ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #30 : 10 อนิเมะการ์ตูนญี่ปุ่นแปลก

    • อัปเดตล่าสุด 26 มี.ค. 60


    10 เรื่องต่อไปนี้คัดเลือกจากประสบการณ์ของคนจัดตามความชอบ คุณค่าทางจิตใจ ความบันเทิง ความสร้างสรรค์ ที่ ไม่ใช่จัดโดยดูผลโหวตหรือวิชาการที่ไหนทั้งสิ้น

     

                 สาเหตุอยากหาการ์ตูนล้างตาหลังจากดูการ์ตูนใหม่เดือนตุลา เลยอยากลองหาการ์ตูนอนิเมชั่นเก่าๆ มาล้างตา ก็ต้องขอบคุณอินเทอร์เน็ตและกูเกิลที่ทำให้เราได้รู้จักอนิเมชั่นมากมายหลายการ์ตูนบางเรื่องที่อยากดูแต่ไม่มีโอกาส(เพราะไม่เข้าไทย) ก็ได้ได้รู้ว่ามีการ์ตูนแบบนี้เกิดขึ้นบนโลกด้วย ผมลองพิมพ์คำว่า “Weirdest Anime” เข้าไปค้นหาและปรากฏว่าการ์ตูนแปลกๆ แนวๆ มากมายที่ไม่ดังหลายเรื่องที่น่าสนใจ ผมได้ใช้เวลาดูเหล่านั้น และมีหลายเรื่องที่ผมชอบมาก ในขณะที่หลายเรื่องก็ยัง งง ว่ามันทำเพื่ออะไร และนี้คือ 10 อนิเมชั่นการ์ตูนญี่ปุ่นแปลกที่หลายคนไม่ค่อยรู้จัก

     

    10. Dokuro-Chan (2005)

     

    หลายคนอาจคุ้นกับเสียง “ปิ ปรุ ปิรุ ปิรุ ปิปิ รุปิ” โดคุโระจังอาจเป็นการ์ตูนคอมมาดี้เรื่องเดียวที่เลือดสาด เป็นอนิเมชั่นที่สร้างจากไลน์โนเวลในชื่อ  Bokusatsu Tenshi Dokuro-chan Bludgeoning Angel Dokuro-Chan (มี 11 เล่มจบ ) เป็น 8 ตอนสั้นๆ ซึ่งเนื้อหาไม่ได้ต่อเนื่องเหมือนในนิยาย (รู้สึกจะมี 2 ภาค อีก 4 ตอน) โดยเนื้อหาเป็นเรื่องของเด็กหนุ่มชื่อซากุระ ที่อนาคตเขาจะกลายเป็นเฒ่าหัวงูสร้างยาอายุวัฒนะทำให้เหล่าผู้หญิงบนโลกไม่แก่ไม่ตายแต่กลายเป็นโลลิแทน ซึ่งสำหรับสวรรค์แล้วถือว่าเขาทำผิดกฎธรรมชาติ  พวกเขาเลยส่งนักฆ่าซึ่งเป็นนางฟ้าชื่อโดคุระจังย้อนเวลามาฆ่าซากุระในอดีตเพื่อตัดปัญหานี้ซะ(อย่างกับคนเหล็ก) แต่อย่างไรก็ตามโดคุโระจังก็หวังว่าเธอจะสามารถเปลี่ยนอนาคตได้โดยไม่จำเป็นต้องฆ่าซากุระ ดังนั้นเธอเลยมาขออาศัยอยู่บ้านซากุระและทำให้เขาโง่ๆ เข้าไว้เพื่อที่จะได้ไม่สร้างยาอมตะในอนาคต อย่างไรก็ตามด้วยนิสัยห่ามๆและแรงซุปเปอร์(ควาย)ของโดคุโระจัง เธอมักฆ่าซากุระด้วยกระบองหนามหลายครั้ง หากแต่เธอก็สามารถคืนชีพซากุระใหม่ซ้ำไปซ้ำมา และชีวิตน้อยๆของซากุระจะเป็นอย่างไรก็ติดตามตอนต่อไป

    ความจริงก็ไม่อยากแนะนำให้ดูอนิเมชั่นมากนักเพราะตัดเนื้อหาต้นฉบับไลน์โนเวลพอสมควร ทำให้เนื้อเรื่องไม่ปะติดปะต่อกัน และเนื้อหาค่อนข้างแปลกๆ คือเต็มไปด้วยการล้อเลียนมากเกินไปและบ้ามากเกินไป ใครที่ไม่ศึกษาเรื่องนี้มาก็อาจดูไม่รู้เรื่อง หากดูเอามัน เอาตลกก็พอจะรับได้ เพราะเนื้อหาเต็มไปด้วยเลือดสาด ความรุนแรง เช่นหัวซากุระกระเด็น ไส้ทะลัก ปอดทะลุ ตูดแหว่ง โดนแกล้งอย่างรุนแรง ผสมกับฉากเซอร์วิสและอารมณ์หื่นของซากุระ ชอบมากตรงฉากที่โดคุโระจังพูดกับซากุระที่ด้านหลังว่า “ซากุระคุงงงงทำอะไรอยู่” แสดงว่าจะต้องมีตายชัวร์

    ความจริงสิ่งที่การ์ตูนเรื่องนี้กำลังสั่งสอนเราก็คือการที่สังคมชาชินต่อความรุนแรง ตัวอย่างเช่นเพื่อนในห้องแทบไม่สนใจเลยว่าโดคุโระจังจะฆ่าซากุระคุงอย่างโหดเหี้ยมยังไง ซ้ำยังเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ จนซากุระยังอึ้งเลยว่าคนรอบข้างเขามันปรับตัวได้ขนาดนี้เลยเหรอ อีกทั้งในช่วงท้ายตอนเพื่อนในห้องก็ได้รับวัฒนธรรมความรุนแรงของโดคุโระจังมาใช้อย่างชาชินเป็นที่เรียบร้อยอีก เช่น ฉากที่เพื่อนในห้องเล่นดอจบอลเล่นจนฝ่ายตรงข้ามเลือดสาดกระจายเป็นต้น

    รู้ไปก็เท่านั้น ในมังงะเองโดคุโระจังเคยตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Pig หากแต่เนื้อหาก็ไม่ปะติดปะต่อเหมือนกัน โดยมังงะเวอรชั่นที่ตรงกับไลน์โนเวล์คือผลงานของ [Ouse Mitsuna × Okayu Masaki] Bokusatsu Tenshi Dokuro-chan มี 3 เล่มจบ

     

    9. Puni Puni Poemi (2001)  

     

                    Puni Puni Poemiเป็นแนวการ์ตูนสาวน้อยเวทมนตร์ บวก ฮีโร่สาวพิทักษ์โลกบ้าบอ(กรุณาอย่าไปเชื่อฉากตอนต้น เพราะคุณกำลังโดนหลอก)กำกับโดยชินอิจิ วาตานาเบะ(เจ้าของอนิเมชั่นบ้าบอหลายเรื่อง และเรื่องดังคือ Bonobono ) โดยการ์ตูนดังกล่าวสอดแทรกอะไรอะไรมากมาย ไม่ว่าจะเป็นอนิเมชั่น มังงะ หรือวัฒนธรรมต่างๆ โดยเฉพาะสาวน้อยเวทมนต์เอามาล้อเลียน ในประเทศนิวซีแลนด์การ์ตูนถูกห้ามนำมาฉายเนื่องจากเหตุผลที่ว่ามีแนวโน้นส่งเสริมสนับสนุนการแสวงประโยชน์จากเด็กและเยาวชนเพื่อวัตถุประสงค์ทางเพศ

    Puni Puni Poemi เป็นเรื่องของสาวน้อยอายุ 10 ที่มีนิสัยคึกจัดนาม วาตานาเบะ “โคบายาชิ”โปเอมิ ที่บ้าพลัง K และอยากเป็นนักพากษ์หญิง(เลยพูดรัวเม่งทุกวัน) อาศัยอยู่กับพ่อแม่บุญธรรม หากแต่แล้ววันหนึ่งพ่อแม่บุญธรรม(พ่อบุญธรรมใช้คาแร็คเตอร์ผู้กำกับชินอิจิ วาตานาเบะมาเป็นต้นแบบ) ก็ถูกมนุษย์ต่างดาวฆ่าตาย เธอเลยมาอาศัยอยู่ในบ้านของเพื่อนสนิท ที่บ้านเต็มไปด้วยพี่น้องสาวสวยถึง 6 คน ที่มีพลังวิเศษและมีหน้าที่ปกป้องโลก ส่วนเธอเองต่อมาก็เจอคนลึกลับคนหนึ่งที่มอบสัตว์เวทมนตร์(เป็นปลา) ทำให้เธอเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ได้

    Puni Puni Poemi เป็นการ์ตูนบ้าๆ บอจริงๆครับ ผมพึ่งรู้จักผู้กำกับคนนี้จากการ์ตูนเรื่องนี้นี่เอง(ผลงานสร้างชื่ออีกเรื่องคือ Excel Saga) มุกมันบ้าแซวโน้นแซวนี้(เซเลอร์มูน, ดราก้อนบอล, โจโจ้, มาชินก้า)ทั้งนามธรรมและแบบตรงๆ หรือตัวละครมีพฤติกรรมแปลกๆ ให้มันบั่นทอนปัญญา ที่ชอบคือตัวละครนางเอกที่การ์ตูนแนวสาวน้อยเวทมนตร์มักมีนิสัยร่าเริงแต่นี้มาแบบคึกจัด ร่าเริงเกินเหตุ สมองน้อย ทำอะไรบ้าๆ บอๆ จนผมต้องอึ้ง ไม่ว่าจะตื่นนอนตีสองเพื่อไปโรงเรียน เล่นพละในห้องเรียน(ดูเอาว่ามันบ้าขนาดไหน) แต่ที่เทพคือมันพล่านพูดรัวได้เร็วมากชนิดคนดูยังงงๆ ว่ามันพล่านอะไรของมันหนักหนา (คนพากษ์โครตเก่งสามารถพูดรัวแบบไม่หยุดพักได้ รู้สึกว่าคนพากษย์จะชื่อ Yumiko Kobayashi ) เชื่อเถอะครับทีฮ่าเพราะเสียงตัวเอกนี้แหละทำลายโสตประสาทและเมพมากๆ (ยิ่งภาคเป็นภาษาอังกฤษโค-รตเทพ)

    การ์ตูนเรื่องนี้มีแค่ 2 ตอน แต่ฮ่าทั้งเสื่อมทำลายขนบสาวน้อยเวทมนตร์ไปเสียสิ้น ผมชอบฉากที่พ่อแม่บุญธรรมของตัวเอกถูกฆ่าตายแทนที่จะโกรธแค้น มันพล่านอะไรก็ไม่รู้ จนศัตรู(ที่ฆ่าพ่อแม่ตัวเอก)มาปลอบตัวเอก (น่าจะพาตัวเอกเข้าโรงพยาบาลบ้า) แถมตอนหลังไอ้ศัตรูดังกล่าวมาดันอาศัยอยู่บ้านร่วมกับตัวเอกอย่างเนียนซะงั้นปัญญาอ่อนได้ใจจริงๆ

    สิ่งที่เป็นข้อคิดสำหรับการ์ตูนเรื่องนี้คือการจิกกัดประเด็นญี่ปุ่นมากมาย เป็นต้นว่า การเห็นสื่อลามกกลายเป็นเรื่องธรรมดาของญี่ปุ่น โดยในเรื่องจุดประสงค์มนุษย์ต่างดาวที่มารุกรานโลกก็คือก็เอาต้องการสิ่งสวยงามของโลกไปเผยแพร่จักรวาล หลังจากที่มันอาศัยอยู่ในโลกพักใหญ่ก็สรุปได้ว่าสิ่งสวยงามของโลกก็คือวัฒนธรรมโอตากุของญี่ปุ่นนั้นเอง(สาวแว่น, สุดเมด, ซาดิสต์, อุปกรณ์ทางเพศ, โลลิ, นมโต, หูแมว. เว็บโป๊, เกมโป๊) และขณะที่มันก็จะเอาไปของเหล่านี้เผยแพร่ให้จักรวาลได้ชื่นชม แต่ถูกตัวเองขัดขวางเสียก่อ(ก่อนที่จักรวาลมันจะเสื่อมมากกว่านี้) สรุปคือการ์ตูนเรื่องนี้ผมชอบว่ะ

     

    3. Dead Leaves(2004)

     

    Dead Leaves เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นไซไฟยาว 55 นาที หนึ่งในผลงานของ Kazuya Tsurumaki(แต่สตูดิโอเป็น Production IG) ที่ได้เผยแพร่ไปทั่วประเทศญี่ปุ่น อเมริกาเหนือ แคนาดา

    Dead Leaves เป็นเรื่องของโลกอนาคตแห่งหนึ่งที่ชายหัวโทรทัศน์และหญิงธรรมดาคู่หนึ่ง ชื่อ Retro และ Pandy ตื่นขึ้นมาโดยมีแต่ร่างกายเปลือยเปล่าและความทรงจำในอดีตก็ไม่มี แต่พวกเขามีทักษณะเหนือมนุษย์กว่าคนธรรมดาทั่วไปเลยหันมาเป็นโจร แต่ไม่นานก็ถูกจับแล้วถูกส่งไปยังคุกในดวงจันทร์ที่เหลือครึ่งดวง โดยคุกที่ว่าปฏิบัตินักโทษอย่างกับหมูกับหมาอย่างโหดร้าย และเมื่อถึงเวลาทั้งสองก็แหกคุกร่วมกับนักโทษอื่นๆ

    ถ้าพูดแบบตามตรง คือเป็นการ์ตูนแอ็คชั่นบู๊ระห่ำ แต่สร้างองค์ประกอบให้แปลกตา ไม่ว่าจะเป็นตัวละครที่ออกแบบอย่างโรคจิต หากเลือดสาด ฉากโหด ฉากวุ่นวาย อารมณ์ขันแบบแปลกๆการต่อสู้ฉับไว การเพิ่มลูกเล่นภาพให้แปลกตา บ้าคลั่ง บวกกับฉากที่ไม่เหมาะแก่เยาชนทั้งหลายแหล่ ตามสไตน์ของ Kazuya Tsurumaki ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ดูการ์ตูนตั้งแต่ต้นจนจบ ดูแล้วสนุกสนาน อารมณ์คล้ายๆ แพนตี้กับสตองกิ้งแหละ อย่าพลาดอยากต่อสู้ครั้งสุดท้ายโค-รตตกใจกับมุกมันเล่นแบบนี้เลยเรอะนั้น!!

    ปล.การ์ตูนไม่เหมาะแก่เด็กและเยาวชน

     

    7.Moyashimon (2007)

     

    หรือชื่อเต็มคือ Moyashimon: Tales of Agriculture เป็นอนิเมชั้นการ์ตูนตลก(11ตอน)สอดแทรกความรู้ที่หายากในปัจจุบัน(สมัยนี้อะไรก็ไม่รู้ ฮาเร็มก็ไม่ใช่ มีแต่แอ็คชั่นเอามัน ตัวละครผู้หญิงเยอะอย่างเดียว เว้ย กลุ้ม) โดยสร้างจากมังงะวาดโดย Masayuki Ishikawaได้รับรางวัลมากมาย  

    Moyashimon เป็นเรื่องของ  ซาวากิ โซเอม่อน ทาดายาสึ  นักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรปีแรกที่มีความสามารถพิเศษที่เห็นและสื่อสารกับจุลินทรีย์และแบคทีเรียได้ แต่จุลินทรีย์ที่ว่าแทนทีจะรูปลักษณ์น่ากลัวกลับออกมาน่ารักน่าชังและเขาสามารถมองเห็นได้ตาเปล่า และเขาต้องแก้ปัญหาในมหาลัยโดยอาศัยความรู้เรื่องจุลินทรีย์

    พูดตรงๆ ผมดูการ์ตูนเรื่องนี้ดูแบบเป็นช่วงๆ เพราะไม่ค่อยมีเวลาดู(อีกทั้งซับไทยมันไม่มีอีก) แต่ดูแล้วโครตสนุกว่ะ อย่างตอนหนึ่งที่พระเอกเข้าห้องชมรม ปรากฏว่าข้างในสมาชิกเป็นไข้หวัดหมด และพระเอกก็พบเชื้อโรคที่แสนน่ารักลอยเต็มห้อง(แต่ขอโทษบรรยากาศมันไม่น่ารักเลย ออกน่ากลัวหรือหายนะด้วยซ้ำ) จนกระทั้งพระเอกมารู้ว่าที่เป็นแบบนั้นก็เพราะหมูกับไก่ เป็นตัวแพร่เชื้อดังกล่าวนั้นเอง แต่ที่บ้าบอคือมันเอาหมูกับไก่มาเลี้ยงห้องชมรมแคบๆ มันคิดจะทำฟาร์มในห้องชมรมเรอะนั้น

    Moyashimon เป็นการ์ตูนง่ายๆ สบายๆ สนุกได้ความรู้ เหมาะสำหรับคนที่เรียกจำพวกชีววิทยาหรือพวกเชื้อโรค อีกทั้งเหล่าจุลินทรีย์ในเรื่องน่ารักน่าชังมาก และนอกจะได้ความรู้แล้วยังสอดแทรกว่าเชื้อโรคนั้นอยู่รอบตัวเรา มีทั้งประโยชน์และโทษ ซึ่งโทษของมันแต่ละอย่างนั้นก็สร้างอาการผิดปกติกับร่างกายเราโดยที่เราไม่รู้ตัว ดังนั้นการเรียนรู้เพื่อป้องกันก็น่าจะดีกว่าการรักษาก่อนที่จะสายเกินแก้

    ปล.การ์ตูนเรื่องนี้มีแบบละครโทรทัศน์ภาคคนแสดงด้วยน่ะเออ

     

    6. Issho ni Sleeping: Sleeping with Hinako (2010)

     

                    หลังจากที่อนิเมชั่น Training with Hinako!(2009) ความยาว 24 นาที  ที่เชิญชวนให้โอตากุอ้วนมาออกกำลังกายเรียกเหงื่อ เรียกน้ำ(??)กันมาแล้ว(แต่เชื่อว่ามันจะทำอย่างอื่นมากกว่าออกกำลังกายเมื่อเห็นหนูฮินาโกะนี้สิ) หนูฮินาโกะก็กลับมาอีกครั้งในซีรีย์ที่คนดูงง ว่ามาเพื่ออะไร?

    Sleeping with Hinako หรือแปลไทยคือ “มานอนกับหนูฮินาโกะ กันเถอะ!” ซึ่งหนูฮินาโกะดังกล่าว เป็นเด็กสาวอายุ 16 ปี สูง 153 ซม. หนัก 48 กิโล ชอบกีฬาและอนิเมชั่นและใสซื่อจนดูโกะๆ  เนื้อหาการ์ตูนแทบไม่มีอะไรเลย คือเรา(ผู้ดู)จะได้รับบทเป็นเพื่อนกับหนูฮินาโกะ ซึ่งเราจะได้เป็นคู่นอนกับเธอ!! แต่ขอโทษไม่ใช่เล่นกีฬาระเบิดฟัดบนเตียง แค่นอนข้างกับเธอเฉยๆ คือทั้งเรื่องเธอจะนอนบนเตียงส่วนเราเป็นคนดูหนูฮินาโกะนอนทั้งเรื่อง ตอนต้นเรื่องหนูฮานาโกะก็หยอกเล่นกับเรานิดๆ หน่อยๆ พูดคุยกับเรา สักพัก หนูฮินาโกะก็หลับตาลง หลับยาว หากแต่เรายังไม่นอนหลับ(ใครอยากหลับว่ะ) เพราะเรายังดูท่าทางตอนนอนของหนูฮินาโกะทุกมุม เพราะกล้อง(ลามก)ของเราจะซูมไปทุกเรืองร่างของหนูฮานาโกะอย่างโรคจิต ไม่ว่าจะร่องหน้าอกหรือไม่ก็กางเกงในหนูฮินาโกะ และหูเรายังได้ยินเสียงหอบๆ ตอนนอนของหนูฮินาโกะเป็นระยะ และอนิเมชั่นดังกล่าวยาวนานถึง 49 นาที ทำให้ขาหื่นโสด(ตรูเอง)อารมณ์แทบจะแตก นี้ถ้ากรูอยู่ในโลกอนิเมชั่นหนูฮินาโกะเสร็จตรูแน่ (ปล. การ์ตูนเรื่องนี้ไม่ควรดูหลายคน หรือให้คนรอบข้างมาเห็น เดี๋ยวจะหาว่าคุณเป็นคนบ้าได้)

                    หากตัดความน่ารัก หนองโพ ของหนูฮินาโกะออกแล้ว ผมก็ยัง งง ว่าจุดประสงค์อนิเมชั่นนี้ทำเพื่ออะไร? จะว่าสอนวิธีการนอนให้ถูกวิธีเหมาะสมเหมือนสอนออกกำลังกายก็ไม่ใช่ เพราะทั้งเรื่องคุณเธอหลับแบบผู้หญิงธรรมดา มีกรน ละเมอ พลิกตัว มุมกล้องการซูมจุดให้อารมณ์เปลี่ยวอารมณ์แตกเหลือเกิน กางเกงในแบบนี้ซูมค้างหลายนาที (นี้ถ้านอนอ้าขาล่ะก็ สติผมหลุดแน่) ดังนั้นสิ่งที่คิดได้ตอนนี้ก็คือจุดประสงค์การ์ตูนเรื่องนี้ต้องการขายให้โอตากุโสดอารมณ์เปลี่ยว อายุใกล้วัยกลางคน ที่อยากจะนอนกับสาว 2 ดีสักครั้งในชีวิต และตอนนี้พวกเขาก็สมหวังแล้วล่ะ

                     

    5.Unko – san

                    
                   
    คุณอ่านไม่ผิดหรอกครับ อุนจิ-ซัน มันความหมายเดียวกับอุจจาระนี้แหละครับ โดยเป็นการ์ตูนที่เกี่ยวข้องกับอุจจาระ การ์ตูนนี้ฉายอยู่แถบคันไวเท่านั้นครับ ส่วนอุนิจิ-ซันนี้ก็เป็นการเล่นคำของญี่ปุ่นที่แปลว่าอึโชคดี โดยการ์ตูนใช้ตัวละครทั้งหลายแหละเป็นอุจาจาระที่มีชีวิตเหมือนกับคน โดยเป็นเรื่องของก้อนอุจจาระก้อนหนึ่งชื่ออุนโกะซังที่มีพลังทำให้อุจาจาระคนอื่นบนเกาะโชคดี อย่างตอนที่ 1 ที่อุนโกะไปเจอก้อนอุจจาระก้อนหนึ่งกำลังจะไปฆ่าตัวตายด้วยการโดดทะเล แต่ด้วยพลังของอุนโกะทำให้ก้อนอุจจาระก้อนนั้นเจอไข่มุกในทะเล เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีก้อนอุจจาระที่ปรากฏในเรื่องมากมาย ที่ล้อเลียนชนชาติและบุคคลดังแตกต่างกันออกไป เช่น อุจจาระฝรั่ง(ฒีข้าวโพดติดอยู่) อุจจาระเกาหลี อุจจาระบาบะ(นักมวยปล้ำชื่อดังของญี่ปุ่น)

                    ไปเจอการ์ตูนจากอันดับ Top 10 Weirdest Anime (มีสามเหมียวยอดนินจาติดซะด้วย แต่ไม่ประทับใจผมหรอก) หลังจากที่ได้ดูแล้ว รู้สึกว่ากินข้าวไม่ลง(เหมาะสำหรับคนที่กำลังอดอาหาร) แม้ว่าภาพมันสื่อให้ดูน่ารัก แต่รูปร่างที่บอกว่ามันคืออุจจาระนี้ก็รับไม่ได้เหมือนกัน เป็นการ์ตูนสั้นๆ ที่ใช้หลัก “Moe anthropomorphism” มาใช้ ให้ดูเหมือนมนุษย์มีการกระทำที่รู้สึกเหมือนมนุษย์ แต่ผมก็ขอยอมแพ้กับการ์ตูนเรื่องนี้ ถ้าเป็นแมลงสาบ หรือพวกอย่างอื่นผมพอรับได้ เพียงแต่อันนี้รับไม่ได้จริงๆ พับผ่า

                    คำเตือนอย่าดูในขณะทานข้าวนับลองว่ากินไม่ลง

    http://www.youtube.com/watch?v=h4KRQHvGUb0&feature=player_embedded

     

    4. Flcl (2000)

     

    ก็ต้องขอบคุณ Evangelion ที่ทำให้ Gainaxผลิตการ์ตูนให้เราดูแล้วคิดมากจนถึงปัจจุบัน สำหรับเรื่อง Flcl ดูแล้วรับรองตายยกรัง โดย Flcl เป็นการ์ตูน 6 ตอนจบกำกับโดย Kazuya Tsurumaki แห่ง Gainax สร้างจากการ์ตูนของ Hajime Ueda มี2 เล่มจบ ถูกนำไปสร้างไลท์โนเวล 3 เล่มจบ

    การ์ตูนเรื่องนี้ค่อนข้างตีความยากมาก(แต่ไม่ยากเท่า เลน) เนื้อหาออกจะแปลกๆ หน่อยเพราะว่าการ์ตูนนี้ไม่มีอารัมบทหรือเล่าเรื่องราวและเหตุผลแต่อย่างใด ทำให้เราต้องเดาเนื้อหาเอาเองว่าเกี่ยวกับอะไร ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น แต่ใครที่จุดประสงค์ดูเพื่อเอามันก็สนุก โดยการ์ตูน Flcl เป็นเรื่องราวในโลกแห่งหนึ่งที่ดูเหมือนอนาคตก็ไม่เชิงนัก พระเอกเป็นเด็กชายคนหนึ่งชื่อนาโอตะที่ดูเหมือนเก็บกดอะไรสักอย่างกำลังจูจี๋กับเด็กสาวคนหนึ่งที่ดูเหมือนอายุมากกว่าเขาชื่อมามิมิ จู่ๆ เขาก็โดนฮารุโกะเจ๊สาวลึกลับแต่งตัวเชยๆ ในยุค 90 ผมสีชมพู ตาเหลือง(เจ๊บอกว่าเป็นสาวต่างดาว) ขี่เวสป้าชนพระเอกจนสลบ จากนั้นก็จูบเขาให้ตื่น และก็เอากีตาร์เบสฟาดใส่หน้าผาก โดยไม่มีเหตุผล แล้วจู่ๆ หุ่นยนต์ที่มีหัวเหมือนจอทีวีสี 24 นิ้ว ออกมาจากหน้าผากของเขา แล้วหุ่นยนต์ก็ต่อสู้เหล่าหุ่นยนต์ตัวร้ายที่เข้ามาทำร้ายพระเอก และต่อมาทั้งเจ๊และหุ่นก็มาอาศัยในบ้านพระเอกซะเลย และเรื่องวุ่นวายก็ตามมาออกมากมาย..........

     บรรยากาศการ์ตูนก็ว่าแปลกแล้ว การนำเสนอก็แปลกยิ่งกว่า ประมาณแซวการ์ตูนโน้นที แซวนั้นที เดี๋ยวตัดเป็นมังงะให้อ่านไล่ตามช่อง ฉากต่อสู้เอากีตาร์ตีหัวใส่กัน ฉากสุดท้ายสู้กันซะเมีองแทบถล่ม อะไรกันหว้า แนวดีว่ะ(ใครที่ดูแพนดี้กับสตองกิ้งคงเห็นภาพ) การดำเนินเรื่องก็สนุกมากๆ(และค่อนข้างแตกต่างจากมังงะพอสมควร เพราะอมิเนชั่นจะฮ่ามุกบ้าสดใสคลายเครียดมากกว่า ส่วนมังงะค่อนข้างมืดมน ที่อเมริกาการ์ตูนเรื่องนี้ถูกฉายไปหลายครั้ง โดยปรับปรุงบทสนทนาให้เข้าใจง่ายขึ้น

    ที่จริงการ์ตูนเรื่องนี้กำลังจะสอนเราในเรื่องช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อการเติบโตและการพัฒนาจิตใจของเด็กชายคนหนึ่งครับ ตีความได้ว่าพระเอกที่เป็นเด็กชายนั้นเปรียบเสมือนคนญี่ปุ่นที่มีสภาวะเก็บกดที่เหมือนคนเบื่อโลก แต่ในจิตใจลึกๆ เขาก็เพียงเป็นเด็กธรรมดาที่อยากรู้อยากเห็น อยากเป็นผู้ใหญ่ มีฮีโร่อยู่ในจินตนาการของเขา และเมื่อเขาเจอเจ๊สาวจากดาวดวงไหนก็ไม่รู้ฟาดกบาลเปรี้ยงจิตนาการก็ออกมาโลดแล่นเสมือนแรงขับดันอารมณ์ทางเพศของเด็กชาย(เจ๊สาวก็เปรียบเหมือนความอิสระไม่ยึดติดกับกฎระเบียบ)  ส่วนหุ่นยนต์หรือฮีโร่ของนาโอตะนั้นเปรียบเสมือนพี่ชายของนาโอตะ(ที่ทั้งเรื่องไม่ปรากฏให้เห็นพี่ชายของนาโอตะเลย) ซึ่งนาโอตะค่อนข้างจะมีปมด้อยที่เขาเห็นพี่ชายของเขาเก่งกว่าตนเสมอ อีกทั้งมามิมิที่หลงรักเขาความจริงแล้วไม่ได้หลงรักเขาแบบบริสุทธิ์ใจ หากแต่เธอเปรียบเขาเป็นตัวแทนของพี่ชายที่เธอชื่นชอบมากกว่า เอาเป็นว่าแนะนำละกัน มีแค่ไม่ 6 ตอนเอง แต่ซับไทยผมไม่แน่ใจ ผมดูซับอังกฤษอ่ะนะ

     

    3. Bobobo-bo Bo-bobo(2003)

     

    หลังจากที่ผมรู้จักชื่อผู้กำกับชินอิจิ วาตานาเบะไปแล้ว ไอ้เราก็อยากรู้จักมากขึ้น เลยดูการ์ตูนเรื่องที่ชื่อจำยากจิ๊บเป๋งในเรื่อง Bobobo-bo Bo-bobo(เหมือนหลอกด่าอะไรสักอย่าง) สร้างจากมังงะของ โยชิโอะ ซาวาอิ(มี 21 เล่มจบ) และอนิเมชั่นถูกฉายในการ์ตูนเน็ทเวิร์กในสหรัฐอเมริกาได้เริ่มฉาย

    Bobobo-bo Bo-bobo ที่ชื่อแปลกแบบนี้ก็เพราะมันเป็นชื่อของพระเอกนาม โบะโบะโบโบะ โบโบะโบ้ โดยเป็นชายบึกร่างใหญ่ ผมทรงอัฟโฟรสีเหลืองและสวมแว่นกันแดด) มีความสามารถพิเศษคือสามารถควบคุมขนได้ทุกเส้นในร่างกาย (โดยเฉพาะ ขนรักแร้ ขนหน้าอก และขนจมูกซึ่งเป็นท่าไม้ตาย) เพื่อต่อสู้กับองค์กรปีศาจหัวล้าน และเขาได้ใช้ความสามารถนี้ปกป้องโลกจากเมื่อปีศาจหัวล้าน(กลัวแม่) "ซึรุ ซึรุอินะ" (ความหมายว่า หัวล้านๆ) ที่ พยายามขโมยเส้นผมจากชาวโลก

    แค่พล็อตก็บ้าๆ บอๆ แล้ว

    โบโบะโบะเป็นการ์ตูนแนวสู้กับฝ่ายอธรรมแต่เสริมมุกตลกบ้าๆ บอๆ ล้อเลียน และตลกแบบเหนือธรรมชาติเข้าไป คือเน้นการเล่นกับสิ่งที่ไม่มีในจิตสำนึกของเรา และไม่มีทางเกิดขึ้นได้ ยกตัวอย่างเช่น การ์ตูนเพนกวินแบ็คแฮมนั้นแหละ ที่จู่ก็มีสิ่งเหนือธรรมชาติมาปรากฏตัวแบบไร้เหตุผล ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร และมีตัวตัดมุกฮ่าๆ รั่วๆ เป็นตัวเอก  ขอบอกว่าดูแค่ตอนแรกก็บ้าแล้ว และที่เหลือเชื่อคืออนิเมชั่นมีถึง 75 ตอน!! 

     

    2. Serial Experiments Lain(1998)

     

                    หนึ่งในอนิเมชั่นที่ผมชอบ(ติดอันดับ 1) ความจริงดูไม่รู้เรื่อง แต่สิ่งที่ชอบคือหนูเลนตัวเอกของเรื่องต่างหาก(ติดอันดับตัวละครผู้หญิงโมเอะในใจผมอันดับต้นๆ ด้วยน่ะเออ) หากไม่มีหนูเลนเอาปืนมาจ่อหัวผมก็ไม่ดู โดย เป็นการไซไฟผลงานของโยชิโตชิ อาเบะ มี 13 ตอนจบ แลถูกสร้วเป็นเกม PS ในปี 1998

    Serial Experiments Lain เป็นการ์ตูนแนวไซไฟที่เกิดบนโลกคู่ขนาดโลกหนึ่ง โดยเป็นเรื่องของผู้หญิงตัวเล็กๆ ชื่อเลน ที่ดูเหน่อๆ พูดน้อยและเพื่อนน้อย ค่อนข้างจะไม่ค่อยใส่ใจกลับเรื่องรอบข้างเท่าไหร่นัก  จนกระทั้งวันหนึ่งเธอได้ยินข่าวลือว่ามีเมล์ลึกลับจากนักเรียนหญิงที่ชื่อจิสะโยมาดะที่ฆ่าตัวตายส่งให้คนรอบข้างที่มีชีวิต ทำให้เลนสนใจเรื่องดังกล่าวเลยลองเล่นคอมพิวเตอร์ดู ปรากฏว่ามีเมล์จากจิสะส่งเข้ามาหาเธอ เลนก็เริ่มเห็นว่าโลกนี้แปลกๆ ไป และเริ่มรู้ถึงสิ่งที่เหนือธรรมชาติ มันอยู่ในเทคโนโลยี ที่นั้นมีโลกหนึ่ง โลกซึ่งมี พระเจ้าอาศัยอยู่....หลังจากนั้นเป็นต้นมาผู้หญิงเงียบๆที่ชื่อ เลนก็เปลี่ยนไป เหมือนกับไม่ใช้เลนคนเดิมที่หลายๆ คนรู้จักอีกแล้ว

    เรื่องไซไฟเนื้อหาโครต งง สุด แต่มันสนุกเพราะเนื้อหา งง นี้แหละ ใครไม่ งง แสดงว่าไม่เข้าถึงการ์ตูนเรื่องนี้ เพราะปริศนามันจะทับถมเรื่อยๆ แทนที่จะเคลียร์กับเป็นทำให้มัน งง หนักขึ้น จนจิตใจเราสูญเสียความเป็นมนุษย์ไปเลยก็ว่าได้(ใครที่เล่าเรื่องย่อการ์ตูนเรื่องนี้ให้คนอื่นไม่เคยดูอนิเมชั่นรู้เรื่อง ถือว่าคุณเก่ง เป็นครูได้เลย ปานนั้น) แต่ที่สุดยอดคือนางเอกเลนน่ารักอ่ะ(เสียงโก๊ะตี๋) น่ารักน่ากอด ที่แสดงบทได้อย่างมีหลากหลาย เป็นทั้งสาวเงียบ สาวโรคจิต หรือแม้กระทั้งพระเจ้า!! และในบรรดาอนิเมชันไซไฟที่มีเนื้อหาเข้มข้น Serial Experiment Lain เป็นเรื่องหนึ่งที่มีความน่าสนใจเกินกว่าระดับของการ์ตูนแนววิทยาศาสตร์ ที่ดูเพื่อความบันเทิงเท่านั้น Lain ได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับอภิปรัชญาเอาไว้หลายข้อ สอดแทรกเอาไว้ในเรื่องอย่างกลมกลืน ปัจจุบันการ์ตูนนี้หายากมาก ใครมีถือว่ามีบุญเพราะคุณเป็นเจ้าของการ์ตูนไซไฟที่เนื้อหา งง ที่สุดในโลกใบนี้มาครอง

     

    1. Cat Soup (2001)

     

    Cat Soup เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นเพียง 33 นาที กำกับโดย Tatsuo Sato ซึ่งเป็นเรื่องราวของตัวเอกคือ Nyatta ซึ่งเป็นลูกแมวที่มีลักษณะเหมือนมนุษย์(ยืนสองขา) ที่พยายามหาช่วยชีวิตพี่สาวของเขา ที่ถูกยมทูตหน้าเหมือนตุ๊กตาดินเผาพาตัวไป หลังจากแย่งกันไปแย่งกันมา ปรากฏว่าวิญญาณของพี่สาวถูกแบ่งเป็นสองส่วน ลูกแมวจึงเอาวิญญาณส่วนที่แย่งมาได้ใส่เข้าร่างพี่สาวของเขา แต่ปรากฏว่าพี่สาวของเขาไม่ใช่คนเดิมอีกแล้วและเขาจะทำอย่างไรก็ติดตามได้ในอนิเมชั่นเรื่องนี้ได้เลย

     แม้ภายนอกการ์ตูนเหมือนการ์ตูนเด็ก ลายเส้นง่ายๆ แต่ความจริงแล้วเนื้อหายากที่เด็กธรรมดาจะเข้าใจ เนื่องจากมุมมองการนำเสนอค่อนข้างแปลก เดี๋ยวมุมกว้าง เดี๋ยวมุมสูง ไปจนถึงมุมมองผ่านสายของลูกแมว อีกทั้งพฤติกรรมแปลกๆ ของตัวละครในเรื่องมากมาย ที่ไม่รู้ว่าทำเพื่ออะไร(เช่นชายแก่ที่แสดงมายากลเหมือนพระเจ้าในละครสัตว์) อีกทั้งยังมีฉากหลอนๆ วังเวง เลือดสาด ฉากโหด( เช่น ฉากเอาไฟจุดเผานก) ภาษาแปลกๆ(เพราะการ์ตูนดำเนินเรื่องโดยไม่มีบทพูดใดๆ เลย) ตลกมืดมนที่ขำแบบแห้งๆ กับอารมณ์ร้ายๆ ของลูกแมว(หั่นร่างคน ทุบตี) นอกจากนี้ก็มีสัตว์ประหลาดมากมายที่ไม่รู้ว่ามันเป็นตัวบ้าอะไร เสมือนหนึ่งกับว่าเราอยู่ในโลกฝันร้ายที่ไม่มีวันตื่นอย่างงั้นแหละ เคยมีคนถามผู้กำกับมาแล้วว่าทำไมอนิเมชั่นนี้ถึงสั้น คำตอบก็คือถ้าอนิเมชั่นนี้นานคุณอาจกลายเป็นคนบ้าก็ได้!!

    บอกได้อย่างเดียวว่าอย่าพลาดตอนจบ บอกได้คำเดียวว่า “หลอน!!

    แม้ว่าเนื้อหาจะ งง จิตหลุด และไม่ใช่การ์ตูนดูแล้วเพลินเจริญใจ แต่กระนั้นการ์ตูนซุปแมวก็ได้รับรางวัล Japan Media Arts Festival ชนะเลิศ และหนังสั้นยอดเยี่ยมจากเทศกาล  Fantasia Festival  ในปี 2011

    มีเกร็ดเล็กน้อยเกี่ยวกับอนิเมชั่นเรื่องนี้ โดยต้นแบบครอบครัวลูกแมวตัวเอกในเรื่องนั้นเป็นผลงานของ Nekojiru ศิลปินนักวาดการ์ตูนที่เธอเขียนไว้ให้สำนักพิมพ์แห่งหนึ่ง(ซึ่งในเวลาต่อมาก็ถูกสร้างเป็นอนิเมชั่นสั้นๆ 2 นาทีจบ ในชื่อ Nekojiru Gekijo และเธอก็ได้ฆ่าตัวตาย เมื่อ 10 พฤษภาคม 1998 โดยไม่ทราบแรงจูงใจ และต่อมาสามีของเธอก็ได้นำภาพร่างและแนวคิดของเธอไปเสนอให้กับผู้กำกับจนเกิดอนิเมชั่นเรื่องนี้ขึ้นมา

     

    0.Aum Shinrikyo Anime

     

    เชื่อว่าอันดับ 0 ต้องไม่มีใครเคยดูการ์ตูนเรื่องนี้แน่นอน(ผมดูการ์ตูนไม่เหมือนคนอื่นหรอก) แต่สำหรับชาวญี่ปุ่นแล้วนี้คือการ์ตูนเปลี่ยนสังคมอย่างแท้จริง นั้นคือการ์ตูนโฆษณาของลัทธิโอมชินรีเกียว

    หลายคนอาจไม่รู้จักลัทธิโอมชินรีเกียวก็ขอเล่าประวัติเล็กน้อย ลัทธิดังกล่าวก่อตั้งในปี 1987 โดยมัตซึโมโตะ ซิซูโอะ(หรือโชโกะ อาซาฮาระ) ที่ตั้งตัวเป็นเจ้าลัทธิและอ้างว่าเป็นผู้มีปฏิหารย์ รู้แจ้ง สอนให้ผู้คนทั่วโลก(โดยเฉพาะญี่ปุ่น) ว่าโลกกำลังถึงคราววินาศ พร้อมออกคำพยาการณ์ว่าญี่ปุ่นจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่และสงครามโลกครั้งที่ 3               

    นอกจากนี้เจ้าลัทธิได้ให้ทีมงาน(ไม่ทราบว่าเป็นสาวกหรือเปล่า)สร้างอนิเมชั่นโฆษณาชวนเชื่อลัทธิโดยเอาตัวลัทธิเป็นตัวเอก โดยในการ์ตูนเป็นการโฆษณาตัวลัทธิให้มีความเหนือมนุษย์ เหนือธรรมชาติอะไรต่างๆ มากมาย ผ่านสายตาสาวกของลัทธิที่เป็นชายหญิงคู่หนึ่ง(หล่อสวย) โดยมีตัวลัทธิเป็นตัวช่วยให้ทั้งคู่มีความสุขอย่างเข้มแข็ง หน้าตาราวกับเป็นคนซื่อตรง น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย เสมือนหนึ่งนักบุญช่วยเหลือผู้คน(โดยเฉพาะพวกสาวก) ทั้งที่ของจริงตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง โดยมีความยาว 15 นาที

    ต่อมาลัทธิดังกล่าวก็ล่มสลาย หลังสาวกของลัทธิปล่อยแก๊สพิษซาริน โจมตีสถานีรถไฟใต้ดินกรุงโตเกียวเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 1995 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 12 คน บาดเจ็บมากกว่า 6,000 คน ทำให้ญี่ปุ่นต้องแก้กฎหมายเพิ่มอำนาจให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐในการตรวจสอบป้องกันและให้อำนาจสั่งเลิก และ ยุติลัทธิที่เห็นว่าอันตราย ส่วนตัวเจ้าลัทธิเองก็ถูกตัดสินประหาร เองทั้งอนิเมชั่นเองก็ทำให้สังคมญี่ปุ่นบางส่วนเกลียดพวกโอตากุ ไม่แพ้คดีซึโตมุ มิยาซากิเลยทีเดียว ส่วนตัวการ์ตูนปัจจุบันไม่มีให้เห็นแล้ว นอกจากจะมีบางส่วนในเว็บยูทูบที่เอามาล้อเลียน บางคลิปเอามาล้อโดยใส่เพลงประกอบโดเรมอนลงไป ขอบอกว่าฮ่ามาก



    (ขอบคุณที่อ่านถึงอันดับ 1)+ +

          

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×