คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #153 : 6 ตัวร้ายในความทรงจำ By cammy (ภาค 2)
สรุปอนิเมชั่น ฤดูร้อน 2011 เรื่องไหนถูกใจผมบ้าง?
http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2278701&pno=1#comment
(จะได้ไม่ต้องถามว่าผมรู้สึกยังไงกับอนิเมชั่นฤดูร้อนนี้)
คุยกันก่อน ช่วงนี้ผมไม่มีเวลาดูอนิเมชั่นครับ หากใครอยากแนะนำอนิเมชั่นนี้ผมไม่มีโอกาสดูหรอกครับ อยากให้แนะนำมังงะมากกว่า แต่อย่าลืมว่าคุณกำลังแนะนำบุคคลที่เรื่องมากที่สุดในเรื่องการ์ตูนคนหนึ่ง ไม่ชื่นชอบเรื่องดัง สถานะ แก่ โสด ชอบ H (ยิ่งกว่ากินอาหารสามมื้อเสียอีก)
ที่จริงตอนนี้ผมกะเขียนบ่นเรื่อง ชมรมคนไร้เพื่อน Boku wa Tomodachi ga Sukunai (ผมชอบภาคปกติ ไม่ชอบภาคโลกคู่ขนานขอบอก) แล้วต่อด้วย แขนกลคนแปรธาตุครับ แต่เนื่องจากมีคนเรียกร้องให้เขียน 7 ผู้ร้ายในความทรงจำ ผมจำเป็นต้องเขียนต่อให้จบ
อันดับ 3 โอเวอร์ เดวิด (Over Devils) จาก Overman King Gainer
โอเวอร์ เดวิด เป็นบอสตัวสุดท้ายของการ์ตูนอนิเมชั่นและมังงะจากเรื่อง Overman King Gainer (แต่การ์ตูนยังจิ้นได้ต่อ)ที่ผมดูแล้วสนุก ฮ่า และประทับใจดีครับ
ก่อนอื่นก็ขอเล่าเรื่องย่อ Overman King Gainer ก่อนเพราะในที่นี้ไม่รู้เนื้อหาของการ์ตูนดังกล่าว(การ์ตูนนี้ติดอันดับอยู่ใน 10 อนิเมชั่นที่ผมชอบมาแล้ว) โดยเนื้อหาของการ์ตูนจะกล่าวถึงโลกอนาคตในวันข้างหน้าที่โลกได้เกิดภัยพิบัติด้านสิ่งแวดล้อมบางอย่างที่ทำให้ประชากรโลกต้องถูกบังคับให้ถอยหนีมาเมืองที่อยู่ในโดมที่ชื่อ Domed Cities โดยดำเนินการควบคุมโดยลอนดอน IMA(International Management Authority) ซึ่งมีตำรวจ “เซนต์เรแกน” เป็นคนตรวจสอบและดูแล แต่กระนั้น อำนาจในโดมส่วนใหญ่นั้นถูกควบคุมโดยบริษัทการรถไฟไซบีเรียซึ่งเป็นผู้ผลิตโดม เหล่ามนุษย์ได้ใช้อยู่ในโดมผ่านไปหลายปีกระทั่งหลายคนเชื่อว่าสภาพแวดล้อมของโลกได้กลับมาเป็นปกติแล้วและบนโลกน่าจะมีพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การตั้งที่อยู่อาศัยและอยู่อย่างมีสงบสุข ทำให้ชาวเมืองในโดมพยายามอพยพไปหาพื้นที่ดังกล่าว อย่างไรก็ตามทางลอนดอน IMA และการรถไฟไซบีเรียที่เก็บภาษีและการค้ากับคนในโดมย่อมไม่พอใจกับเรื่องนี้แน่ ทำให้พวกเขาต่อต้านสุดฤทธิ์ และใครที่มีความคิดที่อพยพจะต้องถูกขังลืมหรือไม่ก็ถูกฆ่าทิ้ง และใครที่คิดจะตั้งกองกำลังต่อต้านพวกเขาก็มีกองกำลังทหารและเหล่าหุ่นรบที่มีคนบังคับที่เรียกว่า “โอเวอร์แมน” มาเป็นอาวุธหลักในการต่อสู้ ส่งผลทำให้ชาวเมืองในโดมหมดสิทธิที่จะอพยพโดยบริยาย
เรื่องราวของ Overman King Gainer เริ่มต้นขึ้นโดยเด็กหนุ่มแว่นที่มีนิสัยชอบเก็บตัวนาม เกนเนอร์ ซันก้า ที่เป็นแชมป์ วีดีโอเกมและถูกเรียกว่า “คิง” แต่ว่าเขาดันถูกจับโดยการรถไฟไซบีเรียยัดข้อหาตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นสมาชิกอพยพหมู่ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วเขาไม่มีความคิดนี้เลยสักนิดเดียว และแล้วด้วยเหตุการณ์พาไปทำให้เขาได้พบกับหัวหน้าอพยพหมู่ชื่อ “เกน” และพรรคพวกมากมายหลายคน โดยเฉพาะหวานใจ “เซราห์” ทำให้เขาต้องเป็นผู้ควบคุม “โอเวอร์แมน” ซึ่งเป็นหุ่นยักษ์ชีวิกลศาสตร์ที่ช่วยรบกับโอเวอร์แมนของฝ่ายศัตรู ด้วยเหตุนี้กันเนอร์และพรรคพวกต้องช่วยชาวเมืองในการอพยพหมู่ ทั้งๆ ที่ใจลึกๆ แล้วกันเนอร์เกลียดการอพยพหมู่อันเนื่องมาจากบาดแผลในอดีต ทำให้เขาต้องต่อสู้พร้อมกับรับมือด้านมืดของเขาไปด้วย
ตลอดระยะเวลาการผจญภัยกันเนอร์ได้เรียนรู้อะไรมากมายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น พวกพ้อง การให้อภัย และความรัก จนกระทั่งเขาได้พบผู้หญิงคนหนึ่ง(เตี้ย แบน แต่ไม่ซึน) “ซินเธีย” เพื่อนในโลกแห่งเกมออนไลน์ที่กันเนอร์แอบชอบมาโดยตลอด หากแต่ตัวจริงของเธอเป็นเจ้าหน้าที่การรถไฟไซบีเรียผู้ควบคุมโอเวอร์แมนระดับเซียนและที่ศัตรูกับกันเนอร์ และระหว่างที่ทั้งคู่รู้จักกันนั้นเอง เงามืดน่ากลัวจากอดีตกาลก็เริ่มก่อตัวขึ้นช้าๆ
ย้อนกลับไปก่อนที่กันเนอร์จะเกิดและเป็นช่วงที่โลกยังไม่ได้ปกคลุมน้ำแข็ง เวลานั้นมีนักวิทยาศาสตร์หญิงอัจฉริยะคนหนึ่งชื่อ “มิร่า” ซึ่งถือว่าเป็นมารดาของโอเวอร์แมนและผู้สร้างโลกในโลกอนาคตในเวลาต่อมา เธอได้สร้างหุ่นโอเวอร์แมนตัวหนึ่งที่ไม่มีชื่อ แต่หลายคนเรียกมันว่าโอเวอร์ เดวิด โดยเจ้าตัวนี้เป็นหุ่นยนตร์ที่มีจิตใจเป็นของตนเอง(แต่ยังไงก็ต้องมีคนบังคับมันอยู่ดี) และได้รับขนานนามว่าเป็นหุ่นโอเวอร์แมนที่เลวร้ายและเก่งกาจที่สุด โดยรูปร่างคล้ายหมู หูเหมือนค้างคาว และมีแขนและขายาว ซึ่งมันมีแขนถึง 6 แขน ความจริงเธอสร้างโอเวอร์แมนตัวนี้เพื่อเป็นผู้พิทักษ์โลกจิตใจดีงาม(อ้างอิงจากมังงะ) แต่กลายเป็นว่าโลกที่สวยงามสำหรับมันก็คือการแช่งแข็งโลกให้หนาวเย็น มันเลยใช้ความสามารถพิเศษของมันคือแช่แข็งทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า จนสร้างความหายนะแก่โลกโบราณ ทำให้มีย่าต้องปิดผลึกมันไม่ให้มันออกอาละวาดได้อีก จนกระทั้งเวลาผ่านไปหลายร้อยปี ก็มีหลายคนรู้ถึงตัวตนโอเวอร์ เดวิด ด้วยความโลภ หลายคนคิดจะพยายามหาวิธีปลดผลึกมัน แต่จนบัดนี้ยังไม่มีใครทำสำเร็จ จนกระทั้งถึงยุคของเกนเนอร์มีชายคนหนึ่งชื่อ “กิลมุนต์” เป็นคนใหญ่คนโตเจ้าขององค์กรรถไฟ มีความคิดจะปลดผลึกมันเพื่อใช้มันปกครองโลกอย่างเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว โดยวิธีที่จะปลดผลึกได้นั้นจะต้องหาคนขับที่มีประสาทสัมผัสพิเศษที่สามารถสื่อสารโอเวอร์แมนตัวนี้ได้เรียกว่าโอเวอร์เซ้นส์(พลังจิตพอๆ กับนิวไทป์) และคนดังกล่าวก็คือ “ซินเธีย”
ซินเธีย หรือชื่อจริง ซินเธีย เรน ภายนอกเหมือนเด็กสาวธรรมดาทั่วไป ตัวเตี้ย ทรงทวินเทลสีชมพู นิสัยเอาแต่ใจ ชอบขนมกับช็อกโกแลนต์ m&m แต่กระนั้นตัวจริงคือเจ้าหน้าที่ระดับสูงของการรถไฟ ที่มีพรสวรรค์ แม้อายุแค่ 18 ปี ก็มีความสามารถในการขับโอเวอร์แมนเก่งกว่ามนุษย์ทั่วไป และมักรับภารกิจจากกิสมุนต์ทำแต่เรื่องไม่ดีเป็นส่วนมาก เช่น ไปทำลายโอเวอร์แมนของฝ่ายตรงข้าม และทำลายพวกอพยพ และเธอมักทำภารกิจสำเร็จหลายครั้งเพราะความเก่งเกินคนนั้นเอง ทำให้ซินเธียค่อนข้างเบื่อในภารกิจเพราะว่าไม่มีคู่ต่อสู้เก่งๆ มาเป็นคู่แข่ง จนกระทั้งซินเธียมาพบเด็กหนุ่มชื่อ “เกนเนอร์” ซึ่งเป็นพระเอกของการ์ตูนเรื่องนี้ ซึ่งอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับเธอ ทำให้ทั้งสองต่อสู้กันและปรากฏว่าไม่รู้ผลแพ้ชนะ จนซินเธียเกิดติดใจกับฝีมือของกันเนอร์และยอมรับเขาเป็นคู่แข่ง โดยไม่รู้เลยว่าทั้งสองนั้นเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว ก่อนที่จะเป็นศัตรูด้วยซ้ำ พวกเขารู้จักกันและกันในโลกออนไลน์ที่เล่นด้วยกันเป็นงานอดิเรก โดยตอนนั้นทั้งคู่ต่างปกปิดฐานะและชื่อจริงและลงแข่งเล่นเกมโอเวอร์แมน โดยซินเธียเป็นฝ่ายพ่ายแพ้เกนเนอร์ทุกครั้ง แต่นับจากนั้นเป็นต้นมาทั้งสองแซทหากันอยู่บ่อยๆเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งเมื่อคุยนานวันเข้าทั้งคู่ก็เริ่มรู้สึกว่าทั้งสองมีส่วนคล้ายกัน นั้นคือทั้งคู่มีรู้สึก “เหงา” ทั้งสองต่างไม่มีพ่อแม่ไร้ญาติขาดมิตร ฃ และทำให้ทั้งสองมีความคิดเกลียดชังโลกใบนี้ เหมือนกัน
อย่างไรก็ตามเกนเนอร์สามารถหลุดพ้นจากด้านมืดดังกล่าวเนื่องจากได้รู้จักกับพรรคพวกที่ร่วมต่อสู้ด้วยกันกับการรถไฟ อีกทั้งยังมี “ซาราห์” เป็นคนรัก กลับกันซินเธียไม่ได้หลุดพ้นจากด้านมืดและเหงาอยู่เหมือนเดิม สิ่งเดียวที่พอเป็นแสงสว่างได้ก็คือเกนเนอร์ หากแต่ต่อมาซินเธียกลับทำร้ายเกนเนอร์จนบาดเจ็บสาหัส ทำให้เธอมีความคิดว่าเธอสูญสิ้นเพื่อนไป
ต่อมากิสมุนต์ใช้ซินเธียปลุกโอเวอร์ เดวิด ซึ่งเจ้าโอเวอร์ เดวิดนี้รู้ดีว่าซินเธียมีความเหงา และใช้ความเหงานี้เองควบคุมซินเธีย ส่งผลทำให้โอเวอร์ เดวิดฟื้นคืนชีพในที่สุด และเมื่อฟื้นคืนขึ้นมามันก็ไม่ฟังกิสมุนต์ ซ้ำยังฆ่าเขาอีก หลังจากนั้นซินเธียกับโอเวอร์ เดวิดก็สร้างหายนะแก่โลกอีกครั้งด้วยการแช่แข็งโลกเหมือนครั้งอดีต
อ่านดูๆ ก็ธรรมดาใช่เปล่าครับ ประเภทบอสใหญ่ปลุกขึ้นมาทำลายโลก เห็นมานักต่อนักแล้วในการ์ตูนหลายเรื่อง แต่เพราะมันสูตรสำเร็จนี้แหละทำให้มันเข้าใจง่าย อีกทั้งเจ้าโอเวอร์ เดวิดนี้ดูยังไงมันก็ตัวตลกชัดๆ ไม่เห็นน่ากลัวตรงไหนเลย แต่กลายเป็นว่ามันเป็นบอสใหญ่ซะงั้น แถมมันยังมีลูกเล่นมากมาย ทั้งฮ่าทั้งสนุกอีก ใครที่เคยเล่นเกมซุปเปอร์โรบอตก็คงรู้ดีถึงลูกเล่นของมัน
ในฉบับมังงะโอเวอร์ เดวิดปรากฏตัวสั้นๆ คือเมื่อเกนเนอร์พื้นสภาพแล้วขับโอเวอร์แมนไปช่วยซินเธียและสามารถทำลายด้านมืดและสามารถฆ่าโอเวอร์ เดวิดและได้ซินเธียมาเป็นกิ๊กคนใหม่ในที่สุด แต่ในอนิเมชั่นนั้นกว่าโอเวอร์ เดวิดจะตายในก็ปาถึง 5 ตอน
เริ่มจากเกนเนอร์ในอนิเมชั่นไม่สามารถเอาชนะความมืดในจิตใจของตนเองได้ เพราะโอเวอร์ เดวิดใช้จิตวิทยาจนเกนเนอร์หลงกล ทำให้ เกนเนอร์กับซินเธียกลายเป็นคิงและควีนที่ร่วมกันบังคับโอเวอร์ เดวิดสร้างหายนะต่อโลก
หลังจากนั้นนางเอกซาร่าห์ก็พยายามเตือนสติกันเนอร์ให้เป็นคนเดิม ถ้าเป็นการ์ตูนเรื่องอื่นๆ พระเอกคงสติกลับคืนมา แต่กลายเป็นว่าซาร่าห์ถูกล้างสมองไปอีกคน จนกลายเป็นว่าคิงเกนเนอร์, ควีนซินเธีย ได้พวกคนใหม่เป็น(สนม?)ซาร่าห์ช่วยกันควบคุมโอเวอร์ เดวิดสร้างหายนะโลกจนเลวร้ายเข้าไปใหญ่ เล่นเอาผมอึ้งและฮ่าเพราะปกติการ์ตูนแนวหุ่นยนตร์มักอะไรก็พระเอก ทำโน่นทำนี้ก็พระเอก เกิดวันใดวันหนึ่งพระเอกเป็นฝ่ายศัตรูขึ้นมาล่ะ พวกเขาจะสามารถรับมือได้ไหม?
ยิ่งตอนใกล้จบผมยิ่งชอบเป็นพิเศษเพราะพระเอกไม่ได้เรียกสติกลับคืนมา ทำให้ตัวละครรองๆ มีบทบาทเต็มที่โดยฝ่ายพระเอก(ที่ตอนนี้ไม่มีพระเอกเป็นกำลังหลักแล้ว)ต้องร่วมมือกับศัตรูชั่วคราวเพื่อรับมือกับโอเวอร์ เดวิด และช่วงที่ชอบที่สุดเป็นพิเศษคือกันเนอร์แปลงร่างเป็นโอเวอร์แมน เวลาหายตัวเหลือแต่แว่น ฮ่าจริงๆ อีกทั้ง (ส่วนซาร่าห์กลับขับโอเวอร์แมนกิ่งก่าแทนที่จะเปลี่ยนตัวเองเป็นโอเวอร์แมนซะงั้น) และเมื่อถึงนาทีสุดท้ายพระเอกได้สติกลับคืนมา และพากิ๊กทั้งสองออกจากตัวโอเวอร์ เดวิดและใช้โอเวอร์แมนทำลายมันพินาศในที่สุด และฉากจบเกนเนอร์ ซาร่าห์และซินเธียก็ออกผจญภัยด้วยกันในโ,กที่กว้างใหญ่อีกครั้ง
Overman King Gainer เป็นอนิเมชั่นกำกับโดย โยชิยูกิ โทมิโนะ (Yoshiyuki Tomino) ซึ่งเขาเป็นผู้กำเนิดกัมดั้มภาคแรก ใครที่เป็นแฟนกัมดั้มและรู้จักโทมิโนะก็จะรู้ว่าเขามักสร้างตัวเอกให้มีมิติ โดยตัวเอกของเขามักจะเป็นพวกต่อต้านสังคม เหมือนอย่างอามูโร่เรย์ จากกัมดัมภาคแรก และตัวเอกจะต้องออกเดินทางและพัฒนาจิตใจตลอดระยะการเดินทางและมีการเปิดเผยเรื่องราวที่ซ่อนอยู่ในตัวเอกที่ละขั้นตอน(และตัวเอกของโทมิโนะมักขับหุ่นยนต์เก่งเทพอยู่เสมอ)
คิงกันเนอร์ก็เหมือนอามูโร่เรย์ แต่สิ่งที่ไม่เหมือนคือเขาตลกกว่า บางทีอาจเป็นเพราะเนื้อเรื่องพยายามทำให้ดูตลกสบายๆ แต่กระนั้นโทมิโนะก็ยังไม่ลืมที่จะนำอารมณ์ของรุนแรงของวัยรุ่น สงครามและอารมณ์สอดแทรกเข้าไปด้วย และสิ่งที่ดีต่อมาคือฉากต่อสู้ที่ทำได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะศัตรูตัวสุดท้ายเหมือนสงครามที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและการสับสนเสียจริง และนี้คือการสู้กับบอสที่ผมชอบดูที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง
สำหรับคำถามที่ถามว่าการ์ตูนเรื่องนี้มีซับไทยไหม คำตอบคือมีในเว็บ http://main.tirkx.com/main/ แปลโดย มี 17 ตอนซึ่งแปลยังไม่จบ และปัจจุบันก็ยังไม่มีการแปลต่ออีกแต่อย่างใด (ตอนแรกผมยังดูซับภาษาสเปนตั้งแต่ต้นจนจบด้วยซ้ำ)
อันดับ 2 ราธ(Wrath) จาก Fullmetal Alchemist
หนึ่งในตัวโกงที่น่ารัก เคยมีคนถามผมว่าผมถูกใจแขนกลภาค Fullmetal Alchemist Brotherhood ไหม คำตอบของผมก็ยังคำเดิมคือผมชอบแขนกลภาคแรก 51 ตอนจบ มากกว่า( หากไม่พูดถึงฉากจบ) สาเหตุที่ชอบส่วนหนึ่งผมราธนี้แหละ
ส่วนเนื้อหาก็รู้ๆ กันอยู่ กล่าวถึงตัวเอกพี่น้องสองคนคือ เอ็ดเวิร์ด และอัลฟองเซ (อัลฟอนซ์) สองพี่น้องตระกูลเอลริค เป็นเด็กอัจฉริยะนักเล่นแปรธาตุที่ต้องสูญเสียแม่ที่รักไปอย่างกะทันหันด้วยโรคระบาด ทำให้ทั้งคู่หาวิธีชุปชีวิตแม่ โดยทั้งคู่ไปฝึกฝนวิชาต่างๆ เกี่ยวกับเล่นแร่แปรธาตุหลายแขนง จนกระทั้งพบวิชาต้องห้ามคือ “ชุบชีวิตมนุษย์” ที่ในหนังสือเตือนนักเตือนหนาว่าอย่าทำ มันผิดกฎธรรมชาติ แต่สองพี่น้องเอลริคไม่สนคำเตือนนั้น และผลจากการชุปชีวิตแม่นั้นปรากฏว่าล้มเหลว เอ็ดเสียขาซ้ายและแขนขวา(เอ็ดสละแขนขวา เพื่อแลกกับการผนึกวิญญาณของน้องชายไว้ในชุดเกราะ) อัลฟอนส์สูญเสียร่างกาย และสิ่งที่ได้จากการคืนชีพนั้น ไม่ใช่แม่ของเอ็ด แต่เป็นสิ่งมีชีวิตรูปร่างแปลกประหลาด
เมื่อการชุปชีวิตมนุษย์ล้มเหลว ทั้งคู่เลยมีเป้าหมายคือต้องการร่างกายเดิมของตนกลับคืนมา โดยการตามหาหินนักปราชญ์ของวิเศษในตำนาน เอ็ดเลยตัดสินใจสมัครเป็น นักเล่นแร่แปรธาตุแห่งราชอาณาจักร เพื่อจะสามารถหาข้อมูลวิจัยเกี่ยวกับ “ศิลานักปราชญ์”จากนั้นสองพี่น้องตระกูลเอลริค ก็ออกเดินทางไปยังเมืองต่างๆ ก่อนที่จะเจอศัตรูตัวฉกาจคือเหล่าโฮมุนครุสทั้ง 7 ภายใต้การนำของดันเต้
ก่อนอื่นก็อธิบายเล็กน้อย ในมังงะแขนกลฯ นั้นราธจะเป็นคิงเบอร์รี่ หากแต่ในอนิเมชั่นภาคแรกจะเป็นราธเด็กชายตัวน้อยๆ เจ้าอารมณ์อย่างที่เห็น อีกทั้งต้นกำเนิดก็แตกต่างกัน ในมังงะโฮมุนครุสทุกตัวล้วนถูกสร้างจากส่วนหนึ่งของร่างของพ่อ และโฮมุนครุสทุกตัวต้องปฏิบัติตามพ่อทุกอย่าง หากแต่ในอนิเมชั่นภาคแรกนั้นโฮมุนครุสแต่ละตัวจะมีที่มาที่ไปแตกต่างกัน และมีโฮมุนครุสหรือมนุษย์เทียมที่ถูกสร้างขึ้นโดยนักเล่นแร่แปรธาตุโดยวัตถุประสงค์ต่างๆ โดยเป้าหมายแตกต่างกัน เมื่อโฮมุนครุสเกิดมาก็มีจุดประสงค์เป้าหมายแตกต่างกัน แต่ละตัวนั้นจะแปลงร่างเป็นมนุษย์ หรือคล้ายกับมนุษย์ที่นักเล่นแร่แปรธาตุนั้นรัก และทั้งหมดจะอยู่ใต้คำสั่งของ “ดันเต้” ที่ต้องการศิลานักปราชญ์เพื่อโอนวิญญาณของเธอเข้าไปร่างกายใหม่อีกครั้งและโฮมุนครุสก็อยากได้หินดังกล่าวเช่นกัน
ในกรณีของราธนั้นอดีตเกิดจากการลงโทษของอิซูมิซึ่งเป็นอาจารย์ของเอ็ดและอัล ที่ต้องการคืนชีพลูกของเธอ แต่เธอก็ล้มเหลวในการแลกเปลี่ยนส่งผลทำให้เครื่องในของเธอหายไป และสิ่งที่ได้คือโฮมุนครุสเด็กทารกที่ไม่ใช่ลูกของเธอ เธอเลยตัดสินใจฆ่าราธ อย่างไรก็ตามราธก็ไม่ได้ตาย แต่กลายเป็นสิ่งทิ่อยู่ข้างในประตูแห่งแก่นแท้ และรอวันเวลาที่จะคืนชีพอีกครั้ง จนกระทั้งถึงเวลาที่เอ็ดและอัลได้พยายามคืนให้กับแม่ตนเอง เมื่อราธเห็นโอกาสจึงได้ขโมยแขนและขาของเอ็ดในขณะที่พยายามคืนชีพแม่ของเขา ส่งผลทำให้เอ็ดสูญเสียแขนขาไปอย่างละข้าง ส่วนราธก็มีความสามารถเล่นแร่แปรธาตุได้โดยไม่ต้องใช้วงแหวนเวทย์เหมือนกับเอ็ด และเขาก็ได้คืนชีพอีกครั้ง
หากแต่ตอนแรก ราธนั้นสูญเสียความทรงจำไม่รู้ว่าตนเป็นใคร จนกระทั้งหลายปีต่อมา ด้วยวาสนาหรือชะตากรรม เอ็ด และอัลฟองเซไปเจอราธเข้าบนเกาะที่ทั้งสองเคยฝึกวิชาตั้งแต่เด็ก(ในตอนที่ 29) ในสภาพเด็กมอมแมม ไร้เดียงสา ร่าเริง แต่เมื่อเจอครั้งแรกเอ็ดและอัลก็รู้ว่าไม่ใช่เด็กธรรมดาแน่นอน เพราะมีแขนและขาของเอ็ดติดมาด้วย และในคืนนั้นเองอิซูมิพยายามฆ่าราธ ส่งทำให้ความทรงจำของราธกลับมา หลังจากนั้นเขาก็หนีและไปรวมกลุ่มโฮมุนครุสที่เหลือ เพื่อแก้แค้น
ราธเป็นโฮมุนครุสที่ไม่เหมือนคนอื่น แม้ขึ้นชื่อว่าเป็นบาปแห่งโทสะ แต่กลับอารมณ์หลากหลาย ภายนอกจะเหมือนเด็กรักสนุก เจ้าอารมณ์ แต่ความจริงแล้วเป็นเด็กขี้ขลาด ขี้แย ถูกคนอื่นชักจูงให้ทำชั่วเสมอ ที่เข้าร่วมกับโฮมุนครุสก็เนื่องจากมีความสัมพันธ์ที่ดีเหมือนแม่ลูกกับสลอธ(ในอนิเมชั่นภาคแรกจะเป็นผู้หญิง ซึ่งเกิดจากเอ็ดและอัลพยายามชุปชีวิตแม่ตนเอง ทำให้มีรูปร่างหน้าตาเหมือนแม่เอ็ด และมีความสามารถกลายเป็นน้ำ) หากแต่เมื่อสลอธตายไป ราธก็ตระหนักถึงความจริงอีกครั้ง และหลังจากศึกสุดท้ายราธก็หายสาปสูญไป(ส่วนเอ็ดหายไปโลกต่างมิติ) จนกระทั้งกลับมาอีกทีในภาคหนังโรง Conqueror of Shamballa โดยอัลพบเขาในสุสานอิซูมิ ในสภาพที่หดหู่และสิ้นหวัง ซึ่งต่อมาอัลกับราธก็ช่วยกันต่อสู้กับกลัทโทนี่ และราธก็เสียสละตัวเองเพื่อเปิดประตูแห่งแก่นแท้เพื่อเชื่อมโลกต่างมิติที่เอ็ดอยู่ได้ สุดท้ายราธก็ตายแต่กระนั้นก็ก็ได้กลายเป็นจิตวิญญาณและพบกับอิซูมิที่โ,กหลังความตายและอยู่อย่างมีความสุขในที่สุด(แต่ตรูเซ็ง ราธไม่น่าตายอ่ะ)
จำได้ว่าสาเหตุที่ผมติดแขนกลฯ ที่ฉายทางไอทีวี(ช่องทีวีของไทย) ตอนนั้นนอกจากดูเอ็ดน่ารักแล้ว(เอ็ดตอนนั้นน่ารักมากๆ เวลาตอนเอ็ดเงียบๆ หน้าเหมือนแบกโลกทั้งใบ) และตอนราธปรากฏตัวออกมา ผมตะโกนเลยว่า น่าร๊ากกกกกอ่ะ แบบว่าผมยาวปิดตา ตาโด มีเขี้ยว แถมมีฉากเรียกคะแนนน่าสงสารน่ารักเข้าไปใหญ่ ส่งผลทำให้ติดแขนกลฯ ตอนนั้นหนักยิ่งขึ้น ฉากไหนที่ราธออกจะกริ๊ดสลบ(ปานนั้น)
โฮมุนครุสในอนิเมชั่นภาคแรกจะมีอารมณ์ค่อนข้างหลากหลายกว่ามังงะค่อนข้างมาก “บุคลาธิษฐาน” มาใช้เป็นสื่อ มีปัญญา มีความรู้สึก แสดงอามรณ์ หรือเจตจำนงเป็นของตัวเอง แม้ภายนอกเหมือนจะเป็นตัวร้ายตัวเลว แต่กระนั้นทั้งหมดก็มีวัตถุประสงค์พื้นฐานอารมณ์ด้านมืดของเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็น การแก้แค้น การโหยหาสิ่งที่ต้องการ การไม่เข้าใจ ความหิวกระหาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีอยู่ในมนุษย์อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามสุดท้ายมนุษย์นั้นแหละที่ใช้ความมืดเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ สร้างสงคราม การสังหารหมู่ การทดลองในมนุษย์ เพื่อประโยชน์ของตน
1.อาซามะ เรย์ (Hazama Rei) จาก Doubt
ความจริงแล้วอันดับดังกล่าวเป็นไลท์ ณ เดธน็ต แต่พอดีผมเกิดนึกคิดได้ว่ามันเป็นพระเอกนี้หว่าไม่ใช่ผู้ร้าย ดังนั้นอันดับนี้ผมอวยตัวละครที่เหลือเชื่อว่าผมจะชอบ เพราะว่าคุณเธอออกมาไม่กี่ฉาก นี้ก็คือหนูเรย์เจ้าแห่งเกมหมาป่าที่กลายเป็นเกมที่ฮิตเงียบๆ ในอินเตอร์เน็ตบ้านเรานั้นเอง
Doubt เป็นมังงะแนวสยองขวัญลึกลับจิตวิทยาที่เขียนโดย Yoshiki Tonogai(คนวาดแว่วเสียงเรไร มังงะภาค Himatsubushi-hen) มีทั้งหมด 4 เล่มจบ โดยเป็นเรื่องราวของพระเอกคนหนึ่งคือไอคาว่า ซึ่งกำลังจะไปมิตติ้งนัดพบระหว่างผู้เล่น Rabbit doubt ทั้ง 5 คน ระหว่างทางก็มีเพื่อนสาวโฮยามะ มิสึกิที่เจอโดยบังเอิญเข้าร่วมด้วย รวมเป็น 6 คน
โดยเกม Rabbit doubt นั้นเป็นเกมโทรศัพท์มือภถือ เกมมีกฎคล้ายมาเฟีย(เกมปาร์ตี้) ที่ผู้เล่นคนหนึ่งจะได้รับบทหมาป่าหรือนักฆ่าในกลุ่มผู้เล่น โดยผู้เล่นที่เหลือทั้งหมดจะเป็นกระต่าย โดยหมาป่าจะแกล้งเป็นกระต่ายและเข้าร่วมกลุ่มผู้เล่นเหล่านั้น และพยายามขัดขวางไม่ให้ผู้เล่นทำภารกิจสำเร็จ ซึ่งผู้เล่นที่เป็นกระต่ายในกลุ่มจะต้องช่วยกันระบุว่าใครเป็นหมาป่าในฝูงเกาะให้ได้ หากทำไม่สำเร็จเกมจะโอเวอร์
เมื่อสมาชิกในเกมส์มารวมตัวกัน งานปาร์ตี้ก็เริ่มต้นขึ้น แต่แทนที่งานปาร์ตี้นั้นจะสนุกสนามกลับตึงเครียด เพราะดูเหมือนว่าสมาชิกทั้ง 5 ในเกมส์จะมีความลับอะไรสักอย่างที่บอกใครไม่ได้ บวกกับหนึ่งในสมาชิกที่ชื่อชิ เอจิ ที่เป็นนักเลงชอบทำให้งานกร่อย แต่สุดท้ายเรื่องราวก็ผ่านไปด้วยดี มีฉากซึ้งระหว่างพระเอกกับอาซามะ เรย์หนึ่งในสมาชิกในเกมส์ที่อดีตเคยเป็นสาวน้อยพลังจิต ที่ถูกหาว่าเป็นคนหลอกลวง แต่พระเอกปลอบใจจนบรรยากาศกลับมาดีอีกครั้ง แต่แล้วจากเหตุการณ์ซึ้งๆ เรื่องก็กลายเป็นสยองถนัดตา เมื่อสมาชิกทั้งหมดถูกวางยาสลบ
และเมื่อพระเอกกับสมาชิก ลืมตาตื่นขึ้น(มาถึงช่วงนี้เหมือนเรื่อง SAW) ก็พบว่าตนเองอยู่ตึกร้างแห่งหนึ่งที่คาดว่าเป็นโรงพยาบาลจิตเวช และด้านหน้ามีศพของอาซามะ เรย์ถูกตรึงด้วยหมุดขนาดใหญ่และที่กลางหน้าอกถูกปักด้วยหมุดแบบเดียวกัน เลือดสาดท่วมบริเวณ และมีประโยคบนกำแพงเขียนว่า “The Liar must dis (คนโกหกต้องตาย)” และมีบาร์โค้ดปริศนาที่ปรากฏบนร่างกายของ"ผู้เล่น" ทุกคนยกเว้นพระเอก ซึ่งบาร์โค้ดนี้จะสามารถใช้ปลดล็อกประตูเหล็กได้ทุกบานในตึกแต่สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวต่อหนึ่งบาร์โค้ดที่ติดอยู่แต่ละคน
หลังจากที่พระเอกและสมาชิกในกลุ่มหาทางออกก็พบว่าบาร์โค้ดดังกล่าวสามารถปิดประตูที่ล็อกอยู่ข้างหน้า หนึ่งคนต่อหนึ่งประตู แต่สิ่งที่สมาชิกทั้ง 5 คนรู้ตัวก็คือมีคนใดคนหนึ่งในกลุ่มพวกเขาเป็นหมาป่าหรือ “ฆาตกร” ที่ฆ่าเรย์ และฆาตกรคนนี้สามารถใช้บาร์โค๊ตเปิดประตูทุกบานได้.......และเกมแห่งความตายก็เริ่มต้นขึ้น สมาชิกที่เหลือจะต้องจับให้ได้ว่าใครเป็นหมาป่าในกลุ่ม หากจะไม่ได้พวกเขาก็ต้องตายหมด ทำไมฆาตกรต้องทำให้ยุ่งยากแบบนี้ด้วย ทำไมไม่ฆ่ารวดเดียวจบ ทำไมต้องให้เหยื่อแต่ละคนระแวงซึ่งกันและกัน นี้เป็นเกมส์เหรอ และจุดประสงค์ของเกมส์นี้คืออะไร ทำไมต้องเจาะจงเลือกพวกเขา ?
ขอบอกเลยว่าตั้งแต่เล่มแรกผมก็ระบุตัวได้เลยว่าฆาตกรตัวจริงคือหนูเรย์ที่ถูกตรึงกำแพงนั้นเอง สาเหตุก็มีหลายปัจจัยเพราะมุกแกล้งตายมันเห็นตามนิยายนักสืบทั่วไป อีกทั้งคุณเธอมีการปูพื้นไว้แล้วว่าจะเป็นตัวละครสำคัญในอนาคตไม่มีทางตายง่ายๆ แบบนี้แน่ๆ
ก็ต้องเข้าใจเพราะหากเป็นเราเป็นคนธรรมดา ไปอยู่สถานทีแคบๆ ตัดขาดจากโ,กภายนอก คนรอบตัวตายไปทีละคน พร้อมกับความหวาดกลัว หวาดระแวง สมาชิกในกลุ่มทั้งหมดแตกแยก การใส่ร้ายซึ่งกันและกัน การโกหกปกปิดเป็นเรื่องปกติ คงไม่มีใครหรอกที่ใจเย็น ทำตัวเป็นนักสืบ วิเคราะห์สถานการณ์ดังกล่าวเป็นฉาก ๆ อีกทั้งฆาตกรยังลงฆ่าคนอย่างรวดเร็ว และเหตุการณ์สับสนเกินกว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้
ในที่สุดการ์ตูนเรื่องDoubt ก็เดินทางมาใหล้ถึงตอนจบ เมื่อฆาตกรตัวจริงเผยออกมา ก็คือ โฮยามะมิสึกิเพื่อนหญิงของยูคุง เธอทำเพราะสังคมนี้หลอกลวง เธอเกลียดสังคมนี้เลยหาทางแก้แค้นสังคมโดยฆ่าคนหลอกลวงนี้ทั้งหมด และเธอก็แค้นพระเอกที่แอบไปคบผู้หญิงคนอื่นแล้วทำแป้นปกปิดหรือโกหกเธอ(ยันเดระ)
ตอนผมรู้ว่าโฮยามะ มิสึกิเผยตนว่าตนเป็นหมาป่าในเล่มที่ 3 ตอนนั้นผมหน้าแตกมากเพราะผมได้คาดเดาเนื้อเรื่อง รวมไปถึงฆาตกรแล้ว และได้เปรียบเทียบว่าการ์ตูนเรื่องนี้เหมือนนิยายฆ่ายกเกาะของอกาธาคริสตี้ ถือว่าเป็นการบอกใบ้นัยๆ ว่าฆาตกรคือคนที่ตายคนแรกของเรื่อง ก็คือ หนูฮาซามะ เรย์
แน่นอนผมคิดเลยว่า โฮยามะ มิสึกิไม่น่าจะเป็นหมาป่าที่แท้จริง มันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น เนื่องจากเธอไม่น่าจะมีเงินจัดเกมส์นี้ขึ้น เกมส์ที่ต้องใช้เส้นสาย บาร์โค้ตประตูที่น่าจะใช้เงินลงทุนสูง การวางแผน และต้องใช้เวลาที่ทำให้เกมส์หมาป่าในฝูงกระต่ายเป็นที่ฮิตในหมู่วัยรุ่น(เพื่อให้หลอกมาง่ายๆ) แต่คนอย่างโฮยามะ มิสึกิที่มีความแค้นเพียงชั่ววูบ มีหนี้หลายร้อยล้าน ไม่น่าจะคิดเกมส์เช่นนี้ได้
เล่มที่ 4 เนื้อเรื่องก็พลิกอีกครั้ง เมื่อฉากของเกมส์สิ้นสุดลง ยูคุงเป็นคนสุดท้ายที่ยังมีสติอยู่ ส่วนฆาตกร โฮยามะ มิสึกิล้มลงเพราะอาการบาดเจ็บ ยูคุงพามิสึกิไปประตูทางออกเพื่ออ่านบาร์โค๊ต เพราะมีแต่หมาป่าเท่านั้นที่มีบาร์โค๊ตเปิดประตูได้ทุกบาน
แต่แล้วประตูก็ไม่เปิด ยูคุงแปลกใจทำไมประตูถึงไม่เปิดในเมื่อมิสึกิเป็นหมาป่า หรือว่า......
และแล้ว ก็มีใครคนหนึ่งเปิดประตูด้านหลังยูคุงออกมา ยูคุงตกใจเหมือนกับเห็นผี เมื่อเขาเห็นฮาซามะ เรย์ สาวรถเข็น คนที่น่าจะตายแล้วตอนต้นเรื่องเดินอย่างสง่างามพร้อมอุ้มกระต่าย และยิ้มอย่างมีชัยตรงหน้ายูคุง
“ฉันก็เป็นหมาป่าค่ะ” เรย์พูดกับยูคุง หากแต่เรย์ไม่ใช้ฆาตกร แต่เธอเป็นคนบงการมิสึกิอีกที เธอทำแบบนี้ด้วยเหตุผลเดียวกับมิสึกิเพราะว่าสังคมนั้นกลั้นแกล้งเธอ หาว่าเธอหลอกลวง จนเป็นเหตุให้เธอสูญเสียคนที่เธอรัก เธอแค้นสังคมเลยใช้เรื่องพลังสะกดจิต(หว่านเมล็ดหาผู้ร่วมอุดมการณ์) เป็นเครื่องมือในการระบายความแค้นของเธอ โดยคนที่เธอเลือกก็คือมิสึกิที่สูญเสียพ่อเพราะการหลอกลวงเช่นเดียวกับเธอ เรย์จึงสะกดจิตมิสึกิว่าพ่อของเธอมีชีวิตอยู่(และเรย์ก็สวนบทเป็นพ่อ) และให้มิสึกิฆ่าคนในเกมนี้ให้หมด ส่วนตัวเองก็ดูผลงานตนเองอย่างเงียบๆ ด้วยความภาคภูมิใจ
ต้องยอมรับเลยว่าเรย์เป็นนักจอมบงการวางแผนเหนือชั้นจริงๆ หลายคนคงสงสัยว่า ตอนเรย์เป็นศพนั้นไม่มีใครตรวจศพเลยเหรอว่าเรย์ตายจริงหรือไม่ คำตอบคือเรย์มั่นใจว่าไม่มีใครตรวจสอบศพแน่นอน และไม่มีใครสงสัยว่าเธอเป็นหมาป่าด้วย เรย์ตัดตัวเองเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเป็นหมาป่าคือแกล้งตายเป็นศพแรก ไม่ต้องเล่นบทละคร ไม่ต้องพูดอะไรให้หลายคนตะหงิกใจ เมื่อเป็นศพก็ทำเอาไว้ในที่สูงๆ เพื่อจะให้หลายฝ่ายไม่คิดจะเอาลงมา(สูงขนาดนี้ลงมาก็เมื่อยแล้ว) แล้วเอาลิ่มมาตอกอกเพื่อให้เห็นว่าตายแน่นอน ปกติมนุษย์เราเห็นศพที่รู้ทันทีว่าตายแน่นอนอยู่แล้วก็ไม่ไปตรวจศพ หากเรย์ไม่มีลิ่มตอกแล้วนอนกับพื้น พวกยูคุงอาจตรวจศพแน่นอนว่าเรย์ตายจริงหรือเปล่า
นอกจากนี้เรย์ยังวางจิตวิทยาอีกชั้นอีกเพื่อตัดข้อสงสัย ในการการทำตัวให้พิการ ขาเดินไม่ได้ แสดงเป็นสาวน้อยที่น่าสงสารที่ถูกสังคมกลั่นแกล้ง ใครเห็นก็สงสารเธอจับใจ ขนาดเธอแกล้งตาย พวกยูคุงยังแสดงอาการเสียอกเสียใจเลย ใครจะคิดละว่าเรย์เป็นหมาป่า
แต่แล้วแผนการของเรย์ก็มีอันต้องสะดุดเล็กน้อย เมื่อเธอเลือกมิสึกิ ซึ่งเธอยังอาลัยอารมณ์ยูคุง ทำให้ยูคุงรอดตาย แต่กระนั้นเรย์คงใจเย็นก่อนที่เธอจะจากลายูคุงและเรียกตำรวจมารับ
ในเวลาต่อมายูคุงยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล และเข้าห้องดูอาการของมิสึกิที่ยังคงอาการโคม่า หลับใหลไม่รู้สึกตัว ส่วนเรย์นั้นหายสาบสูญไป ไม่มีร่องรอยหลักฐานการมีตัวตนอยู่ของเธอแม้แต่น้อย ในระหว่างยูคุงกำลังกลุ้มใจอยู่นั้นเขาก็ได้รับโทรศัพท์จากเรย์ ก่อนที่เธอจะเฉลยทริคว่าหลักฐานทั้งหมดที่หายไปจากที่เกิดจากเหตุเพราะคนตรวจสอบหลักฐานเป็นพวกของเธอนั้นเอง ก่อนที่เธอจะพูดวลีสุดท้ายที่ปลุกมิสึกิอยู่ในโหมด “หมาป่า” และฉากสุดท้ายเธอก็เข้าไปหายูคิงพร้อมมีดปอกผลไม้บนมือ เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจและชัยชนะโดยสมบูรณ์ของเรย์ในที่สุด
แต่หากใครได้อ่านฆ่ายกเกาะของอกาธาคริสตี่ละก็ จะพบว่าเรื่อง Doubt และฆ่ายกเกาะนั้นเหมือนกันอย่างน่าประหลาด ไม่ว่าจะเป็นสถานที่เกิดเหตุที่เป็นโลกปิดตายจากโลกภายนอก ตัวละครล้วนมีอดีตบาปทุกคน ฆาตกรแกล้งตายเป็นศพ และมีอีกหนึ่งที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ซึ่งฆาตกรฆ่ายกเกาะนั้นวางแผนเป็นชั้นๆ เหมือนกับเรย์เหมือนกัน ฆาตกรในเรื่องเป็นผู้พิพากษา ที่แกล้งตายตบตาคนอื่นๆ และใช้ใช้กลอุบายจิตวิทยาหลอกคนเป็นชั้นๆ ไม่ว่าจะเป็นการให้หมอที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดตอนแรกตรวจเพื่อยืนยันว่าตนตายแล้ว แน่นอนว่าหลายคนเชื่อเพราะหมอเป็นผุเชี่ยวชาญเรื่องการพิสูจน์ศพอยู่แล้ว อีกทั้งด้วยหน้าที่การงานก็ไม่มีใครสงสัยว่าผู้พิพากษาเป็นคนร้าย ขากนั้นคนร้ายที่แกล้งตายก็ฆ่าหมอที่ตรวจศพลำดับถัดไปเพื่อปิดความลับนี้ ทำให้งานของฆาตกรฆ่ายกเกาะจึงง่ายขึ้นในการกำจัดเหยื่อที่เหลือ
ดังนั้นผมสามารถพูดเต็มปากเต็มคำเลยว่าเรย์เป็นจอมบงการที่น่ารักและฉลาดที่สุดในดวงใจ แม้กระทั้งไลท์ ในเดธโน้ต ไม่สามารถเทียบได้ ไลท์นั้นวางแผนใหญ่เกินตัวมากเกินไป ใช้คนไม่ถูกต้อง แต่เรย์เก่งในการใช้คนเธอศึกษาคนที่เป็นหมาป่า(และเหยื่อ) อย่างละเอียดก่อนที่จะควบคุมจิตใจจนเป็นตุ๊กตาที่ซื่อสัตย์ ไม่วางแผนใหญ่เกินตัว ทำแบบจำกัดแคบๆ ให้สังคมได้รู้ว่าการหลอกลวงเป็นสิ่งไม่ดี และเมื่อเสร็จภารกิจเรย์ยังมีพรรคพวกเป็นเจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานมาช่วยลบหลักฐานอีกอย่างหมดจด เรียกได้การวางแผนของเรย์นั้นทำเป็นระบบมากกว่าไลท์มาก
คนที่เป็นอัจฉริยะที่แท้จริงนั้นคือการนำความรู้ให้เกิดประสิทธิภาพ
นี้คือตัวละครตัวร้ายที่อยู่ในความทรงจำ มีทั้งชอบ มีทั้งเกลียด มีหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประหลาด อัจฉริยะมืด ซึ่งตัวร้ายนั้นเหล่านี้ยังเป็นส่วนประกอบที่การ์ตูนญี่ปุ่นขาดไม่ได้ เพราะตัวละครเหล่านี้ทำให้การ์ตูน(แนวนั้น)สนุก น่าติดตามมากขึ้น แน่นอนว่าบางครั้งบางเรื่องไม่จำเป็นต้องมีตัวร้ายก็ได้อย่างแนวรักคอมมาดี้หรือฮาเร็มซึ่งจะใช้ความขัดแย้งในเรื่องความคิดระหว่างพระเอกและนางเอก และการต่อสู้ระหว่างด้านมืดในจิตใจของตนเองมากกว่า
อย่างไรก็การ์ตูนหลายเรื่องก็สร้างตัวร้ายที่ไม่ได้เรื่องมากนัก ส่วนมากมาแบบซ้ำๆ ซากๆ ธรรมดา น่าเบื่อ จำพวกอยากครองโลก ไอ้แก่จอมมาร มองออกง่าย ตามตอนเดี๋ยวจอด ชอบดูถูกตัวเอก จตุเทพ ในขณะที่การ์ตูนบางเรื่องแย่กว่านั้นคือการสร้างตัวร้ายที่ไม่สมเหตุสมผล หรือไม่ควรใส่เข้ามาในเรื่อง สิ่งเหล่านี้ไม่มีความแปลกใหม่เลย อีกทั้งทำให้แฟนการ์ตูนรุ่นหลังๆ เบื่อยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
การสร้างตัวร้ายที่ทำให้ติดตามผู้ชมนั้นจะต้องมีความสัมพันธ์กับการ์ตูนเรื่องนั้นด้วย รวมๆไปถึงการเกียวพันกับเรื่องราว การมีความสัมพันธ์ระหว่างตัวเอกว่าเป็นอย่างไร(แต่เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดนี้เบื่อแล้วอ่ะนะ) ซึ่งทั้งนี้ก็ขึ้นกับความพิถีพิถันของคนสร้างแล้วล่ะ
เอาเป็นว่าผมขอจบ 7 วายร้ายในความทรงจำแต่เพียงเท่านี้ และคุณล่ะมีครับตัวร้ายในการ์ตูนญี่ปุ่นที่อยู่ในความทรงจำหรือเปล่า?
ความคิดเห็น