุการณ์ครั้งนี้คาโอรุเสียผลประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งร่อง ชุด SM สุดที่รักของเขาพัง แถมทำให้นานะรู้สึกแย่ต่อเขาอีก เขาไม่กล้าเจอหน้านานะอีกแล้ว ลาก่อนหญิงในฝันของฉัน...

                    แต่หารู้ไม่ว่าการเสียประโยชน์ของคาโอรุครั้งนี้ กลับกลายเป็นสิ่งเริ่มต้นความสัมพันธ์ประหลาดของคนทั้งสอง เมื่อนานะพบว่าการที่เธอทำเรื่องอายและตื่นเต้นสุดๆ นั้นกลับเป็นการผ่อนคลายร่างกายอย่างไม่น่าเชื่อ เกรดของเธอดีขึ้น จิตใจของเธอแจ่มใส คุณครูเอ่ยปากชม เธอชักติดใจรสชาติ SM เสียแล้วสิ และเธออยากให้คาโอรุให้ทำ SM กับเธออีก.........เพื่อผ่อนคลาย”

                    (สิ่งที่ผมคิด ที่เล่าเรื่องย่อนี้เป็นตอนที่ 1- 3 มารวมกันครับ หลายๆ คนคงคิดว่ามันก็การ์ตูน R ทะลึ่งนี้นะ แต่ผมดันไม่คิดแบบนี้สิ(เพราะตอนต่อๆ มาจะเริ่มเนื้อหาแรงขึ้น แรงขึ้น) ผมเคยถามคนในเอ็มเพื่อถามความคิดเห็นการ์ตูนนี้ เขาโยนเรื่อง การทำให้อายมากๆ จะช่วยแก้เครียดเหรอ คนในเอ็มคนหนึ่งตอบว่า นั้นเป็นแค่ข้อแก้ตัวของนานะเท่านั้น ความจริงนานะมีความชอบคาโอรุเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอคาโอรุทำแบบนี้เธอมันก็เหมือนการแสดงความรักกับเธอ นานะไว้ใจคาโอรุ แม้เขาจะเป็นคนน่ารังเกียจลามก แต่เขาเป็นคนรักษาสัญญา เขาไม่พูดเรื่องน่าอายนี้ให้เพื่อนของเขาฟัง และเมื่อพบว่าวิธีผ่อนคลายนี้ใช้ได้ผลกับเธอ มันก็เข้าทางคาโอรุ ชนิดที่เรียกว่าผีย่อมเห็นผีด้วยกันเออ.......ก็จริงของมัน ก็มันเข้าล็อกแบบการ์ตูน ทำเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้ให้เกิดขึ้น

                    นอกจากนั้นสิ่งที่นานะทำบ่บอกถึงการทรมานตนเอง การบังคับตัวเองนั้น ไม่มีชนชาติไหนในโลกที่เอาจริงเอาจังการบังคับตัวเองเท่าคนญี่ปุ่นอีกแล้ว เช่น การอาบน้ำในหน้าหนาวอย่างที่คนญี่ปุ่นทำกัน  ไม่ใช้เพื่อแสดงอำนาจลึกลับอย่างที่ชาวตะวันตกหรือชาวอินเดียทำกัน แต่เป็นการฝึกฝนความเข้มแข็งในจิตใจ ฝึกในการบังคับตัวเอง ทำให้เกิดสมาธิ จิตใจสงบ)

                    
                  ก่อนที่จะเข้าใจว่า SM ในเรื่องนั้น เป็นแบบไหน เราก็ต้องทำความรู้จักคำว่า SM ก่อนดีกว่านะครับ มันคืออะไรกันแน่

    SM ย่อมา Sadism หรือ ซาดิสต์ ถ้าแปลตามตัวหมายถึงความสุขในทรมานผู้อื่นในการมีเพศสัมพันธ์ อาจมีการใช้อุปกรณ์ช่วยเช่น การผูกแขน ผูกขา การใช้เทียนลน ใช้แส้ (เออ.....ผมไม่เคยดูนะเรื่องพรรค์นี้ สาบานจริงๆๆๆ )

    คำนี้มีมาจากชื่อของคนนามว่า มาร์กีส์ เดอ ซาด (Marquis de Sade Marquis de Sade) หรือชื่อฝรั่งเศส โดนาเตียง อัลฟงส์ ฟรองซัวส์ เดอ ซาด Donatien Alphonse François de Sade) "มาร์กีส์จอมเทพ" (Divine Marquis) นักเขียนนวนิยายลามกแนวจุดขายพฤติกรรมทางเพศสุดแสนจะพรรณนาเป็นคำพูดและภาษาออกมาได้ ส่วนใหญ่เน้นตีแผ่ธรรมชาติด้านมืดของเพศมนุษย์ โดยใช้นวนิยาย (บางส่วนเป็นบทความเชิงปรัชญา) และผลงานของเขาส่วนใหญ่จะออกมาในช่วงช่วง 29 ปีซึ่งช่วงนี้เขาถูกจับขังในโรงพยาบาลบ้า!!

    หนึ่งในผลงานสร้างชื่อของเขาคือนวนิยายเรื่อง 120 วันในโซดอม (120 days of Sodom) โรงเรียนของผู้รักอิสระ) ค.ศ. 1785 ได้รับการตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1904 ถือได้ว่าเป็นนวนิยายแนวซาดิสท์ที่โด่งดังที่สุดเท่าที่มนุษย์เคยมีมา อีกทั้งยังกลายเป็นวรรณกรรมต้องห้ามและอันตรายสำหรับบุคคลทั่วไปอีก

     ด้วยผลงานที่อื้อฉาวมากในยุคนั้นทำให้นักวิชาการได้นำชื่อของเขามากลายเป็นศัพท์ เรียกอาการทางจิตในเรื่องความรุนแรงจนกลายเป็นคำๆ หนึ่งในภาษาไทยนั้นคือคำว่า Sadism

                    แม้ว่าซาดิสต์จะเป็นคำที่ไม่ดี แต่ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับ(ไม่กว้างขวาง) ว่ามันเป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง เพื่อเพิ่มรสชาติของชีวิต ในการเพื่อความสุขของคู่รัก ทำให้มีการขายอุปกรณ์เกี่ยวกับซาดิสต์เป็นล่ำเป็นสันมีร้านขายเฉพาะและในอินเตอร์เน็ตก็มีขายชนิดเรียกว่าเป็นยี่ห้อ เช่นอเมริกา และญี่ปุ่น หรือแม้กระทั้งไทยเป็นต้น

                    ซาดิสต์นั้นมีความรุนแรงหลายระดับ ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำให้อีกฝ่ายเจ็บปวดก็ได้ แต่มีจุดที่เหมือนๆ กันคือการทำให้ฝ่ายถูกกระทำนั้นสูญเสียศักดิ์ศรี หรือทำให้ตื่นเต้นหรือตะหนกให้มากที่สุด เช่นการพันธการ หรือดั่งตอนนานะตอนที่ 5-6

                   

                    กลับที่เรื่องนานะกับคาโอรุนต่อครับ หลังจากค่ำคืน SM ครั้งแรกของนานะผ่านพ้นไปหลายวัน นานะก็พบว่าตนได้ติดใจรสชาติความตื่นเต้นนี้ไม่หาย เธอเลยขอร้องคาโอรุช่วยสอนวิธี SM แบบใหม่ๆ ให้หน่อย ตอนแรกคาโอรุก็วางตัว ทำเป็นเล่นตัวก่อน แต่สุดท้ายมันก็อีหรอบเดิม เธอขอมาก็จัดให้

                    ดังนั้นตอนที่ 5-6 คาโอรุ ได้สอนการเล่นซาดิสต์เป็นชุด(หรือจะให้ถูกคือวิธีที่ทำให้เธอตื่นเต้นสุดๆ มากกว่า)ไม่ว่าจะให้นานะสวมปลอกคอสุนัขและให้เขาจูงเดินตามทาง, ให้นานะเข้าห้องน้ำชายแล้วเปิดกระโปรง, หรือให้นานะฉี่ในสนามโรงเรียน เป็นต้น และเมื่อนานะทำท่าลังเลว่าจะทำเรื่องแต่ละอย่างที่ว่า คาโอรุจะใช้ประโยคหนึ่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า ว่า “เธอจะทำหรือไม่ทำก็ได้นะนานะ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเธอเอง”

                    สุดท้ายนานะก็ทำเรื่องที่ว่าหมด พร้อมกับคำชมของคาโอรุว่า “เก่งๆ ฉันเชื่อว่าเธอต้องทำได้”

                    (หลังจากที่อ่าน ฟังดูเหมือนวิปริตใช่เปล่าครับ  แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะว่าแต่ละวิธีนี้คาโอรุระวังเต็มที่เพื่อไม่ให้นานะเป็นฝ่ายเสียหาย เขาเลือกสถานที่ไม่มีคนเพื่อไม่ให้เห็นเขาจูงนานะตอนสวมปลอกคอสุนัข, ดูต้นทางตอนนานะเข้าห้องน้ำชายหรือตอนฉี่เป็นต้น  ไม่มีอะไรเกินเลยมากกว่านั้น เรียกได้ว่าความลับนี้บนโลกมีเขาและเธอเท่านั้นที่รู้(ยกเว้นคนอ่าน)  มันก็เหมือนกับคาโอรุช่วยให้นานะตื่นเต้นแบบสุดๆ  ทำอะไรเสี่ยงๆ ให้หัวใจสูบฉีดเต็มประมาณว่า ขี่รถเร็ว, โดดร่มชูชีพจากที่สูง, ยิงปืน ซึ่งยังดีกว่าวัยรุ่นบางประเทศที่หาเรื่องตื่นเต้นโดยทำเรื่องไม่ดีหลายๆ อย่าง เช่น เขียนเขียนด่าพ่อล่อแม่ที่กำแพงโรงเรียน, ดักตีหัวชาวบ้าน, ปาหิน, ขโมยของ เสียอีก

                    นอกเหนือจากตื่นเต้นแล้ว สิ่งที่นานะได้จากการเล่น SM คือความพ่ายแพ้ และการลดศักดิ์ศรีของตน

                    แล้วสองสิ่งนี้มีประโยชน์ตรงไหน??

                    เรามักจะเห็นภาพนานะฉากหน้าเป็นเด็กเรียนดี มีความมุ่งมั่นสูง และคนอื่นต่างเคารพและนับถือ แต่นั้นก็เป็นดาบสองคมเหมือนกัน เคยดูข่าวไหมครับ ที่ว่า เด็กเรียนดีบางคนโดดตึกตายเพราะรู้ผลสอบว่าตนเองได้ B หนึ่งวิชา โหย...แค่นี้ก็ฆ่าตัวตาย เป็นเพราะอะไรหรือ?? คำตอบเด็กเรียนพวกนั้นไม่รู้จัก “ความพ่ายแพ้” , “ไม่สามารถลดศักดิ์ศรีของตนลงได้”. “คิดว่าตัวเองเป็นคนที่มีแต่ความรับผิดชอบเป็นที่คาดหวังของโรงเรียนและครอบครัว” ชีวิตนี้มีแต่การแข่งขัน ถ้าแสดงความอ่อนแอให้อีกฝ่ายเห็นอาจโดนงาบได้ จนเด็กเรียนพวกนี้มีความกดดันมาก ทำให้เครียด ดังนั้นเวลาที่นานะเล่น SM ก็เหมือนกับการลดศักดิ์ศรีของตนเองลง ทำตามคำสั่งของคาโอรุ(ลดความเอาแต่ใจของตัวเองลง) รู้จักความพ่ายแพ้, อ่อนแอ, ไม่รับผิดชอบ, เป็นตัวของตัวเอง รู้ว่าชีวิตนี้มีเรื่องที่รับผิดชอบอีกเยอะ ไม่เหมือนคนญี่ปุ่นในปัจจุบันบางคนที่ยังหาเรื่องคลายเครียดไม่ค่อยได้ ทำให้เดี๋ยวนี้เรามักได้ยินข่าวคนญี่ปุ่นฆ่าตัวตายบ่อยๆ

                    อ่านมาถึงตรงนี้ คงคิดว่าผมเชียร์เรื่องซาดิสต์เป็นสิ่งที่ดีใช่เปล่า คำตอบคือไม่ใช้นะครับ ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับแต่ละคน ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เหมาะสม  ถ้าอ่านนานะกับคาโอรุดูก็รู้ว่าทั้งสองจะเล่น SM ทุกวันซะเมื่อไหร่ละ บางทีต้องผ่าน 2-3 วัน บางทีก็ผ่านเป็นเดือน ขึ้นอยู่กับเวลาที่เหมาะสม สมควรจะเล่น SM หรือไม่

                    
                    มาถึงตอนที่ 7 เราก็เริ่มเห็นเรื่องของคาโอรุยิ่งขึ้น และเป็นเครื่องตอบย้ำความบ้างานอดิเรกของคาโอรุยิ่งขึ้นด้วย ช่วงเรื่องดำเนินมาถึงช่วงสอบคาโอรุทำคะแนนสอบไม่ดีเสียเลยสิทธิได้
    F แน่นอน แต่สำหรับคาโอรุแล้วเรื่องเรียนเรื่องรอง งานอดิเรกเขาสำคัญมากกว่า เขารีบกลับบ้านและเตรียมพร้อมเพื่อให้นานะตื่นเต้นต่อไป

                    (มาถึงตรงนี้ก็เริ่มคิดว่าญี่ปุ่นนี้เรื่องซาดิสต์กลายเป็นวิธีชีวิตประจำก็ว่าได้ ในการ์ตูนมีแม้กระทั้งหนังสือในการแนะนำการเล่นซาดิสต์ซะด้วย และยังได้รู้ว่าการเล่นซาดิสต์นั้นมันมีเทคนิคด้วย ไม่ใช้ว่าเห็นเชือกก็เอามามัดสาวๆ เห็นกุญแจมือตำรวจก็จับผู้หญิงล็อก ถือว่าอันตรายเพราะมันจะทำให้บาดเป็นแผลได้

                    สิ่งที่น่าคิดคือครอบครัวของนานะกับคาโอรุนั้นค่อนข้าง ไม่ค่อยเอาใจใส่ทั้งคู่มากนัก ครอบครัวของนานะทั้งเรื่องผมไม่เห็นพ่อแม่ของนานะสักช่อง(คงอยู่คนเดียวละมั้ง)ทำให้นานะขาดคนปรึกษาปัญหาชีวิตต่างๆ  ส่วนแม่ของคาโอรุแทบไม่เจอหน้าลูกเลย ตอนเช้าคาโอรุไปโรงเรียน ตอนเย็นแม่ก็ไปทำงาน ทำให้ขาดการสั่งสอนเรื่องต่างๆ ลูกชาย ทำให้ลูกชายไปสนใจเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนเลย พอแม่รู้เรื่องลูกชายแกสะสม SM ก็สายไปแล้ว เพราะไม้แก่ดัดยาก ขนาดออกกำลังกายพี่แกก็หวังเพื่อให้เล่น SM กับนานะเลยคิดดู เรียกได้ว่าจุดประสงค์ของคาโอรุนี้ผิดเพี้ยนไปหมด แต่ถ้าคิดมุมกลับกันสองคนนี้ใช่ว่าจะเป็นลูกที่ไม่ดีของพ่อแม่นี้น่า ยังอยู่วัยที่กำลังอยากรู้อยากเห็น ยังอยู่ในวัยที่ต้องการความแปลกใหม่ของชีวิตเพื่อให้หายเครียดภายใตสังคมที่มีแต่การแข่งขันแบบนี้ ซึ่งยังไม่ได้ออกนอกกรอบแต่อย่างใด

                    ผมคงจะเล่าการ์ตูนนานะกับคาโอรุจบลงเพียงเท่านี้ แต่จะการสังเกตของผมช่วงหลังๆ SM จะเริ่มแรงขึ้น เริ่มมีการพันธการ และเริ่มมีการถ่ายรูป(ไม่มีแบล็กเมล์) และความลับระหว่างคนสองคนก็เริ่มเก็บไม่อยู่แล้ว ผมไม่รู้ว่าตอนต่อๆ ไปจะเป็นอย่างไร แต่ก็เอาใจช่วยแหละว่าขอให้จบแบบแอปปี้นะครับทั้งสองคน  

                    สุดท้าย ถ้าผมเขียนตรงไหนไม่ถูกใจก็ขอโทษ ขออภัยด้วยนะครับ..เออ.....ถ้าไม่จำเป็นต้องอ่านหรอกนะครับการ์ตูนเรื่องนี้ มันการ์ตูนสำหรับผู้ชาย  ที่เขียนนี้เพื่อสอนว่าการ์ตูนและชีวิตจริงมันต่างกัน การ์ตูนก็คือการ์ตูน ผู้ชายขาหื่นคงยากที่จะหาผู้หญิงเป็นนานะมาทำเรื่องตื่นเต้นแบบนี้ด้วยกันสองคนอย่างว่าง่าย ส่วนข้อคิดการ์ตูนเรื่องนี้ก็คือ การคลายเครียดก็ความคลายแบบไม่ทำความเดือดร้อนต่อผู้อื่น การให้ความสำคัญต่อการเรียนมากกว่างานอดิเรก การเข้าใจซึ่งกันและกัน การคบคนไม่ใช้คบที่หน้าตาหัวดีรวยเท่ แต่ควรจะเป็นคนที่เข้าใจเรา มีความซื่อสัตย์ต่อเรา เอาใจเขามาใส่ใจเรา นี้แหละคือความสุขของชีวิต

                    ขอนอกเรื่องหน่อยนะครับ ตอนที่ผมเขียนตอนกลางๆ เรื่องผมได้ข่าวเรื่องการอัตวินิบาตกรรม(ความหมายคำนี้ต่างจากฆ่าตัวตายไหมน่อ?) ของโรเบิร์ต เอ็งเค ผู้รักษาประตูทีมชาติเยอรมนี และทีมฮันโนเวอร์ 96 วัย 32 ปี ที่เสียชีวิตจากการถูกรถไฟชน โดยการโดดขวางรถไฟ

                    โรเบิร์ต เอ็งเคนี้ก็ใช่ว่าจะโด่งดังเหมือนแบ็คแฮม แต่ผมเชื่อว่าคอบอลทั้งหลายน่าจะรู้จัก และก็น่าแปลกว่าทำไมเขาฆ่าตัวตาย ซึ่งหลายๆ คนก็รู้ว่านักฟุตบอลอาชีพนั้นมีรายได้เป็นแสนๆ อีกทั้งเส้นทางอาชีพของเขากำลังรุ่งโรจน์ เขาได้ติดทีมชาติเป็นตัวจริงได้ไปบอลโลกที่แอฟริกาใต้ปีหน้า ซึ่งหลายๆ คนต่างฝันว่าจะได้ไปสักครั้งกับมหกรรมที่ยิ่งใหญ่ของมวลมนุษย์โลก

                    จากข่าวบอกว่าเขาอยู่ภาวะซึมเศร้า จากการสูญเสียลูกสาววัย 2 ขวบ เมื่อ 3 ปีก่อน ความจริงอาการซึมเศร้าของเขาเป็นมานานแล้ว เพราะช่วงที่เขาอยู่ ทีมฮันโนเวอร์ 96 เขาเคยอยู่ทีมบาร์ซามาก่อน แต่เขาไม่ได้ลงสนามเป็นตัวจริง เป็นเหตุทำให้กดดันจนไปเข้ารับการปรึกษาจากจิตแพทย์ จนกระทั้งมีข่าวฆ่าตัวตายในที่สุด

                    ผมว่าไม่ใช่แค่นั้นแน่ คนเยอรมันนั้นก็มีนิสัยเหมือนญี่ปุ่นแหละครับ คนเยอรมันส่วนใหญ่นั้นจะมีนิสัยจริงจัง ทำอะไรก็ต้องทำให้ถูกต้องและถูกกฎระเบียบ ค่อนข้างยิ้มยาก ทำให้ดูเหมือนไม่มีมนุษย์สัมพันธ์ เป็นคนตรงต่อเวลา มุ่งมั่นทำงาน จึงไม่ค่อยมีมุขตลกเหมือนคนไทย บวกกับส่วนใหญ่จะไม่รับไมตรีจากใครง่ายๆ ไม่ไว้ใจคนง่ายๆ ทำให้ขาดที่ปรึกษาปัญหาชีวิต

                    สาเหตุหลักส่วนใหญ่ที่คนเยอรมันเป็นแบบนี้ก็เหมือนญี่ปุ่นแหละครับ คือพวกเขา “เรียนรู้มาจากความพ่ายแพ้” พวกเขาแพ้สงครามโลกครั้งที่1 และ 2 เยอรมันถูกแบ่งเป็นเยอรมันตะวันตก เยอรมันตะวันออก ทุกคนต้องทำงานหนักเพื่อให้ประเทศของตนเป็นมหาอำนาจอีกครั้ง ทำให้พวกเขาเกลียดความพ่ายแพ้ในที่สุด

                    แน่นอนการแก้ปัญหานี้คือการผ่อนคลาย แต่ก็ไม่เข้าใจอีกก็โรเบิร์ต เอ็งเคเป็นผู้รักษาประตูฟุตบอลนี้น่า ลงเล่นเกือบทุกสัปดาห์ ขึ้นชื่อฟุตบอลมันเป็นเกมกีฬาและความตื่นเต้นนี้น่า แต่ทำไมถึงเครียดได้ละ  และเรื่องนี้ก็ดันไปตรงเรื่องนานะกับคาโอรุอีก นั้นคือ นานะคิดว่า SM คือความตื่นเต้นช่วยผ่อนคลาย แต่สำหรับเอ็งเคนั้นเขามองกีฬาคือการแข่งขันคือชีวิตพลาดก็คือแพ้,ตาย มันไม่ใช้ความตื่นเต้นหรือผ่อนคลายอะไรทั้งนั้น

                    มันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนแหละครับ ว่าอะไรคือผ่อนคลายไม่ผ่อนคลาย

    + +

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×