ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #224 : ที่สุดของ Manga แห่งปี 2012 by Cammy

    • อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 57


    ก่อนอื่นอาจจะช้าไปหน่อย แต่ก็ขอสวัสดีปีใหม่สำหรับทุกท่านที่เข้ามาอ่านในบทความนี้ครับ ทั้งเนมเบอร์ นอนเบอร์ และนักอ่านเงา ปีนี้ขอให้ทุกท่านสุขภาพดี เจอแต่การ์ตูนโดนใจ และขอให้ติดตามเรื่องที่ผมเขียนด้วยน่ะครับ ซึ่งผมก็พยายามปรับปรุงตนเอง หาสิ่งใหม่ๆ มานำเสนอ แม้เจ้าสิ่งที่ว่าจะมีแต่พวกเรต เลือดสาด มืด ไม่ก็ฮาเร็มก็เถอะ (ง่ะ) เอาเป็นว่านี้คือบทความที่คนเขียนพูดเกือบเต็มปากว่าเป็นโอตากุ (ที่ไม่มีเงิน) ล่ะกัน

    ที่จริงตอนนี้ผมจะพูดเรื่องค้ำคอร์น้องสาว  ที่จะว่าไปผมก็ไม่ค่อยพูดถึงเลยสักนิดในหลายๆ บทความ เพราะผมไม่ใช่สายดังกล่าว ไม่รู้ถึงความน่ารักของน้องสาวของพวกที่ชอบสักเท่าไหร่ เลยไปตั้งกระทู้ก็ได้คำตอบน่าพอใจพอสมควร (แม้ประเด็กที่ตอบจะนอกเรื่องก็เถอะ ผมถามคนส่วนใหญ่ทำไมถึงชอบค้ำคอร์น้องสาวน่ะครับ ไม่ได้ถามพวกท่านว่าชอบหรือไม่ชอบ)

    เอาเป็นว่าใครอยากตอบก็ไปที่กระทู้ล่ะกันครับ

    http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2655348

    แต่บังเอิญเรื่องค้ำคอร์พักไปก่อน (ค่อยพูดตอนหน้าล่ะกัน) พอดีมีคน (ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน “หนอน” นั้นแหละ) มาพูดกับผมว่าทำไมที่สุดแห่งปี 2012 ถึงมีแต่อนิเมะ ทำไมไม่มีมังงะ ไม่ยุติธรรมนี้น่าพูดถึงอนิเมะแล้วก็พูดถึงมังงะเหมือนปีก่อนๆ บ้างสิ

                    สาเหตุที่ผมไม่พูดเรื่องมังงะแห่งปี 2012 ก็เพราะว่าเรื่องที่ผมดูและชอบส่วนใหญ่เป็นแนวฮาเร็ม ไม่ก็เลือดสาด เลยไม่อยากจะพูดถึงสักเท่าไหร่กลัวคนเขาจะเอียนจะเบื่อ แต่ก็เอาเถอะ ไหนๆ ก็พูดถึงที่สุดอนิเมะไปแล้ว ก็ขอพูดที่สุดของมังงะแห่งปี 2012 ด้วยล่ะกันน่ะครับ แม้จะผ่านปี 2012 มาหลายวันแล้วก็เถอะ

                   

                    อย่างที่ผมบอกเอาไว้ครับ แม้ว่าผมจะเป็นนักอ่านมังงะ แต่แนวที่ผมชอบที่สุดคือแนวฮาเร็ม ไม่ก็เลือดสาด แต่ทั้งสองแนวนั้นมันจะต้องแนวๆ และโดดเด่นจริงๆ อย่างฮาเร็มก็ตอบแบบฮาเร็มโลกสีชมพูซาบซ่าหัวใจพองโตสยิวกิ๊ว เลือดสาดเอาตัวรอดเนื้อหาก็ต้องแปลกใหม่แหวกประหลาด ไม่ใช่มาแบบมุกเดิมๆ เนื้อหาเดิมๆ เอานี้ผมไม่ให้ผ่าน

                    ก่อนอื่นผมก็อยากให้แยกประเภทความยาวของมังงะที่อ่านก่อนน่ะครับ ผมแบ่งกลุ่มเป็น มังงะเรื่องสั้นจบในตอน มังงะเรื่องยาว มังงะทำขึ้นเพื่อโปรโมทอนิเมะหรือไลท์โนเวล (ที่ชอบค้างในตอน 1-3 ประมาณนั้น) ซึ่งผมจะพูดเรื่องอนิเมะเรื่องยาวมากกว่า ส่วนสายมืดจะพูดถึงนิดหน่อยพอเป็นกระสัย

                    ที่สุดแห่งปีต่อไปนี้จะเป็นการ์ตูนมังงะที่เขียน 2012 เท่านั้นน่ะครับ ไม่นับมังงะที่ตีพิมพ์ในแผงหนังสือไทย 2012 และจะพูดถึงเนื้อหาการ์ตูนเรื่องยาวที่เนื้อเรื่องมาถึงตอนในปี 2012 ด้วย แน่นอนเป็นการสปอย เตือนเอาไว้ก่อนแล้วน่ะครับ (ลงอักษรขาว)

                           

                    จบแห่งปี (ส่วนใหญ่ไม่ค่อยอยากจะจดจำนัก) จะว่าไปปีนี้ก็มีการ์ตูนยาวหลายเรื่องจบ ไล่ที่ดังๆ ก็มี Katekyo Hitman Reborn! (รีบอร์น), Nurarihyon no Mago (นูระหลานจอมภูต), Bakuman, Negima!, Air Gear, Sayonara, Zetsubou-Sensei (คุณครูผู้สิ้นหวัง)  , K-On!(ภาคมหาลัย/ภาคอาซึเนี๊ยว) และ Q and A (ขอรวมไลท์โนเวลอย่าง Seitokai no Ichizon และ Mayo Chiki เข้าไปด้วยละกัน) หากมองภพรวมๆ ไม่รู้ผมคิดเอาเองหรือเปล่าการ์ตูนญี่ปุ่นนี้จบดีๆ ไม่ค่อยเป็น ออกไปทางผิดหวังค่อนข้างมาก คือความรู้ประมาณว่า ผิดหวัง, ปาหมอน (ไม่เคลียร์ รวบรัด ตัดจบ) น้อยมากที่จะออกมาตอนจบจะทำให้คนอ่านพอใจ ประทับใจ บางเรื่องแทบทำลายชื่อเสียงของคนเขียนจนกลายเป็นตราบาปเป็นที่โจษจันไปเลยก็ว่าได้

    จบได้ผิดหวังแห่งปี (สำหรับคนส่วนใหญ่)  ยกตัวอย่างจบได้ผิดหวังก็คือเนกิเมะที่จบได้เฟลทั่วสารทิศ หลายคนออกมาบ่น ตั้งกระทู้แบบเซ็งที่สุดในชีวิต (ซึ่งโดยส่วนตัวผมมองว่าคนเขียนท่านนี้ไม่เก่งเรื่องเขียนหลายเล่มและคุมตัวละครไม่ค่อยอยู่สักเท่าไหร่) ต่อมารีบอร์นหนึ่งในการ์ตูนที่สร้างชื่อเสียงของจัมป์มาอย่างยาวนาน ได้อวสานลง ซึ่งแฟนบางส่วนร่ำไห้  ในขณะที่บางส่วนแอบสะใจจบได้สักทีเพราะออกทะเลมาอย่างยาวนาน ในกระทู้บอร์ดนักเขียนในเว็บเด็กดีก็เกิดสงครามย่อยๆ ระหว่างคนชอบวันพีชกับรีบอร์นซึ่งไม่รู้จะแค้นไปทำไมการ์ตูนค่ายเดียวกันแท้ๆ  ซึ่งตรงจุดนี้ผมจะไม่พูดถึงและกัน

    จบได้ผิดหวังแห่งปี (สำหรับผม) การ์ตูนฮาเร็มที่จบปีนี้ก็มีหลายเรื่องที่จบค่อนข้างน่าพอใจคือไม่ฮาเร็มก็ค้างคาถือว่าเป็นตอนจบที่ดีที่สุดแล้วสำหรับแนวนี้ ในขณะเดี๋ยวกันก็มีหลายเรื่องจบได้แย่มากในสายตาของผม อย่างเช่น Koisome Momiji และ Pajama na Kanojo คอมเมดี้ของจัมป์ที่ดูเหมือนว่าล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ที่โดนตัดจบแบบห้วนๆ ตัดจบไม่พอทำเอากองอวยตัวละครตายเป็นแถบๆ ส่วนไลท์โนเวลอย่าง Seitokai no Ichizon และ Mayo Chiki ซึ่งผมไม่ได้ตามก็จริง แต่อ่านตอนจบแล้วแทบจุกเลยทีเดียว  (โดยเฉพาะ Seitokai no Ichizon เล่นเอาผมอึ้ง ล้างไพ่ และเล่นภาคใหม่ ภาค 2 ผมยังสงสัยว่ายังมีคนอ่านเหรอเนี้ย?)


                  จบได้แหวกแนว
    อย่างไรก็ตาม ยังมีการ์ตูนดังเรื่องหนึ่งที่จบได้แหวกกว่าใครเพื่อน นั้นคือ
    Sayonara, Zetsubou-Sensei หรือหลายคนรู้จักกันในคุณครูผู้สิ้นหวัง ซึ่งไม่ใช่ที่ญี่ปุ่นเท่านั้นที่ตกตะลึงกับตอนจบของการ์ตูนเรื่องนี้ หากแม้แต่คนไทยหรือต่างประเทศเองยังคงอึ้งไม่หายกับตอนจบสุดแสนจะหักมุมและหลอนได้ถึงขนาดนี้ ขนาดที่ว่าผมประทับตอนจบของตามใจนายไคโซที่หักมุมแล้ว มาเจอตอนจบของคุณครูผู้สิ้นหวังเข้าไป ทำเอาขนลุกเลย แบบว่าตอนที่ 301 จบแบบฮาเร็มประทับใจ พอมาถึงตอน 302 ทำเอาฮาเร็มหลอนซะงั้น เรียกได้ว่าน้อยมากที่จะมีนักเขียนการ์ตูนญี่ปุ่นทำการ์ตูนแหวกแนวไม่สนตลาด สามารถสร้างอารมณ์หลากหลาย (ตลก, ประทับใจ, หักมุม ไปจนถึงหลอน)

    เอาเป็นว่าการดูการ์ตุนญี่ปุ่นนั้นก็ความเสี่ยงตอนจบดีหรือไม่จบดี หรือจบไม่ถูกใจสำหรับคุณ ถือว่าเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เวลาดูก็ขอให้เตรียมใจเอาไว้ สำหรับปี 2013 ก็มีการ์ตูนหลายเรื่องที่ประกาศว่าจะจบในไม่ช้านี้เหมือนกัน ซึ่งก็หวังว่าจะมีการ์ตูนสักเรื่องที่ตอนจบสมหวังของใครหลายคนน่ะครับ


                เมื่อฮาเร็มถูกบังคับให้จบรูทฮาเร็ม แม้ว่าปัจจุบันการ์ตูนจัมป์ อย่างวันพีช หรือนารูโตะยังคงเป็นยอดมังงะการ์ตูนที่ได้รับความนิยมของคนไทย และทั่วโลก ยอดขายหลายคนล้านเล่ม แต่ผมไม่ใช่พวกตามกระแส หากไม่ใช่ฮาเร็มผมจะไม่ดูสักเท่าไหร่

    ถ้าจะพูดถึงภาพรวมการดูมังงะของผมในปี 2012 ที่ผ่านมา ก็คล้ายๆ กับอนิเมะที่ผมเลือกดูมังงะฮาเร็ม ไม่ก็ที่น่าสนใจจริงๆ เท่านั้น ต่อให้เดี๋ยวนี้จะมีมังงะใหม่ๆ เกิดขึ้น  หรือมีแฟนซับแปล (ทั้งไทยและอังกฤษ) ออกมามากมายก็ตาม แต่ที่น่าประทับใจจริงๆ มีเพียงไม่กี่เรื่องที่เข้าข่าย

                    หากพูดถึงฮาเร็ม ปีนี้การ์ตูนฮาเร็มออกมาเยอะ แต่เท่าที่เห็นส่วนใหญ่ (ซึ่งผมก็ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่า) คือสูตรสำเร็จเยอะมาก คือประมาณว่าลายเส้นแทบเหมือนกัน จนไม่รู้ว่าเรื่องไหนเป็นเรื่องไหน ลายเส้นโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่ค่อยมี โดยเฉพาะแนวแฟนตาซีต่อสู้ (ให้นึกถึงเรื่องซานะ นักรบอัคคีละกัน) คาแร็คเตอร์เหมือนๆ กันคือนางเอกผมยาวซึน พระเอกก็กากๆ หน้าตาเหมือนพระเอกเกมจีบสาว ไม่มีแบบเอกลักษณ์แบบมหาเทพริโตะหรือโทโมกิเลยพับผ่า (ใครที่ดูแนวที่ผมว่า เชื่อเถอะเห็นด้วยหมดแหละ) สาเหตุเพราะมังงะส่วนใหญ่เป็นเรื่องดัดแปลงจากไลท์โนเวลซะด้วยสิ

                    อย่างไรก็ตาม ในจำนวนการ์ตูนฮาเร็มเหล่านี้ก็มีการ์ตูนฮาเร็มหลายเรื่อง ที่มาแบบเงียบๆ แต่มีเนื้อหาโดดเด่น และที่น่าสนใจคือ เนื้อหาของฮาเร็มเริ่มที่จะการดำเนินเรื่องที่ต้องถูกบังคับให้เลือกรูทฮาเร็มเหมาหมดมาก เพราะปกติสมัยก่อนเรามักดูฮาเร็ม มักถกเถียงว่าสุดท้ายผู้หญิงคนไหนเข้าวิน มีสิทธิได้พระเอก ซึ่งลุ้นว่าสุดท้ายสาวคนไหนจะสมหวัง แต่เดียวนี้เนื้อหาแบบนี้เริ่มไม่มีแล้ว เพราะ

     แสดงให้เห็นว่ายุคนี้เป็นยุคฮาเร็มของแท้ไปแล้ว ใครที่เขียนคอมเมดี้ธรรมดาเริ่มเชยระเบิดแบบจัมป์ที่ล้มเหลวกับสองเรื่องล่าสุดเป็นต้น

    ฮาเร็มปีนี้มีหลายเรื่องที่มีเนื้อหาค่อนข้างแปลก  เพราะเดี๋ยวนี้ฮาเร็มมีการวางเนื้อให้น่าสนใจ แปลกประหลาดเหนือธรรมชาติมากขึ้น ไม่ใช่แบบรักแบบชายหญิงธรรมดาอีกแล้ว  แต่ก็ยอมรับเหมือนกันว่าหลายเรื่องก็มีส่วนผสมของเอจจิซึ่งจะมากหรือน้อยนั้นก็แล้วแต่คนเขียน

    และที่น่าสนใจคือแม้แต่นักเขียนที่อยู่โลกมืดก็ขึ้นมาสว่างด้วยซ้ำ ในขณะบางเรื่องไม่รู้ว่าคนเขียนอดเสี้ยนมืดหรือไงไม่ทราบ จากสว่างกลับมาสู่มืดเฉย มีฉากเอากันทำให้ผมเซ็งจัด มาตั้งกระทู้ระบายอารมณ์เลยทีเดียว

     

    การ์ตูนฮาเร็มที่ชอบแห่งปี Monster Musume no Iru Nichijou เนื่องจากผมติดตามแต่มังงะฮาเร็มที่เนื้อหาซาบซ่า ดังนั้นไม่แปลกแต่อย่างใดที่มังงะที่ชอบปีนี้มีแต่แนวฮาเร็ม และการ์ตูนฮาเร็มที่ผมติดตาม (ที่ตีพิมพ์ในปี 2012) แน่นอนว่าจะต้องมีชื่อ Monster Musume no Iru Nichijou หรือแปลไทยว่า ชีวิตประจำวันของสาวมอนสเตอร์แน่นอน

    Monster Musume no Iru Nichijou เป็น ผลงานของ Okayado (สายมืดมาสู่สว่าง) เนื้อหาการ์ตูนเรียบง่าย พระเอกเรื่องนี้มีชื่อว่า คุรุสุ คิมิฮิโตะเป็นอาสาสมัคร (?) ในโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลสัตว์เทพนิยายที่เป็นครึ่งมนุษย์สาวสวยและสัตว์ประหลาด เช่น ลาเมีย, ฮาร์ปี้, เซนทอร์ส, สไลม์, เงือก ฯลฯ และทุกตัวล้วนรักพระเอก

    เป็นการ์ตูนฮาเร็มที่พึ่งมาใหม่ ผลงานสว่างจากคนเขียนที่เคนยเขียนมืดมากก่อน และทำได้ดีเสียด้วย จนทำติดตามทุกตอน ตั้งหน้าตั้งตารอว่าเมื่อไหร่ตอนใหม่จะออก เนื้อหาอาจเป็นการ์ตูนแนวฮาเร็มธรรมดา หากแต่มันแตกต่างไปจากฮาเร็มเรื่องอื่นๆ ตรงที่ตัวละครหลักผู้หญิงนั้นล้วนเป็นสาวมอนสเตอร์ที่ภาพลักษณ์กึ่งสาวสวยผสมกับความอัปลักษณ์และน่ากลัว แทนที่จะเป็นสาวหูแมว หูหมาเหมือนเรื่องทั่วๆ ไป (อย่างมากก็มีสาวมังกร, เงือก แต่ครึ่งงู ครึ่งม้านี้ไม่มี) ส่งผลทำให้ความรู้สึกในการอ่านการ์ตูนเรื่องนี้แตกต่างจากการ์ตูนฮาเร็มเรื่องอื่นๆ ที่ออกมาไล่เลียกันในปีนี้ นั้นคือจะอิจฉาพระเอกหรืออนาถพระเอกดี เพราะพวกสาวๆ รักพระเอกแบบอยากจับพระเอกมาทำผัว หากแต่ความรักของพวกเธอค่อนฮาร์ดคอร์สุดๆ มีทั้งรัด มีทุบ มีจิก จับกด หากเป็นคนธรรมดามีกี่ชีวิตไม่พอ

    ในขณะเดียวกัน Monster Musume no Iru Nichijou ได้ถ่ายทอดความน่ารักของสัตว์ประหลาดในตำนานให้ออกมาน่ารักโฒเอะทั้งๆ ที่ในเทพนิยายนั้นแสนอัปลักษณ์และน่ากลัว อย่างฮาร์ปี้ที่ผมยังจำติดตาว่าเป็นสัตว์น่าเกลียด รำคาญ แต่พอเมื่อมาอยู่ในการ์ตูนเรื่องนี้กับเป็นสาวน้อยน่ารักไปได้ นอกจากนี้พระเอกเรื่องนี้เป็นคนดีจริงๆ ไม่เคยบ่น ไม่นึกรังเกียจพวกเธอเลย ทำหน้าที่พ่อบ้านเลี้ยงดูสาวมอนสเตอร์อย่างเอาใจใส่ ไม่แปลกแต่อย่างใดที่พวกสาวๆ มอนฯ ในเรื่องรักพระเอกสุดใจขาดดิ้น  ผมดูการ์ตูนเรื่องนี้อย่างมีความสุข เพราะเนื้อหาแบ่งอวยตัวละครสาวๆ เท่าๆ กัน และที่ชอบคือลุ้นว่าจะมีสาวมอนฯ ที่มาใหม่จะเป็นตัวอะไรและจะมีอิทธฤทธิ์ (และเซอร์วิสขนาดไหน)

    สรุปคือ Monster Musume no Iru Nichijou เป็นการ์ตูนฮาเร็มที่น่าสนใจ เพียงแค่ใส่อะไรแปลกๆ แหวกแนวนิดหน่อยต่อคาแร็คเตอร์สาวๆ ก็น่าสนใจแล้ว และนี้คือการ์ตูนฮาเร็มใหม่ ที่ผมติดตามในปีนี้

                   

    การ์ตูนฮาเร็มแหวกแห่งปี Abnormal-kei Joshi  ในขณะที่การ์ตูนฮาเร็มที่ออกมาใหม่ในตอนนี้เนื้อหาไม่แปลกใหม่เท่าไหร่ ยังคงวนเวียนกับแฟนตาซี พลังวิเศษ ลายเส้น คาแร็คเตอร์ก็คล้ายๆ กัน แต่กระนั้นยังมีการ์ตูนฮาเร็ม (??) เรื่องหนึ่งที่เนื้อหาแสนโดดเด่นนั้นคือ  Abnormal-kei Joshi

    Abnormal-kei Joshi เป็นการ์ตูนผลงานของ Sanada Eleven (คนเดียวกับผู้วาด Hyakko) การ์ตูนเปิดฉากด้วยคำพูดของพระเอกว่า “ผู้หญิงเป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยาก”  จากนั้นเนื้อหาเหมือนกับนิยายฮาเร็มเรื่องอื่นๆ ด้วยการเปิดตัวพระเอก เป็นเรื่องราวของพระเอกชินยะที่มีนิสัยเฉยเมยต่อสิ่งรอบข้าง (และจิตแข็ง) อีกทั้งยังมีความคิดว่าผู้หญิงสวยนั้นเป็นสิ่งลึกลับสำหรับเขา เพราะว่ารอบตัวเขานั้นเต็มไปด้วยสาวสวยมากมายที่ชอบเขา เช่น ทวินเทลที่คิดว่าตนเองเป็นแวมไพร์ (จูนิเบียว?), สาวมืดมนเพ้อที่คิดว่าอดีตชาติตนเป็นอัศวินที่ต้องปกป้องพระเอก,  น้องสาวคลั่งพี่ชายและยันเดเระ, แว่นมาโซ, เจ้าหญิงผู้ที่เอาแต่นอนหลับ, เพื่อนร่วมชั้นสาวสวยสโตกเกอร์ และที่น่ากลัวที่สุดคือเพื่อนสมัยเด็กฆาตกรต่อเนื่องโรคจิต!!

    Hyakko ผลงานแรกๆ ของคนเขียนที่โดนตัดจบไป ผมก็ตามบ้างไม่ตามบ้าง แต่สำหรับการ์ตูนเรื่อง Abnormal-kei Joshi  ผมติดตามแบบอาการจิตป่วย หลายคนเรียกการ์ตูนเรื่องนี้ว่า “ฮาเร็มโรคจิต” ตอนเปิดตัวคล้ายๆ ฮาเร็มทั่วไป คือแนะนำพระเอกและแนะนำพวกสาวๆ ในกรุฮาเร็ม ตอนแรกเหมือนธรรมดา แค่จูนิเบียวจะมีอะไรมาก แต่หลังๆ เริ่มไม่ธรรมดา เช่นแว่นมาโซ (น่ารักน่ะเออ) มาใกล้จบตอนหนึ่งตะลึงมากตรงเพื่อนสมัยเด็กเป็นฆาตกรโรคจิต จิตสุดๆ แบบโทรเรียกพระเอกมาดูผลงานของตน แถมจิตยิ่งกว่าคือพระเอกไม่มีความรู้สึกอารมณ์ร่วมในพฤติกรรมน่ากลัวของสาวๆ ในเรื่องเลยแม้แต่น้อย

    พระเอกเรื่องนี้เมพ คือมันแบ่งเวลาให้กับสาวๆ ในเรื่องได้เทพมาก ทุกคนพระเอกล้วนมีเวลาให้หมด   แม้จะดูไม่ออกว่าสิ่งที่เขาเพราะความรักแบบชายหญิง หรือความเป็นเพื่อนสนิทกันแน่ แต่เขาไม่เคยบริปากบ่นใดๆ เวลาสาวๆ ขอร้องให้ช่วย (แถมคำขอสาวๆ แต่ละคนจิตๆสิ้นดี )  ซ้ำยังมีการปกป้องสาวๆ ในฮาเร็มด้วยซ้ำไป ยกเว้นยัยสโตกเกอร์ล่ะมั้งที่พระเอกไม่ชอบสักเท่าไหร่ (ฮ่า)

    น่าติดตามว่าการ์ตูนเรื่องนี้จะดำเนินเรื่องแบบทิศทางใด จะตลกน่ากลัวโรคจิตแบบนี้ไปเลย หรือจะเอาดราม่าในตอนหลัง สุดท้ายฮาเร็มโรคจิตจะจบยังไงกันแน่ ก็ติดตามต่อไป และเป็นหนึ่งในการ์ตูนที่ผมชอบประจำปีอีกราย

    (ปล. ผมชอบทวินเทลแวมไพร์จูนิเบียว)

    การ์ตูนฮาเร็มที่ชอบเป็นการส่วนตัวแห่งปี Iinazuke Kyoutei คุณรู้หรือไม่ว่าปัจจุบันมีนักเขียนสายมืด (H) หลายคนเข้ามาสู่สายสว่างมากกว่าที่คุณคิดครับ ล่าสุด Shokugeki no Soma ที่ลงในจัมป์ตอนนี้คนเขียนเคยเขียนสายมืดมาก่อน (ซึ่งคิดได้ไงเนี้ยจากวาดการ์ตูนโป๊มาวาดการ์ตูนทำอาหาร) ซึ่งก็ติดตามต่อไปว่าจะมีนักเขียนสายมืดท่านไหนที่ประสบผลสำเร็จกับการ์ตูนแนวสว่างบ้าง

    สำหรับการ์ตูนฮาเร็มจากมาสู่สายสว่างที่ผมชอบแห่งปีนั้น ผมยกให้ Iinazuke Kyoutei ผลงานของ Fukudahda นักเขียนโดจินสายมืดที่คนไทยรู้จักดีในเรื่องนมนมโต (ซึ่งคนเขียนวาดได้ทั้งแบบเดียวและแบบฮาเร็ม) ซึ่งล่าสุดนั้นไม่รู้คนเขียนคิดอะไรเข็นการ์ตูนสายสว่างเรื่องหนึ่งมาให้ได้เชยชม แต่เนื้อหาข้างในยังคงแอบมืด เทาๆ นิดหน่อย

    หากพูดเพื่อนสมัยเด็กมักเป็นคาแร็คเตอร์ที่ช้ำรัก หากแต่ไม่ใช่ Iinazuke Kyoutei แน่นอน ซึ่งจะเกิดอะไรขึ้นจู่ๆ คุณเนื้อหอมขึ้นมากะทันหัน เพราะมีผู้หญิงมาบอกรักกับคุณถึง 4 คน และทุกคนล้วนเป็นเพื่อนสมัยเด็ก คุณจะเลือกใคร (ไม่เลือกเว้ย เหมาหมด!!)

    Iinazuke Kyoutei เป็นเรื่องราวของหนุ่มวาตารุที่เขาไม่ค่อยมีความทรงจำเกี่ยวกับวัยเด็กของเขามากนัก รู้แต่ว่าพ่อแม่หย่ากัน พ่อรวยมาก และมีกิ๊กหลายคน (แม่เลยทนไม่ไหว) นับตั้งแต่นั้นมาเขาก็ต้องทำงานแม่เพื่อไม่ให้เป็นภาระ จนกระทั่งวันหนึ่งในวันเปิดภาคเรียนวันแรก วาตารุก็ได้เจอผู้หญิงลึกลับ 3 คน ซึ่งพวกเธอเป็นอดีตเพื่อนสมัยเด็กของวาตารุ และทุกคนอยากแต่งงานกับเขา ซึ่งแน่นอนว่าเพื่อนสมัยเด็กที่เป็นเพื่อนบ้านของเขานั้นยอมไม่ได้ และแล้วสงครามเพื่อนสมัยเด็กก็ได้เริ่มต้นขึ้น


                    เซอร์วิสหื่นแห่งปี
    Inbura! - Bishoujo Kyuuketsuki no Hazukashii Himitsu ปีนี้เท่าที่สังเกตดูไม่ค่อยมีการ์ตูนเซอร์วิสแรงๆ พอๆ กับ To Love Ru สักเท่าไหร่ (หรือผมคิดไปเอง) ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วผมชอบการ์ตูนฮาเร็มเซอร์วิสมาก มากกว่าการ์ตูนที่ดำเนินเนิ้อหาเป็นเรื่องเป็นราวเป็นอีก เพราะด้วยวัย........ ผมว่าดูแล้วกระซุ่มกระช่วย ดูการวาดผู้หญิงที่มีสรีระ (และกางเกงใน) ผมก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้เองก็มีมังงะเรื่องใหม่เรื่องหนึ่ง ที่ผมดูแล้วตะโกนว่า “เยส!!” นั้นคือ “ริโตะภาคแวมไพร์ฮาเร็ม”

    Inbura! - Bishoujo Kyuuketsuki no Hazukashii Himitsu  หรือ In Bura! Bloodline in the Dark (ขอเรียกย่อๆ ว่า In Bura! ) ผลงานของ Endou Tatsuya โดยเป็นเรื่องราวของ “อากามิ โควอิจิ” (มหาเทพริโตะลงมาจุติ) นักเรียนมัธยมปลายธรรมดา (ตรงไหน??) ที่ได้รู้จักผู้หญิงสวยคนหนึ่งชื่อ “อิทานามิ เอียน” และได้รู้ความลับของเธอว่าความจริงแล้วเธอคือแวมไพร์ชั้นสูงที่ชอบดื่มเลือดของเขา เพราะเลือดของเขานั้นเลิศรสมากๆ เมื่อเขาเลือดออกที่ไรเธอมักขาดสติ จนเกิดเรื่องวุ่นวายตามมา

    ผมไม่ได้ดูแนวฮาเร็มขบขันเซอร์วิสมานานแล้ว ขอบอกว่าผมชอบแนวแบบนี้มาก คือเนื้อหาไม่ต้องคิดอะไรมาก ขอแค่อวยตัวละครกับนมและกางเกงในก็ไม่ต้องเอาอะไรอีกแล้ว ผมชอบมังงะเรื่องนี้ การปรากฏตัวละครใหม่ทำได้ตื่นตาตื่นใจ

    ด้านลายเส้นอาจสู้ To Love Ru ไม่ได้ แต่กระนั้น In Bura! ได้กลายเป็นการ์ตูนฮาเร็มเซอร์วิสโลกสีชมพูแบบขีดสุด (!?) เมื่อคนเขียนสร้างโลกสีชมพูของพระเอกขึ้น  ด้วยสกิลเทพของพระเอก “เลือดอร่อย” , “ซุ่มซ่ามเทพ” และ “สกิลแมลงสาป และที่ฮ่าสุดๆ คือตอนแรกที่พระเอกปรากฏตัวอย่างกับร่างริโตะจุติลงมาเกิด เพราะหน้าเหมือนกันอย่างกับแกะ (แต่ตอนหลังมีการเปลี่ยนสีผมให้แตกต่างกันบ้าง) มุกเดิมๆ ที่แสนคุ้นเคย พวกกับสาวๆ น่ารัก นมเข้าทรงและกางเกงใน ฉากเซอร์วิสสุดสยิว อ่านแล้วกระชุ่มกระช่วย สยิวกิ๊ว หัวใจพองโต ซึ่งเนื้อหาคล้ายๆ Rosario Vampire แต่การ์ตูนนี้ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแนวหรือหักหลังคนอ่านแน่นอน

    ในด้านตัวละครนั้น ผมชอบดี ไม่ว่าจะเป็นนางเอกนมใหญ่ (แต่เขารูปทรง) ขี้อายน่ารัก พ่อบ้านโมเอะ เมดน้องหมาโลลิ เพื่อนสมัยเด็กสุดยอด ไปจนถึงแม่ชีโลลิ ที่เซอร์วิสได้เด็ดดวงจริงๆ เรียกได้ว่าใครที่ชอบเซอร์วิสหื่นๆ แนะนำเรื่องนี้เลย

    ปล. เรื่องนี้ผมชอบเพื่อนสมัยเด็ก

     

    การ์ตูนนอกสายตาน่าแนะนำแห่งปี Sakura Sakura (Morishige) ยังมีการ์ตูนอีกหลายเรื่องที่ไม่เป็นที่สนใจสำหรับใครหลายคนนัก แต่สำหรับผมแล้วชอบการ์ตูนเหล่านี้มากเพราะดำเนินเรื่องไม่ออกทะเล ไม่สนตลาด เนื้อหาก็น่าสนใจ (แต่ชอบตัดจบทุกที)  และสำหรับปีนี้มีการ์ตูนเล็กๆ เรื่องหนึ่งที่ผมอยากแนะนำ เพราะน่าติดตามว่าจะเป็นการดำเนินเรื่อง หรือตัวคาแร็คเตอร์ อย่างเรื่อง Sakura Sakura ผลงานของ Morishige นักเขียนที่ชอบวาดแนวฮาเร็มอีกคนในวงการ

                    Sakura Sakura เป็นเรื่องราวของโลกในช่วงห้าสิบปีที่ผ่านมา ประชากรประเทศญี่ปุ่นลดลงอย่างรวดเร็ว จนเหลือเด็กไม่กี่คนที่เกิด (น้อยกว่าหลักสิบ) ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวถูกเรียกว่า “Last Gen” เป็นเหตุทำให้เด็กที่เกิดในช่วงนี้จะให้ความสำคัญมากๆ  และเด็กชายคนหนึ่งชื่อ “ฮานาซาคา ฮารุ” เด็กอายุ 15 ปีที่ถูกเลี้ยงดูอย่างมีความสุขและใฝ่ฝันมานานที่อยากเข้าโรงเรียนมัธยม (เพราะอัตราการเกิดต่ำส่งผลทำให้ไม่มีเด็กเข้าโรงเรียนแล้ว) จนกระทั่งวันหนึ่งเขาได้เข้าโรงเรียนมัธยมที่นั้นเขาพบผู้หญิงสาวสวยผมยาวดำคนหนึ่งชื่อ “ฮิเมะชิโร่ ซากุราโกะ” (ทั้งคู่ต่างมีชื่อดอกไม้ทั้งหมด) ซึ่งพระเอกไม่เคยเห็นเด็กผู้หญิงอายุคราวเดียวกับตนมาก่อนและทั้งโรงเรียนมีเขากับเธอเท่านั้นที่เป็นนักเรียน

                    การเรียนในวันแรกๆ ของฮารุเต็มไปด้วยความสนุกสนาน (พระเอกมีนิสัยร่าเริง) ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแต่แปลกใหม่สำหรับเขาหมด (วิชาพละ, อาหารกลางวัน) และที่แปลกใจอีกก็คือทั้งสองต้องพักในอพาร์เมนต์ร่วมกันอีก และวันหนึ่งก็มีนักเรียนผู้หญิงลึกลับอีกคนมาร่วมเรียนกับพวกฮารุ และนี้คือจุดเริ่มต้นเรื่องราวทั้งหมด

                    ทำไมการ์ตูนเรื่องนี้น่าสนใจ? ก่อนอื่นเรารู้จักคนเขียนการ์ตูนเรื่องนี้ก่อน คนเขียน Morishige นั้นมีผลงานที่คนไทยรู้จักดีอย่าง Hanaukyo Maid Tai (กองทัพสาวใช้โกลาหล), Gakuto no Vector (ชมรมปิ๊งรักสาวนักปราชญ์) , Fudanshism - Fudanshi Shugi พูดง่ายๆ คนเขียนมีหลายแนว และที่น่าสังเกตคือลายเส้นเปลี่ยนแปลงบ่อยมาก พอผลงานใหม่ออกมาหลายคนแทบจำไม่ได้เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม เกือบทุกเรื่องดำเนินจะออกมาในทิศทางเดียวกันคือ ตอนแรกออกมาธรรมดา ตลก สนุกสนาน ก่อน จากนั้นก็เข้าสู่ดราม่า หรือเนื้อหาหักมุม ก่อนที่จะจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งทุกเรื่อง (หรือเปล่า?)

                    Morishige น่าจะมาตามสูตรคนเขียน ที่การ์ตูนเปิดมาเหมือนการ์ตูนชีวิตประจำโรงเรียนทั่วไป หากแต่สิ่งไม่ปกติคือเป็นโลกที่มนุษย์ชาติกำลังเสื่อมสลาย และสภาพแวดล้อมที่พวกพระเอกอยู่ไม่น่าไว้วางใจ สภาพที่ถูกตัดขาดจากโลกภาพนอก ถูกล้อมด้วยรั้วลวดหนามสูง อีกทั้งนักเรียนใหม่ที่ลึกลับ เหมือนกับว่าพวกพระเอกอยู่ในโครงการหนึ่งที่เกี่ยวพันกับมนุษย์ชาติ

                    นอกเหนือจากเนื้อหาน่าติดตามแล้ว ในด้านลายเส้นสวยงามมาก บรรยากาศดูลึกลับ สื่อถึงความล่มสลายมนุษย์ชิตเป็นอย่างดี ไม่รู้ทำไมดูการ์ตูนเรื่องนี้แล้วรักโรงเรียนยิ่งขึ้นด้วยซ้ำ บวกกับภาพที่เต็มไปด้วยต้นซากุระที่บานสะพรั่งสวยงามที่เดียว ตัวละครถือว่าจุดเด่น เพราะตัวละครน่ารักมากๆ ดูเหมือนคนเขียนจะพัฒนาขึ้นมากกว่าแต่ก่อน พระเอกร่าเริงและไม่เคยพูดคุยกับผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกันมาก่อน และสาวๆ ในเรื่องน่ารักทุกคน (คุณครูโลลิเรื่องนี้น่ารักน่ะเออ)

                    น่าเสียดายการ์ตูนเรื่องนี้ไม่มัซับไทย และเท่าที่ดูเนื้อหาน่าจะเป็นการ์ตูนสั้นๆ ที่จบไม่กี่เล่ม แต่ผมยกให้การ์ตูนเรื่องนี้เป็นการ์ตูนไม่ดังแต่น่าสนใจแห่งปีละกัน

                    
                 
    การ์ตูนเอาตัวรอดนอกสายตาแห่งปี Tail Star  ปกติแล้วผมไม่ค่อยได้ติดตามการ์ตูนมังงะอื่นนอกเหนือจากการ์ตูนฮาเร็มสักเท่าไหร่ แต่เมื่อไม่นานมานี้ มีการ์ตูนแฟนตาซีเรื่องหนึ่งที่มีการดำเนินเรื่องน่าสนใจ

                    Tail Star เป็นเรื่องราวของดาวเคราะห์สีฟ้าแห่งหนึ่งที่เรียกว่า “โลก” บนดาวแห่งนั้นมีราชินีอยู่ 2 องค์ คือราชินีแห่งแสงและราชีนีแห่งความมืด ซึ่งทั้งสองแตกต่างกันสุดขั้น ราชินีขาวจิตใจงดงาม ในขณะที่ราชินีดำจิตใจโหดเหี้ยม อีกทั้งอิจฉาริษยาราชินีจนอยากจะฆ่าให้ตาย ราชินีแห่งความมืดเลยประกาศสงครามและนำทหารรุกรานฝ่ายราชินีสีขาว ผลคือราชินีพ่ายแพ้ ประเทศทั่วทั้งโลกล้วนสยบราชินีแห่งความมืด และถูกปกครองอย่างเผด็จการและโหดร้ายนับจากนั้นเป็นต้นมา

                    อย่างไรก็ตาม ราชินีสีดำยังความหวั่นวิตกว่า ราชินีสีขาวที่ตายไปแล้วจะกลับชาติลงมาเกิดใหม่อีกครั้งในร่างของเด็กมนุษย์ที่ไหนสักแห่งบนโลก ราชินีแห่งความมืดเลยออกคำสั่งให้เด็กที่เกิดใหม่ทั้งหมดในประเทศส่งมาให้ราชินีทั้งหมดเพื่อตรวจสอบ แต่ก็เกิดเรื่องขึ้นเมื่อช่วงหลายปีที่ผ่านมามีประเทศหนึ่งไม่นยอมส่งเด็กให้ราชินีนั้นคือประเทศ “อาเกฮะ” ซึ่งเป็นประเทศที่ไม่พลังอะไรที่จะต่อกรกับราชินีเลย จึงถูกพลังเทพราชินีถล่มประเทศยับเป็นจุน คนตายนับล้าน ซ้ำยังสั่งให้ทหารออกตามหาคนในในประเทศที่หนีรอดทั้งหมดอีก

                    พระเอกเรื่องนี้ชื่อ “ซานากิ” เป็นนักรบฝึกหัดประจำประเทศอากาฮะ ได้ท้ายอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของราชินี และได้รับหน้าที่อันยิ่งใหญ่ในการปกครอง “มายุ” ซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเด็กและยังเป็นราชินีแห่งแสงที่กลับชาติมาเกิดให้เติบโตจนกว่าพลังจะตื่นขึ้น เขาและเธอพร้อมกับครอบครัวและคนในเผ่าที่เหลือจะต้องหลบหนีจากทหารของราชินีแห่งความมืดเพื่อหลบไปยังสถานที่ปลอดภัยให้ได้ พวกพระเอกจะทำได้หรือไม่ เพราะแค่ซ่อนตัวก็แทบจะลากเลือดแล้ว สุดท้ายพวกพระเอกจะรอดไปได้กี่คน จะอยู่กันครบหรือไม่ ก็ติดตามกันต่อไป

                    Tail Star เป็นผลงานของ Okama (ผลงานก่อนหน้า ถนนผ้า) มาคราวนี้ยังคงพล็อตแฟนตาซีที่ยิ่งใหญ่ อลังการ  ลายเส้นสวยงาม ตัวละครน่ารักเหมือนเดิม ซึ่งตอนแรกๆ ผมก็ถอดหายใจพล็อตที่ดูธรรมดานิดๆ เหมือนกัน แต่เมื่ออ่านจนถึงตอนที่ 7 ผมว่าน่าจะเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงกับเรื่องนี้ทีเดียวที่ตัวละครตายอย่างกับใบไม้ร่วง ทั้งๆ ที่ตัวละครเริ่มมีพัฒนาความสัมพันธ์ทางจิตใจไปแล้ว แต่ผมก็เข้าใจเจตนาของคนเขียนที่ต้องการทำลายความหวังของพระเอกและต้องการสร้างให้กลุ่มพระเอกอยู่ความสิ้นหวังให้มากที่สุด แต่ทั้งหมดก็สอนให้พระเอกต้องรู้จักอดทนกับสถานการณ์ที่บีบบังคับให้สนใจกับครอบครัวและเพื่อนพ้องให้มากกว่านี้ เพื่อสักวันจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง (หรือเปล่า?)

    Tail Star เป็นการ์ตูนอีกเรื่องที่ผมเดาทางไม่ออกว่าจะออกมายังไง พวกพระเอกจะรอดหรือไม่ จะให้พวกพระเอกและนางเอกโตหรือไม่  และพวกพระเอกจะทำอย่างไรในการจะต่อกรกับฝ่ายตรงข้ามที่มีทั้งบุคลากรระดับหัวกะทิ เลเวลเกิน 100 ซึ่งผมเชื่อว่าคนเขียนจะมีมุกเซอร์ไพร์แน่นอนในอนาคตข้างหน้านี้แน่

                   

    พูดถึงมังงะออกใหม่ในปี 2013 ไปแล้ว ต่อไปก็ขอพูดมังงะที่ผมกำลังติดตามอยู่ และยังไม่จบลง บ้าง ซึ่งแน่นอนว่ายังคงเป็นมังงะฮาเร็มที่ผมชอบสุดชีวิต อย่าง To Love-Ru Darkness  ที่ยังคงดำเนินเรื่องอยู่ในโลกสีชมพูและน่าติดตามเหมือนเดิม อีกเรื่องที่ตามก็ Sora no Otoshimono แม้เรื่องนี้ตอนใหม่จะออกมานานๆ ครั้ง แต่ออกที่ไรไม่สีชมพูก็ดราม่าสุดยอด ล่าสุดนี้ผมแทบลงแดงอยากดูตอนต่อไปเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม ก็มีการ์ตูนมังงะหลายเรื่องที่ผมเอามือกุมหน้าผากอย่างสุดเซ็งจนเลิกติดตามเหมือนกัน


                 เซ็งที่สุดในปี 2012 มังงะที่ชอบมีฉาก “เอากัน” เป็นที่เรียบร้อย
    มีประโยคหนึ่งกล่าวว่า “ผู้ชายไม่เอาผู้หญิง เวลาผู้หญิงให้ท่าถือว่าเป็น ไก่อ่อน หรือไม่ก็ตุ๊ดเกย์ แต่พอเอาแล้ว ก็โดนด่าว่า รังเกียจเหมือนมาโคโตะ แถมตอนจบยังเรือสวยอีก “ นี่คือประโยคที่ผมสะใจอย่างบอกไม่ถูก อยากเม้นตอบโต้พวกที่ชอบเม้นว่า “พระเอกเกย์” , “ไก่อ่อน” เวลาการ์ตูนเรื่องไหนมีฉากเลิฟซีนและพระเอกหักห้ามใจไว้ได้ ทั้งๆ ที่การ์ตูนดังกล่าวเป็นแนวสว่าง น่ารัก เอ็งอย่ามาคิดหื่นๆ ให้การ์ตูนตรูสกปรกเปื้อนความคิดอกุศลสิว่ะ

    พระเอกนอนกับพวกสาวๆ โดยไม่เอากันก็ด่าว่าเกย์ ที่มาโกโตะ นี้เอ็งด่าอย่างกับเห็บหมาไม่ก็ตัวเงินตัวทอง  ไม่เข้าใจความคิดของคนพวกนี้เลยจริงๆ

    สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือการ์ตูนสายสว่างมีฉาก “เอากัน” นี้แหละครับ มืดก็คือมืด สว่างก็คือสว่าง โอเคการ “เอากัน” นี้สายสว่างก็มีบ้าง แต่ที่เซ็งคือสุดคือการ์ตูนรักคอมเมดี้รักใสๆ ที่ตอนแรกไม่มีท่าทีจะมีฉาก “เอากัน” แม้แต่น้อย แต่พอดำเนินเรื่องระยะหนึ่งมีฉาก “เอากัน” เท่านั้นแหละ เซ็งกันทั่วหน้า เพราะสิ่งที่ตามมาคือดราม่า ปวดตับ ไม่สนุกอีกแล้ว ดังๆ ก็เช่น Good Ending ไงครับ

    สำหรับปีนี้ผมได้อ่านการ์ตูนฮาเร็มสองเรื่องที่ชอบอย่าง Umi no Misaki (รักเทพมังกร) และSeishun POP ซึ่งทั้งสองเรื่องมีฉาก “เอากัน” เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่าตอนที่มีฉากดังกล่าวออกเมื่อปีอะไร แต่ที่แน่ๆ ผมอ่านการ์ตูนเมื่อปี 2012 นี้แหละ และอย่างที่คาดไว้จากการ์ตูนรักใสๆ คอทเมดี้โรแมนติก กลายเป็นดราม่าปวดตับไปแล้ว โดยเฉพาะ Umi no Misaki ได้รับการตีพิมพ์ไทยด้วย ไม่รู้จะโดนแบนหรือเปล่า (เซ็งสองต่อเลย)

     

    ช่วงเวลามังงะที่ซาบซ่าแห่งปี : To Love-Ru Darkness 21 ริโตะกอดนานะ แม้ว่า To Love-Ru จะเป็นการ์ตูนฮาเร็มที่หลายคนมักหยิบยกมาด่าโจมตีเสมอ ว่า “กรูเกลียดฮาเร็มเว้ย” หลายคนในเว็บพันทิ๊ปก็มักพูดถึงผมเวลามาพูดเรื่องนี้ว่า “ไอ้เจ้าของบทความนี้โอตากุว่ะ” (ไม่เชี่ยวโอตากุ ไม่มีทางเขียนริวิวแมวๆ แบบนี้แน่นอนเพ่ จะให้คคนไม่เก่งการ์ตูน พูดเรื่องการ์ตูนเรอะ ยังอ่อนหัดน่าเจ้าหนู)  

    อย่างไรก็ตาม To Love-Ru ยังคงเป็นการ์ตูนที่ผมชอบและรักยังชอบเสมอ ทุกวันนี้ผมอ่านมังงะ To Love-Ru ซ้ำไปซ้ำมาอย่างกับจิตป่วย 100 ครั้ง ไม่มีอะไรให้ติเลยจริงๆ เพราะเป็นการ์ตูนฮาเร็มโลกสีชมพูสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่ผมอ่านมาตลอดชีวิต ดูแล้วไม่จำเป็นต้องกลัวเข้าวิน คนเขียนรู้จักคนอ่าน (ผม) ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบตัวละคร การดำเนินเรื่องซาบซ่า ฉากเซอร์วิสเด็ดดวง การสร้างโลกสีชมพูที่ผมยังคงไม่สามารถทำได้แน่ด้วยการให้ริโตะเป็นที่ชอบๆ ของสามพี่น้องซึ่งเป็นถึงองค์หญิงของจักรพรรดิจักรวาล ซึ่งไม่มีนักเขียนที่ไหนทำมาก่อน (ปกติการ์ตูนส่วนมากเจ้าหญิงคนเดียว หากเจ้าหญิงมีพี่น้องส่วนมากจะเป็นแค่ตัวประกอบไม่ได้รักพระเอกอ่ะนะ)

    ทำไมผมถึงชอบ To Love-Ru Darkness ตอนนี้เป็นพิเศษ?? ไม่ใช้เป็นเพราะริโตะเซอร์วิสกับลาล่า (หลังจากไม่ได้ทำกันมานาน?) หากแต่เป็นเพราะฉากซาบซ่าริโตะกอดนานะที่กำลังเศร้าโศกเสียใจ (ร้องไห้เหรอมาซบอกพี่น่ะน้องน่ะ) ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ริโตะริโตะกอดผู้หญิงคนอื่นนอกจากน้องสาวตนเอง (นอกเหนือจากมหาเซอร์วิสลวนลาม) และด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความห่วงใย ให้กำลังใจ ก่อนพูดประโยคเมพๆ ตบท้าย

    เท่านี้แหละนานะซึนแตกทันที หลังจากที่ผ่านมานานะนี้ถือว่าเป็นคาแร็คเตอร์ที่ไม่ค่อยมีบทบาทสักเท่าไหร่ แม้จะเป็นทวินเทลสมบูรณ์แบบ (อกแบน, ซึน, ตัวเล็ก) และเป็นตัวละครที่ผมชอบก็ตาม แถมปรากฎตัวตอนแรกไม่ชอบริโตะสักนิด แต่หลังจากที่อยู่ด้วยกันนานะก็เริ่มเห็นด้านดีของริโตะขึ้นมาเรื่อง แต่อนิจจาการ์ตูน To Love Ru จบลงเสียก่อน เลย ไม่ทันได้อวยนานะสักเท่าไหร่ พอภาคใหม่มา นานะยังไม่มีบท แน่นอนการที่ริโตะกอดนานะตอนนี้ถือว่าเป็นการปักธงแน่นอย่างแท้จริง ซึ่งบอกได้ตรงผมชอบฉากริโตะกอดนานะเป็นพิเศษ

    ทวินเทล สุดยอด!!

     

                   

                    ต่อไปเป็นเรื่องจิปาทะเกี่ยวกับความทรงจำในการอ่านมังงะในปี 2012 ที่ผ่านมาครับ และจะเน้นเรื่องโดจินมืดสักหน่อย ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ล่ะกัน

                    หลายคนอาจไม่รู้เรื่องนี้:โดจินมืดมวินเทลและจูนิเบียว  ปีนี้ผมชอบความคิดเห็นหนึ่งในบทความมากครับ คือเขาเม้นว่า  หากเรารับฉากจบการ์ตูนเรื่องนั้นไม่ได้ก็ให้ทำโดจินซะ คิดฉากจบที่เราชอบที่สุดลงไป และเอาไปโพสให้ดู แบบนี้ถือว่าเป็นการวาดตอนจบเองที่ดีที่สุดแล้ว

                    ได้อ่านเม้นนี้ก็เกิดความสนใจเลยครับ เพราะสาเหตุหนึ่งที่หลายคนชอบวาดโดจินมืดก็เนื่องจากอยากเห็นตัวละครนั้นXกับตัวละครนั้น และที่สำคัญก็คืออยากเห็นสิ่งที่พวกเขาอยากจะเห็นจากการ์ตูนเรื่องนั้นด้วยๆ แม้ว่าโดจินมืด ก็คือการ์ตูนโป๊ แต่กระนั้นมันก็เป็นอีกเสียงหนึ่งของคนญี่ปุ่นแท้ๆ ในการ์ตูนเรื่องนั้นๆ ยิ่งมีโดจินมากก็ยิ่งเห็นความฮิตของการ์ตูนเรื่องนี้มาก อวยตัวละครมากนั้นเอง

                    ยกตัวอย่าง โดจินมืดที่ผมดูแล้วน่าสนใจแห่งปี นั้นคือโดจิน Another ผลงาน UROBOROS (Utatane Hiroyuki) ถือว่าเป็นโดจินที่ผมชอบครับ คือเป็นการวาดตอนจบของ Another เพื่อคนอวยทวินเทลโดยเฉพาะ

                    หลายคนคงรู้ทวินเทลนางรอง Another ถือว่าเป็นตัวละครที่น่าสงสาร หลายคนอวยมากเพราะน่ารักสุดๆ แต่อนิจจาเธอซ้ำรัก  แต่ผมมีความคิดเห็นว่าทวินเทลช้ำรักก็ไม่ถูกนัก เพราะพระเอกจำไม่ได้ บวกกับสถานการณ์ห้อง 3/3 ไม่ได้ทำให้ทวินเทลมีความสัมพันธ์กับพระเอกสักเท่าไหร่ ในขณะที่เมย์นั้นน่าค้นหาตัวตนมากกว่า ก่อนที่ทวินเทลจะตายอย่างโหดร้ายในตอนท้าย

    อย่างไรก็ตาม ก็มีคนคิดตอนต่อไปเหมือนกันครับ นั้นคือเป็นไปได้ว่าทวินเทลจะกลายเป็นคนตายอีกครั้ง ที่นี้แหละมีคนวาดโดจินคิดอีกตอนจบมาซะเลย โดยในโดจินเป็นเรื่องหลายปีต่อมา พระเอกตอนนี้ได้กลายเป็นชายวัยกลางคน และเป็นอาจารย์สอนห้อง 3/3 (และดูเหมือนเป็นแต่งงานกับเมย์ และอาศัยอยู่บ้านเมย์ด้วย ส่วนเมย์ตายไปแล้ว) และห้อง 3/3 เขาก็ได้พบกับนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่คุ้นเคย และตกหลุมรักกัน ซึ่งก็ไม่ใครที่ไหน ทวินเทลนั้นเอง ซึ่งในขณะที่ทั้งคู่รักกันอยู่นั้น พระเอกดันจำได้ (คนตายมีความสามารถทำให้ความทรงจำคนรอบข้างลืม) ว่าทวินเทลคนนั้นเป็นคนที่เขารู้จัก และเธอก็คือคนตาย ตอนแรกพระเอกบีบคอทวินเทลเพื่อให้หยุดความตายห้อง 3/3 ซะ หากแต่เขาดันจำตอนที่ฆ่าคุณน้าได้ขึ้นมาอีก คราวนี้พระเอกก็เลิกความคิดที่จะฆ่าคนที่เขารักเป็นครั้งที่สอง สุดท้ายพระเอกกับทวินเทลก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข แม้ทั้งคู่จะอายุห่างกันเป็นพ่อกับลูกก็ตาม.......

    ที่ผมเล่ามาดูเหมือนโรแมนติกเนอะ แต่เนื้อหาโดจินค่อนข้างหดหู่พอสมควร แสดงว่าผมก็มีพรสวรรค์การเล่าเรื่องเหมือนกัน

    ต่อไปก็ที่ตกใจเกี่ยวกับโดจินต่อมา ก็โดจินจูนิเบียว หลายคนคงรู้ว่าหากการ์ตูนอนิเมะเรื่องไหนดัง โดจินมืด โดจินโป๊ก็ตามมา ไม่เว้นแม้แต่การ์ตูน Chuunibyou Demo Koi ga ai ซึ่งแน่นอน ว่าไม่มีใครชอบอ่านโดจิน เพราะต้องทนเห็นตัวละครที่เรารักโดนบู้ยี้บูยำ อย่างไรก็ตามโดจินก็เป็นอีกสื่อหนึ่งที่เราทำให้เข้าใจจิตใจของคนญี่ปุ่นบางคนที่มีความรู้สึกกับการ์ตูนเรื่องนั้นๆ

    เมื่ออนิเมะ Chuunibyou Demo Koi ga ai จบ ก็เกิดหลายเสียงตามมา ทั้งด้านบวกและลบครั้ง คือด้านบวกคือมันจบอย่างมีความสุข จบสมหวังก็ถือว่าดี แต่ในขณะที่บางคนก็มีบ่นๆ เหมือนกันคือมันไม่ฮาเร็ม น้องกิ๊ฟไม่เดิน น้องทวินเทลไม่เด่น อยากให้พี่สาวคู่กับพระเอกจัง ผลก็คือโดจินเลยจัดเรื่องพวกนี้ไป ทำให้สมหวัง อยากเห็นอะไรก็เขียนลงไป นี้แหละครับคือประโยคของโดจิน (หากไม่มีเรื่องโป๊ๆ นี้ถือว่าดีเลยแหละ)

    ที่จริงใช่ว่าจะมีครั้งเรียกที่โดจินทำแบบนี้ แต่โดจินจูนิเบียวทำให้ผมฉุดขึ้นอะไรบางอย่าง ได้รู้อะไรหลายอย่างจากโดจินมืดเหมือนกัันว่า หลายคนต้องการอะไร อยากเห็นอะไร ต้องการอะไร  

     

    หลายคนอาจไม่รู้เรื่องนี้:จากมืดสู่สว่างมีมากกว่าที่คิด  ไม่ใช่มีเพียงแต่ Iinazuke Kyoutei และ Shokugeki no Soma เท่านั้นที่เป็นผลงานที่คนเขียนเคยโปรโดจินมืดมาก่อน ยัเพราะงมีคนเขียนอีกมากมายที่เคยเขียนโดจินมืดและหัมมาลองสร้างสว่างบ้างเพียงแต่เราไม่สังเกตเท่านั้นเอง

    สาเหตุที่ผมเชี่ยวเรื่องสายมืดเป็นพิเศษ เพราะว่าสายมืดมีแนวฮาเร็ม จบแบบฮาเร็มเยอะดี ดูแล้วซาบซ่า ชอบ ซึ่งผมชอบแนวแบบนี้มากกว่าจะเป็นแนววิปริต ข่มขืน ทำให้คุ้นกับคนเขียนลายเส้นแบบนี้ดี

    สาเหตุที่นักเขียนสายมืดมาจับงานสายสว่างมากขึ้น  ส่วนหนึ่งก็มาจากลายเส้นของคนเขียนแนวนี้มีเอกลักษณ์ วาดสวย  โดยเฉพาะตัวละครผู้หญิงที่สัดสวนเย้ายวน น่ารัก น่าอวย ฉากเซอร์วิส กางเกงใน คนเขียนแนวนี้จะเก่งเป็นพิเศษ ซึ่งดีไม่ดีอาจเก่งนักเขียนสายสว่างหลายเท่าตัว  อีกทั้งหากเป็นแนวคอเมดี้ฮาเร็มพวกเขาก็รู้ว่าอะไรคือการอวยตัวละคร ควรจะทำอย่างไรให้คนอ่านชอบ ซึ่งตรงนี้เป็นลักษณะเฉพาะตัวคนเขียนโดจินมืดมาก่อน ซึ่งเรื่องจะดังหรือไม่ดังนั้นก็แล้วแต่เสียงตอบรับของคนอ่านเอาเอง

    Yaya Hinata เป็นนักเขียนสายมืดที่ชอบวาดแนวโลลิและน้องสาวตัวเล็ก ซึ่งลายเส้นมีเอกลักษณ์ (คือวาดผู้หญิงน่ารักดีและชอบวาดฮาเร็มด้วย) ก็ได้วาดมังงะจากนิยายไลท์โนเวลเรื่อง Maou na Ore to Fushihime no Yubiwa ซึ่งเนื้อหาผมก็แปลไม่ออกน่ะ (เพราะดูจีนแดง) แต่เนื้อหาประมาณว่าพระเอกได้ตกลงทำสัญญาอย่างหนึ่งซึ่งได้รับนางเอกมาเป็นคู่หู ซึ่งเธอคนนั้นไม่ใช่คนธรรมดา ประมาณนั้นแหละ

    Uguisu Kagura ผลงานอดีต Saitama Chainsaw Shoujo) ( ซึ่งเคยวาดโดจินโป๊ ได้วาดมังงะเรื่อง  Beatless – Dystopia ที่เคยเป็นไลท์โนเวลมาก่อน ที่ตอนแรกพึ่งออกมาในปี 2012 ไม่นานมานี้เอง (ซึ่งผมเชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นอนิเมะในไม่ช้า) ซึ่งเป็นไฟไซ

    นอกจากนี้ยังมีนักเขียนอีกมากมาย เพียงแต่บ้านเราไม่รู้จักเท่านั้น เช่น Meguro Sankichi  (คนวาดคุณหนูหัวเหน่งเพนเกิลซึนเดเระ Domina no Do!), Sena Monako, D.P ฯลฯ   ทั้งหมดก็มีผลงานการ์ตูนเรื่องใหม่ด้านสว่างในปี 2012 ทั้งสิ้นเพียงแต่หลายคนไม่รู้เท่านั้น

    ที่น่าสนใจไม่นานมานี้มีการ์ตูนมังงะเรื่องหนึ่งชื่อ Shishunki na Adam (วาดโดย Amagai Yukino และเคยวาดโดจินมืดมาก่อน) ซึ่งเป็นเรื่องของนักเรียนชายธรรมดาคนหนึ่งที่เกิดมีพลังอำนาจวิเศษคือดวงมหาอำนาจสาวเห็นต้องลุ่มหลงจนที่เป็นหมายตาของเทพและปีศาจ เนื้อหาดูธรรมดา แต่ความจริงแล้วการ์ตูนมังงะนี้สร้างจากไลท์โนเวลมืด (โป๊) แต่งโดย Sakaki Kasa ซึ่งนิยายแต่งไป 4 เล่มแล้ว (ยังไม่จบ?) แสดงให้เห็นว่าในอนาคตอาจมีไลท์โนเวลมืดมาสู่ด้านสว่างมากขึ้น อีกไม่นานความมืดอาจอยู่ใกล้ชิดคุณแบบไม่รู้ตัวก็เป็นไปได้

     

    ก็ขอจบลงเพียงเท่านี้ครับ สำหรับการมองภาพรวมประสบการณ์ติดตามมังงะแห่งปี 2012 ก็เป็นปกติครับ มีทั้งเรื่องดี เรื่องแย่ เรื่องที่ไม่อยากคิดถึง เอาเป็นว่าหากเป็นเรื่องร้ายๆ ก็ขอให้ลืมไปยังมีมังงะอีกมากมายที่ออกมาใหม่ๆ ในปี 2013 ซึ่งหนึ่งในนั้นอาจมีมังงะที่ถูกใจคุณก็ได้ครับ

    ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบครับ แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้าครับ

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×