Thairath
เคยคิดบ้างไหมครับว่า โลกที่เรา อยู่อย่างสุขสบาย (เป็นบางครั้ง) นี้ ในอนาคตกาลเป็นล้านปีข้างหน้า จะมีสภาพเป็นอย่างใด ภูผา และมหาสมุทรจะยังคงอยู่หรือไม่ และสิ่งมีชีวิตสัตว์พืช จะล้มตาย หรือมีกำเนิดเผ่าพันธุ์ใหม่ๆ ขึ้นมา รายการสารคดีดิสคัฟเวอรี่ ได้แบ่งสัตว์โลกอนาคตไว้ 3 ยุค คือ 5 ล้านปี, 100 ล้านปี และ 200 ล้านปี ซึ่งแต่ละยุคจะมีความเป็นไปดังนี้
อีก 5 ล้านปีข้างหน้า โลกเราจะย้อนกลับไปสู่ ยุคน้ำแข็งอีกครั้งหนึ่ง จะเกิดโดมน้ำแข็งปกคลุม แถบสแกนดิเนเวียและยุโรปเหนือ กลายเป็นทุ่งราบทุนดรา กว้างใหญ่อันหนาวเหน็บ มีฤดูร้อนเพียงช่วงสั้นๆ ฝูง หนูขนปรก (Shagrats) จะเดินทางมายัง ทุ่งราบนี้ ในฤดูใบไม้ผลิ มันเป็นสัตว์ฟันแทะ ที่มีขนาดใกล้เคียงกับแกะ และมีกรงเล็บอันทรงพลัง ที่ใช้ขุดรากไม้ใต้ดินแข็ง ศัตรูสำคัญของมันคือ นักล่าในหิมะ (Snowstalker) ทายาทสุนัขป่า มีขนขาวยาวเป็นมัน ฟันที่ยาวเหมือนดาบของมันกัดทะลุหนังหนา ของเจ้าพวกหนูได้อย่างสบาย
แถบชายฝั่งทะเล ปลา แกนเน็ทเวล (Gannetwhale) ว่ายเข้ามาวางไข่บนฝั่ง เดิมมันเป็นนกที่มีความยาวสี่เมตร แต่มันจะไม่บินอีกต่อไป และจะมีวิถีชีวิตในนํ้าคล้ายคลึงกับปลาวาฬ
ทวีปแอฟริกาจะเคลื่อนตัว ขึ้นไปทางเหนือ ปิดช่องแคบยิบรอลตา ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจะแห้งขอดลง เกิดทะเลสาบน้ำเค็มหลายแห่ง ที่ล้อมรอบด้วยที่ราบเกลือ กว้างสุดลูก หูลูกตา และสิ่งมีชีวิตไม่น่าจะดำรงอยู่ได้ แต่กิ้งก่าตัวเล็กๆ ชนิดหนึ่งสามารถทำได้ และยึดที่ราบนี้เป็นของตนแต่เพียงผู้เดียว
แมลงวันน้ำเกลือจำนวนนับล้านๆ ตัว ซึ่งอาศัยอยู่รอบฝั่งทะเลสาบ จะถูกกิ้งก่าคริปไทล์ (Cyrptiles) จับกินเป็นอาหาร
สโครฟา (Scofas) เป็นสัตว์ที่สืบเชื้อสายมาจากหมูป่า มันปรับตัวให้มีขาผอมยาวขึ้น เพื่อเดินบนปลายนิ้วบนโขดหิน จมูกของมันยื่นยาวเพื่อ หาอาหารที่ซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ เช่น ไข่ของกิ้งก่าคริปไทล์ แต่มันก็เป็นเหยื่ออันโอชะของหมาป่า ไกรเคน (Grykens) อีกทอดหนึ่ง
สำหรับทวีปอเมริกาเหนืออันเคยสมบูรณ์ อีก 5 ล้านปีข้างหน้า มันจะกลายเป็นทะเลทรายแห้งผาก ต้องเผชิญลมหนาวและพายุทรายอันร้ายกาจ ดูเหมือนว่าไม่มีสิ่งใดจะอาศัยอยู่ที่นี่ได้ แต่สัตว์หลายชนิดก็หาทางรอดได้ เช่น นกสปิงค์ (Spink) ที่บินไม่ได้ มันจะลงไปอาศัยในโพรงใต้ดิน คืบคลานด้วยลำตัวที่ยืดยาว ปกคลุมด้วยขนละเอียด มันใช้ปีกในการคลานและขุด แต่ก็ใช่ว่ามันจะปลอดภัยนัก สูงขึ้นไปเหนือพื้นทราย สัตว์ปีกสีดำลอยอยู่ในอากาศ พวกมันคือ ตัวกินซาก (Deathgleaners) ค้างคาวผู้ครอบครองอาณาเขต ซึ่งเดิมเป็นของเหยี่ยวและแร้ง
อุณหภูมิที่ลดลง ส่งผลกระทบ ต่อผืนป่าดงดิบ ลุ่มนํ้าอเมซอน จนลดขนาดเหลือเป็นแค่แนวป่าเล็กๆ และแทนที่ด้วยทุ่งหญ้าซาวันนา แห้งแล้งกว้างใหญ่ และเกิดไฟป่า เป็นประจำ ทุ่งหญ้านี้เป็นที่อาศัยของฝูงลิงบาบูคาริ (Babookari) ที่เฉลียวฉลาด มันสามารถสานกับดักคล้ายตะกร้า ที่ซับซ้อนเพื่อจับปลาในทะเลสาบ ศัตรูของมันคือ นกใหญ่ที่บินไม่ได้ คาราคิลเลอร์ (Carakillers) นักล่าที่ว่องไวที่สุดของทุ่งหญ้าแห่งนี้ แร็ตเทิลแบ็ก (Rattlebacks) สัตว์ที่ใช้ฟันแทะก็ไม่กลัวไฟเช่นกัน เพราะมีเกล็ดที่ป้องกันได้ทั้งไฟ และกรงเล็บของตัวคาราคิลเลอร์
โลกอีก 100 ล้านปีข้างหน้า อ่าวเบงกอลจะกลายเป็นหนองน้ำมหึมาครอบคลุม บริเวณนับพันกิโลเมตร ตะกอนที่อุดมด้วยแร่ธาตุ ถูกพัดพามาหล่อเลี้ยงหนองน้ำนี้อยู่เสมอ จนอุดมสมบูรณ์ยิ่ง แต่ขณะเดียวกัน ก็ทำให้แสงแดดส่องผ่านพื้นน้ำที่ขุ่นคลั่กนี้ไม่ได้ เป็นที่อาศัยของสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตรายที่สุด คือ เลิร์กฟิช (Lurkfish) นักล่าที่สวยงาม ยาวสี่เมตร ที่ซุ่มจับเหยื่อ มันสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากกว่า 1,000 โวลต์
แม้แต่สัตว์ที่ใหญ่ที่สุดก็ตกเป็นเหยื่อของมัน สัตว์บางชนิดหนีอันตรายขึ้นไปอยู่บนบก รวมทั้ง ปลาหมึกหนองนํ้า (Swampus) ซึ่งพัฒนาตัวให้อยู่บนบกได้นานถึงครั้งละสี่วัน สัตว์ขนาดใหญ่ที่สุดบนพื้นโลกอนาคต คือ โทราตอน (Toraton) สัตว์ตระกูลเต่าที่มีชีวิตอยู่ด้วยพืชพันธุ์ อันมากมายที่เกิดจากสภาวะเรือนกระจก
ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นถึง 100 เมตร ทำให้พื้นที่ที่ต่ำถูกน้ำท่วม เกิดทะเลน้ำตื้นแผ่กว้าง แสงแดดที่ส่อง ผ่านถึงก้นทะเล ทำให้เกิดระบบนิเวศน์ ที่คล้ายกับแนวปะการังชายฝั่ง แต่เต็มไปด้วยสัตว์ขนาดใหญ่เท่าแมวน้ำ คือ นักร่อนชายฝั่ง (Reefgliders) ที่สืบเชื้อสายมาจากทากทะเล พวกมันมีสีสันสดใส ค่อยๆ คลานไปตามท้องสมุทร โดยมีเหงือกยาวๆ ห้อยท้าย ทำให้มันเป็นเหยื่อที่ง่ายดาย ของแมงกะพรุน ปิศาจสมุทรความยาวสิบเมตร ที่อยู่กันเป็นฝูงใหญ่
ทวีปแอนตาร์กติก ดินแดนน้ำแข็งอันไพศาล จะเคลื่อนไปอยู่ในแถบน้ำอุ่น ทำให้ตอนเหนือปกคลุมไปด้วยป่าดงดิบเขตร้อน ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ อาทิ นกพองขน (Flutterbirds) ขนาดเล็กและว่องไว กินแมลงเป็นอาหารหลัก บรรพบุรุษของมันคือ นกจมูกหลอด (Petrels)
แมลงขนาดยักษ์มีอยู่มากมาย เช่น แมลงเหยี่ยว (Falconfly) ที่เป็นนักล่าตัวใหญ่พอที่จะโฉบลงมาจับนกฟลัทเตอร์เบิร์ดกลางอากาศได้ ในโลกแบบนี้แมลงสามารถเพิ่มขนาดตัวได้ใหญ่โต เพราะบรรยากาศมีออกซิเจนมากขึ้น ด้วงสปิทไฟร์ (Spitfire) ก็ร้ายกาจพอๆ กับฟัลคอนฟลาย และยังล่าได้เงียบกริบกว่าหลายเท่า
อีกหนึ่งร้อยล้านปีข้างหน้า ทวีปออสเตรเลีย จะเคลื่อนตัวไปทางเหนือ และชนกับทวีปเอเชียและอเมริกาเหนือ การชนกันของทวีปมหึมาทั้งสองนี้ ทำให้แผ่นดินถูกบีบอัด และปูดขึ้นเป็นแนวภูเขามหึมา ที่ใหญ่กว่าหิมาลัยและสูงกว่า 9,000 เมตร บรรยากาศเบาบางในช่วงฤดูร้อน เมล็ดพืชนับล้านๆ จะหลุดจากต้น และล่องลอยไปติดใยแมงมุมมหึมา ที่ขึงขวางช่องหน้าผา
แมงมุมเงิน (Silver spiders) ที่ขนาดใหญ่จะเก็บเมล็ดพืช เหล่านี้ไปเลี้ยงตัว
พ็อกเกิล (Poggles-สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ชนิดสุดท้ายที่เหลืออยู่) แมงมุมนี้จะเลี้ยงดูและขุนพวกมันให้อ้วน เพื่อนำมาเป็นอาหารของ แมงมุมราชินีขนาดยักษ์ ช่วงเวลานั้นยังมีผู้มาเยือนจากที่สูงคือ นกวินด์รันเนอร์ (Windrunners) นกขนาดใหญ่ สีน้ำเงินนวลที่มีสี่ปีก มันจะทำรังบนที่สูง เพื่อความปลอดภัย
ช่วงเวลานี้ยังเป็นช่วงที่ภูเขาไฟปะทุมากขึ้นเรื่อยๆ และนำหายนะมาสู่โลกในที่สุด นั่นคือ การสูญพันธุ์ครั้งมโหฬาร
อนาคตอีกสองร้อยล้านปี โลกจะมีเกาะขนาดมหึมาเกาะเดียว กลายเป็นทวีปเดียวที่มีมหาสมุทรเดียว การสูญพันธุ์ครั้งมโหฬารที่ผ่านมา ได้กวาดล้างสิ่งมีชีวิตในทะเล ปลาทุกชนิดสูญพันธุ์หมด เกิดมี ซิลเวอร์สวิมเมอร์ (Silverswimmers) สืบเผ่าพันธุ์มาจากตัวอ่อน ปูขนาดเล็กจิ๋ว รูปร่างที่หลากหลา ยเช่นเดียวกับ ปลาชนิดหนึ่ง ที่รอดพ้น มาได้โดยการพัฒนา ไปเป็นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
ฟลิช (Flish) คือสิ่งมีชีวิต ที่พัฒนาจากการว่ายน้ำมาสู่การบิน หมึกสายรุ้ง (Rainbow squid) นักล่าเจ้าเล่ห์ ความยาว 37 เมตร มันจะลอยตัวอยู่ใกล้ผิวน้ำ รูปแบบที่ซับซ้อนและสีสันระยิบ ระยับบนหลังของมัน ทำให้เมื่อมองจากบนฟ้ามันจึงดูเหมือนฝูงซิลเวอร์สวิมเมอร์ และเมื่อฟลิชโฉบลงมาเพื่อจับเหยื่อ หนวดของหมึกสายรุ้งก็จะพุ่งไปเหนือน้ำและจับมันไว้ ยังมีนักล่าที่ร้ายกาจที่สุดในมหาสมุทรโลกอีกชนิดหนึ่งคือ ฉลามชาร์โคพาธ (Sharkopaths) ที่มีทั้งความเร็วและความแข็งแรง
การเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก ได้นำทวีปทั้งหมดเข้าหาและรวมตัวกัน กลายเป็นทวีปเดียว ใจกลางทวีปเป็นทะเลทรายกว้างใหญ่ไพศาล ปราศจากน้ำฝนเป็นเวลาหลายร้อยปี น้ำทั้งหมดมาจากน้ำพุใต้ดิน ภูมิประเทศกลายเป็นจุดๆ ด้วยกองดิน (คล้ายจอมปลวก) ซึ่งเป็นบ้านของ เทอราไบท์ (Terabytes)
ปลวกชนิดใหม่ที่ทนต่อสภาพทะเลทรายอันโหดร้าย ที่อยู่ของมันสามารถปรับอากาศได้ พวกมันปลูกอาหารในเรือนกระจกพิเศษ และขุดอุโมงค์ไปหาน้ำในโพรงถํ้าเบื้องล่าง หนอนการ์เดนเวิร์ม (Gardenworm) ซ่อนตัวอยู่ในโพรงถํ้า แต่จะโผล่ขึ้นมาเมื่ออุณหภูมิอยู่ในระดับที่สามารถทนได้ หนอน สลิคริบบิน (Slickribbons หนอนยาวหนึ่งเมตรที่มีขากรรไกรอันร้ายกาจ) เป็นนักล่าอันดับหนึ่งในระบบโพรงถํ้านี้
สองร้อยล้านปีในอนาคต พายุไฮเปอร์เคน ที่มหึมาและทรงพลัง ได้ก่อให้เกิด ทะเลทรายแห้งผาก และกวาดเอาสัตว์ทะเล เช่นฟลิชลอยข้ามภูเขา และเทลงในทะเลทรายเขตฝน บัมเบิล บีทเติล (Bumble Beetle) แมลงที่มีเป้าหมายเดียวคือ หา "ซากฟลิช" เมื่อพบซากฟลิชที่ตาย มันจะระเบิดท้องให้ตัวอ่อนที่เรียกว่า กริมเวิร์ม (Grimworms) ออกมาและเข้าไปเติบโตอยู่ในซากฟลิช
เดสเซิร์ท ฮอปเปอร์ (Desert Hopper) สัตว์กินพืชที่พัฒนามาจากหอยทาก แต่กระโดดแทนที่จะคืบคลาน ทำให้พวกมันเดินทางได้ไกลขึ้น และหายใจเอาออกซิเจนได้มากขึ้น ที่มุมมหาทวีปทางตะวันตกเฉียงเหนือ มีป่าดงดิบเขียวขจีกว้างใหญ่ ฝนก็ตกชุก บรรยากาศที่อุดมด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ และอุณหภูมิที่อบอุ่น ทำให้ป่าเจริญงอกงาม
ไลเคน (Lichens) ได้พัฒนาเป็นพุ่มหรือต้น ในป่าเขตนี้นกถูกแทนที่ด้วยฟลิช ซึ่งมีสีสันสวยงามและละเอียดอ่อน พวกมันกระพือปีกบินไปทั่วป่า และนอน เอาหัวลงในตอนกลางคืน โดยเกาะกิ่งไม้ไว้ แต่ สลิธเธอร์ซัคเกอร์ (Slithersucker) เมือกล่าเหยื่อซึ่งไหลหนืดไปตามกิ่งไม้ จับฟลิชที่ไม่รู้ตัวไว้เป็นอาหาร
การที่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมสูญพันธุ์ไปหมด สัตว์จำพวกปลาหมึก ก็รุกเข้ามาในแผ่นดิน ปลาหมึกชนิดที่ใหญ่ที่สุดคือ เมกาสควิด (Megasquid) ตัวหนักกว่าช้าง และลุยผ่านป่าแฉะๆ ไปด้วยขาทั้งแปด หมึกชะนี (Squibbon) ญาติของมันเป็นสัตว์กระฉับกระเฉง ที่ใช้เวลาทั้งวันห้อยโหน ไปตามกิ่งไม้ด้วยความเร็วสูง สติปัญญาของมันใกล้เคียงมนุษย์ และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันเป็นสังคม
ความคิดเห็น