ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #369 : Mob Psycho 100 วัยซนคนพลังจิต

    • อัปเดตล่าสุด 10 ธ.ค. 58


    ต่อเนื่องจากบทความ One Punch Manคราวนี้มาเขียนผลงานแรกๆ ของ One บ้าง (ที่ผมรู้จักครั้งแรก) กับเรื่อง Mob Psycho 100  หรือชื่อไทยๆ ว่า ม็อบ 100 คนพลังจิตนั่นเอง

     

     

    Mob Psycho 100

     

    Mob Psycho 100 เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มมัธยมปี 2 คนหนึ่งนามว่า คาเงยาม่า ชิเงโอะ (คนทั่วไปเรียกว่า ม็อบ”) แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ชายที่ไม่ได้โดดเด่นอะไร การเรียนกลางๆ กีฬาแย่ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาเก่งกว่าใคร นั้นคือเขามีพลังจิตที่รุนแรงมาก มันแรงแบบไร้เทียมทาน สามารถทำอะไรก็ตามที่หวัง หากแต่ม็อบนั้นไม่ได้สนใจพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่นี้แต่อย่างใด เขามองว่าเป็นมันเป็นพลังไร้ประโยชน์ด้วยซ้ำ เพราะมันไม่ช่วยทำให้จีบสาว (สาวที่เขาแอบชอบยังบอกเลยว่าเป็นพลังที่น่าเบื่อ), มันทำให้เขาอ่อนแอ (เอาแต่พึ่งพลังจิต แต่ทางร่างกายตกต่ำสุดขีด) ดังนั้นม็อบจึงเก็บพลังอำนาจนี้เอาไว้ และเลือกที่จะใช้ชีวิตวัยรุ่นธรรมดา

    อย่างไรก็ตาม มันเหมือนกรรม เพราะพลังจิตมากมายมหาศาลของม็อบ มันกลับเรียกปัญหาเข้ามาในชีวิตม็อบ เมื่อ หมอผีปลอม, ลัทธิแปลกๆ และอื่นๆ อีกมากมายต่างดาหน้าเข้ามาเพื่อใช้ประโยชน์จากพลังของม็อบ  

    และหากพบเหตุการณ์ใดๆ ที่ทำให้อารมณ์ของเขาเพิ่มถึงระดับ 100% เขาจะระเบิดพลังที่แท้จริงออกมา

    Mob Psycho 100   เป็นผลงานของ One ถัดจาก One Punch Man (2011) ปรากฏเมื่อ 2012 และมีข่าวว่า สตูดิโอ BONES (Kekkai Sensen, FMA) ประกาศจะทำอนิเมะการ์ตูนเรื่องนี้ และออกฉายในปี 2016 ปีหน้า (จากข่าวยังไม่ทราบว่าม็อบจะลายเส้นอะไร จะเอาแบบดั้งเดิม หรือแบบโมเอะตามยุคสมัย ส่วนตัวผมแนะนำว่าเอาแบบตามยุคสมัยดีกว่า จะได้มีอารมณ์แตกต่าง ทำให้ดูสนุกขึ้นด้วย)

    ในตอนแรกๆ นั้น ทั้ง One Punch Man และ Mob Psycho 100 ไม่ได้รับความนิยม หรือไม่มีใครรู้จักมากนัก ส่วนหนึ่งเพราะเป็นการ์ตูนลงเว็บส่วนตัว บวกกับลายเส้นที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์โครตๆ คือ วาดห่วย ชนิดว่ามันเป็นผลงานของคนที่ไม่ใช่อาชีพคนวาดการ์ตูน เหมือนการ์ตูนวาดเล่นๆ ลงในสมุด เวลาชั่วโมงเรียนที่น่าเบื่อหน่าย ตัวละครหน้าตาบิดเบี้ยวผิดสัดส่วน ตัวละครหญิงที่ไม่โมเอะเลยแม้แต่น้อย (ขนาดตัวละครหญิงที่สวยที่สุดในเรื่อง เห็นแล้วปวดตับมาก) ตึกบ้านเรือนในเรื่องลายเส้นสั้นๆ บิดไปบิดมา ราวกับวาดโดยไม่ใช้ไม้บรรทัดขีดเส้นตรง คนดูแล้วทรมานใจ จนไม่เชื่อว่ายังมีการ์ตูนลายเส้นแบบนี้หลงเหลือในยุคนี้อีกเหรอ

    สำหรับคนวาดการ์ตูนแล้ว ลายเส้นเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะคนที่จะติดตามดูการ์ตูนหรือไม่นั้นจะดูลายเส้นมาก่อนเป็นอันดับแรก วาดสวย วาดสาวโมเอะ ลูกเล่นมุมมองแบ่งช่อง  ดูแล้วน่าสนใจ นักวาดการ์ตูนมีลายเส้นที่มีเอกลักษณ์ทำให้หลายคนจำลายเส้นได้ แม้ไม่รู้ชื่อเรื่องก็ตาม

    แต่สำหรับ One Punch Man และ Mob Psycho 100 ของ One แล้วมันตรงข้าม เพราะเห็นแว่บแรกก็ปิดตั้งแต่หน้าแรก  ยิ่งคนที่คุ้นเคยกับลายเส้นสวยๆ งามๆ มาดูสองเรื่องนี้ถึงกับฝันร้ายเลยทีเดียว

                    ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจของคนวาดหรือเปล่า (แบบว่าความจริงวาดสวยกว่านี้ก็ได้ แต่ดร็อปฝีมือลงมากกว่า) หรือมีฝีมือตามที่เห็นจริง แต่กระนั้นเมื่อยูสึเกะ มุราตะมาเห็น และเริ่มวาด One Punch Man ให้ออกมาสวยงามและทรงพลัง และนั้นทำให้หลายคนรู้จัก One มากขึ้น

    Mob Psycho 100 น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดี ในการตั้งคำถามว่าการ์ตูนดี การ์ตูนสนุกนั้นมันอยู่ที่ลายเส้น มากกว่าการดำเนินเรื่องหรือเปล่า

     

     

    ความจริงแล้วในตอนแรก ผมไม่รู้จัก One สักนิด ที่ซื้อเรื่องนี้มาก็หวังจะดูแนวสงครามพลังจิตอะไรสักหน่อย (ประกอบกับเห็นหน้าม็อบแล้วรู้สึกถูกชะตา) พอมาดูหน้าแรกเท่านั้นแหละ ผมแทบร้องเสียงหลง เพราะลายเส้นสุดห่วย แต่ไหนๆ ก็ซื้อมาแล้ว ก็ขออ่านต่อละกันว่าเรื่องนี้มีดียังไง สนามถึงซื้อลิขสิทธิ์ แล้วเอามาขายประเทศที่ขึ้นชื่อว่าขี้ติลายเส้นการ์ตูนแห่งนี้กัน

    ม็อบคุง ตอนแรกๆ เปิดตัวออกมาเหมือนการ์ตูนตลก เมื่อหมอผี (เก๊) คนหนึ่งกำลังรับเควสผู้ว่าจ้างสาวหน้าเหมือนปลาดุกชนเขื่อน หลังจากเล่นมุกสังขารพอหอมปากหอมคอ ก็ได้ความว่าสาวหน้าปลาดุกถูกผีก่อการเข้าฝัน เพราะไปลบหลู่ขณะไปรองดีที่ตึกร้างผีดุเข้า

    ว่าแล้วหมอผี (เก๊) ก็ทำตัวแบบริว จิตตกไปสถานที่เกิดเหตุเพื่อไปอวดผี และเจอผีเจ้าถิ่นตัวต้นเหตุเข้า หมอผี (เก๊) เลยโชว์เหนือด้วยการเอาเกลือสาดใส่ผี แต่ผีไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย แถมโดนผีดูถูกอีกว่าโครตกาก

    เมื่อหมอผี (เก๊) เห็นว่าไม่ดี จึงงัดไม้ตายสุดท้าย ด้วยการโทรศัพท์ไปหาใครบางคน และคนที่โผล่ออกมาเป็นเด็กมัธยมปลายคนหนึ่งหน้าตางั้นๆ แถมหัวเห็ดอีกต่างๆ ดูแล้วเหมือนอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง หากแต่ความจริงแล้วหัวเห็ดคนนี้เป็นผู้มีพลังจิตตัวจริงที่มีพลังมากมายมหาศาล ชนิดว่าสามารถกำจัดผีตัวต้นเหตุอย่างง่ายดาย  และการ์ตูนก็เปิดเผยว่าเขาคือ “ม็อบ” พระเอกของเรื่องนั้นเอง

     

     

    สาวสวยที่สุดในเรื่อง


    แม้โลกจะต่างกัน แต่คอนเซ็ปต์หลักๆ ของม๊อบกับไซตามะก็ยังคงคล้ายกัน คือชีวิตประจำวันของผู้ที่มีพลังอำนาจมหาศาลที่ความวุ่นวายมาหาโดยตลอด

    อย่างไรก็ตาม วิถีชีวิตของม็อบนั้นแตกต่างจากไซตามะโดยสิ้นเชิง กล่าวคือม็อบอยู่ในโลกที่สงบสุขกว่า และพยายามใช้ชีวิตที่เป็นคนธรรมดา  มากกว่าไซตามะที่ว่างงาน และชอบไปวุ่นกับเรื่องวุ่นวาย

    ม็อบนั้นมีชื่อจริงว่า “คาเงยาม่า ชิเงโอะ” เป็นนักเรียนชั้นมัธยมต้นปีที่ 2 อยู่ในช่วงวัยที่อ่อนไหวที่สุดในชีวิตนั้นคือวัยรุ่น

    คนรุ่นเดียวกับม็อบนั้นมีวิถีชีวิตแตกต่างกัน บางคนใช้กีฬาเพื่อเรียกเหงื่อ บางคนเรียนหนักเพื่ออนาคตที่สุดใส บางคนทุ่มเทเพื่องานอดิเรกของตนเอง บางคนขัดเกลาพรสวรรค์ และบางคนต่อต้านสังคม

    ส่วนม็อบนั้นตอนนี้เขายังหาเส้นทางอนาคตไม่เจอ

    แม้ว่าม็อบจะชอบผู้หญิงคนหนึ่ง (ตั้งแต่เด็ก) หากแต่เธอคนนั้นไม่เคยสนใจเขาเลยแม้แต่น้อย (หรือแท้จริงเธอเองก็แอบสนใจม็อบก็ไม่รู้ เพราะเนื้อเรื่องยังไม่เฉลยตอนนี้) แม้ว่าม็อบจะโชว์พลังจิตมากมายให้เธอดู แต่เธอกลับมองว่ามันธรรมดา นั้นเองทำให้ม็อบมองพลังจิตของตนว่ามันเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์ และหนักใจกับมัน

    ที่ม็อบยอมเป็นลูกมือของหมอผี (เก๊) ก็เพื่อเรียนรู้ว่าเขาควรทำยังไงกับชีวิตวัยรุ่นดี หากแต่หมอผี (เก๊) กลับพยายามไซโคม็อบว่า “อย่าให้พวกบ้ากีฬา, เด็กเรียน, อันธพาลกิ๊กก๊อกมามีอิทธิพลต่อความคิดของนายเซ่ จำคำของฉันไว้นะชมรมกลับบ้านหลังเลิกเรียนนี่แหละสุดยอดที่สุด ชีวิตมนุษย์ในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ควรใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยให้เต็มที่ซะล่ะม็อบ!

     

     

     “พลังอันยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง” (“With great power comes great responsibility”) อาจเป็นวลีเด็ดของลุงเบนของสไปเดอร์แมน ที่สื่อถึงความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจวาสานาและภาระผูกพันที่ต้องไปด้วยกัน เมื่อมีพลัง สิ่งที่ตามมาคือภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากขึ้นเป็นทวีคูณ และประโยคนี้ทำให้ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ได้ยึดมั่นในการใช้พลังของตนเพื่อปกป้องรักษาความสงบสุข

    ปกติแล้วเวลาเราดูการ์ตูนฮีโร่อเมริกัน เรามักจะเห็นพล็อตจำพวกแนวพระเอกในเรื่องที่เป็นคนธรรมดาสามัญ หากแต่เพราะเหตุการณ์หนึ่งทำให้ชีวิตของพระเอกเปลี่ยนไปตลอดกาล เป็นต้นว่า โดนแมงมุมกัด โดนสารเคมี โดนรังสี ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ กลายเป็นผู้มีพลังวิเศษ และพระเอกได้ใช้พลังนี้เป็นผู้พิทักษ์ความสงบสุขของโลกและจักรวาล

    หากแต่ ม็อบคุงในเรื่องตรงกันข้ามกับฮีโร่อเมริกันเหล่านั้น แม้มีพลังจิตอันยิ่งใหญ่ แต่เขาไม่ได้ใช้มันอย่างเหมาะสมกับพลังนั้นนัก  (หรือ ไม่รู้ว่าจะใช้พลังนั้นทำอะไรดี) ตรงกันข้ามกับวลีอมตะของสไปเดอร์แมน “พลังอันยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง มาเป็น “พลังอันยิ่งใหญ่ ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไรมากหรอก” อย่างไงอย่างงั้น

    จะว่าไป ตัวเอกในการ์ตูนญี่ปุ่นหลายเรื่องก็มีความคิดแบบม็อบคุงอยู่ไม่น้อย หากเราดูการ์ตูนญี่ปุ่นหลายเรื่อง แนวชีวิตประจำวัน แม้ว่าตัวเอกจะมีพลังวิเศษยิ่งใหญ่แค่ไหน จะเป็นผู้ถูกเลือกอย่างไร แต่ตัวเอกเหล่านั้นเลือกที่จะใช้ชีวิตประจำวันแบบธรรมดามากกว่า จะเป็นฮีโร่ปกป้องโลก ให้คนมาสรรเสริญ  (ฮีโร่มาร์เวลที่ถ้าตัวไหนมีพลังมหาศาลมากๆ จะส่งไปปกป้องจักรวาลเลยก็มี) ส่วนมากจะใช้พลังเพื่อปกป้องคนรอบข้าง หรือพอมีเหตุร้ายจำเป็นก็ใช้พลัง และเมื่อปัญหาคลี่คลาย ตัวเอกก็กลับมาใช้ชีวิตประจำวันปกติ สงบสุข เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    ทั้งนี้อาจเป็นเพราะ คนญี่ปุ่นเองให้ความสำคัญกับช่วงวัยรุ่นค่อนข้างมาก และอาจมองว่าวัยนี้ควรให้ความสำคัญกับชีวิตประจำวันการศึกษาเล่าเรียน ทำกิจกรรมให้มากๆ เพราะเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาจะมีเรื่องลำบากค่อนข้างเยอะ (แตกต่างจากวัยรุ่นอเมริกาที่คิดอะไรเป็นแล้ว ปีกแข็งแล้ว เป็นอิสระ เผชิญหน้าสู่โลกกว้างได้แล้ว)

     


    ในขณะที่ช่วงหลังๆ เหล่าฮีโร่มาร์เวลเริ่มมีปัญหาระดับจักรวาลอันไกลโพ้น แต่ม็อบคุงกลับมีปัญหาที่แก้ไม่ได้ นั่นคือทำยังไงเขาจะพิชิตใจ  “สึโบมิจัง” สาวที่เขาแอบชอบตั้งแต่ยังเด็กประถม  มันเป็นปัญหาที่ยากยิ่งกว่าปัญหาจักรวาลของมาร์เวลเสียอีก

    ม็อบคุงคิดว่าพลังจิตของตนนั้นไม่ได้ทำให้ สึโบมิจัง หันมาชอบตนได้เลย (มองอีกมุมหนึ่ง เพราะสึโบมิจัง ทำให้ม็อบคุงไม่หลงระเริงพลังจิต พลังอำนาจมากนัก เนื่องจากเธอให้ความเห็นพลังจิตของม็อบคุงว่า “น่าเบื่อ” เป็นเหตุทำให้ม็อบคุงเกิดความรู้สึกว่า พลังจิตไม่ได้บันดาลไปเสียทุกอย่าง และทำให้ม็อบคุงเกิดความรู้สึกว่าจะทำอะไรก็ต้องทำด้วยตนเอง

    เนื่องจากม็อบคุงอยากให้สึโบมิจังสนใจตน   เขาจึงเข้าชมรม “เสริมสร้างร่างกาย” และหลังจากเนื้อเรื่องเหมือนจะเป็นการ์ตูนตลกไปพักใหญ่ ก็เริ่มเข้าสู่เนื้อหา “ต่อสู้พลังจิต” ซึ่งถือว่าเป็นเนื้อหาหลักของเรื่องมากกว่า (ใครคิดว่ามันเป็นการ์ตูนตลกเลิกคิดได้เลย แม้จะมีมุกตลกอยู่บ้าง แต่ไม่ได้ฮ่าไปทุกตอน และมันก็ไม่ได้บ้าหักมุมเหมือนหมัดเดียวกับเดี้ยงแมนด้วย)

    หลังจากม็อบคุงเข้าชมรมเสริมสร้างร่างกาย ชีวิตของม็อบก็เหมือนจะเจอปัญหา  เป็นต้นว่า เดินไปในเมืองอยู่ดีๆ ก็เจอคนชวนเข้าลัทธิ แถมเจ้าลัทธิเป็นวิญญาณร้าย (ที่ต่อมาเป็นมาสค็อตเรื่องนี้อีกต่างหาก) แถมด่าม็อบคุงว่าที่มันไม่เนื้อหอม สาวไม่สนใจ ก็เพราะม็อบคุงอ่านบรรยากาศไม่เป็น (ซึ่งมันก็จริง เชื่อเถอะใครอ่านตอนนี้ อาจรู้สึกแอบอยากถีบม็อบคุงก็เป็นได้ มีที่ไหนคนอื่นเขากำลังซึ้ง มันพูดทะลุกลางป้องว่า ขอไปขี้ได้เปล่า” ม็อบได้ฟังเลยโกรธ จึงจัดการสั่งสอน

    แม้ว่า One จะมีงานภาพที่เข้าขั้นห่วย แต่ในเรื่องฉากต่อสู้นั้นถือว่าสนุกใช้ได้ แม้ว่าลายเส้นอาจจะไม่ถึงขั้นสวยงาม และก็ยังการต่อสู้ก็ยังคงเป็นสูตรเดิมๆ ที่เราเห็นในการ์ตูนแนวต่อสู้ แต่จากองค์ประกอบ การจัดวางมุมมอง รวมไปถึงลายเส้น แม้จะห่วย แต่มันก็มีเอกลักษณ์ ทำให้หลายคนที่ตอนแรกๆ ไม่ชอบก็เริ่มสนใจขึ้นมาบ้าง

    ไม่ว่าจะเป็นฉากซากตึก  ฉากระเบิด การแสดงแอ็คชั่นตัวละคร ทั้งหมดนี้มีส่วนสำคัญทำให้การ์ตูนของ One ได้รับความสนใจ และทำให้ One Punch Man โด่งดังด้วย

    หลังจากจบศึกเจ้าลัทธิวิญญาณร้าย  (แถมได้มาสคอตอีกต่างหาก) ชีวิตของม็อบก็ยังคงมีปัญหาเข้ามาเรื่อยๆ เป็นต้นว่า กลายเป็นคนเข้าไปอยู่ในศึกสองโรงเรียน และได้พบคนมีพลังจิตเหมือนกัน ชื่อ “ฮานาซาว่า เทรุกิ” ผู้คิดว่าตนเองนั้นเป็นคนเก่งที่สุดในโลก หากแต่เจอม็อบก็พบว่าตนเองนั้น “กาก” ได้ใจ และผลสุดท้ายก็กลายมาเป็นเพื่อน (?) กับม็อบ, ต่อมา น้องชายของม็อบก็อยากเป็นแบบพี่ชายที่มีพลังจิต เลยฝึกพลังจิต แล้วถูกองค์กรร้ายจับตัวไปทำให้ม็อบต้องไปช่วย และสู้กับหัวหน้าองค์กรจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด และอีกศึกขับไล่วิญญาณร้ายที่อดีตเคยเป็นผู้มีพลังวิญญาณร้ายกาจ เรียกว่าทุกศึกนั้นม็อบต้องใช้พลังจิตทั้งสิ้น

    แม้ว่าเรื่องของม็อบจะคล้ายๆ กับโซตามะ คือแม้ภายนอกจะเหมือนอ่อนแอ แต่ความจริงแล้วเก่งโครตเก่ง แต่อย่างไรก็ตาม ทั้งสองเรื่อง ยังสิ่งที่แตกต่างอย่างมากอยู่  เรื่องของม็อบนั้นมีความลึกกว่าของไซตามะค่อนข้างมาก

    ในขณะที่ไซตามะเก่งจนไม่มีใครสู้ได้ การพัฒนาด้านจิตใจนั้นไม่ค่อยมี (เพราะพี่แกคนดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องปรับปรุงตัวอะไรมากมาย) แต่ของม็อบนั้นแม้จะมีพลังจิตที่ยิ่งใหญ่ (หากเปรียบเทียบกับฟุบากิคนพี่ อาจสูสี ส่วนจะเก่งกว่าไซตามะนั้นยังอธิบายไม่ได้ เพราะม็อบเองยังมีสิ่งลึกลับซ่อนอยู่ในตัวเหมือนกัน แต่อย่างน้อยก็ได้เห็นว่าม็อบทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้มากกว่า อย่างเช่น ซ่อมอาคารให้กลับมาเหมือนเดิม ทำลายวิญญาณ  ฯลฯ) แต่ด้านกายภาพนั้นอ่อนแอ และด้านบุคลิกภาพนิสัยนั้น เอาตรงๆ ว่ากวนทีนยิ่งกว่าไซตามะด้วยซ้ำ ภายได้สีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวของม็อบนั้น ไม่ดูบรรยากาศ พูดเรื่องโหดร้ายใส่คนอื่นแบบไม่ได้ตั้งใจ (อันนี้คล้ายกับไซตามะ) และไม่รู้ว่าจะใช้พลังของตนไปในทางไหนดี

    ม็อบนั้นมีด้านการพัฒนาด้านจิตใจ กว่าไซตามะค่อนข้างมาก เราได้เห็นว่าหลังจบศึกต่างๆ ม็อบก็เติบโตขึ้น อย่างตอน ตอนสู้กับเจ้าลัทธิวิญญาณ ม็อบก็เริ่มรู้ตัวว่าตนเองนั้นมีข้อบกพร่องการอ่านบรรยากาศรอบข้าง และเป็นคนไม่ดูบรรยากาศ ตอนสู้กับเทรุกิก็เป็นตอนที่ม็อบใช้พลังจิตเพื่อช่วยเหลือคนอื่นแท้จริง (ช่วยเหลือรุ่นพี่ในชมรม)

    ยิ่งเป็นตอนที่บุกองค์กร ช่วยเหลือน้องชายของตนนั้น เป็นช่วงเวลาที่เน้นความลึกของม็อบเป็นอย่างมาก ในขณะที่ไซตามะไม่มีครอบครัว (หรือยังไม่ปรากฏก็ไม่ทราบ) ม็อบนั้นมีครอบครัว มีพ่อ มีแม่ ที่ไม่ได้มีเรื่องดราม่า และมีน้องชายที่เป็นเก่งนิสัยดี น้องชายของม็อบเองก็รักพี่เคารพพี่ชาย แต่ในขณะเดียวกันก็อิจฉาที่พี่ชายมีพลังจิต อยากเป็นเหมือนพี่ชาย จนเกิดเรื่องราวตามมา

    และทุกศึก เมื่อเสร็จศึกแล้ว นอกจากพัฒนาด้านจิตใจของม็อบแล้ว ในด้านความรู้สึกของคนรอบข้างไปด้วย  หรือทำให้เรื่องคลี่คลาย อย่างเรื่องของของเทรุกิที่สู้กับม็อบ ตอนแรกๆ เป็นคนอวดดี และใช้พลังไม่ถูกต้อง แต่เมื่อมาเจอกับของจริงอย่างม็อบก็กลับตัวกลับใจช่วยเหลือคนอื่นบ้าง เป็นต้น

      ในด้านความมันนั้น ม็อบคุงอาจน้อยกว่าไซตามะอยู่หนึ่งก้าว เพราะเนื้อเรื่องจะเน้นการเติบโตช้าๆ ของม็อบ ชีวิตที่แสนธรรมดา  ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ราบเรียบมากกว่า  กว่าจะเข้าเรื่อง หรือฉากต่อสู้พลังจิตก็นานพอดู ซึ่งแตกต่างจากไซตามะที่ดำเนินเรื่องบ้าพลัง มีอะไรให้มันๆ มาตลอด และอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย

                    และที่น่าเศร้าคือ เรื่องของม็อบนั้นแทบไม่มีสาวๆ น่าอวยเลยแม้แต่น้อย ไม่เหมือนไซตามะก็ยังพอมีสองพี่น้องพลังจิตให้ได้อวย หรือจีนอสให้ได้จิ้น แต่ของม็อบนั้นอย่าว่าสาวๆ เลย จิ้นหนุ่มก็แทบไม่มี อย่างมากก็พี่ชายXน้องชายก็หวังอยู่ หรือม็อบXหมอผี (เก๊) ก็พอไหว

                    อย่างไรก็ตาม ก็ยังพอมีสาวๆ ให้ได้หลงเหลืออยู่บ้าง (แต่อย่าหวังแรงอวยเลย เพราะไม่มี) เป็นต้นว่า สาวชมรมวิจัยคลื่นสมอง และสาวนักข่าว ที่สนใจม็อบคุงอยู่บ้าง แต่ถ้าจะเอาสาวๆ ที่แอบชอบม็อบคุง ก็คงจะเป็นสาวนักแต่งนิยาย ที่ถูกม็อบคุงช่วยเหลือ ทำให้เธอจึงแอบชอบเขาแบบห่างๆ ซึ่งเรื่องราวของเธอถึงขั้นมีตอนสั้น (ที่ดูเหมือนว่าคนวาดจะไม่ใช่ One เพราะลายเส้นสวย และวาดเธอได้น่ารักดี)


     

                       สรุปแล้ว ใครที่จะอ่านม็อบคุงว่ามันจะมันเหมือนไซตามะ ก็ต้องทำใจสักนิดครับ อารมณ์มันแตกต่างกัน ตามพล็อตคนพลังจิตอยากใช้ชีวิตประจำวันอย่างสงบสุข แม้ว่าจะมีฉากต่อสู้พลังจิตอยู่บ้าง แต่กว่าจะมาก็นานพอดู เพราะระหว่างนี้เนื้อเรื่องจะเน้นชีวิตของวัยรุ่น ปัญหาของวัยรุ่น ความกดดัน และการเติบโตของม็อบ ใครที่ได้ดูม็อบวิ่งเข้าเส้นชัยก็ต้องมีประทับใจบ้างแหละ (แม้หลังจากนั้น.......ก็เถอะนะ)  เอาเป็นว่าใครอยากเสพผลงานแท้ๆ ของ One ผู้สร้างไซตามะที่ฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองจนถึงตอนนี้ก็ลองซื้อ (เช่า) มาอ่านดู (สยามก็ออกเล่มใหม่เร็วๆ ด้วย เล่ม 4 นี้ สนุกนะเอ่อ)


                    หวังว่าอนิเมะจะทำออกมาดีนะ ไม่อยากอินดี้แบบดอกนรก




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×