คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #219 : Mahou Shoujo of the End สาวน้อยเวทมนต์โหดนรกแตก!!
ไม่รู้ว่าช่วงนี้ผมติดนิสัยเกรียนโยโซระหรือเปล่าก็ไม่รู้? คือเห็นอะไรที่มีความสุขก็ไม่ได้ ต้องแช่งชักหักกระดูกทุกที ไม่ว่าจะเป็นโลกแห่งความจริง (เห็นพวกมีแฟนก็แช่ง, ข่าวดาราแต่งงานก็แช่ง, ข่าวกีฬาชนะก็แช่ง) หรือแม้แต่ในมังงะหรืออนิเมะเห็นตัวละครมีความสุขก็แช่งให้พวกเอ็งตายๆ ไปซะ หรือไม่ก็อยากแปลงร่างเป็นฆาตกรต่อเนื่องไปแทงตัวละครในการ์ตูนเรื่องนั้นก็มี (แต่ถ้าเป็นอนิเมะหรือมังงะฮาเร็มที่ชอบจะไม่แช่งเลยน่ะ ฮ่าๆ สองมาตราฐานจงเจริญ!?)
เอาเป็นว่าเพื่อลดความเกรียน ผมเลยอ่านการ์ตูนที่มีเนื้อหาเลือดสาด ชิบหาย ระบายอารมณ์หน่อยดีกว่า ซึ่งวันนี้ผมจะพูดถึงการ์ตูนเรื่องหนึ่งที่ตอบสนองอารมณ์เกรียนๆ ผมได้อย่างเมามัน นั่นคือ Mahou Shoujo of the End หรือสาวน้อยเวทมนตร์หฤโหดนั้นเอง!!
Mahou Shoujo of the End
สยองขวัญ, โหด, โศกนาฏกกรม, เอาตัวรอด, โชเน็น
Mahou Shoujo of the End เป็นการ์ตูนของนักเขียนหน้าใหม่ (??) Sato Kentaro พึ่งลง Bessatsu Shounen Champion (Akita Shoten) เมื่อปี 2012
Mahou Shoujo of the End เป็นเรื่องราวของเคอิ โคงามิ เด็กมัธยมปลาย อายุ 16 ปี ที่เกลียดชีวิตปกติที่เหมือนกันทุกๆวันของเขา และปรารถนาอยากให้มีอะไรเกิดขึ้น วันหนึ่งในระหว่างที่อยู่ในชั้นเรียนอยู่ เขามองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นอาจารย์ถูกเด็กผู้หญิงทุบหัวจนระเบิดตาย เขาจึงขออนุญาตไปยังห้องน้ำเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่หลังจากที่กลับมายังห้องเรียนก็ได้เห็นเพื่อนร่วมชั้นมากมายถูกเด็กผู้หญิงคนนั้นฆ่า จนเลือดสาดกระจายไปทั่วชั้นเรียน
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาพิจารณาดูแล้ว ก็พบว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นไม่น่าจะใช่มนุษย์ มันเหมือนตุ๊กตา และเด็กผู้หญิงคนนั้นเอาแต่พูดว่า“พลังเวทย์ พลังเวทย์” ไปมา และนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องสยองขวัญเอาตัวรอดที่เคอิต้องเผชิญในอนาคตข้างหน้า
Mahou Shoujo มีความหมายว่า “สาวน้อยเวทย์มนต์” (Magical girls) คือสถานะตัวละครญี่ปุ่นที่เป็นผู้หญิง (บางครั้งก็มีผู้ชายผ่าเหล่าเหมือนกัน) ที่มีพลังเหนือมนุษย์ โดยตัวจริงจะเป็นคนธรรมดา (บางครั้งก็เป็นไอดอทนักแสดง) ที่ต้องเก็บความลับเอาไว้ไม่ให้คนทั่วไปรู้ มีจุดเด่นคือพลังวิเศษที่เรียกเวทมนต์ การแต่งกาย ออกแบบเหมือนแม่มดยุโรป หรือโลลิต้า หรือนักรบหญิง แต่มีสีสันสดใส ส่วนมากสาวน้อยเวทมนต์ถูกรับเลือกให้ต่อสู้กับความชั่วร้ายและปกป้องโลก แต่จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อ Mahou Shoujo of the End ได้เปลี่ยนให้สาวน้อยเวทมนต์ฆ่ามนุษย์และทำลายโลกเสียเอง
Mahou Shoujo of the End นั้นเริ่มเรื่องค่อนข้างจะสูตรสำเร็จตามแบบการ์ตูนสยองขวัญเอาตัวรอดทั่วไปในปัจจุบัน ที่ฉากเริ่มต้นเริ่มที่โรงเรียนมัธยมปลาย พระเอกจะเป็นคนธรรมดาสามัญที่เบื่อหน่ายกับโลกสงบสุขใบนี้ อยากมีอะไรเข้ามาในชีวิตของเขาบ้างเพื่อสร้างสีสันสักหน่อย และแล้วการ์ตูนก็จัดมาให้เลย เมื่อท้องฟ้าส่งสาวน้อยเวทมนต์ มาฆ่าเพื่อนร่วมห้องตายหมด ซึ่งฉากนี้พบเห็นในการ์ตูนสยองขวัญไล่ฆ่าปัจจุบันอยู่แล้ว ใครที่ได้อ่านการ์ตูนเรื่อง “พันธุ์กระหายเลือด” ลิขสิทธิ์โดยวิบูลย์กิจก็ไม่แปลกใจแต่อย่างใด
หากเป็นตัวการ์ตูนเอาตัวรอดสยองขวัญทั่วๆ ไปก็จะใส่ทางรอดบ้าง แต่การ์ตูนเรื่องนี้คนดูแล้วแทบไม่มีความหวังจะเอาตัวรอดเลยสักนิด ตัวการ์ตูนใส่ความสิ้นหวังเต็มที ยิ่งกว่าพันธุ์กระหายเลือดเสียอีก ในขณะที่สัตว์ประหลาดในพันธุ์กระหายเลือดสามารถฆ่ามันได้หากรู้จุดอ่อน แต่เจ้าสาวน้อยเวทมนต์ลึกลับนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฆ่ามันได้ เพราะมันมีลูกเล่น มีพลังเวทมนตร์สุดโหด ต่อให้ฆ่ามันได้ มันก็คืนชีพขึ้นมาใหม่ อีกทั้งยังมีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ทุกตัวไล่ฆ่ามนุษย์หมด แถมหากฆ่าคนเสร็จ ศพมนุษย์ที่ถูกฆ่าก็กลายเป็นซอมบี้ออกมาไล่ฆ่ามนุษย์ปกติที่หนีรอดอีกต่างหาก
ที่แปลกใจคือเหล่าสาวน้อยเวทมนตร์นั้นออกแบบไม่น่ารักเลยสักนิด ออกแนวปัญญาอ่อน แต่มีพฤติกรรมโหดมาก ชนิดคนอ่านดูก็เกิดความคิดเลยว่าชีวิตนี้ขอให้อย่าเจอพวกมันจะดีกว่า และไม่อยากโดนไอ้ตัวปัญญาอ่อนนี้ฆ่าด้วย
ตอนแรกพระเอก งงกับเรื่องที่เกิดขึ้น พอตั้งสติได้ก็กล้าหาญมาเฉยเลย (เป็นผมวิ่งหนีหางจุกตูดไปนานแล้ว) พยายามสู้กับอีเวรสาวน้อยเวทมนต์ที่เอาแต่พูดว่า“พลังเวทย์ พลังเวทย์” อยู่นั้นแหละ (หลายคนบอกรำคาญ แต่สำหรับผมหลอนน่ะ)พอสู้ไปสักพักก็พบว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะสามารถฆ่าสาวน้อยเวทมนต์ได้เลย แถมเพื่อนก็ตายยกชั้นอีก
แม้ว่าการ์ตูนจะเน้นโหดเลือดสาดเกือบทั้งเรื่อง แต่กระนั้นก็สอดแทรกประเด็นประทับใจเล็กน้อย อย่างที่หลายคนรู้กันว่าเอกลักษณ์ของพระเอกเรื่องนี้คือเป็นคนที่มีจิตใจดีงาม มีความกล้าหาญ เก่งเรื่องเอาตัวรอด พยายามช่วยเหลือคนอื่น หากมาสถานการณ์ที่ต้องเลือก พระเอกจะเลือกเส้นทางการตัดใจที่เป็นมนุษย์ธรรมมากที่สุด (แม้จะเป็นการทำร้ายคน แต่คนที่พระเอกทำร้ายเป็นคนชั่ว )
ที่น่าสนใจคือตอนแรกๆ นั้นพระเอกเป็นคนที่เฉยเมยต่อสิ่งรอบข้าง แม้ปากพระเอกจะบอกว่าอยากจะเจออะไรมันๆ กับชีวิตแต่เอาเข้าจริงเขาก็ไม่อยากจะให้เกิดเลยสักนิด เห็นได้จากขนาดเห็นนางเอกเพื่อนสมัยเด็กที่ตัวเล็กอ่อนแอโดนรังแกต่อหน้าต่อตา เขาก็ไม่ไปช่วยเหลือ เพราะเห็นเป็นเรื่องยุ่งยากและไม่ใช่เรื่องขาควรเข้าไปยุ่ง
เรียกว่าพระเอกแล้งน้ำใจ และทำร้ายจิตใจของผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว
แต่เหมือนชะตากรรมกับเล่นตลก กว่าที่พระเอกจะพัฒนาจิตใจได้ ก็ต่อเมื่อเจอสถานการณ์ที่บีบบังคับให้เขาต้องเอาชีวิตรอด พระเอกต้องพบเหตุการณ์ที่โหดร้าย ความตายของเพื่อนร่วมชั้นที่ถูกฆ่าล้มตายราวกับใบไม้ร่วง โดยที่พระเอกไม่สามารถช่วยใครได้เลย (โดยเฉพาะสาวที่เขาแอบชอบ)
อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้พบว่ายังมีเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งที่รอด คือเพื่อนสมัยเด็กคนที่เขาเคยไม่คิดจะช่วยเหลือจากการถูกกลั่นแกล้ง พระเอกได้พูดขอโทษต่อหน้าเธอและนับจากนี้ไปพระเอกจะปกป้องนางเอก เสมือนหนึ่งคนสำคัญของเขาไม่่๋ปาน (ในขณะที่พันธุ์กระหายเลือดผมหงุดหงิดพระเอกที่จะเอาแต่หาเพื่อนสมัยเด็กที่ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายอย่างไรโดยละเลยคนรอบข้าง)
เมื่อพระเอกและนางเอกเข้าใจกันดีแล้ว เขาก็พบว่าเจ้าสาวน้อยเวทมนตร์นั้นไม่สามารถสู้ได้ง่ายๆ เลย เมื่อพระเอกคิดได้ดังนี้ ก็ถึงมหกรรมหนีโกยแน่บก็เริ่มต้นขึ้น ใครที่เคยดู“พันธุ์กระหายเลือด” ที่พระเอกกับนางเอกหนีทั้งเรื่องนั้นแหละครับอารมณ์แบบนั้นเลยหนีลูกเดียว ไม่จำเป็นต้องมีบทสนทนายืดยาว
ระหว่างนั้นก็เข้าสูตรสยองขวัญเอาตัวรอดหนีลูกเดียว คือพระเอกและนางเอกก็ได้พบผู้รอดชีวิตคนอื่นๆ เหมือนกับพวกตนเหมือนกัน ซึ่งทั้งหมดพยายามหนีให้ไกลจากสาวน้อยเวทมนต์มากที่สุด ที่ไหนก็ไม่รู้ล่ะ เอาชีวิตรอดให้ได้ก่อน และระหว่างทางนอกเหนือจากพระเอกและนางเอก คนที่รอดชีวิตก็ถูกฆ่าตายโหดเกือบหมด (แต่ที่ฮ่าคือสาวนมใหญ่จะรอดตายนานหน่อย)
ในด้านลายเส้นนั้น ลายเส้นน่ารักกว่าพันธุ์กระหายเลือด (รายนั้นลายเส้นสมจริง แต่ก็ลายเส้นแข็ง เช่นกัน) ทำให้ดูแล้วน่าลุ้น น่าให้กำลังใจระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ลายเส้นก็มีสัดส่วนผิดเพี้ยน เช่นหน้าอกใหญ่ไม่เข้ากับร่างกาย หรือใบหน้าบิดเบี้ยว แสดงให้เห็นว่าคนเขียนมือใหม่เหมือนกัน
จุดเด่นของการ์ตูนเรื่องนี้นอกจากตัวไล่ล่ามนุษย์ซึ่งเป็นสาวน้อยเวทมนต์แล้ว จุดเด่นอีกอย่างก็คือฉากโหดเลือดสาดที่ใส่ไปไม่ยั้ง เลือดสาดแบบไม่เปลืองหมึก บางฉากยังรบกวนจิตใจเรา เพราะโหดมากๆ จนบางฉากเกือบจะเป็นกุโระก็มี เช่นฉากแขนขาฉีดขาด ฉากคอมนุษย์ฉีดขาด บางฉากก็มีเหล่ามนุษย์ตายแปลกๆ ที่ตายด้วยมนต์ลึกลับของสาวน้อยเวทมนตร์มากมายที่ใช้ฆ่าคน เป็นต้นว่า พ่นไฟ สร้างหมอก บอลมนุษย์ สิงร่างมนุษย์ ฯลฯ สารพัดที่จะเอามาเล่น ตามประสามุกสาวน้อยเวทมนต์ซึ่งสนุกน่าติดตามก็ตรงนี้แหละ ว่าตอนต่อไปคนเขียนจะเอามุกเวทมนต์อะไรมาเล่น
โดยภาพรวมแล้ว Mahou Shoujo of the End (ซึ่งตอนที่เขียนบทความนี้ได้ดำเนินมาถึงตอนที่ 6 แล้ว) นอกจากสาวน้อยเวทมนต์และฉากโหดรบกวนจิตใจ (แต่ถูกใจคอซาดิสต์เลือดสาด) แล้ว นอกเหนือจากนั้นก็ยังคงสูตรสำเร็จของแนวเอาตัวรอดทั่วๆ ไป
รู้สึกว่าช่วงนี้จะมีการ์ตูนแนวเอาตัวรอดหนีตายออกมาให้ค่อนข้างหนาตา (ไม่ว่าจะเป็นหนีสู้ซอมบี้หรือสัตว์ประหลาด) ซึ่งเนื้อหาก็ไม่ได้แตกต่างกันสักเท่าไหร่ในเรื่องสูตรสำเร็จ แม้ว่าจะมีสูตรสำเร็จแต่หลายคนก็ติดตามอ่านอยู่ดี
สูตรสำเร็จนั้นมีความหมายว่า การทำตามต้นแบบที่เคยมีอยู่แล้ว ซึ่งแบบดังกล่าวพร้อมที่จะนำมาใช้ได้เลย ซึ่งจะประสบความสำเร็จหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับคนปรุงแต่งว่ามีความความสามารถขนาดไหน
สูตรสำเร็จสอยงขวัญหนีเอาตัวรอดของการ์ตูนญี่ปุ่น แทบไม่แตกต่างอะไรเลยกับภาพยนตร์หนีเอาตัวของของตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นตัวเอกส่วนมากจะเป็นวัยรุ่น (แต่ของตะวันตกตัวเอกจะอายุมากหน่อย) ที่หนีตายไปเกือบทั้งเรื่อง สอดแทรกจิตใจด้านมืดของมนุษย์ มุกศูตรสำเร็จมากมาย
คุณเคยสงสัยไหมว่า ทำไมหลายคนชอบดูภาพยนตร์เกรดบีแนวสยองขวัญไล่ฆ่าและเอาตัวรอด ทั้งๆ ที่รู้ว่าเนื้อหาไม่มีอะไรแปลกใหม่อะไรเลย ออกสูตรสำเร็จน่าเบื่อด้วยซ้ำ แม้รู้ว่าหนังจะดำเนินเรื่องยังไงต่อไปก็ยังดูอยู่ดี และดูจบจบเสียด้วยซ้ำ โดยไม่ปิดอะไรเลย
สูตรสำเร็จในภาพยนตร์สยองขวัญไล่ล่าเอาตัวรอดนั้น ใครที่ได้ดูภาพยนต์ The Cabin in the Woods ซึ่งเป็นหนังแอบกัดภาพยนตร์ของไล่ล่าสูตรสำเร็จ ก็สามารถอธิบายได้ว่ามันประกอบไปด้วยอะไรบ้าง โดยเนื้อหาหาภาพยนตร์เป็นเรื่องของวัยรุ่น 5 คน ที่มีบุคลิกแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น นางเอก, ยัยร่าน, หนุ่มนักกีฬา,หนุ่มฉลาด และตัวตลกขี้ยา ทั้งหมดเดินทางพักบ้านร้างในที่รกร้างผู้คนในป่าเขา มีประวัติชวนน่าขนหัวลุก (แต่ทั้งหมดก็จะไป) จากนั้นเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงจุดหนึ่ง ก็มีอะไรบางอย่างไล่ล่าพวกเขา (ผีวิญญาณแค้น, ซอมบี้, ฆาตกรโรคจิต, งูยักษ์, สัตว์ประหลาดกายพันธุ์ก็ว่ากันไป) ทั้งหมดตายเกือบหมด เหลือเพียงนางเอกที่ต้องดิ้นรนเอาตัวรอด ซึ่งตอนจบจะรอดหรือไม่รอดก็แล้วแต่ว่าผู้กำกับจะเอาแบบไหน
นี่คือพล็อตสูตรสำเร็จคราวๆ ในภาพยนตร์สยองไล่ล่า, ภาพยนตร์หนีซอมบี้ ที่คุณเช่าหนังประเทศแบบนี้ต้องเจอแบบนี้ไม่ยาก (ลองเช่า เจสัน, หนังหนีซอมบี้เกรดบี, เอเลี่ยน ดูน่ะครับ)
ส่วนคำถามที่ว่าทำไมรู้ทั้งรู้ว่าพล็อตซ้ำซากแต่คุณก็จะดู คำตอบที่ได้อาจไม่ใช่ตรรกะเชิงวิชาการสักเท่าไหร่ หากตอบว่ามีหลายคนชอบสูตรสำเร็จซ้ำซาก ไม่ชอบอะไรที่แปลกใหม่ หรือซับซ้อนมากนัก ขอเป็นอะไรที่เสพง่าย ดูแล้วเข้าใจ ต่อให้ซ้ำซาก น่าเบื่อ ก็จะดู นี่คือเหตุผลที่เราเห็นภาพยนตร์แนวสยองขวัญไล่ล่าออกมาเรื่อยๆ แบบไม่มีหมดแต่อย่างใด
มนุษย์เรานั้นชอบความตาย ความชิบหาย การเห็นความตายอาจเป็นสันดานดิบของมนุษย์ ที่เห็นเลือด เห็นเนื้อในมนุษย์ แล้วเกิดอารมณ์ซาดิสต์ ชื่นชอบ เราชอบเห็นความเจ็บปวดของมนุษย์ เห็นมนุษย์คนอื่นดิ้นรนเอาตัวรอด
ปกติแล้วมนุษย์เราชอบเรื่องผี เรื่องลึกลับ เรื่องชวนสยดสยอง ขนพอง เพราะมันเป็นเสน่ห์แบบประหลาด ลองคิดดูสิครับทำไมรายการ “คนอวดผี” ถึงเรตติ้งดีกันทั้งๆ ที่หลายคนออกมาด่าว่ารายการจัดฉาก ขายความเชื่องมงาย แต่ต่อให้เป็นเรื่องโกหกหลอกลวง จัดฉาก แต่ขอให้เป็นเรื่องผี น่ากลัว สยองขวัญเรายิ่งกระหายใคร่รู้ พึ่งพอใจในการเสพอยู่ดีครับ บ่อยครั้งเราดูเรื่องพวกนี้บันเทิงที่ไม่ได้จริงจังอะไร
น่าแปลกทั้งๆ ที่เรื่องน่าสยดสยอง ขยะแขยง เลือดสาด โหดเหี้ยม วิปริต เป็นสิ่งน่ารังเกียจของมนุษย์ แต่ทำไมมนุษย์หลายคนอยากดู ทำไมเราอยากจะข้องแวะยุ่งเกี่ยวด้วย (ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม)
เท่าที่สังเกตไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์หรือการ์ตูนที่ขายเรื่องสยองขวัญ ระทึกขวัญ โหดเลือดสาด นั้นได้สร้างความบังเอิญคนดูไม่แพ้ประเภทอื่นๆ ในแง่ปริมาณแล้วอาจมากด้วยซ้ำ และหลายคนจดจำตราตรึงใจกว่าด้วย อย่าง เอเลี่ยน, เจสัน, สัตว์ประหลาดกายพันธุ์มากมาย ยังคงอยู่ในใจของใครต่อใครหลาย
มนุษย์เราชอบอะไรที่อันตราย แต่ถ้าถามว่าอยากสัมผัสโดยตรงไหม อยากเป็นเหยื่อของฆาตกรโรคจิตหรือเปล่า? อยากโดนผีไล่ล่าไหม? คำตอบก็คือไม่ ดังนั้นสื่อบันเทิงประเภทนี้จึงเป็นคำตอบที่ทำให้เราได้สัมผัส พาเข้าไปมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์ในเรื่อง ที่ตื่นเต้น อันตราย สยดสยอง โดยที่ตัวเรายังอยู่ในโลกแห่งความจริงที่แสนปลอดภัย ในฐานะผู้ดู ไม่ใช่ฐานะผู้ร่วมเหตุการณ์ (แต่เราสามารถอินกับอารมณ์ในสื่อได้)
น่าเสียดายครับ แม้ว่าปัจจุบันแนวสยองขวัญเอาตัวรอดทั้งในภาพยนตร์หรือการ์ตูนญี่ปุ่นจะเยอะ แต่หัวใจสำคัญประเด็นการสอดแทรกข้อคิดของ “สังคม” และ “ความเป็นมนุษย์”ของสยองขวัญประเภทนี้กับละเลยอย่างน่าใจหาย สมัยนี้เอาแต่ขายฉากโหดๆ เลือดสาด
แต่ใช่ว่าภาพยนตร์สยองขวัญเอาตัวรอดจะไร้สาระเอาโหดไปหมด เช่นเรื่อง ภาพยนต์ The Cabin in the Woods ที่ตอนแรกๆ อย่างกับสยองขวัญสูตรสำเร็จ แต่ตอนท้ายกลับทำหักมุมและแฝงอารมณ์สะใจ ได้เหมือนกัน ซึ่งนานๆ จะมีสยองขวัญเอาตัวรอดที่สอดแทรกอะไรที่น่าสนใจเหมือนกัน ซึ่งก็อยู่ที่คุณแหละว่าคุณจะหาเจอหรือเปล่า?
ถ้าถามว่า Mahou Shoujo of the End เป็นเช่นเดียวกับสยองขวัญแบบดาษๆ หรือไม่ คำตอบคือตอนนี้ยังไม่สามารถตอบได้ เพราะการ์ตูนดำเนินเรื่องมาถึงตอนที่ 6 อยู่ (ในขณะเขียนบทความนี้) เนื้อหายังคงวิ่งหนีสาวน้อยจอมเวทย์โหด ซึ่งรู้สึกว่าจะโหดขึ้นเรื่อยๆ ด้วยซ้ำ ส่วนประเด็นสอนใจ ประเด็นมนุษย์ที่พระเอกพบทั้ง คนดี และคนไม่ดี การช่วยเหลือซึ่งกันกัน สามัคคี ฯลฯ ยังคงถูกนำไปใช้เหมือนสยองขวัญเอาตัวรอดเรื่องอื่นๆ ที่ไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่ ต้องดูต่อไปว่าการ์ตูนจะมีอะไรแปลกใหม่หักมุมหรือเปล่า และการ์ตูนจะเฉลยที่มาที่ไปของสาวน้อยเวทมนต์หรือเปล่าก็ติดตามต่อไป
สรุปคือ Mahou Shoujo of the End คือเป็นสยองขวัญเอาตัวรอดที่โหดสะใจคอซาดิสต์ ฉากเรตเยอะ ใครที่ชอบอะไรอะไรเลือดสาด สิ้นหวัง หรือเกลียดการ์ตูนที่มีแต่ความอบอุ่นมีความสุข การ์ตูนเรื่องนี้อาจสนองความชอบของคุณได้ไม่มากก็ไม่น้อย
ความคิดเห็น