ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดูการ์ตูนอย่างแมว ๆ

    ลำดับตอนที่ #136 : Denpa Onna to Seishun Otoko สาวคลื่นไฟฟ้ากับหนุ่มวัยละอ่อน

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.ค. 54


     

    10 พล็อตการ์ตูนที่แปลกแหวกแนว by Cammy

    http://www.dek-d.com/board/view.php?id=2180956

     

    Denpa Onna to Seishun Otoko เป็นหนึ่งในการ์ตูนใหม่ที่ผมติดตามดูมาตลอดในช่วงนี้ (และมีการ์ตูนอีก 2 เรื่องที่ผมติดตามดูคือ C - The Money of Soul and Possibility Control และ Ano Hi Mita Hana no Namae o Bokutachi wa Mada Shirana)

    ตอนที่ผมดูลายชื่ออนิเมชั่นที่มาใหม่ ผมยังไม่รู้เลยว่า Denpa Onna to Seishun Otoko เป็นการ์ตูนที่มีเนื้อหาอะไรกันแน่ ดูภาพจากกูเกิลก็เดาไม่ออกเลยสักนิด จะเป็นเรื่องไซไฟท่องอวกาศ หรือจะเป็นแอ็คชั่นหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ด้วยยี่ห้อของอากิยูกิ เชงโบแล้วผมเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน  และเมื่อการ์ตูน Denpa Onna to Seishun Otoko ตอนที่ 1 มาถึง ผมก็เปิดดูทันที แต่ทว่าเมื่อดูตอนแรกจบผมก็ งงอยู่ดี ตกลงแล้วว่ามันคือการ์ตูนที่มีเนื้อหาแนวอะไรกันแน่? ตอนที่ 2 ก็ยังไม่เข้าใจ ตอนที่ 3 เริ่มเข้าลางมาหน่อย จนกระทั้งตอนที่ 4 เป็นตอนไปก็ผมก็เริ่มเข้าใจจุดประสงค์ของเนื้อหาการ์ตูน ว่าการ์ตูนต้องการสื่ออะไร และดำเนินเรื่องไปในทิศทางไหน และเมื่อดูครึ่งตอนผมก็มีความรู้สึกว่า ผมชอบการ์ตูนเรื่องนี้ มันทำให้ผมติดใจและประทับใจผมเป็นที่เรียบร้อย(แม้ไม่รู้ว่าตอนจบจะเป็นอย่างไรก็ตาม)

     

      

    Denpa Onna to Seishun Otoko

    แนว ไซไฟ(ตรงไหน), คอมมาดี้(ก็ดูไม่ออก), ชีวิตประจำวัน

     

                    Denpa Onna to Seishun Otoko หรือ Electric Wave Woman and Youthful Man” หรือชื่อเป็นไทยว่า สาวคลื่นไฟฟ้ากับหนุ่มวัยละอ่อน โดยคำว่า “Denpa หรือ “คลื่นไฟฟ้า” เป็นคำที่ใช้เรียกบุคคลที่อาการจิตผิดปกติ(บ้าๆ บอๆ หรือก็เพี้ยน) หรือเชื่อในเรื่องแปลกๆ  ซึ่งคล้ายคำศัพท์เรียกคนนิสัยแปลกๆ ในภาษาอังกฤษว่า Tin foil hat” หรือ “หมวกฟอยล์ดีบุก” ซึ่งความหมายของสาวคลื่นไฟฟ้าความจริงก็คือเอริโอ้นางเอกของการ์ตูนเรื่องนี้เอง แต่กระนั้นในเรื่องก็มีสาวอีกสี่คนที่เป็นสาวคลื่นไฟฟ้า(เพี้ยน)เหมือนกัน แต่ความเพี้ยนจะเพี้ยนมากหรือเพี้ยนน้อยก็แล้วแต่เอกลักษณ์ของแต่ละคน โดยเรื่อง   Denpa Onna to Seishun Otoko ครั้งแรกเป็นนวนิยายไฟไซ(ตรงไหน?) เขียนโดย Hitoma Iruma ภาพประกอบโดย  Buriki ออกระหว่างเดือนมกราคม 2009 ถึงเมษายน 2011 มีทั้งหมด 8 เล่มจบ จัดพิมพ์โดย ASCII Media Works และถูกดัดแปลงทำเป็นอนิเมชั่น 12 ตอน กำกับโดยอากิยูกิ เชงโบ (Akiyuki Shinbo) เริ่มออกอากาศในเดือนเมษายน 2011 เป็นต้นมา

                    Denpa Onna to Seishun Otoko เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มธรรมดาคนหนึ่ง ชื่อ มาโกโตะ นิวะ ที่ได้บ้านและย้ายโรงเรียนมาโรงเรียนมาเรียนต่อที่เมืองแห่งหนึ่งซึ่งเมืองแห่งนี้ได้ถูกเรียกว่าเป็น"เมืองที่ถูกเฝ้ามองจากมนุษย์ต่างดาว" เพราะเมืองนี้มีคนพบจานผีบ่อยมาก  เมื่อมาโกโตะมาถึงเขาก็มาอาศัยอยู่กับญาติ  และเมื่อเขามาถึงเขาก็ได้พบกับ ร่างคนถูกผ้านวมมัดไว้หน้าบ้าน? และดูเหมือนน้าสาวไม่สนใจกับเรื่องดังกล่าวด้วย ต่อมามาโกโตะก็รู้ความจริงเมื่อพบว่าคนที่ถูกผ้านวมมัดก็คือ เอริโอ้ โทวะซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขานั่นเอง โดยเธอเป็นเก็บตัว(ไม่เชิงเป็นพวกนีท เนิร์ด หรือฮิคิโคโมริ) และเป็นสาวคลื่นไฟฟ้าที่เชื่อว่าตัวเองนั้นเป็นมนุษย์ต่างดาว คอยรับการติดต่อจากมนุษย์ต่างดาวที่เมืองนี้ โดยสาเหตุที่เธอเชื่อเช่นนี้ก็คือ เธอนั้นเคยหายตัวไป ถึง 6 เดือนเต็มๆ จนมีคนมาพบเธอที่กลางทะเล โดยเธอนั้นลืมความทรงจำ 6 เดือนที่เธอหายตัวไปจนหมดสิ้น  และเมื่อมาโกโตะรู้เรื่องของเอริโอ้เขาก็อยากค้นหาความทรงจำของ เอริโอ้ คืนมาให้ได้ และดึงเอริโอ้ให้กลับมาเป็นผู้เป็นคนซักที? เขาจะสามารถทำได้หรือไม่ก็ติดตามดูต่อไป

                    
                  ผมดูเรื่องนี้แล้ว ผมรู้สึกมีอาการหลงรักผู้กำกับอากิยูกิขึ้นมาทันใด ผมว่าผลงานดังกล่าวสนุกที่สุดเท่าที่ผมดูผลงานของผู้กำกับคนนี้มา หรืออาจเป็นการ์ตูนมาตรฐานลายเซ็นของผู้กำกับแบบนี้ไปแล้ว ในการวางรากฐานการ์ตูนดำเนินเรื่องแปลกๆ และเน้นความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร เช่นเรื่อง Bakemonogatari series (2009), Soredemo Machi wa Mawatteiru (2010), Puella Magi Madoka Magica (2011) และผลงานล่าสุดที่ผมกำลังรอคอยก็คือพระเจ้าจอร์ดมันยอดมาก ที่ขึ้นชื่อยี่ห้อผู้กำกับแล้วเชื่อขนมกินได้เลยว่าไม่ผิดหวังแน่นอน

    Denpa Onna to Seishun Otoko เป็นการ์ตูนไม่กี่เรื่องของอากิยูกิ ที่ใช้ตัวพระเอกที่ไม่มีอะไรโดดเด่นเลย ไม่มีแม้กระทั้งสกิลปล่อยมุกตลก ไม่มีพูดตัดมุก ไม่มีพลังวิเศษ ไม่ได้เป็นแวมไพร์  ไม่มีพลังย้อนเวลา ไม่มีเวทมนตร์ ฯลฯ แต่เป็นคนธรรมดาเดินดิน ปกติธรรมดาสามัญ แต่นอกเหนือจากนั้นยังคงตามลายเซ็นของอากิยูกิเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นตัวเอกผู้หญิงที่มีนิสัยแปลกๆ บ้าๆ บอๆ โลกที่บรรยากาศไร้ผู้คน มุมกล้องแปลกๆ เปลี่ยนมุมกล้องไปๆ มาๆ จนคนดูเมาให้ได้ สีสันของภาพที่ดูแปลกๆ ฉากที่พูดคุยตลอดเกือบทั้งเรื่อง(ไม่ว่าจะเป็น พระเอกบ่น, พูดในใจ, คุยกับตัวละคร) ล้วนมีหมด

      แม้ว่าเนื้อหาของการ์ตูนเรื่องนี้จะเน้นการพูดคุยทั้งเรื่อง  แต่ไม่น่าเบื่อเลยสักนิด อันเนื่องจากมุมกล้องเปลี่ยนไปมา โดยมุมมองกล่าวเน้นเรื่องการซูมไปที่ผู้หญิงไปส่วนใหญ่(ผิดกับบางเรื่อง) ที่เห็นสัดส่วนดูยวนตา ซูมตรงใบหน้า(เห็นขนตา รอยยิ้ม), หน้าอก, ต้นขา ของบรรดาตัวละครผู้หญิงเป็นพิเศษ จะเรียกว่าถูกใจคนชอบโมเอะก็ไม่ผิดนัก เพราะตัวละครผู้หญิงในการ์ตูนเรื่องนี้ทุกคนต่างน่ารักได้ใจทุกตัว ทุกคนมีสเน่ห์  มีทั้งอกอึ๋ม ยิ้มพิมพ์เสน่ห์ เช่น เอริโอ้แม้จะเตี้ยแบนแต่เวลาออกมานี้โมเอะได้ใจคนดูสุด เพราะมีรัศมีเปล่งประกายแพรวพราวราวกับการ์ตูนผู้หญิงไม่ปาน ช่วยทำให้เอริโอ้กลายเป็นตัวละครหญิงมีความพิเศษไม่เหมือนตัวละครอื่นๆ ในเรื่องทันใด หรือจะเป็นเรียวโกะกล้องมักซูมที่หน้าอกเป็นพิเศษ หรือมาเอคาว่าตอนทักกันครั้งแรกกล้องก็ซูมไปที่ขนตายาวของเธอ จมคนดูต้องอุทานว่า น่ารักจังเลยซะนั้น อีกทั้งลักษณะเฉพาะของตัวละครที่มีลักษณะเด่นแตกต่างกัน บางคนเอียงตัว บางคนเผยให้เห็นต้นแขนนิดๆ   เป็นต้น

    Denpa Onna to Seishun Otoko เปิดฉากออกมาเหมือนการ์ตูนเรื่องอื่นๆเมื่อตัวเอกมาโกโตะตัดสินใจย้ายไปอยู่บ้านญาติเพื่อไปเรียนโรงเรียนมัธยมแห่งใหม่ เด็กชายที่ออกจากอกพ่อแม่เพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆ สถานที่ใหม่ๆ เพื่อนใหม่ๆ ปัญหาปมใหม่ๆ  อันเป็นสูตรสำเร็จที่การ์ตูนเรื่องอื่นๆ นิยมมาเล่น ขนาดการ์ตูนที่ออกช่วงนี้มีแนวตัวเอกย้ายบ้านนี้มากกว่า 2-3 เรื่องไปแล้ว

    หลังจากนั้นการดำเนินเรื่องของการ์ตูนก็เริ่มเหมือนคนบ้าใต้สะพาน ที่ตัวเอกซึ่งเป็นคนปกติที่สุดในเรื่อง ต้องพบบุคคลที่มีนิสัยแปลกประหลาดมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเอริโอ้ลูกพี่ลูกน้องที่คิดว่าตนเป็นมนุษย์ต่างดาวและชอบอยู่แต่ในผ้าห่ม ชอบกินพิชซ่าแบบแปลกๆ ชอบเดินตอนกลางคืนเพียงลำพัง ชอบพูดเรื่องเข้าใจยาก, ริวโกะสาวไฮเปอร์ชอบกินผักแต่ไม่ชอบกินเนื้อสวมหมวกนิรภัยเวลาขี่จักรยาน ไม่ชอบชื่อเล่น, มาเอคาว่าชอบแต่งคอสเพลย์ออกมาเดินข้างนอก กังวลเรื่องความสูง  ชอบวิงเวียนคล้ายเป็นลม(เธอเป็นโรคความดันโลหิตต่ำ) หรือแม้แต่ญาติสาวใหญ่(อายุ 40)ที่นิสัยเหมือนเด็กชอบหยอกโมโกโตะจนไม่รู้ว่าทีเล่นหรือทีจริง ฯลฯ ซึ่งตัวเอกมาโกโตะต้องพบบุคคลนิสัยแปลกเหล่านั้น สลับไปมาจนจบหนึ่งตอน แม้จะดูเหมือนตลก แต่มีการแฝงด้วยความดราม่า การพัฒนาด้านจิตใจ วันต่อวัน สอดแทรกประเด็นของสังคม เข้าไปอย่างแนบเนียน ภายใต้ตัวละครหลักๆ แค่ 6 ตัว โดยเน้นการดำเนินเรื่องด้วยการพูดคุยและการสร้างความสัมพันธ์กับตัวละคร

                      

                    มาโกโตะ นิวะ เด็กนักเรียนมัธยมปลาย ตัวเอกของเรื่องที่ย้ายบ้านเพราะว่าพ่อแม่ของเขาไปต่างประเทศ และมาอาศัยอยู่บ้านญาติ เป็นคนธรรมดา นิสัยไม่ขัดใจคนอื่นและไม่รับมุกคนอื่น แม้อายุ 15 ปีแต่กระนั้นเขาก็มีความคิดลึกซึ้ง และมุ่งมั่นให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตวัยรุ่น อีกทั้งยังมีนิสัยที่ชอบให้คะแนนชีวิตวัยรุ่นแบบแปลกๆ ซึ่งเขาจะให้คะแนนให้แก่ตัวเองว่าชีวิตวัยรุ่นของเขาซาบซ่าขนาดไหน โดยเพิ่มขึ้นหรือลดก็เมื่อเขาอยู่ต้องเผชิญหน้ากับผู้หญิง(และตอนท้ายตอนเขาก็เอาคะแนนดังกล่าวมาสรุป) โดยส่วนตัวผมค่อนข้างชอบตัวละครตัวนี้เพราะว่าเป็นพระเอกที่มีรูปธรรม โดดเด่น แม้ว่าการออกแบบเหมือนไม่มีจุดเด่นก็ตาม และผมค่อนข้างชอบการบรรยายของพระเอกแม้ว่าจะพูดมากแต่ก็มีชั้นมีเชิง ไม่เหมือนพระเอกบางเรื่องที่ชอบบ่นและผมฟังแล้วหงุดหงิด 

                  
                  เอริโอ้ โทวะ
      ลูกพี่ลูกน้องของมาโกโตะ วันหนึ่งเธอหายตัวไปอย่างลึกลับเป็นเวลาหกเดือนโดยไม่มีความทรงจำในช่วงนั้น ในขณะเดียวกันเธอก็เชื่อว่าเธอสามารถสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาว ชอบเรื่องมนุษย์ต่างดาว พยายามทำให้คนอื่นเชื่อว่าตนเองเป็นมนุษย์ต่างดาว โดยการพูดศัพท์อะไรยากๆ หรือทำอะไรที่บ้าบิ่น จนคนในเมืองรู้จักเธอไปทั่ว ทั้งๆ ที่ความจริงเธอเป็นคนน่ารัก ขี้อาย ปัจจุบันอยู่แต่ในบ้าน เพราะลาออกกลางคัน แต่กระนั้นเธอก็ยังพยายามที่จะกลับเข้าสังคมอยู่

     มาโกโตะกับเอริโอ้ ตอนแรกเมื่อมาโกโตะเจอเอริโอ้ที่ม้วนตัวอยู่ในผ้านวม มาโกโตะก็เกิดสนใจว่าสาวน้อยคนนี้เป็นใคร และทำไมอาของเขาไม่สนใจ  ทำไมเธอถึงเรียกตนว่ามนุษย์ต่างดาว ต่อมาเขารู้ว่าเอริโอ้นั้นเป็นเด็กมีปัญหา มีชื่อเสีย(ง)ไปทั่วเมืองจนหลายคนไม่อยากคบหาสมาคมด้วย ริวโกะเตือนมาโกโตะว่าอย่าไปคบเอริเอ้พราะจะทำให้คนอื่นไม่อยากคบมาโกโตะด้วย แม้แต่เมเมะที่เป็นแม่ของเอริโอ้เองยังเตือนมาโกโตะด้วยซ้ำว่าปล่อยให้เธออยู่อย่างงั้นแหละ เพราะเป็นการดีสำหรับเธอ(เพราะเมเมะรู้ว่าหากมาโกโตะเป็นเพื่อนกับเอริโอ้ปัญหาใหญ่นั้นอาจตามมา)  อย่างไรก็ตามด้วยความเป็นพระเอก(ฮาเร็ม) มาโกโตะไม่เลิกที่จะสนใจเอริโอ้ แม้เอริจะพูด แต่เรื่องเข้าใจยาก(หรือพูดจาภาษาต่างดาว) ชอบทำตัวแปลกประหลาด และชอบว่าตนเป็นมนุษย์ต่างดาวเหมือนนางเอกอาราคาว่าใต้สะพาน(ซึ่งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะคนบ้าใต้สะพานเน้นตลก แต่สาวคลื่นไฟฟ้านั้นเน้นเรื่องราวรักใสๆ บวกดราม่านิดๆ มากกว่า)

    สาเหตุที่มาโกโตะก็ไม่ได้รังเกียจเอริโอ้ เชื่อว่าโมโกโตะเห็นเอริโอ้อยู่คนเดียว โดดเดี่ยว มันช่างคล้ายตัวเขาที่มาอยู่ตัวคนเดียวในเมืองแห่งนี้ เพียงแต่เหตุผลที่เขาและเอริโอ้ต้องโดดเดี่ยวแตกต่างกันออกไป มาโกโตะจำเป็นต้องโดดเดี่ยวเพราะการย้ายบ้าน ส่วนเอริโอ้เป็นเพราะความทรงจำหายทำให้โดดเดียว(บวกกับำปทำเรื่องำม่ดีในโรงเรียนเอ่ไว้ด้วย) เมื่อมาโกโตะเห็นตัวตนเอริโอ้ซ้อนทับกับเรื่องตนเอง เขาก็พยายามดึงให้เอริโอ้กลับให้เป็นผู้เป็นคนมากที่สุด ด้วยการพิสูจน์ว่าเธอไม่ใช่มนุษย์ต่างดาวด้วยการบั่นจักรยานเหาะลงทะเล(ชอบฉากนี้มากแซว E.T.ตบท้ายด้วยความโมเอะ)

    มาโกโตะได้ทำลายความเชื่อเอริโอ้ว่าตนเองเป็นมนุษย์ต่างดาวลง โดยแลกกับการได้รับบาดเจ็บจนต้องอยู่ในโรงพยาบาลระยะหนึ่ง เมื่อออกมาจากโรงพยาบาล เอริโอ้ยังคงเป็นตัวของตัวเอง อยู่ในผ้าห่มฟุกม้วนเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไป เธอเริ่มพูดจาเป็นตัวเป็นผู้เป็นคนขึ้น อีกทั้งยังน่ารักกว่าเดิม  เอริโอ้ได้เปลี่ยนคาแร็กเตอร์ไปโดยสิ้นเชิงในตอนนี้

    หลังจากนั้นเอริก็ปรึกษากับมาโกโตะว่า ตนตัดสินใจอยากกลับเข้าสู่สังคมและอยากทำงาน มาโกโตะรู้เลยว่ามันแทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะสังคมในเมืองแห่งนี้ไม่อยากต้อนรับการกลับมาของเอริโอ้อยู่ดี ก่อนที่เรื่องจะสิ้นสุดลงเมื่อเอริโอ้ได้ทำงานที่ร้านสะดวกซื้อในละแวกใกล้เคียงซึ่งเจ้าของร้านเป็นคนยายแก่ๆ ที่ล้มป่วยอยู่ แต่นั้นเป็นแค่จุดเริ่มต้นก้าวเล็กๆ สำหรับการเข้าสังคมของเอริโอ้เท่านั่น

    ดูจากเรื่องของเอริโอ้ ทำให้ผมเกิดความคิดว่าช่วงเวลานี้การ์ตูนญี่ปุ่นพยายามเน้นตัวละครเอกที่มีนิสัยเก็บตัวหรือกำลังเป็นปัญหาในสังคมญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น พวกนีท เนิร์ด หรือฮิคิโคโมริ โดยวางปมสาเหตุที่มาที่อะไรทำให้ตัวละครเหล่านั้นมีนิสัยดังกล่าว แต่สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากปัญหาในโรงเรียนที่ถูกสังคมที่นั้นรังเกียจ จนเกิดเป็นปัญหาบาดแผลทางใจ จนทำให้ตัวเอกไม่กล้าเผชิญกับปัญหา  ซึ่งประเด็นเหล่านี้เอริโอ้ก็มีเช่นกัน หากแต่การ์ตูนยังไม่เปิดเผยว่าเอริโอ้ไปทำอะไรไว้ในโรงเรียนเก่าจนทำให้เธอไม่กล้ากลับไปอีก  เมื่อเอริโอ้เกิดปัญหาทางใจ หนีความจริง(การสูญเสียความทรงจำเป็นเพียงเรื่องรองเท่านั้น) ครอบครัวทำได้เพียงแต่มองอยู่ห่างๆ ไม่สามารถจะทำอะไรมากนัก การมาของมาโกโตะจึงเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ ซึ่งสิ่งเหล่านี้การ์ตูนเรื่องอื่นๆ นำมาใช้ดำเนินเรื่องจนเปื่อยผุพังแล้ว หากแต่ Denpa Onna to Seishun Otoko กลับทำเรื่องเหล่านี้อย่างมีเสน่ห์ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินเรื่องแม้เรื่องจะมีดราม่าแทรกเป็นบางครั้ง แต่ดราม่าของการ์ตูนดังกล่าวไม่ได้แรงหรือตึงเครียดเกินไป อีกทั้งยังใช้หลักการโมเอะ สร้างเอริโอ้เป็นสาวน้อยให้น่ารัก น่าปกป้อง บางฉากก็ยั่วยวน เช่น ทำผมทวิลเทน เผยต้นขา ยั่วยวน การแต่งตัวที่เห็นช่วงไหล่เปลือยเป็นบางครั้ง การยิ้มพิมพ์ใจ ผมยาวสลวย รัศมีเปล่งประกาย ฯลฯ เรียกได้ว่าไม่ตกหลุมรักเอริโอ้ก็ไม่รู้จะว่าอะไรแล้ว

                     

                    มิฟูเนะ ริวโกะ เพื่อนร่วมชั้นน่ารักฟันซี่เดียวของมาโกโตะที่เป็นคนแรกที่ทักและเป็นมิตรกับเขา  นิสัยสดใสร่าเริงแบบไฮเปอร์ ไม่ชอบให้คนอื่นเรียกเธอว่าริวชิ เอกลักษณ์เด่นคือ เวลาเธอขี่จักรยานจะต้องใส่หมวกนิรภัยเสมอ นิสัยแปลกๆ เหมือนวัยรุ่นทั่วไป(ประมาณว่า ชอบผสมน้ำอัดลม, เอาหมวกมาสวมกันลมพัดผมยุ่ง ฯลฯ) 

    มาโกโตะกับริวโกะ ริวโกะถือว่าเป็นผู้หญิงปกติธรรมดาของเรื่อง แม้ว่าเธอจะดูเพี้ยนเหมือนกัน แต่เป็นการเพี้ยนที่สังคมรับได้  ตอนแรกปรากฏออกมาในฐานะเพื่อนร่วมชั้นที่สังเกตเห็นว่าโมโกโตะกลับบ้านเส้นทางเดียวกัน แต่ตอนแรกความสัมพันธ์ระหว่างมาโกโตะกับริวโกะเป็นเพียงเพื่อนร่วมชั้นธรรมดา มาโกโตะอยากไปชอปปิ้งก็ไปด้วย เวลาคุยกันคุยก็คุยปกติธรรมดา กินข้าวเที่ยงด้วยกัน ทำตัวร่าเริง ไฮเปอร์ พูดคุยกันสนุกสนาน มาโกโตะเองก็มักให้คะแนนรู้สึกบวกเวลาอยู่กับริวโกะ ก่อนที่ความรู้สึกของริวโกะจะขยายตัวกลายเป็นความรักที่มีต่อมาโกโตะ(ไม่เชิงว่าเป็นรักแรกพบ)

    ในตอนที่ 6 เป็นตอนที่นำเสนอมุมมองที่แตกต่างกันออกไป หลังจากที่ผ่านมานำเสนอมุมมองของมาโกโตะหมด แต่มาตอนนี้กลับนำเสนอมุมมองของริวโกะบ้าง(ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นมุมมองของมาโกโตะช่วงกลางตอน) เมื่อริวโกะเริ่มรู้ตัวว่าเธอตกหลุมรักมาโกโตะ และเริ่มเห็นเอริโอ้เป็นคู่แข่งความรักแบบกลายๆ ซึ่งระหว่างริวโกะกับเอริโอ้แล้ว ทั้งสองไม่รู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ เพียงแต่เธอได้ยินข่าวลือว่าเอริโอ้เป็นคนแปลกที่คนในเมืองไม่อยากคบหาสมาคมด้วย ทำให้เธอรู้สึกตั้งแง่เกี่ยวกับเอริโอ้ไปทางลบ บวกกับริวโกะเห็นว่ามาโกโตะสนใจเอริโอ้มากกว่าตน ทำให้เธออิจฉาเอริโอ้นิดๆ ทำให้เธอพยายามให้มาโกโตะหันมาสนใจเธอแบบน่ารัก แต่สิ่งที่กังวลที่สุดก็คือการที่เธอพยายามเตือนมาโกโตะว่าอย่าไปยุ่งกับเอริโอ้เพราะอยากทำให้มาโกโตะไม่มีเพื่อน ซึ่งนั้นทำให้มาโกโตะต้องคิดมากในเรื่องดังกล่าวเหมือนกัน ทำให้น่าติดตามว่าบทบาทอนาคตของริวโกะกับมาโกโตะและเอริโอ้จะเป็นอย่างไรต่อไป

                     

    มาเอคาว่า เพื่อนร่วมชั้นอีกคนของมาโกโตะ เป็นผู้หญิงตัวสูง ชอบเรียกมาโกโตะว่า “เด็กใหม่, นักเรียนแลกเปลี่ยน” มีนิสัยประหลาดแปลกๆ มากมาย เช่น ชอบยกแขนตั้งบนหัวของเธอนานกว่าสิบนาที และชอบแต่งคอสเพล์แปลกๆอยู่เสมอ และชอบทำงานพิเศษเป็นอย่างมาก ดึกๆชอบเดินเล่นด้วยชุดคอสเพล์แปลกๆ ในโรงเรียนมาโกโตะไม่ค่อยพูดกับเธอนัก แต่มักคุยในช่วงเลิกเรียนหรืออยู่ข้างนอก

    มาโกโตะและมาเอคาว่า ผมรู้สึกชอบฉากที่มาโกโตะคุยกับมาเอคาว่าครับ สาเหตุที่ชอบมี 2 อย่าง คือได้เห็นสเน่ห์ของมาเอคาว่าที่น่ารักดีครับ  ด้วยความตัวสูง หน้าอกตูมๆ และขาอ่อนที่ดูแล้วยั่วยวน(เห็นบ่อยตอนแต่งคอสเพลย์) และขนตางอนยาวงาม ดูแล้วทำให้มาเอคาว่าเป็นตัวละครที่มีคาแร็กเตอร์ไม่เหมือนใคร ซึ่งตอนแรกนึกว่าเธอเป็นสาวเงียบ  แต่พอปรากฏตัวออกมากลับเป็นตัวปล่อยมุกแบบทีเล่นทีจริงกับมาโกโตะซะงั้น

    ในด้านความสัมพันธ์กับมาโกโตะนั้นตอนนี้กำลังเป็นแค่เพื่อนกันอยู่ ซึ่งไม่รู้ว่าเธอมีความสนใจมาโกโตะแบบเรียวโกะหรือไม่ แต่ผมเชิ่อว่ามาเอคาว่าเป็นเพื่อนที่มาโกโตะปรึกษาแล้วสบายใจที่สุด เพราะมาเอคาว่าเป็นบุคคลที่ไม่หลงกระแสรอบข้าง และมักมีความคิดเห็นเข้าข้างมาโกโตะมากกว่า โดยบทสนทนาที่ชอบที่สุดก็คือในตอนที่มาโกโตะกำลังกังวลใจเรื่องที่ริวโกะอิกว่าหากคบเอริโอ้ต่อไป มาโกโตะอาจไม่มีเพื่อนอีกต่อไป ตอนแรกมาโกโตะรู้สึกกังวลเพราะการไม่มีเพื่อนก็สงผลทำให้ชีวิตวัยรุ่นเขาไม่ซาบซ่าไปด้วย โดยบุคคลแรกที่มาโกโตะปรึกษาคือคุณย่าร้านขายของชำที่เอริโอ้ทำงานอยู่ คุณย่าได้แสดงนักปรัชญาว่า”เพื่อนมันไม่ใช่น้ำหรือออกซิเจนสักหน่อยขาดไปก็ไม่เห็นจะตาย(ฉากดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าสังคมยังต้องการพูดสูงอายุอยู่)  มาโกโตะเก็บไปคิด วันต่อมาเขาได้ปรึกษากับมาเอคาว่าคิดยังไงกับเอริโอ้ ซึ่งมาเอคาว่าตอบว่า “ไม่ว่าใครก็ต้องมีที่ของตนเองกันทั้งนั้น แล้วที่ของเอริโอ้มันอยู่ที่ไหนกันแน่นะ?” และประโยคนั้นทำให้มาเอคาว่ากลับมาสนใจเรื่องของเอริโอ้อีกครั้ง

    จากบทสนทนาของมาโกโตะและมาเอคาว่า แสดงให้เห็นว่ามาเอคาว่านั้นเป็นผู้หญิงที่ไม่มีเพื่อนและโดดเดี่ยวเหมือนเอริโอ้ อาจเป็นเพราะนิสัยที่ประหลาดและความดันโลหิตต่ำ(??) ทำให้คนรอบข้างไม่สนใจ  การที่มาเอคาว่ามาทักกับมาโกโตะแสดงให้เห็นว่า เธอมองมาโกโตะเป็นคนโดดเดี่ยวเหมือนกับเธอ และอยากจะเป็นเพื่อน สุดท้ายบทบาทในอนาคตของมาเอคาว่าก็น่าสนใจว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

                     

    เมะเมะ โทวะ อาของมาโกโตะซึ่งเป็นน้องสาวของพ่อของมาโกโตะ  สาวใหญ่วัยย่าน 40 และเป็นแม่ของเอริโอ้ ที่ไม่ค่อยอยู่บ้านมากนัก  มีนิสัยทีเล่นทีจริง ชอบหยอกมาโกโตะ และอยากให้มาโกโตะมาเป็นสามี?  ภายนอกเหมือนไม่สนใจเอริโอ้ที่มีนิสัยแปลกๆ แต่ความจริงเธอก็รักลูกของเธอเหมือนกัน

    เอริโอ้แลเมเมะ เมเมะเป็นผู้หญิงคนแรกที่มาโกโตะรู้จักหลังจากย้ายมาในเมืองแห่งใหม่ ซึ่งตอนแรกมาโกโตะรู้สึกแปลกใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นอาของเราจริงหรือเปล่าเนี้ย ทำไมอายุ 39- 40 ถึงได้ยังสวยขนาดนี้ ด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ส่งผลทำให้หลายคนอวยตัวละครตัวนี้พอสมควร

    ในด้านนิสัยนั้นก็ไม่แน่ชัดว่าเมเมะนั้นคิดกับมาโมโตะอย่างไร เพราะมักมาแบบทีเล่นทีจริง แต่คาดว่ามาโกโตะนั้นมีลักษณะคล้ายพ่อของเขาทำให้ดูแล้วน่าแกล้งดี ส่วนนิสัยอื่นๆ เนเนะก็เป็นผู้ใหญ่ที่ดีให้ความอิสระแก่มาโกโตะเต็มที่ เสมือนหนึ่งมาโกโตะเป็นครอบครัวเดียวกัน

    ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างเมเมะกับเอริโอ้นั้น ตอนที่มาโกโตะมาถึงนั้นพบว่าความสัมพันธ์ของแม่ลูกนั่นค่อนข้างง่อนแง่นพอสมควร เพราะว่าเมเมะไม่สนใจเอริโอ้เลย ทำเสมือนกับว่าไม่มีตัวตน เป็นอากาศธาตุ  หากแต่ความจริงแล้วในจิตใจลึกๆ ของเมเมะนั้นเป็นห่วงลูกสาวมาก เพราะดูจากของที่ประดับห้องเอรินั้นมีราคาแพงสมควร(บอลแชร์ราคาเป็นแสน)  และยังให้เงินแก่เอริโอ้ซื้อพิซซ่ากินเกือบทุกวัน แต่เมเมะก็ยอมรับว่าการให้เงินแก่ลูกสาวนั่นไม่ใช้ผู้ปกครองที่ดี ตอนเอริโอ้ออกจากโรงเรียนเป็นเด็กเก็บตัวเธอก็ไม่ได้ว่าอะไรสักอย่าง อีกทั้งไม่มีเวลาเอาใจใส่ ทำแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับการรังแกลูก ทำให้ตอนแรกๆ เมเมะเตือนมาโกโตะว่าหากสนใจคบเอริโอ้เพราะเอริโอ้สวยนั้นจงเลิกซะ ที่เมเมะเตือนมาโกโตะแบบนี้นอกจากเป็นการดีสำหรับเอริโอะแล้ว  เมเมะยังเป็นห่วงมาโกโตะด้วยเพราะว่าเอริโอะนั้นเป็นตัวปัญหาของสังคม หากคนอื่นรู้ว่ามาโกโตะคบเอริล่ะก็เกิดปัญหาใหญ่แน่

                หากแต่สุดท้ายมาโกโตะเลือกที่จะช่วยเอริโอ้ และได้ทำลายความเชื่อของเอริโอ้ว่าเธอเป็นมนุษย์ต่างดาวลง ซึ่งตอนแรกมาโกโตะก็คิดว่าเมเมะจะโกรธ หากแต่กลับตรงกันข้าม เธอไม่ได้ว่าอะไรกับมาโกโตะเลย เพราะเมเมะได้เห็นว่าที่มาโกโตะช่วยเอริโอ้นั่นไม่ได้เป็นเพราะเห็นว่าเอริโอ้สวย หากแต่ช่วยเพราะความจริงใจ และนั้นเองทำให้ช่วงหลังๆ เมเมะก็ เริ่มให้ความสนใจเอริโอ้มากขึ้น อีกทั้งมาโกโตะเองก็เริ่มเข้าไปเป็นสมาชิกครอบครัวของเอริโอ้อย่างเต็มตัว

                     

                    ยาชิโร โฮชิมิยะ สาวน้อยผมขาวที่ปรากฏตัวท้ายเรื่อง ที่อ้างว่าเป็นมนุษย์ต่างดาวและมีพลังจิต มักสวมชุดนักบินอวกาศและชอบพูดภาษาต่างดาว มีข่าวลือว่าเธอเป็นเด็กหนีออกจากบ้าน ส่วนความจริงนั้นยังไม่แน่ชัดเพราะอนิเมชั่นจบลงเสียก่อน และความสัมพันธ์ระหว่างมาโกโตะนั้นตอนนี้เป็นแค่เพื่อน และเป็นคนที่เป็นแรงบันดาลใจแก่มาโกโตะในหลายเรื่อง

     

    นี้คือเรื่องย่อของตอน 1-6 เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมาโกโตะและเหล่าตัวละครผู้หญิงในเรื่อง(แต่ส่วนสาวน้อยยาชิโรนั้นออกมาในตอนที่ 10)  ซึ่งเห็นได้ว่าการ์ตูนนำเสนอออกมาน่าสนใจ มีการพัฒนาจิตใจ  วางปม วางจุดประสงค์แต่ละตอนอย่างชัดเจน แม้การ์ตูนจะเน้นการพูดสนทนา แต่มันไม่น่าเบื่อเลย ผิดกลับผลงานก่อนหน้าเรื่อง Bakemonogatari ที่ผมดูแล้วง่วง เบื่อหลายจุด แถมดูแล้วเมาอีก  แต่การ์ตูนเรื่องนี้กลับแตกต่างกันไป เพราะบทสนทนาทำได้ลื่นไหล แสดงความน่ารักของตัวละครได้เต็มที่ และความสนุกก็คือการได้คาดเดาว่าหากตัวละครเรื่องดังกล่าวเจอกันจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น บทสนทนาจะออกมาเป็นอย่างไร เช่นเมื่อเอริโอ้เจอกับริวโกะจะเกิดศึกชิงนายแบบไหน? (ผิดกลับเรื่อง Bakemonogatari ที่พระเอกเจอแต่ผู้หญิงกันแค่สองต่อสอง อย่างมากก็เจอผู้หญิงสองคนในครั้งเดียว แต่ไม่ค่อยมีฉากผู้หญิงเจอระหว่างกันเลย ทำให้ดูน่าเบื่อ ขาดความหลากหลาย)

                

                                   

                    หลังจากที่ผมได้ดูอนิเมชั่นเรื่อง Denpa Onna to Seishun Otoko จบครบ 12 ตอน ผมรู้สึกชอบเรื่องนี้มากเพราะจบแบบฮาเร็ม ในขณะที่บางคนกลับสงสัยว่าจบแล้วเหรอ? สรุปแล้วทิศทางของเรื่องนี้มันอยู่ตรงไหนเนี้ย?  ปริศนาต่างๆ ที่โปรยเรื่องมันอยู่ตรงไหน?  สรุปคือการ์ตูนเรื่องนี้มีเนื้อหาหลักลอยไร้สาระไปเป็นตอนๆ

                    ความจริงแล้วการ์ตูนเรื่องนี้มันมีจุดหลักของมันชัดเจนอยู่แล้วครับ โดยเนื้อหาในความของเรื่องก็ความความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร ปลายทางของเรื่องที่ลงเอยว่าตัวเอกมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น พร้อมกับการพัฒนาบุคลิกส่วนตัวอย่างมีหลักมีเกณฑ์ เพียงแต่สิ่งที่เป็นตัวกลางของเรื่องนี้ก็คือความเหนือธรรมชาติที่นำมาเป็นตัวเปรียบเทียบพฤติกรรมของตัวละคร เช่น สาวมนุษย์ต่างดาว สาวพลังจิต แม้ว่าในเรื่องจะไม่มีปาฎิหารย์ใดๆ เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังเสริมไปด้วยตัวละครผู้หญิงที่น่ารัก ภาพเคลื่อนไหว บรรยากาศ มุมกล้องแปลกๆ ก็เป็นเครื่องจูงใจให้หลายคนตามติดได้  เหมือนการ์ตูนฮาเร็มเรื่องดังอื่นๆ อย่าง To Love Ru

    ดังนั้นจึงมีคำเตือนสำหรับคนที่คิดจะดูการ์ตูนเรื่องนี้ครั้งแรก คุณจำเป็นต้องปรับตัวการ์ตูนเรื่องนี้สักหน่อย อย่าคิดว่าการ์ตูนดังกล่าวจะตลกบ้าคลั่งหรือแอ็คชั่นต่างดาวจ๋านะครับ หากเนื้อหาจริงๆ ก็คือมันเป็นการ์ตูนธรรมดาที่ใส่ความแปลกลงไป  ต้องดูหลายๆ ตอนประกอบกัน(ตอนที่ 3 ก็เริ่มเข้าใจแล้วละ) ก็จะสามารถปรับตัวการ์ตูนเรื่องนี้ได้  อีกทั้งเพลงเปิดเรื่องหลายคนอาจรำคาญหูเพราะว่าคนผลิตจงใจที่จะทำให้รำคาญครับ เสมือนคลื่นไฟฟ้ารบกวน แต่ฟังดูๆ ก็มีเสน่ห์ใช้ได้เลยครับ นอกจากนี้การ์ตูนยังสอดแทรกคติสอนใจแบบไม่ยัดเยียดลงไปด้วย  ไม่ว่าจะเป็น ชีวิตของวัยรุ่นที่สดใส, สังคม, ครอบครัว, การให้ความสำคัญกับคนแก่ ฯลฯ เรียกได้ว่าการ์ตูนแนวตลกโมเอะสอนใจแบบนี้หาได้ยากในปัจจุบันแล้วนะครับ

    แน่นอนว่าการ์ตูนเรื่องนี้ยังไม่จบแต่เพียงเท่านี้แน่เพราะมันจะมีตอนที่ 13 และอาจมีต่อในอนาคตข้างหน้า และสุดท้าย Denpa Onna to Seishun Otoko ถูกสร้างเป็นมังงะ วาดโดย yamane masato ใครอยากเห็นตัวละครอีกอารมณ์หนึ่งนอกเหนือจากอนิเมชั่นก็สามารถหาอ่านได้ที่เว็บ g.e. เอานะครับ(ภาษาญี่ปุ่น)

    + +

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×