ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #24 : สิ่งที่เรียกว่า "ฮาเร็ม"

    • อัปเดตล่าสุด 9 ม.ค. 57


                    เนื่องด้วยบทความนี้ส่วนใหญ่จะพูดการ์ตูนแนวฮาเร็ม ดังนั้นเราต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการ์ตูนแนว “ฮาเร็ม” เสียก่อน ซึ่งผมเชื่อว่าหลายคนไม่เข้าใจเรื่องของฮาเร็ม  ไม่ว่าฮาเร็มในโลกแห่งความจริง และฮาเร็มเรื่องแต่ง ว่าเป็นอย่างไรก็แน่

     

     

    ภาพจากThe War of Genesis 3

     

                    “ฮาเร็ม” พูดถึงฮาเร็ม หลายคนอาจนึกภาพของความสุขสบายของสุลต่าน (หรือพวกกรีก) ที่เป็นภาพของชายวัยกลางคนอ้วนๆ เปลือยหน่อยๆ ที่รอบตัวรายล้อมด้วยสาวสวยเกือบเปลือย ในมือถือพัดหรืออาหารผลไม้เลิศหรูพยายามเอาใจชายอ้วนเต็มที่ ซึ่งใครทีเห็นภาพนี้ โดยเฉพาะผู้ชายหลายคนมักอิจฉา และอยากให้ตนเองเป็นแบบนี้บ้าง ถือว่าเป็นจุดสูงสุดของชีวิต ความฝันของผู้ชาย เพราะการที่ได้สิ่งดังกล่าวนั้น แสดงให้เห็นชายคนนั้นต้องมีวาสนา, อำนาจ, หน้าที่การงาน, เงินตรา, ความปลอดภัย และผู้หญิง อันเป็นสิ่งที่ถือว่าร่ำรวย และความฝันด้านวัตถุนิยมครบถ้วน

                    และแน่นอนว่าภาพของชายหนุ่มที่ร่ำรวยที่มีสาวปฏิบัติรับใช้นั้นคือ “ฮาเร็ม”

                    ความจริงแล้วคำว่า “ฮาเร็ม” ความหมายแท้ๆ นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับตัวบุคคล หรือสถานะ สถานการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น หากเป็นคำที่เกี่ยวข้องกับสถานที่ แต่สถานที่ว่าไม่ใช่สถานที่คาวโลกีย์อย่างที่หลายคนคิดเอาไว้

                    ฮาเร็ม (Harem) คำนี้เป็นตรุกีที่มาจากอาหรับ แปลว่า “สถานที่ห้องห้าม” หมายถึงบริเวณสำหรับสตรีโดยเฉพาะสำหรับครอบครัวระบบพหุภริยา (polygyny) ที่เป็นบริเวณที่ต้องห้ามสำหรับบุรุษชายคนอื่น ยกเว้นชายผู้เป็นเจ้าของคนเดียว

                    ฮาเร็มเกิดขึ้นครั้งแรกสมัยอาณาจักรออตโตมัน ในศตวรรษที่ 13 วัตถุประสงค์สอดคล้องกับคำสอนศาสนาอิสลามที่ห้ามไม่ให้คนแปลกหน้าเห็นภรรยา ลูกสาว รวมไปถึงทาสสาวของตน ซึ่งถือว่าเป็นกฎที่เคร่งครัดมาก ดังนั้นชาวออตโตมันเลยต้องปิดกั้นอาณาเขตส่วนหนึ่งของบ้านไว้ให้ผู้หญิงในครอบครัวอาศัยอยู่กันต่างหาก โดยห้ามให้ชายอื่นยกเว้นประมุกของบ้านเหยียบย่ามเข้าไป พื้นที่ต้องห้ามที่ว่านั้นเองที่เรียกว่า “ฮาเร็ม” ไม่ใช้ความหมายที่หลายคนเข้าใจกัน และไม่ใช่สถานทีระเริงกามกับเหล่าผู้หญิง หรือแม้กระทั่งไม่ใช่สถานที่อยู่อาศัยของผู้หญิงกามของเจ้าของบ้านแต่อย่างใด (เพราะเป็นที่อยู่อาศัยของลูกสาว, แม่ของเจ้าของบ้าน, ญาติที่เป็นผู้หญิงรวมอยู่ด้วย)

    ฮาเร็มที่ว่านั้นเป็นบริเวณ อาจเป็นเพียงห้องนั่งเล่นส่วนตัวของครอบครัว หรือภายในพระราชวังที่ซับซ้อนยิ่งใหญ่ แน่นอนว่าฮาเร็มที่ใหญ่ที่สุดอยู่ในกรุงอิสตาบูล คือฮาเร็มในพระราชวังทอปกาปี มีพื้นที่ใหญ่ถึง 6,720 ตารางเมตร มีทั้งสระน้ำ สถานพยาบาล ไปจนถึงโรงเรีบน (สำหรับโอรสธิดา) ส่วนหญิงสาวที่เข้าฮาเร็มนั้นมาจากหลายแหล่ง ไม่ว่าเป็นจากตลาดข้าทาส, จากลยที่ตีจากเมืองอื่นมา, หรือมาจากประเทศเพื่อนบ้านเอามาถวาย หรือบางคนส่งลูกหลานไปถวายตัวให้ก็มีเพื่อหวังให้ลูกสาวตนได้ดีพวกตนจะได้ดีบ้าง และเมื่อเข้าฮาเร็มแล้วพวกเธอต้องทำการฝึกอบรมเรียนรู้วิชาบำเรอความสุขให้เจ้าบ้าน ก่อนจะไปถวายงานจริงต่อไป

                    ความจริงก็มีบางกรณีที่ชายอื่นสามารถเข้าฮาเร็มได้ นั้นคือการตอนให้เป็นขันที ซึ่งขันทีนั้นมีหน้าที่มากมาย หลักๆ คือคัดเลือกสาวเข้าฮาเร็ม หรือทำหน้าปกป้องฮาเร็มของเจ้าบ้าน (คือสอดส่องว่ามีใครนอกลู่นอกทาง หรือมีคนภายนอกเข้ามาบ้าง) ไปจนถึงขั้นคู่ขาก็มี  และนอกจากนี้หากเป็นลูกหลานที่เป็นผู้หญิงสุลต่านจะต้องอยู่ในฮาเร็มจนกว่าพวกเขาอายุ 16 ปี ก่อนที่จะมีการพิจาณณาให้ออกไปปรากฏตัวในพื้นที่สาธารณะได้

                    หลายคน ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือแม้แต่ฝรั่งมักมองเรื่องฮาเร็มเป็นสถานที่สุขสันต์ของชายเจ้าบ้าน ที่ระเริงกามกับบรรดาผู้หญิงของตนอย่างเมามัน ซึ่งความเข้าใจนั้นมาจากที่ฝรั่งได้เห็นภาพวาดบนศิลปะพวกพรม ในประเทศตรุกี ซึ่งเป็นภาพขอ ภาพของสุลต่านที่มีผู้หญิงหลายคนมาปรนเปรอสวาทอย่างมีความสุข ทำให้ฝรั่งเชื่อว่าสิ่งนั้นคือฮาเร็มไป

                    แน่นอนว่าฮาเร็มกามที่ว่ามันมีอยู่จริง ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติในสังคมของเอเชียใต้ ที่บ้านเศรษฐีมีเงินมีทองจะมีสิ่งที่เรียกว่าฮาเร็ม ที่มีผู้หญิงมากมายเก็บเอาไว้เพื่อสำเร็จความใคร่อย่างว่าจริงๆ ซึ่งขนาดฮาเร็มจะเล็กหรือใหญ่ขึ้นอยู่กับเงินเจ้าของบ้าน ว่ามีปัญญาเลี้ยงได้กี่คน และฮาเร็มที่ว่ามีความสามัคคีอย่างที่คิดเพราะในฮาเร็มจะมีเมียหลวงทำหน้าที่ควบคุมเมียน้อยเก่าหรือใหม่อยู่ในโอวาท อีกทั้งยังมีหน้าที่จัดคิว ว่าวันไหนเมียคนใดจะได้เข้าปรนนิบัติสามี

                    และที่น่าสนใจคือ ผู้หญิงในฮาเร็มใช่ว่าจะเป็นผู้หญิงไร้ค่า ไร้สมองอย่างที่คิด เพราะประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาจะพบว่าผู้หญิงในฮาเร็มของสุลต่านมีบทบาทการเมืองที่สำคัญในประวัติศาสตร์ออตโตมัน หรือพูดเต็มปากว่าจักรวรรดิถูกปกครองด้วยฮาเร็ม ยกตัวอย่าง ร็อกเซลานาเป็นพระอัครมเหสีในสุลต่านสุลัยมานแห่งจักรวรรดิออตโตมัน  ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นทาสและถูกจับเป็นทาสขายให้สุลต่านเพื่อเป็นทาสกาม แต่กลายเป็นว่าเธอกลับกลายเป็นผู้หญิงที่มีอิทธิพลที่สุดในประวัติศาสตร์ของออตโตมัน และใช้อำนาจและอิทธิพลการเมืองผ่านสามีของเธอ แสดงให้เห็นว่าแม้ชีวิตหญิงสาวในฮาเร็มจะเป็นเพื่อสนองกามรมณ์เพียงอย่างเดียว แต่พวกเธอยังมีความทะเยอทะยานแฝงอยู่ พวกเธอต่างแข่งขันเพื่อเลื่อนระดับให้เจ้าบ้านพอใจ และเมื่อให้เจ้าบ้านถูกใจแล้ว ก็เริ่มที่จะมีบทบาททางสังคมที่ใหญ่กว่าต่อไป

     

     

    ฮาเร็มใน honoo no haramase tenkousei ue

     

    จะว่าไปผู้หญิงที่เป็นนักปกครองที่มีชื่อเสียงของโลกล้วน หลายคนมาจากฮาเร็ม ตัวอย่างที่โด่งดังที่สุดคือซูสีไทเฮาที่เริ่มต้นจากการเข้าคัดเลือกเข้าเป็นนางสนมของสมเด็กพระจักรพรรดิ ก่อนที่จะเลื่อนขั้นจนกลายเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการปกครองหลังม่านไม้ไผ่แห่งราชวงศ์ชิงในที่สุด

    การที่หญิงในฮาเร็มจะได้ดิบได้ดีนั้น ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมใด  หญิงสาวต้องเป็นที่โปรดปรานของเจ้าบ้าน (ลีลาดี เอาใจเก่ง) หรือการให้กำเนิดบุตร ซึ่งจะมีสิทธิเลื่อนขั้นเรื่อยๆ หญิงบางคนถึงขั้นบงการเจ้าบ้านก็มี

    ในขณะที่ผู้หญิงหลายคนที่เข้ามาอยู่ในฮาเร็มได้ดิบได้ดี แต่ก็มีผู้หญิงอีกจำนวนมากในฮาเร็มไม่มีโอกาสดีขนาดนั้น เมื่อไม่เป็นที่โปรดปรานของเจ้าบ้าน ก็เป็นเพียงแค่นางบำเรอ ยิ่งฮาเร็มมีเป็นร้อยเป็นพันคน โอกาสที่จะให้เป็นหนึ่งในคนโปรดปรานก็ยิ่งยากเป็นทวีคูณ บางคนถวายตัวครั้งแรกก็ถูกลืม เจ้าบ้านเองก็จำหน้าต้องซ้ำ และบางครั้งก็ถูกขับออกไปจากบ้าน แถมเป็นราศีติดตัว สังคมรังเกียจ แต่งงานก็ไม่มีผู้ชายไหนเอาเป็นเมือง พูดได้ว่าได้ดีก็ดีไปเลย แต่ถ้าไม่ดีนี้สุดอาภัพสุดๆ

    แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าหญิงในฮาเร็มจะไม่เป็นโปรดปรานของเจ้าบ้าน (หรือราชา) แต่กระนั้นก็มีดีอย่างคือสามารถรอดพ้นจากการแย่งชิงมรดกเลือด หรือบังลังก์เลือดมาได้  อย่างกรณีของสนมโป๋ พระสนมของหลิวปัง (ฮั่นเกาจู หรือเล่าปัง ญาติของเล่าปี่ สามก๊ก) ซึ่งรอดพ้นจากการแก่งแย่งอำนาจจักรพรรดิมาได้ เพราะฮั่นเกาจูไม่ทรงโปรด ซึ่งต่อมาสนมโป๋ก็ถือกำเนิดพระเจ้า “ฮั่นเหวินตี๋” พระจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฮั่นผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของจีน

    ดังนั้นฮาเร็ม ไม่ใช่เรื่องของชู้ ใครที่แอบมีเมียหลายคน ไม่ได้เรียกว่าฮาเร็มหลายคนเข้าใจกัน เพราะฮาเร็มมันต้องเปิดเผย ทราบกันหมด เพราะเป็นที่ยอมรับเมียหลวงอยู่แล้ว อีกทั้งเมียหลวงเองก็เห็นด้วยซ้ำ  แถมยังคัดเลือกผู้หญิงเพื่อเข้ามาอยู่ในฮาเร็มเสียอีก ดังที่ปรากฏในวัฒนธรรมหลายประเทศ ไม่ว่า ตรุกี หรือ จีน

    ฮาเร็มนั้นอยู่คู่ในประวัติศาสตร์ของโลกมาช้านาน บุคคลสำคัญของโลก หลายคนมีฮาเร็ม อย่างเช่นกุปไล่ข่านที่มีนางสนมมากกว่า 20, 000 คนจากหลายเชื้อชาติ ฮ่องเต้เองจำเป็นต้องมีทายาทสืบทอดสายเลือด ตระกูลให้ยืดยาว ดังนั้นจำเป็นต้องมีฮาเร็มเพื่อค้นหาสาวอุ้มท้องสืบเชื้อสายของตน

    ปัจจุบัน ฮาเร็มยังคงอยู่คู่กับโลกใบนี้ ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ฮาเร็มอาจไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนสมัยก่อน ที่มีเป็นร้อยเป็นพัน แม้ปริมาณจะน้อย แต่มันก็ยังสร้างความน่าอิจฉาสำหรับใครหลายคนที่ได้ยินได้เห็นอยู่ดี

    แม้ว่าฮาเร็มจะเป็นเรื่องของคนพิเศษ มีแต่คนร่ำรวยเท่านั้นทีมี อีกทั้งหลายประเทศทั่วโลกนิยมกฎหมายผัวเดียวเมียเดียวเพื่อป้องกันความยุ่งยากทางกฎหมาย แต่กระนั้นบางประเทศ ก็มีสภาพสังคม ศาสนา และวัตถุประสงค์ ก็มีลัทธิที่สนับสนุนที่ทำให้ชาวบ้านสามารถแต่งงานกับผู้หญิงหลายคน เพื่อขยายครอบครัว อย่างประเทศอินเดีย มีเควสของ “ไซโอนา ชนา” ชาวอินเดียที่มีภรรยาถึง 39 คน และลูก 94 คน และปัจจุบันทั้งหมดอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข


     

     

    ฮาเร็มตามความรู้สึกของใครหลายคน

     

    บางประเพศ ฮาเร็มถือว่าเป็นประเพณีเก่าแก่ที่สืบทอดจนถึงปัจจุบัน ที่ประเทศสวาซิแลนด์ ในภูมิภาคแอฟริกาตอนใต้ ที่กษัตริย์ที่นั้นสามารถมีพระชายาหลายพระองค์ ซึ่งกษัตริย์องค์ปัจจุบันคอสมเด็กพระราชาธิบดีสวาติที่ 3 สามารถเลือกบรรดาผู้หญิงในงานเทศกาล “อัมลังกา” หรืองานเต้นระบำต้นกก (Reed Dance) ที่จัดขึ้นทุกปี (ตอนที่หาข้อมูลอยู่นั้นพระองค์อายุ 66 พรรษา มีพระชายา 13 พระองค์) ซึ่งสาเหตุที่มีการจัดประเพณีก็เชื่อผูกพันกับประชาชนซึ่งมีหลายเผ่าในประเทศ (สาวๆ ที่มางานเทศกาลมาจากหลายเผ่า ส่วนสาว (ต้องโสด) ที่เข้างานก็หวังจะได้ยศถาบรรดาศักดิ์ ชีวิตเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพราะในประเทศนั้นยากจนข้นแค้น

                    สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นคือฮาเร็มที่อยู่ในพื้นฐานโลกแห่งความจริง การแต่งงานกันกับผู้หญิงหลายคนนั้นในอีกสังคมอีกโลกหนึ่งถือว่าเป็นสิ่งปกติ และยังคงมีการพบเห็นในปัจจุบัน (ไม่นับเรื่องชู้ เพราะชู้ไม่ใช่ฮาเร็ม)  ซึ่งในสายตาของหลายคนอาจมีด้านดีหรือไม่ดีปะปนกัน ซึ่งเราตัดสินว่าประเพณีใดเป็นสิ่งดีหรือไม่ดีนั้นไม่ใช่เรื่องถูกต้องไปเสียทั้งหมด เพราะแต่ละประเทศ แต่ละสถานที่ พื้นที่ มีวิถีการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกัน

     

    จากฮาเร็มโลกแห่งความจริง คราวนี้มาพูดถึงฮาเร็มในอีกแบบหนึ่ง บ้างก็คือฮาเร็มในการ์ตูนญี่ปุ่น  หากอ่านความเป็นมาของฮาเร็มในโลกแห่งความจริง มาเปรียบเทียบกับฮาเร็มในโลกของการ์ตูนญี่ปุ่นจะพบว่ามันแตกต่างกันค่อนข้างมาก

    ฮาเร็มถือว่าเป็นแนว/พล็อต/องค์ประกอบ หนึ่งที่พบเห็นทั่วไปในสื่อของญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นอนิเมะ, มังงะ, ไลท์โนเวล, นิยายภาพ, นิยายไลท์โนเวล และวีดีโอเกม

                    เนื้อหาของแนวฮาเร็มส่วนใหญ่เป็นมีฉากหลังเป็นโรงเรียนมัธยม เมื่อผู้ชายเป็นที่สนใจของผู้หญิงสามคนขึ้นไป (หากทั้งเรื่องมีสาวสองคนชอบพระเอกจะเรียกรักสามเส้า) พูดง่ายๆ คือเป็นเรื่องราวของพวกสาวๆ ชอบชายคนเดียวกัน ซึ่งเนื้อหาจะเน้นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสาวๆ แต่ละคน เรียกว่ารูท ที่มีทั้งตลกและโรแมนติก พร้อมกับนำไปสู้ความผูกพันและความรักระหว่างพระเอกกับสาวๆ เหล่านั้น ซึ่งแต่ละคนมีความสวยน่ารักแตกต่างกัน

                    ปกติแล้วฮาเร็ม (เหล่าสาวๆ) อาจไม่ใช่สิ่งที่พระเอกต้องการเลยสักนิด พระเอกฮาเร็มส่วนใหญ่เป็นคนปกติธรรมดา ที่ตอนแรกเขาไม่เป็นสนใจฮาเร็ม อีกทั้งคนรอบตัวไม่เห็นหัว แต่กระนั้นพระเอกก็ยังมีความหวังว่าจะมีสาวสวยสักคนมาชอบเขาบ้าง เขาอาจเล็งสาวสวยไอดอทประจำห้องสักคน แต่เขาก็ไม่กล้าพูดคุยกับเธอ หากแต่เหตุการณ์มันชักพาให้พระเอกรู้จักสาวสวยประจำห้องอีกด้านหนึ่ง เท่านั้นก็ยังไม่พอเขายังรู้จักสาวคนอื่น นอกเหนือจากสาวที่พระเอกเล็งไว้ด้วย

                    ฮาเร็มที่ได้รับความนิยมส่วนมากมักมีส่วนประกอบคือ “การต่อสู้” และ “โรแมนติก” แต่การต่อสู้ไม่ใช่เป็นองค์ประกอบของฮาเร็ม นอกจากนี้ฮาเร็มส่วนมากประกอบไปด้วย “เอจจิ” หรือ “เซอร์วิส” ที่ได้เห็นสาวสวยในสภาพที่น่าหลงใหล ไม่ว่าจะเป็นสภาพเหลือแต่ชุดชั้นใน ชุดว่ายน้ำ ไปจนถึงสภาพเปลือย

                    บางครั้งฮาเร็มก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวองค์ประกอบของการ์ตูนเรื่องนั้นๆ เช่นการ์ตูนแนวแอ็คชั่น ที่เน้นการต่อสู้ มากกว่าที่จะมีรูทความรักการสร้างความสัมพันธ์กับตัวละคร แม้จะมีแต่มีไม่มากมายอะไร เพียงแค่แสดงให้เห็นว่าพวกสาวๆ ชอบพระเอกเท่านั้น

             


    “คาซึกิ ชิคิโมริ”  (พระเอกจาก
     Maburaho)

     

    ฮาเร็มถือว่าเป็นแนวที่หลายคนมักบ่นมากที่สุดว่าเป็นแนวที่น่าเบื่อ เพราะส่วนใหญ่แล้วฮาเร็มมักมีความจำเจ ภาพจำเจ  (cliché) ในเนื้อหาและการดำเนินเรื่องที่ซ้ำไปซ้ำมา และตัวละครแบบธรรมเนียมนิยม (Stock Character)ตัวละครที่ได้เห็นกันบ่อย ๆ ในบันเทิงแต่ละชนิด จนกลายเป็นธรรมเนียมที่ใช้กันในบันเทิงคดีประเภทนั้น ซึ่งแนวฮาเร็มก็มีตัวละครแบบธรรมเนียมนิยม ไม่ว่าจะเป็น เพื่อนสมัยเด็ก, ประธานนักเรียน, ไอดอล ที่การออกแบบคล้ายๆ กัน อย่างไรก็ตาม ตรงจุดนี้อย่าลืมว่าไม่ว่าแนวการ์ตูนเรื่องใดก็มีความจำเจและตัวละครอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นแนวแอ็คชั่นก็มีความจำเจเหมือนกัน ตรงจุดนี้ขึ้นอยู่กับคนเขียนว่าจะทำอย่างไรที่ทำให้ความจำเจเหล่านั้นมีความน่าสนใจมากขึ้น 

                    อ่านมาถึงตอนนี้ สังเกตไหมว่าฮาเร็มในโลกแห่งความจริงนั้นแตกต่างจากโลกที่แต่งขึ้นเองโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ฮาเร็มโลกแห่งความจริง คือบุคคลที่ได้ฮาเร็มนั้นแค่มีพลังอำนาจ เงินตรา และชื่อเสียงเขาก็สามารถหาผู้หญิงมากมายเข้าฮาเร็มได้อย่างง่ายดาย (ผู้หญิงที่เข้ามาเป็นทาส ไม่ก็ต้องการเงิน หรือเป็นเชลย โนข่มขู่  ฯลฯ) เจ้าบ้านมีความรู้สึกกับผู้หญิงในฮาเร็มเป็นเครื่องกามหรือผู้กำเนิดทายาทให้แก่ตน ส่วนความรู้สึกของผู้หญิงหลายคนในฮาเร็มมองเจ้าบ้านเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นรักแท้แต่อย่างใด

    พูดง่ายๆ เงินซื้อผู้หญิงได้ แต่เงินไม่สามารถซื้อจิตใจไม่ได้

    แต่ฮาเร็มในแนวของญี่ปุ่นไม่ได้เป็นเช่นนี้ พระเอกในฮาเร็มส่วนใหญ่เป็นคนธรรมดา ที่ไม่มีอำนาจหรือวาสนา มีเพียงแค่จิตใจดีงามที่ชอบช่วยเหลือคนอื่นและอยากให้ทุกคนมีความสุขเท่านั้น และด้วยเหตุการณ์ทำให้เขาเนื้อหอม แต่การมาถึงจุดนี้ได้ พระเอกต้องผ่านอุปสรรค์มากมาย   เราได้เห็นการพัฒนาจิตใจและพัฒนาความสัมพันธ์อย่างช้าๆ ระหว่างพระเอกกับหญิงสาวในฮาเร็ม เราได้เห็นความมุ่งเม้น ได้เห็นความจริงใจ ได้เห็นความเสียสละมากมาย ความลำบากมากมาย

    ไม่เหมือนฮาเร็มในโลกแห่งความจริงที่เงินสามารถซื้อผู้หญิงได้อย่างง่ายดาย  แต่เงินไม่สามารถซื้อเพื่อนสมัยใหม่ ไม่สามารถซื้อน้องสาวจ๋า หรือไม่สามารถซื้อรักแท้ได้

    หลายคนมักพูดว่าพระเอกฮาเร็มอ่อนปวกเปียก และจิตใจโลเล ทำไมผู้หญิงหลายคนที่หลงนัก คำตอบง่ายๆ เพราะพระเอกฮาเร็มเป็นคนดี ไม่เคยทำให้คนอื่นทุกข์ใจ เพียงแค่นี้ไม่เพียงพอที่ผู้หญิงจะฝากชีวิตไว้กับคนแบบนี้เหรอ?  เพราะพวกเธอรักเขาที่จิตใจ ไม่ใช่เพราะเขาเก่งกล้าสามารถ ร่ำรวยเงินทอง หรือมีพลังอำนาจแต่อย่างใด

    ขอยกตัวพระเอกฮาเร็มคนหนึ่ง ที่ผมค่อนข้างชอบวีรกรรมผู้นี้มาก และน่าจะอธิบายว่าทำไมผู้หญิงในฮาเร็มถึงชอบพระเอกคนนี้มากนัก เขาคนนั้นคือ “คาซึกิ ชิคิโมริ”  (พระเอกจาก Maburaho) เด็กหนุ่มอายุ 17 ปี ชิคิโมริเป็นจอมเวทมนต์อันดับต่ำสุดของโรงเรียน การมีอยู่ตัวตนของเขา ไม่มีใครสนใจ แต่แล้ววันหนึ่งชีวิตเขาเปลี่ยนไปเมื่อเขาเนื้อหอมขึ้น เมื่อสามสาวสวยน่ารักประกอบด้วยมิยามะ ยูนะ, รุ่นพี่คาเซซึบากิ  คุริโกะ ,รุ่นน้องคามิชิโระ ริน เข้ามาในชีวิตของเขา ทั้งหมดต้องการเป็นแฟนพระเอก ซึ่งตอนหลังพระเอกรู้ว่าพวกเธอที่เข้ามาหาเขานั้นไม่ใช่เพราะเขาหล่อเลิศแต่อย่างใด หากแต่พวกเธอต้องการดีเอ็นเอของเขาสืบเชื้อสายมาจากผู้วิเศษที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก หากหญิงใดมีลูกกับเขา ลูกที่เกิดมาจะกลายเป็นจอมเวทย์ที่เก่งที่สุดในโลกทันที

    แน่นอนว่าตอนแรกพระเอกก็กล่าวหาว่าสามสาวเข้าหาเขาเพราะเขาเป็นเพียงแค่เครื่องมือ หากแต่ต่อมาชิคิโมริก็ได้รู้ว่ายูนะรักเขาจากใจจริงเพราะเขาเป็นคนจิตใจดีงาม ส่วนรุ่นพี่คุริโกะนั้นแม้ตอนแรกเธอเข้าหาเขาเพราะว่าต้องการดีเอ็นเอเพื่อความยิ่งใหญ่ของตนแต่เมื่อเจอความการเสียสละแม้จะแลกด้วยชีวิตของชิคิโมริเข้าไปทำให้เธอเริ่มชอบเขา ส่วนรุ่นน้องรินตอนแรกถูกทางบ้านบังคับยัดเยียดให้เป็นคู่หมั่นและมองว่าชิคิโมริเป็นคนอ่อนแอ หากแต่เขาได้แสดงให้เห็นรุ่นน้องรินว่าเขาเองก็ยินดีช่วยเหลือและปกป้องเธอสุดกำลังแม้ว่าจะอ่อนแอก็ตาม

    จนกระทั่งวันที่ชิคิโมริเสียชีวิต เหลือแต่เถ้าถ่าน จนกลายเป็นวิญญาณ พูดง่ายๆ ชิคิโมริหมดสิ้นทุกสิ่ง และพวกสาวๆ น่าจะเลิกสนใจเขาได้แล้ว แต่แทนที่สามสาวจะตีจากเพราะชิคิโมริไม่มีอะไรเหลือแล้ว แต่สามสาวก็ยังอยู่และคอยให้กำลังใจเขาเหมือนเฉดเช่นเดิม(บางทีอาจมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ) เพราะชิคิโมริได้หวานเมล็ดความรักความชอบปักธงไปกลางใจสาวทั้งสามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    เรื่องของชิคิโมริแสดงให้เห็นชัดเจนว่าฮาเร็มในสื่อญี่ปุ่นนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย พระเอกต้องใช้เวลาในการสร้างความสัมพันธ์กับผู้หญิง ทำให้ผู้หญิงรู้ด้านดีของเขา พร้อมกับอุปสรรค์ ปมจิตใจ และโจทย์มากมายที่เข้ามาให้พระเอกต้องแก้และฟันผ่า เนื้อหาสลับกับตลก ดราม่า ไปจนถึงโรแมนติก การได้ลุ้นว่าสุดท้ายฮาเร็มจะจบลงอย่างไร  สิ่งเหล่านี้แหละทำให้แนวฮาเร็มเป็นที่ติดตาม  ผิดกับฮาเร็มในโลกแห่งความจริงที่เราไม่ได้ลุ้นอะไรเลย  เรามองแต่ภายนอก ไม่รู้เรื่องราวของเขาและเธอ ว่าเขาคนนั้นทำอย่างไรให้ผู้หญิงเข้าฮาเร็มบ้าง  (สิ่งที่รู้มีเพียงผู้หญิงหาชายนั้นเพราะอำนาจเงินตราและชื่อเสียงเท่านั้น) สรุปคือเป็นฮาเร็มที่ไร้อุปสรรค์ ไร้ซึ่งจิตใจโดยสิ้นเชิง

    แน่นอนว่าฮาเร็มบางเรื่องจบแบบฮาเร็ม คือสุดท้ายพระเอกเลือกพวกเธอไปจนถึงการ "แต่งงานหมู่" แต่ฮาเร็มนี้หลายคนสนับสนุนและอิจฉายิ่งกว่าฮาเร็มในโลกแห่งความจริงอีกเพราะที่ผ่านมาพระเอกแสดงให้เห็นว่าตนสำควรที่จะจบฮาเร็มและเป็นฮาเร็มที่มีความสามัคคีและความสุข สมควรแล้วที่จบฮาเร็ม แต่ฮาเร็มของการ์ตูนแปลกอยู่อย่าง คือ ไม่ว่าจะเป็นสายสว่างหรือสายมืด แม้จะมีฉากแต่งงาน แต่กลับไม่มีชีวิตหลังแต่งงานแม้แต่น้อย เพราะส่วนมากมักมาแบบคบหากัน จับปลาหลายมืออย่างสนุกสนาน อย่างมากมีเพียงภาพของพระเอกอยู่กับสาวๆในฮาเร็มอย่างมีความสุข ทุกคนมีลูกอย่างแอปปี้เท่านั้น

    นอกจากนี้ฮาเร็มในการ์ตูนญี่ปุ่นไม่ได้สื่อถึงเรื่องกามอย่างที่คิดหลายเรื่องสื่อถึงครอบครัวที่ไม่มีอะไรมาทดแทนได้ไปจนถึงเพื่อนที่สนิทสนมแม้จะเป็นเพศตรงข้ามก็ตาม

                    ดังนั้นผมจึงไม่เห็นด้วยสักเท่าไหร่นักที่หลายคนเปรียบเทียบฮาเร็มในการ์ตูนญี่ปุ่นกับฮาเร็มในโลกแห่งความจริงเพราะมันแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว


    ต่อให้จะเตี้ยหรือจะสูง จะมีข้อเสียในตัวเพียงใด ต่อให้ไม่มีใครสักคนเป็นพวก

    ชั้นก็ไม่แคร์ เพราะว่าชั้นชอบเค้าคนนั้น

    By ฟุตาบะ จาก Asobi ni Iku yo!

                   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×