ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #322 : ปรัชญาจากโจ๊กเกอร์

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.พ. 58


    สิ่งที่ผมเขียนต่อไปนี้ยอมรับว่าศึกษาไม่ละเอียด ไม่ดีพอ อีกทั้งโจ๊กเกอร์ก็ไม่ได้เป็นวายร้ายในดวงใจของผมเลยแม้แต่น้อย (ผมชอบ นักเชิดหุ่น)   

     

                 หากพูดถึงวายร้ายในการ์ตูนฮีโร่อเมริกัน (supervillain) ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันมีวายร้ายปราฏตัวมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กะโหลกแดง, กรีนก็อบลิน, ด็อกเตอร์ปลาหมึก, แม็กนีโต, ด็อกเตอร์ดูม ฯลฯ ซึ่งเป็นวายร้ายจากการ์ตูนฮีโร่ในดีซีคอมมิกคือมาร์เวล

                 แต่อย่างไรก็ตาม หากจะจัดสุดยอดวายร้าย และเหล่าร้ายที่โดดงดังที่สุด เราต้องนึกถึง  “โจ๊กเกอร์” (The Joker)  ศัตรูคู่ปรับแบทแมนอันดับแรกๆ ซึ่งก็น่าแปลก เมื่อเปรียบเทียบโจ๊กเกอร์กับเหล่าวายร้ายในการ์ตูนฮีโร่แล้ว เหล่าร้ายคนอื่นๆ ต่างมีพลังพิเศษเหนือธรรมชาติ มีพละกำลังต่อยตามพินาศเป็นดวงๆ ปล่อยรังสีพิฆาต ฯลฯ แต่ทางด้านโจ๊กเกอร์แทบไม่มีพละกำลังอะไร ไม่ได้เรียนศิลปะการต่อสู้ ไม่ได้เป็นยอมมนุษย์ ไม่ได้มีพลังพิเศษอะไรทั้งสิ้น ความฉลาดก็พอๆ กับคนธรรมดา (แต่ก็อัจฉริยะในเรื่องชั่วๆ)  แต่ทำไมโจ๊กเกอร์ถึงกลายเป็นตัวละครที่น่าจดจำ

     

     

    จากซ้ายไปขวา ซีซาร์ โรเมโร, แจ็ก นิโคลสัน, และ ฮีธ เลดเจอร์ ล้วนเคยเป็นนักแสดงในบท โจ๊กเกอร์

     

                 ในการจัดอันดับ 100 สุดยอดเหล่าวายร้าย (Top 100 supervillains) โจ๊กเกอร์ติดอันดับ 2 เป็นรองเพียงแม็กนีโต แต่บางทีก็ยกให้โจ๊กเกอร์อันดับ 1

                 ตลอดเจ็ดทศวรรษที่ผ่านมา โจ๊กเกอร์ก็ยังคงเป็นวายร้ายที่ยิ่งใหญ่อยู่ในจิตใจของใครหลาย ด้วยภาพลักษณ์ที่โดดเด่น ภาพของชายผอมๆ ที่เป็นบ้า โรคจิต หน้าฟอกขาว รอยยิ้มที่ฉีกจนกว้างถึงแก้ม และทรงผมสีเขียและริมสีฝากสีแดง สวมชุดสีม่วงเนี๊ยบ สิ่งเหล่านี้คือโจ๊กเกอร์ที่หลายคนรู้จัก

                 โจ๊กเกอร์ ได้รับการสร้างสรรค์ตัวละครโดย เจอร์รี่ โรบินสัน, บิลล์ ฟิงเกอร์และบ็อบ เคน โดยต้นแบบของโจ๊กเกอร์นั้นมาจากตัวละครที่ชื่อ กวินเปลน”ในภาพยนตร์ The Man Who Laughs  (ชื่อไทย ปาฏิหาริย์รักจากโจ๊กเกอร์ สร้างจากวรรณกรรมของวิคเตอร์ อูโก้ นักเขียนชื่อดังชาวฝรั่งเศส) ปี 1928 ที่รับบทโดยนักแสดง  คอนราด เวท์(Conrad Veidt)  ซึ่งเขาแต่งหน้าฟอกขาวและมีรอยยิ้มฉีกกว้างน่ากลัว แสยะยิ้มจนเห็นฟัน จนดูโรคจิต

                 จุดเริ่มต้นของโจ๊กเกอร์เริ่มขึ้น จากการปรากฏตัวครั้งแรกในหนังสือการ์ตูน Batman #1 (ซึ่งวางจำหน่ายครั้งแรกในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 1940) โดยโจ๊กเกอร์ถือว่าเป็นศัตรูหลักตัวแรกๆ ของแบทแมน โจ๊กเกอร์ในเเรกเริ่มนั้นไม่ได้ให้รายละเอียดเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรมากนัก รู้เพียงว่าบทบาทออกมาเป็นฆาตกรต่อเนื่องไร้ความปราณี เวลาฆ่าเหยื่อก็ใช่ใช่ “พิษหัวเราะ” สารพิษที่ทำให้คนเสีนยชีวิตในสภาพฉีกยิ้มน่ากลัว และตอนแรกโจ๊กเกอร์ถูกำหนดที่จะตายด้วยการแทงเข้าที่หัวใจ หากแต่ตอนหลังก็ปรับให้โจ๊กเกอร์มีชีวิตอยู่

                 หลังจากนั้นเป็นต้นมาโจ๊กเกอร์ก็กลายเป็นคู่ปรับของแบทแมน ตลอดหลายทศวรรษ ทั้งคู่ต่างเลือดหมัดใส่กันอย่างดุเดือด จนบางครั้งก็จะฆ่ากันตายไปข้าง ทั้งๆ ที่ทั้งคู่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

     

     การ์ตูนดีซี

    โจ๊กเกอร์สมัยยังเป็นผู้เป็นคนแล้วตกสารเคมี

     

                 ทั้งโจ๊กเกอร์และแบทแมนต่างไม่รู้จักตัวตนของอีกฝ่ายเลย โจ๊กเกอร์ไม่รู้ตัวจริงของแบทแมนว่าเขาคือมหาเศรษฐีบรูซ เวย์น ขณะที่แบทแมนเองก็ไม่รู้เลยว่าโจ๊กเกอร์เป็นใครมาจากไหน

                 ประวัติของโจ๊กเกอร์ลึกลับ จนกระทั่งหนังสือ Batman: The Killing Joke (1988) ได้เปิดเผยเรื่องราวความเป็นมาของประวัติชีวิตบางส่วนของโจ๊กเกอร์  ว่าทำไมเขาเสียโฉม และทำไมถึงจิตวิปลาส

                 ประวัติชีวิตของโจ๊กเกอร์นั้น เขาไม่ได้เป็นมนุษย์ต่างดาว ไม่ได้เกิดมาเป็นคนมีพรสวรรค์ ไม่ได้เป็นมนุษย์พิเศษเลี้ยงดูโดยองค์กรลับใดๆ ทั้งสิ้น ตัวจริงเขาก็เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา เคยเป็นวิศวกรในโรงงานเคมีในห้องทดลองที่มีฐานะยากจนต้องเลี้ยงปากท้องตนเองกับภรรยาที่กำลังตั้งท้อง ต่อมาเขาก็ลาออกเพื่อทำงานเป็นวิศวกร และทำอาชีพเป็นนักแสดงตลกเดี่ยวไมโครโฟน แต่เขาไม่ตลกเลย ไม่มีพรสวรรค์ด้วยซ้ำ ทำให้เขาล้มเหลว ตกงาน จน เครียด  และนั้นทำให้เขาถูกบีบให้กลายเป็นโจร  ร่วมมือกับเพื่อนอีกสองคน

                 อย่างไรก็ตาม ระหว่างวางแผนนั้น เขาก็ได้ทราบข่าวว่าภรรยาของเขาได้เสียชีวิตลงจากอุบัติเหตุในครัวเรือน และนั้นทำให้วิศวกรตกงานผู้นี้เศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก และเขาขอถอดตัวจากการปล้น หากแต่เพื่อนของเขาบีบโน้นนาวให้เขาร่วมมือจนได้

                 ที่โรงงานอดีตที่ทำงาน วิศวกรที่ริเริ่มเป็นโจรได้สวมหน้ากากฮู้ดแดง เพื่อไม่ให้รู้ตัวจริง และระหว่างทางการปล้นด้วยสภาพเหม่อลอยและความเศร้าโศกเสียใจทำให้เขาพลัดตกกับบ่อสารเคมีในระหว่างการปะทะกับแบทแมน และรอดมาได้วิศวกรตกงานก็พบว่าร่างกายเขาแปลกๆ ไป สารเคมีนั้นทำให้เขามีสภาพที่น่าสยดสยอง สารเคมีฟอกขาวทำให้ผิวหนังของเขาขาวจนไม่สามารถกลับมาเหมือนเดิมได้อีก ซ้ำร้ายปากของเขาแดงแสยะยิ้มจนน่าขนลุก ผมก็ถูกย้อมจนมีสีเขียว และด้วยความโชคร้ายต่อเนื่อง ทำอะไรก็ล้มเลว วิศวกรตกงานคนนั้นก็สติแตกจนกลายเป็นโจ๊กเกอร์ในเวลาต่อมา

                  (ความจริงประวัติโจ๊กเกอร์มีหลายเวอร์ชั่น อย่างภาพยนตร์และการ์ตูนโจ๊กเกอร์เคยเป็นลูกน้องมือขวาของเจ้าพ่อแก๊งมาก่อน หากแต่ตกสารเคมีจนกลายเป็นคนบ้า)

                 Batman: The Killing Joke เป็นหนึ่งในการ์ตูนคอมมิคที่ดีอีกเรื่องหนึ่งของแบทแมน  ซึ่งได้วิเคราะห์สภาพจิตใจของแบทแมนและโจ๊กเกอร์เอาไว้ว่า พวกเขาเป็นมากกว่าคู่ปรับ พวกเขามีอะไรหลายอย่างที่เหมือนกันพวกเขามีประวัติชีวิตที่พบกับความสูญเสีย ความซึมเศร้าที่นำไปสู่เส้นทางที่แตกต่างกัน แบทแมนที่สูญเสียพ่อและแม่เลือกทางเดินเป็นฮีโร่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมและล้างบางอำนาจมือ ส่วนโจ๊กเกอร์ที่สูญเสียภรรยาและลูกและพบกับเรื่องโชคร้ายต่อเนื่อง และเลือกที่จะเป็นโจ๊กเกอร์สร้างความเดือดร้อนเพื่อปลดปล่อยความบ้าในจิตใจ

                 คำถามต่อมา เหตุใดโจ๊กเกอร์ถึงกลายเป็นวายร้ายสำหรับใครหลายคน ทั้งๆ ที่โจ๊กเกอร์ไม่ได้เก่งเทพอะไรเลย คำตอบง่ายๆ คือโจ๊กเกอร์เป็นวายร้ายที่เขาถึงใครหลายคนมากที่สุด เพราะความเป็นมนุษย์ และใครสามารถเป็นได้  (?) และเราเข้าใจโจ๊กเกอร์ได้ดีกว่า

                 นอกจากนี้โจ๊กเกอร์ยังเป็นสัญลักษณ์ของความบ้าคลั่งในจิตใจที่ปลดปล่อยออกมาเต็ม MAX ซึ่งคงามบ้าคลั่งนี้มีอยู่ในตัวของมนุษย์ทุกคน เพียงแต่จะมากหรือน้อย หรือพัฒนาปลดปล่อยยังไงก็ขึ้นอยู่กับบางคน

     
    วิกิพีเดีย

    นาย เจมส์ โฮล์มส์

     

                 เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2012 ได้เกิดเหตุการณ์ช็อกชาวอเมริกันทั้งประเทศ เมื่อมีคนร้ายบุกเดี่ยวกระหน่ำยิงในโรงหนังที่กำลังฉายแบทแมนรอบปฐมทัศน์ " The Dark Knight Rises” ในเขตออโรรา รัฐโคโลราโด  โดยคนร้ายใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่เหยื่ออย่างไม่เลือกหน้า ขณะที่ผู้ชมบางคนไม่รู้ตัว เพราะคิดว่าเป็นเอฟเฟ็กต์นอกจอ กระทั่งเหตุการณ์เริ่มชัดเจน ทุกคนวิ่งแตกตื่นหนีตาย

                 จากเหตุการณ์นี้มีเหยื่อคมกระสุน 12 ศพ บาดเจ็บอีก 58 ชีวิต ซึ่งเหยื่อมีทั้งชาย หญิง และเด็ก ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญที่สุดนับตั้งแต่เหตุสังหารหมู่ในโรงเรียนโคลัมไบ

                 ภายหลังมือปืนผู้ก่อเหตุสะเทือนขวัญได้ยอมมอบตัวต่อตำรวจ และทราบชื่อภายหลังว่าชื่อนาย เจมส์ โฮล์มส์ อายุ 24 ปี ไม่มีประวัติอาชญากรรมใดๆ เป็นนักศึกษามหาลัย แต่กลับก่อเหตาสะเทือนขวัญ วางแผนใช้เวลาหลายเดือนในการซื้อปืนไรเฟิล ปืนลูกซอง ปืนพก กระสุน 6,300 นัด หน้ากากกันแก๊ส และชุดเกราะกันกระสุน แล้วสวมชุดเหล่านี้ปะปนกับหลายคนที่สวมชุดคอสดูมเข้าไปโรงภาพยนตร์ โดยไม่มีใครสงสัยเลยแม้แต่น้อย  ก่อนที่จะเกิดเหตุสะเทือนขวัญดังกล่าว

                 แต่ที่น่าตกใจคือ หลังจากตำรวจจับกุม  นายโฮล์มส์ได้พูดกับตำรวจว่าเขาคือโจ๊กเกอร์วายร้ายจากเรื่องแบ็ทแมนนั้นเอง  โดยโจ๊กเกอร์ในภาค " The Dark Knight Rises นำแสดงโดยฮีธ เลดเจอร์นั้นได้กลายเป็นคาแร็คเตอร์ที่หลายคนชอบมากในเวลานั้น และมีหลายคนเลียนแบบแต่งหน้าโจ๊กเกอร์แบบภาพยนตร์ด้วย

                 กรณีของนายโฮล์มส์ไม่ได้คนเดียวที่คนที่อ้างว่าก่ออาชญากรรมโดยมีโจ๊กเกอร์เป็นแรงบันดาลใจ  เมื่อเดือนมกราคม 2009 Kim De Gelder หนุ่มน้อยวัย 20 ปี ได้บุกเข้าไปในสถานรับเลี้ยงเด็กเล็ก Fabeltjesland  ในเบลเยี่ยม และฆ่าผู้ดูแลเด็กวัยและเด็กเล็กอายุไม่ถึงปีเสียชีวิต 2 คน และหลายได้รับบาดเจ็บ ซึ่งที่น่าแปลกคือเขาแต่งกายเหมือนโจ๊กเกอร์ กล่าวคือ โกรกผมสีแดง และทาหน้าสีขาวโพรน และทาขอบตาสีดำ และเขาก็อ้างว่าเขาคือโจ๊กเกอร์

                 อีกรายเกิดขึ้นไม่นานนี้เองเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2014 จาเร็ด มิลเลอร์และภรรยาอแมนดา ได้ก่อเหตุยิงตำรวจในลาสเวกัส และยังยิงพลเมืองที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนที่จะสามีจะถูกวิสามัญขณะสู้กับตำรวจ ส่วนภรรยาฆ่าตัวตายหลังได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเมื่อตำรวจตรวจสอบหาเหตุจูงใจ  ก็พบกับเรื่องน่าประหลาดใจในคลิปยูทูปที่ปรากฏเขาได้โพสต์คลิปหนึ่ง ในคลิปเป็นภาพแต่งชุดเป็นโจ๊กเกอร์แล้วพูดแสดงความเกลียดชังเกี่ยวกับกฎหมายบังคับควบคุมอาวุธปืนของรัฐบาล

                 คลิป https://www.youtube.com/watch?v=jMvbU4b7ocA

                 แน่นอนว่าเราไม่ทราบชี้ชัดได้ว่าคนร้ายเหล่านี้มีแรงบันดาลใจมาจากโจ๊กเกอร์ในการก่ออาชญากรรมครั้งนี้หรือไม่  และประเด็นเรื่องการเลียนแบบอาชญากรรมในภาพยนตร์, การ์ตูน และเกมส่งผลต่อจิตใจของคนจริงมากน้อยเพียงใด แต่กระนั้นก็มองเห็นชัดว่าโจ๊กเกอร์มีเป็นตัวละครที่ได้รับความนิยม เป็นมากกว่าการ์ตูน อีกทั้งยังอิทธิพลต่อจิตใจของคนมากขนาดไหน จนบางคนปลดปล่อยด้านบ้าคลั่งคนหลายคนสามารถทำสิ่งที่โจ๊กเกอร์ทำได้  โจ๊กเกอร์จึงถูกนำไปใช้เป็นสัญลักษณ์ในการต่อต้านสังคม

                 โจ๊กเกอร์ถือว่าเป็นคู่ปรับที่ขับเคี่ยวกับแบทแมนมายาวนาน และเป็นคู่ปรับที่สร้างความเลวร้ายทั้งร่างกายและจิตใจของแบทแมนมากที่สุด ในจำนวนผู้ร้ายของแบทแมน แม้แต่ในจักรวาลดีซีเองโจ๊กเกอร์ก็เคยสร้างความวุ่นวายปั่นป่วนมาแล้ว (ที่น่าจดจำคือเป็นต้นเหตุการณ์ตายของคนรับซูเปอร์แมน) หรือแม้แต่ในมาร์เวลโจ๊กเกอร์ก็เคยร่วมมืดกับพวกวายร้ายดังๆ อย่างเลเทอร์ (Carnage) ศัตรูของสไปเดอร์แมนมาแล้ว

                 และที่น่าสนใจคือวีรกรรมของโจ๊กเกอร์ที่กระทำต่อแบทแมนนั้นล้วนเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำทั้งสิ้น รวมไปถึงอาชญากรรมที่สร้างความตกตะลึงต่อผู้อ่าน ล้วนส่งเสริมให้โจ๊กเกอร์ดูเป็นฆาตกรเลือดเย็น สถุล และบ้าโดยสมบูรณ์  ไม่แปลกต่างอย่างใดที่ทำให้เขากลายเป็นคนร้ายที่ยิ่งใหญ่ในการ์ตูนฮีโร่อเมริกัน จนถูกขนานนามว่า “เจ้าชายแห่งอาชญากรรม”

     

    โจ๊กโรบิน 

    โจ๊กเกอร์ใช้ชะแลงตีเจสัน ทอดด์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

     

                 ถ้าถามว่าวีรกรรมไหนที่โจ๊กเกอร์ทำร้ายจิตใจแบทแมนมากที่สุด คงจะเป็นเหตุการณ์การตายของเจสัน เจสัน ทอดด์ (Jason Todd) โรบิน
    คนที่สอง และเพื่อนสนิทที่ดีที่สุดของแบทแมน โดยโจ๊กเกอร์ได้ทำเรื่องเลวร้ายกับเด็กหนุ่มผู้นี้ หลังจากที่โจ๊กเกอร์รู้เรื่องว่าเจสันจะไปหาแม่ที่ห่างเกินที่เอธิโอเปีย เขาก็ตัดหน้าด้วยการลักพาแม่ของเจสันเป็นตัวประกัน และวางแผนให้เจสันมาติดกับที่บ้านร้าง จากนั้นโจ๊กเกอร์ก็เล่นนั้นโรบินด้วยชะแลงอย่างไร้ปราณีจนบาดเจ็บสาหัส หลังจากโณบินหมดสตจิ เขาก็จับ ขังทั้งคู่ไว้กับระเบิดเวลาในบ้านหลังนั้น แม้ว่าเเบทเเมนจะมาช่วยเหลือ แต่ก็ไม่เร็วพอที่จะช่วยทั้งคู่ได้ทัน เจสันได้เสียชีวิตจากแรงระเบิดเพื่อบังแม่  

                 การตายของเจสันการตายของเจสันเป็นปมที่อยู่ในของเเบทเเมนมาอย่างเนิ่นนาน ถือว่าเป็นตราบาปเพราะเขาล้มเหลวในการฝึกฝนโรบิน และโทษตนเองที่ไม่สามารถช่วยเหลือเขาจากโจ๊กเกอร์ได้ ถึงขนาดที่ว่าในตอนที่โดนเเก๊สความกลัวจาก หุ่นไล่กา” (Scarecrow) ภาพที่เค้าเห็นในจิตใจยังเป็นภาพการตายของเจสันอยู่เลย

      

    การ์ตูนดีซี
    ยิงแบ็บส์

     

                 วีรกรรมสุดเลวร้ายของโจ๊กเกอร์มีมากมาย แม้แต่แบทเกิร์ลรุ่นแรกๆ หรือตัวจริงคือแบ็บส์ หรือบาร์บาร่า ซึ่งเป็นคู่หูแบทแมน และเป็นลูกสาวของตำรวจเมืองก็อตแฮมจิม กอร์ดอน (โดยปกปิดไม่ให้พ่อรู้) ได้ถูกโจ๊กเกอร์ดับฝันอันสดใสในคืนเดียว เมื่อโจ๊กเกอร์ได้บุกเข้าบ้านแบบไม่ตั้งตัว และมันก็ได้ยิงบาร์บาร่าเข้าที่ต้นขา และลักพาตัวจิม ลูกสาวของจิน เกอร์ดอน แม้ว่าแบ็บส์จะไม่ตายจากเหตุการณ์ครั้งนี้ แต่กระสุนนัดนั้นได้ทำให้เธอเป็นอัมพาธใช้ชีวิตบนรถเข็นไปตลอดกาล แต่อย่างไรก็ตามแบ๊บส์ยังคงสู้ชีวิตและช่วยเหลืองานของแบทแมนอยู่เช่นเดิม ในฐานะฝ่ายสนับสนุนออราเคิล (The Oracle)

     

     

     

                 ดูเหมือนว่าโจ๊กเกอร์จงใจที่จะทำร้ายครอบครัวของแบทแมนเป็นพิเศษ แม้แต่อัลเฟรดพ่อบ้านของแบทแมน ที่สำหรับแบทแมนแล้วเขาก็คือครอบครัวคนสุดท้าย เพราะหลังพ่อแม่ของเขาตายไปก็มีเพียงอัลเฟรดที่อยู่เคียงข้างเขาและสนับสนุนทุกอย่างเรื่อยมา และความเลวร้ายของโจ๊กเกอร์ได้เข้ามาหาอัลเฟรดด้วย

                 Death of the Family ถือว่าเป็นซีรีย์ที่โจ๊กเกอร์น่ากลัวที่สุด เพราะโจ๊กเกอร์ถลกหน้าของตัวเอง อีกทั้งยังได้ลักพาตัวอัลเฟรด ซึ่งถือว่าเป็นตอนที่โจ๊กเกอร์เล่นหนักมากจนแบทแมนแทบประสาทเสียก็ว่าได้ อีกทั้งเป็นตอนที่โจ๊กเกอร์รู้จักตัวจริงของแบทแมนอีกต่างหาก และเกือบฆ่าครอบครัวของแบทแมน (ทั้งโรบินรุ่นต่างๆ และแบทเกิร์ล) สำเร็จด้วย (เชื่อว่าโจ๊กเกอร์น่าจะรู้มานานแล้วว่าแบทแมนเป็นใคร เพียงแต่ไม่สนใจเท่านั้น โจ๊กเกอร์เลือกที่จะสู้แบทแมนมากกว่า)

     

     

     

                 โจ๊กเกอร์ยังเข้ามาในชีวิตของแบทแมนอยู่ตลอดเวลา และบางครั้งก็เปลี่ยนชีวิตแบทแมนแบบไม่รู้ตัวเหมือนกัน เป็นต้นว่า Batman: Lovers & Madmen #1 เป็นช่วงที่โจ๊กเกอร์ยังไม่ได้เป็นโจ๊กเกอร์ (คือไม่ได้ตกสารเคมีสีเขียว ยังเป็นคนธรรมดาอยู่) เขาได้ยกพวกไปปล้นงานเลี้ยงคนรวย แต่ทำร้ายผู้หญิงคนหนึ่งด้วยการมีดเฉือนที่ท้องผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ ลอร์น่า ชอร์ (Lorna Shore) เธอคนนั้นเป็นคนรักขอบรูซวย์น ที่เขาจริงจังกับเธอมาก เธอเป็นคนที่ทำให้เขามีความสุขครั้งแรกตั้งแต่พ่อแม่ของเขาถูกฆ่าตาย แม้ว่าเธอจะรอดชีวิต แต่ทั้งสองก็รู้ตัวดีว่ามันไม่ดีสำหรับเธอที่จะอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยอันตรายแห่งนี้ และนั้นทำให้บรูซต้องยุติความสัมพันธ์กับเธอลง  และในเวลาต่อมาเธอก็ย้ายเมืองไปยังเมืองที่ปลอดภัยกว่า

                  นอกจากคอมมิคแล้ว ในภาพยนตร์คนแสดง โจ๊กเกอร์ก็ยังคงโดดเด่นฉายแสง พร้อมวีรกรรมที่น่าจดจำมากมาย ซึ่งก็ต้องขอบคุณดาราที่สวมบทโจ๊กเกอร์ที่เล่นได้ถึงอารมณ์ของโจ๊กเกอร์จริงๆ

     

    วอร์เนอร์บราเดอร์ 

    โจ๊กเกอร์ในภาพยนตร์ของทิมเบอร์ตัน 1989

     

                 ในภาพยนตร์ของทิมเบอร์ตัน 1989 ได้มีการวางบทว่าอดีตโจ๊กเกอร์ (รับบทโดยแจ็ค นิโคลสัน) เป็นลูกน้องของเจ้าพ่อมาเฟีย และเป็นคนลั่นไกสังหารพ่อแม่ของบรูซ เวย์น ซึ่งในคอมมิคโจ๊กเกอร์ไม่ได้เป็นคนฆ่าพ่อแม่ของบรูซ (แม้ตอนแรกมีการกำหนดแต่ก็ตัดออก) ซึ่ง แจ็ค นิโคลสันถือว่าเป็นดาราอีกคนงที่แสดงเป็นโจ๊กเกอร์ได้อย่างเข้าถึงมากๆ ด้วยความโหดเลือดเย็น

     

     วอร์เนอร์บราเดอร์

    ราเชล ดอว์สเ

     

                 ในปี 2008 โจ๊กเกอร์ก็กลับมาอีกครั้ง ในภาพยนตร์ The Dark Knight คราวนี้ได้ ฮีธ เลดเจอร์ มารับบทเป็นโจ๊กเกอร์ ผู้บ้าคลั่ง พร้อมฉากมากมายที่น่าจะจำ เช่น ระเบิดโรงพยาบาล, ปล้นธนาคาร ไปจนถึงก่อการร้ายต่างๆ นาๆ และฉากที่น่าจะจำและทำร้ายจิตใจแบทแมน (รับบทโดยคริสเตียน เบล) ก็คือ ฉากที่โจ๊กเกอร์จับราเชล ดอว์สซึ่งเป็นตัวละครสร้างใหม่ของผู้กำกับคริสโตเฟอร์ โนแลน โดยกำหนดว่าเธอเป็นเพื่อนสมัยเด็กและคนรักของบลูซ เวยน์ พร้อมทั้งยังจับฮาร์วีย์ เดนเพื่อนของแบทแมนด้วย โดยมันให้เลือกว่าจะให้แบทแมนช่วยคนไหนระหว่างราเชล กับฮาร์วีย์ก่อนที่ระเบิดเวลาจะระเบิด ซึ่งแบทแมนเลือกที่จะช่วยราเชล หากแต่ผลสุดท้ายแบทแมนก็ไม่สามารถช่วยได้ทัน และนั่นทำให้บลูซ เวยน์จิตตกเป็นอย่างมากที่ต้องสูญเสียคนสำคัญไปอีกครั้ง

     

    การ์ตูนดีซี
    แบทแมนโดนอีแร้งรุมโต๊ะจีน

     

                 นอกจากจิตใจแล้ว โจ๊กเกอร์ยังทำแบทแมนเจ็บกายด้วย และหากถามว่าช่วงเวลาไหนที่โจ๊กเกอร์สร้างความเสียหายทางกายแบทแมนมากที่สุดก็คงเป็นช่วงเวลาในหนังสือ Emperor Joker ซึ่งเป็นตอนที่โจ๊กเกอร์ได้รับพลังสร้างหรือเปลี่ยนอะไรก็ได้ จาก Mister Mxyzptlk และเมื่อคนบ้าได้พลังที่ยิ่งกว่าพระเจ้า ก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “จักรพรรดิโจ๊กเกอร์” และเปลี่ยนจักรวาลดีซีกลายเป็นการ์ตูนล้อเลียน กลายเป็นการ์ตูนบ้าๆ บอๆ พร้อมกับแก้แค้นเหล่าฮีโร่ โดยเฉพาะแบทแมน โจ๊กเกอร์ได้จัดการแบทแมนด้วยการทรมานสยองเหมือนดั่งโพรมีธีอุสจากตำนานกรีก โดยจับตรึงร่างแบทแมนแล้วปล่อยอีแร้งจำนวนมากบินมาฉีกเนื้อฉีกกินตับแบทแมนตายอย่างทรมาน หากแต่โจ๊กเกอร์ก็คืนชีพแบทแมนฟื้นในวันใหม่ แล้วแร้งก็บินมากินตับอีกครั้งเป็นเช่นนี้ทุกวัน

     

    วอร์เนอร์บราเธอร์ส 

    ทิม เดรกในร่างของโจ๊กเกอร์

     

                 โจ๊กเกอร์เป็นศัตรูตลอดกาลของแบทแมนจริงๆ ถึงแม้โจ๊กเกอร์จะตายไปแล้ว ก็ยังคงมีฤทธิ์เดช ในอนิเมชั่น Batman Beyond ก่อนที่โจ๊กเกอร์จะตายในเขาได้ลักพาตัวทิมเดรกโรบินคนที่สองที่มีความเชื่อมั่นในตัวเเบทเเมนมาล้างสมองใส่ความไมโครชิปที่ปลูกถ่ายบุคลิกของโจ๊กเกอร์ฝังในตัวทิม ทำให้ทิมได้กลายเป็นโจ๊กเกอร์ไป  แต่อย่างไรก็ตามสุดท้ายโจ๊กเกอร์ก็จบชีวิตลงเมื่อเขาสั่งให้ทิมยิงแบทแมน แต่กลายเป็นว่าทิมยังคงเชื่อมั่นแบทแมนและใช้ปืนยิงโจ๊กเกอร์ และนั้นทำให้โจ๊กเกอร์เสียชีวิต

                 อย่างไรก็ตาม แม้โจ๊กเกอร์จะตายและถูกฝังในหลุมอันมืดมิดแล้ว แต่ทิมยังคงทุกข์ทรมานจากการล้างสมองแม้จะได้รับการรักษาก็ตาม จนกระทั่งเวลาผ่านไปทิมกลายเป็นชายวัยกลางคนแล้วเลิกเป็นโรบิน ส่วนบรูซเองก็เข้าสู่วัยชรา และแบทแมนก็ถูกผลัดเปลี่ยนเป็นแบทแมนบียอนด์ ทิมก็สามารถสามารถควบคุมโจ๊กเกอร์ได้ และนั่นเองทำให้เขากลายเป็นโจ๊กเกอร์อีกครั้ง

     
    การ์ตูนดีซี
     

                 หากดูวีรกรรมโจ๊กเกอร์มากมาย ก็เข้าใจเลยว่าโจ๊กเกอร์ที่มีชีวิตและสีสันมากมาย ไม่ใช่ตัวร้ายเหมือนการ์ตูนอเมริกันหลายเรื่องที่เอาแต่โผล่มาแล้วสร้างหายนะอย่างเดียว ตูมเดียวกับจบ อีกทั้งโจ๊กเกอร์เป็นตัวร้ายที่สู้กันอย่างถึงพริกถึงขิงสู้กับแบทแมนอย่างยาวนาน ทั้งทางจิตวิทยาและด้วยอาวุธ แม้ส่วนใหญ่โจ๊กเกอร์จะแพ้และถูกจับขังในคุกหลายครั้ง แต่โจ๊กเกอร์ก็แหกคุกได้เกือบทุกครั้ง และต้องพึ่งแบทแมนจับเข้าไปขังอีก

                 แม้ว่าโจ๊กเกอร์จะเป็นศัตรูคู่แค้นที่น่ากลัวที่สุดของแบทแมน  แต่แบทแมนก็ไม่เคยฆ่าโจ๊กเกอร์ หรือบางครั้งแบทแมนจะแค้นโจ๊กเกอร์มากๆ แต่เขาก็ตัดในปล่อยโจ๊กเกอร์ทุกครั้ง และในขณะเดียวกันโจ๊กเกอร์ก็ไม่เคยคิดจะฆ่าแบทแมนแบบตรงๆ ด้วย แต่ต้องการให้แบทแมนเข้าสู่ด้านสูญเสียในมากกว่า ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะในใจของทั้งสองคงมีความเคารพซึ่งกันและกันก็ได้ แบทแมนหวังว่าสักวันโจ๊กเกอร์จะกลับตัวเป็นคนดี ส่วนโจ๊กเกอร์เองก็คิดว่าสักวันแบทแมนจะกลายเป็นเขาก็เป็นไปได้

     

     

    โจ๊กเกอร์อาจเป็นสัญลักษณ์ของความบ้าคลั่ง ที่สร้างความวุ่นวายปั่นป่วนไปทั่ว ไม่ว่าแบทแมน และซุปเปอร์แมนทั้งหมดล้วนเจ็บปวดเพราะโจ๊กเกอร์มาแล้ว แต่อย่างไรตลอดศตวรรษที่ผ่านมา เราได้เห็นอะไรหลายๆ อย่างในตัวโจ๊กเกอร์ว่าเขาไม่ใช่วายร้ายที่เอาแต่บ้าคลั่ง ปัญญาอ่อนอย่างเดียว เขายังแสดงให้หลายคนได้เห็นว่าเขายังมีอะไรดีหลายอย่าง ที่น่าจะเป็นแบบอย่างอยู่บ้าง ไม่มากก็ไม่น้อย

    โจ๊กเกอร์ไม่ได้บ้าหรือวิกลจริต ในหลายช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเราได้เห็นอะไรหลายอย่างในตัวของโจ๊กเกอร์ว่าเขาไม่ได้เป็นคนโง่ และในขณะเดียวกันก็ไม่ได้เป็นคนบ้าคลั่ง มีหลายครั้งที่แสดงให้เห็นว่าโจ๊กเกอร์เป็นคนมีเหตุผล สามารถคุมสนิทตนเองอยู่ และรู้ว่าเขาทำอะไร และผลลัพท์ที่ตามมาคืออะไร

    มีอยู่ครั้งหนึ่งที่โจ๊กเกอร์สูดดมก๊าซความกลัวของหุ่นไล่กา (Scarecrow) หากเป็นคนปกติคงเป็นเสียสติและกลายเป็นบ้าไปแล้ว แต่ก๊าซดังกล่าวไม่มีผลต่อโจ๊กเกอร์เลยแม้แต่น้อย แสดงให้เห็นว่าโจ๊กเกอร์ไม่เคยกลัวอะไรเลย และเขาก็รู้ตัวดีว่า

    รู้จักทำงานเป็นทีม หากเราสังเกตดีๆ โจ๊กเกอร์ไม่ได้ทำงานคนเดียว  เขาไม่ได้เป็นตัวร้ายหลายๆ ตัวที่ชอบโชว์เดี่ยวอวดพลัง หลายครั้งโจ๊กเกอร์ปรากฎตัวเขามีเขามีลูกน้องมากมายอยู่ล้อมรอบ แต่ละคนล้วนมีทักษะและฝีมือทั้งสิ้น ที่สำคัญลูกน้องของโจ๊กเกอร์ไม่เคยทรยศโจ๊กเกอร์เลยแม้แต่ครั้งเดียว (ผู้ร้ายระดับหัวหน้าในแบทแมนล้วนมีสกิลคุมลูกน้องไม่ให้แตกแถว) ลูกน้องของโจ๊กเกอร์มีเพียงแค่ทำตามคำสั่งแล้วทำตามเท่านั้น ต่อให้ไปตายก็ต้องไป

    แสดงให้เห็นว่าโจ๊กเกอร์แม้ภายนอกเหมือนคนบ้า ซาดิสต์ โรคจิต โหดเหี้ยม แต่ความจริงแล้วโจ๊กเกอร์มีความเป็นผู้นำไม่น้อย อย่างน้อยก็ทำให้หลายคนเห็นว่าเขาเหมาะสมในเป็นเจ้านายคนอยู่บ้าง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าโจ๊กเกอร์ใช้อะไรถึงคุมลูกน้องตนเองได้ อาจเป็นความกลัว หรืออุดมการณ์เดียวกันก็ไม่ทรบ

    ที่สำคัญโจ๊กเกอร์ไม่เคยพาลูกน้องไปตายเสียเปล่า หลายครั้งเราจะเห็นว่าโจ๊กเกอร์รู้จักใช้ลูกน้องเป็นทีม แบ่งปันหน้าที่ว่าใครมีหน้าที่อะไร แม้ว่าลูกน้ององโจ๊กเกอร์ไม่ได้เก่งกว่าแบทแมน หากแต่เมื่อสามัคคีกันแบทแมนก็ยากที่จะปราบโจ๊กเกอร์ลงได้

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×